วันเวลาปัจจุบัน 28 มี.ค. 2024, 17:51  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 268 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 8, 9, 10, 11, 12, 13, 14 ... 18  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 พ.ค. 2020, 17:53 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:

ยังอีก...ยังทำไม่รู้ไม่ชี้
ตัวคนมีอุปาทานขันธ์
กิเลสเป็นลูกศิษย์มีตัณหาพาทำ
มีอวิชชาในใจเป็นครูอาจารย์
มีตัณหาในใจเป็นเพื่อน
พออาจารย์อวิชชาสั่ง
เพื่อนตัณหาชวนกิเลสในใจพาทำตกลงมีคนไหมคะ555
ขณะนี้ทุกคนกำลังมีอวิชชากิเลสตัณหาและอุปาทานขันธ์ยึดถือขันธ์ที่กำลังเกิดดับว่ามีตัวคน


ไม่เคยตอบคำถามสักทีสิเอ้า เค้าถามว่า มีใครบ้างตายแล้วลุกขึ้นมาฟังได้ มีไหม

1. มี
2. ไม่มี

ตอบข้อไหน 1 หรือ 2

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 พ.ค. 2020, 18:25 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7503

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:

ยังอีก...ยังทำไม่รู้ไม่ชี้
ตัวคนมีอุปาทานขันธ์
กิเลสเป็นลูกศิษย์มีตัณหาพาทำ
มีอวิชชาในใจเป็นครูอาจารย์
มีตัณหาในใจเป็นเพื่อน
พออาจารย์อวิชชาสั่ง
เพื่อนตัณหาชวนกิเลสในใจพาทำตกลงมีคนไหมคะ555
ขณะนี้ทุกคนกำลังมีอวิชชากิเลสตัณหาและอุปาทานขันธ์ยึดถือขันธ์ที่กำลังเกิดดับว่ามีตัวคน


ไม่เคยตอบคำถามสักทีสิเอ้า เค้าถามว่า มีใครบ้างตายแล้วลุกขึ้นมาฟังได้ มีไหม

1. มี
2. ไม่มี

ตอบข้อไหน 1 หรือ 2

:b12:
คิดสิพระพุทธเจ้าจะถามแบบนี้มั๊ย
ตายแล้วไม่มีจิตแล้วคิดได้มั๊ยล่ะ
ตายแล้วทำได้ยินเสียงได้มั๊ยย
บอกไม่เคยทำปัญญาตรงทาง
ตามลำดับเริ่มที่สุตมยปัญญา
ใช้หูทำฟังใช้ตาดูเทียบตาม
ฟังเสียงเหมือนเป็นคนบอด
:b16:
คนตาบอดก็ฟังเสียงได้แต่คิดเห็นถูกตรงทางตามคำตถาคตไม่ได้
เข้าใจไหมว่าคนตาไม่บอดที่ไม่คิดเห็นให้ถูกให้ตรงทางที่ลืมตาเห็นตามปกติตามเสียงคำตถาคต
ก็เหมือนคนตาบอดที่มองไม่เห็นความจริงอะไรเลยเดี๋ยวนี้เลยจะไปรู้สึกสำนึกตัวได้คิดได้ตอนไหนนนนนน
:b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 พ.ค. 2020, 19:25 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:

ยังอีก...ยังทำไม่รู้ไม่ชี้
ตัวคนมีอุปาทานขันธ์
กิเลสเป็นลูกศิษย์มีตัณหาพาทำ
มีอวิชชาในใจเป็นครูอาจารย์
มีตัณหาในใจเป็นเพื่อน
พออาจารย์อวิชชาสั่ง
เพื่อนตัณหาชวนกิเลสในใจพาทำตกลงมีคนไหมคะ555
ขณะนี้ทุกคนกำลังมีอวิชชากิเลสตัณหาและอุปาทานขันธ์ยึดถือขันธ์ที่กำลังเกิดดับว่ามีตัวคน


ไม่เคยตอบคำถามสักทีสิเอ้า เค้าถามว่า มีใครบ้างตายแล้วลุกขึ้นมาฟังได้ มีไหม

1. มี
2. ไม่มี

ตอบข้อไหน 1 หรือ 2

:b12:
คิดสิพระพุทธเจ้าจะถามแบบนี้มั๊ย
ตายแล้วไม่มีจิตแล้วคิดได้มั๊ยล่ะ
ตายแล้วทำได้ยินเสียงได้มั๊ยย
บอกไม่เคยทำปัญญาตรงทาง
ตามลำดับเริ่มที่สุตมยปัญญา
ใช้หูทำฟังใช้ตาดูเทียบตาม
ฟังเสียงเหมือนเป็นคนบอด
:b16:
คนตาบอดก็ฟังเสียงได้แต่คิดเห็นถูกตรงทางตามคำตถาคตไม่ได้
เข้าใจไหมว่าคนตาไม่บอดที่ไม่คิดเห็นให้ถูกให้ตรงทางที่ลืมตาเห็นตามปกติตามเสียงคำตถาคต
ก็เหมือนคนตาบอดที่มองไม่เห็นความจริงอะไรเลยเดี๋ยวนี้เลยจะไปรู้สึกสำนึกตัวได้คิดได้ตอนไหนนนนนน
:b32: :b32:


คิกๆๆ ไปแบบไม่ได้ยินเสียงกู่

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 พ.ค. 2020, 10:47 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7503

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:

ยังอีก...ยังทำไม่รู้ไม่ชี้
ตัวคนมีอุปาทานขันธ์
กิเลสเป็นลูกศิษย์มีตัณหาพาทำ
มีอวิชชาในใจเป็นครูอาจารย์
มีตัณหาในใจเป็นเพื่อน
พออาจารย์อวิชชาสั่ง
เพื่อนตัณหาชวนกิเลสในใจพาทำตกลงมีคนไหมคะ555
ขณะนี้ทุกคนกำลังมีอวิชชากิเลสตัณหาและอุปาทานขันธ์ยึดถือขันธ์ที่กำลังเกิดดับว่ามีตัวคน


ไม่เคยตอบคำถามสักทีสิเอ้า เค้าถามว่า มีใครบ้างตายแล้วลุกขึ้นมาฟังได้ มีไหม

1. มี
2. ไม่มี

ตอบข้อไหน 1 หรือ 2

:b12:
คิดสิพระพุทธเจ้าจะถามแบบนี้มั๊ย
ตายแล้วไม่มีจิตแล้วคิดได้มั๊ยล่ะ
ตายแล้วทำได้ยินเสียงได้มั๊ยย
บอกไม่เคยทำปัญญาตรงทาง
ตามลำดับเริ่มที่สุตมยปัญญา
ใช้หูทำฟังใช้ตาดูเทียบตาม
ฟังเสียงเหมือนเป็นคนบอด
:b16:
คนตาบอดก็ฟังเสียงได้แต่คิดเห็นถูกตรงทางตามคำตถาคตไม่ได้
เข้าใจไหมว่าคนตาไม่บอดที่ไม่คิดเห็นให้ถูกให้ตรงทางที่ลืมตาเห็นตามปกติตามเสียงคำตถาคต
ก็เหมือนคนตาบอดที่มองไม่เห็นความจริงอะไรเลยเดี๋ยวนี้เลยจะไปรู้สึกสำนึกตัวได้คิดได้ตอนไหนนนนนน
:b32: :b32:


คิกๆๆ ไปแบบไม่ได้ยินเสียงกู่

:b12:
พระพุทธเจ้าตรัสรู้ความจริงของสิ่งที่กำลังมีจริงๆตรงปัจจุบันขณะทีละ1ขณะ
และทรงอธิบายรายละเอียดที่ระดับ1ขณะจิตไว้ละเอียดยิบเหมือนกองฝุ่น
ตกลงคุณกรัชกายทำแบบพระพุทธเจ้าได้แล้วเห็นจริงๆแล้วว่ามีแค่สีหรือคะ
หรือว่าทำได้แค่คิดถึงสิ่งที่ตัวเองกำลังเห็นโดยเทียบตามแล้วรู้สึกตัวทันทีว่า
ตัวเองกำลังเห็นผิดคิดผิดพูดผิดและทำไปตามที่ตัวเองเห็นผิดโดยไม่รู้ว่าผิด
:b32:
มหาภูตรูปใช้ตาเห็นไม่ได้เพราะจิตเห็นแค่รูปของสีที่แทรกอยู่ตรงที่มีมหาภูตรูป
มหาภูตรูปรู้ว่ามีที่ตั้งเมือมีการสัมผัสตอนที่แตะต้องสัมผัสดังนั้นจึงเห็นมหารูปไม่ได้
มหาภูตรูปปรากฏว่ามีรูปร่างแตกต่างกันเพราะมีสีที่เป็นรูปประกอบอยู่ที่มหาภูตรูป
จิตเกิดที่ไหนดับตรงนั้นทันทีและจิตแต่ละ1ขณะแต่ละ1ทางไม่เกิดร่วมกันไม่เกิดตรงกัน
จิตเห็นสีคือการกระทบกันของ3ธัมมะประสานกันคือจิตเห็นสี=1จิต+2จักขุปสาทะรูป+อุปาทายรูป(แสงสี)
จิตเห็นเกิดที่ประสาทตาแค่มีแสงสีจากภายนอกสะท้อนไปที่ตาดำดับมืดทันทีจิตเห็นดับแล้วคิดอะไรอยู่คะ
:b12:
:b16: :b16:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 พ.ค. 2020, 12:38 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7503

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:

ยังอีก...ยังทำไม่รู้ไม่ชี้
ตัวคนมีอุปาทานขันธ์
กิเลสเป็นลูกศิษย์มีตัณหาพาทำ
มีอวิชชาในใจเป็นครูอาจารย์
มีตัณหาในใจเป็นเพื่อน
พออาจารย์อวิชชาสั่ง
เพื่อนตัณหาชวนกิเลสในใจพาทำตกลงมีคนไหมคะ555
ขณะนี้ทุกคนกำลังมีอวิชชากิเลสตัณหาและอุปาทานขันธ์ยึดถือขันธ์ที่กำลังเกิดดับว่ามีตัวคน


ไม่เคยตอบคำถามสักทีสิเอ้า เค้าถามว่า มีใครบ้างตายแล้วลุกขึ้นมาฟังได้ มีไหม

1. มี
2. ไม่มี

ตอบข้อไหน 1 หรือ 2

:b12:
คิดสิพระพุทธเจ้าจะถามแบบนี้มั๊ย
ตายแล้วไม่มีจิตแล้วคิดได้มั๊ยล่ะ
ตายแล้วทำได้ยินเสียงได้มั๊ยย
บอกไม่เคยทำปัญญาตรงทาง
ตามลำดับเริ่มที่สุตมยปัญญา
ใช้หูทำฟังใช้ตาดูเทียบตาม
ฟังเสียงเหมือนเป็นคนบอด
:b16:
คนตาบอดก็ฟังเสียงได้แต่คิดเห็นถูกตรงทางตามคำตถาคตไม่ได้
เข้าใจไหมว่าคนตาไม่บอดที่ไม่คิดเห็นให้ถูกให้ตรงทางที่ลืมตาเห็นตามปกติตามเสียงคำตถาคต
ก็เหมือนคนตาบอดที่มองไม่เห็นความจริงอะไรเลยเดี๋ยวนี้เลยจะไปรู้สึกสำนึกตัวได้คิดได้ตอนไหนนนนนน
:b32: :b32:


คิกๆๆ ไปแบบไม่ได้ยินเสียงกู่

:b12:
พระพุทธเจ้าตรัสรู้ความจริงของสิ่งที่กำลังมีจริงๆตรงปัจจุบันขณะทีละ1ขณะ
และทรงอธิบายรายละเอียดที่ระดับ1ขณะจิตไว้ละเอียดยิบเหมือนกองฝุ่น
ตกลงคุณกรัชกายทำแบบพระพุทธเจ้าได้แล้วเห็นจริงๆแล้วว่ามีแค่สีหรือคะ
หรือว่าทำได้แค่คิดถึงสิ่งที่ตัวเองกำลังเห็นโดยเทียบตามแล้วรู้สึกตัวทันทีว่า
ตัวเองกำลังเห็นผิดคิดผิดพูดผิดและทำไปตามที่ตัวเองเห็นผิดโดยไม่รู้ว่าผิด
:b32:
มหาภูตรูปใช้ตาเห็นไม่ได้เพราะจิตเห็นแค่รูปของสีที่แทรกอยู่ตรงที่มีมหาภูตรูป
มหาภูตรูปรู้ว่ามีที่ตั้งเมือมีการสัมผัสตอนที่แตะต้องสัมผัสดังนั้นจึงเห็นมหารูปไม่ได้
มหาภูตรูปปรากฏว่ามีรูปร่างแตกต่างกันเพราะมีสีที่เป็นรูปประกอบอยู่ที่มหาภูตรูป
จิตเกิดที่ไหนดับตรงนั้นทันทีและจิตแต่ละ1ขณะแต่ละ1ทางไม่เกิดร่วมกันไม่เกิดตรงกัน
จิตเห็นสีคือการกระทบกันของ3ธัมมะประสานกันคือจิตเห็นสี=1จิต+2จักขุปสาทะรูป+อุปาทายรูป(แสงสี)
จิตเห็นเกิดที่ประสาทตาแค่มีแสงสีจากภายนอกสะท้อนไปที่ตาดำดับมืดทันทีจิตเห็นดับแล้วคิดอะไรอยู่คะ
:b12:
:b16: :b16:

:b12:
คุณกรัชกาย
เข้าใจหรือยังว่า
ตัวตนคนกำลังเห็นผิด
จนกว่าจะเริ่มฟังความจริง
แล้วเข้าใจว่าจิตเห็นสีไม่ได้เห็นคนสัตว์วัตถุ
:b16:
อนุสาสนียปาฏิหาริย์คือ
คำสอนของพระพุทธเจ้าที่ทำให้ผู้ฟังเข้าใจสิ่งที่เห็นทันทีดับเห็นผิดได้ทันทีเกิดเข้าใจเห็นถูกตามได้ทันที
:b4: :b4:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 พ.ค. 2020, 17:32 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:

คุณกรัชกาย
เข้าใจหรือยังว่า
ตัวตนคนกำลังเห็นผิด
จนกว่าจะเริ่มฟังความจริง
แล้วเข้าใจว่าจิตเห็นสีไม่ได้เห็นคนสัตว์วัตถุ
:b16:
อนุสาสนียปาฏิหาริย์คือ
คำสอนของพระพุทธเจ้าที่ทำให้ผู้ฟังเข้าใจสิ่งที่เห็นทันทีดับเห็นผิดได้ทันทีเกิดเข้าใจเห็นถูกตามได้ทันที


เอาหลักมาตั้งให้ดูนะ

จักขุ+รูป
โสต+สัทท
ฆาน+คันธ
ชิวหา+รส
กาย+โผฏฐัพพ
มโน+ธัมม

ไหนลองว่ามาสีอยู่ตรงไหน

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 พ.ค. 2020, 21:34 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7503

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:

คุณกรัชกาย
เข้าใจหรือยังว่า
ตัวตนคนกำลังเห็นผิด
จนกว่าจะเริ่มฟังความจริง
แล้วเข้าใจว่าจิตเห็นสีไม่ได้เห็นคนสัตว์วัตถุ
:b16:
อนุสาสนียปาฏิหาริย์คือ
คำสอนของพระพุทธเจ้าที่ทำให้ผู้ฟังเข้าใจสิ่งที่เห็นทันทีดับเห็นผิดได้ทันทีเกิดเข้าใจเห็นถูกตามได้ทันที


เอาหลักมาตั้งให้ดูนะ

จักขุ+รูป
โสต+สัทท
ฆาน+คันธ
ชิวหา+รส
กาย+โผฏฐัพพ
มโน+ธัมม

ไหนลองว่ามาสีอยู่ตรงไหน

cool
ร่างกายทั้งหมดทุกอวัยวะเลยคือมหาภูตรูป
มหาภูตรูปไม่ใช่สภาพรู้เป็นรูปธรรม=ไม่รู้สึกอะไรเลย
แต่มีนามธรรมเป็นสภาพรู้เป็นธาตุรู้เป็นสภาพที่เป็นนามไปรู้ว่ามีรูป
และรูปที่ถูกรู้ตอนที่มองเห็นก็ไม่ใช่ตาเพราะทุกคนมองตาตัวเองไม่เห็น...อิอิอิ
ศึกษาคำสอนของพระพุทธเจ้าเพื่อเข้าใจความจริงที่กำลังมีตรงตามที่กำลังฟังไม่เข้าใจหรือคะ
:b12:
คำว่าจักขุแปลว่าตา
ตาคือมหาภูตรูป
มหาภูตรูปคือธาตุ4
ตาเกิดจากการรวมตัวของธาตุ4
จะรู้ว่ามีมหาภูตรูปตรงไหนต้องแตะต้องสัมผัสไม่ใช่คิดเอา
ที่ลืมตาดูมองเห็นโน่นนั่นนู้นนั่นน่ะค่ะไม่รู้ว่าตาไม่เห็นเพราะตาไม่รู้อะไรเลยที่เห็นคือจิตเห็นค่ะ
และจิตเห็นเกิดเห็นรูปที่ปรากฏได้เพียง1รูปคือสีสันวรรณะตามที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสรู้อีก27รูปเห็นไม่ได้
และรูปที่ปรากฏให้เห็นก็ไม่ใช่มหาภูตรูปแต่เป็นอุปาทายรูปที่ใดมีมหาภูตรูปที่นั่นมีสีกลิ่นรสโอชาประกอบอยู่
:b12:
:b4: :b4:
https://youtu.be/x7ovq2R30a8


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 พ.ค. 2020, 23:07 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7503

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Kiss
เห็นมหาภูตรูปไม่ได้เข้าใจไหมคะ
มหาภูตรูป4คือดิน/น้ำ/ไฟ/ลม
รู้ที่ตั้งของมหาภูตรูปจากกายสัมผัส
คือใช้กายปสาทรูปแตะทีละ1ธาตุ1ลักษณะ
แตะสัมผัสได้เพียง3ธาตุคือดินลมไฟ(ส่วนธาตุน้ำทำให้3ธาตุนั้นเกาะกลุ่มรวมตัวกัน)
เวลาสัมผัสแตะต้องถูกธาตุ3รู้ว่ามีได้ทีละ1ธาตุตรง1ความรู้สึกตรงๆ
1.ธาตุดินก็รู้สึกได้ว่าแข็งหรืออ่อน
2.ธาตุลมก็รู้สึกได้ว่าตึงหรือไหว
3.ธาตุไฟก็รู้สึกได้ว่ามีร้อนหรือเย็น
ใช้ประสาทกายรู้ที่ตั้งของมหาภูตรูปค่ะไม่ได้ใช้ประสาทตารับกระทบมหาภูตรูปค่ะ...(ตาจะแตกนะคะ)
เห็นเพียงสิ่งที่กระทบตาได้เท่านั้น...ง่ายๆเห็นตึกไม่ได้เพราะตึกคือมหาภูตรูปรู้ว่าตึกมีจากเอากายไปสัมผัส
:b16:
:b4: :b4:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 พ.ค. 2020, 07:38 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:

คุณกรัชกาย
เข้าใจหรือยังว่า
ตัวตนคนกำลังเห็นผิด
จนกว่าจะเริ่มฟังความจริง
แล้วเข้าใจว่าจิตเห็นสีไม่ได้เห็นคนสัตว์วัตถุ
:b16:
อนุสาสนียปาฏิหาริย์คือ
คำสอนของพระพุทธเจ้าที่ทำให้ผู้ฟังเข้าใจสิ่งที่เห็นทันทีดับเห็นผิดได้ทันทีเกิดเข้าใจเห็นถูกตามได้ทันที


เอาหลักมาตั้งให้ดูนะ

จักขุ+รูป
โสต+สัทท
ฆาน+คันธ
ชิวหา+รส
กาย+โผฏฐัพพ
มโน+ธัมม

ไหนลองว่ามาสีอยู่ตรงไหน

cool
ร่างกายทั้งหมดทุกอวัยวะเลยคือมหาภูตรูป
มหาภูตรูปไม่ใช่สภาพรู้เป็นรูปธรรม=ไม่รู้สึกอะไรเลย
แต่มีนามธรรมเป็นสภาพรู้เป็นธาตุรู้เป็นสภาพที่เป็นนามไปรู้ว่ามีรูป
และรูปที่ถูกรู้ตอนที่มองเห็นก็ไม่ใช่ตาเพราะทุกคนมองตาตัวเองไม่เห็น...อิอิอิ
ศึกษาคำสอนของพระพุทธเจ้าเพื่อเข้าใจความจริงที่กำลังมีตรงตามที่กำลังฟังไม่เข้าใจหรือคะ
:b12:
คำว่าจักขุแปลว่าตา
ตาคือมหาภูตรูป
มหาภูตรูปคือธาตุ4
ตาเกิดจากการรวมตัวของธาตุ4
จะรู้ว่ามีมหาภูตรูปตรงไหนต้องแตะต้องสัมผัสไม่ใช่คิดเอา
ที่ลืมตาดูมองเห็นโน่นนั่นนู้นนั่นน่ะค่ะไม่รู้ว่าตาไม่เห็นเพราะตาไม่รู้อะไรเลยที่เห็นคือจิตเห็นค่ะ
และจิตเห็นเกิดเห็นรูปที่ปรากฏได้เพียง1รูปคือสีสันวรรณะตามที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสรู้อีก27รูปเห็นไม่ได้
และรูปที่ปรากฏให้เห็นก็ไม่ใช่มหาภูตรูปแต่เป็นอุปาทายรูปที่ใดมีมหาภูตรูปที่นั่นมีสีกลิ่นรสโอชาประกอบอยู่
:b12:
:b4: :b4:
https://youtu.be/x7ovq2R30a8



เพ้อเจ้อน่ารำคาญ :b13: เสียเวลาเปล่า

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 พ.ค. 2020, 08:37 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7503

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:

คุณกรัชกาย
เข้าใจหรือยังว่า
ตัวตนคนกำลังเห็นผิด
จนกว่าจะเริ่มฟังความจริง
แล้วเข้าใจว่าจิตเห็นสีไม่ได้เห็นคนสัตว์วัตถุ
:b16:
อนุสาสนียปาฏิหาริย์คือ
คำสอนของพระพุทธเจ้าที่ทำให้ผู้ฟังเข้าใจสิ่งที่เห็นทันทีดับเห็นผิดได้ทันทีเกิดเข้าใจเห็นถูกตามได้ทันที


เอาหลักมาตั้งให้ดูนะ

จักขุ+รูป
โสต+สัทท
ฆาน+คันธ
ชิวหา+รส
กาย+โผฏฐัพพ
มโน+ธัมม

ไหนลองว่ามาสีอยู่ตรงไหน

cool
ร่างกายทั้งหมดทุกอวัยวะเลยคือมหาภูตรูป
มหาภูตรูปไม่ใช่สภาพรู้เป็นรูปธรรม=ไม่รู้สึกอะไรเลย
แต่มีนามธรรมเป็นสภาพรู้เป็นธาตุรู้เป็นสภาพที่เป็นนามไปรู้ว่ามีรูป
และรูปที่ถูกรู้ตอนที่มองเห็นก็ไม่ใช่ตาเพราะทุกคนมองตาตัวเองไม่เห็น...อิอิอิ
ศึกษาคำสอนของพระพุทธเจ้าเพื่อเข้าใจความจริงที่กำลังมีตรงตามที่กำลังฟังไม่เข้าใจหรือคะ
:b12:
คำว่าจักขุแปลว่าตา
ตาคือมหาภูตรูป
มหาภูตรูปคือธาตุ4
ตาเกิดจากการรวมตัวของธาตุ4
จะรู้ว่ามีมหาภูตรูปตรงไหนต้องแตะต้องสัมผัสไม่ใช่คิดเอา
ที่ลืมตาดูมองเห็นโน่นนั่นนู้นนั่นน่ะค่ะไม่รู้ว่าตาไม่เห็นเพราะตาไม่รู้อะไรเลยที่เห็นคือจิตเห็นค่ะ
และจิตเห็นเกิดเห็นรูปที่ปรากฏได้เพียง1รูปคือสีสันวรรณะตามที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสรู้อีก27รูปเห็นไม่ได้
และรูปที่ปรากฏให้เห็นก็ไม่ใช่มหาภูตรูปแต่เป็นอุปาทายรูปที่ใดมีมหาภูตรูปที่นั่นมีสีกลิ่นรสโอชาประกอบอยู่
:b12:
:b4: :b4:
https://youtu.be/x7ovq2R30a8



เพ้อเจ้อน่ารำคาญ :b13: เสียเวลาเปล่า

:b32:
บอกความจริงให้รู้สึกตัวยังคิดไม่ได้อยู่อิ๊กกกก555
มหาภูตรูปคือรูปธรรม
จิต/เจตสิกคือนามธรรม
นิพพานคือนิพพาน
ทั้งหมดเป็นธัมมะจึงเป็นเราไม้ได้...เออเนาะ
ไม่เข้าใจเหรอว่าไม่ใช่ตัวตนไม่ใช่คน
ที่คิดว่ามีคนแล้วนั้นน่ะเรียกว่าอัตตาคือ
สักกายทิฏฐิ=เห็นผิดว่ามีตัวตนคือมีอุปาทานขันธ์ยึดมั่นถือมั่นว่ามีตัวเราไม่รู้ว่าตัวตนไม่รู้=มีกิเลสอวิชชา
ทางโลกกับทางธรรมไม่ได้แปลกแยกออกไปจากปกติเพื่อไปทำอะไรเพราะมันมีทั้งหมดแล้วทั้งตัวตนน่ะ
ก็บอกแล้วว่าธรรมทั้งหลายเกิดขึ้นตามเหตุตามปัจจัยที่กำหนดมาแล้วไม่ได้ทำบอกให้คิดให้ตรงทีละ1ทาง
:b32: :b32:
:b12:
จะไปรู้ความจริงของเห็นตอนไหน
ปสาทรูปคือรูปพิเศษที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้คนเดียว
จิตเห็นเกิดจากมีจักขุปสาทะรูปตรงกลางตาที่รับกระทบรูปที่ถูกเห็น
คนตาบอดเกิดจากไม่มีจักขุปสาทะรูปคือตาพิการจึงมองไม่เห็นส่วนคนตายมีตาไม่มีจิตหมดทางรู้จักเห็น
บอกแล้วใช่ไหมว่าเลือกเห็นไม่ได้เพราะทุกคนที่มีตาเนื้อและมองเห็นจากมี3ธัมมะประสานกันจึงเกิดเห็นได้
จักขุวิญญาณ(จิตเห็น)=จิต+จักขุปสาทะรูป(รูปใสพิเศษตรงกลางตา)+อุปาทายรูป(คือสีอยู่ที่มหาภูตรูป)
จิตได้ยินเกิดจากมีโสตปสาทะรูปรับกระทบเสียงอยู่ลึกๆภายในหูโน่นไม่ว่าจมูกลิ้นกายใจก็มีจุดที่รับเฉพาะ
:b4: :b4:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 พ.ค. 2020, 09:10 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:

คุณกรัชกาย
เข้าใจหรือยังว่า
ตัวตนคนกำลังเห็นผิด
จนกว่าจะเริ่มฟังความจริง
แล้วเข้าใจว่าจิตเห็นสีไม่ได้เห็นคนสัตว์วัตถุ
:b16:
อนุสาสนียปาฏิหาริย์คือ
คำสอนของพระพุทธเจ้าที่ทำให้ผู้ฟังเข้าใจสิ่งที่เห็นทันทีดับเห็นผิดได้ทันทีเกิดเข้าใจเห็นถูกตามได้ทันที


เอาหลักมาตั้งให้ดูนะ

จักขุ+รูป
โสต+สัทท
ฆาน+คันธ
ชิวหา+รส
กาย+โผฏฐัพพ
มโน+ธัมม

ไหนลองว่ามาสีอยู่ตรงไหน

cool
ร่างกายทั้งหมดทุกอวัยวะเลยคือมหาภูตรูป
มหาภูตรูปไม่ใช่สภาพรู้เป็นรูปธรรม=ไม่รู้สึกอะไรเลย
แต่มีนามธรรมเป็นสภาพรู้เป็นธาตุรู้เป็นสภาพที่เป็นนามไปรู้ว่ามีรูป
และรูปที่ถูกรู้ตอนที่มองเห็นก็ไม่ใช่ตาเพราะทุกคนมองตาตัวเองไม่เห็น...อิอิอิ
ศึกษาคำสอนของพระพุทธเจ้าเพื่อเข้าใจความจริงที่กำลังมีตรงตามที่กำลังฟังไม่เข้าใจหรือคะ
:b12:
คำว่าจักขุแปลว่าตา
ตาคือมหาภูตรูป
มหาภูตรูปคือธาตุ4
ตาเกิดจากการรวมตัวของธาตุ4
จะรู้ว่ามีมหาภูตรูปตรงไหนต้องแตะต้องสัมผัสไม่ใช่คิดเอา
ที่ลืมตาดูมองเห็นโน่นนั่นนู้นนั่นน่ะค่ะไม่รู้ว่าตาไม่เห็นเพราะตาไม่รู้อะไรเลยที่เห็นคือจิตเห็นค่ะ
และจิตเห็นเกิดเห็นรูปที่ปรากฏได้เพียง1รูปคือสีสันวรรณะตามที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสรู้อีก27รูปเห็นไม่ได้
และรูปที่ปรากฏให้เห็นก็ไม่ใช่มหาภูตรูปแต่เป็นอุปาทายรูปที่ใดมีมหาภูตรูปที่นั่นมีสีกลิ่นรสโอชาประกอบอยู่
:b12:
:b4: :b4:
https://youtu.be/x7ovq2R30a8



เพ้อเจ้อน่ารำคาญ :b13: เสียเวลาเปล่า

:b32:
บอกความจริงให้รู้สึกตัวยังคิดไม่ได้อยู่อิ๊กกกก555
มหาภูตรูปคือรูปธรรม
จิต/เจตสิกคือนามธรรม
นิพพานคือนิพพาน
ทั้งหมดเป็นธัมมะจึงเป็นเราไม้ได้...เออเนาะ
ไม่เข้าใจเหรอว่าไม่ใช่ตัวตนไม่ใช่คน
ที่คิดว่ามีคนแล้วนั้นน่ะเรียกว่าอัตตาคือ
สักกายทิฏฐิ=เห็นผิดว่ามีตัวตนคือมีอุปาทานขันธ์ยึดมั่นถือมั่นว่ามีตัวเราไม่รู้ว่าตัวตนไม่รู้=มีกิเลสอวิชชา
ทางโลกกับทางธรรมไม่ได้แปลกแยกออกไปจากปกติเพื่อไปทำอะไรเพราะมันมีทั้งหมดแล้วทั้งตัวตนน่ะ
ก็บอกแล้วว่าธรรมทั้งหลายเกิดขึ้นตามเหตุตามปัจจัยที่กำหนดมาแล้วไม่ได้ทำบอกให้คิดให้ตรงทีละ1ทาง
:b32: :b32:
:b12:
จะไปรู้ความจริงของเห็นตอนไหน
ปสาทรูปคือรูปพิเศษที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้คนเดียว
จิตเห็นเกิดจากมีจักขุปสาทะรูปตรงกลางตาที่รับกระทบรูปที่ถูกเห็น
คนตาบอดเกิดจากไม่มีจักขุปสาทะรูปคือตาพิการจึงมองไม่เห็นส่วนคนตายมีตาไม่มีจิตหมดทางรู้จักเห็น
บอกแล้วใช่ไหมว่าเลือกเห็นไม่ได้เพราะทุกคนที่มีตาเนื้อและมองเห็นจากมี3ธัมมะประสานกันจึงเกิดเห็นได้
จักขุวิญญาณ(จิตเห็น)=จิต+จักขุปสาทะรูป(รูปใสพิเศษตรงกลางตา)+อุปาทายรูป(คือสีอยู่ที่มหาภูตรูป)
จิตได้ยินเกิดจากมีโสตปสาทะรูปรับกระทบเสียงอยู่ลึกๆภายในหูโน่นไม่ว่าจมูกลิ้นกายใจก็มีจุดที่รับเฉพาะ
:b4: :b4:


ที่พูดที่ว่ามาที่รำพันมานั่นน่ะ มันอยู่ในหนังสือชั้นจูฬตรี :b32:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 พ.ค. 2020, 09:19 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7503

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:

คุณกรัชกาย
เข้าใจหรือยังว่า
ตัวตนคนกำลังเห็นผิด
จนกว่าจะเริ่มฟังความจริง
แล้วเข้าใจว่าจิตเห็นสีไม่ได้เห็นคนสัตว์วัตถุ
:b16:
อนุสาสนียปาฏิหาริย์คือ
คำสอนของพระพุทธเจ้าที่ทำให้ผู้ฟังเข้าใจสิ่งที่เห็นทันทีดับเห็นผิดได้ทันทีเกิดเข้าใจเห็นถูกตามได้ทันที


เอาหลักมาตั้งให้ดูนะ

จักขุ+รูป
โสต+สัทท
ฆาน+คันธ
ชิวหา+รส
กาย+โผฏฐัพพ
มโน+ธัมม

ไหนลองว่ามาสีอยู่ตรงไหน

cool
ร่างกายทั้งหมดทุกอวัยวะเลยคือมหาภูตรูป
มหาภูตรูปไม่ใช่สภาพรู้เป็นรูปธรรม=ไม่รู้สึกอะไรเลย
แต่มีนามธรรมเป็นสภาพรู้เป็นธาตุรู้เป็นสภาพที่เป็นนามไปรู้ว่ามีรูป
และรูปที่ถูกรู้ตอนที่มองเห็นก็ไม่ใช่ตาเพราะทุกคนมองตาตัวเองไม่เห็น...อิอิอิ
ศึกษาคำสอนของพระพุทธเจ้าเพื่อเข้าใจความจริงที่กำลังมีตรงตามที่กำลังฟังไม่เข้าใจหรือคะ
:b12:
คำว่าจักขุแปลว่าตา
ตาคือมหาภูตรูป
มหาภูตรูปคือธาตุ4
ตาเกิดจากการรวมตัวของธาตุ4
จะรู้ว่ามีมหาภูตรูปตรงไหนต้องแตะต้องสัมผัสไม่ใช่คิดเอา
ที่ลืมตาดูมองเห็นโน่นนั่นนู้นนั่นน่ะค่ะไม่รู้ว่าตาไม่เห็นเพราะตาไม่รู้อะไรเลยที่เห็นคือจิตเห็นค่ะ
และจิตเห็นเกิดเห็นรูปที่ปรากฏได้เพียง1รูปคือสีสันวรรณะตามที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสรู้อีก27รูปเห็นไม่ได้
และรูปที่ปรากฏให้เห็นก็ไม่ใช่มหาภูตรูปแต่เป็นอุปาทายรูปที่ใดมีมหาภูตรูปที่นั่นมีสีกลิ่นรสโอชาประกอบอยู่
:b12:
:b4: :b4:
https://youtu.be/x7ovq2R30a8



เพ้อเจ้อน่ารำคาญ :b13: เสียเวลาเปล่า

:b32:
บอกความจริงให้รู้สึกตัวยังคิดไม่ได้อยู่อิ๊กกกก555
มหาภูตรูปคือรูปธรรม
จิต/เจตสิกคือนามธรรม
นิพพานคือนิพพาน
ทั้งหมดเป็นธัมมะจึงเป็นเราไม้ได้...เออเนาะ
ไม่เข้าใจเหรอว่าไม่ใช่ตัวตนไม่ใช่คน
ที่คิดว่ามีคนแล้วนั้นน่ะเรียกว่าอัตตาคือ
สักกายทิฏฐิ=เห็นผิดว่ามีตัวตนคือมีอุปาทานขันธ์ยึดมั่นถือมั่นว่ามีตัวเราไม่รู้ว่าตัวตนไม่รู้=มีกิเลสอวิชชา
ทางโลกกับทางธรรมไม่ได้แปลกแยกออกไปจากปกติเพื่อไปทำอะไรเพราะมันมีทั้งหมดแล้วทั้งตัวตนน่ะ
ก็บอกแล้วว่าธรรมทั้งหลายเกิดขึ้นตามเหตุตามปัจจัยที่กำหนดมาแล้วไม่ได้ทำบอกให้คิดให้ตรงทีละ1ทาง
:b32: :b32:
:b12:
จะไปรู้ความจริงของเห็นตอนไหน
ปสาทรูปคือรูปพิเศษที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้คนเดียว
จิตเห็นเกิดจากมีจักขุปสาทะรูปตรงกลางตาที่รับกระทบรูปที่ถูกเห็น
คนตาบอดเกิดจากไม่มีจักขุปสาทะรูปคือตาพิการจึงมองไม่เห็นส่วนคนตายมีตาไม่มีจิตหมดทางรู้จักเห็น
บอกแล้วใช่ไหมว่าเลือกเห็นไม่ได้เพราะทุกคนที่มีตาเนื้อและมองเห็นจากมี3ธัมมะประสานกันจึงเกิดเห็นได้
จักขุวิญญาณ(จิตเห็น)=จิต+จักขุปสาทะรูป(รูปใสพิเศษตรงกลางตา)+อุปาทายรูป(คือสีอยู่ที่มหาภูตรูป)
จิตได้ยินเกิดจากมีโสตปสาทะรูปรับกระทบเสียงอยู่ลึกๆภายในหูโน่นไม่ว่าจมูกลิ้นกายใจก็มีจุดที่รับเฉพาะ
:b4: :b4:


ที่พูดที่ว่ามาที่รำพันมานั่นน่ะ มันอยู่ในหนังสือชั้นจูฬตรี :b32:

:b12:
สิ่งที่เห็นได้คือ
สิ่งที่กระทบตาดำได้
เห็นไม่เกิดนอกตาดำแปลว่า
อะไรก็ตามที่ไม่อยู่ตรงหน้า=ไม่มี
เห็นด้านหน้าดับทันทีด้านหลังก็มีไม่ได้ค่ะ
:b16:
จิตไม่อยู่นอกกายตัวเอง
มองเห็นแขนตัวเองได้ไหม
ไหนตรงไหนคือแขนจับดูสิ
ถ้าแขนกระทบตาได้ตาแตกแล้ว
สีตรงที่มหาภูตรูปมันสะท้อนแสงเข้าตา
คิดว่าเห็นแขนตัวเองใช่ไหมจับแขนจึงรู้ว่ามีที่ตั้งเมื่อสัมผัส
ไม่มีแขนแต่มีความรู้สึกกระทบอุ่นบ้างแข็งบ้างนุ่มบ้างทีละ1อย่าง...ไหนแขนอยู่ไหน
:b12:
:b4: :b4:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 พ.ค. 2020, 10:33 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:

คุณกรัชกาย
เข้าใจหรือยังว่า
ตัวตนคนกำลังเห็นผิด
จนกว่าจะเริ่มฟังความจริง
แล้วเข้าใจว่าจิตเห็นสีไม่ได้เห็นคนสัตว์วัตถุ
:b16:
อนุสาสนียปาฏิหาริย์คือ
คำสอนของพระพุทธเจ้าที่ทำให้ผู้ฟังเข้าใจสิ่งที่เห็นทันทีดับเห็นผิดได้ทันทีเกิดเข้าใจเห็นถูกตามได้ทันที


เอาหลักมาตั้งให้ดูนะ

จักขุ+รูป
โสต+สัทท
ฆาน+คันธ
ชิวหา+รส
กาย+โผฏฐัพพ
มโน+ธัมม

ไหนลองว่ามาสีอยู่ตรงไหน

cool
ร่างกายทั้งหมดทุกอวัยวะเลยคือมหาภูตรูป
มหาภูตรูปไม่ใช่สภาพรู้เป็นรูปธรรม=ไม่รู้สึกอะไรเลย
แต่มีนามธรรมเป็นสภาพรู้เป็นธาตุรู้เป็นสภาพที่เป็นนามไปรู้ว่ามีรูป
และรูปที่ถูกรู้ตอนที่มองเห็นก็ไม่ใช่ตาเพราะทุกคนมองตาตัวเองไม่เห็น...อิอิอิ
ศึกษาคำสอนของพระพุทธเจ้าเพื่อเข้าใจความจริงที่กำลังมีตรงตามที่กำลังฟังไม่เข้าใจหรือคะ
:b12:
คำว่าจักขุแปลว่าตา
ตาคือมหาภูตรูป
มหาภูตรูปคือธาตุ4
ตาเกิดจากการรวมตัวของธาตุ4
จะรู้ว่ามีมหาภูตรูปตรงไหนต้องแตะต้องสัมผัสไม่ใช่คิดเอา
ที่ลืมตาดูมองเห็นโน่นนั่นนู้นนั่นน่ะค่ะไม่รู้ว่าตาไม่เห็นเพราะตาไม่รู้อะไรเลยที่เห็นคือจิตเห็นค่ะ
และจิตเห็นเกิดเห็นรูปที่ปรากฏได้เพียง1รูปคือสีสันวรรณะตามที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสรู้อีก27รูปเห็นไม่ได้
และรูปที่ปรากฏให้เห็นก็ไม่ใช่มหาภูตรูปแต่เป็นอุปาทายรูปที่ใดมีมหาภูตรูปที่นั่นมีสีกลิ่นรสโอชาประกอบอยู่
:b12:
:b4: :b4:
https://youtu.be/x7ovq2R30a8



เพ้อเจ้อน่ารำคาญ :b13: เสียเวลาเปล่า

:b32:
บอกความจริงให้รู้สึกตัวยังคิดไม่ได้อยู่อิ๊กกกก555
มหาภูตรูปคือรูปธรรม
จิต/เจตสิกคือนามธรรม
นิพพานคือนิพพาน
ทั้งหมดเป็นธัมมะจึงเป็นเราไม้ได้...เออเนาะ
ไม่เข้าใจเหรอว่าไม่ใช่ตัวตนไม่ใช่คน
ที่คิดว่ามีคนแล้วนั้นน่ะเรียกว่าอัตตาคือ
สักกายทิฏฐิ=เห็นผิดว่ามีตัวตนคือมีอุปาทานขันธ์ยึดมั่นถือมั่นว่ามีตัวเราไม่รู้ว่าตัวตนไม่รู้=มีกิเลสอวิชชา
ทางโลกกับทางธรรมไม่ได้แปลกแยกออกไปจากปกติเพื่อไปทำอะไรเพราะมันมีทั้งหมดแล้วทั้งตัวตนน่ะ
ก็บอกแล้วว่าธรรมทั้งหลายเกิดขึ้นตามเหตุตามปัจจัยที่กำหนดมาแล้วไม่ได้ทำบอกให้คิดให้ตรงทีละ1ทาง
:b32: :b32:
:b12:
จะไปรู้ความจริงของเห็นตอนไหน
ปสาทรูปคือรูปพิเศษที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้คนเดียว
จิตเห็นเกิดจากมีจักขุปสาทะรูปตรงกลางตาที่รับกระทบรูปที่ถูกเห็น
คนตาบอดเกิดจากไม่มีจักขุปสาทะรูปคือตาพิการจึงมองไม่เห็นส่วนคนตายมีตาไม่มีจิตหมดทางรู้จักเห็น
บอกแล้วใช่ไหมว่าเลือกเห็นไม่ได้เพราะทุกคนที่มีตาเนื้อและมองเห็นจากมี3ธัมมะประสานกันจึงเกิดเห็นได้
จักขุวิญญาณ(จิตเห็น)=จิต+จักขุปสาทะรูป(รูปใสพิเศษตรงกลางตา)+อุปาทายรูป(คือสีอยู่ที่มหาภูตรูป)
จิตได้ยินเกิดจากมีโสตปสาทะรูปรับกระทบเสียงอยู่ลึกๆภายในหูโน่นไม่ว่าจมูกลิ้นกายใจก็มีจุดที่รับเฉพาะ
:b4: :b4:


ที่พูดที่ว่ามาที่รำพันมานั่นน่ะ มันอยู่ในหนังสือชั้นจูฬตรี :b32:

:b12:
สิ่งที่เห็นได้คือ
สิ่งที่กระทบตาดำได้
เห็นไม่เกิดนอกตาดำแปลว่า
อะไรก็ตามที่ไม่อยู่ตรงหน้า=ไม่มี
เห็นด้านหน้าดับทันทีด้านหลังก็มีไม่ได้ค่ะ
:b16:
จิตไม่อยู่นอกกายตัวเอง
มองเห็นแขนตัวเองได้ไหม
ไหนตรงไหนคือแขนจับดูสิ
ถ้าแขนกระทบตาได้ตาแตกแล้ว
สีตรงที่มหาภูตรูปมันสะท้อนแสงเข้าตา
คิดว่าเห็นแขนตัวเองใช่ไหมจับแขนจึงรู้ว่ามีที่ตั้งเมื่อสัมผัส
ไม่มีแขนแต่มีความรู้สึกกระทบอุ่นบ้างแข็งบ้างนุ่มบ้างทีละ1อย่าง...ไหนแขนอยู่ไหน
:b12:
:b4: :b4:


คนที่อ่านหนังสือแล้วตีความผิดแบบคุณโรสมีแต่ก่อให้เกิดมิจฉาทิฏฐิหนาขึ้นๆ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 พ.ค. 2020, 10:43 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:

สิ่งที่เห็นได้คือ
สิ่งที่กระทบตาดำได้
เห็นไม่เกิดนอกตาดำแปลว่า
อะไรก็ตามที่ไม่อยู่ตรงหน้า=ไม่มี
เห็นด้านหน้าดับทันทีด้านหลังก็มีไม่ได้ค่ะ
:b16:
จิตไม่อยู่นอกกายตัวเอง
มองเห็นแขนตัวเองได้ไหม
ไหนตรงไหนคือแขนจับดูสิ
ถ้าแขนกระทบตาได้ตาแตกแล้ว
สีตรงที่มหาภูตรูปมันสะท้อนแสงเข้าตา
คิดว่าเห็นแขนตัวเองใช่ไหมจับแขนจึงรู้ว่ามีที่ตั้งเมื่อสัมผัส
ไม่มีแขนแต่มีความรู้สึกกระทบอุ่นบ้างแข็งบ้างนุ่มบ้างทีละ1อย่าง...ไหนแขนอยู่ไหน


เหมือนเคยบอกหลายครั้งแล้วว่า คุณโรสไปทำบัตรประชาชนที่อำเภอไม่ได้ ทำไมล่ะ?

จนท. พี่มาทำอะไรคะ ?
คุณโรส. อึ :b32:
จนท. อ๋อ ปวดอึ ห้องน้ำอยู่ด้านหลังค่ะ
คุณโรส. อึ
จนท. จะอึก็รีบไปสิคะ เดี๋ยวขี้แตกเลอะกระโปรงหรอก :b13:

คุณโรสก็ยืนอึอึอยู่นั่น

มันทำอะไรไม่ได้
แขน ขา เนื้อตัว หัวหู บัตรปชช. เป็นบัญญัติที่เขาบัญญัติเรียกเพื่อสื่อสารกัน ว่านี่เรียกว่าแขนนะ นี่เรียกว่าขานะ เป็นต้น พอเข้าใจไหมเนี่ยหือ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 พ.ค. 2020, 10:58 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เอาหลักมาวางให้ดูก่อน

พระภิกษณีชื่อวชิรา (ตอบมาร)

"นี่แน่ะมาร ท่านจะมีความเห็นยึดถือว่าเป็นสัตว์ได้อย่างไร ในสภาวะที่เป็นเพียงกองแห่งสังขารล้วนๆ นี้ จะหาตัวสัตว์ไม่ได้เลย เปรียบเหมือนว่า เพราะคุมส่วนประกอบเข้าด้วยกัน ศัพท์วา รถ ย่อมมี ฉันใด เมื่อขันธ์ทั้งหลาย มีอยู่ สมมติว่า สัตว์ ก็ย่อมมีฉันนั้น" (สํ.ส.15/554/198)

ความที่เน้น ในแง่ปฏิบัติ คือ ความรู้เท่าทันสมมติ และเข้าใจปรมัตถ์ แล้วรู้จักใช้ภาษา เป็นเครื่องมือสื่อความหมาย โดยไม่ยึดติดในสมมติเป็นทาสของภาษาเช่น

"ภิกษุผู้เป็นอรหันตขีณาสพ....จะพึงกล่าวว่า ฉันพูด ดังนี้ก็ดี เขาพูดกับฉัน ดังนี้ก็ดี เธอเป็นผู้ฉลาด รู้ถ้อยคำที่เขาพูดกันในโลก ก็พึงกล่าวไปตามโวหารเท่านั้น" (สํ.ส.15/65/21)

"เหล่านี้ เป็นโลกสมัญญา เป็นโลกนิรุตติ เป็นโลกโวหาร เป็นโลกบัญญัติ ซึ่งตถาคตใช้พูดจา แต่ไม่ยึดติด" (ที.สี.9/312/248)

อนึ่ง พระอรรถกถาจารย์บรรยายลักษณะของพระสูตร (สุตตันตปิฏก) ว่าเป็นโวหารเทศนา เพราะเนื้อหาส่วนมากแสดงโดยโวหาร คือ ใช้ภาษาสมมติ
ส่วนพระอภิธรรมเป็นปรมัตถเทศนา เพราะเนื้อหาส่วนมากแสดงโดยปรมัตถ์ คือ กล่าวตามสภาวะแท้ๆ (วินย.อ.1/21...) นี้เป็นข้อสังเกตเพื่อประดับความรู้อย่างหนึ่ง

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 268 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 8, 9, 10, 11, 12, 13, 14 ... 18  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: Google [Bot] และ บุคคลทั่วไป 45 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร