วันเวลาปัจจุบัน 26 เม.ย. 2024, 03:22  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 22 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 ก.ค. 2020, 13:54 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 มี.ค. 2018, 02:56
โพสต์: 2157

โฮมเพจ: maybe
แนวปฏิบัติ: สติปัฎฐาน
งานอดิเรก: กีฬา
สิ่งที่ชื่นชอบ: แบรนด์เเนม
ชื่อเล่น: เม
อายุ: 22
ที่อยู่: Bangkok Thailand

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
พราหมณ์หรือฮินดูในปัจจุบันเกิดก่อนพุทธ แต่พุทธได้สูญสิ้นจากแผ่นดินชมพูทวีป แต่ฮินดูยังคงอยู่จนถึงปัจจุบันนี้ เพราะเหตุผลอะไร? :b10:

โลกซวย เอ้ยโลกสวยมาแล้ว ลองวิเคราะห์ดูสิ

รูปภาพ

อ้างคำพูด:
ในอินเดียมีนักบวชศาสนาฮินดูกลุ่มหนึ่งที่บำเพ็ญสมาธิ กิน นอน เสพกามท่ามกลางศพที่เผาไหม้อยู่บนเชิงตะกอน
ไปไหนมาไหนด้วยร่างกายอันเปลือยเปล่า กินเนื้อมนุษย์ ใช้หัวกะโหลกแทนถ้วยชาม และสูบกัญชา
พวกเขาเหล่านี้จะออกจากที่บำเพ็ญเพียร ซึ่งตัดขาดจากโลกภายนอกก็ต่อเมื่อถึงเทศกาล "กุมภเมลา"(Kumbh Mela) ซึ่งเป็นเทศกาลแสวงบุญอันยิ่งใหญ่ของชาวฮินดู เพื่ออาบน้ำชำระบาปและสักการะแม่น้ำศักดิ์สิทธิ์ในอินเดีย

"วิถีแห่งการบำเพ็ญจิตใจของพวกเขาเป็นการปฏิบัติที่วิปลาสและอันตราย เช่น การกินเนื้อมนุษย์ หรือแม้แต่อุจจาระของตัวเอง แต่พวกเขาเชื่อว่าการทำสิ่งที่ผู้คนทั่วไปรังเกียจเหล่านี้จะช่วยให้พวกเขาเกิดความรู้แจ้ง"


https://www.bbc.com/thai/features-46877007

แต่พวกเขาเชื่อว่าการทำสิ่งที่ผู้คนทั่วไปรังเกียจเหล่านี้จะช่วยให้พวกเขาเกิดความรู้แจ้ง

คริคริ
ให้เม วิเคาะห์หรอ ง่ายๆเองค่ะ

ผู้คนรู้แจ้ง ถึงสิ่งน่ารังเกียจไง

tongue tongue tongue


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 ก.ค. 2020, 05:28 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7502

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


cool
อ่านชื่อหัวข้อ
พระพุทธเจ้าไม่บังคับหลอกลวงให้คนมานับถือพระองค์

แล้วคิดตามนะ

มีชาวบ้านที่บรรลุธรรมเป็นโสดา/สกิทาคา/อนาคามี
คือมีผัวมีเมียมีลูกหลานทำกิจการค้าขายมีเงินสร้างวัดถวายพระพุทธเจ้า
เจ้าชายสิทธัตถะเสด็จออกผนวชไม่ได้ขนสมบัติและญาติพี่น้องออกบวชด้วยค่ะ
หลังจากที่ได้บรรลุอนุตรสัมมาสัมโพธิญาณบรรลุเป็นพระพุทธเจ้าก็ไม่รับเงินไม่ใช้เงิน

บวชเนี่ยต่างจากชาวบ้านนะ ไม่ทำอาชีพ ไม่มีเงินทองให่ใช้ เดินออกบิณฑบาตขอข้าวมาฉันจำวัด

เห็นความต่างกันของการบรรลุธรรมของชาวบ้านกับพระภิกษุที่อ่านข้างบนแล้วนะ

อ่ะ...ทีนี้คิดดูนะ....พระภิกษุต้องทำตัวแบบพระพุทธเจ้า ทำแบบที่ชาวบ้านทำไม่ได้
การที่บวชเป็นพระภิกษุเพื่อทำตามคำสอนของพระพุทธเจ้าแต่รับเงินแปลว่าหลอกลวงใช่หรือไม่
:b12:
:b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 ก.ค. 2020, 19:49 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
cool
อ่านชื่อหัวข้อ
พระพุทธเจ้าไม่บังคับหลอกลวงให้คนมานับถือพระองค์

แล้วคิดตามนะ

มีชาวบ้านที่บรรลุธรรมเป็นโสดา/สกิทาคา/อนาคามี
คือมีผัวมีเมียมีลูกหลานทำกิจการค้าขายมีเงินสร้างวัดถวายพระพุทธเจ้า
เจ้าชายสิทธัตถะเสด็จออกผนวชไม่ได้ขนสมบัติและญาติพี่น้องออกบวชด้วยค่ะ
หลังจากที่ได้บรรลุอนุตรสัมมาสัมโพธิญาณบรรลุเป็นพระพุทธเจ้าก็ไม่รับเงินไม่ใช้เงิน

บวชเนี่ยต่างจากชาวบ้านนะ ไม่ทำอาชีพ ไม่มีเงินทองให่ใช้ เดินออกบิณฑบาตขอข้าวมาฉันจำวัด

เห็นความต่างกันของการบรรลุธรรมของชาวบ้านกับพระภิกษุที่อ่านข้างบนแล้วนะ

อ่ะ...ทีนี้คิดดูนะ....พระภิกษุต้องทำตัวแบบพระพุทธเจ้า ทำแบบที่ชาวบ้านทำไม่ได้
การที่บวชเป็นพระภิกษุเพื่อทำตามคำสอนของพระพุทธเจ้าแต่รับเงินแปลว่าหลอกลวงใช่หรือไม่
:b12:
:b32: :b32:


นั่นกินแล้วนอน เป็นสัญลักษณ์ของคนขี้เกียจ :b1: พระพุทธเจ้าไม่น่าจะส่งเสริมให้คนเกียจคร้านนะ :b13:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 ก.ค. 2020, 19:51 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


โลกสวย เขียน:
กรัชกาย เขียน:
พราหมณ์หรือฮินดูในปัจจุบันเกิดก่อนพุทธ แต่พุทธได้สูญสิ้นจากแผ่นดินชมพูทวีป แต่ฮินดูยังคงอยู่จนถึงปัจจุบันนี้ เพราะเหตุผลอะไร? :b10:

โลกซวย เอ้ยโลกสวยมาแล้ว ลองวิเคราะห์ดูสิ

รูปภาพ

อ้างคำพูด:
ในอินเดียมีนักบวชศาสนาฮินดูกลุ่มหนึ่งที่บำเพ็ญสมาธิ กิน นอน เสพกามท่ามกลางศพที่เผาไหม้อยู่บนเชิงตะกอน
ไปไหนมาไหนด้วยร่างกายอันเปลือยเปล่า กินเนื้อมนุษย์ ใช้หัวกะโหลกแทนถ้วยชาม และสูบกัญชา
พวกเขาเหล่านี้จะออกจากที่บำเพ็ญเพียร ซึ่งตัดขาดจากโลกภายนอกก็ต่อเมื่อถึงเทศกาล "กุมภเมลา"(Kumbh Mela) ซึ่งเป็นเทศกาลแสวงบุญอันยิ่งใหญ่ของชาวฮินดู เพื่ออาบน้ำชำระบาปและสักการะแม่น้ำศักดิ์สิทธิ์ในอินเดีย

"วิถีแห่งการบำเพ็ญจิตใจของพวกเขาเป็นการปฏิบัติที่วิปลาสและอันตราย เช่น การกินเนื้อมนุษย์ หรือแม้แต่อุจจาระของตัวเอง แต่พวกเขาเชื่อว่าการทำสิ่งที่ผู้คนทั่วไปรังเกียจเหล่านี้จะช่วยให้พวกเขาเกิดความรู้แจ้ง"


https://www.bbc.com/thai/features-46877007

แต่พวกเขาเชื่อว่าการทำสิ่งที่ผู้คนทั่วไปรังเกียจเหล่านี้จะช่วยให้พวกเขาเกิดความรู้แจ้ง

คริคริ
ให้เม วิเคาะห์หรอ ง่ายๆเองค่ะ

ผู้คนรู้แจ้ง ถึงสิ่งน่ารังเกียจไง



คิดได้ไงลึกซึ้งมากเลยนะ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ก.ค. 2020, 15:16 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 มี.ค. 2018, 02:56
โพสต์: 2157

โฮมเพจ: maybe
แนวปฏิบัติ: สติปัฎฐาน
งานอดิเรก: กีฬา
สิ่งที่ชื่นชอบ: แบรนด์เเนม
ชื่อเล่น: เม
อายุ: 22
ที่อยู่: Bangkok Thailand

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
โลกสวย เขียน:
กรัชกาย เขียน:
พราหมณ์หรือฮินดูในปัจจุบันเกิดก่อนพุทธ แต่พุทธได้สูญสิ้นจากแผ่นดินชมพูทวีป แต่ฮินดูยังคงอยู่จนถึงปัจจุบันนี้ เพราะเหตุผลอะไร? :b10:

โลกซวย เอ้ยโลกสวยมาแล้ว ลองวิเคราะห์ดูสิ

รูปภาพ

อ้างคำพูด:
ในอินเดียมีนักบวชศาสนาฮินดูกลุ่มหนึ่งที่บำเพ็ญสมาธิ กิน นอน เสพกามท่ามกลางศพที่เผาไหม้อยู่บนเชิงตะกอน
ไปไหนมาไหนด้วยร่างกายอันเปลือยเปล่า กินเนื้อมนุษย์ ใช้หัวกะโหลกแทนถ้วยชาม และสูบกัญชา
พวกเขาเหล่านี้จะออกจากที่บำเพ็ญเพียร ซึ่งตัดขาดจากโลกภายนอกก็ต่อเมื่อถึงเทศกาล "กุมภเมลา"(Kumbh Mela) ซึ่งเป็นเทศกาลแสวงบุญอันยิ่งใหญ่ของชาวฮินดู เพื่ออาบน้ำชำระบาปและสักการะแม่น้ำศักดิ์สิทธิ์ในอินเดีย

"วิถีแห่งการบำเพ็ญจิตใจของพวกเขาเป็นการปฏิบัติที่วิปลาสและอันตราย เช่น การกินเนื้อมนุษย์ หรือแม้แต่อุจจาระของตัวเอง แต่พวกเขาเชื่อว่าการทำสิ่งที่ผู้คนทั่วไปรังเกียจเหล่านี้จะช่วยให้พวกเขาเกิดความรู้แจ้ง"


https://www.bbc.com/thai/features-46877007

แต่พวกเขาเชื่อว่าการทำสิ่งที่ผู้คนทั่วไปรังเกียจเหล่านี้จะช่วยให้พวกเขาเกิดความรู้แจ้ง

คริคริ
ให้เม วิเคาะห์หรอ ง่ายๆเองค่ะ

ผู้คนรู้แจ้ง ถึงสิ่งน่ารังเกียจไง



คิดได้ไงลึกซึ้งมากเลยนะ

คริคริ

ถ้าไม่มีศาสนาฮินดูทำแบบอย่างการปฎิบัติที่งดงามเยี่ยงนี้ไว้ ก็ไม่เห็น

ความงดงาม นี้ว่านี่คืออิทัปปัจยตา

“ ภพแม้ชั่วขณะดีดนิ้วมือก็ยังน่ารังเกียจ ”

tongue


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 ก.ค. 2020, 08:50 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


โลกสวย เขียน:
กรัชกาย เขียน:
โลกสวย เขียน:
กรัชกาย เขียน:
พราหมณ์หรือฮินดูในปัจจุบันเกิดก่อนพุทธ แต่พุทธได้สูญสิ้นจากแผ่นดินชมพูทวีป แต่ฮินดูยังคงอยู่จนถึงปัจจุบันนี้ เพราะเหตุผลอะไร? :b10:

โลกซวย เอ้ยโลกสวยมาแล้ว ลองวิเคราะห์ดูสิ

รูปภาพ

อ้างคำพูด:
ในอินเดียมีนักบวชศาสนาฮินดูกลุ่มหนึ่งที่บำเพ็ญสมาธิ กิน นอน เสพกามท่ามกลางศพที่เผาไหม้อยู่บนเชิงตะกอน
ไปไหนมาไหนด้วยร่างกายอันเปลือยเปล่า กินเนื้อมนุษย์ ใช้หัวกะโหลกแทนถ้วยชาม และสูบกัญชา
พวกเขาเหล่านี้จะออกจากที่บำเพ็ญเพียร ซึ่งตัดขาดจากโลกภายนอกก็ต่อเมื่อถึงเทศกาล "กุมภเมลา"(Kumbh Mela) ซึ่งเป็นเทศกาลแสวงบุญอันยิ่งใหญ่ของชาวฮินดู เพื่ออาบน้ำชำระบาปและสักการะแม่น้ำศักดิ์สิทธิ์ในอินเดีย

"วิถีแห่งการบำเพ็ญจิตใจของพวกเขาเป็นการปฏิบัติที่วิปลาสและอันตราย เช่น การกินเนื้อมนุษย์ หรือแม้แต่อุจจาระของตัวเอง แต่พวกเขาเชื่อว่าการทำสิ่งที่ผู้คนทั่วไปรังเกียจเหล่านี้จะช่วยให้พวกเขาเกิดความรู้แจ้ง"


https://www.bbc.com/thai/features-46877007

แต่พวกเขาเชื่อว่าการทำสิ่งที่ผู้คนทั่วไปรังเกียจเหล่านี้จะช่วยให้พวกเขาเกิดความรู้แจ้ง

คริคริ
ให้เม วิเคาะห์หรอ ง่ายๆเองค่ะ

ผู้คนรู้แจ้ง ถึงสิ่งน่ารังเกียจไง



คิดได้ไงลึกซึ้งมากเลยนะ

คริคริ

ถ้าไม่มีศาสนาฮินดูทำแบบอย่างการปฎิบัติที่งดงามเยี่ยงนี้ไว้ ก็ไม่เห็น

ความงดงาม นี้ว่านี่คืออิทัปปัจยตา

“ ภพแม้ชั่วขณะดีดนิ้วมือก็ยังน่ารังเกียจ ”

tongue


อ้างคำพูด:
ภพแม้ชั่วขณะดีดนิ้วมือก็ยังน่ารังเกียจ


ลึกซึ้งๆ อยากพบหน้าไว้ดูต่างหน้า คงไม่น่ารังเกียจ คิกๆๆๆ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 ก.ค. 2020, 21:23 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ครั้งหนึ่ง เมื่อพระพุทธเจ้ากำลังเดินทางไกล พราหมณ์ผู้หนึ่ง ซึ่งได้เดินทางไกลทางเดียวกันกับพระองค์ มองเห็นรูปจักรที่รอยพระบาทแล้ว มีความอัศจรรย์ใจ
ครั้นพระองค์เดินไปประทับนั่งพักที่โคนต้นไม้ต้นหนึ่งข้างทาง พราหมณ์เดินตามรอยพระบาทมา มองเห็นพุทธลักษณะอาการประทับนั่ง สงบลึกซึ้ง น่าเลื่อมใสยิ่ง จึงเข้าไปเฝ้าแล้ว

ทูลถาม: ท่านผู้เจริญคงจักเป็นเทพเจ้า

ตรัสตอบ: แน่ะพราหมณ์ เทพเจ้าเราก็จักไม่เป็น

ทูลถาม: ท่านผู้เจริญคงจักเป็นคนธรรพ์

ตรัสตอบ: คนธรรพ์เราก็จักไม่เป็น

ทูลถาม: ท่านผู้เจริญคงจักเป็นยักษ์

ตรัสตอบ: ยักษ์เราก็จักไม่เป็น

ทูลถาม: ท่านผู้เจริญคงจักเป็นมนุษย์

ตรัสตอบ: มนุษย์เราก็จักไม่เป็น

ทูลถาม: เมื่อถามว่า ท่านผู้เจริญคงจักเป็นเทพ ท่านก็กล่าวว่า เทพเราก็จักไม่เป็น เมื่อถามว่า ท่านผู้เจริญคงจักเป็นคนธรรพ์ ... เป็นยักษ์ .... เป็นมนุษย์ ท่านก็กล่าวว่า จักไม่เป็น เมื่อเช่นนั้น ท่านผู้เจริญจะเป็นใครกันเล่า

ตรัสตอบ: นี่แน่ะพราหมณ์ อาสวะเหล่าใด ที่เมื่อยังละไม่ได้ จะเป็นเหตุให้เราเป็นเทพเจ้า...เป็นคนธรรพ์ ... เป็นยักษ์ .... เป็นมนุษย์ อาสวะเหล่านั้น เราละได้แล้ว ถอนรากเสียแล้ว...หมดสิ้นแล้ว ไม่มีทางเกิดขึ้นได้อีกต่อไป เปรียบเหมือนดอกอุบล ดอกปทุม ดอกบุณฑริก เกิดในน้ำ เจริญในน้ำ แต่ตั้งอยู่พ้นน้ำ ไม่ถูกน้ำฉาบติด ฉันใด
เราก็ฉันนั้นเหมือนกัน เกิดในโลก เติบโตในโลก แต่เป็นอยู่เหนือโลก ไม่ติดกลั้วด้วยโลก ฉันนั้น นี่แน่ะพราหมณ์ จึงถือเราว่าเป็น “พุทธะ” เถิด

(องฺ.จตุกฺก. 21/36/48)

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 22 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 87 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร