วันเวลาปัจจุบัน 29 มี.ค. 2024, 07:38  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 พ.ค. 2020, 05:46 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 มี.ค. 2009, 10:48
โพสต์: 5091


 ข้อมูลส่วนตัว


"..พระบ่ได้อยู่ที่หัวโล้นกับผ้าเหลืองเด้อ พระกะอยู่กับจิตใจผู้มีศีลมีธรรม บ่ว่าศีลห้า ศีลแปด ศีลสิบ ศีลสองร้อยยี่สิบเจ็ด กะเป็นพระได้คือกัน ขั่นบ่มีศีลกะเป็นพระบ่ได้ เป็นได้แต่ผ้าเหลืองห่มตอเท่านั้น.."

หลวงปู่บุญมา คัมภีรธัมโม
วัดป่าสีห์พนม อ.สว่างแดนดิน จ.สกลนคร









...ในบรรดากรรมฐานทั้ง ๔๐ นี้
มีกรรมฐานบางส่วน
ที่เป็นทั้งสมถะและเป็นวิปัสสนา
เป็นสมาธิและเป็นปัญญาด้วย

บางอย่างก็เป็นเพียงสมาธิอย่างเดียว
เช่นการบริกรรมพุทโธ
จะได้เพียงอย่างเดียวคือสมาธิความสงบ
จะไม่เห็นไตรลักษณ์ จะไม่เกิดปัญญา

ถ้าพิจารณาอาการ ๓๒ ของร่างกาย
จะเห็นอสุภะความไม่สวยไม่งาม
"เป็นปัญญาที่จะตัดราคะตัณหาได้"
ถ้าใช้กรรมฐานชนิดนี้ ก็จะเหมือน
ยิงกระสุนนัดเดียวได้นก ๒ ตัว

ถ้าถนัดการเจริญมรณานุสติ
หรือพิจารณาอสุภะ
จะได้ทั้ง ๒ อย่างเลย
ได้สมถะแล้วก็ได้วิปัสสนาด้วย
ถ้าพิจารณาความตายอยู่เรื่อยๆ
พิจารณาอสุภะความไม่สวยไม่งาม
ความเป็นปฏิกูลของร่างกายอย่างต่อเนื่อง
"จิตจะสงบ และดับราคะตัณหาด้วย"

เวลาราคะเกิดขึ้น
อสุภกรรมฐานก็จะเข้ามาระงับทันที
พอเห็นว่าสวยว่าหล่อปั๊บ
ก็จะดูทะลุเข้าไปใต้ผิวหนังเลย
ก็จะดับได้ทันที

ถ้าเห็นอสุภะอยู่ตลอดเวลา
จะมีราคะเกิดขึ้นมาได้อย่างไร
ถ้าเห็นแต่ปฏิกูลความสกปรก
เห็นสิ่งที่น่าเกลียดน่าขยะแขยงอยู่ตลอดเวลา
จะเกิดความใคร่ขึ้นมาได้อย่างไร
"มันเกิดไม่ได้".
...........................................
จุลธรรมนำใจ 20 กัณฑ์ 408
ธรรมะบนเขา 31/1/2553
พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
วัดญาณสังวรารามฯ ชลบุรี









"จงทำใจของเราให้อยู่เหนือสิ่งแวดล้อม อย่าให้สิ่งแวดล้อมอยู่เหนือใจของเรา"

คำสอน...หลวงปู่บุญกู้ อนุวฑฺฒโน
วัดพระศรีมหาธาตุ เขตบางเขน กรุงเทพฯ









ความคิดไม่ใช่ความทุกข์ แต่ความเข้าไปยึดในความคิด คือเหตุให้เกิดทุกข์

คำสอนหลวงปู่เทสก์ เทสรังสี








มองตัวเองให้มากจึงจะเป็นคนดีได้
มัวแต่มองท่านผู้อื่นแล้วไซร้ ก็กลายเป็นคนพาลไปไม่รู้ตัว เพราะนิสัยคนพาล ย่อมเพ่งโทษผู้อื่นเป็นวัตร
โบราณท่านกล่าวว่า อุจจาระของตน นั่งดมอยู่ก็พอดมได้
อุจจาระท่านผู้อื่นเล่า มากระทบจมูกเข้าก็เกิดเป็นพิษเป็นภัยขึ้น (โลกทั้งปวงย่อมเป็นแบบนี้เป็นส่วนมาก)

หลวงปู่หล้า เขมปตฺโต









"...องค์ประกอบของการให้ทาน
ที่จะเกิดอานิสงส์ได้มากนั้น
ต้องประกอบไปด้วย
ความบริสุทธิ์ ๓ ประการคือ

๑. วัตถุทานบริสุทธิ์ คือ
วัตถุที่ให้นั้นได้มาด้วยความบริสุทธิ์
ไม่ใช่ได้มาด้วยการขโมย ฉ้อโกง
เบียดเบียนผู้อื่นเขามาแล้ว นำมาทำบุญ
แบบนี้อานิสงส์ไม่เกิด
เปรียบเสมือนมีเมล็ดพันธุ์ที่เลว
ปลูกอย่างไรก็ไม่ขึ้น

๒. เจตนาของผู้ให้บริสุทธิ์
คือ ให้ด้วยความศรัทธา
ด้วยความบริสุทธิ์ใจ
ไม่หวังผลอะไรจาการที่ให้
เช่น ศรัทธาในพระศาสนา
ศรัทธาในพระสงฆ์ที่ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ
เมื่อเลื่อมใสศรัทธาแล้ว
เกิดความปลื้มใจชื่นใจที่ได้ให้
นี่อานิสงส์เกิดทันทีเลย
ได้ความสุขใจเป็นอย่างแรก

๓. ผู้รับเป็นผู้บริสุทธิ์ คือ
ผู้รับเป็นผู้มีศีล มีธรรม
มีความบริสุทธิ์แห่งจิตใจ
โดยเฉพาะพระสงฆ์ที่ปฏิบัติดี ปฏิบัติชอบ
ท่านเปรียบเสมือนเนื้อนาที่ดี
ปลูกอะไรก็งาม
รวมไปถึงบิดามารดา
ที่มีความปรารถนาดีต่อบุตร
ก็เปรียบเสมือนพระพรหมของบุตรด้วย

ดังนั้น ก็ขอให้เราทั้งหลาย
เป็นผู้หมั่นสั่งสมบุญ
ด้วยการบำเพ็ญทาน
เพื่อชำระความตระหนี่
ชำระความโลภออกจากจิตใจ
และเพื่อความสุขอันไพบูลย์
แก่ตนเองทั้งภพนี้
และภพภายภาคหน้า
เป็นเสบียงบุญข้ามภพชาติ
ไปจนกว่าจะถึงซึ่งนิพพาน..."
.

ท่านเจ้าคุณพระภาวนาเขมคุณ
(หลวงพ่อสุรศักดิ์ เขมรังสี)


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 43 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร