ลานธรรมจักร http://www.dhammajak.net/forums/ |
|
วันนี้มีคนมาถาม http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=58750 |
หน้า 18 จากทั้งหมด 18 |
เจ้าของ: | กรัชกาย [ 25 พ.ค. 2020, 09:59 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: วันนี้มีคนมาถาม |
Rosarin เขียน: กรัชกาย เขียน: ปฤษฎี เขียน: พุทโธ! ทำไมกระทู้ที่เราตั้งถึงทำให้คนมาเถียงกันถึงขนาดนี้ ต่อไปตั้งกระทู้อะไรก็จะระวังมากขึ้น ขอโทษทุกท่านด้วยนะครับ https://group.wunjun.com/whatisnippana/ ... 025/reply2 ตกลงที่กำลังมีจริงๆคือขณะนี้รู้อะไร คริคริคริส่งออกไปดูสิ่งที่นอกตานอกตัว ข้างนอกตาดำนั้นน่ะคือเป็นเท็จทั้งหมดเลย สัจจะกำลังมีตรงที่กระทบตากระทบกายก็คือ เฉพาะจุดทีละ1จุดที่คุณกำลังรู้สึกตรงที่มีขณะนี้ ขณะนี้เท่านั้นที่คุณมีที่กายใจกระทบปุ๊บรู้สึกตัวปั๊บ ตรงทีละ1ทางเฉพาะตรงที่กำลังมีตาหูจมูกลิ้นกายใจ ตรงจริงทีละ1จุดใน6จุดเลือกรู้ได้แค่1จุดเฉพาะที่เท่านั้น 1จุดเฉพาะตรงที่กระทบเท่านั้นที่กำลังมีจริงๆดับแล้ว=ไม่มี อย่างอื่นที่ไม่ได้กำลังปรากฏว่ากำลังมีการกระทบที่กายใจให้รู้สึกตัวคือเท็จ=ไม่มี เคยพูดแล้วว่า ลัทธิอย่างคุณโรสซึ่งเป็นศิษย์บ้านธัมมะเนี่ย สักวันหนึ่งเถอะจะเอาไม้เสียบลูกชิ้นทิ่มตาบอด เลอะเทอะสะไม่มี |
เจ้าของ: | Rosarin [ 26 พ.ค. 2020, 10:29 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: วันนี้มีคนมาถาม |
กรัชกาย เขียน: Rosarin เขียน: กรัชกาย เขียน: ปฤษฎี เขียน: พุทโธ! ทำไมกระทู้ที่เราตั้งถึงทำให้คนมาเถียงกันถึงขนาดนี้ ต่อไปตั้งกระทู้อะไรก็จะระวังมากขึ้น ขอโทษทุกท่านด้วยนะครับ https://group.wunjun.com/whatisnippana/ ... 025/reply2 ตกลงที่กำลังมีจริงๆคือขณะนี้รู้อะไร คริคริคริส่งออกไปดูสิ่งที่นอกตานอกตัว ข้างนอกตาดำนั้นน่ะคือเป็นเท็จทั้งหมดเลย สัจจะกำลังมีตรงที่กระทบตากระทบกายก็คือ เฉพาะจุดทีละ1จุดที่คุณกำลังรู้สึกตรงที่มีขณะนี้ ขณะนี้เท่านั้นที่คุณมีที่กายใจกระทบปุ๊บรู้สึกตัวปั๊บ ตรงทีละ1ทางเฉพาะตรงที่กำลังมีตาหูจมูกลิ้นกายใจ ตรงจริงทีละ1จุดใน6จุดเลือกรู้ได้แค่1จุดเฉพาะที่เท่านั้น 1จุดเฉพาะตรงที่กระทบเท่านั้นที่กำลังมีจริงๆดับแล้ว=ไม่มี อย่างอื่นที่ไม่ได้กำลังปรากฏว่ากำลังมีการกระทบที่กายใจให้รู้สึกตัวคือเท็จ=ไม่มี เคยพูดแล้วว่า ลัทธิอย่างคุณโรสซึ่งเป็นศิษย์บ้านธัมมะเนี่ย สักวันหนึ่งเถอะจะเอาไม้เสียบลูกชิ้นทิ่มตาบอด เลอะเทอะสะไม่มี ทำไมไม่ฟังเพื่อเข้าใจถูกตามคำสอนของพระพุทธเจ้าเออน่ะ บอกแล้วว่าปัญญาที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้คือใบไม้ทั้งป่าไม้ ทรงยกมาแสดงเพียงใบไม้3ใบคือทั้งพระไตรปิฏก นั่นน่าเพื่อให้ศึกษาให้เกิดปัญญาเข้าใจถูกตาม พระองค์ไม่ได้ให้เลือกเอา3ใบนั้นไปทำ แต่ทรงบอกให้คิดให้รอบคอบก่อนทำ ทรงแสดงไว้ทั้งทางถูกและทางผิด เลือกเอาไปทำโดยไม่รู้ว่าอะไรถูก คิดไหมว่าที่ทำอยู่คือไม่รู้ว่าทำผิด ฟังเข้าใจไม่ได้ผิดศีลสักข้อดีทันที โดยยังไม่ต้องเอาตัวไปไหนคือทำความเห็นตรงตามคำสอนก่อนไป ฟังบ้างนะ...ตายแล้วกลับมาทำเงี่ยหูฟังใหม่ไม่ได้นะทำได้แต่ตอนที่ยังหายใจอยู่ค่ะ https://youtu.be/Nmb9JUvkvKY |
เจ้าของ: | กรัชกาย [ 28 พ.ค. 2020, 18:45 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: วันนี้มีคนมาถาม |
Rosarin เขียน: ทำไมไม่ฟังเพื่อเข้าใจถูกตามคำสอนของพระพุทธเจ้าเออน่ะ บอกแล้วว่าปัญญาที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้คือใบไม้ทั้งป่าไม้ ทรงยกมาแสดงเพียงใบไม้3ใบคือทั้งพระไตรปิฏก นั่นน่าเพื่อให้ศึกษาให้เกิดปัญญาเข้าใจถูกตาม พระองค์ไม่ได้ให้เลือกเอา3ใบนั้นไปทำ แต่ทรงบอกให้คิดให้รอบคอบก่อนทำ ทรงแสดงไว้ทั้งทางถูกและทางผิด เลือกเอาไปทำโดยไม่รู้ว่าอะไรถูก คิดไหมว่าที่ทำอยู่คือไม่รู้ว่าทำผิด ฟังเข้าใจไม่ได้ผิดศีลสักข้อดีทันที โดยยังไม่ต้องเอาตัวไปไหนคือทำความเห็นตรงตามคำสอนก่อนไป ฟังบ้างนะ...ตายแล้วกลับมาทำเงี่ยหูฟังใหม่ไม่ได้นะทำได้แต่ตอนที่ยังหายใจอยู่ค่ะ https://youtu.be/Nmb9JUvkvKY คุณโรสมีอะไรก็ว่าไปนั่นๆนี่ๆโน่นๆ แล้วก็บอกว่า นี่เป็นความเห็นของแม่สุจินนะคุณแม่เห็นเช่นนี้ว่าเช่นนั้น จะไม่มีคนค้านคนเถียงเลย เพราะเป็นความเห็นเฉพาะกลุ่มเฉพาะตัว แต่คุณโรสพูดๆๆๆนั่นๆนี่ๆไปตามเรื่องตามอารมณ์แล้วไปอ้างตถาคต อ้างพระพุทธเจ้า คนเขาก็ค้านดิ ค้านว่านั่นไม่ใช่คำตถาคต พระพุทธเจ้าไม่ได้ว่าอย่างนั้นไม่ได้พูดอย่างนั้น กล่าวตู่ตถาคตกล่าวตู่พระพุทธเจ้านะ เรื่องมันก็มีแค่นี้แหละ จบข่าว |
เจ้าของ: | กรัชกาย [ 28 พ.ค. 2020, 21:31 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: วันนี้มีคนมาถาม |
อ้างคำพูด: มีโยมคนหนึ่งส่งข้อความมาถึงอาตมาว่า "...กราบนมัสการครับผมพระอาจารย์ เนื่องด้วยตอนนี้ ลัทธิอนุตตรธรรมได้กระทำการชักชวนภิกษุสามเณรมา ที่ท่านไม่ค่อยรู้ในธรรมวินัย ในเขตชนบทต่างๆ มาเข้ากับลัทธิของตัวเอง เพราะเขามีการอ้างว่าเป็นหลักธรรมเดียวกันกับที่พระพุทธเจ้าท่านตรัสสอน โดยมีการอ้างการเข้าทรงต่างๆอ้างทุกอย่างว่า เป็นโองการสวรรค์ ถือว่าเป็นภัยต่อพระศาสนาเป็นอย่างมากครับ มีการสอนว่า แม้แต่พระพุทธเจ้ายังต้องรับธรรมะ จากเขาถึงจะบรรลุธรรมได้. ทางเพจพุทธมหายาน ก็เคยโพสต์ครั้งหนึ่งขอรับว่า ลัทธินี้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับพุทธศาสนาในทุกนิกายกระผมขอให้พระอาจารย์เมตตาเตือนชาวพุทธทั้งหลายด้วยนะครับผม..." ใครรู้จักลัทธินี้บ้าง มีที่มาที่ไปอย่างไร ช่วยตรวจสอบที https://scontent.fbkk5-6.fna.fbcdn.net/ ... e=5EF7267B https://www.facebook.com/paivan01/photo ... =3&theater ทุกวันนี้มีลัทธิ (ความเชื่อถือ) แปลกๆใหม่ๆเกิดขึ้นมากมายเหมือนเห็ดหน้าฝน ชาวบ้านก็รู้จักบ้างไม่รู้จักบ้าง ว่าเห็ดชนิดนี้กินได้ ชนิดนี้กินแล้วเมา คนที่รู้จักก็เก็บไปต้มแกงกินได้อร่อยดีมีประโยชน์ คนที่ไม่รู้จักเก็บไปกินก็เมาอ้วกแตกฉันใด คำสอนของพระพุทธศาสนาก็ฉันนั้น |
เจ้าของ: | กรัชกาย [ 28 พ.ค. 2020, 21:47 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: วันนี้มีคนมาถาม |
ลัทธิอนุตตรธรรม (อักษรจีน: 一貫道 Yīguàn Dào อีก้วนเต้า) หรือเรียกตนเองว่า วิถีอนุตตรธรรม เป็นศาสนาที่หวัง เจฺว๋อี ก่อตั้งขึ้นในประเทศจีนสมัยราชวงศ์ชิงเมื่อปี ค.ศ. 1877 คำสอนเป็นการผสานความเชื่อระหว่างลัทธิขงจื๊อ ลัทธิเต๋า และศาสนาพุทธแบบจีน ทั้งยังยอมรับขนบที่มาจากต่างประเทศ เช่น ศาสนาคริสต์ ศาสนาอิสลามด้วย ลัทธิอนุตตรธรรมเกิดขึ้น และแพร่หลายที่จีนแผ่นดินใหญ่ ต่อมาเกิดการเปลี่ยนแปลงการปกครองไปเป็นระบอบคอมมิวนิสต์ ลัทธิอนุตตรธรรมถูกรัฐบาลกวาดล้างอย่างหนัก จึงย้ายไปเผยแผ่ที่ประเทศไต้หวันตั้งแต่ปี ค.ศ. 1946 ในปัจจุบันถือเป็นศาสนาที่มีศาสนิกชนมากที่สุดเป็นอันดับสามในไต้หวัน (รองจากศาสนาพุทธและศาสนาเต๋า) ในประเทศจีนลัทธินี้ยังไม่ได้รับการยอมรับ ส่วนไต้หวันได้รับรองในปี ค.ศ. 1987 ปัจจุบันลัทธิอนุตตรธรรมมีศาสนิกชนมากกว่า 10 ล้านคน ใน 86 ประเทศทั่วโลก https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%A5 ... 3%E0%B8%A1 |
เจ้าของ: | Rosarina [ 29 พ.ค. 2020, 02:33 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: วันนี้มีคนมาถาม |
กรัชกาย เขียน: Rosarin เขียน: ทำไมไม่ฟังเพื่อเข้าใจถูกตามคำสอนของพระพุทธเจ้าเออน่ะ บอกแล้วว่าปัญญาที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้คือใบไม้ทั้งป่าไม้ ทรงยกมาแสดงเพียงใบไม้3ใบคือทั้งพระไตรปิฏก นั่นน่าเพื่อให้ศึกษาให้เกิดปัญญาเข้าใจถูกตาม พระองค์ไม่ได้ให้เลือกเอา3ใบนั้นไปทำ แต่ทรงบอกให้คิดให้รอบคอบก่อนทำ ทรงแสดงไว้ทั้งทางถูกและทางผิด เลือกเอาไปทำโดยไม่รู้ว่าอะไรถูก คิดไหมว่าที่ทำอยู่คือไม่รู้ว่าทำผิด ฟังเข้าใจไม่ได้ผิดศีลสักข้อดีทันที โดยยังไม่ต้องเอาตัวไปไหนคือทำความเห็นตรงตามคำสอนก่อนไป ฟังบ้างนะ...ตายแล้วกลับมาทำเงี่ยหูฟังใหม่ไม่ได้นะทำได้แต่ตอนที่ยังหายใจอยู่ค่ะ https://youtu.be/Nmb9JUvkvKY คุณโรสมีอะไรก็ว่าไปนั่นๆนี่ๆโน่นๆ แล้วก็บอกว่า นี่เป็นความเห็นของแม่สุจินนะคุณแม่เห็นเช่นนี้ว่าเช่นนั้น จะไม่มีคนค้านคนเถียงเลย เพราะเป็นความเห็นเฉพาะกลุ่มเฉพาะตัว แต่คุณโรสพูดๆๆๆนั่นๆนี่ๆไปตามเรื่องตามอารมณ์แล้วไปอ้างตถาคต อ้างพระพุทธเจ้า คนเขาก็ค้านดิ ค้านว่านั่นไม่ใช่คำตถาคต พระพุทธเจ้าไม่ได้ว่าอย่างนั้นไม่ได้พูดอย่างนั้น กล่าวตู่ตถาคตกล่าวตู่พระพุทธเจ้านะ เรื่องมันก็มีแค่นี้แหละ จบข่าว คุณกรัชกายคิดว่าตนเองรู้จักจิตคนอื่นจากความคิดเขาเหรอ555 ความคิดเป็นจิตไม่ใช่ปัญญาและถ้าเป็นปัญญาต้องรู้ว่าคืออะไรและคิดถูกตัวหรือยัง ไม่ใช่อ่านตรงไหนแค่จำได้555คิดว่าตัวเองรู้หมดรู้จริงสัจจะไม่ต้องท่อง สัจจะต้องรู้ที่กายใจตนเองรู้ทันความคิด=รู้จักจิตของตัวเองไม่ได้กางตำราตอบ คิดออกนอกตัวเมื่อไหร่ถ้าไม่มีปัญญาจะทำอะไรก็ไม่มีปัญญารู้ตัวมั๊ยยยย ความคิดของโรส=จิตของโรส ไม่ใช่ ความคิดอ.สุจินต์=จิตอ.สุจินต์นะคะ ความคิดคือจิตของคนวิปลาศไปต่างๆกันจนกว่าจะคิดตามคำของตถาคต คนที่คิดถูกตรงจริงตามคำตถาคตย่อมพูดสิ่งเดียวกันยังกะแกะแต่คนละดวงจิตนะ |
เจ้าของ: | กรัชกาย [ 29 พ.ค. 2020, 09:55 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: วันนี้มีคนมาถาม |
Rosarina เขียน: กรัชกาย เขียน: Rosarin เขียน: ทำไมไม่ฟังเพื่อเข้าใจถูกตามคำสอนของพระพุทธเจ้าเออน่ะ บอกแล้วว่าปัญญาที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้คือใบไม้ทั้งป่าไม้ ทรงยกมาแสดงเพียงใบไม้3ใบคือทั้งพระไตรปิฏก นั่นน่าเพื่อให้ศึกษาให้เกิดปัญญาเข้าใจถูกตาม พระองค์ไม่ได้ให้เลือกเอา3ใบนั้นไปทำ แต่ทรงบอกให้คิดให้รอบคอบก่อนทำ ทรงแสดงไว้ทั้งทางถูกและทางผิด เลือกเอาไปทำโดยไม่รู้ว่าอะไรถูก คิดไหมว่าที่ทำอยู่คือไม่รู้ว่าทำผิด ฟังเข้าใจไม่ได้ผิดศีลสักข้อดีทันที โดยยังไม่ต้องเอาตัวไปไหนคือทำความเห็นตรงตามคำสอนก่อนไป ฟังบ้างนะ...ตายแล้วกลับมาทำเงี่ยหูฟังใหม่ไม่ได้นะทำได้แต่ตอนที่ยังหายใจอยู่ค่ะ https://youtu.be/Nmb9JUvkvKY คุณโรสมีอะไรก็ว่าไปนั่นๆนี่ๆโน่นๆ แล้วก็บอกว่า นี่เป็นความเห็นของแม่สุจินนะคุณแม่เห็นเช่นนี้ว่าเช่นนั้น จะไม่มีคนค้านคนเถียงเลย เพราะเป็นความเห็นเฉพาะกลุ่มเฉพาะตัว แต่คุณโรสพูดๆๆๆนั่นๆนี่ๆไปตามเรื่องตามอารมณ์แล้วไปอ้างตถาคต อ้างพระพุทธเจ้า คนเขาก็ค้านดิ ค้านว่านั่นไม่ใช่คำตถาคต พระพุทธเจ้าไม่ได้ว่าอย่างนั้นไม่ได้พูดอย่างนั้น กล่าวตู่ตถาคตกล่าวตู่พระพุทธเจ้านะ เรื่องมันก็มีแค่นี้แหละ จบข่าว คุณกรัชกายคิดว่าตนเองรู้จักจิตคนอื่นจากความคิดเขาเหรอ555 ความคิดเป็นจิตไม่ใช่ปัญญาและถ้าเป็นปัญญาต้องรู้ว่าคืออะไรและคิดถูกตัวหรือยัง ไม่ใช่อ่านตรงไหนแค่จำได้555คิดว่าตัวเองรู้หมดรู้จริงสัจจะไม่ต้องท่อง สัจจะต้องรู้ที่กายใจตนเองรู้ทันความคิด=รู้จักจิตของตัวเองไม่ได้กางตำราตอบ คิดออกนอกตัวเมื่อไหร่ถ้าไม่มีปัญญาจะทำอะไรก็ไม่มีปัญญารู้ตัวมั๊ยยยย ความคิดของโรส=จิตของโรส ไม่ใช่ ความคิดอ.สุจินต์=จิตอ.สุจินต์นะคะ ความคิดคือจิตของคนวิปลาศไปต่างๆกันจนกว่าจะคิดตามคำของตถาคต คนที่คิดถูกตรงจริงตามคำตถาคตย่อมพูดสิ่งเดียวกันยังกะแกะแต่คนละดวงจิตนะ ปัญญาตามที่คุณโรสคิดหมายถึงไง จึงเรียกปัญญา ไหนลองว่ามาสิ |
เจ้าของ: | Rosarina [ 29 พ.ค. 2020, 23:50 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: วันนี้มีคนมาถาม |
กรัชกาย เขียน: Rosarina เขียน: กรัชกาย เขียน: Rosarin เขียน: ทำไมไม่ฟังเพื่อเข้าใจถูกตามคำสอนของพระพุทธเจ้าเออน่ะ บอกแล้วว่าปัญญาที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้คือใบไม้ทั้งป่าไม้ ทรงยกมาแสดงเพียงใบไม้3ใบคือทั้งพระไตรปิฏก นั่นน่าเพื่อให้ศึกษาให้เกิดปัญญาเข้าใจถูกตาม พระองค์ไม่ได้ให้เลือกเอา3ใบนั้นไปทำ แต่ทรงบอกให้คิดให้รอบคอบก่อนทำ ทรงแสดงไว้ทั้งทางถูกและทางผิด เลือกเอาไปทำโดยไม่รู้ว่าอะไรถูก คิดไหมว่าที่ทำอยู่คือไม่รู้ว่าทำผิด ฟังเข้าใจไม่ได้ผิดศีลสักข้อดีทันที โดยยังไม่ต้องเอาตัวไปไหนคือทำความเห็นตรงตามคำสอนก่อนไป ฟังบ้างนะ...ตายแล้วกลับมาทำเงี่ยหูฟังใหม่ไม่ได้นะทำได้แต่ตอนที่ยังหายใจอยู่ค่ะ https://youtu.be/Nmb9JUvkvKY คุณโรสมีอะไรก็ว่าไปนั่นๆนี่ๆโน่นๆ แล้วก็บอกว่า นี่เป็นความเห็นของแม่สุจินนะคุณแม่เห็นเช่นนี้ว่าเช่นนั้น จะไม่มีคนค้านคนเถียงเลย เพราะเป็นความเห็นเฉพาะกลุ่มเฉพาะตัว แต่คุณโรสพูดๆๆๆนั่นๆนี่ๆไปตามเรื่องตามอารมณ์แล้วไปอ้างตถาคต อ้างพระพุทธเจ้า คนเขาก็ค้านดิ ค้านว่านั่นไม่ใช่คำตถาคต พระพุทธเจ้าไม่ได้ว่าอย่างนั้นไม่ได้พูดอย่างนั้น กล่าวตู่ตถาคตกล่าวตู่พระพุทธเจ้านะ เรื่องมันก็มีแค่นี้แหละ จบข่าว คุณกรัชกายคิดว่าตนเองรู้จักจิตคนอื่นจากความคิดเขาเหรอ555 ความคิดเป็นจิตไม่ใช่ปัญญาและถ้าเป็นปัญญาต้องรู้ว่าคืออะไรและคิดถูกตัวหรือยัง ไม่ใช่อ่านตรงไหนแค่จำได้555คิดว่าตัวเองรู้หมดรู้จริงสัจจะไม่ต้องท่อง สัจจะต้องรู้ที่กายใจตนเองรู้ทันความคิด=รู้จักจิตของตัวเองไม่ได้กางตำราตอบ คิดออกนอกตัวเมื่อไหร่ถ้าไม่มีปัญญาจะทำอะไรก็ไม่มีปัญญารู้ตัวมั๊ยยยย ความคิดของโรส=จิตของโรส ไม่ใช่ ความคิดอ.สุจินต์=จิตอ.สุจินต์นะคะ ความคิดคือจิตของคนวิปลาศไปต่างๆกันจนกว่าจะคิดตามคำของตถาคต คนที่คิดถูกตรงจริงตามคำตถาคตย่อมพูดสิ่งเดียวกันยังกะแกะแต่คนละดวงจิตนะ ปัญญาตามที่คุณโรสคิดหมายถึงไง จึงเรียกปัญญา ไหนลองว่ามาสิ คุณก็คิดตามให้ตรงสิ...ฟังไม่มากปัญญาก็ไม่เพิ่ม เหมือนคุณเรียนป1-ป.6, ม.1-ม.6, ป.ตรี-ป.เอก จากคำสอนปัญญาเกิดได้ตามลำดับเรียงลำดับไป มีศรัทธาในการฟังมั่นคงที่จะไม่หลงตามคนอื่นไปรึป่าว 1สุตมยปัญญา2จินตามยปัญญา3ภาวนามยปัญญา ฟังบ่อยๆเนืองๆจนเป็นพหุสูตอ่านว่าพะหุสุตะ ถ้าคุณไม่ทำข้อ1ให้แตกฉานโดยละเอียดไม่มีทางเจริญขึ้นเป็นปัญญาลำดับที่2และ3แน่ๆ แล้วพระพุทธเจ้าเทศน์ถึง45ปีคุณเรียนด้วยการฟังสัก45ปีดูสิจะได้รู้ว่าปัญญาเกิดยังไง555 ฟังตามปกติตามเป็นจริงเพราะคำของตถาคตฟังเท่าไหร่ก็ไม่พอคือมีฉันทะที่จะฟังนะคะ ถามว่า...ทำยังไงล่ะ ตอบว่า...เงี่ยโสตลงสดับ และไม่มีใครไปรู้ว่าปัญญาคนอื่นเกิดตอนไหน เพราะไม่มีใครรู้ถึงระดับ1ขณะจิตแบบพระพุทธเจ้า แต่เป็นการฟังเพื่อเข้าใจโดยตรงตรงที่สภาวะนั้นๆเกิดตามที่ตัวเองกำลังเป็นตอนกำลังฟังด้วยนะ ปัญญาคือเจตสิกที่เกิดเป็นคู่หูกับจิตตอนรู้ความจริงถูกตัวตรงตามคำสอนตอนกำลังฟังนั่นแหละ ความคิดคือจิตที่เกิดทางมนายตนะตรงที่ประชุมรวมกันในหัวใจโน่นก็ต้องตอนที่กำลังฟังอยู่ด้วย ถ้าคิดเอาได้คนทั่วโลกก็อะระหันสิคะ...ตกลงแปลว่าถ้าไม่ฟังให้เข้าใจก่อนแปลว่าไม่เกิดปัญญา https://youtu.be/k43G9n8dXyk |
เจ้าของ: | กรัชกาย [ 30 พ.ค. 2020, 05:31 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: วันนี้มีคนมาถาม |
Rosarina เขียน: คุณก็คิดตามให้ตรงสิ...ฟังไม่มากปัญญาก็ไม่เพิ่ม เหมือนคุณเรียนป1-ป.6, ม.1-ม.6, ป.ตรี-ป.เอก จากคำสอนปัญญาเกิดได้ตามลำดับเรียงลำดับไป มีศรัทธาในการฟังมั่นคงที่จะไม่หลงตามคนอื่นไปรึป่าว 1สุตมยปัญญา2จินตามยปัญญา3ภาวนามยปัญญา ฟังบ่อยๆเนืองๆจนเป็นพหุสูตอ่านว่าพะหุสุตะ ถ้าคุณไม่ทำข้อ1ให้แตกฉานโดยละเอียดไม่มีทางเจริญขึ้นเป็นปัญญาลำดับที่2และ3แน่ๆ แล้วพระพุทธเจ้าเทศน์ถึง45ปีคุณเรียนด้วยการฟังสัก45ปีดูสิจะได้รู้ว่าปัญญาเกิดยังไง555 ฟังตามปกติตามเป็นจริงเพราะคำของตถาคตฟังเท่าไหร่ก็ไม่พอคือมีฉันทะที่จะฟังนะคะ ถามว่า...ทำยังไงล่ะ ตอบว่า...เงี่ยโสตลงสดับ และไม่มีใครไปรู้ว่าปัญญาคนอื่นเกิดตอนไหน เพราะไม่มีใครรู้ถึงระดับ1ขณะจิตแบบพระพุทธเจ้า แต่เป็นการฟังเพื่อเข้าใจโดยตรงตรงที่สภาวะนั้นๆเกิดตามที่ตัวเองกำลังเป็นตอนกำลังฟังด้วยนะ ปัญญาคือเจตสิกที่เกิดเป็นคู่หูกับจิตตอนรู้ความจริงถูกตัวตรงตามคำสอนตอนกำลังฟังนั่นแหละ ความคิดคือจิตที่เกิดทางมนายตนะตรงที่ประชุมรวมกันในหัวใจโน่นก็ต้องตอนที่กำลังฟังอยู่ด้วย ถ้าคิดเอาได้คนทั่วโลกก็อะระหันสิคะ...ตกลงแปลว่าถ้าไม่ฟังให้เข้าใจก่อนแปลว่าไม่เกิดปัญญา https://youtu.be/k43G9n8dXyk ฟังคนอื่นบ้างสิ อย่าฟังแต่แม่สุจินคนเดียว |
เจ้าของ: | Rosarin [ 04 มิ.ย. 2020, 23:07 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: วันนี้มีคนมาถาม |
กรัชกาย เขียน: Rosarina เขียน: คุณก็คิดตามให้ตรงสิ...ฟังไม่มากปัญญาก็ไม่เพิ่ม เหมือนคุณเรียนป1-ป.6, ม.1-ม.6, ป.ตรี-ป.เอก จากคำสอนปัญญาเกิดได้ตามลำดับเรียงลำดับไป มีศรัทธาในการฟังมั่นคงที่จะไม่หลงตามคนอื่นไปรึป่าว 1สุตมยปัญญา2จินตามยปัญญา3ภาวนามยปัญญา ฟังบ่อยๆเนืองๆจนเป็นพหุสูตอ่านว่าพะหุสุตะ ถ้าคุณไม่ทำข้อ1ให้แตกฉานโดยละเอียดไม่มีทางเจริญขึ้นเป็นปัญญาลำดับที่2และ3แน่ๆ แล้วพระพุทธเจ้าเทศน์ถึง45ปีคุณเรียนด้วยการฟังสัก45ปีดูสิจะได้รู้ว่าปัญญาเกิดยังไง555 ฟังตามปกติตามเป็นจริงเพราะคำของตถาคตฟังเท่าไหร่ก็ไม่พอคือมีฉันทะที่จะฟังนะคะ ถามว่า...ทำยังไงล่ะ ตอบว่า...เงี่ยโสตลงสดับ และไม่มีใครไปรู้ว่าปัญญาคนอื่นเกิดตอนไหน เพราะไม่มีใครรู้ถึงระดับ1ขณะจิตแบบพระพุทธเจ้า แต่เป็นการฟังเพื่อเข้าใจโดยตรงตรงที่สภาวะนั้นๆเกิดตามที่ตัวเองกำลังเป็นตอนกำลังฟังด้วยนะ ปัญญาคือเจตสิกที่เกิดเป็นคู่หูกับจิตตอนรู้ความจริงถูกตัวตรงตามคำสอนตอนกำลังฟังนั่นแหละ ความคิดคือจิตที่เกิดทางมนายตนะตรงที่ประชุมรวมกันในหัวใจโน่นก็ต้องตอนที่กำลังฟังอยู่ด้วย ถ้าคิดเอาได้คนทั่วโลกก็อะระหันสิคะ...ตกลงแปลว่าถ้าไม่ฟังให้เข้าใจก่อนแปลว่าไม่เกิดปัญญา https://youtu.be/k43G9n8dXyk ฟังคนอื่นบ้างสิ อย่าฟังแต่แม่สุจินคนเดียว คิดสิ...พระพุทธเจ้าตรัสรู้ความจริงที่ไม่มีใครคิดเองได้ แล้วที่พากันเชื่อและทำตามๆกันโดยไม่ฟังคำของตถาคต มีแต่ความอยากได้โดยเอาตัวไปคิดพูดทำและเชื่อผิดๆตามๆกัน ทุกอย่างมันเกิดแล้วตามเหตุตามปัจจัยไม่ได้ทำบอกไม่ฟังเกิดมาตายฟรี ธัมมะทั้งหลายเกิดขึ้นเป็นธรรมดาโดยความเป็นอนัตตา ตรงตามเหตุตามปัจจัยที่กำหนดมาแล้วไม่ได้ทำ/ที่ทำน่ะอัตตา ธัมมะที่เป็นขันธ์ที่กำลังเกิดดับอยู่ทรงไว้ซึ่งความว่างเปล่าจากตัวตน และมีนิพพานเท่านั้นที่ไม่รวมอยู่ในขันธ์ดังนั้นนิพพานจึงไม่มีการเกิดดับ ฟังบ้างเถอะ...นะนะนะ...จะได้มีปัญญาแทรกเกิดตามหลังกิเลสได้ตอนกำลังฟังเพราะปัญญาเกิดได้ทีละนิด https://youtu.be/Ip7yNL6A3Qc |
เจ้าของ: | กรัชกาย [ 30 ส.ค. 2020, 13:25 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: วันนี้มีคนมาถาม |
ปฤษฎี เขียน: วันนี้เจอคำถามแปลกๆ ถามว่าคุณได้นั่งสมาธิบ้างมั้ย ได้ยินว่าปฏิบัติธรรม ก็ตอบว่าตอนเด็กๆ ก็นั่งบ่อย สองวันก่อนก็นั่ง แต่ปกติไม่ค่อยได้นั่ง ก็ใช้ชีวิตตามปกติ แล้วก็ถูกถามต่อไปว่านั่งสมาธิได้อะไร ก็เลยตอบว่าได้ความสงบ แล้วก็เจอคำถามที่สองว่า คุณเคยได้ฌานมั้ย เจอคำถามแบบนี้ก็ไม่รู้จะตอบอย่างไร เพราะผู้ถามก็เป็นผู้ใหม่มาก จึงตอบไปว่าถ้าจะไปถึงความสงบระดับนั้นก็คงไม่ แต่ความสงบทั่วๆไปก็มีตามปกติ และเสริมไปว่า เราไม่ใช่นักบวชที่จำเป็นต้องเจริญความสงบให้ถึงระดับนั้น ก็ศึกษาธรรมะ ฟังธรรม พิจารณาให้เกิดความเข้าใจความจริง ตามคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า เป็นคำถามที่แปลกมากไม่เคยถูกถามมาก่อน ถามว่าเคยได้ฌานมั้ย เป็นที่น่าสังเกตว่าผู้ศึกษาพระพุทธศาสนาใหม่ ที่ไม่รู้พระธรรมแท้ๆ จะมุ่งสนใจในสิ่งที่ไกลตัวและไม่ได้ทำให้เกิดปัญญา ไม่ได้สนใจความจริงแท้ๆที่ปรากฎอยู่เฉพาะหน้า ไม่สนใจสิ่งที่มีอยู่ในขณะนี้ซึ่งเป็นธรรมะแต่ละอย่างที่ควรพิจารณายิ่ง แต่กลับไปสนใจเรื่องสมาธิ เรื่องฌานซึ่งเป็นเรื่องไกลตัว ซึ่งผู้ถามก็ไม่รู้จักว่าสมาธิคืออะไร ฌานคืออะไร ไม่ทราบว่าการเจริญความสงบหรือสมถะเป็นสิ่งที่เจริญให้ถึงอัปนาคือแนบแน่นได้ยาก โดยเฉพาะในเพศคฤหัสถ์ที่เป็นผู้บริโภคกาม เป็นผู้ที่ติดข้องในกามคุณ แสวงหาสาระจากรูป เสียง กลิ่น รส โผฐฐัพพะ อยู่เป็นนิจ เป็นผู้มากด้วยนิวรณ์ จะเจริญให้ได้แม้ปฐมฌานไม่ใช่ของง่ายเลย แม้อุปจารสมาธิก็ไม่ง่าย ต้องอาศัยปัจจัยต่างๆ เช่น สัปปายะ อารมณ์ของสมถะ การรู้จักความต่างของกุศลจิต อกุศลจิต รู้จักนิวรณ์ คือต้องมีปัญญามาก ไม่ใช่ไม่มีปัญญาแล้วจะเจริญความสงบจนเกิดฌานได้ การศึกษาพระพุทธศาสนาจึงควรเริ่มจากการมีความเข้าใจเบื้องต้น คือสัมมาทิฏฐิ ก่อนเป็นเบื้องต้น จึงจะทำให้กุศลประการต่างๆเจริญขึ้น และไม่ไปผิดทาง และต้องรู้ก่อนเลยว่าตัวเราเป็นคนอย่างไร อยู่ในเพศคฤหัสถ์ หรือเป็นนักบวช ถ้าเป็นคฤหัสถ์ อารมณ์สมถะที่ควรคืออะไร แล้วเจริญได้ถึงความสงบระดับไหน รู้อัธยาศัยของตนเอง ว่ายังใคร่ในกามอยู่มาก หรือเป็นผู้หลีกออกจากกาม แปะไว้ พระพุทธเจ้าตรัสจำแนกกามโภคี คือ ชาวบ้าน ๑๐ ประเภท พร้อมทั้งส่วนดี ส่วนเสีย ของแต่ละประเภท มีใจความดังนี้ @กลุ่มที่หนึ่ง แสวงหาไม่ชอบธรรม ๑.พวกหนึ่ง อ แสวงหาทรัพย์โดยไม่ชอบธรรม, ได้ทรัพย์มาแล้ว ไม่เลี้ยงตนให้เป็นสุข ทั้งไม่เผื่อแผ่แบ่งปัน และไม่ใช้ทรัพย์นั้นทำความดี ควรตำหนิทั้ง ๓ สถาน ๒.พวกหนึ่ง แสวงหาทรัพย์โดยไม่ชอบธรรม, ได้ทรัพย์แล้ว เลี้ยงตนให้เป็นสุข แต่ไม่เผื่อแผ่แบ่งปัน และไม่ใช้ทรัพย์นั้นทำความดี ควรตำหนิ ๒ สถาน ควรชม ๑ สถาน ๓.พวกหนึ่ง แสวงหาทรัพย์โดยไม่ชอบธรรม, ได้ทรัพย์มาแล้ว เลี้ยงตนให้เป็นสุข ทั้งเผื่อแผ่แบ่งปัน และใช้ทรัพย์นั้นทำความดี ควรตำหนิ ๑ สถาน ควรชม ๒ สถาน @กลุ่มที่สอง แสวงหาชอบธรรมบ้าง ไม่ชอบธรรมบ้าง ๔.พวกหนึ่ง แสวงหาทรัพย์โดยชอบธรรมบ้าง ไม่ชอบธรรมบ้าง, ได้ทรัพย์มาแล้ว ไม่เลี้ยงตนให้เป็นสุข ทั้งไม่เผื่อแผ่แบ่งปัน และไม่ใช้ทรัพย์นั้นทำความดี ควรตำหนิ ๓ สถาน ควรชม ๑ สถาน ๕.พวกหนึ่ง แสวงหาทรัพย์โดยชอบธรรมบ้าง ไม่ชอบธรรมบ้าง, ได้ทรัพย์มาแล้ว เลี้ยงตนให้เป็นสุข แต่ไม่เผื่อแผ่แบ่งปัน และไม่ใช้ทรัพย์นั้นทำความดี ควรตำหนิ ๒ สถาน ควรชม ๒ สถาน ๖.พวกหนึ่ง แสวงหาทรัพย์โดยชอบธรรมบ้าง ไม่ชอบธรรมบ้าง, ได้ทรัพย์มาแล้ว เลี้ยงตนให้เป็นสุข ทั้งเผื่อแผ่แบ่งปัน และใช้ทรัพย์นั้นทำความดี ควรตำหนิ ๑ สถาน ควรชม ๓ สถาน @กลุ่มที่สาม แสวงหาชอบธรรม ๗.พวกหนึ่ง แสวงหาทรัพย์โดยชอบธรรม, ได้ทรัพย์แล้ว ไม่เลี้ยงตนให้เป็นสุข ทั้งไม่เผื่อแผ่แบ่งปัน และไม่ใช้ทรัพย์นั้นทำความดี ควรตำหนิ ๒ สถาน ควรชม ๑ สถาน ๘.พวกหนึ่ง แสวงหาทรัพย์โดยชอบธรรม, ได้ทรัพย์มาแล้ว เลี้ยงตนให้เป็นสุข แต่ไม่เผื่อแผ่แบ่งปัน และไม่ใช้ทรัพย์นั้นทำความดี ควรตำหนิ ๑ สถาน ควรชม ๒ สถาน ๙.พวกหนึ่ง แสวงหาทรัพย์โดยชอบธรรม, ได้ทรัพย์มาแล้ว เลี้ยงตนให้เป็นสุข ทั้งเผื่อแผ่แบ่งปัน และใช้ทรัพย์นั้นทำความดี แต่ยังติด ยังหมกมุ่น กินใช้ทรัพย์สมบัติ โดยไม่รู้เท่าทันเห็นโทษ ไม่มีปัญญาที่จะทำตนให้เป็นอิสระ ไม่เป็นนายเหนือโภคทรัพย์ ควรชม ๓ สถาน ควรตำหนิ ๑ สถาน พวกพิเศษ แสวงหาชอบธรรม และกินใช้อย่างมีสติสัมปชัญญะ มีจิตใจเป็นอิสระ ๑๐.พวกหนึ่ง แสวงหาทรัพย์โดยชอบธรรม, ได้ทรัพย์มาแล้ว เลี้ยงตนให้เป็นสุข เผื่อแผ่แบ่งปัน และใช้ทรัพย์นั้นทำความดี ไม่ลุ่มหลง ไม่หมกมุ่นมัวเมา กินใช้ทรัพย์สมบัติ โดยรู้เท่าทัน เห็นคุณโทษ ทางดีทางเสียของมัน มีปัญญาทำตนให้เป็นอิสระ เป็นนายเหนือโภคทรัพย์ เป็นชาวบ้านชนิดที่เลิศ ประเสริฐ สูงสุด ควรชม ทั้ง ๔ สถาน. (สํ.สฬ.18/631-643/408-415 ฯลฯ) |
เจ้าของ: | Duangtip [ 31 ธ.ค. 2021, 09:26 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: วันนี้มีคนมาถาม |
เจ้าของ: | sirinpho [ 19 พ.ค. 2022, 21:04 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: วันนี้มีคนมาถาม |
หน้า 18 จากทั้งหมด 18 | เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง |
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group http://www.phpbb.com/ |