วันเวลาปัจจุบัน 19 มี.ค. 2024, 11:07  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 268 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 14, 15, 16, 17, 18  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 พ.ค. 2020, 09:59 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
ปฤษฎี เขียน:
พุทโธ! ทำไมกระทู้ที่เราตั้งถึงทำให้คนมาเถียงกันถึงขนาดนี้ ต่อไปตั้งกระทู้อะไรก็จะระวังมากขึ้น ขอโทษทุกท่านด้วยนะครับ


:b8: :b8:


รูปภาพ

https://group.wunjun.com/whatisnippana/ ... 025/reply2

:b12:

:b32:
ตกลงที่กำลังมีจริงๆคือขณะนี้รู้อะไร
คริคริคริส่งออกไปดูสิ่งที่นอกตานอกตัว
ข้างนอกตาดำนั้นน่ะคือเป็นเท็จทั้งหมดเลย

สัจจะกำลังมีตรงที่กระทบตากระทบกายก็คือ
เฉพาะจุดทีละ1จุดที่คุณกำลังรู้สึกตรงที่มีขณะนี้
ขณะนี้เท่านั้นที่คุณมีที่กายใจกระทบปุ๊บรู้สึกตัวปั๊บ
ตรงทีละ1ทางเฉพาะตรงที่กำลังมีตาหูจมูกลิ้นกายใจ
ตรงจริงทีละ1จุดใน6จุดเลือกรู้ได้แค่1จุดเฉพาะที่เท่านั้น
1จุดเฉพาะตรงที่กระทบเท่านั้นที่กำลังมีจริงๆดับแล้ว=ไม่มี
อย่างอื่นที่ไม่ได้กำลังปรากฏว่ากำลังมีการกระทบที่กายใจให้รู้สึกตัวคือเท็จ=ไม่มี
:b12:
:b4: :b4:


เคยพูดแล้วว่า ลัทธิอย่างคุณโรสซึ่งเป็นศิษย์บ้านธัมมะเนี่ย สักวันหนึ่งเถอะจะเอาไม้เสียบลูกชิ้นทิ่มตาบอด เลอะเทอะสะไม่มี

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 พ.ค. 2020, 10:29 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7503

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
ปฤษฎี เขียน:
พุทโธ! ทำไมกระทู้ที่เราตั้งถึงทำให้คนมาเถียงกันถึงขนาดนี้ ต่อไปตั้งกระทู้อะไรก็จะระวังมากขึ้น ขอโทษทุกท่านด้วยนะครับ


:b8: :b8:


รูปภาพ

https://group.wunjun.com/whatisnippana/ ... 025/reply2

:b12:

:b32:
ตกลงที่กำลังมีจริงๆคือขณะนี้รู้อะไร
คริคริคริส่งออกไปดูสิ่งที่นอกตานอกตัว
ข้างนอกตาดำนั้นน่ะคือเป็นเท็จทั้งหมดเลย

สัจจะกำลังมีตรงที่กระทบตากระทบกายก็คือ
เฉพาะจุดทีละ1จุดที่คุณกำลังรู้สึกตรงที่มีขณะนี้
ขณะนี้เท่านั้นที่คุณมีที่กายใจกระทบปุ๊บรู้สึกตัวปั๊บ
ตรงทีละ1ทางเฉพาะตรงที่กำลังมีตาหูจมูกลิ้นกายใจ
ตรงจริงทีละ1จุดใน6จุดเลือกรู้ได้แค่1จุดเฉพาะที่เท่านั้น
1จุดเฉพาะตรงที่กระทบเท่านั้นที่กำลังมีจริงๆดับแล้ว=ไม่มี
อย่างอื่นที่ไม่ได้กำลังปรากฏว่ากำลังมีการกระทบที่กายใจให้รู้สึกตัวคือเท็จ=ไม่มี
:b12:
:b4: :b4:


เคยพูดแล้วว่า ลัทธิอย่างคุณโรสซึ่งเป็นศิษย์บ้านธัมมะเนี่ย สักวันหนึ่งเถอะจะเอาไม้เสียบลูกชิ้นทิ่มตาบอด เลอะเทอะสะไม่มี

cool
ทำไมไม่ฟังเพื่อเข้าใจถูกตามคำสอนของพระพุทธเจ้าเออน่ะ
บอกแล้วว่าปัญญาที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้คือใบไม้ทั้งป่าไม้
ทรงยกมาแสดงเพียงใบไม้3ใบคือทั้งพระไตรปิฏก
นั่นน่าเพื่อให้ศึกษาให้เกิดปัญญาเข้าใจถูกตาม
พระองค์ไม่ได้ให้เลือกเอา3ใบนั้นไปทำ
แต่ทรงบอกให้คิดให้รอบคอบก่อนทำ
ทรงแสดงไว้ทั้งทางถูกและทางผิด
เลือกเอาไปทำโดยไม่รู้ว่าอะไรถูก
คิดไหมว่าที่ทำอยู่คือไม่รู้ว่าทำผิด
ฟังเข้าใจไม่ได้ผิดศีลสักข้อดีทันที
โดยยังไม่ต้องเอาตัวไปไหนคือทำความเห็นตรงตามคำสอนก่อนไป
ฟังบ้างนะ...ตายแล้วกลับมาทำเงี่ยหูฟังใหม่ไม่ได้นะทำได้แต่ตอนที่ยังหายใจอยู่ค่ะ
https://youtu.be/Nmb9JUvkvKY
:b12:
:b11: :b11:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 พ.ค. 2020, 18:45 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:

ทำไมไม่ฟังเพื่อเข้าใจถูกตามคำสอนของพระพุทธเจ้าเออน่ะ
บอกแล้วว่าปัญญาที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้คือใบไม้ทั้งป่าไม้
ทรงยกมาแสดงเพียงใบไม้3ใบคือทั้งพระไตรปิฏก
นั่นน่าเพื่อให้ศึกษาให้เกิดปัญญาเข้าใจถูกตาม
พระองค์ไม่ได้ให้เลือกเอา3ใบนั้นไปทำ
แต่ทรงบอกให้คิดให้รอบคอบก่อนทำ
ทรงแสดงไว้ทั้งทางถูกและทางผิด
เลือกเอาไปทำโดยไม่รู้ว่าอะไรถูก
คิดไหมว่าที่ทำอยู่คือไม่รู้ว่าทำผิด
ฟังเข้าใจไม่ได้ผิดศีลสักข้อดีทันที
โดยยังไม่ต้องเอาตัวไปไหนคือทำความเห็นตรงตามคำสอนก่อนไป
ฟังบ้างนะ...ตายแล้วกลับมาทำเงี่ยหูฟังใหม่ไม่ได้นะทำได้แต่ตอนที่ยังหายใจอยู่ค่ะ
https://youtu.be/Nmb9JUvkvKY


คุณโรสมีอะไรก็ว่าไปนั่นๆนี่ๆโน่นๆ แล้วก็บอกว่า นี่เป็นความเห็นของแม่สุจินนะคุณแม่เห็นเช่นนี้ว่าเช่นนั้น จะไม่มีคนค้านคนเถียงเลย เพราะเป็นความเห็นเฉพาะกลุ่มเฉพาะตัว

แต่คุณโรสพูดๆๆๆนั่นๆนี่ๆไปตามเรื่องตามอารมณ์แล้วไปอ้างตถาคต อ้างพระพุทธเจ้า คนเขาก็ค้านดิ ค้านว่านั่นไม่ใช่คำตถาคต พระพุทธเจ้าไม่ได้ว่าอย่างนั้นไม่ได้พูดอย่างนั้น กล่าวตู่ตถาคตกล่าวตู่พระพุทธเจ้านะ เรื่องมันก็มีแค่นี้แหละ
จบข่าว :b35:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 พ.ค. 2020, 21:31 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
มีโยมคนหนึ่งส่งข้อความมาถึงอาตมาว่า
"...กราบนมัสการครับผมพระอาจารย์ เนื่องด้วยตอนนี้ ลัทธิอนุตตรธรรมได้กระทำการชักชวนภิกษุสามเณรมา ที่ท่านไม่ค่อยรู้ในธรรมวินัย ในเขตชนบทต่างๆ มาเข้ากับลัทธิของตัวเอง เพราะเขามีการอ้างว่าเป็นหลักธรรมเดียวกันกับที่พระพุทธเจ้าท่านตรัสสอน โดยมีการอ้างการเข้าทรงต่างๆอ้างทุกอย่างว่า เป็นโองการสวรรค์ ถือว่าเป็นภัยต่อพระศาสนาเป็นอย่างมากครับ มีการสอนว่า แม้แต่พระพุทธเจ้ายังต้องรับธรรมะ จากเขาถึงจะบรรลุธรรมได้.

ทางเพจพุทธมหายาน ก็เคยโพสต์ครั้งหนึ่งขอรับว่า ลัทธินี้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับพุทธศาสนาในทุกนิกายกระผมขอให้พระอาจารย์เมตตาเตือนชาวพุทธทั้งหลายด้วยนะครับผม..."

ใครรู้จักลัทธินี้บ้าง มีที่มาที่ไปอย่างไร ช่วยตรวจสอบที


https://scontent.fbkk5-6.fna.fbcdn.net/ ... e=5EF7267B



https://www.facebook.com/paivan01/photo ... =3&theater

ทุกวันนี้มีลัทธิ (ความเชื่อถือ) แปลกๆใหม่ๆเกิดขึ้นมากมายเหมือนเห็ดหน้าฝน :b32: ชาวบ้านก็รู้จักบ้างไม่รู้จักบ้าง ว่าเห็ดชนิดนี้กินได้ ชนิดนี้กินแล้วเมา :b13:

คนที่รู้จักก็เก็บไปต้มแกงกินได้อร่อยดีมีประโยชน์
คนที่ไม่รู้จักเก็บไปกินก็เมาอ้วกแตกฉันใด คำสอนของพระพุทธศาสนาก็ฉันนั้น

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 พ.ค. 2020, 21:47 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ลัทธิอนุตตรธรรม (อักษรจีน: 一貫道 Yīguàn Dào อีก้วนเต้า) หรือเรียกตนเองว่า วิถีอนุตตรธรรม เป็นศาสนาที่หวัง เจฺว๋อี ก่อตั้งขึ้นในประเทศจีนสมัยราชวงศ์ชิงเมื่อปี ค.ศ. 1877 คำสอนเป็นการผสานความเชื่อระหว่างลัทธิขงจื๊อ ลัทธิเต๋า และศาสนาพุทธแบบจีน ทั้งยังยอมรับขนบที่มาจากต่างประเทศ เช่น ศาสนาคริสต์ ศาสนาอิสลามด้วย

ลัทธิอนุตตรธรรมเกิดขึ้น และแพร่หลายที่จีนแผ่นดินใหญ่ ต่อมาเกิดการเปลี่ยนแปลงการปกครองไปเป็นระบอบคอมมิวนิสต์ ลัทธิอนุตตรธรรมถูกรัฐบาลกวาดล้างอย่างหนัก จึงย้ายไปเผยแผ่ที่ประเทศไต้หวันตั้งแต่ปี ค.ศ. 1946 ในปัจจุบันถือเป็นศาสนาที่มีศาสนิกชนมากที่สุดเป็นอันดับสามในไต้หวัน (รองจากศาสนาพุทธและศาสนาเต๋า) ในประเทศจีนลัทธินี้ยังไม่ได้รับการยอมรับ ส่วนไต้หวันได้รับรองในปี ค.ศ. 1987

ปัจจุบันลัทธิอนุตตรธรรมมีศาสนิกชนมากกว่า 10 ล้านคน ใน 86 ประเทศทั่วโลก

https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%A5 ... 3%E0%B8%A1

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 พ.ค. 2020, 02:33 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ค. 2020, 07:10
โพสต์: 456

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:

ทำไมไม่ฟังเพื่อเข้าใจถูกตามคำสอนของพระพุทธเจ้าเออน่ะ
บอกแล้วว่าปัญญาที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้คือใบไม้ทั้งป่าไม้
ทรงยกมาแสดงเพียงใบไม้3ใบคือทั้งพระไตรปิฏก
นั่นน่าเพื่อให้ศึกษาให้เกิดปัญญาเข้าใจถูกตาม
พระองค์ไม่ได้ให้เลือกเอา3ใบนั้นไปทำ
แต่ทรงบอกให้คิดให้รอบคอบก่อนทำ
ทรงแสดงไว้ทั้งทางถูกและทางผิด
เลือกเอาไปทำโดยไม่รู้ว่าอะไรถูก
คิดไหมว่าที่ทำอยู่คือไม่รู้ว่าทำผิด
ฟังเข้าใจไม่ได้ผิดศีลสักข้อดีทันที
โดยยังไม่ต้องเอาตัวไปไหนคือทำความเห็นตรงตามคำสอนก่อนไป
ฟังบ้างนะ...ตายแล้วกลับมาทำเงี่ยหูฟังใหม่ไม่ได้นะทำได้แต่ตอนที่ยังหายใจอยู่ค่ะ
https://youtu.be/Nmb9JUvkvKY


คุณโรสมีอะไรก็ว่าไปนั่นๆนี่ๆโน่นๆ แล้วก็บอกว่า นี่เป็นความเห็นของแม่สุจินนะคุณแม่เห็นเช่นนี้ว่าเช่นนั้น จะไม่มีคนค้านคนเถียงเลย เพราะเป็นความเห็นเฉพาะกลุ่มเฉพาะตัว

แต่คุณโรสพูดๆๆๆนั่นๆนี่ๆไปตามเรื่องตามอารมณ์แล้วไปอ้างตถาคต อ้างพระพุทธเจ้า คนเขาก็ค้านดิ ค้านว่านั่นไม่ใช่คำตถาคต พระพุทธเจ้าไม่ได้ว่าอย่างนั้นไม่ได้พูดอย่างนั้น กล่าวตู่ตถาคตกล่าวตู่พระพุทธเจ้านะ เรื่องมันก็มีแค่นี้แหละ
จบข่าว :b35:

cool
คุณกรัชกายคิดว่าตนเองรู้จักจิตคนอื่นจากความคิดเขาเหรอ555
ความคิดเป็นจิตไม่ใช่ปัญญาและถ้าเป็นปัญญาต้องรู้ว่าคืออะไรและคิดถูกตัวหรือยัง
ไม่ใช่อ่านตรงไหนแค่จำได้555คิดว่าตัวเองรู้หมดรู้จริงสัจจะไม่ต้องท่อง
สัจจะต้องรู้ที่กายใจตนเองรู้ทันความคิด=รู้จักจิตของตัวเองไม่ได้กางตำราตอบ
คิดออกนอกตัวเมื่อไหร่ถ้าไม่มีปัญญาจะทำอะไรก็ไม่มีปัญญารู้ตัวมั๊ยยยย
ความคิดของโรส=จิตของโรส ไม่ใช่ ความคิดอ.สุจินต์=จิตอ.สุจินต์นะคะ
ความคิดคือจิตของคนวิปลาศไปต่างๆกันจนกว่าจะคิดตามคำของตถาคต
คนที่คิดถูกตรงจริงตามคำตถาคตย่อมพูดสิ่งเดียวกันยังกะแกะแต่คนละดวงจิตนะ
:b32:
:b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 พ.ค. 2020, 09:55 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarina เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:

ทำไมไม่ฟังเพื่อเข้าใจถูกตามคำสอนของพระพุทธเจ้าเออน่ะ
บอกแล้วว่าปัญญาที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้คือใบไม้ทั้งป่าไม้
ทรงยกมาแสดงเพียงใบไม้3ใบคือทั้งพระไตรปิฏก
นั่นน่าเพื่อให้ศึกษาให้เกิดปัญญาเข้าใจถูกตาม
พระองค์ไม่ได้ให้เลือกเอา3ใบนั้นไปทำ
แต่ทรงบอกให้คิดให้รอบคอบก่อนทำ
ทรงแสดงไว้ทั้งทางถูกและทางผิด
เลือกเอาไปทำโดยไม่รู้ว่าอะไรถูก
คิดไหมว่าที่ทำอยู่คือไม่รู้ว่าทำผิด
ฟังเข้าใจไม่ได้ผิดศีลสักข้อดีทันที
โดยยังไม่ต้องเอาตัวไปไหนคือทำความเห็นตรงตามคำสอนก่อนไป
ฟังบ้างนะ...ตายแล้วกลับมาทำเงี่ยหูฟังใหม่ไม่ได้นะทำได้แต่ตอนที่ยังหายใจอยู่ค่ะ
https://youtu.be/Nmb9JUvkvKY


คุณโรสมีอะไรก็ว่าไปนั่นๆนี่ๆโน่นๆ แล้วก็บอกว่า นี่เป็นความเห็นของแม่สุจินนะคุณแม่เห็นเช่นนี้ว่าเช่นนั้น จะไม่มีคนค้านคนเถียงเลย เพราะเป็นความเห็นเฉพาะกลุ่มเฉพาะตัว

แต่คุณโรสพูดๆๆๆนั่นๆนี่ๆไปตามเรื่องตามอารมณ์แล้วไปอ้างตถาคต อ้างพระพุทธเจ้า คนเขาก็ค้านดิ ค้านว่านั่นไม่ใช่คำตถาคต พระพุทธเจ้าไม่ได้ว่าอย่างนั้นไม่ได้พูดอย่างนั้น กล่าวตู่ตถาคตกล่าวตู่พระพุทธเจ้านะ เรื่องมันก็มีแค่นี้แหละ
จบข่าว :b35:

cool
คุณกรัชกายคิดว่าตนเองรู้จักจิตคนอื่นจากความคิดเขาเหรอ555
ความคิดเป็นจิตไม่ใช่ปัญญาและถ้าเป็นปัญญาต้องรู้ว่าคืออะไรและคิดถูกตัวหรือยัง
ไม่ใช่อ่านตรงไหนแค่จำได้555คิดว่าตัวเองรู้หมดรู้จริงสัจจะไม่ต้องท่อง
สัจจะต้องรู้ที่กายใจตนเองรู้ทันความคิด=รู้จักจิตของตัวเองไม่ได้กางตำราตอบ
คิดออกนอกตัวเมื่อไหร่ถ้าไม่มีปัญญาจะทำอะไรก็ไม่มีปัญญารู้ตัวมั๊ยยยย
ความคิดของโรส=จิตของโรส ไม่ใช่ ความคิดอ.สุจินต์=จิตอ.สุจินต์นะคะ
ความคิดคือจิตของคนวิปลาศไปต่างๆกันจนกว่าจะคิดตามคำของตถาคต
คนที่คิดถูกตรงจริงตามคำตถาคตย่อมพูดสิ่งเดียวกันยังกะแกะแต่คนละดวงจิตนะ


ปัญญาตามที่คุณโรสคิดหมายถึงไง จึงเรียกปัญญา ไหนลองว่ามาสิ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 พ.ค. 2020, 23:50 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ค. 2020, 07:10
โพสต์: 456

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
Rosarina เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:

ทำไมไม่ฟังเพื่อเข้าใจถูกตามคำสอนของพระพุทธเจ้าเออน่ะ
บอกแล้วว่าปัญญาที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้คือใบไม้ทั้งป่าไม้
ทรงยกมาแสดงเพียงใบไม้3ใบคือทั้งพระไตรปิฏก
นั่นน่าเพื่อให้ศึกษาให้เกิดปัญญาเข้าใจถูกตาม
พระองค์ไม่ได้ให้เลือกเอา3ใบนั้นไปทำ
แต่ทรงบอกให้คิดให้รอบคอบก่อนทำ
ทรงแสดงไว้ทั้งทางถูกและทางผิด
เลือกเอาไปทำโดยไม่รู้ว่าอะไรถูก
คิดไหมว่าที่ทำอยู่คือไม่รู้ว่าทำผิด
ฟังเข้าใจไม่ได้ผิดศีลสักข้อดีทันที
โดยยังไม่ต้องเอาตัวไปไหนคือทำความเห็นตรงตามคำสอนก่อนไป
ฟังบ้างนะ...ตายแล้วกลับมาทำเงี่ยหูฟังใหม่ไม่ได้นะทำได้แต่ตอนที่ยังหายใจอยู่ค่ะ
https://youtu.be/Nmb9JUvkvKY


คุณโรสมีอะไรก็ว่าไปนั่นๆนี่ๆโน่นๆ แล้วก็บอกว่า นี่เป็นความเห็นของแม่สุจินนะคุณแม่เห็นเช่นนี้ว่าเช่นนั้น จะไม่มีคนค้านคนเถียงเลย เพราะเป็นความเห็นเฉพาะกลุ่มเฉพาะตัว

แต่คุณโรสพูดๆๆๆนั่นๆนี่ๆไปตามเรื่องตามอารมณ์แล้วไปอ้างตถาคต อ้างพระพุทธเจ้า คนเขาก็ค้านดิ ค้านว่านั่นไม่ใช่คำตถาคต พระพุทธเจ้าไม่ได้ว่าอย่างนั้นไม่ได้พูดอย่างนั้น กล่าวตู่ตถาคตกล่าวตู่พระพุทธเจ้านะ เรื่องมันก็มีแค่นี้แหละ
จบข่าว :b35:

cool
คุณกรัชกายคิดว่าตนเองรู้จักจิตคนอื่นจากความคิดเขาเหรอ555
ความคิดเป็นจิตไม่ใช่ปัญญาและถ้าเป็นปัญญาต้องรู้ว่าคืออะไรและคิดถูกตัวหรือยัง
ไม่ใช่อ่านตรงไหนแค่จำได้555คิดว่าตัวเองรู้หมดรู้จริงสัจจะไม่ต้องท่อง
สัจจะต้องรู้ที่กายใจตนเองรู้ทันความคิด=รู้จักจิตของตัวเองไม่ได้กางตำราตอบ
คิดออกนอกตัวเมื่อไหร่ถ้าไม่มีปัญญาจะทำอะไรก็ไม่มีปัญญารู้ตัวมั๊ยยยย
ความคิดของโรส=จิตของโรส ไม่ใช่ ความคิดอ.สุจินต์=จิตอ.สุจินต์นะคะ
ความคิดคือจิตของคนวิปลาศไปต่างๆกันจนกว่าจะคิดตามคำของตถาคต
คนที่คิดถูกตรงจริงตามคำตถาคตย่อมพูดสิ่งเดียวกันยังกะแกะแต่คนละดวงจิตนะ


ปัญญาตามที่คุณโรสคิดหมายถึงไง จึงเรียกปัญญา ไหนลองว่ามาสิ

:b12:
คุณก็คิดตามให้ตรงสิ...ฟังไม่มากปัญญาก็ไม่เพิ่ม
เหมือนคุณเรียนป1-ป.6, ม.1-ม.6, ป.ตรี-ป.เอก
จากคำสอนปัญญาเกิดได้ตามลำดับเรียงลำดับไป มีศรัทธาในการฟังมั่นคงที่จะไม่หลงตามคนอื่นไปรึป่าว
1สุตมยปัญญา2จินตามยปัญญา3ภาวนามยปัญญา ฟังบ่อยๆเนืองๆจนเป็นพหุสูตอ่านว่าพะหุสุตะ
ถ้าคุณไม่ทำข้อ1ให้แตกฉานโดยละเอียดไม่มีทางเจริญขึ้นเป็นปัญญาลำดับที่2และ3แน่ๆ
แล้วพระพุทธเจ้าเทศน์ถึง45ปีคุณเรียนด้วยการฟังสัก45ปีดูสิจะได้รู้ว่าปัญญาเกิดยังไง555
:b32:
ฟังตามปกติตามเป็นจริงเพราะคำของตถาคตฟังเท่าไหร่ก็ไม่พอคือมีฉันทะที่จะฟังนะคะ
ถามว่า...ทำยังไงล่ะ
ตอบว่า...เงี่ยโสตลงสดับ
และไม่มีใครไปรู้ว่าปัญญาคนอื่นเกิดตอนไหน
เพราะไม่มีใครรู้ถึงระดับ1ขณะจิตแบบพระพุทธเจ้า
แต่เป็นการฟังเพื่อเข้าใจโดยตรงตรงที่สภาวะนั้นๆเกิดตามที่ตัวเองกำลังเป็นตอนกำลังฟังด้วยนะ
ปัญญาคือเจตสิกที่เกิดเป็นคู่หูกับจิตตอนรู้ความจริงถูกตัวตรงตามคำสอนตอนกำลังฟังนั่นแหละ
ความคิดคือจิตที่เกิดทางมนายตนะตรงที่ประชุมรวมกันในหัวใจโน่นก็ต้องตอนที่กำลังฟังอยู่ด้วย
ถ้าคิดเอาได้คนทั่วโลกก็อะระหันสิคะ...ตกลงแปลว่าถ้าไม่ฟังให้เข้าใจก่อนแปลว่าไม่เกิดปัญญา
https://youtu.be/k43G9n8dXyk
:b12:
:b12: :b12:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 พ.ค. 2020, 05:31 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarina เขียน:

คุณก็คิดตามให้ตรงสิ...ฟังไม่มากปัญญาก็ไม่เพิ่ม
เหมือนคุณเรียนป1-ป.6, ม.1-ม.6, ป.ตรี-ป.เอก
จากคำสอนปัญญาเกิดได้ตามลำดับเรียงลำดับไป มีศรัทธาในการฟังมั่นคงที่จะไม่หลงตามคนอื่นไปรึป่าว
1สุตมยปัญญา2จินตามยปัญญา3ภาวนามยปัญญา ฟังบ่อยๆเนืองๆจนเป็นพหุสูตอ่านว่าพะหุสุตะ
ถ้าคุณไม่ทำข้อ1ให้แตกฉานโดยละเอียดไม่มีทางเจริญขึ้นเป็นปัญญาลำดับที่2และ3แน่ๆ
แล้วพระพุทธเจ้าเทศน์ถึง45ปีคุณเรียนด้วยการฟังสัก45ปีดูสิจะได้รู้ว่าปัญญาเกิดยังไง555
:b32:
ฟังตามปกติตามเป็นจริงเพราะคำของตถาคตฟังเท่าไหร่ก็ไม่พอคือมีฉันทะที่จะฟังนะคะ
ถามว่า...ทำยังไงล่ะ
ตอบว่า...เงี่ยโสตลงสดับ
และไม่มีใครไปรู้ว่าปัญญาคนอื่นเกิดตอนไหน
เพราะไม่มีใครรู้ถึงระดับ1ขณะจิตแบบพระพุทธเจ้า
แต่เป็นการฟังเพื่อเข้าใจโดยตรงตรงที่สภาวะนั้นๆเกิดตามที่ตัวเองกำลังเป็นตอนกำลังฟังด้วยนะ
ปัญญาคือเจตสิกที่เกิดเป็นคู่หูกับจิตตอนรู้ความจริงถูกตัวตรงตามคำสอนตอนกำลังฟังนั่นแหละ
ความคิดคือจิตที่เกิดทางมนายตนะตรงที่ประชุมรวมกันในหัวใจโน่นก็ต้องตอนที่กำลังฟังอยู่ด้วย
ถ้าคิดเอาได้คนทั่วโลกก็อะระหันสิคะ...ตกลงแปลว่าถ้าไม่ฟังให้เข้าใจก่อนแปลว่าไม่เกิดปัญญา
https://youtu.be/k43G9n8dXyk


ฟังคนอื่นบ้างสิ อย่าฟังแต่แม่สุจินคนเดียว :b32:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 มิ.ย. 2020, 23:07 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7503

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
Rosarina เขียน:

คุณก็คิดตามให้ตรงสิ...ฟังไม่มากปัญญาก็ไม่เพิ่ม
เหมือนคุณเรียนป1-ป.6, ม.1-ม.6, ป.ตรี-ป.เอก
จากคำสอนปัญญาเกิดได้ตามลำดับเรียงลำดับไป มีศรัทธาในการฟังมั่นคงที่จะไม่หลงตามคนอื่นไปรึป่าว
1สุตมยปัญญา2จินตามยปัญญา3ภาวนามยปัญญา ฟังบ่อยๆเนืองๆจนเป็นพหุสูตอ่านว่าพะหุสุตะ
ถ้าคุณไม่ทำข้อ1ให้แตกฉานโดยละเอียดไม่มีทางเจริญขึ้นเป็นปัญญาลำดับที่2และ3แน่ๆ
แล้วพระพุทธเจ้าเทศน์ถึง45ปีคุณเรียนด้วยการฟังสัก45ปีดูสิจะได้รู้ว่าปัญญาเกิดยังไง555
:b32:
ฟังตามปกติตามเป็นจริงเพราะคำของตถาคตฟังเท่าไหร่ก็ไม่พอคือมีฉันทะที่จะฟังนะคะ
ถามว่า...ทำยังไงล่ะ
ตอบว่า...เงี่ยโสตลงสดับ
และไม่มีใครไปรู้ว่าปัญญาคนอื่นเกิดตอนไหน
เพราะไม่มีใครรู้ถึงระดับ1ขณะจิตแบบพระพุทธเจ้า
แต่เป็นการฟังเพื่อเข้าใจโดยตรงตรงที่สภาวะนั้นๆเกิดตามที่ตัวเองกำลังเป็นตอนกำลังฟังด้วยนะ
ปัญญาคือเจตสิกที่เกิดเป็นคู่หูกับจิตตอนรู้ความจริงถูกตัวตรงตามคำสอนตอนกำลังฟังนั่นแหละ
ความคิดคือจิตที่เกิดทางมนายตนะตรงที่ประชุมรวมกันในหัวใจโน่นก็ต้องตอนที่กำลังฟังอยู่ด้วย
ถ้าคิดเอาได้คนทั่วโลกก็อะระหันสิคะ...ตกลงแปลว่าถ้าไม่ฟังให้เข้าใจก่อนแปลว่าไม่เกิดปัญญา
https://youtu.be/k43G9n8dXyk


ฟังคนอื่นบ้างสิ อย่าฟังแต่แม่สุจินคนเดียว :b32:

:b1:
คิดสิ...พระพุทธเจ้าตรัสรู้ความจริงที่ไม่มีใครคิดเองได้
แล้วที่พากันเชื่อและทำตามๆกันโดยไม่ฟังคำของตถาคต
มีแต่ความอยากได้โดยเอาตัวไปคิดพูดทำและเชื่อผิดๆตามๆกัน
ทุกอย่างมันเกิดแล้วตามเหตุตามปัจจัยไม่ได้ทำบอกไม่ฟังเกิดมาตายฟรี
:b12:
ธัมมะทั้งหลายเกิดขึ้นเป็นธรรมดาโดยความเป็นอนัตตา
ตรงตามเหตุตามปัจจัยที่กำหนดมาแล้วไม่ได้ทำ/ที่ทำน่ะอัตตา
ธัมมะที่เป็นขันธ์ที่กำลังเกิดดับอยู่ทรงไว้ซึ่งความว่างเปล่าจากตัวตน
และมีนิพพานเท่านั้นที่ไม่รวมอยู่ในขันธ์ดังนั้นนิพพานจึงไม่มีการเกิดดับ
ฟังบ้างเถอะ...นะนะนะ...จะได้มีปัญญาแทรกเกิดตามหลังกิเลสได้ตอนกำลังฟังเพราะปัญญาเกิดได้ทีละนิด
https://youtu.be/Ip7yNL6A3Qc
:b12:
:b4: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 ส.ค. 2020, 13:25 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ปฤษฎี เขียน:
วันนี้เจอคำถามแปลกๆ

ถามว่าคุณได้นั่งสมาธิบ้างมั้ย ได้ยินว่าปฏิบัติธรรม

ก็ตอบว่าตอนเด็กๆ ก็นั่งบ่อย สองวันก่อนก็นั่ง แต่ปกติไม่ค่อยได้นั่ง
ก็ใช้ชีวิตตามปกติ

แล้วก็ถูกถามต่อไปว่านั่งสมาธิได้อะไร
ก็เลยตอบว่าได้ความสงบ

แล้วก็เจอคำถามที่สองว่า คุณเคยได้ฌานมั้ย
เจอคำถามแบบนี้ก็ไม่รู้จะตอบอย่างไร เพราะผู้ถามก็เป็นผู้ใหม่มาก

จึงตอบไปว่าถ้าจะไปถึงความสงบระดับนั้นก็คงไม่
แต่ความสงบทั่วๆไปก็มีตามปกติ
และเสริมไปว่า เราไม่ใช่นักบวชที่จำเป็นต้องเจริญความสงบให้ถึงระดับนั้น
ก็ศึกษาธรรมะ ฟังธรรม พิจารณาให้เกิดความเข้าใจความจริง ตามคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า


เป็นคำถามที่แปลกมากไม่เคยถูกถามมาก่อน ถามว่าเคยได้ฌานมั้ย
เป็นที่น่าสังเกตว่าผู้ศึกษาพระพุทธศาสนาใหม่ ที่ไม่รู้พระธรรมแท้ๆ
จะมุ่งสนใจในสิ่งที่ไกลตัวและไม่ได้ทำให้เกิดปัญญา ไม่ได้สนใจความจริงแท้ๆที่ปรากฎอยู่เฉพาะหน้า
ไม่สนใจสิ่งที่มีอยู่ในขณะนี้ซึ่งเป็นธรรมะแต่ละอย่างที่ควรพิจารณายิ่ง แต่กลับไปสนใจเรื่องสมาธิ เรื่องฌานซึ่งเป็นเรื่องไกลตัว ซึ่งผู้ถามก็ไม่รู้จักว่าสมาธิคืออะไร ฌานคืออะไร

ไม่ทราบว่าการเจริญความสงบหรือสมถะเป็นสิ่งที่เจริญให้ถึงอัปนาคือแนบแน่นได้ยาก โดยเฉพาะในเพศคฤหัสถ์ที่เป็นผู้บริโภคกาม เป็นผู้ที่ติดข้องในกามคุณ แสวงหาสาระจากรูป เสียง กลิ่น รส โผฐฐัพพะ อยู่เป็นนิจ เป็นผู้มากด้วยนิวรณ์ จะเจริญให้ได้แม้ปฐมฌานไม่ใช่ของง่ายเลย แม้อุปจารสมาธิก็ไม่ง่าย ต้องอาศัยปัจจัยต่างๆ เช่น สัปปายะ อารมณ์ของสมถะ การรู้จักความต่างของกุศลจิต อกุศลจิต รู้จักนิวรณ์ คือต้องมีปัญญามาก ไม่ใช่ไม่มีปัญญาแล้วจะเจริญความสงบจนเกิดฌานได้

การศึกษาพระพุทธศาสนาจึงควรเริ่มจากการมีความเข้าใจเบื้องต้น คือสัมมาทิฏฐิ ก่อนเป็นเบื้องต้น จึงจะทำให้กุศลประการต่างๆเจริญขึ้น และไม่ไปผิดทาง และต้องรู้ก่อนเลยว่าตัวเราเป็นคนอย่างไร อยู่ในเพศคฤหัสถ์ หรือเป็นนักบวช ถ้าเป็นคฤหัสถ์ อารมณ์สมถะที่ควรคืออะไร แล้วเจริญได้ถึงความสงบระดับไหน รู้อัธยาศัยของตนเอง ว่ายังใคร่ในกามอยู่มาก หรือเป็นผู้หลีกออกจากกาม


แปะไว้

พระพุทธเจ้าตรัสจำแนกกามโภคี คือ ชาวบ้าน ๑๐ ประเภท พร้อมทั้งส่วนดี ส่วนเสีย ของแต่ละประเภท มีใจความดังนี้

@กลุ่มที่หนึ่ง แสวงหาไม่ชอบธรรม

๑.พวกหนึ่ง อ แสวงหาทรัพย์โดยไม่ชอบธรรม, ได้ทรัพย์มาแล้ว ไม่เลี้ยงตนให้เป็นสุข ทั้งไม่เผื่อแผ่แบ่งปัน และไม่ใช้ทรัพย์นั้นทำความดี ควรตำหนิทั้ง ๓ สถาน

๒.พวกหนึ่ง แสวงหาทรัพย์โดยไม่ชอบธรรม, ได้ทรัพย์แล้ว เลี้ยงตนให้เป็นสุข แต่ไม่เผื่อแผ่แบ่งปัน และไม่ใช้ทรัพย์นั้นทำความดี ควรตำหนิ ๒ สถาน ควรชม ๑ สถาน

๓.พวกหนึ่ง แสวงหาทรัพย์โดยไม่ชอบธรรม, ได้ทรัพย์มาแล้ว เลี้ยงตนให้เป็นสุข ทั้งเผื่อแผ่แบ่งปัน และใช้ทรัพย์นั้นทำความดี ควรตำหนิ ๑ สถาน ควรชม ๒ สถาน

@กลุ่มที่สอง แสวงหาชอบธรรมบ้าง ไม่ชอบธรรมบ้าง

๔.พวกหนึ่ง แสวงหาทรัพย์โดยชอบธรรมบ้าง ไม่ชอบธรรมบ้าง, ได้ทรัพย์มาแล้ว ไม่เลี้ยงตนให้เป็นสุข ทั้งไม่เผื่อแผ่แบ่งปัน และไม่ใช้ทรัพย์นั้นทำความดี ควรตำหนิ ๓ สถาน ควรชม ๑ สถาน

๕.พวกหนึ่ง แสวงหาทรัพย์โดยชอบธรรมบ้าง ไม่ชอบธรรมบ้าง, ได้ทรัพย์มาแล้ว เลี้ยงตนให้เป็นสุข แต่ไม่เผื่อแผ่แบ่งปัน และไม่ใช้ทรัพย์นั้นทำความดี ควรตำหนิ ๒ สถาน ควรชม ๒ สถาน

๖.พวกหนึ่ง แสวงหาทรัพย์โดยชอบธรรมบ้าง ไม่ชอบธรรมบ้าง, ได้ทรัพย์มาแล้ว เลี้ยงตนให้เป็นสุข ทั้งเผื่อแผ่แบ่งปัน และใช้ทรัพย์นั้นทำความดี ควรตำหนิ ๑ สถาน ควรชม ๓ สถาน

@กลุ่มที่สาม แสวงหาชอบธรรม

๗.พวกหนึ่ง แสวงหาทรัพย์โดยชอบธรรม, ได้ทรัพย์แล้ว ไม่เลี้ยงตนให้เป็นสุข ทั้งไม่เผื่อแผ่แบ่งปัน และไม่ใช้ทรัพย์นั้นทำความดี ควรตำหนิ ๒ สถาน ควรชม ๑ สถาน

๘.พวกหนึ่ง แสวงหาทรัพย์โดยชอบธรรม, ได้ทรัพย์มาแล้ว เลี้ยงตนให้เป็นสุข แต่ไม่เผื่อแผ่แบ่งปัน และไม่ใช้ทรัพย์นั้นทำความดี ควรตำหนิ ๑ สถาน ควรชม ๒ สถาน

๙.พวกหนึ่ง แสวงหาทรัพย์โดยชอบธรรม, ได้ทรัพย์มาแล้ว เลี้ยงตนให้เป็นสุข ทั้งเผื่อแผ่แบ่งปัน และใช้ทรัพย์นั้นทำความดี แต่ยังติด ยังหมกมุ่น กินใช้ทรัพย์สมบัติ โดยไม่รู้เท่าทันเห็นโทษ ไม่มีปัญญาที่จะทำตนให้เป็นอิสระ ไม่เป็นนายเหนือโภคทรัพย์ ควรชม ๓ สถาน ควรตำหนิ ๑ สถาน

พวกพิเศษ แสวงหาชอบธรรม และกินใช้อย่างมีสติสัมปชัญญะ มีจิตใจเป็นอิสระ

๑๐.พวกหนึ่ง แสวงหาทรัพย์โดยชอบธรรม, ได้ทรัพย์มาแล้ว เลี้ยงตนให้เป็นสุข เผื่อแผ่แบ่งปัน และใช้ทรัพย์นั้นทำความดี ไม่ลุ่มหลง ไม่หมกมุ่นมัวเมา กินใช้ทรัพย์สมบัติ โดยรู้เท่าทัน เห็นคุณโทษ ทางดีทางเสียของมัน มีปัญญาทำตนให้เป็นอิสระ เป็นนายเหนือโภคทรัพย์ เป็นชาวบ้านชนิดที่เลิศ ประเสริฐ สูงสุด ควรชม ทั้ง ๔ สถาน.

(สํ.สฬ.18/631-643/408-415 ฯลฯ)

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 31 ธ.ค. 2021, 09:26 
 
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 30 ก.ย. 2013, 07:16
โพสต์: 2374

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Kiss


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 พ.ค. 2022, 21:04 
 
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ก.ย. 2012, 15:32
โพสต์: 2863


 ข้อมูลส่วนตัว


:b8: :b8: :b8:


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 268 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 14, 15, 16, 17, 18

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 37 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร