วันเวลาปัจจุบัน 28 มี.ค. 2024, 19:35  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 ก.ค. 2020, 04:39 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 มี.ค. 2009, 10:48
โพสต์: 5091


 ข้อมูลส่วนตัว


...การภาวนานี้แหละเป็นวิธีที่จะทำให้เราเปิดตาทิพย์เปิดตาในของเรา
ให้เราได้เห็นกายทิพย์ของเรา ว่านอกจากร่างกายของเรา กายหยาบของเราแล้ว เรายังมีกายทิพย์อีกกายหนึ่ง
กายทิพย์นี้จะไม่มีรูปร่างหน้าตาเหมือนกับกายหยาบ กายทิพย์นี้จะมีความรู้สึกนึกคิด มีผู้รู้ผู้คิด ..นี่คือตัวของกายทิพย์

กายทิพย์นี้เป็นผู้รู้สึกนึกคิด และเป็นผู้ที่มาสั่งการให้ร่างกายทำอะไรต่างๆ
ร่างกายนี้เป็นบ่าว กายทิพย์นี้เป็นนาย “ใจเป็นนาย กายเป็นบ่าว”
ผู้รู้ผู้คิดนี้เป็นผู้สั่งให้ร่างกายทำอะไรต่างๆ
อย่างวันนี้ ผู้รู้ก็รู้ว่ามีการแสดงธรรมที่นี่ ผู้รู้ก็สั่งด้วยความคิด
สั่งให้ร่างกายออกเดินทางมาที่นี่ เพราะจะมาทำหน้าที่

.
สำหรับผู้ที่มีหน้าที่ถ่ายทอดก็มาทำหน้าที่ถ่ายทอดการแสดงธรรม
สำหรับผู้ที่ต้องการฟังธรรมก็มาฟังธรรม
ผู้รู้ผู้คิดนี้เป็นผู้สั่งให้ร่างกายออกเดินทางมาจากบ้าน จากที่พักถ้าอยู่ในวัด
ก็มาจากที่พักในวัด บางท่านก็เดินมา บางท่านก็ขับรถมา นั่งรถมา มาแล้วก็มาทำหน้าที่
“ผู้ที่ทำหน้าที่จริงๆ คือใจ คือกายทิพย์ผู้รู้ผู้คิด”
ร่างกายนี้เป็นเพียงเครื่องมือของใจ.

......................................
.
ธรรมะหน้ากุฎิ
29 มิถุนายน 2563
พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
วัดญาณสังวรารามฯ ชลบุรี












ปฏิบัติ คือทวนตอบ
ถ้าไม่ทวนตอบ จะเป็นวิบัติ

ทวนตอบต่อความเคยชิน
คือความโลภ ความโกรธ
ให้รู้ว่านี้หน้าตาของโลภ
ให้รู้ว่านี้หน้าตาของโกรธ
ให้พิจารณาให้รู้จักตัวเอง
ถ้ารู้จักตัวเองอยู่ โอกาสที่จะทำให้เกิดทุกข์ เกิดโทษมันก็น้อยลงไปเรื่อยๆ
ที่เคยหลงไปกับโลภ หลงไปกับโกรธก็จะค่อยๆ หลงน้อยลง

ให้จิตมีเครื่องผูกไว้
ถ้ามันจะออกไปภายนอก
ก็ออกไปได้ไม่ไกล
เพราะมีหลัก มีเชือกผูกไว้อยู่

ธรรมะ ไม่ใช่สิ่งที่จะติดใจ
จะเข้าใจได้ในครั้งเดียว
จะต้องฟังแล้วน้อมนำไปปฏิบัติอยู่บ่อยๆ
เสมือนผ้าขาว ที่จะย้อมติดสี
ไม่ใช่ย้อมครั้งเดียว แล้วจะติดเลย
ต้องย้อมซ้ำแล้ว ซ้ำเล่า จึงจะได้

บางคนไปกราบครูบาอาจารย์
องค์นั้น องค์นี้ แต่ก็ยังย้อมไม่ติด
เพราะยังไม่ได้น้อมนำมาประพฤติ ปฏิบัติ
ทำให้เสียโอกาสไป

ฉะนั้น ให้คิดว่าเป็นบุญของเราเด้อ
ที่ได้เกิดมารู้จักหลวงปู่ หลวงตา ครูบาอาจารย์

#ธรรมะจับใจความ
หลวงปู่แสวง ปภสฺสโร
วัดดงเจริญ สาขาที่ ๑๖๒ วัดหนองป่าพง










#เมื่อยังไม่ถึงเวลาทิ้งสมมติ_ต้องอาศัยสมมติ

(คติธรรม หลวงพ่อชา สุภัทโท)

เปรียบง่ายๆ ให้ฟัง เราไปซื้อกล้วยหรือซื้อมะพร้าวใบหนึ่งจากตลาด แล้วก็เดินหิ้วมา​ อีกคนหนึ่งก็ถาม

“ท่านซื้อกล้วยมาทำไม ?”
“ซื้อไปรับประทาน”
“เปลือกมันต้องรับประทานด้วยหรือ ?”
“เปล่า”
“ไม่เชื่อหรอก ไม่รับประทานแล้ว"
"เอาไปทำไม...เปลือกมัน ?”

หรือเอามะพร้าวใบหนึ่งมาก็เหมือนกัน
“เอามะพร้าวไปทำไม ?”
“จะเอาไปแกง”
“เปลือกมันแกงด้วยหรือ ?”
“เปล่า”
“จะเอาไปทำไมล่ะ ?”

เอ้า จะว่าอย่างไรล่ะ จะตอบปัญหาเขาอย่างไรด้วยความอยาก ถ้าไม่อยาก เราก็ไม่ได้ทำให้มันมีปัญญานะ การทำความเพียรก็เป็นเช่นนั้น คือทำด้วยการปล่อยวาง อย่างกล้วย อย่างมะพร้าว​ เอาไปทำไมเปลือกมัน ?

ก็เพราะว่ายังไม่ถึงเวลาเอามันทิ้ง มันก็ห่อเนื้อในมันไปอยู่นั้น ยังไม่ถึงเวลาจะทิ้ง ก็ถือมันไว้ก่อน (เฉกเช่นเดียวกัน เมื่อจิตยังไม่ถึงวิมุตติ ก็อยู่กับสมมติไปก่อน จนกว่าจะถึงจุดหมายปลายทาง)

การประพฤติปฏิบัติก็เหมือนกัน สมมติ วิมุตติ ก็ต้องปนกันอยู่อย่างนั้น เหมือนมะพร้าว มันจะปนอยู่ทั้งเปลือก ทั้งกะลา ทั้งเนื้อ เราก็เอามาทั้งหมดแหละ เขาจะหาว่าเรากินเปลือกมะพร้าว อย่างไรก็ช่างเขา เรารู้จักของเราอยู่

หลวงพ่อชา สุภัทโท





”บางคนทำความดีเพื่อให้คนอื่นยกว่าตัวเองเก่ง ดี ฉลาด อยากให้คนอื่นชม ถึงจะพอใจมีความสุข แต่ความดีแบบนั้นมันอยู่ที่ปากคนไม่ได้อยู่ที่ตัวเอง #ความดีที่ไม่อวดคนต้องดีที่ใจ คือเพียรระวังรักษาใจตัวเอง”

๑๐ คำสอนของ "หลวงพ่อสนอง กตปุญโญ"... ปฏิบัติได้ คลายทุกข์




" อย่าพูดคำว่า ไม่มี
หลวงพ่อไม่ชอบ
สมบัติเต็มแผ่นดิน
แค่มันยังไม่ถึงเวลาของเรา

มันอยู่ที่เราเคยได้สร้าง
ได้ทำไว้หรือเปล่า
แค่นั้นเอง เมื่อวาสนาเรามี
อยู่ที่ไหน ก็ตกทับเราเอง

ทำใจ ให้มีไว้เสมอ ใจมี
อำนาจมาก มีกระเเสพลัง
มาก มันจะดึงดูดมาเอง

ใจที่มีพลัง เหมือนแม่เหล็ก
ที่ดูด เหล็กด้วยกันเองได้
ใจก็เหมือนกัน อย่าคิด
อย่าพูดคำว่า ไม่มี ให้คิด
ว่า มี ไว้เสมอ จะมีมาก
มีน้อย ก็ให้คิดว่ามี
อย่าพูดคำว่า ไม่มี "

โอวาทธรรม
หลวงพ่อไพบูลย์ สุมังคโล





" พ่อแม่เป็นผู้ให้เกิด เป็น
ผู้เลี้ยงดู เป็นผู้ให้วิชาความรู้
เป็นผู้ให้ทรัพย์สมบัติ เป็นผู้
ให้น้ำจิตน้ำใจทุกอย่าง

เพราะฉะนั้น ใครยังมีพ่อแม่
อยู่ รีบอุปถัมภ์อุปัฏฐาก
รีบทำบุญกับท่าน อย่า
ปล่อยให้ท่านลำบาก "

โอวาทธรรม
หลวงพ่อพุธ ฐานิโย





" มารดา บิดา​ เป็นผู้มี
เมตตาจิตต่อบุตรธิดา
จะนับจะประมาณมิได้

มรดกที่ท่านทำให้ กล่าวคือ
รูปกายนี้แล เป็นมรดกดั้งเดิม
ทรัพย์สินเงินทอง​ อันเป็น
ของภายนอก​ ก็เป็นไปจาก
รูปกายนี้เอง ถ้ารูปกายนี้
ไม่มีแล้ว​ ก็ทำอะไรไม่ได้
ชื่อว่าไม่มีอะไรเลย

เพราะเหตุนั้นตัวของเรา
ทั้งตัวนี้​ เป็น “มูลมรดก”
ของมารดาบิดาทั้งสิ้น
จึงว่าคุณของท่าน
จะนับจะประมาณมิได้เลย.."

โอวาทธรรม
หลวงปู่มั่น ภูริทัตโต





ถ้าคนมีสติ ไม่พูดพล่ามอะไรหรอก. อยู่กับสติของตัว. ไม่พูด. เสียเวลา.

หลวงปู่ท่อน ญาณธโร.










"ที่จริงแล้ว ทุกคนรู้ว่าอะไรดี อะไรชั่ว
แต่ไม่พยายามรับรู้ความจริงนั้น
ว่าเป็นความจริงสำหรับตนเองด้วย
มักจะให้เป็นความจริงสำหรับผู้อื่นเท่านั้น

ดังที่ปรากฏอยู่เสมอ ผู้ที่ว่าคนนั้นไม่ดี
อย่างนั้นอย่างนี้ และตัวเองก็เป็นเช่นนั้นด้วย
โดยตัวเองก็หาได้ตำหนิตัวเอง เช่นที่ตำหนิผู้อื่นไม่

ถ้าจะให้ดีจริงๆ ถูกต้องสมควรจริงๆ แล้ว
ก็ต้องเชื่อพระพุทธเจ้า ท่านทรงสอนให้เตือนตน
แก้ไขตน ก่อนจะเตือนผู้อื่นแก้ไขผู้อื่น"

สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราชฯ


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: Google [Bot] และ บุคคลทั่วไป 34 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร