วันเวลาปัจจุบัน 16 เม.ย. 2024, 12:45  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 106 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5, 6 ... 8  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 ก.ค. 2020, 00:15 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7502

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:

ความจริงของพฤติกรรมนักบวชสมัยนี้คือ
1.ไม่ทำตามสิกขาบท
2.รับเงิน
3.คิดวิธีใช้เงิน
4.คิดวิธีหาเงิน
5.ไม่ศึกษาคำสอนให้เข้าใจ
6.แสวงหาและเรี่ยไรเงินชาวบ้านมาสร้างวัด
7.ไม่พูดความจริงตรงตามคำสอนของพระพุทธเจ้า
8.สอนชาวบ้านทำผิดตามความคิดเห็นผิดของตนเองเพราะศึกษาคำสอนไม่เข้าใจ
9.สอนชาวบ้านให้ทำตามความพอใจของกูทำตามความไม่รู้ของกูไปเรื่อยๆคือให้ชาวบ้านเอาเงินไปให้555
10.ไม่มีหิริโอตัปปะตรงกับที่พระพุทธเจ้าสอนว่าบวชมาเป็นโจรปล้นคำสอนทำเพื่อลาภสักการะของกู555
มหาโจรกล่าวอ้างเอาคำที่เป็นปัญญาของพระพุทธเจ้ามาพูดเพื่อรับเงินทองคือบวชแต่ทำตามสิกขาบทไม่ได้
ขายวัตถุมงคล555ข้อไหนไม่ตรงบอกมาสิ5555555
ทุกคนถ้าไม่อยากถูกกิเลสนักบวชหลอกให้ทำกรรม
กรุณาใช้ปัญญาตัวเองฟังคำสอนให้เกิดปัญญาเพิ่ม
จะได้เลิกไปทำผิดตามคนอื่นบอกคือฟังให้เข้าใจ...ไม่มีเรา
https://youtu.be/spYrSZ-76kE


พูดแล้วมันเขี้ยว อีกสักดอกเถอะ

เรื่องธัมมะๆ ที่ไปพูดๆที่นั่นที่นี่ ตีความผิด คิกๆๆๆ พูดหลอกคนไม่รู้ อารัย สัพเพ ธัมมา อนัตตา มันเป็นอนัตตา แล้วไม่ให้ไปทำห่านอะไร เพราะทำแล้วมันเป็นอัตตา จริงๆนะดูๆแล้วสงสาร เลอะเทอะฮ่ะ

:b32:
คนเราเนี่ยนะ
แค่คิดให้ตรง
ยังคิดไม่เป็นเลย
คิดคดในข้องอในกระดูก
บอกว่าคำของตถาคตไม่มีอ้อม
ไม่เอาใจกิเลสใครไม่ว่าหน้าอินทร์หน้าพรหม
ถูกเป็นถูกและผิดเป็นผิดจะแก้ไขอะไรต้องแก้เดี๋ยวนี้ตรงปัจจุบัน
ที่ผ่านมาเป็นอดีตไปแล้วถ้าทำผิดไปแล้วมันแก้ไขอะไรไม่ได้แล้วอยากทำผิดต่อไปก็ไม่ต้องฟัง
พระพุทธเจ้าไม่ได้ห้ามไม่ให้ใครทำสิ่งที่ทำอยู่แต่ทรงแสดงความจริงให้คนที่กำลังทำผิดฟัง+เข้าใจถูกทันที
เช่นองคุลีมาลกำลังจะไปฆ่าแม่ใช่ไหมพระพุทธเจ้าใช้มือดึงองคุลีมาลไว้หรือเปล่งเสียงคำให้องคุลีมาลคิดได้
555คนที่คิดว่าตัวเองทำถูกแล้วน่ะเป็นคนที่ประมาทการฟังคำสอนแม้เพียง1คำย่อมยังปัญญาให้เกิดหาได้ไม่
พันปีที่1พ.ศ.1-1000/พันปีที่2พ.ศ.1001-2000/พันปีที่3พ.ศ.2001-3000/ปีนี้2563อยู่ระยะพันปีที่3นะคะนะ
พระพุทธเจ้าทำนายไว้ล่วงหน้าว่าพันปีที่3บรรลุธรรมได้แค่อนาคามี/ชาวบ้านบรรลุอนาคามีได้โดยไม่บวชค่ะ
อยากบวชต้องรู้ตัวน๊าเงินทองน่ะของชาวบ้านชาวบ้านรับเงินได้ไม่มีตกนรกแต่บวชแล้วรับเงินตกนรกน๊า
ตายไปเงินทองไม่ตามไปชาติหน้า/อริยทรัพย์คือปัญญานะคะ/บวชไปสะสมเงินทองจะบวชทำไม555
:b32: :b32:
ฟังบ้างนะ...ถ้ายังอยากไปทำอะไรตามความคิดตัวเองอยู่...แปลว่าคิดตามคำสอนของพระพุทธเจ้าไม่เป็นเลย
https://youtu.be/xY9uT1JITEE
:b12:
:b4: :b4:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 ก.ค. 2020, 18:58 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:

ความจริงของพฤติกรรมนักบวชสมัยนี้คือ
1.ไม่ทำตามสิกขาบท
2.รับเงิน
3.คิดวิธีใช้เงิน
4.คิดวิธีหาเงิน
5.ไม่ศึกษาคำสอนให้เข้าใจ
6.แสวงหาและเรี่ยไรเงินชาวบ้านมาสร้างวัด
7.ไม่พูดความจริงตรงตามคำสอนของพระพุทธเจ้า
8.สอนชาวบ้านทำผิดตามความคิดเห็นผิดของตนเองเพราะศึกษาคำสอนไม่เข้าใจ
9.สอนชาวบ้านให้ทำตามความพอใจของกูทำตามความไม่รู้ของกูไปเรื่อยๆคือให้ชาวบ้านเอาเงินไปให้555
10.ไม่มีหิริโอตัปปะตรงกับที่พระพุทธเจ้าสอนว่าบวชมาเป็นโจรปล้นคำสอนทำเพื่อลาภสักการะของกู555
มหาโจรกล่าวอ้างเอาคำที่เป็นปัญญาของพระพุทธเจ้ามาพูดเพื่อรับเงินทองคือบวชแต่ทำตามสิกขาบทไม่ได้
ขายวัตถุมงคล555ข้อไหนไม่ตรงบอกมาสิ5555555
ทุกคนถ้าไม่อยากถูกกิเลสนักบวชหลอกให้ทำกรรม
กรุณาใช้ปัญญาตัวเองฟังคำสอนให้เกิดปัญญาเพิ่ม
จะได้เลิกไปทำผิดตามคนอื่นบอกคือฟังให้เข้าใจ...ไม่มีเรา
https://youtu.be/spYrSZ-76kE


พูดแล้วมันเขี้ยว อีกสักดอกเถอะ

เรื่องธัมมะๆ ที่ไปพูดๆที่นั่นที่นี่ ตีความผิด คิกๆๆๆ พูดหลอกคนไม่รู้ อารัย สัพเพ ธัมมา อนัตตา มันเป็นอนัตตา แล้วไม่ให้ไปทำห่านอะไร เพราะทำแล้วมันเป็นอัตตา จริงๆนะดูๆแล้วสงสาร เลอะเทอะฮ่ะ

:b32:
คนเราเนี่ยนะ
แค่คิดให้ตรง
ยังคิดไม่เป็นเลย
คิดคดในข้องอในกระดูก
บอกว่าคำของตถาคตไม่มีอ้อม
ไม่เอาใจกิเลสใครไม่ว่าหน้าอินทร์หน้าพรหม
ถูกเป็นถูกและผิดเป็นผิดจะแก้ไขอะไรต้องแก้เดี๋ยวนี้ตรงปัจจุบัน
ที่ผ่านมาเป็นอดีตไปแล้วถ้าทำผิดไปแล้วมันแก้ไขอะไรไม่ได้แล้วอยากทำผิดต่อไปก็ไม่ต้องฟัง
พระพุทธเจ้าไม่ได้ห้ามไม่ให้ใครทำสิ่งที่ทำอยู่แต่ทรงแสดงความจริงให้คนที่กำลังทำผิดฟัง+เข้าใจถูกทันที
เช่นองคุลีมาลกำลังจะไปฆ่าแม่ใช่ไหมพระพุทธเจ้าใช้มือดึงองคุลีมาลไว้หรือเปล่งเสียงคำให้องคุลีมาลคิดได้
555คนที่คิดว่าตัวเองทำถูกแล้วน่ะเป็นคนที่ประมาทการฟังคำสอนแม้เพียง1คำย่อมยังปัญญาให้เกิดหาได้ไม่
พันปีที่1พ.ศ.1-1000/พันปีที่2พ.ศ.1001-2000/พันปีที่3พ.ศ.2001-3000/ปีนี้2563อยู่ระยะพันปีที่3นะคะนะ
พระพุทธเจ้าทำนายไว้ล่วงหน้าว่าพันปีที่3บรรลุธรรมได้แค่อนาคามี/ชาวบ้านบรรลุอนาคามีได้โดยไม่บวชค่ะ
อยากบวชต้องรู้ตัวน๊าเงินทองน่ะของชาวบ้านชาวบ้านรับเงินได้ไม่มีตกนรกแต่บวชแล้วรับเงินตกนรกน๊า
ตายไปเงินทองไม่ตามไปชาติหน้า/อริยทรัพย์คือปัญญานะคะ/บวชไปสะสมเงินทองจะบวชทำไม555
:b32: :b32:
ฟังบ้างนะ...ถ้ายังอยากไปทำอะไรตามความคิดตัวเองอยู่...แปลว่าคิดตามคำสอนของพระพุทธเจ้าไม่เป็นเลย
https://youtu.be/xY9uT1JITEE
:b12:
:b4: :b4:



ว่าจะเอาหลักมาให้ดู แต่ดูแล้วเห็นแต่ความเพ้อเจ้อ ไม่มีหลักไม่มีเกณฑ์ เปล่าประโยชน์ คิกๆๆๆ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 ก.ค. 2020, 19:01 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:

คนเราเนี่ยนะ
แค่คิดให้ตรง
ยังคิดไม่เป็นเลย
คิดคดในข้องอในกระดูก
บอกว่าคำของตถาคตไม่มีอ้อม
ไม่เอาใจกิเลสใครไม่ว่าหน้าอินทร์หน้าพรหม
ถูกเป็นถูกและผิดเป็นผิดจะแก้ไขอะไรต้องแก้เดี๋ยวนี้ตรงปัจจุบัน
ที่ผ่านมาเป็นอดีตไปแล้วถ้าทำผิดไปแล้วมันแก้ไขอะไรไม่ได้แล้วอยากทำผิดต่อไปก็ไม่ต้องฟัง
พระพุทธเจ้าไม่ได้ห้ามไม่ให้ใครทำสิ่งที่ทำอยู่แต่ทรงแสดงความจริงให้คนที่กำลังทำผิดฟัง+เข้าใจถูกทันที
เช่นองคุลีมาลกำลังจะไปฆ่าแม่ใช่ไหมพระพุทธเจ้าใช้มือดึงองคุลีมาลไว้หรือเปล่งเสียงคำให้องคุลีมาลคิดได้
555คนที่คิดว่าตัวเองทำถูกแล้วน่ะเป็นคนที่ประมาทการฟังคำสอนแม้เพียง1คำย่อมยังปัญญาให้เกิดหาได้ไม่
พันปีที่1พ.ศ.1-1000/พันปีที่2พ.ศ.1001-2000/พันปีที่3พ.ศ.2001-3000/ปีนี้2563อยู่ระยะพันปีที่3นะคะนะ
พระพุทธเจ้าทำนายไว้ล่วงหน้าว่าพันปีที่3บรรลุธรรมได้แค่อนาคามี/ชาวบ้านบรรลุอนาคามีได้โดยไม่บวชค่ะ
อยากบวชต้องรู้ตัวน๊าเงินทองน่ะของชาวบ้านชาวบ้านรับเงินได้ไม่มีตกนรกแต่บวชแล้วรับเงินตกนรกน๊า
ตายไปเงินทองไม่ตามไปชาติหน้า/อริยทรัพย์คือปัญญานะคะ/บวชไปสะสมเงินทองจะบวชทำไม555
:b32: :b32:
ฟังบ้างนะ...ถ้ายังอยากไปทำอะไรตามความคิดตัวเองอยู่...แปลว่าคิดตามคำสอนของพระพุทธเจ้าไม่เป็นเลย
https://youtu.be/xY9uT1JITEE


พูดจริงๆนะ เห็นแต่ความฟุ้งซ่านพูดเพ้อไปเรื่อยๆ เอาเรื่องนั่นมาชนกับเรื่องนี้ โยงไปโยงมา จับประเด็นที่เป็นสาระไม่มี

คุณโรสคุณไปศึกษาให้เป็นเรื่องเป็นราวเถอะขอรับ จะได้มีหลักมีเกณฑ์

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 ก.ค. 2020, 20:54 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


คุณโรสดูสิใคร :b10:


https://www.facebook.com/photo.php?fbid ... =3&theater

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 ก.ค. 2020, 08:48 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ค. 2020, 07:10
โพสต์: 456

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:

คนเราเนี่ยนะ
แค่คิดให้ตรง
ยังคิดไม่เป็นเลย
คิดคดในข้องอในกระดูก
บอกว่าคำของตถาคตไม่มีอ้อม
ไม่เอาใจกิเลสใครไม่ว่าหน้าอินทร์หน้าพรหม
ถูกเป็นถูกและผิดเป็นผิดจะแก้ไขอะไรต้องแก้เดี๋ยวนี้ตรงปัจจุบัน
ที่ผ่านมาเป็นอดีตไปแล้วถ้าทำผิดไปแล้วมันแก้ไขอะไรไม่ได้แล้วอยากทำผิดต่อไปก็ไม่ต้องฟัง
พระพุทธเจ้าไม่ได้ห้ามไม่ให้ใครทำสิ่งที่ทำอยู่แต่ทรงแสดงความจริงให้คนที่กำลังทำผิดฟัง+เข้าใจถูกทันที
เช่นองคุลีมาลกำลังจะไปฆ่าแม่ใช่ไหมพระพุทธเจ้าใช้มือดึงองคุลีมาลไว้หรือเปล่งเสียงคำให้องคุลีมาลคิดได้
555คนที่คิดว่าตัวเองทำถูกแล้วน่ะเป็นคนที่ประมาทการฟังคำสอนแม้เพียง1คำย่อมยังปัญญาให้เกิดหาได้ไม่
พันปีที่1พ.ศ.1-1000/พันปีที่2พ.ศ.1001-2000/พันปีที่3พ.ศ.2001-3000/ปีนี้2563อยู่ระยะพันปีที่3นะคะนะ
พระพุทธเจ้าทำนายไว้ล่วงหน้าว่าพันปีที่3บรรลุธรรมได้แค่อนาคามี/ชาวบ้านบรรลุอนาคามีได้โดยไม่บวชค่ะ
อยากบวชต้องรู้ตัวน๊าเงินทองน่ะของชาวบ้านชาวบ้านรับเงินได้ไม่มีตกนรกแต่บวชแล้วรับเงินตกนรกน๊า
ตายไปเงินทองไม่ตามไปชาติหน้า/อริยทรัพย์คือปัญญานะคะ/บวชไปสะสมเงินทองจะบวชทำไม555
:b32: :b32:
ฟังบ้างนะ...ถ้ายังอยากไปทำอะไรตามความคิดตัวเองอยู่...แปลว่าคิดตามคำสอนของพระพุทธเจ้าไม่เป็นเลย
https://youtu.be/xY9uT1JITEE


พูดจริงๆนะ เห็นแต่ความฟุ้งซ่านพูดเพ้อไปเรื่อยๆ เอาเรื่องนั่นมาชนกับเรื่องนี้ โยงไปโยงมา จับประเด็นที่เป็นสาระไม่มี

คุณโรสคุณไปศึกษาให้เป็นเรื่องเป็นราวเถอะขอรับ จะได้มีหลักมีเกณฑ์

:b32:
เคยนั่งเฉยๆแล้วคิดอะไรเพลินๆไปเรื่อยๆไหมคะ
นั่นแหละคืออวิชชาคือความโง่อย่างหนึ่งคะ
ใจลอยคิดไปเรื่อยๆฟุ้งซ่านขาดสติแระ
ลืมตัวไม่เคยคิดจำว่าไม่มีเรา555
อวิชชาพามาเกิดถ้าปัญญาน้อย
ปัญญาแรกแทรกเกิดเพิ่มได้
ตามหลังกิเลสตอนคิดตาม
ถูกตรงตามเสียงคำสอน
ตรงสัจจะที่กายใจมี
ตอนที่ยังไม่ตาย
จึงคิดตามได้
คิด ตาม นะ
ไม่ใช่คิดเองว่าตัวตนดี
555แค่คิดว่ามีตัวก็เป็นอกุศลจิตแล้ว
พ้นตัวตนได้ไหมที่ไปกุลีกุจอทำอะไรที่ไหนก็ตาม
เพราะไม่พึ่งพระธรรมไม่เคยคิดตามคำสอนของพระพุทธเจ้าได้
ว่าที่กายและใจตัวเองเดี๋ยวนี้กำลังมีธัมมะอะไรปรากฏกับสติปัญญาก็จิตไม่อยู่ที่ตัวจึงคิดไปนอกตัวตน
อวิชชามีที่จิตส่วนสติปัญญาเกิดจากกำลังคิดตามเสียงคำของตถาคตที่คนอื่นออกเสียงให้คุณคิดตามได้อยู่
คือต้องกำลังคิดตามได้ตรงความจริงที่กายใจตัวเองกำลังเป็นแบบนั้นแล้วปัญญาจะมาจากไหนถ้าไม่ฟังเลย
ทุกอย่างสำคัญตอนที่ยังมีจิตครองร่างตายไปเกิดเข้าร่างแมวจะทำให้ฟื้นเป็นคนนี้มาฟังคำสอนเป็นไปไม่ได้
https://youtu.be/ApICXPGkwb4
:b12:
:b4: :b4:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 ก.ค. 2020, 10:24 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarina เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:

คนเราเนี่ยนะ
แค่คิดให้ตรง
ยังคิดไม่เป็นเลย
คิดคดในข้องอในกระดูก
บอกว่าคำของตถาคตไม่มีอ้อม
ไม่เอาใจกิเลสใครไม่ว่าหน้าอินทร์หน้าพรหม
ถูกเป็นถูกและผิดเป็นผิดจะแก้ไขอะไรต้องแก้เดี๋ยวนี้ตรงปัจจุบัน
ที่ผ่านมาเป็นอดีตไปแล้วถ้าทำผิดไปแล้วมันแก้ไขอะไรไม่ได้แล้วอยากทำผิดต่อไปก็ไม่ต้องฟัง
พระพุทธเจ้าไม่ได้ห้ามไม่ให้ใครทำสิ่งที่ทำอยู่แต่ทรงแสดงความจริงให้คนที่กำลังทำผิดฟัง+เข้าใจถูกทันที
เช่นองคุลีมาลกำลังจะไปฆ่าแม่ใช่ไหมพระพุทธเจ้าใช้มือดึงองคุลีมาลไว้หรือเปล่งเสียงคำให้องคุลีมาลคิดได้
555คนที่คิดว่าตัวเองทำถูกแล้วน่ะเป็นคนที่ประมาทการฟังคำสอนแม้เพียง1คำย่อมยังปัญญาให้เกิดหาได้ไม่
พันปีที่1พ.ศ.1-1000/พันปีที่2พ.ศ.1001-2000/พันปีที่3พ.ศ.2001-3000/ปีนี้2563อยู่ระยะพันปีที่3นะคะนะ
พระพุทธเจ้าทำนายไว้ล่วงหน้าว่าพันปีที่3บรรลุธรรมได้แค่อนาคามี/ชาวบ้านบรรลุอนาคามีได้โดยไม่บวชค่ะ
อยากบวชต้องรู้ตัวน๊าเงินทองน่ะของชาวบ้านชาวบ้านรับเงินได้ไม่มีตกนรกแต่บวชแล้วรับเงินตกนรกน๊า
ตายไปเงินทองไม่ตามไปชาติหน้า/อริยทรัพย์คือปัญญานะคะ/บวชไปสะสมเงินทองจะบวชทำไม555
:b32: :b32:
ฟังบ้างนะ...ถ้ายังอยากไปทำอะไรตามความคิดตัวเองอยู่...แปลว่าคิดตามคำสอนของพระพุทธเจ้าไม่เป็นเลย
https://youtu.be/xY9uT1JITEE


พูดจริงๆนะ เห็นแต่ความฟุ้งซ่านพูดเพ้อไปเรื่อยๆ เอาเรื่องนั่นมาชนกับเรื่องนี้ โยงไปโยงมา จับประเด็นที่เป็นสาระไม่มี

คุณโรสคุณไปศึกษาให้เป็นเรื่องเป็นราวเถอะขอรับ จะได้มีหลักมีเกณฑ์

:b32:
เคยนั่งเฉยๆแล้วคิดอะไรเพลินๆไปเรื่อยๆไหมคะ
นั่นแหละคืออวิชชาคือความโง่อย่างหนึ่งคะ
ใจลอยคิดไปเรื่อยๆฟุ้งซ่านขาดสติแระ
ลืมตัวไม่เคยคิดจำว่าไม่มีเรา555
อวิชชาพามาเกิดถ้าปัญญาน้อย
ปัญญาแรกแทรกเกิดเพิ่มได้
ตามหลังกิเลสตอนคิดตาม
ถูกตรงตามเสียงคำสอน
ตรงสัจจะที่กายใจมี
ตอนที่ยังไม่ตาย
จึงคิดตามได้
คิด ตาม นะ
ไม่ใช่คิดเองว่าตัวตนดี
555แค่คิดว่ามีตัวก็เป็นอกุศลจิตแล้ว
พ้นตัวตนได้ไหมที่ไปกุลีกุจอทำอะไรที่ไหนก็ตาม
เพราะไม่พึ่งพระธรรมไม่เคยคิดตามคำสอนของพระพุทธเจ้าได้
ว่าที่กายและใจตัวเองเดี๋ยวนี้กำลังมีธัมมะอะไรปรากฏกับสติปัญญาก็จิตไม่อยู่ที่ตัวจึงคิดไปนอกตัวตน
อวิชชามีที่จิตส่วนสติปัญญาเกิดจากกำลังคิดตามเสียงคำของตถาคตที่คนอื่นออกเสียงให้คุณคิดตามได้อยู่
คือต้องกำลังคิดตามได้ตรงความจริงที่กายใจตัวเองกำลังเป็นแบบนั้นแล้วปัญญาจะมาจากไหนถ้าไม่ฟังเลย
ทุกอย่างสำคัญตอนที่ยังมีจิตครองร่างตายไปเกิดเข้าร่างแมวจะทำให้ฟื้นเป็นคนนี้มาฟังคำสอนเป็นไปไม่ได้
https://youtu.be/ApICXPGkwb4
:b12:
:b4: :b4:


ไม่มีหลักจริงๆ บ่นไปเรื่อย :b32:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 ก.ค. 2020, 12:50 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7502

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
Rosarina เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:

คนเราเนี่ยนะ
แค่คิดให้ตรง
ยังคิดไม่เป็นเลย
คิดคดในข้องอในกระดูก
บอกว่าคำของตถาคตไม่มีอ้อม
ไม่เอาใจกิเลสใครไม่ว่าหน้าอินทร์หน้าพรหม
ถูกเป็นถูกและผิดเป็นผิดจะแก้ไขอะไรต้องแก้เดี๋ยวนี้ตรงปัจจุบัน
ที่ผ่านมาเป็นอดีตไปแล้วถ้าทำผิดไปแล้วมันแก้ไขอะไรไม่ได้แล้วอยากทำผิดต่อไปก็ไม่ต้องฟัง
พระพุทธเจ้าไม่ได้ห้ามไม่ให้ใครทำสิ่งที่ทำอยู่แต่ทรงแสดงความจริงให้คนที่กำลังทำผิดฟัง+เข้าใจถูกทันที
เช่นองคุลีมาลกำลังจะไปฆ่าแม่ใช่ไหมพระพุทธเจ้าใช้มือดึงองคุลีมาลไว้หรือเปล่งเสียงคำให้องคุลีมาลคิดได้
555คนที่คิดว่าตัวเองทำถูกแล้วน่ะเป็นคนที่ประมาทการฟังคำสอนแม้เพียง1คำย่อมยังปัญญาให้เกิดหาได้ไม่
พันปีที่1พ.ศ.1-1000/พันปีที่2พ.ศ.1001-2000/พันปีที่3พ.ศ.2001-3000/ปีนี้2563อยู่ระยะพันปีที่3นะคะนะ
พระพุทธเจ้าทำนายไว้ล่วงหน้าว่าพันปีที่3บรรลุธรรมได้แค่อนาคามี/ชาวบ้านบรรลุอนาคามีได้โดยไม่บวชค่ะ
อยากบวชต้องรู้ตัวน๊าเงินทองน่ะของชาวบ้านชาวบ้านรับเงินได้ไม่มีตกนรกแต่บวชแล้วรับเงินตกนรกน๊า
ตายไปเงินทองไม่ตามไปชาติหน้า/อริยทรัพย์คือปัญญานะคะ/บวชไปสะสมเงินทองจะบวชทำไม555
:b32: :b32:
ฟังบ้างนะ...ถ้ายังอยากไปทำอะไรตามความคิดตัวเองอยู่...แปลว่าคิดตามคำสอนของพระพุทธเจ้าไม่เป็นเลย
https://youtu.be/xY9uT1JITEE


พูดจริงๆนะ เห็นแต่ความฟุ้งซ่านพูดเพ้อไปเรื่อยๆ เอาเรื่องนั่นมาชนกับเรื่องนี้ โยงไปโยงมา จับประเด็นที่เป็นสาระไม่มี

คุณโรสคุณไปศึกษาให้เป็นเรื่องเป็นราวเถอะขอรับ จะได้มีหลักมีเกณฑ์

:b32:
เคยนั่งเฉยๆแล้วคิดอะไรเพลินๆไปเรื่อยๆไหมคะ
นั่นแหละคืออวิชชาคือความโง่อย่างหนึ่งคะ
ใจลอยคิดไปเรื่อยๆฟุ้งซ่านขาดสติแระ
ลืมตัวไม่เคยคิดจำว่าไม่มีเรา555
อวิชชาพามาเกิดถ้าปัญญาน้อย
ปัญญาแรกแทรกเกิดเพิ่มได้
ตามหลังกิเลสตอนคิดตาม
ถูกตรงตามเสียงคำสอน
ตรงสัจจะที่กายใจมี
ตอนที่ยังไม่ตาย
จึงคิดตามได้
คิด ตาม นะ
ไม่ใช่คิดเองว่าตัวตนดี
555แค่คิดว่ามีตัวก็เป็นอกุศลจิตแล้ว
พ้นตัวตนได้ไหมที่ไปกุลีกุจอทำอะไรที่ไหนก็ตาม
เพราะไม่พึ่งพระธรรมไม่เคยคิดตามคำสอนของพระพุทธเจ้าได้
ว่าที่กายและใจตัวเองเดี๋ยวนี้กำลังมีธัมมะอะไรปรากฏกับสติปัญญาก็จิตไม่อยู่ที่ตัวจึงคิดไปนอกตัวตน
อวิชชามีที่จิตส่วนสติปัญญาเกิดจากกำลังคิดตามเสียงคำของตถาคตที่คนอื่นออกเสียงให้คุณคิดตามได้อยู่
คือต้องกำลังคิดตามได้ตรงความจริงที่กายใจตัวเองกำลังเป็นแบบนั้นแล้วปัญญาจะมาจากไหนถ้าไม่ฟังเลย
ทุกอย่างสำคัญตอนที่ยังมีจิตครองร่างตายไปเกิดเข้าร่างแมวจะทำให้ฟื้นเป็นคนนี้มาฟังคำสอนเป็นไปไม่ได้
https://youtu.be/ApICXPGkwb4
:b12:
:b4: :b4:


ไม่มีหลักจริงๆ บ่นไปเรื่อย :b32:

cool
อยากปักหลักเหรอ
ตั้งต้นเลยรู้ตัวแล้วเนี่ยกายตัวเองอยู่ตรงไหน
หลับตาไม่เห็นอะไรนะไหนเอามือจับแขนสิ...เห็นแขนหรือแค่คิดว่ามีแขน
ความรู้สึกแท้ๆตอนที่จับแขนคือมีแค่ตึงๆอุ่นๆแข็งบ้างยืดหยุ่นบ้างเนี่ยดับไปทีละ1ความรู้สึกเอาอะไรมายึด
หรือกำลังคิดว่ามีมือตัวเองจับแขนตัวเองจำเอาไว้ว่ามีมือมีแขนรู้สึกตัวไหมว่าอะไรที่ไม่เห็นแปลว่าไม่มีอยู่จริง
ยังหลับตาที่คิดว่ามีแขนเราตัวเราคิดเอาโดยไม่ได้มองเห็นคุณกรัชกายคิดว่าคนตาบอดที่ไม่เคยเห็นตัวเอง
คนตาบอดจะจำ+คิดถึงลักษณะของแขนขาตัวเขาได้เหมือนกับที่คุณกรัชกายคิด+จำแขนขาตอนที่เห็นได้ม๊า
ยึดตัวตนว่ามีแขนมีขาน่ะมีปัญญาสละอะไรออกได้บ้างล่ะแค่คิดเอาว่ามีพอตัวตนไปบวชก็ยึดวัดกุฏิศาลาเงิน
เวลาแต่ละวินาทีที่ผ่านไปความเป็นบุคคลคนนี้เหลือเวลาที่จะคิดตามคำสอนได้แค่ตอนที่ฟังพอจะคิดออกมั๊ย
:b12:
:b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 ก.ค. 2020, 13:13 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ไปพบหลักที่แม่สุจินพูดมาแระ แม่บอกว่า ทั้งธรรมและวินัยเปลี่ยนไม่ได้ คือ พระพุทธเจ้าสอนว่ายังไงก็ยังงััน คงที่ตายตัว


อ้างคำพูด:

Rosarina
พันปีที่ 1 พ.ศ.1-1000/พันปีที่ 2 พ.ศ.1001-2000/พันปีที่ 3 พ.ศ.2001-3000/ปีนี้ 2563 อยู่ระยะพันปีที่ 3 นะคะนะ
พระพุทธเจ้าทำนายไว้ล่วงหน้าว่าพันปีที่ 3 บรรลุธรรมได้แค่อนาคามี/ชาวบ้านบรรลุอนาคามีได้โดยไม่บวชค่ะ


ภาพใหญ่ล้นจอ

https://f.ptcdn.info/053/070/000/qd01ak ... P8Tp-o.jpg

จาก

https://pantip.com/topic/40037120


นั่นคือการเหมารวม ไม่ใช่ยังงั้นทั้งหมด ถูกครึ่งหนึ่ง ผิดครึ่งหนึ่ง คำสอน (ธรรมะ) นี่เปลี่ยนไม่ได้ ตย. เช่น สมาธิ แปลว่า ความตั้งมั่นแห่งจิต ใครจะไปเปลี่ยนเป็นว่า สมาธิ แปลว่า ความฟุ้งซ่าน แบบนี้ไม่ได้ :b32:

ส่วนวินัย อย่างที่เคยบอกว่า เหมือนกฎหมาย วินัยเปรียบเหมือนกฎหมายยุคหนึ่งเหมาะกับสังคมคนยุคหนึ่งสมัยหนึ่ง แต่ต่อมาๆ เป็นพันๆปี สภาพแวดล้อมสังคมคนเปลี่ยนไป เปลี่ยนแปลงได้เปลี่ยนเพื่อให้เหมาะกับสภาพสังคมของคนยุคนั้นสมัยนั้น นี่วินัย ตย.เช่นใน "สุราปานวรรค" ท่านบัญญัติว่า 1. ภิกษุดื่มสุรา ต้องปาจิตตีย์

แต่สังคมปัจจุบัน ภิกษุดื่มสุรา ชาวบ้านว่าต้องสึกเลย ถ้าว่ากันตามวินัย เป็นปาจิตตีย์ เป็นอาบัติที่แก้ไขได้ ไม่ต้องสึก แต่สังคมชาวบ้านปัจจุบันติเตียนถึงกับต้องสึก

โดยภาพรวม วินัยบัญญัติเดิม พระพุทธเจ้าบัญญัติเมื่อมีภิกษุไปทำเข้าแล้วชาวบ้านในยุคนั้นตำหนิติเตียนมาร้องเรียน พระพุทธเจ้าก็บัญญัติวินัยขึ้น

สำนักแม่สุจิน+คุณโรส ไม่ใช่หลักธรรมเพียงแต่เอาประวัติเรื่องเล่ามาตีความ+กับความคิดของตนว่าพระพุทธสอนแล้วเปลี่ยนไม่ได้ :b32:

ตย. คุณโรสเขียน เช่น

อ้างคำพูด:
ชาวบ้านบรรลุอนาคามีได้โดยไม่บวชค่ะ


คุณโรสคิดไปคิดมาก็จะบรรลุอนาคามีเอาดื้อๆ แล้วก็พูดว่าไม่ต้องบวชก็บรรลุอนาคามีได้ เพราะคิดว่าตนเองพูดธัมมะเปลี่ยนไม่ได้เพราะพระพุทธเจ้าตรัสไว้
แต่อันที่จริง การเป็นอนาคามีนั้น มีเงื่อนไขมากมาย โดยเฉพาะการปฏิบัติ ถ้าปฏิบัติผิดแล้วจะบวชหรือครองเรือนก็ไปไม่ถึง

เพราะเหตุที่คิดอย่างนี้ ปัจจุบันเราจึงเห็นฆราวาสที่เป็นนักเผยทำ (ธรรม) ทำท่าทำทางสำคัญตนผิดว่าเราเป็นอริยะเป็นอนาคามีกันดกดื่นขึ้น :b13:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 ก.ค. 2020, 15:58 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ดูเจตนารมณ์ของวินัย (=กฏหมาย)

วินัย ระเบียบแบบแผนสำหรับฝึกฝนควบคุมความประพฤติของบุคคลให้มีชีวิตที่ดีงามเจริญก้าวหน้าและควบคุมหมู่ชนให้อยู่ร่วมกันด้วยความสงบเรียบร้อยดีงาม, ประมวลบทบัญญัติข้อกำหนดสำหรับควบคุมความประพฤติไม่ให้เสื่อมเสียและฝึกฝนให้ประพฤติตีงามเป็นคุณเกื้อกูลยิ่งขึ้น

วินัยธร “ผู้ทรงวินัย” ภิกษุผู้ชำนาญวินัย พระอุบาลีเถระ ได้รับยกย่องจากพระพุทธเจ้าว่าเป็นเอตทัคคะในบรรดาพระวินัยธร

เจ้าอธิการ เจ้าหน้าที่, ผู้ได้รับมอบหมาย หรือแต่งตั้งให้มีหน้าที่รับผิดชอบในเรื่องราว หรือกิจการนั้นๆ

นวกัมมาธิฏฐายี ผู้อำนวยการก่อสร้าง เช่น ที่พระมหาโคคัลลานะ ได้รับมอบหมายจากพระบรมศาสดาให้เป็นผู้อำนวยการสร้างบุพพารามที่นางวิสาขาบริจาคทุนสร้างที่กรุงสาวัตถี

นวกัมมิกะ ผู้ดูแลนวกรรม, ภิกษุผู้ได้รับสมมติ คือ แต่งตั้งจากสงฆ์ ให้ทำหน้าที่ดูแลการก่อสร้างและปฏิสังขรณ์ในอาราม, เป็นตำแหน่งหนึ่งในบรรดา เจ้าอธิการแห่งอาราม

เจ้าหน้าที่ทำการสงฆ์ ภิกษุผู้ได้รับสมติคือแต่งตั้งจากสงฆ์ (ด้วยญัตติทุติยธรรมวาจา) ให้ทำหน้าที่ต่างๆ เกี่ยวกับการของส่วนรวมในวัด ตามพระวินัยแบ่งไว้เป็น ๕ ประเภท คือ
๑.เจ้าอธิการแห่งจีวร
๒.เจ้าอธิการแห่งอาหาร
๓.เจ้าอธิการแห่งเสนาสนะ
๔.เจ้าอธิการแห่งอาราม
๕.เจ้าอธิการแห่งคลัง

เจ้าอธิการแห่งจีวร คือ ภิกษุที่สงฆ์สมมติ คือ แต่งตั้งให้เป็นเจ้าหน้าที่เกี่ยวกับจีวร มี ๓ อย่าง คือ 1. ผู้รับจีวร (จีวรปฏิคาหก) 2. ผู้เก็บจีวร (จีวรนิทหก) 3. ผู้แจกจีวร (จีวรภาชก)

เจ้าอธิการแห่งอาหาร ภิกษุที่สงฆ์สมมติ คือ แต่งตั้งให้เป็นเจ้าหน้าที่เกี่ยวกับอาหาร มี ๓ อย่าง คือ 1. ผู้จัดแจกภัต (ภัตตุเทศก์) 2. ผู้แจกยาคู (ยาคุภาชก) และ 3. ผู้แจกของเคี้ยว (ขัชชภาชก)


เจ้าอธิการแห่งเสนาสนะ ภิกษุที่สงฆ์สมมติ คือ แต่งตั้งให้เป็นเจ้าหน้าที่เกี่ยวกับเสนาสนะ แยกเป็น ๒ คือ 1.ผู้แจกเสนาสนะให้ภิกษุถือ (เสนาสนคาหปก) และ 2. ผู้จัดตั้งเสนาสนะ (เสนาสนปัญญาปก)

เจ้าอธิการแห่งอาราม ภิกษุที่สงฆ์สมมติ คือ แต่งตั้งให้เป็นเจ้าหน้าที่เกี่ยวกับกิจการงานของวัด แยกเป็น ๓ คือ 1. ผู้ใช้คนงานวัด (อารามิกเปสก) 2. ผู้ใช้สามเณร (สามเณรเปสก) แล 3. ผู้ดูแลการปลูกสร้าง


พระพุทธเจ้าเป็นผู้ก่อตั้งคณะสงฆ์ขึ้น ทรงเรียกศาสนาของพระองค์ว่า ธรรมวินัย

ธรรมะคือคำสอนส่วนหนึ่ง การวางกฎระเบียบข้อบังคับเพื่อความเรียบร้อยดีงามของหมู่คณะที่ตั้งขึ้นนั้น ส่วนนี้เรียก วินัย

วินัย บัญญัติเมื่อมีภิกษุไปประพฤติแล้วสังคมในยุคนั้นติเตียน พระองค์ก็บัญญัติไว้เป็นข้อๆ (สิกขาบท) เรียกว่า วินัย

วินัยนี่แหละปรับปรุงเปลี่ยนแปลงได้ตามยุคสมัยของสังคมที่เปลี่ยนไป ไม่ยังงั้นพระไปอยู่ประเทศที่มีหิมะตกทั้งปีแล้วไม่ใส่เสื้อไม่ใส่ถุงเท้า ปอดบวมตายห่า หรือพระในเมืองไทยไม่เอาผ้าซ้อนนอกทำเป็นผ้าสังฆาฎิแล้วพาดบ่าไว้ ไปใช้ห่มซ้อนแบบพระที่อยู่แถบเทือกเขาหิมาลัยก็ร้อนตาย นี่คือการปรับเปลี่ยน นี่คือรู้จักกาลเทศะ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 ก.ค. 2020, 17:40 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


บวชชาวเขา

รูปภาพ

คุณโรสเห็นแล้วเสียวแปล๊บที่ทรวงอก

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 ก.ค. 2020, 08:50 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
อำเภอไพศาลี
"ถวายปัจจัยสร้างห้องน้ำพระภิกษุสงฆ์"
...ร่วมถวายเงินสร้างห้องน้ำพระภิกษุสงฆ์จำนวน ๒ ห้อง ถวายปัจจัย ๔๒,๐๐๐บาท

รูปภาพ

เอามาให้คุณโรสดูว่า วัตถุมีความสำคัญ ปัจจุบันถ้าไม่มีห้องน้ำแขกไปใครมาวัดปวดหนักปวดเบา ก็ต้องเข้าป่าขุดหลุมแล้วมองซ้ายมองขวา :b32: (หมายถึงวัด, สำนักสงฆ์ที่อยู่ตามชนบท) ถ้าเป็นในเมืองเต็มกุงเกง :b13:
ทีนี้สำนักบ้านธัมมะ คุณโรสไม่ให้สร้างวัตถุทุกอย่างแล้วจะอยู่กันยังไง

ทีนี้คุณโรสไม่ให้พระจับเงินใช้เงิน อุบาสก อุบาสิกา ก็ต้องจัดการให้สะเองแบบนี้


อ้างคำพูด:
ในเมื่อคุณไม่เคยเข้าวัด ไม่เคยปฏิบัติธรรม เพราะฉะนั้น อย่าว่าหนู..สร้างวัดทำไม?
หนูไม่สนใจนะ...หนูไม่โกรธ ไม่ว่าใครทั้งนั้น..เพราะทุกสิ่งที่พบเจอคือครูมาสอนหนู...
ขอบคุณหลายๆคนที่เข้าใจว่าเราทำเพื่ออะไร..
แผ่นดินทองของคนมีศีล
แผ่นดินทองของผู้ปฏิบัติดี
แผ่นดินทองแห่งนี้..จะคัดสรรคนดีๆเข้ามา..

ปลาบปลื้มใจที่สุด...คือเหล่าคณะลูกศิษย์...ที่รักและจริงใจ...มากมาย
ขอบคุณที่มาเดินทางร่วมกัน...ไม่ได้เดินแค่สองคน แต่มีกัลยานมิตรมาร่วมเดินทางด้วย...มันยิ่งใหญ่กว่าสิ่งอื่นใด...

ทุกสิ่งที่เอื้องทำ ทำให้ค้นพบความจริงบนโลกใบนี้...มีทั้งคนรัก คนจริงใจกับเราจริงๆ คนที่เขาให้ร้าย..เราไม่ใส่ใจนะ..เพราะฉันทำเพื่อพระพุทธศาสนา...
สิ่งที่จะทำต่อไปนี้..คือสร้างศาลาปฏิบัติธรรม 100 ปี ...เรามาช่วยกันให้สถานที่แห่งนี้เป็นที่ปฏิบัติธรรม...ให้รุ่งเรืองเพื่อบำรุงพระพุทธศาสนาอย่างแท้จริง...

ฉันไม่เก่ง..แต่ฉันจะสร้างคุณงามความดีเพื่อถวายพระพุทธองค์ ให้พระพุทธศาสนาสืบทอดยาวนานต่อไป...

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 ก.ค. 2020, 12:21 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7502

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
อ้างคำพูด:
อำเภอไพศาลี
"ถวายปัจจัยสร้างห้องน้ำพระภิกษุสงฆ์"
...ร่วมถวายเงินสร้างห้องน้ำพระภิกษุสงฆ์จำนวน ๒ ห้อง ถวายปัจจัย ๔๒,๐๐๐บาท

รูปภาพ

เอามาให้คุณโรสดูว่า วัตถุมีความสำคัญ ปัจจุบันถ้าไม่มีห้องน้ำแขกไปใครมาวัดปวดหนักปวดเบา ก็ต้องเข้าป่าขุดหลุมแล้วมองซ้ายมองขวา :b32: (หมายถึงวัด, สำนักสงฆ์ที่อยู่ตามชนบท) ถ้าเป็นในเมืองเต็มกุงเกง :b13:
ทีนี้สำนักบ้านธัมมะ คุณโรสไม่ให้สร้างวัตถุทุกอย่างแล้วจะอยู่กันยังไง

ทีนี้คุณโรสไม่ให้พระจับเงินใช้เงิน อุบาสก อุบาสิกา ก็ต้องจัดการให้สะเองแบบนี้


อ้างคำพูด:
ในเมื่อคุณไม่เคยเข้าวัด ไม่เคยปฏิบัติธรรม เพราะฉะนั้น อย่าว่าหนู..สร้างวัดทำไม?
หนูไม่สนใจนะ...หนูไม่โกรธ ไม่ว่าใครทั้งนั้น..เพราะทุกสิ่งที่พบเจอคือครูมาสอนหนู...
ขอบคุณหลายๆคนที่เข้าใจว่าเราทำเพื่ออะไร..
แผ่นดินทองของคนมีศีล
แผ่นดินทองของผู้ปฏิบัติดี
แผ่นดินทองแห่งนี้..จะคัดสรรคนดีๆเข้ามา..

ปลาบปลื้มใจที่สุด...คือเหล่าคณะลูกศิษย์...ที่รักและจริงใจ...มากมาย
ขอบคุณที่มาเดินทางร่วมกัน...ไม่ได้เดินแค่สองคน แต่มีกัลยานมิตรมาร่วมเดินทางด้วย...มันยิ่งใหญ่กว่าสิ่งอื่นใด...

ทุกสิ่งที่เอื้องทำ ทำให้ค้นพบความจริงบนโลกใบนี้...มีทั้งคนรัก คนจริงใจกับเราจริงๆ คนที่เขาให้ร้าย..เราไม่ใส่ใจนะ..เพราะฉันทำเพื่อพระพุทธศาสนา...
สิ่งที่จะทำต่อไปนี้..คือสร้างศาลาปฏิบัติธรรม 100 ปี ...เรามาช่วยกันให้สถานที่แห่งนี้เป็นที่ปฏิบัติธรรม...ให้รุ่งเรืองเพื่อบำรุงพระพุทธศาสนาอย่างแท้จริง...

ฉันไม่เก่ง..แต่ฉันจะสร้างคุณงามความดีเพื่อถวายพระพุทธองค์ ให้พระพุทธศาสนาสืบทอดยาวนานต่อไป...

:b32:
รู้จักวัดไหม...
ก่อนตรัสรู้ไม่มีวัด...
ที่มีวัดเพราะมีคนขอบวช...
คือขอสละอาคารบ้านเรือนไม่มีที่อยู่...
จากนั้นมีสาวกศรัทธาคำสอนจึงสร้างวัดถวายพระพุทธเจ้า...
และพระพุทธเจ้าอนุญาตให้คน2ประเภทที่นอนวัดได้ตามการบรรพชาคือคนที่บรรพชาเท่านั้น
คนที่บรรพชามี2เพศคือ 1.ภิกษุ(เพศผู้) 2.ภิกษุณี(เพศเมีย) ที่เหลือไม่ได้บรรพชาก็กลับไปนอนที่บ้านตัวเอง
เออแล้วคนสมัยนี้ไม่ได้บรรพชาก็เข้าไปนอนวัด...พระพุทธเจ้าไม่ได้อนุญาต...บาปไหมทำตามๆกันด้วยไม่รู้
ไม่ศึกษาคำสอนเอาแต่ทำตามๆกันที่ชวนชาวบ้านเข้าไปนอนวัดมากๆทำเพื่อให้คนขนลาภปากเงินทองไปให้
ตรงมั๊ย...ชาวบ้านไม่รู้อยากได้บุญโดยไม่เข้าใจว่าจะเป็นบุญก็ต่อเมื่อทำถูกต้องตามคำสอนของพระพุทธเจ้า
ซึ่งไม่ใช่การเข้าวัดไปทำตามใจชอบของกิเลสตัวเอง+ทำตามๆกันตามใจกิเลสนักบวชที่ตัวเองนับถือ/ผิดมั๊ย
การบรรพชาเข้าไปเพื่อทำตามตถาคตทรงอนุญาตให้ทำกิจได้แค่2อย่างคือคันถธุระและวิปัสสนาธุระเท่านั้น
ไม่มีกิจทำสังคมสงเคราะห์หรือกิจการงานเกี่ยวกับการก่อสร้างไม่ทำอาชีพไม่ใช้เงินซื้อขายแลกเปลี่ยนอะไร
ก่อสร้างวัตถุมากๆเอาเงินที่ไหนไปบำรุงรักษา...นอกจากไม่ทำตามคำสอนแล้วยังคิดวิธีหาเงินเรี่ยไรเงินทุกวัน
:b12:
:b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 ก.ค. 2020, 19:04 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
อ้างคำพูด:
อำเภอไพศาลี
"ถวายปัจจัยสร้างห้องน้ำพระภิกษุสงฆ์"
...ร่วมถวายเงินสร้างห้องน้ำพระภิกษุสงฆ์จำนวน ๒ ห้อง ถวายปัจจัย ๔๒,๐๐๐บาท

รูปภาพ

เอามาให้คุณโรสดูว่า วัตถุมีความสำคัญ ปัจจุบันถ้าไม่มีห้องน้ำแขกไปใครมาวัดปวดหนักปวดเบา ก็ต้องเข้าป่าขุดหลุมแล้วมองซ้ายมองขวา :b32: (หมายถึงวัด, สำนักสงฆ์ที่อยู่ตามชนบท) ถ้าเป็นในเมืองเต็มกุงเกง :b13:
ทีนี้สำนักบ้านธัมมะ คุณโรสไม่ให้สร้างวัตถุทุกอย่างแล้วจะอยู่กันยังไง

ทีนี้คุณโรสไม่ให้พระจับเงินใช้เงิน อุบาสก อุบาสิกา ก็ต้องจัดการให้สะเองแบบนี้


อ้างคำพูด:
ในเมื่อคุณไม่เคยเข้าวัด ไม่เคยปฏิบัติธรรม เพราะฉะนั้น อย่าว่าหนู..สร้างวัดทำไม?
หนูไม่สนใจนะ...หนูไม่โกรธ ไม่ว่าใครทั้งนั้น..เพราะทุกสิ่งที่พบเจอคือครูมาสอนหนู...
ขอบคุณหลายๆคนที่เข้าใจว่าเราทำเพื่ออะไร..
แผ่นดินทองของคนมีศีล
แผ่นดินทองของผู้ปฏิบัติดี
แผ่นดินทองแห่งนี้..จะคัดสรรคนดีๆเข้ามา..

ปลาบปลื้มใจที่สุด...คือเหล่าคณะลูกศิษย์...ที่รักและจริงใจ...มากมาย
ขอบคุณที่มาเดินทางร่วมกัน...ไม่ได้เดินแค่สองคน แต่มีกัลยานมิตรมาร่วมเดินทางด้วย...มันยิ่งใหญ่กว่าสิ่งอื่นใด...

ทุกสิ่งที่เอื้องทำ ทำให้ค้นพบความจริงบนโลกใบนี้...มีทั้งคนรัก คนจริงใจกับเราจริงๆ คนที่เขาให้ร้าย..เราไม่ใส่ใจนะ..เพราะฉันทำเพื่อพระพุทธศาสนา...
สิ่งที่จะทำต่อไปนี้..คือสร้างศาลาปฏิบัติธรรม 100 ปี ...เรามาช่วยกันให้สถานที่แห่งนี้เป็นที่ปฏิบัติธรรม...ให้รุ่งเรืองเพื่อบำรุงพระพุทธศาสนาอย่างแท้จริง...

ฉันไม่เก่ง..แต่ฉันจะสร้างคุณงามความดีเพื่อถวายพระพุทธองค์ ให้พระพุทธศาสนาสืบทอดยาวนานต่อไป...

:b32:
รู้จักวัดไหม...
ก่อนตรัสรู้ไม่มีวัด...
ที่มีวัดเพราะมีคนขอบวช...
คือขอสละอาคารบ้านเรือนไม่มีที่อยู่.
..
จากนั้นมีสาวกศรัทธาคำสอนจึงสร้างวัดถวายพระพุทธเจ้า...
และพระพุทธเจ้าอนุญาตให้คน2ประเภทที่นอนวัดได้ตามการบรรพชาคือคนที่บรรพชาเท่านั้น
คนที่บรรพชามี2เพศคือ 1.ภิกษุ(เพศผู้) 2.ภิกษุณี(เพศเมีย) ที่เหลือไม่ได้บรรพชาก็กลับไปนอนที่บ้านตัวเอง
เออแล้วคนสมัยนี้ไม่ได้บรรพชาก็เข้าไปนอนวัด...พระพุทธเจ้าไม่ได้อนุญาต...บาปไหมทำตามๆกันด้วยไม่รู้
ไม่ศึกษาคำสอนเอาแต่ทำตามๆกันที่ชวนชาวบ้านเข้าไปนอนวัดมากๆทำเพื่อให้คนขนลาภปากเงินทองไปให้
ตรงมั๊ย...ชาวบ้านไม่รู้อยากได้บุญโดยไม่เข้าใจว่าจะเป็นบุญก็ต่อเมื่อทำถูกต้องตามคำสอนของพระพุทธเจ้า
ซึ่งไม่ใช่การเข้าวัดไปทำตามใจชอบของกิเลสตัวเอง+ทำตามๆกันตามใจกิเลสนักบวชที่ตัวเองนับถือ/ผิดมั๊ย
การบรรพชาเข้าไปเพื่อทำตามตถาคตทรงอนุญาตให้ทำกิจได้แค่2อย่างคือคันถธุระและวิปัสสนาธุระเท่านั้น
ไม่มีกิจทำสังคมสงเคราะห์หรือกิจการงานเกี่ยวกับการก่อสร้างไม่ทำอาชีพไม่ใช้เงินซื้อขายแลกเปลี่ยนอะไร
ก่อสร้างวัตถุมากๆเอาเงินที่ไหนไปบำรุงรักษา...นอกจากไม่ทำตามคำสอนแล้วยังคิดวิธีหาเงินเรี่ยไรเงินทุกวัน


นั่นคือทัศนคติศิษย์สำนักแม่สุจินแห่งบ้านธัมมะ :b32:

รูปภาพ

https://www.facebook.com/photo.php?fbid ... =3&theater

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 ก.ค. 2020, 19:11 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
คุณโรสดูสิใคร :b10:


https://www.facebook.com/photo.php?fbid ... =3&theater


https://www.facebook.com/photo.php?fbid ... =3&theater

https://www.facebook.com/paivan01/photo ... =3&theater

นำมารวมๆกันไว้ :b13: จะได้หาง่ายๆ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 ก.ค. 2020, 19:48 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


คือเปลือยทัศนคติทางความคิดของสำนักบ้านธัมมะเกี่ยวกับพุทธธรรมออกมาหมดเกลี้ยงเลย :b13:

อ้างคำพูด:
Rosarin
อ่ะ...งั้นคิดตามนะ

ตอนที่เจ้าชายสิทธัตถะออกผนวชสละสมบัติพระมหาจักรพรรดิ์พร้อมลูกเมียญาติพี่น้องหมด

เอาสมบัติเงินทองจากพระราชวังติดตัวออกไปไว้ใช้ขณะผนวช หรือว่า ไม่เอาอะไรไปเลย

และหลังจากที่บรรลุอนุตรสัมมาสัมโพธิญาณตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าแล้วกลับเข้าไปเอาเงินในวังมาใช้มั๊ย

หลังจากทิ้งพระราชวังแล้วพอบรรลุธรรมจนตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้าแล้วทรงขอเอาเงินในวังมาสร้างวัตถุมั๊ย

ตอบมาให้ชื่นใจสักคำสิ ว่า สมัยนี้ที่บวชเข้าใจรึเปล่าว่า ก่อนบวชทำงานมีเงินใช้ มีบ้านอาศัยอยู่ดีๆก็อยากบวช

ถามว่าบรรพชา คือ การขออนุญาตทำตามพระพุทธเจ้า สมัยนี้บวชแล้วบังอาจล่วงเกินไม่ทำตามพระพุทธเจ้ารึ

คิดให้มันตรงกับความเป็นจริง บวชเพื่อทำตามพระบิดา เป็นพุทธบุตรโกงคำสอนน่ะตายต้องตกนรกนะ

เพราะพระพุทธเจ้ากราบพระธรรมเท่านั้น และทรงยกพระธรรมขึ้นแทนพระองค์ดังนั้นศาสดา=พระไตรปิฏก

อ้างและยกเอาคำต่างๆในพระไตรปิฏกมาพูดเพื่อลาภยศสักการะเงินทองอายชาวบ้านที่เข้าใจคำสอนบ้างมั๊ย

https://www.youtube.com/watch?v=VDOi5ru ... e=youtu.be

http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=58889&p=459056#p459056

คือ เขาต้องการให้ทำให้เหมือนพระพุทธเจ้า ถ้าทำไม่เหมือนเป็นการทำลายพระพุทธศาสนา เขาว่า ตกนรกเลยนะน่า คิกๆๆ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 106 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5, 6 ... 8  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 27 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร