ลานธรรมจักร
http://www.dhammajak.net/forums/

รูปขันธ์
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=58715
หน้า 1 จากทั้งหมด 1

เจ้าของ:  รสมน [ 19 มี.ค. 2020, 06:54 ]
หัวข้อกระทู้:  รูปขันธ์

"สมาธิ นี้ก็ช่วยระงับความกระวนกระวายของเราได้ดีเหมือนกัน ฝึกหัดทำสมาธิ ถ้าบุคคลใด ใครคนหนึ่งได้รู้จักตามดูจิตของตนเอง รู้จักฝึกสมาธิ ไม่ต้องมาก แค่วันละเล็กละน้อยก็ยังดีอยู่ จิตใจนั้นจะเป็นจิตใจที่ดีมาก สวยมาก สงบ เยือกเย็นเป็นสมาธิ ไม่วอกแวก ไม่กระวนกระวาย สมาธิพาให้ใจดี ขนาดพระพุทธเจ้าก็ยังทรงสรรเสริญ"

#คติธรรม หลวงพ่อคำ นิสโสโก วัดป่าไทยพัฒนา อ.เดชอุดม จ.อุบลราชธานี








"กาย เมื่อได้รับอากาศ
ภายนอก​ เช่น อย่างหนาวบ้าง
ร้อนบ้างใจมันก็ไม่ชอบอีก..
เหมือนกันเมื่อเป็นเช่นนั้น..
ท่านจึงสอนให้พยายามตั้งสติ
พิจารณา​ ว่าสิ่งเหล่านี้ มันเป็น
อนิจจัง คือเป็นของไม่เที่ยง
เป็นทุกข์ คือทำให้กายและใจ
เป็นผู้ยึด​ ใจเป็นผู้ถือว่ามันร้อน
มันหนาว​ เมื่อเป็นเช่นนี้ ท่านให้
พิจารณาว่า​ นั่นเป็นของภายนอก
เป็นธรรมชาติของอากาศที่จะต้อง
เป็นไปอย่างนั้น.."

"ท่านให้พิจารณาว่าใครเป็นผู้ร้อน
กายเป็นผู้ร้อน หรือ ใจเป็นผู้ร้อน
เมื่อรวมลงแล้วก็ใจเป็นผู้ยึด ใจเป็น
ผู้ถือยึดเอามาไว้ว่าอันนี้มันร้อนจัด
อันนี้มันหนาวจัด​ ทำอย่างไรใจของ
เราจึงจะวางได้.."

"ท่านก็ให้พยายามทำใจของเรานั้น
ให้เป็นกลาง​ ความร้อน ความหนาว
นั้น ถือว่าเป็นธรรมชาติ
เป็นไปตามกาลตามเวลา.. "

#พระอุดมญาณโมลี
#หลวงปู่จันทร์ศรี_จันททีโป
วัดโพธิสมภรณ์
อ.เมืองอุดรธานี จ.อุดรธานี













#รูปขันธ์_ก็คือ_รูปร่างกาย
ชายหญิงทั่วไป​ รูปมีธาตุ ๔
ดิน น้ำ ลม ไฟ ลม ประชุมกัน
เรียกว่า "รูปชาย" "รูปหญิง"

รูปเป็นของปฏิกูล โดยที่เกิด
ปฏิกูลด้วยที่อยู่ ปฏิกูลด้วยสี
ปฏิกูลด้วยกลิ่น ปฏิกูลด้วยรส
ปฏิกูลด้วยการสั่งสมระคนกัน

รูปขันธ์ก็ไม่เที่ยงจีรังยั่งยืน
มีความผันแปรเปลี่ยนแปลง
แตกดับ ทำลายไปเป็นธรรมดา
ต้องทอดทิ้งไว้ในพื้นพสุธา
หน้าแผ่นดิน.."

#ในโลกนี้..
#เวทนา ก็ไม่เที่ยง
ผันแปรเปลี่ยนแปลง
#สังขาร​ ก็ไม่เที่ยง
ผันแปรเปลี่ยนแปลง
#วิญญาณ ก็ไม่เที่ยง
ผันแปรเปลี่ยนแปลง

#ขันธ์๕_ไม่เที่ยง
#ขันธ์๕_ก็เป็นทุกข์
#ขันธ์๕_ก็เป็นอนัตตา

"ไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของๆ เรา
ควรปล่อยวางไม่ควรยึดมั่นถือมั่น.. "

#หลวงปู่ตื้อ_อจลธัมโม









"เมื่อเจอสุข ก็อย่าลิงโลด
เมื่อเจอทุกข์ ก็อย่าคร่ำครวญ
หากวางใจให้เป็น โชคหรือเคราะห์
สุขหรือทุกข์ ก็สามารถเป็นคุณแก่เราได้"

พระอาจารย์ไพศาล วิสาโล










"การพูดไม่ดีกับคนอื่นอย่างไร ย่อมพูดได้
แต่อย่าหวังน้ำใจ จากคนอื่น เมื่อมีความสำคัญ
ได้อย่างนี้ จากนี้ไปให้ตั้งใจไว้ว่า เราจะไม่พูดเท็จ
ไม่พูดส่อเสียด หรือเราจะไม่พูด ที่ทำให้คนอื่น
มีความเดือนร้อน เป็นทุกข์ด้วยคำพูดของเรา
นับแต่บัดนี้เป็นต้นไป”

หลวงพ่อทูล ขิปฺปปญฺโญ









ธรรมะก็มีอยู่ในกาย

" เพราะกายมีความเกิด
แก่ เจ็บ ตาย

พระพุทธเจ้า และ
พระสาวกเจ้าทั้งหลาย
ท่านได้เสียสละ เช่น
ความสุขอันเป็นไปด้วย
ราชสมบัตินั้น

พระองค์ท่านผู้มีคน
ยกย่องสรรเสริญ
คอยปฏิบัติวัฏฐาก

แล้วได้เสียสละมานอน
กับดินกับหญ้า ใต้โคน
ต้นไม้ถึงกับอดอาหาร เป็นต้น

การเสียสละเหล่านี้
เพื่อประโยชน์อะไร
ก็เพื่อให้ได้ถึงซึ่ง
วิโมกขธรรม คือ ธรรมะ​
เป็นเครื่องพ้นจากการ
เกิด แก่ เจ็บ ตาย

และเมื่อพระพุทธองค์
ตรัสรู้ ก็ทรงนั่งสมาธิ
ใต้ร่มไม้ อันเป็นสถานที่
สงบสงัด และได้ทรง
พิจารณาซึ่งความจริง
คือ อริยสัจ ๔ นี้ เป็น
มูลเหตุอันเป็นเบื้องต้น
ของพระพุทธเจ้า.."

โอวาทธรรม
หลวงปู่เสาร์ กันตสีโล












พิจารณาสังขาร. ก่อนมันจะตาย. เราจะได้ธรรมะ. จากสังขาร.

โอวาทธรรม
พระอาจารย์สุรศักดิ์ ขันติโก






วันนั้น เดือนนั้น ปีนั้นไม่ดี.. วันมันไม่ได้พูด.. คนมันพูดเอง เจริญไม่เจริญ.. คนเราทำเอง.

โอวาทธรรม
หลวงปู่เหลือง ฉันทาคโม









#อย่าติดในร่างกาย #ตายไปก็เหลือแค่กระดูก #สาวงาม #หลงกาม
"ธรรมะพเนจร โดย หลวงปู่จันทา ถาวโร"

คืน วันหนึ่งตอน ๓ ทุ่ม ขณะที่ท่านพระอาจารย์จันทาเดินจงกรมอยู่ในป่าช้าแห่งนั้น บรรยากาศอันสงัดวิเวกวังเวงได้เย็นเยือกลง มีกลิ่นเหม็นเน่ารุนแรงลอยมาจนทำให้สะอึก ท่านคิดว่า ชาวบ้านฝังผีไม่ลึก ทำให้สุนัขมาขุดคุ้ยหลุมผี ลากเอาศพเน่าแล้วขึ้นมากิน กลิ่นศพเลยกระจายมาตามกระแสลม จึงสูดลมหายใจแรง ๆ เอากลิ่นศพเข้าปอด วิธีนี้จะทำให้ร่างกายปรับตัวเข้ากับกลิ่นเหม็นได้สนิท ความเหม็นเน่าจะทุเลาลง วิธีนี้สัปเหร่อแนะนำให้ไว้
แล้วท่านก็เดินจงกรมต่อไปกำหนดพุทโธตามจังหวะย่างก้าวไม่นานจิตร่วมลงเกิดโอภาสสว่างจ้า

ใน แสงสว่างนั้น เห็นนิมิตเป็นหญิงสาว ๓ นาง ตัดผมสั้นคล้ายทรงผมผู้หญิงออกศึกสงครามสมัยโบราณ ผิวขาวร่างสูงใหญ่ ๘ ศอก สวยมาก แต่เปลือยกายล่อนจ้อน เข้ามาหยุดยืนห่างในระยะประมาณ ๒ วา ที่ของลับนางทั้ง ๓ มีหนอนตัวเท่านิ้วมือจำนวนมากมายเจาะอยู่ยุ่บยั่บน่าหวาดเสียว น้ำเหลืองน้ำหนองไหลพลั่ก ๆ ลงมาที่พื้นดินจิตบอกว่า นางทั้ง ๓ นี้เป็นเปรต !

นางเปรตทั้ง ๓ ได้เดินไปยืนคร่อมเครือเถาวัลย์ แล้วถูไปถูมาทำให้หนอนที่รุมเจาะของลับอยู่นั้นร่วงพรูลงมา เป็นภาพที่ทำให้สังเวชสลดใจยิ่งนัก ท่านพระอาจารย์จันทากำหนดจิตถามว่า

“ทำกรรมทำเวรอันใดไว้ถึงได้มาตกค้างอยู่ในสภาพนี้โยม?”

นางเปรตทั้ง ๓ ร้องเสียงดังโหยหวนไปทั้งป่าช้า ร่ำไห้น่าสงสาร กล่าวตอบว่า
“พวกข้าน้อยมีทุกข์ทรมานแสนสาหัสเหลือเกินท่านครูบาเอ๊ย ตั้งแต่สมัยตั้งเมืองนครพนมหลายร้อยปีนานมา

พวก ข้าน้อยเป็นสาวงาม เมื่อมีผัวแล้วก็เล่นชู้นอกใจผัว ไม่เลือกเป็นพระสงฆ์องค์เจ้าหรือฆราวาส ฝ่ายผัวรู้เข้าก็คับแค้นใจ สาปให้ตายไปเป็นเปรต ถูกฝูงหนอนรุมเจาะของลับเช่นนี้แหละ”
“อยากจะพ้นทุกข์นี้ไหมล่ะโยม ?”
“อยากพ้นเจ้าค่ะ แต่ไม่รู้จะพ้นได้อย่างไร ?”

ท่านพระ อาจารย์จันทาจึงกำหนดจิตถามพระธรรม ซึ่งก็คือ พุทโธหรือจิตนั่นเอง พระธรรมบอกว่า เปรต ๓ นางนี้เคยเป็นญาติกันมาในชาติก่อนหลายภพชาติ เคยช่วยเหลือพึ่งพาอาศัยกันมา สมควรจะช่วยเหลือพวกนางให้ไปเกิดในสุคติภูมิหลาย ภพชาติมาล้วนไม่มีพระสงฆ์องค์เจ้าองค์ใด สามารถช่วยเหลือเปรตทั้ง ๓ นางนี้ได้เลย เมื่อมาเจริญภาวนาในป่าช้าแห่งนี้แล้วจิตไม่สงบ เมื่อจิตไม่เป็นสมาธิก็ไม่สามารถมองเห็นเปรตทั้ง ๓ นางได้

ในชาติ ปัจจุบัน พระที่มาเจริญภาวนาในป่าช้านี้จำนวนหลายองค์ จิตไม่มั่นคง เพราะถูกพวกเปรตในป่าช้ารบกวน ก็หนีไปอยู่เสียที่อื่น ไม่ได้ช่วยให้พวกเปรตหลุดพ้นทุกข์ไปได้ รวมทั้งไม่ได้เกี่ยวเนื่องเป็นญาติกันด้วย

ท่านพระอาจารย์จันทา สังเวชสลดใจ บาปกรรมช่างร้ายแรงน่าสะพรึงกลัวนี่กระไร จึงบอกให้นางเปรตทั้ง ๓ ตั้งใจรับเอาพระไตรสรณคมน์และศีล ๕ แล้วจึงสอนให้เดินจงกรมภาวนาพุทโธสอนให้หัดไหว้พระสวดมนต์ กำชับให้เจริญภาวนาพุทโธ เอาพุทโธเป็นสรณะที่พึ่งอยู่ตลอดเวลาอย่าได้ขาด

“เมื่อชาวบ้านญาติโยมมาทำบุญสุนทานในวัด ก็ให้โยมทั้ง๓ ฟังเทศน์ฟังธรรมกับเขา รับเอาพระไตรสรณคมน์และศีล ๕ ศีล ๘ กับเขา

เผื่อ เขากรวดน้ำอุทิศกุศลให้เปรตขนก็โมทนายินดีรับเอากุศลนั้นด้วย จะได้หมดกรรมในเปรตวิสัยภูมิเร็วขึ้น” ท่านพระอาจารย์จันทากำชับนางเปรตทั้ง ๓
ท่านเล่าว่าต่อมาบางวันสงบ ๆ ในเวลากลางวัน จะได้ยินเสียงนางเปรตทั้ง ๓ กรีดร้องโหยหวนร่ำไรรำพันว่า

“เจ้าศีลเจ้าธรรมคูรบาเอ๊ย เมื่อไหร่หนอ พวกข้าน้อยจะพ้นจากเวรกรรมเสียที ทุกข์ยากเจ็บปวดแท้ น้อ”

บาง คืนเปรตก็ร้องคร่ำครวญน่าเวทนายิ่งนัก เวลาท่านเดินจงกรมตอนกลางวันกลางคืน นางเปรตและผีทั้งหลายในป่าช้าพากันนั่งเต็มไปหมดคอยรับเอาส่วนกุศลที่แผ่ให้ แล้วจึงไปภาวนาทำความเพียรช่วยตัวเอง

“ครูบาอาจารย์ท่านบอกว่าพระ กรรมฐานทุกองค์แม้จะได้ฌานสมาธิ แต่ก็ไม่ได้เห็นผีเห็นเปรตหรือเห็นเทวดาเหมือนกันหมดทุกองค์ พระกรรมฐานที่จะเห็นได้
ส่วนมาก เคยมีกรรมเก่าพัวพันกับผีสางเทวดาเหล่านั้นมาแล้วในชาติปางก่อน
อาตมาเกิดนิมิตในสมาธิเห็นพวกวิญญาณได้เห็นจะเนื่องจากอาตมาเคยมีกรรมพัวพันกับพวกเขามาก่อน ไม่ใช่อาตมาได้ตาทิพย์อะไรหรอกนะ ครูบาอาจารย์ยังได้สอนอีกว่า อำนาจสมาธิอาจสามารถทำให้เห็นอดีต เห็นปัจจุบัน เห็นอนาคต ได้

แต่ ถ้าผู้ได้สมาธิระดับนี้ใช้สอดส่องเพ่งมองอดีต ปัจจุบันและอนาคต เป็นการอวดตนหรือหวังลาภสักการะแล้ว ย่อมจะทำให้การก้าวหน้าทางโลกุตรธรรมหยุดชะงักลงอย่างหมดหวัง น่าสลดสังเวช ประดุจดอกไม้ยังไม่ทันได้บานขึ้นเต็มที่ก็พลันเหี่ยวแห้งร่วงโรยไปเสีย ไม่มีโอกาสได้กระจายกลิ่นหอมหวนทวนลมแม้แต่น้อย

โอวาทธรรม
หลวงปู่จันทา ถาวโร

หน้า 1 จากทั้งหมด 1 เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group
http://www.phpbb.com/