วันเวลาปัจจุบัน 29 มี.ค. 2024, 15:56  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 268 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 5, 6, 7, 8, 9, 10, 11 ... 18  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 เม.ย. 2020, 05:54 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


คำสอนขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้านั้น มีครอบคลุมทุกระดับ รวมย่อๆเป็นสอง คือ โลกียธรรมอย่างหนึ่ง โลกุตรธรรมอีกอย่างหนึ่ง
โลกียธรรม ก็คือการดำเนินชีวิตตามธรรม เช่น การทำหน้าที่ที่ท่านกล่าวไว้ในสิงคาลกสูตร เช่น หน้าที่ของบิดามารดาที่มีต่อบุตรธิดา หน้าที่ของบุตรธิดาที่มีต่อบิดามารดา ความกตัญญูกตเวทีต่อผู้คุณ การประกอบสัมมาชีพ ด้วยความขยันหมั่นเพียร มีวิริยอุตสาหะ ไม่เกียจคร้าน ฯลฯ คำสอนทำนองนี้เยอะแยะ
โลกุตรธรรม เป็นระดับของจิตใจที่พ้นไปคืออยู่เหนือโลกธรรม เป็นใครก็ได้เป็นผู้ครองเรือนไม่ใช่ผู้ครองเรือนที่ฝึกหัดพัฒนาจิตจนจิตใจเป็นเช่นนั้นได้ นี่ขั้นโลกุตระเหนือโลก

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 เม.ย. 2020, 09:31 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


คำสอนที่เรียกว่าโลกียธรรมที่สอนชาวบ้าน

พระพุทธเจ้าตรัสจำแนกกามโภคี คือชาวบ้านออกเป็น ๑๐ ประเภท พร้อมทั้งส่วนดี และส่วนเสีย ของแต่ละประเภท มีใจความดังนี้

กลุ่มที่ 1 แสวงหาไม่ชอบธรรม

1. พวกหนึ่ง แสวงหาโภคทรัพย์โดยไม่ชอบธรรม ได้ทรัพย์มาแล้วไม่เลี้ยงตนให้เป็นสุข, ทั้งไม่เผื่อแผ่แบ่งปัน และไม่ใช้ทรัพย์ทำความดี - ควรตำหนิทั้ง 3 สถาน

2. พวกหนึ่ง แสวงหาทรัพย์โดยไม่ชอบธรรม ได้ทรัพย์แล้วเลี้ยงตนให้เป็นสุข, แต่ไม่เผื่อแผ่จ่ายแบ่งปัน และไม่ใช้ทรัพย์นั้นทำความดี - ควรตำหนิ 2 สถาน ควรชม 1 สถาน

3. พวกหนึ่ง แสวงหาทรัพย์โดยไม่ชอบธรรม ได้ทรัพย์มาแล้ว เลี้ยงตนให้เป็นสุข, ทั้งเผื่อแผ่แบ่งปัน และใช้ทรัพย์นั้นทำความดี - ควรตำหนิ 1 สถาน ควรชม 2 สถาน

กลุ่มที่ 2 แสวงหาชอบธรรมบ้าง ไม่ชอบธรรมบ้าง

4. พวกหนึ่ง แสวงหาโภคทรัพย์โดยชอบธรรมบ้างไม่ชอบธรรมบ้าง ได้ทรัพย์มาแล้ว ไม่เลี้ยงตนให้เป็นสุข. ไม่เผื่อแผ่แบ่งปัน และไม่ใช้ทรัพย์นั้นทำความดี – ควรตำหนิ 3 สถาน ควรชม 1 สถาน

5. พวกหนึ่ง แสวงหาทรัพย์โดยชอบธรรมบ้าง ไม่ชอบธรรมบ้าง ได้ทรัพย์มาแล้ว เลี้ยงตนให้เป็นสุข, แต่ไม่เผื่อแผ่แบ่งปัน และไม่ใช้ทรัพย์นั้นทำความดี - ควรตำหนิ 2 สถาน ควรชม 2 สถาน

6. พวกหนึ่ง แสวงหาทรัพย์โดยชอบธรรมบ้าง ไม่ชอบธรรมบ้าง ได้ทรัพย์มาแล้ว เลี้ยงตนให้เป็นสุข, ทั้งเผื่อนแผ่แบ่งปัน และใช้ทรัพย์นั้นทำความดี - ควรตำหนิ 1 สถาน ควรชม 3 สถาน

กลุ่มที่ 3 แสวงหาชอบธรรม

7. พวกหนึ่ง แสวงหาทรัพย์โดยชอบธรรม ได้ทรัพย์มาแล้ว ไม่เลี้ยงตนให้เป็นสุข, ทั้งไม่เผื่อนแผ่แบ่ง และไม่ใช้ทรัพย์นั้นทำความดี - ควรตำหนิ 2 สถาน ควรชม 1 สถาน

8. พวกหนึ่ง แสวงหาทรัพย์โดยชอบธรรม ได้ทรัพย์มาแล้ว เลี้ยงตนให้เป็นสุข, แต่ไม่เผื่อแผ่แบ่งปัน และไม่ใช้ทรัพย์นั้นทำความดี - ควรตำหนิ 1 สถาน ควรชม 2 สถาน

9. พวกหนึ่ง แสวงหาทรัพย์โดยชอบธรรม ได้ทรัพย์มาแล้ว เลี้ยงตนให้เป็นสุข, ทั้งเผื่อแผ่แบ่งปัน และใช้ทำความดี; แต่ยังติด ยังหมกมุ่น กินใช้ทรัพย์สมบัติ โดยไม่รู้เท่าทันเห็นโทษ ไม่มีปัญญาที่จะทำตนให้เป็นอิสระ เป็นนายเหนือโภคทรัพย์ - ควรตำหนิ 3 สถาน ควรชม 1 สถาน

พวกพิเศษ : แสวงหาชอบธรรม และกินใช้อย่างมีสติสัมปชัญญะ มิจิตใจเป็นอิสระ

10. พวกหนึ่ง แสวงหาโภคทรัพย์โดยชอบธรรม ได้ทรัพย์มาแล้ว เลี้ยงตนให้เป็นสุข, เผื่อแผ่แบ่งปัน และใช้ทรัพย์นั้นทำความดี; ไม่ลุ่มหลง ไม่หมกมุ่นมัวเมา กินใช้ทรัพย์สมบัติ โดยรู้เท่าทัน เห็นคุณโทษ ทางดีทางเสียของมัน มีปัญญาทำตนให้เป็นอิสระ - เป็นชาวบ้านชนิดที่เลิศ ประเสริฐ สูงสุด ควรชมทั้ง 4 สถาน
(สํ.สฬ.18/631-643/408-451 ฯลฯ)

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 เม.ย. 2020, 13:15 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เมโลกสวยก็หายไปหลายวันแล้ว :b1:

คุณโรสก็หายไปอีกคน หรือว่ายังฟังคลิปไม่จบจึงไม่มีอะไรมาบอกมาเถียง :b32:

จขกท. ด้วย ตั้ง กท.แล้วเงียบไปเบย :b12:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 เม.ย. 2020, 16:01 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7503

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:


พระธรรมคำสอนมีที่กายใจของทุกคนตรงปัจจุบันตามคำสอน
พระธรรมคำสอนทุกคำมีไว้ให้เทียบความจริงที่กำลังมีเดี๋ยวนี้
และจะรู้ความจริงตรงตามได้ต้องคิดตามตรงคำตรงที่กายใจมี
บัญญัติคำในพระธรรมคำสอนเป็นปัญญาของพระพุทธเจ้านะคะ
เข้าใจไหมคะว่าปัญญาตนเองจะมีเกิดขึ้นได้เกิดจากกำลังคิดตามได้
คือต้องกำลังคิดตามได้ตรงความจริงที่ร่างกายตนเองกำลังมีตรงคำถึงจะจำได้ตรงสัจจะ
ฟังไลฟ์สดออนไลน์หน่อยดีไหมคะจะได้เลิกปรุงสัญญาเก่าที่ไปจำบัญญัติคำเอาไว้แล้วคิดว่าเป็นปัญญา
https://youtu.be/AmhXwSTjN0Q
:b12:
:b32: :b32:


เห็นเน้นจังกายใจๆ รู้เปล่ากายใจอยู่ที่ไหน เอาชัดๆ

บอกแล้วว่าเคยฟังแล้ว เหมือนเคยบอกแล้วว่า เสียงดีเสียงเพราะพูดมีจังหวะจะโคนชัดถ้อยชัดคำนี่โอสมกับเคยเป็นครูเป็นอาจารย์ นี่ยอมรับ แต่มาพูดธัมมะเสียงก็ยังดีแต่ที่พูดนะมันเป็นทิฏฐิของคนๆหนึ่ง

cool
ตอนนี้รู้สึกได้ว่ามีกายตรงไหนก็ตรงนั้นแหละมีตัวตนแล้วกำลังมีอวิชชาอยู่ค่ะ
ที่ไม่มีคือไม่รู้ว่ากำลังมีกิเลสเท่ากับไม่รู้ตัวว่าไม่มีตัวตนเดี๋ยวนี้จะรอเอาไปคิดได้เมื่อไหร่ล่ะคะ
:b12:
:b4: :b4:



"ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ" นี่มีกายใจไหม ตอบ

1. ไม่มี
2. มี

ตอบข้อไหน 1 หรือ 2

:b32:
ก็บอกแล้วว่าที่ถามเนี่ยกำลังมีนิวรณธรรมสงสัยคนอื่นถึงมาถามแสดงว่าไม่รู้จักตนเองตรงๆเลย
กำลังมีความคิดว่ามีตาหูจมูกลิ้นกายใจมีตัวมีตนเนี่ยเรียกว่ามีอุปาทานขันธ์เป็นตัวเองยึดมั่นตัวตน
บอกว่าจะรู้สึกตัวถูกตามคำสอนได้ต้องกำลังฟังแล้วคิดตามอยู่ทำให้คิดถูกตามได้ว่ากำลังเป็นยังไง
ก็เดี๋ยวนี้ตัวเองน่ะมีหมดทุกอย่างแล้วคือตัวตนกิเลสอุปาทานอวิชชาที่ไม่มีคือไม่ทำปัญญาตรงตามคำสอน
ฟังให้รู้สึกตัวว่าตัวเองไม่รู้ตัวว่ากำลังมีกิเลสและยึดอัตตาตัวตนประมาทไม่ฟังเพื่อให้เกิดปัญญาเพิ่มขึ้นอยู่ค่ะ
ทุกอย่างเกิดแล้วเป็นแล้วแต่ไม่รู้ว่าเป็นอะไรเพราะไม่เคยคิดถูกตามคำสอนได้เลยสักคำมัวแต่ไปทำอวิชชา
onion onion onion



ไม่ตอบ คคห.ข้างบนนั่นใช่ไหม ถ้างั้นเอาใหม่ คนๆนี้เขามีกาย มีใจไหม

จิตบอกให้หยุดหายใจ
ผู้รู้ช่วยบอกหน่อยค่ะ เป็นอันตรายหรือปฏิบัติผิดทางไหมค่ะ เพราะฝึกทำเองโดยไม่มีครูบาอาจารย์สอนค่ะ หนูฝึกดูจิตมาประมาณ 2 เดือนแล้วค่ะ แรกๆก็เห็นจิตฟุ้งซ่านมาก
ช่วงหลังๆจิตเริ่มสงบ ไม่ไหลออกไปตามอารมณ์ข้างนอก แต่เริ่มเห็นจิต เฉยๆบ้าง สุขบ้าง
บางครั้งรู้สึกหดหู่เป็นทุกข์เบื่อโลกมากๆเลยค่ะ มันเป็นของมันเองควบคุมอารมณ์นี้ไม่ได้
ได้แต่ตามดูเฉยๆรู้สึกว่ามันไม่ใช่ของเราเหมือนเราไม่มีตัวตนเลยค่ะ
บางครั้งก็นอนดูจิตไปเรื่อยๆแล้วเหมือนว่าตัวเองจะเคลิ้มๆไป แต่ยังมีสติรู้สึกตัวค่ะ
อยู่ดีๆจิตก็พูดว่า ลองหยุดหายใจตายดูหน่อยสิ แล้วหนูก็หยุดหายใจตามไปด้วย บังคับร่างกายไม่ได้เลยค่ะ ตอนนั้นขยับร่างกายไม่ได้ด้วยค่ะ
รู้สึกเริ่มกลัวก็เลยพยายามฝืนจนหายใจได้ ตอนนั้นรู้สึกอึดอัดและรีบสูดลมหายใจเข้าปอดค่ะ ถ้าปล่อยไปนานกว่านี้ คิดว่าตัวเองต้องตายจริงแน่ๆเลยค่ะ
เกิดจากอะไรค่ะ หนูทำผิดทางไหมค่ะ ถ้าเกิดเป็นอีกจะทำอย่างไรดีค่ะ

ถ้าเทียบกับสอง ตย.ก่อนหน้า คุณโรส ฟัง เขาคิด แต่ ตย. นี้ภาวนา (ภาวนามยปัญญา) โฟกัสข้อความที่ขีดเส้นใต้ ไม่ใช่ตัวตนมันต้องเห็นจากส่วนลึกของจิตวิญญาณ ไม่ใช่คิดวาดภาพเอา ไม่ใช่ฟังจากคนอื่นพูดให้ฟัง

:b32:
คนบนโลกนี้คิดว่าตัวเองมีสมองปัญญาใช่ไหม
ปกติของคนที่ไม่ตายเนี่ยใครไม่รู้ว่ามีชีวิต
และคนที่มีชีวิตคือคนที่มีลมหายใจใช่ไหม
คนตายคือคนที่ไม่มีลมหายใจเป็นปกติมั๊ย
ไม่เข้าใจเหรอว่าคำสอนของพระพุทธเจ้า
เข้าใจได้ด้วยการคิดตามให้ถูกตามปกติ
คือคิดถูกตัวตนตอนมีคนออกเสียงให้ฟัง
เข้าใจได้ทันทีโดยยังไม่ทำอะไรเลย
ที่ไปน่ะบอกไม่เคยฟังเลยใช่ไหม
คือปกติฟังเข้าใจสิ่งที่มีแล้วเนี่ย
คือฟังตรงสิ่งที่มีแล้วที่ตัวตน
ฟังสิ่งที่มีจริงที่กำลังมีเดี๋ยวนี้
ไม่ใช่ไปไหนๆไปหาใช่ไหม
บอกว่ามีแล้วหัดฟังให้เข้าใจ
ที่ไปสถานที่ต่างๆเพื่อไปหาอะไร
บอกว่าทุกอย่างมีที่ตัวตนตัวเองฟังให้มันรู้สึกตัวว่าที่ไปหาไปทำไปเพราะไม่รู้ว่ามีที่ตัว
จะไปหาที่ไหนก็ไม่มีทางเจอเพราะทางรู้ตามปกติคือฟังให้รู้สึกตัวตรงตามที่กำลังได้ยิน...ไม่รู้น๊าถึงไปหา
:b12:
:b4: :b4:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 เม.ย. 2020, 17:16 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7503

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
กรัชกาย เขียน:


ไม่ตอบ คคห.ข้างบนนั่นใช่ไหม ถ้างั้นเอาใหม่ คนๆนี้เขามีกาย มีใจไหม

จิตบอกให้หยุดหายใจ
ผู้รู้ช่วยบอกหน่อยค่ะ เป็นอันตรายหรือปฏิบัติผิดทางไหมค่ะ เพราะฝึกทำเองโดยไม่มีครูบาอาจารย์สอนค่ะ หนูฝึกดูจิตมาประมาณ 2 เดือนแล้วค่ะ แรกๆก็เห็นจิตฟุ้งซ่านมาก
ช่วงหลังๆจิตเริ่มสงบ ไม่ไหลออกไปตามอารมณ์ข้างนอก แต่เริ่มเห็นจิต เฉยๆบ้าง สุขบ้าง
บางครั้งรู้สึกหดหู่เป็นทุกข์เบื่อโลกมากๆเลยค่ะ มันเป็นของมันเองควบคุมอารมณ์นี้ไม่ได้
ได้แต่ตามดูเฉยๆรู้สึกว่ามันไม่ใช่ของเราเหมือนเราไม่มีตัวตนเลยค่ะ
บางครั้งก็นอนดูจิตไปเรื่อยๆแล้วเหมือนว่าตัวเองจะเคลิ้มๆไป แต่ยังมีสติรู้สึกตัวค่ะ
อยู่ดีๆจิตก็พูดว่า ลองหยุดหายใจตายดูหน่อยสิ แล้วหนูก็หยุดหายใจตามไปด้วย บังคับร่างกายไม่ได้เลยค่ะ ตอนนั้นขยับร่างกายไม่ได้ด้วยค่ะ
รู้สึกเริ่มกลัวก็เลยพยายามฝืนจนหายใจได้ ตอนนั้นรู้สึกอึดอัดและรีบสูดลมหายใจเข้าปอดค่ะ ถ้าปล่อยไปนานกว่านี้ คิดว่าตัวเองต้องตายจริงแน่ๆเลยค่ะ
เกิดจากอะไรค่ะ หนูทำผิดทางไหมค่ะ ถ้าเกิดเป็นอีกจะทำอย่างไรดีค่ะ

ถ้าเทียบกับสอง ตย.ก่อนหน้า คุณโรสฟัง เขาคิด แต่ ตย. นี้ภาวนา (ภาวนามยปัญญา) โฟกัสข้อความที่ขีดเส้นใต้ ไม่ใช่ตัวตนมันต้องเห็นจากส่วนลึกของจิตวิญญาณ ไม่ใช่คิดวาดภาพเอา ไม่ใช่ฟังจากคนอื่นพูดให้ฟัง


เห็นมา เอามาให้เทียบอีก :b1:
ข้างบนเขาก็ยังยึดยังติด (อุปาทาน) ในรูปนามยังกลัวตาย (ความจริงรูปนามมันเป็นเช่นนั้นมันไม่ตายหรอก :b32: แต่มันหลอกว่าจะตาย เราเลยกลัว)

ส่วนข้างล่างนี่

รูปภาพ

คนอ่านแล้วคิดตามเหตุตามผลแล้วร้องอ๋อ เออๆๆจริงๆอย่างนั้นตรรกะพื้นๆ
คคห. บนลึกกว่า เพราะเขาสัมผัสสภาวธรรมเอง แต่เขายึดสภาวะนั้น จึงไปต่อไม่ได้
ถ้ามีคำถามว่า ผู้ปฏิบัติแบบนั้นจะไปต่อต้องทำอย่างไร? คำตอบ คือ ต้องกำหนดรู้สภาวะนั้นทุกๆขณะ รู้สึกอย่างไรเป็นอย่างไร ต้องกำหนดอย่างนั้น รู้สึกจะเป็นจะตายจะอ้วกแตกอ้วกแตนก็กำหนดจิตตรงๆสภาวะ ไม่เลี่ยงหนีความจะเป็นจะตายนั่น ตัวอย่างวิธี จะตายหนอๆๆๆ :b12: คุณโรสไม่เข้าใจ :b1: แต่บอกคนที่ทำกรรมฐานซึ่งทำจริงๆให้มีทางออกมีทางไปต่อ

:b12:
หลงผิด จำผิด เข้าใจผิดว่า มีตัวเราจำทุกๆคำ
บอกว่าอดีตคำที่ไปจำมานั้นน่ามันวิปลาส
ที่เคยจำมาแล้วเป็นอดีตเอากลับมารู้ไม่ได้
ความรู้ตรงปัจจุบันตรงคำต้องเดี๋ยวนี้มีตรง1คำไหน
ที่ตัวตนตัวเองกำลังมีตัวจริงธัมมะเกิดดับนับแสนโกฏิขณะ
คือมันมีแล้วนับไม่ถ้วนเลยบอกให้เพียรฟังสิ่งที่มีแล้วตรงตามเหตุปัจจัย...ไม่ได้ทำๆๆๆๆๆเข้าใจไหมมมมมมม
พระพุทธเจ้าตรัสรู้ความจริงของสิ่งที่ไม่มีใครคิดเองได้เลยนอกจากฟังไตร่ตรองความจริงที่ตัวเองมีให้เข้าใจ
:b32:
:b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 เม.ย. 2020, 17:28 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7503

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


student เขียน:
การเกิดดับนามรูปมีเหตุปัจจัย

พระพุทธเจ้าแสดงเหตุของธรรม

พร้อมกับการดับลงของเหตุ

สมบูรณ์ ต้น กลาง ปลาย

ธรรมทั้งปวงล้วนเกิดแต่เหตุ

หากไม่แจ้งแทงทะลุ

มันก็จะกลายเป็นลัทธิลอกเลียนแบบนะครับ

คืออยากจะเป็นพุทธ แต่ไม่ยอมรับคำสอนของพระพุทธเจ้า

แต่อ้างชื่อพระพุทธเจ้า และตู่คำสอนของพระพุทธเจ้า

มันถึงกลายเป็นมอจฉาทิฏฐิอยู่อย่างนี้

อ้างว่าอวิชชาเป็นแบบนั้นแบบนี้
ตัวเองนั้นอวิชชาล้นหัวดูไม่ออก

:b12:
เกิดเพราะมีอวิชชาคือมีมิจฉาทิฏฐิมีแล้วไม่ต้องทำ
ที่คิดทำสิ่งต่างๆอยู่เดี๋ยวนี้คิดเอาเองทั้งนั้นเลยเป็นปกติ
ปกติมีตัวตนคิดพูดทำตามที่อยากทำไม่คิดตรงตามคำตถาคต
จะรู้ความจริงเมื่อไหร่ว่าเดี๋ยวนี้ตัวเรามันไม่มีจริงตรงตามคำสอน
ที่เป็นตัวตนคิดทำโน่นนั่นนั้นน่ะคืออยากทำให้รู้ไม่ทำปัญญาตรงปัจจุบัน
ตัวคุณไม่มีมีแค่เห็น1ขณะแล้วคิดนึกจำในความมืดมิดโดยไม่รู้ว่ากำลังมีอุปาทานว่ามีตัวตน
ก็บอกไม่ฟังอยู่เดี๋ยวนี้จะให้ว่ายังไง...ทุกคำในพระไตรปิฏกคือปัจจุบันทุกขณะจิตที่ตถาคตตรัสรู้ไม่ใช่คิดเอา
ไม่มีใครทำแบบตถาคตได้...แล้วไม่รู้สึกตัวเหรอว่าคนที่คิดเองได้มี2คนคือ1พระพุทธเจ้า2พระปัจเจกพุทธเจ้า
ตัวเองใช่ตถาคตไหมศึกษาประวัติพระองค์ไม่ใช่เหรอแล้วคำสอนยังมีเผยแพร่ไม่ใช่ยุคเกิดของพระปัจเจกฯ
:b32: :b32:
ไม่ฟังกันเลยจึงมีแต่ความอยากเอาอยากทำให้ได้เพิ่ม...คำของตถาคตเป็นไปเพื่อรู้แล้วลดละความอยากได้
ฟังบ้างจะได้ไม่เสียชาติที่เกิดมาตาไม่บอด+หูไม่หนวกตายแล้วหมดโอกาสฟังมันย้อนเวลากลับมาฟังไม่ได้
https://youtu.be/qOsjP4DjQWY
:b4: :b4:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 เม.ย. 2020, 19:12 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


คิกๆๆ มาถึงก็เอาใหญ่เบยนะ :b32:

อวิชชา อวิชชา :b12:

ก็บอกแล้วว่า จำพวกนี้ ต้องปฏิบัติตามหลักไตรสิกขา มันจะค่อยๆเจือจางเบาบางลง (ปฏิบัติให้ถูกวิธีด้วยนะ) ดูอีกที

ศีล กำจัดกิเลสอย่างหยาบที่ล่วงออกมาทางกาย ทางวาจา
สมาธิ กำจัดกิเลสอย่างกลาง คือ นิวรณ์
ปัญญา กำจัดกิเลสอย่างละเอียด คือ อวิชชา

แต่ดูเหมือนคุณโรส ไม่มีหลักทางพระพุทธศาสนาเลย ได้แต่พูดไปตามหลักแม่สุจิน :b12: บอกไม่เชื่อ :b32: พูดบอกจนปากจะฉีกถึงใบหูแล้วนะ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 เม.ย. 2020, 20:19 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7503

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
คิกๆๆ มาถึงก็เอาใหญ่เบยนะ :b32:

อวิชชา อวิชชา :b12:

ก็บอกแล้วว่า จำพวกนี้ ต้องปฏิบัติตามหลักไตรสิกขา มันจะค่อยๆเจือจางเบาบางลง (ปฏิบัติให้ถูกวิธีด้วยนะ) ดูอีกที

ศีล กำจัดกิเลสอย่างหยาบที่ล่วงออกมาทางกาย ทางวาจา
สมาธิ กำจัดกิเลสอย่างกลาง คือ นิวรณ์
ปัญญา กำจัดกิเลสอย่างละเอียด คือ อวิชชา

แต่ดูเหมือนคุณโรส ไม่มีหลักทางพระพุทธศาสนาเลย ได้แต่พูดไปตามหลักแม่สุจิน :b12: บอกไม่เชื่อ :b32: พูดบอกจนปากจะฉีกถึงใบหูแล้วนะ

:b32:
แน๊ยังจะมาเถียงอยู่อิ๊ก
ระดับจิตวิญญาณไม่มีตัวตน
ไม่มีการมาการไปเพราะมันไม่เคยมี
แต่พอมีขึ้นมาก็มายึดถือเป็นตัวเป็นตน
มีแต่จินตนาการเป็นตัวตนไปทำสิ่งโน้นสิ่งนี้
แล้วก็เฝ้ายึดถือคิดถึงแต่การได้มาเสียไปของตัวตน
ก็บอกจนเสียงสะท้อนไปถึงขอบจักรวาลจนสะท้อนเป็นคำเข้าหูก็ยังคิดไม่ได้อยู่555
:b12: :b12:
https://youtu.be/Mxu_tG7v25M


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 เม.ย. 2020, 20:48 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
คิกๆๆ มาถึงก็เอาใหญ่เบยนะ :b32:

อวิชชา อวิชชา :b12:

ก็บอกแล้วว่า จำพวกนี้ ต้องปฏิบัติตามหลักไตรสิกขา มันจะค่อยๆเจือจางเบาบางลง (ปฏิบัติให้ถูกวิธีด้วยนะ) ดูอีกที

ศีล กำจัดกิเลสอย่างหยาบที่ล่วงออกมาทางกาย ทางวาจา
สมาธิ กำจัดกิเลสอย่างกลาง คือ นิวรณ์
ปัญญา กำจัดกิเลสอย่างละเอียด คือ อวิชชา

แต่ดูเหมือนคุณโรส ไม่มีหลักทางพระพุทธศาสนาเลย ได้แต่พูดไปตามหลักแม่สุจิน :b12: บอกไม่เชื่อ :b32: พูดบอกจนปากจะฉีกถึงใบหูแล้วนะ

:b32:
แน๊ยังจะมาเถียงอยู่อิ๊ก
ระดับจิตวิญญาณไม่มีตัวตน
ไม่มีการมาการไปเพราะมันไม่เคยมี
แต่พอมีขึ้นมาก็มายึดถือเป็นตัวเป็นตน
มีแต่จินตนาการเป็นตัวตนไปทำสิ่งโน้นสิ่งนี้
แล้วก็เฝ้ายึดถือคิดถึงแต่การได้มาเสียไปของตัวตน
ก็บอกจนเสียงสะท้อนไปถึงขอบจักรวาลจนสะท้อนเป็นคำเข้าหูก็ยังคิดไม่ได้อยู่555
:b12: :b12:
https://youtu.be/Mxu_tG7v25M


แน่ๆๆ ไม่มีการมาไม่มีการไปด้วย พูดเลียนแบบแต่ก็ไม่รู้ความหมายเขา แหมๆ ไม่มีการมาไม่มีการไป เคยได้ยินนักธรรมะพูดบ่อยๆเหมือนกัน ก็ลองไปค้นๆดูว่าเขาเอาที่ไหนมาพูด เห็นแล้ว :b1: :b13:

:b32: ถามจริงๆ คุณโรสไปทำงานแล้วกลับมาบ้านไหม หรือกินนอนที่ที่ทำงานทั้งปีทั้งชาติ ไม่มีการไปไม่มีการมา นอนที่ที่ทำงานเลย :b35:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 เม.ย. 2020, 21:11 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7503

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
คิกๆๆ มาถึงก็เอาใหญ่เบยนะ :b32:

อวิชชา อวิชชา :b12:

ก็บอกแล้วว่า จำพวกนี้ ต้องปฏิบัติตามหลักไตรสิกขา มันจะค่อยๆเจือจางเบาบางลง (ปฏิบัติให้ถูกวิธีด้วยนะ) ดูอีกที

ศีล กำจัดกิเลสอย่างหยาบที่ล่วงออกมาทางกาย ทางวาจา
สมาธิ กำจัดกิเลสอย่างกลาง คือ นิวรณ์
ปัญญา กำจัดกิเลสอย่างละเอียด คือ อวิชชา

แต่ดูเหมือนคุณโรส ไม่มีหลักทางพระพุทธศาสนาเลย ได้แต่พูดไปตามหลักแม่สุจิน :b12: บอกไม่เชื่อ :b32: พูดบอกจนปากจะฉีกถึงใบหูแล้วนะ

:b32:
แน๊ยังจะมาเถียงอยู่อิ๊ก
ระดับจิตวิญญาณไม่มีตัวตน
ไม่มีการมาการไปเพราะมันไม่เคยมี
แต่พอมีขึ้นมาก็มายึดถือเป็นตัวเป็นตน
มีแต่จินตนาการเป็นตัวตนไปทำสิ่งโน้นสิ่งนี้
แล้วก็เฝ้ายึดถือคิดถึงแต่การได้มาเสียไปของตัวตน
ก็บอกจนเสียงสะท้อนไปถึงขอบจักรวาลจนสะท้อนเป็นคำเข้าหูก็ยังคิดไม่ได้อยู่555
:b12: :b12:
https://youtu.be/Mxu_tG7v25M


แน่ๆๆ ไม่มีการมาไม่มีการไปด้วย พูดเลียนแบบแต่ก็ไม่รู้ความหมายเขา แหมๆ ไม่มีการมาไม่มีการไป เคยได้ยินนักธรรมะพูดบ่อยๆเหมือนกัน ก็ลองไปค้นๆดูว่าเขาเอาที่ไหนมาพูด เห็นแล้ว :b1: :b13:

:b32: ถามจริงๆ คุณโรสไปทำงานแล้วกลับมาบ้านไหม หรือกินนอนที่ที่ทำงานทั้งปีทั้งชาติ ไม่มีการไปไม่มีการมา นอนที่ที่ทำงานเลย :b35:


อดีต ปัจจุบัน อนาคต > เลือกสิอันไหนคือตรงกลาง

พระพุทธเจ้าสอนตรงสัจจะตรงกลางที่มีแล้วที่ไม่ใช่ตัวตนของเราคิดสิปัจจุบันเป็นเราอยู่ไหมนั่นแหละอวิชชา
:b39: :b39:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 เม.ย. 2020, 17:33 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:


อดีต ปัจจุบัน อนาคต > เลือกสิอันไหนคือตรงกลาง

พระพุทธเจ้าสอนตรงสัจจะตรงกลางที่มีแล้วที่ไม่ใช่ตัวตนของเราคิดสิปัจจุบันเป็นเราอยู่ไหมนั่นแหละอวิชชา


แน่ะๆๆ ให้เลือกตรงกลาง มัชฌิมานั่นไงตรงกลาง เคยได้ยินไหมมัชฌิมาปฏิปทา เคยได้ยินไหมนั่นแหละตรงกลาง :b32: อดีต ปัจจุบัน อนาคต มันคงที่ตายตัวสะที่ไหน ตย. วันนี้ (ปัจจุบัน) พอถึงพรุ่งนี้ ที่เป็นอนาคต ปัจจุบันวันนี้ก็เป็นอดีตเป็นเมื่อวาน :b12: มันตรงกลางตรงไหนหือ

ก็บอกแล้วอวิชชา (อ+วิชชา) ความไม่รู้ ต้องกำจัดด้วยปัญญา คือ ความรู้ (=วิชชา)
แต่อวิชชาที่คุณโรสพูดคุณโรสเข้าใจ คิดออกแนวๆทำอะไรไม่ได้ เที่ยงแท้นิรันดร์คอนโดโด่อยู่ยังงั้น คิกๆๆ อวิชชาๆๆๆ :b13: พร่ำอยู่

ปล.อยากรู้ไม่มีการมาไม่มีการไปไหม จะให้ดู :b1: พูดกันไปเรื่อยเปื่อย

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 เม.ย. 2020, 17:53 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ศัพท์และความหมาย

วิชชา ความรู้, ความรู้แจ้ง, ความรู้วิเศษ

อวิชชา ความไม่รู้จริง, ความหลงอันเป็นเหตุไม่รู้จริง มี ๔ คือ ความไม่รู้อริยสัจจ์ ๔ แต่ละอย่าง (ไม่รู้ทุกข์ ไม่รู้เหตุเกิดแห่งทุกข์ ไม่รู้ความดับทุกข์ ไม่รู้ทางให้ถึงความดับทุกข์)

อวิชชาสวะ อาสวะคืออวิชชา, กิเลสที่หมักหมมหรือดองอยู่ในสันดาน ทำให้ไม่รู้ตามความเป็นจริง

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 เม.ย. 2020, 22:06 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7503

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
ศัพท์และความหมาย

วิชชา ความรู้, ความรู้แจ้ง, ความรู้วิเศษ

อวิชชา ความไม่รู้จริง, ความหลงอันเป็นเหตุไม่รู้จริง มี ๔ คือ ความไม่รู้อริยสัจจ์ ๔ แต่ละอย่าง (ไม่รู้ทุกข์ ไม่รู้เหตุเกิดแห่งทุกข์ ไม่รู้ความดับทุกข์ ไม่รู้ทางให้ถึงความดับทุกข์)

อวิชชาสวะ อาสวะคืออวิชชา, กิเลสที่หมักหมมหรือดองอยู่ในสันดาน ทำให้ไม่รู้ตามความเป็นจริง

วิชชาคือสิ่งที่ยังไม่มีในขันธสันดาน
กิเลสอาสาวะมันนอนตกตะกอนในจิตตัวเอง
รอไหลออกมาทางตาหูจมูกลิ้นกายใจตามภพภูมิที่เป็น
ตอนนี้อยู่ในภพภูมิมนุษย์ คือปัญญามีไม่พอถึงยังเกิดมาอยู่เนี่ยๆๆๆ
เออแล้วก็พบคำสอนของพระพุทธเจ้าแล้วแต่ไม่ยอมฟังสะสมปัญญาตรงปัจจุบัน
มีแต่อยากไปทำตามใจชอบเชื่อและทำตาม ตาม ตามกันไป เห็นใครบอกว่าอันไหนดีก็อยากได้ใช่ไหม
ที่ไปทำตามใจชอบเพราะเชื่อว่าจะได้รู้สึกดีเพิ่มขึ้นและที่ไปทำตามเขาบอกอยู่เนี่ยเชื่อไงถึงไปุทำตามเขา
ไม่ฟังไม่คิดพิจารณาไตร่ตรองว่าพระพุทธเจ้าผู้เดียวที่สอนให้ฟังไม่สอนให้เชื่ออะไรและไม่ได้ให้ไปทำอะไร
ทรงบอกให้ฟังเพื่อให้เกิดปัญญารู้ชัดรู้แจ้งเห็นจริงสิ่งที่ทุกคนมีแล้วกำลังมีอัตตาและอุปาทานขันธ์=ยึดตัวตน
ดิฉันมาบอกพวกคุณว่าไม่ใส่ใจฟังสิ่งที่พระพุทธเจ้าสั่งไว้ก่อนตายว่าไม่ให้ประมาทการฟังไม่เชื่อหูตัวเองเหรอ
:b32: :b32:


แก้ไขล่าสุดโดย Rosarin เมื่อ 26 เม.ย. 2020, 22:29, แก้ไขแล้ว 2 ครั้ง.

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 เม.ย. 2020, 22:18 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7503

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
ศัพท์และความหมาย

วิชชา ความรู้, ความรู้แจ้ง, ความรู้วิเศษ

อวิชชา ความไม่รู้จริง, ความหลงอันเป็นเหตุไม่รู้จริง มี ๔ คือ ความไม่รู้อริยสัจจ์ ๔ แต่ละอย่าง (ไม่รู้ทุกข์ ไม่รู้เหตุเกิดแห่งทุกข์ ไม่รู้ความดับทุกข์ ไม่รู้ทางให้ถึงความดับทุกข์)

อวิชชาสวะ อาสวะคืออวิชชา, กิเลสที่หมักหมมหรือดองอยู่ในสันดาน ทำให้ไม่รู้ตามความเป็นจริง

เป็นพระพุทธเจ้าเนี่ยเป็นได้ทีละ1คน
และคนที่จะเป็นพระพุทธเจ้านั้นน่ะ
ในชาติสุดท้ายเท่านั้นที่ไม่ต้องฟัง
เพราะไม่มีใครบังอาจมาสอนวิธีทำ
พระพุทธเจ้าตรัสรู้ชอบด้วยตนเอง
ส่วนใครที่ยังเกิดมาอยู่เดี๋ยวนี้เนี่ย
รู้แล้วว่าเป็นคนแล้วใช่ไหมล่ะคะ
และตัวเองน่ะค่ะทุกคนเลยนะคะ
ไม่ได้เป็นคนที่จะเป็นพระพุทธเจ้า
และไม่ได้เป็นอัครสาวกด้วย
แล้วเป็นสาวกของพระพุทธเจ้า
ทำไมไม่เตือนตนเองให้ฟังล่ะ
ไม่เชื่อหูที่ฟังและตาที่ดูเอง
มัวแต่ไปกับไปเห่อทำตามๆกัน
เชื่อใช่ไหมล่ะถึงไปแห่ทำตามๆกัน
ทำไมไม่สร้างเหตุตรงสัจจะตามคำตถาคต
คิดให้รอบคอบให้ถูกตรงตามคำสอนได้ตอนที่ยังมีลมหายใจเท่านั้น
https://youtu.be/6vqYyD4BHAc
:b12:
:b4: :b4:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 เม.ย. 2020, 05:03 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
ศัพท์และความหมาย

วิชชา ความรู้, ความรู้แจ้ง, ความรู้วิเศษ

อวิชชา ความไม่รู้จริง, ความหลงอันเป็นเหตุไม่รู้จริง มี ๔ คือ ความไม่รู้อริยสัจจ์ ๔ แต่ละอย่าง (ไม่รู้ทุกข์ ไม่รู้เหตุเกิดแห่งทุกข์ ไม่รู้ความดับทุกข์ ไม่รู้ทางให้ถึงความดับทุกข์)

อวิชชาสวะ อาสวะคืออวิชชา, กิเลสที่หมักหมมหรือดองอยู่ในสันดาน ทำให้ไม่รู้ตามความเป็นจริง

วิชชาคือสิ่งที่ยังไม่มีในขันธสันดาน
กิเลสอาสาวะมันนอนตกตะกอนในจิตตัวเอง
รอไหลออกมาทางตาหูจมูกลิ้นกายใจตามภพภูมิที่เป็น
ตอนนี้อยู่ในภพภูมิมนุษย์ คือปัญญามีไม่พอถึงยังเกิดมาอยู่เนี่ยๆๆๆ

เออแล้วก็พบคำสอนของพระพุทธเจ้าแล้วแต่ไม่ยอมฟังสะสมปัญญาตรงปัจจุบัน
มีแต่อยากไปทำตามใจชอบเชื่อและทำตาม ตาม ตามกันไป เห็นใครบอกว่าอันไหนดีก็อยากได้ใช่ไหม
ที่ไปทำตามใจชอบเพราะเชื่อว่าจะได้รู้สึกดีเพิ่มขึ้นและที่ไปทำตามเขาบอกอยู่เนี่ยเชื่อไงถึงไปุทำตามเขา
ไม่ฟังไม่คิดพิจารณาไตร่ตรองว่าพระพุทธเจ้าผู้เดียวที่สอนให้ฟังไม่สอนให้เชื่ออะไรและไม่ได้ให้ไปทำอะไร
ทรงบอกให้ฟังเพื่อให้เกิดปัญญารู้ชัดรู้แจ้งเห็นจริงสิ่งที่ทุกคนมีแล้วกำลังมีอัตตาและอุปาทานขันธ์=ยึดตัวตน
ดิฉันมาบอกพวกคุณว่าไม่ใส่ใจฟังสิ่งที่พระพุทธเจ้าสั่งไว้ก่อนตายว่าไม่ให้ประมาทการฟังไม่เชื่อหูตัวเองเหรอ
:b32: :b32:





อย่างที่พูดมาตลอดว่า คุณโรสคิดเรื่องนี้คิดเรื่องนั้น คิดแบบมันตายตัวทำอะไรไม่ได้เลย :b32: ครั้นคิดอย่างนั้นแล้ว ก็ไม่ทำอะไร เพราะทำอะไรไม่ได้ :b13: มันก็อยู่อย่างนั้น :b14:

อ้างคำพูด:
วิชชาคือสิ่งที่ยังไม่มีในขันธสันดาน


ถ้าคุณโรสคิดอย่างนั้นนะ เจ้าชายสิทธิตถะ ก็ไม่มีวิชชาในขันธสันดานมาก่อน
พระสารีบุตร พระโมคคัลลานะ พระอานนท์ เป็นต้น ก็ไม่มีวิชชาในขันธสันดานทั้งนั้น
แล้วทำไมท่านทำให้เกิดวิชชาได้ ทั้งที่ไม่มีวิชชามาก่อน

คิดแบบคุณโรสและเจ้าสำนัก คิดว่าคนพัฒนาให้สูงยิ่งขึ้นไม่ได้ เกิดมายังไงก็อยู่อย่างนั้น คิกๆๆ นี่แหละเขาเรียกว่าคิดแบบนิครนถ์ :b32:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 268 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 5, 6, 7, 8, 9, 10, 11 ... 18  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 37 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร