ลานธรรมจักร http://www.dhammajak.net/forums/ |
|
วันนี้มีคนมาถาม http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=58750 |
หน้า 3 จากทั้งหมด 18 |
เจ้าของ: | Rosarin [ 08 เม.ย. 2020, 12:35 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: วันนี้มีคนมาถาม |
student เขียน: สักกายาทิฏฐิ ก็มีการที่จะต้องพิจารณา ว่า ทุกข์ อนิจจัง อนัตตา เนื่องจากยังมีปัจจัยปรุงแต่ง ก็ต้องเข้าใจปัจจัยปรุงแต่งนั้นด้วย ปัจจัยปรุงแต่งจึงยังต้องอยู่ด้วยทั้งสมมุติและสัจธรรมตามวาระแห่งสถาณการณ์ จะต่างกับอสังขตธรรม ที่ไม่มีปัจจัยปรุงแต่ง คือ ตัดกิเลส ชาติภพอยู่จบ เดี๋ยวนี้ไม่รู้จักทุกข์ ทุกข์คือสภาพธรรมที่ทรงอยู่ไม่ได้ ก่อนเกิดไม่มีพอเกิดมีนิดนึงแล้วก็ดับไป ทรงไว้ซึ่งทุกขลักษณะเป็นขณิกมรณะกำลังมีที่ตัวเรา สักกายทิฏฐิคือเดี๋ยวนี้ยึดถือขันธ์5ที่กำลังเกิดดับเป็นตัวเรา และมีอัตตานุทิฏฐิคือยึดถือว่ามีคนสัตว์วัตถุนอกกายใจตนเอง ทุกอย่างมีเดี๋ยวนี้เป็นแล้วคือมีตัวกูของกูคือความคิดเห็นผิดว่ามีตัวเรา จนกว่าจะได้ฟังความจริงว่าไม่มีตัวเราจึงหยุดทำสิ่งอื่นเพื่อจะได้เงี่ยโสตลงสดับตรับฟังความจริง บอกให้ฟังเพื่อสะสมความเข้าใจถูก...เข้าใจมั๊ยยยยยยยยยยยยยยยยย https://youtu.be/hHYP58UNnqE |
เจ้าของ: | student [ 09 เม.ย. 2020, 22:32 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: วันนี้มีคนมาถาม |
Rosarin เขียน: student เขียน: สักกายาทิฏฐิ ก็มีการที่จะต้องพิจารณา ว่า ทุกข์ อนิจจัง อนัตตา เนื่องจากยังมีปัจจัยปรุงแต่ง ก็ต้องเข้าใจปัจจัยปรุงแต่งนั้นด้วย ปัจจัยปรุงแต่งจึงยังต้องอยู่ด้วยทั้งสมมุติและสัจธรรมตามวาระแห่งสถาณการณ์ จะต่างกับอสังขตธรรม ที่ไม่มีปัจจัยปรุงแต่ง คือ ตัดกิเลส ชาติภพอยู่จบ เดี๋ยวนี้ไม่รู้จักทุกข์ ทุกข์คือสภาพธรรมที่ทรงอยู่ไม่ได้ ก่อนเกิดไม่มีพอเกิดมีนิดนึงแล้วก็ดับไป ทรงไว้ซึ่งทุกขลักษณะเป็นขณิกมรณะกำลังมีที่ตัวเรา สักกายทิฏฐิคือเดี๋ยวนี้ยึดถือขันธ์5ที่กำลังเกิดดับเป็นตัวเรา และมีอัตตานุทิฏฐิคือยึดถือว่ามีคนสัตว์วัตถุนอกกายใจตนเอง ทุกอย่างมีเดี๋ยวนี้เป็นแล้วคือมีตัวกูของกูคือความคิดเห็นผิดว่ามีตัวเรา จนกว่าจะได้ฟังความจริงว่าไม่มีตัวเราจึงหยุดทำสิ่งอื่นเพื่อจะได้เงี่ยโสตลงสดับตรับฟังความจริง บอกให้ฟังเพื่อสะสมความเข้าใจถูก...เข้าใจมั๊ยยยยยยยยยยยยยยยยย https://youtu.be/hHYP58UNnqE ทุกอย่างคือเหตุปัจจัยครับ กายใจ การรับรู้ การมองเห็น การได้ยิน มีเหตุปัจจัยทั้งนั้น เพราะเป็นสังขตธรรม จะได้ยินตรงแค่ไหนก็เป็นสังขตธรรม คือเหตุปัจจัยปรุงแต่งครับ เห็นสีก็เหตุปัจจัยปรุงแต่งเป็นสังขตธรรม กระพริบตาก็เหตุปัจจัยปรุงแต่ง เป็นสังขารธรรมครับ ไม่ใช่อสังขตธรรมครับ |
เจ้าของ: | student [ 09 เม.ย. 2020, 22:38 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: วันนี้มีคนมาถาม |
สักกายทิฏฐื คือการยึดถือสี ยึดถือการได้ยิน ยึดถือการกระพริบ ยึดถือทุกอย่างที่เป็นสังขตธรรม ว่าเป็นเราเป็นเขา เป็นสี เป็นเสี้ยววินาที เป็นกระพริบ ได้ยินตรง เป็นสังขตธรรมหมดครับ จะตรงแค่ไหนก็เป็นสังขตธรรม เพราะจิตไปยึดสังขตธรรมเป็นอารมณ์ |
เจ้าของ: | Rosarin [ 10 เม.ย. 2020, 09:09 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: วันนี้มีคนมาถาม |
student เขียน: สักกายทิฏฐื คือการยึดถือสี ยึดถือการได้ยิน ยึดถือการกระพริบ ยึดถือทุกอย่างที่เป็นสังขตธรรม ว่าเป็นเราเป็นเขา เป็นสี เป็นเสี้ยววินาที เป็นกระพริบ ได้ยินตรง เป็นสังขตธรรมหมดครับ จะตรงแค่ไหนก็เป็นสังขตธรรม เพราะจิตไปยึดสังขตธรรมเป็นอารมณ์ เดี๋ยวนี้ รู้ความจริงของเสียง หรือได้ยินปุ๊บจำปั๊บว่าเป็นเสียงตัวกูของกู ได้ยินปุ๊บคิดปั๊บว่าเป็นเสียงนกเสียงแมวเสียงแอร์ ฟังยังไงให้มันตรงเหรอ...เสียงเกิดได้ทีละ1เสียงที่จิตรู้เสียงเพียงว่าเป็นเสียงสูงหรือเสียงต่ำแค่1เสียง ไม่ใช่เสียงคนชื่อนั้นไม่ใช่เสียงสุนัขเห่าไม่ใช่เสียงฟ้าร้องจำผิดไปตามจิตคิดนึกไปแล้ว...ฟังตรงแบบไหนรึ? |
เจ้าของ: | Rosarin [ 10 เม.ย. 2020, 09:14 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: วันนี้มีคนมาถาม |
student เขียน: สักกายทิฏฐื คือการยึดถือสี ยึดถือการได้ยิน ยึดถือการกระพริบ ยึดถือทุกอย่างที่เป็นสังขตธรรม ว่าเป็นเราเป็นเขา เป็นสี เป็นเสี้ยววินาที เป็นกระพริบ ได้ยินตรง เป็นสังขตธรรมหมดครับ จะตรงแค่ไหนก็เป็นสังขตธรรม เพราะจิตไปยึดสังขตธรรมเป็นอารมณ์ จิตเกิดดับสลับกันตรง1ทางเท่านั้น ตอนเห็นไม่มีตัวอักษร ตอนคิดไม่มีแสง ถามว่าคิดว่าเห็นตัวอักษร=กำลังเห็นผิดใช่ไหมคะ จิต6ทางมีจิตที่เกิดทางตาเท่านั้นที่เห็นได้ที่มีแสง...จิตอีก5ทางคิดในความมืด=มืดสนิท=มีอวิชชา=โง่นะคะ |
เจ้าของ: | กรัชกาย [ 10 เม.ย. 2020, 10:19 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: วันนี้มีคนมาถาม |
Rosarin เขียน: student เขียน: สักกายทิฏฐื คือการยึดถือสี ยึดถือการได้ยิน ยึดถือการกระพริบ ยึดถือทุกอย่างที่เป็นสังขตธรรม ว่าเป็นเราเป็นเขา เป็นสี เป็นเสี้ยววินาที เป็นกระพริบ ได้ยินตรง เป็นสังขตธรรมหมดครับ จะตรงแค่ไหนก็เป็นสังขตธรรม เพราะจิตไปยึดสังขตธรรมเป็นอารมณ์ จิตเกิดดับสลับกันตรง1ทางเท่านั้น ตอนเห็นไม่มีตัวอักษร ตอนคิดไม่มีแสง ถามว่าคิดว่าเห็นตัวอักษร=กำลังเห็นผิดใช่ไหมคะ จิต6ทางมีจิตที่เกิดทางตาเท่านั้นที่เห็นได้ที่มีแสง...จิตอีก5ทางคิดในความมืด=มืดสนิท=มีอวิชชา=โง่นะคะ เสียเวลาเปล่า |
เจ้าของ: | student [ 10 เม.ย. 2020, 11:51 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: วันนี้มีคนมาถาม |
Rosarin เขียน: student เขียน: สักกายทิฏฐื คือการยึดถือสี ยึดถือการได้ยิน ยึดถือการกระพริบ ยึดถือทุกอย่างที่เป็นสังขตธรรม ว่าเป็นเราเป็นเขา เป็นสี เป็นเสี้ยววินาที เป็นกระพริบ ได้ยินตรง เป็นสังขตธรรมหมดครับ จะตรงแค่ไหนก็เป็นสังขตธรรม เพราะจิตไปยึดสังขตธรรมเป็นอารมณ์ จิตเกิดดับสลับกันตรง1ทางเท่านั้น ตอนเห็นไม่มีตัวอักษร ตอนคิดไม่มีแสง ถามว่าคิดว่าเห็นตัวอักษร=กำลังเห็นผิดใช่ไหมคะ จิต6ทางมีจิตที่เกิดทางตาเท่านั้นที่เห็นได้ที่มีแสง...จิตอีก5ทางคิดในความมืด=มืดสนิท=มีอวิชชา=โง่นะคะ ทางเดียวคือตาที่เห็นแสง แสงนั่นแหละครับ สังขตธรรม ถึงจะ6 ทาง ทุกทางก็สังขตธรรมครับ คือมีปัจจัยปรุงแต่งหมด สังขตธรรมครับ |
เจ้าของ: | student [ 10 เม.ย. 2020, 11:56 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: วันนี้มีคนมาถาม |
จิตเกิดสลับกัน1ทาง 1ทางก็สังขตธรรมครับ เกิดดับ เกิดดับ สังขตธรรมครับ ที่คุณอธิบายมา ก็ลงสังขตธรรมหมด ทั้ง6ทางของคุณสลับกัน ล้วนแต่เป็นสังขตธรรม เป็นสัจธรรมความจริง ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ |
เจ้าของ: | student [ 10 เม.ย. 2020, 12:00 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: วันนี้มีคนมาถาม |
ถึงบอกว่า ยึดติดในสังขตธรรมครับ 6ทาง เกิดดับทีละดวง สลับกัน สังขตธรรมครับ ไม่สามารถเป็นอสังขตธรรมได้ |
เจ้าของ: | student [ 10 เม.ย. 2020, 12:09 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: วันนี้มีคนมาถาม |
จุดมุ่งหมายสูงสุดของพุทธศาสนาคืออสังขตธรรมครับ สังขตธรรมคือธรรมไว้พิจารณา เพื่อหนทางผ่าน ไม่ใช่ว่าให้เข้าไปยึดถือ ไม่ปล่อยวาง |
เจ้าของ: | student [ 10 เม.ย. 2020, 12:16 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: วันนี้มีคนมาถาม |
ส่วนความคิด = สังขาร นี่ก็สังขตธรรม คุณโดนเขาหลอกแล้วครับ ในยูทูป |
เจ้าของ: | Rosarin [ 10 เม.ย. 2020, 15:17 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: วันนี้มีคนมาถาม |
จิตเกิดดับสลับกันตรง1ทางเท่านั้น ตอนเห็นไม่มีตัวอักษร ตอนคิดไม่มีแสง ถามว่าคิดว่าเห็นตัวอักษร=กำลังเห็นผิดใช่ไหมคะ จิต6ทางมีจิตที่เกิดทางตาเท่านั้นที่เห็นได้ที่มีแสง...จิตอีก5ทางคิดในความมืด=มืดสนิท=มีอวิชชา=โง่นะคะ ยังไม่ฉลาดขึ้นสักนิดนึงเลยหรือคะ คิดตรงคำเป็นไหมคะ เห็นไม่เกิดพร้อมคิด ถ้ากำลังคิดพร้อมเห็นแปลว่ากำลังคิดเห็นผิดแล้ว เห็นไม่มีตัวตนคนไม่มีวัตถุไม่มีสิ่งของ/เห็นตรงสัจจะมีแค่สี การรู้ความจริงตรงตามคำสอนได้ต้องคิดตามสัทบัญญัติแล้วเข้าใจตรงคำของอรรถและธรรมนั้น ไม่ใช่คิดเอาตัวตนไปทำอย่างอื่นโดยไม่อาศัยความเข้าใจถูกตรงตามสัทบัญญัติคือรู้ตามตรงเสียงทางหูค่ะ มีหูไว้ฟังเสียงเพื่อเข้าใจความจริงจากการฟังเสียงคำที่คนอื่นกล่าวตรงตามคำของพระพุทธเจ้าตรงที่กำลังมี ไม่ใช่คิดแต่จะไปทำสิ่งอื่นที่ไม่มีเพราะพระพุทธเจ้าตรัสแสดงธรรมตรงตามเหตุปัจจัยที่กายใจทุกคนมีแล้ว ฟังบ้างนะจะได้รู้งัยคะ https://youtu.be/T-XzXt5AjLM |
เจ้าของ: | student [ 10 เม.ย. 2020, 22:25 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: วันนี้มีคนมาถาม |
ธรรมที่ปรากฏ คิดตรงคำ ก็เป็นสังขตธรรมครับ รูป รส กลิ่น เสียง สัมผัส และการรับรู้ รับรู้โดยไม่แปล ตรงคำ ตรงทุกอย่าง นั่นก็คือสังขตธรรม คุณยึดถือเองว่าเป็นตรง ตรงสัจจะ ไม่ต้องแปล ก็เป็นสังขตธรรม เพราะเกิดดับตลอดเวลาอยู่แล้ว คุณไปยึดถือสังขตธรรมในจิตเอง ยิ่งจิต ยิ่งเกิดดับตลอด สังขตธรรม จิตจากตาสว่าง= สังขตธรรม จิตที่ไม่ปรากฏมืดจากทวารอื่น = สังขตธรรม เขารู้กันหมดแล้วในพุทธศาสนา นอกจากลัทธิคุณ ที่ยังไม่รู้เหตุปัจจัย ก็เหมือนการปรากฏจิตที่ไม่แปลอะไรของคุณ คือสังขตธรรม อยู่คนเดียวในที่มืด |
เจ้าของ: | student [ 10 เม.ย. 2020, 22:29 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: วันนี้มีคนมาถาม |
มีคนและสมาชิกเข้ามาอ่านเยอะแยะแล้วครับ เขาไปค้นดูแล้วว่าสังขตธรรมคืออะไร สำหรับคนที่ยังศึกษา สังขตธรรม ก็คือ สังขตธรรม ไม่สามารถยกระดับเป็น อสังขตธรรมได้ เพราะห่วงโซ่ แห่ง ทุกขัง อนิจจัง อนัตตา ร้อยรัดเอาไว้ |
เจ้าของ: | Rosarin [ 11 เม.ย. 2020, 06:25 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: วันนี้มีคนมาถาม |
student เขียน: มีคนและสมาชิกเข้ามาอ่านเยอะแยะแล้วครับ เขาไปค้นดูแล้วว่าสังขตธรรมคืออะไร สำหรับคนที่ยังศึกษา สังขตธรรม ก็คือ สังขตธรรม ไม่สามารถยกระดับเป็น อสังขตธรรมได้ เพราะห่วงโซ่ แห่ง ทุกขัง อนิจจัง อนัตตา ร้อยรัดเอาไว้ ไม่รู้สึกตัวว่าไม่รู้ คิดจำแต่บัญญัติคำ อ่านว่าสังขตธรรมคือเห็นผิด ถ้าจะเข้าใจถูกต้องตรงคำเอาว่า ธรรม คำนี้คำเดียวก่อนตลอดชีวิตก็ไม่มีวันรู้ ธรรมในภาษาบาลีอ่านว่าธัมมะแปลในภาษาไทยว่าสิ่งที่มีจริง สิ่งที่มีจริงคือสิ่งที่กำลังปรากฏว่ามีตรงปัจจุบันขณะตามปกติตามเป็นจริง รู้จักธรรมดาไหมแปลว่ามีอวิชชาเป็นปกติเป็นธรรมดาจนกว่าจะเริ่มฟังเพื่อดับอวิชชา เพราะอวิชชาพาให้เกิดส่วนความคิดพาไปทำตัวตนไม่เคยฟังให้รู้=ไม่ฟังให้เกิดปัญญาตรงทางหูตรงปัจจุบัน ถ้าไม่เริ่มต้นฟังแปลว่าสะสมแต่อวิชชาเพราะเอาตัวไปทำ รู้เสียงตรงคำทีละคำตรงสัจญาณ=สุตมยปัญญา ปัญญาเกิดได้ตามลำดับไม่ข้ามสุตมยปัญญาคือต้องกำลังฟังเสียงคนอื่นกล่าวแล้วคิดตามได้อยู่จริงนะคะ https://youtu.be/7gNV4RT3-9c |
หน้า 3 จากทั้งหมด 18 | เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง |
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group http://www.phpbb.com/ |