วันเวลาปัจจุบัน 29 มี.ค. 2024, 21:56  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 2 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 มี.ค. 2020, 05:01 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 มี.ค. 2009, 10:48
โพสต์: 5091


 ข้อมูลส่วนตัว


#พบโยมมารดาบนสวรรค์

อาตมาไปสวรรค์เราเห็นปราสาทหลังแรก ได้ปราสาททองคำ อาตมาถามเค้าทำบุญอะไรตอนอยู่เมืองมนุษย์ เขาสร้างโบสถ์เล็กๆ ถวายพระ เลยได้ปราสาททองคำ ไปหลังที่สองก็เป็นปราสาทแก้ว ประตูหน้าต่างนี่ใส่แก้ว ผัวกับเมียก็อยู่ ขนาดเล็กลงมาอีกหน่อย พอไปหลังที่สาม นี่ก็ปราสาททองคำเหมือนกัน แต่มันก็หลังเล็กระดับสาม ก็มีนางเทพธิดาเป็นสาวอายุ 16 ปี พูดว่า

“หม่อม มาเยี่ยมแม่บ่” หม่อม เป็นภาษาอีสาน หม่อม คือ เราเป็นลูกเขา เขาเรียก “เอ๊ะ” เป็นแม่อาตมาได้ยังไง สาวน้อยๆอายุ 16 ปี เอง มาเป็นแม่อาตมาได้ยังไง อาตมาว่า

“ต้องเนรมิตกายให้อาตมาดูก่อนสิ ถ้าเป็นแม่อาตมาจริงๆ”

เค้าก็เนรมิตเป็นใส่ผ้าถุงไหม ใส่เสื้อขาวคอกลมเหมือนอย่างเดิมที่ไปจำศิล

“เอ้า ไม่ต้องแล้ว” ก็เลยกลับเป็นเทพธิดาคุยกัน เขาบอกว่า
“ทำบุญ ทำกุศล ได้แค่นี้แหละ มันยังขี้โลภอยู่ อยากได้ปราสาทใหญ่ๆ เหมือนอย่างหลังแรก ที่หม่อมเห็นมา” นี่ ยังอยากได้ปราสาทใหญ่อยู่นะ เขาเรียกว่ามีกิเลส เข้าใจบ่ แต่มันทำบุญไม่ได้ ในเมืองนี้มันไม่มีอะไรจะทำ ต้องไปจุติเมืองมนุษย์ก่อน จึงจะสร้างความดีได้ อยากจะลงมาเกิด เพื่อทำบุญกุศลต่อ มาบำเพ็ญต่อบัตรนี้เพราะอาตมาฟังว่าจะลงมาเกิด ก็ถามว่า

“จะลงมาเกิดกับใคร”

”จะลงมาเกิดกับพี่ชาย” โยมสะใภ้ที่แม่เค้าติด นั่นคือความยึดมั่นถือมั่น

“จะไปเกิดกับเขาได้ยังไง ลูกคนสุดท้องเขาอายุ 13 ปีแล้ว” นี่แหละเรื่องมโนกรรมมายึดถือ

อาตมาจึงว่า “โอ้ยเค้าไม่มีลูกหรอก 13 ปีแล้ว เขาไม่มีลูกสักคน”

“ไป” ยืนยันอย่างนี้นะ

อาตมาก็เลยออกจากนั่งสมาธิ ตี 2 นี่ก็เลยบันทึกไว้ วันที่ 11 มีนาจะไม่ลืมเลย บัดนี้ ปีนี้ ไม่ได้กลับบ้าน ปีหน้าถึงจะกลับ เอ๊า มันเป็นยังไง จะมาเกิดจริงๆ เหรอ

ปีนี้นี่ก็เลยกลับเลยวันที่ 11 เมษานี่กลับไปบ้าน ไปแล้วก็เลยไปจอดรถหน้าบ้านโยมป้า โยมป้าเดินมา บ้านพี่ชายก็อยู่ข้างใน ตรงกันข้ามเข้าไปในซอย รถวิ่งเข้าไปไม่ได้ ซอยมันเล็ก โยมป้ามาถึงก็มอง

“โยมพี่ชายได้ลูกสาว ข๊าวขาว สวยด้วย พึ่งได้เดือนหนึ่งคลอดออกมา” เอาละ ก็ครบรอบปีพอดี อาตมาก็เลยสั่งให้เขาดูแลให้ดี ขาวด้วย สวยด้วย เพิ่งเกิดมาเดือนเดียวก็เลยบอกเขา “รักษาให้ดีเด้อ มาเกิดด้วยมาติดพวกเธอนี่ ยึดมั่นถือมั่นว่าพวกเธอดี” บอกพี่ชายพี่สะใภ้ไว้ตอนสี่ขวบ เค้ายังถามหาเครื่องนุ่งห่ม แม่อาตมาเป็นคนนุ่งแต่ผ้าไหม
พออายุได้ 11 ปี อาตมาพามาที่เชียงใหม่ พาไปชมมหาวิทยาลัย ยังเป็นเด็ก ไปกับเพื่อน เค้าบอกว่ามาทำไมเป็นที่คลุกคลี เป็นที่ไม่สงบอย่างนี้เขาว่ากลับวัดดีกว่า

อาตมาพาไปจะทดสอบเขาให้เงิน 300 ใบละ 20 ให้ 300 ให้เค้าถือไปดู เขาเป็นเด็ก ทีนี้ไปถึงพิพิธภัณฑ์หลวงปู่ฝั้นทำบุญ 20 บาท พอไปหาหลวงปู่มั่นที่สกลนคร ที่เค้าเคยทำบุญเค้าก็ให้ 140 บาท พอไปถึงพระธาตุพนม จุดใหญ่ที่เขาทำบุญชาติก่อน เค้าต้องไปนอนเที่ยวละ 4 คืน ในคืนจันทร์เพ็ญ เอาเงินไปเท่าไหร่ เกลี้ยงเท่านั้น ชาตินี้พอไปถึงนั่น ทำบุญเกลี้ยงเลย แบมือใส่อาตมา บ่มีซักบาท เอาไปทำบุญหมด อ๋อมันไม่ลืมที่เก่าของเขา

หลวงพ่อพระอาจารย์เปลี่ยน ปญฺญาปทีโป





“ถ้าเราอยากจะอยู่อย่างปกติสุข
อย่างเป็นมนุษย์ก็จะต้องมี..ศีล ๕
เป็นเครื่องกำกับการกระทำของ
กาย วาจา ใจ”.
...........................
คัดลอกการแสดงธรรม
ธรรมะบนเขา 18/2/2561
พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
วัดญาณสังวรารามฯ ชลบุรี





#ผู้อุปัฏฐากบิดามารดา
#เอตัมมังคลมุตตมัง
#เป็นมงคลอันสูงสุด
ผู้ที่มีคุณธรรมอยู่ในใจจะต้อง
รู้สึกว่า เราจะต้องละชั่ว ประพฤติ
ความดี ทำจิตให้บริสุทธิ์สะอาด
ละชั่ว ก็คือละสิ่งที่มันฝ่าฝืน​ หรือ
ขัดความรู้สึกของคุณพ่อคุณแม่
การปฏิบัติเพื่ออุปัฏฐากน้ำจิต
น้ำใจพ่อแม่​ ถ้าพ่อแม่บอก ว่า
อย่านะลูก! หยุดทันที นั่น! วิเศษ
ที่สุด ผู้ใดอุปัฏฐากน้ำใจ พ่อแม่
อุปัฏฐากพ่อแม่ด้วยวัตถุ อามิส
ข้าวของเงินทอง มาตา-ปิตุอุปัฏฐานัง
"อันนี้เป็นคุณธรรมที่เป็นพื้นฐาน"
เราจะสร้างบ้านสร้างช่อง
เราต้องลงรากฐานให้มั่นคง
ขุดหลุม ตอกเข็ม เทพื้น
เมื่อเราลงรากลงเข็มให้มั่นคง
เราจะสร้างบ้านเราสูงจรดท้องฟ้า
มันก็ไม่พัง
#การสร้างคุณธรรม
"ถ้าเราปลูกฝังความกตัญญูกตเวที
คือ รู้จักเลี้ยงพ่อเลี้ยงแม่ เคารพบูชา
พ่อแม่ ปู่ย่าตายายในวงศ์ สกุลของเรา
อันนี้เป็นคุณธรรมที่เป็นพื้นฐาน ถ้าใคร
ปฏิบัติได้ ได้ชื่อว่าปูพื้นฐานของตนเอง ลงรากลงเข็มของตนเองให้มั่นคง ต่อไป
เราจะไปรับเอาอะไรมามันก็อยู่ยงคงกะพัน คือว่า เมื่อ รากฐานคุณธรรม คุณธรรม
ที่เป็นพื้นฐานมั่นคง ในกายในใจของเรานี่
เราจะเอาอะไรมาบรรจุลงไปมันก็ล้วนแต่ดีๆ ทั้งนั้น.. "

#พระราชสังวรญาณ
#หลวงพ่อพุธ_ฐานิโย
วัดป่าสาลวัน อ.เมือง จ.นครราชสีมา
#ที่มา_หนังสือฐานิยปูชา_๒๕๕๖




#มนุษย์ชนจำนวนมาก

"มนุษย์ชนจำนวนมาก​ ร้อยทั้งร้อย.. ?
จะหาสักหนึ่งราย ที่มีชีวิตอันเป็นสาระก็
หายากไม่น้อยเลย เกิดขึ้นมาก็พบแต่
ความโกลาหล​ วกเวียนไปด้วยความทุกข์วุ่นวายต่างๆ ทั่วดินแดน​ ศาสนามี ธรรมมี
ก็เหมือนไม่มี เพราะความสนใจใฝ่สันติสุข
มีน้อย มีแต่ความดิ้นรนขนทุกข์เข้ามาทับ
ถมตัวเอง ไม่คิดหาทางออกโดยถูกทาง
ใครก็คิดว่า “เอาตัวรอดเป็นยอดดี” แต่ก็
ไม่เห็นมีใคร ปรากฏว่าพบทางเอาตัวรอด.. นอกจากต่างคนต่างกอดทุกข์จนกระทั่ง
วันตายไม่มีเว้นว่าเป็นคนชาติชั้นวรรณะใด
ทั้งคนมี คนจน คนโง่ คนที่เข้าใจว่าตนฉลาด หัวใจนั้น แบก “คบเพลิง” ทั้งกองไม่มีเวลาปลดปลงปล่อยวางกันบ้างเลย จนกระทั่งสิ้นลมก็สิ้นไปด้วยความหาบหามกองทุกข์ ความรุ่มร้อนภายในใจไม่เบาเลย เมื่อเป็น
เช่นนี้ไม่เรียกว่า “โลกแห่งความมืดมน” จะ
ควรเรียกว่าอะไร จึงจะเหมาะสมกับที่ต่างคนต่างแบกกองทุกข์อยู่บนหัวใจ ซึ่งแบ่งหนัก
แบ่งเบากันไม่ได้เลย โดยไม่ทราบทางออกจากกองทุกข์เป็นเช่นไร..”

#โอวาทคติธรรมคำสอนพ่อแม่ครูอาจารย์
#หลวงตาพระมหาบัว_ญาณสัมปันโน
วัดป่าบ้านตาด อำเภอเมือง​ จังหวัดอุดรธานี
#พระธรรมเทศนา
[วันที่ ๑๗ ธันวาคม พ.ศ ๒๕๑๘]​




บุญชายผ้าเหลืองลูกชาย

ตัวอย่างในพระสูตรที่มีมาในเรื่องของ เณรสุบิน ท่านกล่าวว่า เณรสุบินคนนี้ปรากฏว่า บิดามารดาเป็นพราน แต่ว่าลูกชายมีจิตเลื่อมใสในศาสนาขององค์สมเด็จพระพิชิตมารบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า มีคติไม่ตรงกัน

พ่อชอบฆ่าสัตว์ตัดชีวิต แม่ก็มีอารมณ์จิตเหมือนกันพ่อแต่ว่าสำหรับลูกชายกลับเป็นคนที่มีจิตน้อมไปในกุศล ในพระพุทธศาสนาหนีพ่อหนีแม่ไปบรรพชาเป็นสามเณรเป็นอันว่าพ่อแม่สามเณรไม่มีโอกาสจะพบกัน

ต่อมาเมื่อกาลเวลาเข้ามาถึงพ่อและแม่ก็ตายจากความเป็นคน
ด้วยอำนาจกรรมที่เป็นอกุศล พระยายมก็สั่งคนมาเชิญไปเป็นแขกรับเชิญคือ เชิญไปในขุมนรก เชิญไปในสำนักพระยายม
ก็สอบสวนตามความเป็นจริงว่า ทำกรรมที่เป็นอกุศลอะไรบ้าง

แกก็รับทุกอย่างว่า ได้ฆ่าสัตว์ตัดชีวิตตั้งแต่สัตว์เล็กถึงสัตว์ใหญ่
อาศัยกฏของกรรมอันนี้ ก็ปรากฏว่า
ท่านทั้งสองต้องลงนรก เขาจึงนำไป

เมื่อนำไปแล้ว ตามธรรมดาสัตว์นรกที่มีกรรมที่เป็นอกุศลทั้งหมด
เมื่อเข้าเขตของนรกแล้วก็ต้องลงขุมได้ทันที แต่ว่าบิดาและมารดาของสามเณรนี้ลงไม่ได้นายนิรยบาลจึงจับโยนลงไปเข้าขุมนรก
ก็ปรากฏว่า มีหวายใหญ่มารองรับเป็นหวายร่างแหรองรับเข้าไว้ ไม่ตกลงไปในนรกทำอย่างนี้ถึง ๓ วาระ คนทั้งสองคนลงนรกไม่ได้

เพราะอะไร..เพราะว่าในเมื่อพ่อและแม่เห็นแสงไฟ ก็คิดขึ้นมาในใจว่า แสงไฟนี้คล้ายจีวรของพ่อเณรน้อยเพราะว่าเณรไปบวช ทราบว่าบวช ก็ไปทวงให้สึก เณรไม่สึก เห็นภาพเณรเพียงนิดเดียวเท่านั้น จิตใจนึกขึ้นมาได้ว่าเณรลูกชายของเรามีสีจีวรคล้ายเปลวไฟ
เพราะไฟบางตอนมันมีสีเหลือง จิตคิดเป็นอย่างนี้เป็นอันว่าบิดามารดาทั้งสองศรีลงนรกไม่ได้นายนิรยบาลก็กลับนำมาสำนักพระยายม พระยายมก็ถสอบถามว่า

“กรรมใดที่เป็นกุศลน่ะ ท่านไม่เคยทำบ้างเลยหรือ?”

สำหรับบิดามารดาของสามเณรก็กล่าวว่า “กรรมใดๆ ที่เป็นกุศล ตั้งแต่เกิดมาจนกระทั่งถึงตาย ไม่เคยทำมีอย่างเดียว คือ มีลูกชายอยู่คนหนึ่งชื่อ สุบิน เธอไม่พอใจในการทำอกุศลกรรมความชั่วสอนให้ฆ่าสัตว์ตัดชีวิตเธอก็ไม่ทำในที่สุดเธอก็หนีไปบวชเป็นสามเณรน้อยในพระพุทธศาสนา”

เป็นอันว่าพระยายมก็ทราบว่า นี่บุญลูกชายบวชเณรท่านจึงกล่าวว่า

“ในเมื่อลูกชายบวชเณร เราสอบสวนในตอนก่อน ทำไมเจ้าจึงไม่บอก?”

บิดามารดาของสามเณรบอกว่า “นึกไม่ออก เพราะกรรมที่เป็นอกุศลบังมันกดปากเข้าไว้ บังใจไม่ให้นึกถึง” เป็นอันว่าในเมื่อพระยายมทราบอย่างนั้นจึงได้กล่าวว่า เพราะอำนาจกุศล ที่ลูกชายของท่านบวชเป็นสามเณรในพระพุทธศาสนา จึงเป็นเหตุบันดาลให้ลงในขุมนรกไม่ได้

ฉะนั้นท่านจงได้รับผลของกรรม คือ ความดีต่อไปก็หมายความว่า ไปเกิดบนสวรรค์

นี่แหละบรรดาท่านพุทธบริษัททุกท่านที่องค์สมเด็จสวัสดิโสภาคย์แสดงให้เห็นว่าท่านทั้งหลายที่มีบุตรชายบวชเป็นสามเณรก็ดี บวชเป็นพระก็ดี ในพระพุทธศาสนาแม้แต่ว่าท่านจะไม่ยินดีหรือไม่ทราบ ท่านก็มีอานิสงส์มาก

จาก หนังสือเรื่อง การอุทิศส่วนกุศล หน้าที่ ๒๙-๓๑
โดย พระราชพรหมยาน (พระมหาวีระ ถาวโร)






ในโลกนี้ มันไม่แล้วเป็นสักที กินข้าว กินแล้ว ประเดี๋ยวประด๋าวก็กินอีก อาบน้ำแล้ว ประเดี๋ยวก็ต้องอาบอีก ตลอดไปถึงว่าไปห้องน้ำห้องส้วม ไปแล้วประเดี๋ยวก็ต้องไปอีก ล้างหน้าล้างปากแล้ว ไม่นานก็ต้องล้างอีก ถูขี้เหงื่อขี้ไคลแล้ว แต่หากไม่แล้วสักที

ในโลกอันนี้ มันโลกไม่แล้ว ในโลกอันนี้คนทุกข์มาเกิด ใครมาเกิดแล้วก็ต้องทุกข์ทั้งนั้น ทุกข์ไปทั้งหมดเลย มีอะไรก็ต้องเป็นภาระ มีอะไรก็ต้องเป็นทุกข์เพราะสิ่งที่มีนั้น นับตั้งแต่มีผม มีขน มีเล็บ มีฟัน มีหนัง มีผม ก็ต้องสระต้องฟอก สระฟอกทำความสะอาดก็ไม่แล้วสักที พูดถึงว่าตัดว่าแต่ง ว่าหวี การตัดการแต่งการหวีก็ไม่แล้วสักที พูดกันถึงว่าการโกน การโกนก็ไม่แล้ว

เป็นทุกข์แค่เรื่องผมนี้ก็ไม่ใช่ของเล่น สมัยนี้ถ้าหากว่าคนไปตื่นเต้นกับสมัยของเขาเข้า ยิ่งไปกันใหญ่ ยิ่งเป็นทุกข์มาก ยิ่งเพิ่มการเพิ่มงานมาก ไปแต่งไปตัดทรงนั้นทรงนี้ ไปย้อมไปทาสีนั้นสีนี้ ย้อมไปแล้วมันก็ไม่แล้ว เดี๋ยวมันก็เกิดขึ้นมาใหม่อีก สีก็ของเดิม

ยิ่งพูดกันถึงว่าเพียงแต่ส่วนเดียวนี้ มันก็ไม่มีโอกาสที่จะแล้วได้ ส่วนอื่น ๆ ต่อไปมันก็ไม่มีโอกาสจะแล้วอีกเหมือนกัน จึงว่ามันไม่แล้วเป็น
.
หลวงปู่แบน ธนากโร
วัดดอยธรรมเจดีย์ จ.สกลนคร




เมื่อมีผู้ของของดีจาก หลวงปู่แหวน ท่านจะถามกลับและให้ธรรมะ เพื่อเป็นข้อคิดเตือน
สติ เตือนใจ ดังนี้..

“ของดีอะไร อะไรคือของดี ของดีก็มีอยู่ด้วยกันทุกคนแล้ว” การที่ร่างกายแข็งแรงไม่เจ็บไข้ได้พยาธินั้น ก็มีของดีแล้ว การมีร่างกายแข็งแรง มีอวัยวะ ครบถ้วน ไม่บกพร่องวิกลวิการ อันนี้ก็เป็นของดีแล้ว​ ของดีมีอยู่ในตน ไม่รู้จะไปเอาของดีที่ไหนอีก สมบัติของดีจากเจ้าพ่อ เจ้าเแม่ให้มา ก็เป็น ของดีอยู่แล้ว มีอยู่แล้วทุกคน จะไปเอาของดีที่ไหนอีก​ ของดีก็ต้องทำให้มันเกิดมันมีขึ้นในจิตใจของตน ความดีอันใด ที่ยังไม่มี ก็ต้องเพียรพยายาม ทำให้เกิดให้มีขึ้นนี่แหละของดี​ ของดีอยู่แล้ว ในตัวของเราทุกๆ คน มองให้มันเห็น หาให้มันเห็น ภายในตนของตนนี่แหละ จึงใช้ได้ ถ้าไปมองหาแสวงหาของดี ภายนอกแล้วใช้ไม่ได้

#ศีล_ธรรม_นี่แหละคือของดี

ศีล คือการนำความผิดความชั่วออกจากกาย ออกจากวาจา​ ธรรม ก็คือความดีที่ป้องกันไม่ให้ความผิดหวังความชั่วเกิดขึ้นใน กาย วาจา ใจ​ ทั้งศีล ทั้งธรรม ก็อันเดียวกันนั่นแหละ แต่เราไปแยกสมมติ เรียกไปต่างหาก​ กาย วาจา ใจ ของเรานี้เป็นที่ตั้งของธรรม เป็นที่เกิดของธรรม เป็นที่ดับของธรรม ความดีก็ เกิดจากที่นี่ ความชั่วก็เกิดจากที่นี่ สวรรค์ก็เกิดจากที่นี่ นรกก็เกิดจากที่นี่​ เราจะรักษาศีล ภาวนา ให้ทาน ก็ต้องอาศัย กาย วาจา ใจ นี้เป็นเหตุ เราจะทำความผิด ความชั่ว ไปนรกอเวจีก็ต้องอาศัยกาย วาจา ใจ นี้เป็นเหตุ​ เราจะรักษาศีล ทำสมาธิ ภาวนา ให้เกิดปัญญา ทำมรรค ผล นิพพาน ให้แจ้ง ให้เกิดขึ้น ก็ต้องอาศัยกาย วาจา ใจ นี้แหละ”

#หลวงปู่แหวน_สุจิณฺโณ




“การทำบุญทีละน้อยๆ
ก็สามารถเป็นบุญกองใหญ่ได้
อย่าได้รั้งรอ วันนั้นวันนี้
ให้ค่อยทำไปเรื่อยๆ
เพราะความตายมันอยู่ใกล้ชิดเรา
เราไม่รู้ว่าจะไปวันไหน
ควรรีบสร้างคุณงามความดี
เอาไว้เป็นที่พึ่งของตน”

หลวงปู่เปลี่ยน ปัญญาปทีโป


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 มี.ค. 2020, 08:34 
 
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ก.ย. 2012, 15:32
โพสต์: 2863


 ข้อมูลส่วนตัว


:b8: :b8: :b8:


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 2 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: Google [Bot] และ บุคคลทั่วไป 43 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร