วันเวลาปัจจุบัน 28 มี.ค. 2024, 20:54  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 ก.ค. 2020, 05:38 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 มี.ค. 2009, 10:48
โพสต์: 5091


 ข้อมูลส่วนตัว


...เกิดมาแล้ว
ต้องแก่ ต้องเจ็บ ต้องตายเป็นธรรมดา
ต้องพลัดพราก จากของรักเป็นธรรมดา
ต้องประสบกับของชังของไม่ชอบเป็นธรรมดา

.
หลีกเลี่ยงไม่ได้ หนีไม่พ้น
เป็นปกติ เป็นธรรมดาของโลกนี้
เมื่อรู้แล้วก็ฝึกทำใจให้ยอมรับ

.
“ค่อยๆฝึกไปทีละเล็กทีละน้อย
ในที่สุดก็จะยอมรับได้ เมื่อยอมรับได้แล้ว
ความทุกข์ก็จะไม่มีปรากฏขึ้นมาภายในใจ”

.
เช่นเวลาสูญเสียอะไรไป
ก็ยอมรับว่าสูญเสียไปแล้ว
เป็นเรื่องปกติ เป็นเรื่องธรรมดา
เอากลับมาไม่ได้

.
ถึงแม้เอากลับมาได้
พรุ่งนี้หรือในอนาคตข้างหน้า
ก็ต้องสูญเสียไปอีกอยู่ดี

.
เพราะเป็นอนิจจัง เป็นของไม่เที่ยง
ไม่พลัดพรากจากกันในวันนี้
ก็ต้องพลัดพรากจากกันในวันหน้า
อย่างแน่นอน .
......................................
กำลังใจ 11กัณฑ์ที่ 164
ธรรมะบนเขา 24/4/2556
พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
วัดญาณสังวรารามฯ ชลบุรี









อย่าขี้เกียจนะ...อย่าขี้เกียจ
ขี้เกียจจะไม่่ได้นะ ความขี้เกียจนี่คือกิเลสทั้งนั้น
ไม่มีเลย...ใครที่จะขยัน กิเลสถ้าไม่ขืน ถ้าไม่ฝืนเอาเนี่ยก็เหมือนขี้เกียจไปโรงเรียนแหละ ขี้เกียจเป็นยังไง....
เราก็อยากจะฉลาด จริงไหม
จะเป็นบัณฑิตต้องพยายามภาวนาให้มันได้ พอมันได้ จิตสงบปั๊บ มันขยันเลย มันขยัน ยิ่งทำยิ่งได้ ยิ่งทำยิ่งสงบ ยิ่งนั่งยิ่งสงบ ยิ่งเดินยิ่งสงบ การเดินมากๆ เนี่ย มันเป็นการที่ทำให้เวทนาเกิดน้อย....

หลวงปู่เจม จิรธมฺโม
สำนักสงฆ์ห้วยลึก อ.ประโคนชัย จ.บุรีรัมย์









ผู้ที่ปฏิบัติธรรมคือผู้กล้าทวนกระแสโลก
ต้องเด็ดเดี่ยวไม่ยอมหนีจากความทุกข์
ไม่หลับหูหลับตาต่อความจริง
ไม่เอาหูไปบาร์ เอาตาไปห้าง

พระอาจารย์ชยสาโรภิกขุ










เรื่อง​ "การสร้างทานบารมี​ น้ำใจสำคัญกว่าวัตถุ"

การทำบุญ ไม่จำเป็นต้องมีเงินทอง
ข้าวของตั้งแสนตั้งล้านมาทำ
เราทำด้วยน้ำใจ เรามีมากน้อยทำตาม
กำลังศรัทธา​ ความสามารถของเรา

เช่น ให้ทาน เรามีอะไรเราก็ให้ทาน น้ำใจเป็นสำคัญมาก วัตถุเป็นเครื่องประกอบ ถ้าวัตถุของเราไม่ดีไม่เยี่ยมสมใจที่อยากมี เอ๊า เรามีอะไรก็ให้ทานอันนั้น ด้วยน้ำใจที่รักบุญรักทาน ก็ได้บุญมากเช่นเดียวกัน ข้อสำคัญอยู่ที่น้ำใจ เอ้า วัตถุดีด้วย น้ำใจดีด้วย ก็ยิ่งเพิ่มขึ้นไปอีกและภาวนาพุทฺโธ ธมฺโม สงฺโฆ อย่าละอย่าวาง อยู่ที่ไหนก็นึกพุทโธ ถึงองค์ศาสดาได้ ผลที่ปรากฏขึ้นมา​ ก็คือ​ ความรู้ได้แก่ใจของเรานี้เด่นดวง

หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน










ใครเคยได้ยินนิทานหลวงตาเรื่องกล้วยสองหน่วยบ้าง เป็นเครื่องเตือนพวกศรัทธาญาติโยมทั้งหลายโดยเฉพาะพวกแม่ออก และเป็นเครื่องเตือนพระได้อย่างดียิ่งเลย เรื่องราวมันเป็นยังไง

เขาบอกมันมีวัดหนึ่ง พระเณรอยู่ในวัดก็เป็นพระหนุ่มเณรน้อย แต่ว่ามีหลวงตาอยู่รูปหนึ่ง หลวงตาก็มีอายุมากแล้ว ก็ออกไปบิณฑบาตด้วยกัน ชาวบ้านก็ทุกข์ยากจน ก็ใส่แต่ข้าวเปล่ามา ข้างวัดก็มีบ้านหลังหนึ่ง มีแม่หม้ายอยู่คนหนึ่ง แม่หม้ายก็อยู่คนเดียว ก็ปลูกกล้วยอยู่ ทีนี้กล้วยมันสุก แกก็เอากล้วยมาใส่บาตรพระ ก็ใส่องค์ละลูก พอมาถึงหลวงตา แม่หม้ายคนนี้จะคิดว่าพระหนุ่มเณรน้อยจะอดอยากขาดเขินบ้างก็ไม่เป็นไรเพราะร่างกายกำลังสมบูรณ์ มันก็พอทนได้ แต่หลวงตานี่อายุก็มากแก่ชราภาพแล้ว ถ้าอดอยากขาดเขินไปนี่ก็จะทนไม่ได้ ร่างกายจะทรุดโทรม

ด้วยความเมตตาด้วยความสงสารหลวงตาที่มีอายุมาก แม่ออกแม่หม้ายก็ใส่ไปสองลูก แต่ใส่พระเณรองค์อื่นใส่ลูกนึง พอมาถึงหลวงตาก็ใส่สองลูก

พอวันต่อมาก็แบบเดียวกันอีก ใส่องค์ละลูกพอ มาถึงหลวงตาก็ใส่สองลูก ก็เป็นอยู่อย่างนั้น หลวงตาก็เริ่มคิดลึกในใจไหมล่ะ มันมีอะไรวะ มีความหมายอะไรวะ คนอื่นก็ให้ลูกเดียว พอเรามาให้สองลูก แม่ออกมาก็ให้ด้วยความเมตตา หลวงตาอายุแก่ชราภาพร่างกายทรุดโทรม ถ้าอดอยากขาดเขินร่างกายจะทรุดโทรมลง แต่พระหนุ่มเณรน้อย อดอยากขาดเขินยังไงก็ยังพอทนได้ พอหลายวันหลวงตาก็ชักคิดลึกแล้ว แม่ออกมีอะไรน๊อ ชักจะเหล่ ๆ ตาหวาน ๆ เยิ้มใส่แล้ว

เอาไปเอามาหลวงตาก็สึกนุ่งเสื้อผ้าไปหาแม่ออกนั่นแหละ แม่ออกก็ว่า อ้าว หลวงตาจะสึกมาทำไม อายุแก่เฒ่าอย่างนี้แล้ว บวชอยู่ก็ดีแล้ว สึกออกมาจะไปทำมาหากินได้ยังไงล่ะ จะไปทำไร่ไถนาไหวเหรอ จะไปหาเลี้ยงปากเลี้ยงท้องได้ยังไง

หลวงตาก็ว่า แน๊ กล้วยสองหน่วยล่ะน่า แม่ออกก็ว่า หลวงตาอยู่เป็นพระก็ดีอยู่แล้ว ญาติโยมก็อุปถัมภ์ใส่บาตรไม่ให้ไม่ให้ขาด แล้วยังสึกมาทำไม หลวงตาก็ว่า แน๊ กล้วยสองหน่วยล่ะน่า

พอแม่ออกเข้าใจความหมาย ก็ โอ้ยย กู ด้วยความเมตตา ด้วยความปรารถนาดี หลวงตามาคิดลามก ก็ด่าเปิงออกไป

อันนี้เป็นคติเตือนพวกแม่ออกทั้งหลายที่เกี่ยวข้องกับพระ มาอุปถัมภ์อุปฐากพระ ให้รู้จักประมาณ ให้รู้จักว่าเราเป็นผู้หญิง แต่พระท่านเป็นนักบวช เราจะเข้ามาเกี่ยวข้องยังไงก็ให้มีประมาณมีขอบเขตอย่าล่วงล้ำเกินไป อย่าเกินขอบเขต พอเกินขอบเขตก็ไม่สวยไม่งาม สังคมข้างนอกก็มองก็ติเตียน เป็นโลกวัชชะ โลกเขาติเตียน เอ ผู้หญิงคนนี้มันมีอะไรกับครูบาอาจารย์กับพระเจ้าพระสงฆ์ทำไมมีความสนิมสนม ทำไมเข้าคลุกคลีเข้าใกล้ชิดอย่างนั้นอย่างนี้

บางทีแม่ออกก็ด้วยความปรารถนาดี ปรารถนาบุญนั่นแหละ แต่บางทีพระก็คิดลึกเกินไปก็มีใช่ไหมล่ะ เหมือนหลวงตากล้วยสองหน่วยนั่นล่ะ เพราะฉะนั้น ก็เป็นเครื่องเตือนพระเหมือนกัน ว่าที่เขาให้เรานี่ เขาให้ด้วยความเคารพ ด้วยความศรัทธา ด้วยความเข้าใจว่าเราเป็นผู้ปฏิบัติธรรม ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ เพราะฉะนั้นแม้เราไม่ใช่พ่อแม่ลูกหลานเขา ไม่ใช่ญาติพี่น้องเขา เขาก็ยังเอาของดีของเลิศของประเสริฐที่สุดมาให้เรา เขาให้เราเขาไม่เพียงแต่ให้ เขายังยกมือท่วมหัวสาธุ เขามาให้พระเจ้าพระสงฆ์ด้วยน้ำจิตน้ำใจ ก็ต้องระลึกถึงบุญคุณอันนี้ล่ะ คิดให้ดี ถ้าจะคิดไปในทางต่ำทางทราม คิดไปในทางลามก นอกลู่นอกทาง คิดเตือนเจ้าของสักหน่อยนึง เป็นเครื่องสะกิดตัวใจเจ้าของสักหน่อยนึง

อันนี้แหละนิทานหลวงตากล้วยสองหน่วย จึงเป็นคติเตือนอย่างดีทั้งโยมโดยเฉพาะพวกผู้หญิง แล้วก็เตือนทั้งพระเจ้าพระสงฆ์ได้อย่างดียิ่ง ให้รู้จักคิดรู้จักประมาณ ประมาณในการเกี่ยวข้องของตนเอง ให้มีขอบมีเขต ถ้ามีขอบมีเขตแล้ว สวยงามทั้งหมด งามหมด สังคมข้างนอกเขามองเห็นเขาก็เกิดศรัทธา เกิดความเลื่อมใส เกิดการยกย่องเชิดชู แต่ถ้าไม่รู้ประมาณ ใครเห็นใครสัมผัสเขาก็ตำหนิติเตียน เพราะฉะนั้นทุกคนให้พาไปจำไว้เด้อ ฟังแล้วก็จำไว้ ไม่ใช่ฟังเล่นๆนะ เป็นคติเตือนตัวเราเอง

พระอาจารย์สุธรรม สุธัมโม
๑๙ มิถุนายน ๒๕๖๓










นักปฏิบัติสำคัญที่สุด ต้องเด็ดเดี่ยว กล้าหาญ พยายามรักษาจิตให้เสมอ อย่าให้ขึ้นลงตามกิเลสที่มาก่อกวนการรักษาจิตให้เป็นปกติได้ จะมีความสุขในการปฏิบัติจิตนี้เมื่อเราปฏิบัติถึงจุดแห่งผล

อานิสงส์จะหาประมาณมิได้ การปฏิบัติทางจิต จึงจำเป็นแก่ผู้มีปัญญา ไม่ว่าเราจะอยู่ที่ใดธรรมข้อหนึ่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ลึกลับที่สุด เป็นที่พึ่งถาวรแก่เราได้ ก็คือ..อตฺตาหิ อตฺตโนนาโถ พึ่งตน รู้ตน แล้วก็จะรู้ในสิ่งทั่วไปเพราะตนนั้นแหล่ะเป็นเหตุ เป็นต้นเหตุของทุกสิ่ง

หลวงปู่เจี๊ยะ จุนฺโท









รักษาศีล ๕ ก็พอ ไม่ต้องถึงศีล ๘ ก็เข้าสู่กระแสอริยบุคคล ดูอย่างนางสุชาดาสมัยพุทธกาลที่บรรลุโสดาบัน...

หลวงปู่เจม จิรธมฺโม






".."ศีลเป็นเครื่องระงับ
สงบกายวาจา" กายวาจา
สงบ จิตก็สงบ "เมื่อจิตสงบ
ก็ตั้งมั่นเกิดเป็นสมาธิ"
จิตมีอำนาจ มีกำลัง "เมื่อ
จิตตั้งมั่นแท้แล้ว อยากรู้
อะไรก็รู้ได้เกิดปัญญาเห็นแจ้ง"

"เมื่อมีปัญญาแล้วก็ไม่หลง
อะไรอีกต่อไป" ไม่ทำอะไร
ผิด มีสติ รู้เท่าทัน อะไรถูก
อะไรผิด เมื่อไม่ทำอะไรผิด
ความทุกข์ก็ไม่มี "มีปัญญา
รู้ตามความเป็นจริง ความ
เศร้าโศกเสียใจอะไรก็ไม่มี"
เพราะรู้แล้วว่า
"มันเป็นอย่างนั้นเอง"

"ความพลัดพรากจากของรัก
ความไม่ได้สิ่งที่อยากได้
ความไม่ได้สิ่งที่อยากเป็น
เหล่านี้เป็นของธรรมดา"
ไม่ใช่เรื่องสำหรับเศร้าโศก
เสียใจ มีปัญญาเห็นจริง
อย่างนี้แล้ว คิดอะไรก็ดี
ทำอะไรก็ดี พูดอะไรก็ดี
ดีทั้งนั้น

"ท่านทั้งหลายควรศึกษา
เรื่องเหล่านี้" ไปพร้อม ๆ กับ
ศึกษาวิชา แล้วกาลภายหน้า
ก็จะแจ่มใส เอาเท่านี้ละนะ.."

"อนาลโยวาท"
หลวงปู่ขาว อนาลโย











" บุคคลใดที่มี “ศีลบริสุทธิ์”
เป็นที่รัก ของสัตว์ คน
เทวดา และพรหม

ศีล เป็น ด่านแรกของ
การปฏิบัติพระกรรมฐาน
ในพุทธศาสนา

ศีล เป็น ด่านแรกของ
การป้องกันอบายภูมิ๔
คือ นรก เปรต อสุรกาย
สัตว์เดียรัจฉาน

มิจฉาทิฎฐิ หรือ สัมมาทิฎฐิ
มีศีลเป็นเครื่องวัด "

โอวาทธรรม
หลวงพ่อฤาษี วัดท่าซุง








#ความคิดเห็นต่างกัน_มันจึงมองกันคนละมุม_ระหว่างคนมีกิเลสกับคนมีธรรม

#โดยคนมีกิเลสจะคิดว่า

“มีเงินมีทองมีอาหารเยอะ มีสมบัติมรดกเยอะ มันถึงจะดี …มีบ้าน มีรถ มีเมียถูกใจ มีผัวถูกใจ แล้วก็ติดใจ ติดอยู่ในวังวนของกิเลส มันจึงไปไม่เป็น” นี้คือความคิดของคนมีกิเลส …

#ส่วนคนมีธรรมจะคิดว่า

“สมบัติภายนอกเป็นสมบัติที่แย่งชิงกันได้ เป็นสมบัติที่ทำให้จิตใจของเราสกปรกเหม็น แล้วจมลงนรก เป็นสมบัติที่ทำให้จิตใจของเรา วุ่นวายเป็นทุกข์ เป็นสมบัติที่ขวางทางเดินอริยะมรรค”

#เมื่อท่านรู้แล้ว_ท่านจึงไม่ยุ่ง_ไม่เอา_ไม่สนใจ_นี้แหละคนดีมีธรรมท่านจะคิดอย่างนี้ …

ไม่ว่าจะเป็นอาหารการกินที่เลิศหรู หรือจะเป็นสมบัติภายนอกต่างๆ ท่านจะไม่ยุ่งไม่เอาไม่สนใจ

#สิ่งที่ท่านสนใจคือ

จะทำยังไงจิตใจของตนเองถึงจะสงบ มีสติตั้งมั่นเป็นสมาธิ แล้วได้ตาทิพย์ได้เป็นพระโสดาบัน เหมือนพ่อแม่ทางธรรม …นี้แหละคนดีมีธรรม ท่านจะคิดอย่างนี้ และปฏิบัติแต่สิ่งที่ดีงาม ให้เป็นที่น่ารักของทุกคนที่ได้เจอ

…#หลวงปู่ไม #อินทสิริ












#เรื่องราวข้างนอก_มันเข้ามากลุ้มรุมจิตใจเราได้_เพราะว่าเรายึดเอา

เหมือนกับเราจับมันมา เรายึดถือเอาไว้
เราไม่ปล่อย เราไม่คลาย ถ้าเราคลายได้ ก็รู้ว่ามันผ่านไปแล้ว มันเกิดแล้ว มันดับไปแล้ว มันแล้วไปแล้ว ก็ให้มันจบไป

#แต่จิตน่ะ_มันไม่ยอมให้จบ_เพราะจิตหลง

จิตหลงมันก็ยึดเอาไว้ บางทีมันผ่านไปตั้งนานแล้ว มันก็คอยคิดขึ้นมา นึกขึ้นมา มันก็เป็นเรื่องใหม่อีกแล้ว เรื่องเก่าๆ เอามาคิดอีก มันก็ใหม่ขึ้นมาอีกแล้ว มันก็มาบีบคั้นจิตใจเรา

แต่ถ้าหากว่าเรารู้_เราเห็นว่าเออ_อันนี้มันดับไปแล้ว_มันแล้วไปแล้ว_มันก็วางที่จิตได้

#จิตมันวางได้

มันเห็นบ่อยๆ เห็นความเกิดดับบ่อยๆๆๆ จนมันสรุป มันตัดสินได้ว่า "สิ่งใดสิ่งหนี่ง เกิดขึ้นเป็นธรรมดา ย่อมดับไปเป็นธรรมดา"

#นี่แหละคุณสมบัติจิตของพระโสดาบัน

ท่านต้องเห็นเหมือนกัน เห็นแล้วอาจจะรู้แบบนี้ พูดขึ้นแบบนี้ก็ได้ หรือมันรู้แล้วมันผ่านไป แต่ว่าคุณสมบัติของจิตมันก็เปลี่ยนเอง

#ที่ชาวโลกเขาเป็นทุกข์กัน_แต่จิตท่านไม่เป็นทุกข์_ทุกข์มันน้อยลงไป

ถ้าจิตเรามีคุณสมบัติที่ดีงามขึ้นมาแล้ว มีธรรมะขึ้นมาในจิตในใจเราแล้วเนี่ย ที่ปฏิบัติทั้งหมด ก็เพื่อให้ความทุกข์น่ะ มันน้อยลงไป ลดลงไปเรื่อยๆ

#ทีนื้ถ้าไปถึงพระโสดาบัน_แล้วมันจะเสื่อมมั้ย_ไปเป็นปุถุชนได้มั้ย?

มันเป็นไม่ได้หรอก ถ้าพระโสดาบันต้องรู้สิ ว่ามันมีบรรทัดฐาน มีมาตรฐาน ของมันอยู่ มันไม่สามารถเสื่อมลงไปกว่านี้
แต่มันจะขยับขึ้นไปๆ เลื่อนชั้นขึ้นไปได้
____
#พระอาจารย์ครรชิต #สุทฺธิจิตฺโต
#วัดป่าภูไม้ฮาว จ.มุกดาหาร










พญานาคก็มีฤทธิ์เดช. เหมือนกับเทวดา. พระพุทธเจ้าท่านไม่ให้ไปกราบไหว้. แต่ก็ไม่ให้ไปดูถูกเหยียดหยามเค้า.

หลวงพ่อสมเกียรติ ชิตมาโร









อย่าไปกราบไหว้เค้า. พวกยักษ์. เปรต. ผีน่ะ. มันทำให้สรณะเราเสื่อม. ท่านให้นับถือแต่พระพุทธ. ธรรม. สงฆ์.

หลวงพ่อสมเกียรติ ชิตมาโร










อยู่ไหนก็เป็นมงคล. ถ้าตัวเองเป็นมงคล.

หลวงพ่อสมเกียรติ ชิตมาโร








#ในเบื้องต้น_การนั่งสมาธิจะสงบ_หรือไม่สงบ_ก็ช่างมันเถิด

มันสำคัญที่ความเพียร บุญอยู่ที่ตัวความเพียร การชำระจิตอยู่ที่ความเพียร

ถ้าเราพยายามกำหนดลมหายใจตลอด ๒๐ หรือ ๓๐ นาที หรือ ๑ ชั่วโมง แล้วไม่สงบ อย่าด่วนสรุปว่าไม่ได้อะไรเลย

#การปฏิบัติในเบื้องต้น

คือการเปิดเผยสิ่งเศร้าหมอง ความฟุ้งซ่าน วุ่นวาย ในจิตใจ และการฝึกปล่อยวางสิ่งเศร้าหมองเหล่านั้น

เราควรจะถือว่าการฝึกจิตคือการบูชาพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ที่สูงสุด ถึงแม้ว่าจิตจะยังไม่สงบ ให้ภาคภูมิใจว่าเราเป็นผู้ที่ตั้งใจทำสิ่งที่พระพุทธเจ้าสั่งให้ทำ

ความยากลำบากในการชนะใจตัวเองต้องมีแน่นอนทุกคน เราจึงต้องอดทน ความยากลำบากที่เกิดขึ้นเพราะการปฎิบัติมีจุดจบ ส่วนความยากลำบากซึ่งเกิดขึ้นเพราะไม่ปฏิบัติธรรมไม่มีจุดจบ

#พระอาจารย์ฌอน #ชยสาโร


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 48 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร