วันเวลาปัจจุบัน 19 เม.ย. 2024, 06:42  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 31 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 ก.พ. 2020, 21:48 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 มี.ค. 2018, 02:56
โพสต์: 2157

โฮมเพจ: maybe
แนวปฏิบัติ: สติปัฎฐาน
งานอดิเรก: กีฬา
สิ่งที่ชื่นชอบ: แบรนด์เเนม
ชื่อเล่น: เม
อายุ: 22
ที่อยู่: Bangkok Thailand

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
Kiss
ทุกคำในพระไตรปิฏกคือสัจจะตรงปัจจุบัน
รู้อดีตและอนาคตไม่ได้...เข้าใจไหมฟังบ้างนะ
กิเลสแปลว่าไม่รู้...อวิชชาแปลว่าโง่
ปัจจุบันคือเดี๋ยวนี้...กำลังมีกิเลสอวิชชา
:b32:
แปลว่าทั้งไม่รู้ทั้งโง่ยังไม่เก็ตกันอีกหรือคะ
ตถาคตตรัสรู้อริยสัจจะคือตัวจริงธัมมะเดี๋ยวนี้
ที่กำลังจากไปถึงแสนโกฏดวงจิตทันสัก1ดวงที่ตัวตนมี
ที่กำลังคิดตามได้ทันตรง1สัจจะที่กำลังมีเคยทันไหมจะให้ว่าไงคะ
จะคิดพิสดารไปถึงไหนต่อไหนทำไมเดี๋ยวนี้แหละโง่...รู้ไหมไม่เคยรู้สึกตัวตรงตามคำตถาคตได้ทันเลยค่ะ
:b12:
:b12: :b12:

คริคริ

ไม่เก๊ตจริงๆเรยค่ะ
คุณยายโรส แสดงความรู้พื้นฐานที่ ผิดๆๆๆๆ ออกมาอีกแล้วค่ะ

ไปมโนบัญญัติคำเอาเอง ไม่ตรงกะพระไตรปิฎก ไม่ตรงตามพระพุทธองค์สอน

"จะคิดพิสดารไปถึงไหนต่อไหนทำไมเดี๋ยวนี้แหละโง่"

คำพูดคุณยาย คิดพิศดารไม่ตรงพระธรรม เป็นหอกทิ่มตัวเอง นะคะ

อวิชชา แปลว่า ความไม่รู้ ไม่รู้อริยสัจสี่
กิเลส แปลว่า สิ่งที่ทำใจให้เศร้าหมอง

tongue


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 ก.พ. 2020, 06:23 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7502

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


โลกสวย เขียน:
Rosarin เขียน:
Kiss
ทุกคำในพระไตรปิฏกคือสัจจะตรงปัจจุบัน
รู้อดีตและอนาคตไม่ได้...เข้าใจไหมฟังบ้างนะ
กิเลสแปลว่าไม่รู้...อวิชชาแปลว่าโง่
ปัจจุบันคือเดี๋ยวนี้...กำลังมีกิเลสอวิชชา
:b32:
แปลว่าทั้งไม่รู้ทั้งโง่ยังไม่เก็ตกันอีกหรือคะ
ตถาคตตรัสรู้อริยสัจจะคือตัวจริงธัมมะเดี๋ยวนี้
ที่กำลังจากไปถึงแสนโกฏดวงจิตทันสัก1ดวงที่ตัวตนมี
ที่กำลังคิดตามได้ทันตรง1สัจจะที่กำลังมีเคยทันไหมจะให้ว่าไงคะ
จะคิดพิสดารไปถึงไหนต่อไหนทำไมเดี๋ยวนี้แหละโง่...รู้ไหมไม่เคยรู้สึกตัวตรงตามคำตถาคตได้ทันเลยค่ะ
:b12:
:b12: :b12:

คริคริ

ไม่เก๊ตจริงๆเรยค่ะ
คุณยายโรส แสดงความรู้พื้นฐานที่ ผิดๆๆๆๆ ออกมาอีกแล้วค่ะ

ไปมโนบัญญัติคำเอาเอง ไม่ตรงกะพระไตรปิฎก ไม่ตรงตามพระพุทธองค์สอน

"จะคิดพิสดารไปถึงไหนต่อไหนทำไมเดี๋ยวนี้แหละโง่"

คำพูดคุณยาย คิดพิศดารไม่ตรงพระธรรม เป็นหอกทิ่มตัวเอง นะคะ

อวิชชา แปลว่า ความไม่รู้ ไม่รู้อริยสัจสี่
กิเลส แปลว่า สิ่งที่ทำใจให้เศร้าหมอง

tongue

:b32:
เมไม่เก็ตจริงหรือคะไม่รู้ใช่ไหมว่าตาไม่มีจริงที่จริงคือมีจิตเห็น
สามเณรอรหันต์ถูกพระเถระเอาไม้ฟาดตาบอดทั้ง2ข้างไม่โกรธ
สามเณรรู้และเข้าใจว่าต้องโทษวัฏฏะที่ทำให้เกิดมารับผลกรรมไม่ดีที่ตัวเองเคยทำไว้ไม่มีคนทำไงคะเม
ตาเราหูเราเราดูเราทำได้เราบอกคนอื่นได้แต่เราไม่รู้เพราะเรานั่นน่ะเห็นผิดคริคริคริ...ยังไม่รู้สึกตัวว่าโง่อยู่เม
:b32: :b32:
มีห้อยท้ายให้หัดฟังซะบ้างนะ...ทำฟังน่ะคิดตามได้เท่านั้นค่ะ...ตายแล้วหมดทางย้อนกลับมาฟังนะจ๊ะๆๆๆๆ
https://youtu.be/Hse_V6GoDeY
:b12:
:b12: :b12:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 ก.พ. 2020, 16:53 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 มี.ค. 2018, 02:56
โพสต์: 2157

โฮมเพจ: maybe
แนวปฏิบัติ: สติปัฎฐาน
งานอดิเรก: กีฬา
สิ่งที่ชื่นชอบ: แบรนด์เเนม
ชื่อเล่น: เม
อายุ: 22
ที่อยู่: Bangkok Thailand

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
โลกสวย เขียน:
Rosarin เขียน:
Kiss
ทุกคำในพระไตรปิฏกคือสัจจะตรงปัจจุบัน
รู้อดีตและอนาคตไม่ได้...เข้าใจไหมฟังบ้างนะ
กิเลสแปลว่าไม่รู้...อวิชชาแปลว่าโง่
ปัจจุบันคือเดี๋ยวนี้...กำลังมีกิเลสอวิชชา
:b32:
แปลว่าทั้งไม่รู้ทั้งโง่ยังไม่เก็ตกันอีกหรือคะ
ตถาคตตรัสรู้อริยสัจจะคือตัวจริงธัมมะเดี๋ยวนี้
ที่กำลังจากไปถึงแสนโกฏดวงจิตทันสัก1ดวงที่ตัวตนมี
ที่กำลังคิดตามได้ทันตรง1สัจจะที่กำลังมีเคยทันไหมจะให้ว่าไงคะ
จะคิดพิสดารไปถึงไหนต่อไหนทำไมเดี๋ยวนี้แหละโง่...รู้ไหมไม่เคยรู้สึกตัวตรงตามคำตถาคตได้ทันเลยค่ะ
:b12:
:b12: :b12:

คริคริ

ไม่เก๊ตจริงๆเรยค่ะ
คุณยายโรส แสดงความรู้พื้นฐานที่ ผิดๆๆๆๆ ออกมาอีกแล้วค่ะ

ไปมโนบัญญัติคำเอาเอง ไม่ตรงกะพระไตรปิฎก ไม่ตรงตามพระพุทธองค์สอน

"จะคิดพิสดารไปถึงไหนต่อไหนทำไมเดี๋ยวนี้แหละโง่"

คำพูดคุณยาย คิดพิศดารไม่ตรงพระธรรม เป็นหอกทิ่มตัวเอง นะคะ

อวิชชา แปลว่า ความไม่รู้ ไม่รู้อริยสัจสี่
กิเลส แปลว่า สิ่งที่ทำใจให้เศร้าหมอง

tongue

:b32:
เมไม่เก็ตจริงหรือคะไม่รู้ใช่ไหมว่าตาไม่มีจริงที่จริงคือมีจิตเห็น
สามเณรอรหันต์ถูกพระเถระเอาไม้ฟาดตาบอดทั้ง2ข้างไม่โกรธ
สามเณรรู้และเข้าใจว่าต้องโทษวัฏฏะที่ทำให้เกิดมารับผลกรรมไม่ดีที่ตัวเองเคยทำไว้ไม่มีคนทำไงคะเม
ตาเราหูเราเราดูเราทำได้เราบอกคนอื่นได้แต่เราไม่รู้เพราะเรานั่นน่ะเห็นผิดคริคริคริ...ยังไม่รู้สึกตัวว่าโง่อยู่เม
:b32: :b32:
มีห้อยท้ายให้หัดฟังซะบ้างนะ...ทำฟังน่ะคิดตามได้เท่านั้นค่ะ...ตายแล้วหมดทางย้อนกลับมาฟังนะจ๊ะๆๆๆๆ
https://youtu.be/Hse_V6GoDeY
:b12:
:b12: :b12:


คริคริ
ไม่เก๊ตจริงๆค่ะ

ได้ยินไม่สักว่าได้ยิน แต่เอาไปคิดตามหูอีก

tongue


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 ก.พ. 2020, 16:06 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


มองในแง่กิเลสก็เป็นโทสะจึงฆ่าแม่ของตนเอง

อ้างคำพูด:
ฆ่าหั่นศพแม่

รอง สว.สอบสวนได้รับแจ้งเหตุมีผู้พบชิ้นส่วนมนุษย์ภายในบ้าน อ.เวียงป่าเป้า จ.เชียงราย ที่เกิดเหตุเจ้าหน้าที่ได้พบชิ้นส่วนมนุษย์อยู่ในถังน้ำแข็ง โดยท่อนเนื้อถูกหั่นเป็นหลายท่อนวางเรียงทับซ้อนกัน แต่ไม่พบส่วนที่เป็นศีรษะ

จากการสอบสวนทราบว่าชิ้นส่วนมนุษย์ดังกล่าวเป็นของ เจ้าของบ้าน ส่วนผู้ที่ลงมือฆ่าหั่นศพ บุตรชายแท้ๆ ซึ่งมีตำแหน่งเป็นถึงผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน โดยในเบื้องต้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถควบคุมตัวคนร้ายไว้ได้แล้ว

จากการสอบสวนทราบว่าสาเหตุ ผู้ตายทราบว่า ผู้ร้ายที่เป็นลูกได้ข่มขืนลูกสาวของตนเอง อายุประมาณ 15 ปี โดยผู้ตายบอกว่าจะนำเรื่องดังกล่าวไปแจ้งตำรวจ จึงได้เกิดมีปากเสียงกันขึ้น จากนั้นลูกชายจึงได้ใช้อาวุธมีดแทงแม่ จนถึงแก่ความตาย ก่อนจะชำแหละแยกชิ้นส่วน โดยนำศีรษะของผู้ตายไปฝังที่ชายป่าบริเวณข้างถนนสายพร้าวเวียงป่าเป้า ส่วนอวัยวะอื่นๆ ได้ชำแหละแยกส่วนเป็นชิ้นๆ ใส่ในถังแช่น้ำแข็งอยู่ในบ้านที่เกิดเหตุ

https://www.one31.net/uploads/news/pict ... 153503.jpg

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 เม.ย. 2020, 10:48 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
ทนไม่ไหว เห็น “ทักษิณ” โชว์ทำอาหาร

จากกรณีที่อุ๊งอิ๊ง บุตรสาวคนเล็กของ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ได้ออกมาเผยแพร่คลิปวิดีโอ ในขณะที่ นายทักษิณ โชว์ลีลาทำอาหารให้ครอบครัวกิน ขณะกักตัวอยู่ที่บ้าน ในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 อย่างมีความสุข ตามที่ได้เสนอข่าวไปก่อนหน้านี้

และล่าสุด วันที่ 13 เมษายน 2563 ผู้ใช้เฟซบุ๊ก ชื่อ ปารีณา ไกรคุปต์ ซึ่งเป็นเฟซบุ๊กส่วนตัวของ นางสาวปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี เขต 3 พรรคพลังประชารัฐ ได้ออกมาแชร์เรื่องราวของ นายทักษิณ ขณะโชว์ทำอาหาร เช่นกัน นางสาวปารีณา แทบทนไม่ไหว ที่จะดูนักโทษที่หนีคดี อย่าง นายทักษิณ ที่ยังคงมีความสุข ความสบายใจ ในต่างแดนได้ โดยผู้ใช้เฟซบุ๊กดังกล่าว ได้ระบุข้อความเอาไว้ว่า


https://www.kengnews.co/wp-content/uplo ... /18-12.jpg


รูปภาพ

https://www.kengnews.co/56951?fbclid=Iw ... KzP17RhcL8

:b32:

เมื่อว่าตามหลักพระพุทธศาสนาแล้ว บุคคลผู้มีจิตใจเต็มไปด้วยกิเลสคือความอิจฉาริษยาอาฆาตเห็นใครดีกว่าทนอยู่ไม่ได้อกจะแตกแล้ว บุคคลนั้นจะหาความสุขในชีวิตไม่ได้เลย

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 เม.ย. 2020, 14:14 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


หลักธรรมคำสอนของพระศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้านั้นดีเกินเลยปัญญามนุษย์ธรรมดาทั่วๆไป แม้จะเริ่มจากศรัทธาเหมือนศาสนาอื่นๆก็ตาม แต่พุทธธรรมก็ไม่จบแค่ศรัทธา แต่ไม่จบที่ปัญญา ศรัทธาเริ่มต้นให้แต่ต้องไปจบที่ปัญญา ดังนั้นท่านจึงว่า พระพุทธศาสนาเป็นศาสนาแห่งปัญญา เป็นปัญญาธิกะ

อิสสา ความริษยา, ความรู้สึกไม่พอใจเมื่อเห็นเขาได้ดี, เห็นเขาได้ดีทนอยู่ไม่ได้ , ไม่อยากให้ใครดีกว่าตน, ความคิดตัดรอนผู้ที่ดีกว่าตน, ความหึงหวง (ข้อ ๓ ในมละ ๙ ข้อ ๘ ในสังโยชน์ ๑๐ ตามนัยพระอภิธรรม, ข้อ ๗ ในอุปกิเลส ๑๖)

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 มิ.ย. 2020, 14:43 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
ป้าละกิเลส ได้แล้วหรือ? พระมหาไพรวัลย์ตอกกลับ

"อาตมาเห็นว่า โยมยายสุจินต์ อายุมากแล้ว และอาจจะถึงแก่มรณกาลในอีกไม่นานนี้ นี่พูดแบบธรรมะนะ ไม่ได้แช่งหรืออะไร พวกเราทุกคนล้วนถูกมรณภัยคุกคามอยู่ตลอดเวลา พระพุทธเจ้าสอนพวกเราเช่นนี้ และเพราะเหตุที่อาตมากล่าวเช่นนี้ อาตมาจึงอยากให้โยมยายสุจินต์มีความใจกว้าง อยากให้โยมยายมองโลกด้วยเมตตาธรรมมากขึ้นอีกหน่อย"


รูปภาพ

https://www.facebook.com/14174084052211 ... =3&theater

กิเลสเป็นนามธรรมที่มองไม่เห็นตัวไม่เห็นตน :b13:
การจะกำจัดกิเลสซึ่งมองไม่เห็นตัวได้นั้นยากมากกกก ไม่ใช่เรื่องง่ายเหมือนเราจับวัตถุสิ่งของ เช่น แก้วขวดไปวางตรงนั้นตั้งตรงโน้นได้สมประสงค์ของพระผู้เป็นเจ้า ไม่ใช่ :b32: กิเลสไม่ใช่หินปูนเกิดขึ้นแล้วเดินเข้าคลีนิคให้หมอฟันขูดๆออกก็หาย ไม่ใช่ :b32:

มันต้องปฏิบัติ แล้วก็ปฏิบัติให้ถูก ดังที่ว่า ศีลเพื่อสมาธิ สมาธิเพื่อปัญญา ปัญญาเพื่อวิมุตติ นี่จบแล้ว แต่เวลาคนปฏิบัตินี่ต้องผจญกับกิเลสมาร เช่น ความขี้เกียจ ความฟุ้งซ่าน ความคิดคิดเรื่องนั้นคิดเรื่องนี้ ความง่วงเหงาหาวนอน เดี๋ยวเจ็บตรงนั้น เดี๋ยวปวดตรงนี้ โอ้ยยย สาระพัด :b32:
ทีนี้หลักของแม่สุจินท่านไม่เอาศีล ไม่เอาสมาธิแค่นี้จบแล้ว ไม่ต้องพูดเรื่องอื่นแล้ว จบ ดูแค่นี้ก็เห็นตับไตไส้พุงหมดแล้ว :b41:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 มิ.ย. 2020, 15:00 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เมื่อปฏิบัติตามหลักไตรสิกขาถูกถ้วนแล้ว จิตจะดำเนินไปตามเหตุปัจจัยของมัน แล้วความรู้สึกนึกคิดก็แนวๆนี้ (ดูวิปัสสนาญาณ ๙ ข้อสังขารุเปกขาญาณ= สังขาร+อุเปกขา+ญาณ)


8. สังขารุเปกขาญาณ ญาณอันเป็นไปโดยความเป็นกลางต่อสังขาร คือ เมื่อพิจารณาสังขารทั้งหลายต่อไป ย่อมเกิดความรู้เห็นสภาวะของสังขารตามเป็นจริง ว่า มันก็เป็นอยู่เป็นไปของมันอย่างนั้นเป็นธรรมดา หรือ เป็นธรรมดาของมันอย่างนั้นเอง
จึงวางใจเป็นกลางทำเฉยได้ ไม่ยินดียินร้าย ไม่ขัดใจติดใจในสังขารทั้งหลาย
แต่นั้นก็มองเห็นนิพพานเป็นสันติบท ญาณจึงโน้มน้อมที่จะมุ่งแล่นไปยังนิพพาน เลิกละความเกี่ยวเกาะกับสังขารทั้งหลาย
ญาณข้อนี้ จัดเป็นสิขาปปัตตวิปัสสนา คือ วิปัสสนาที่ถึงจุดสุดยอด และเป็นวุฏฐานคามินีวิปัสสนา คือ วิปัสสนาที่เชื่อมถึงมรรค อันเป็นที่ออกจากสิ่งที่ยึด หรือ ออกจากสังขาร

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 ก.ค. 2020, 19:23 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ชีวทรรศน์

พระพุทธศาสนามองดูชีวิตในภาพรวมว่าเป็นเสมือนคนที่เป็นโรค และโรคของชีวิตมี ๒ อย่าง คือ

-โรคกาย
-โรคใจ

โรคทางกายนั้น อาจไม่มีเป็นระยะเวลานาน ๆ ได้ เช่น ๕-๑๐ ปี อาจไม่มีโรคทางกายเลยก็ได้ แต่โรคทางใจ คือ กิเลสทั้งหลายนั้นไม่มีว่างเว้นเลยแม้แต่ครู่เดียว (โรคสูตร - องฺ.จตุกฺก.21/157/191)

ฉะนั้น ชีวิตมนุษย์จึงต้องมีการเยี่ยวยากันตลอดเวลา โดยเฉพาะคือโรคทางใจหรือโรคจิต ยาที่จะรักษาโรคใจก็คือธรรม

อีกทรรศนะหนึ่ง พระพุทธศาสนามองชีวิตว่าเป็นเสมือนคนถูกยิงด้วยลูกศรอาบยาพิษจำต้องผ่าเอาลูกศรนั้นออกโดยด่วน หากมัวโอ้เอ้ไต่ถามเรื่องไร้สาระอยู่ โดยไม่รีบพาไปหาหมอ เขาก็คงตายก่อนเป็นแน่ (จูฬมาลุงโกยวาทสูตร – ม.ม.13/150/147)

ด้วยเหตุผลดังกล่าวมา พระพุทธศาสนาจึงสอนโดยมุ่งไปที่เรื่องของชีวิต และสอนเฉพาะเรื่องที่สามารถนำไปถอนทุกข์ถอนปัญหาของชีวิต ซึ่งเป็นเสมือนลูกศรอาบยาพิษออกจากชีวิตให้ได้เร็วที่สุดเท่าที่จะเร็วได้ เพราะเวลาของชีวิตมีน้อย

ชีวิต กิเลส และความทุกข์ จึงเป็น ๓ ชิ้นส่วนของภาพมนุษย์ในคำสอนของพระศาสนา ตราบใดที่ยังมีชีวิต กิเลสก็ยังคงอยู่ ตราบใดที่ยังมีกิเลส ความทุกข์ก็ยังคงอยู่ ความทุกข์เสมือนอาการของโรคกิเลส โรคคือกิเลสมีชีวิตเป็นที่อาศัย
แต่พระพุทธองค์ก็ตรัสว่าโรคคือกิเลสนั้น นอกจากจะเป็นที่มาหรือสาเหตุของอาการคือความทุกข์แล้ว ยังเป็นที่มาของชีวิตด้วย
ฉะนั้น ในการแก้ทุกข์หรือกำจัดโรคของมนุษย์ พระพุทธศาสนาจึงมิได้สอนให้ทำลายชีวิต หรือ ทำลายสังขารร่างกายของมนุษย์ แต่สอนให้ทำลายหรือกำจัดกิเลส เพราะชีวิตมิใช่ที่มาของกิเลส แต่ชีวิตเป็นเพียงที่อาศัยของกิเลสเท่านั้น
แม้แต่ทุกข์ก็เป็นเพียงอาการหรือผลที่เนื่องมาจากกิเลสเท่านั้น หากไม่มีกิเลส ก็ไม่มีทั้งชีวิตและทั้งทุกข์

และยาที่จะกำจัดหรือทำลายโรคคือกิเลสได้ มีอย่างเดียวเท่านั้น คือ ธรรม หรือธรรมโอสถ เพราะฉะนั้น ธรรมในพระพุทธศาสนา จึงเป็นเสมือนยาสำหรับบำบัดรักษามนุษย์ให้มีชีวิตอยู่อย่างสะอาดปราศจากโรค โดยเฉพาะโรคทางใจอันเป็นที่มาของโรคทั้งปวง

รูปภาพ

หน้า 61

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 ก.ค. 2020, 00:48 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7502

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


cool
แปลคำสอนให้เป็นภาษาไทยที่ทุกคนเข้าใจตรงกันก่อนนะคุณกรัชกาย
พระ=ผู้ประเสริฐ
พุทธ=ผู้รู้ตื่นเบิกบาน
ศาสนา=คำสอน
ธัมมะ=สิ่งที่มีจริง
สติ=ระลึกตามได้/นึกได้
ปัญญา=รู้และเข้าใจถูกตามคำสอน
กิเลส=ไม่รู้
อวิชชาแปลว่าโง่
ทีนี้ก็แปลให้ตรงความหมาย
พระพุทธศาสนา=คำสอนของผู้ประเสริฐผู้รู้ตื่นเบิกบานในธัมมะ(ตถาคตยกศาสนาแทนศาสดา)
พระพุทธเจ้าตรัสรู้ธัมมะแปลว่ามีสติปัญญารรู้และเข้าใจความจริงทั้งหมดละเอียดยิบๆๆๆๆ
:b12:
คุณกรัชกายคะท่องพระไตรปิฏกจนเอาไปทำตามได้หมดเลยนะคิดว่าตัวเองรู้เท่าพระพุทธเจ้ามั๊ย
ด้วยความเคารพในพระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้าเนี่ยคิดไหมทำตัวตนให้มีกิเลสอวิชชาเพิ่มขึ้น
คิดว่าตัวเองทำให้รู้ทั่วถึงใบไม้ทั้งป่าได้น่ะเหรอคือคิดเอาเอง/ทั้งพระไตรปิฏกคือปัญญา=ใบไม้2-3ใบของใคร
คิดว่าจะทะลุปรุโปร่งจากการท่องจำและแปลได้แล้วก็ไปนั่งหลับตาเดาทำเพื่อให้ตรงกับสภาวะที่อ่านมาหรือ
ประมาทคนที่เขาฟังคำสอนน๊า...มีกิเลสอวิชชาอยู่ทั้งไม่รู้ทั้งโง่ที่ไม่รู้ว่าไม่มีเรามันถึงได้เกิดมาอยู่เนี่ยฟังบ้าง
ปัญญามีเท่าจงอยปากยุงจุ่มลงผิวๆลึกแค่ไหนบินขึ้นมาใหม่ปักลงไปใหม่น่ะได้แค่นั้นแหละหยั่งไม่ถึงก้นสาคร
รบกวนหาอ่านตรงนี้ด้วย/คนที่ด่าผู้ที่กล่าวตรงตามพระธรรมวินัย=ด่าพระพุทธเจ้า/ตายแล้วไปอบายภูมิค่ะ
เพราะผู้ที่กล่าวความจริงตรงตามพระธรรมและพระวินัยคือผู้ประกาศคำสอนของพระพุทธเจ้าให้รุ่งเรืองขึ้น
ตาสว่างมั๊ยมองเห็นตัวเป็นๆกันชัดไหมว่าทำอะไรเอาไว้...เห็นแจ้งกันไหมตาไม่บอดดูพฤติกรรมตัวตนให้ชัด
https://youtu.be/kXea_u75QDU
:b12:
:b4: :b4:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 ก.ค. 2020, 20:17 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
cool
แปลคำสอนให้เป็นภาษาไทยที่ทุกคนเข้าใจตรงกันก่อนนะคุณกรัชกาย
พระ=ผู้ประเสริฐ
พุทธ=ผู้รู้ตื่นเบิกบาน
ศาสนา=คำสอน
ธัมมะ=สิ่งที่มีจริง
สติ=ระลึกตามได้/นึกได้
ปัญญา=รู้และเข้าใจถูกตามคำสอน
กิเลส=ไม่รู้
อวิชชาแปลว่าโง่
ทีนี้ก็แปลให้ตรงความหมาย
พระพุทธศาสนา=คำสอนของผู้ประเสริฐผู้รู้ตื่นเบิกบานในธัมมะ(ตถาคตยกศาสนาแทนศาสดา)
พระพุทธเจ้าตรัสรู้ธัมมะแปลว่ามีสติปัญญารรู้และเข้าใจความจริงทั้งหมดละเอียดยิบๆๆๆๆ
:b12:
คุณกรัชกายคะท่องพระไตรปิฏกจนเอาไปทำตามได้หมดเลยนะคิดว่าตัวเองรู้เท่าพระพุทธเจ้ามั๊ย
ด้วยความเคารพในพระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้าเนี่ยคิดไหมทำตัวตนให้มีกิเลสอวิชชาเพิ่มขึ้น
คิดว่าตัวเองทำให้รู้ทั่วถึงใบไม้ทั้งป่าได้น่ะเหรอคือคิดเอาเอง/ทั้งพระไตรปิฏกคือปัญญา=ใบไม้2-3ใบของใคร
คิดว่าจะทะลุปรุโปร่งจากการท่องจำและแปลได้แล้วก็ไปนั่งหลับตาเดาทำเพื่อให้ตรงกับสภาวะที่อ่านมาหรือ
ประมาทคนที่เขาฟังคำสอนน๊า...มีกิเลสอวิชชาอยู่ทั้งไม่รู้ทั้งโง่ที่ไม่รู้ว่าไม่มีเรามันถึงได้เกิดมาอยู่เนี่ยฟังบ้าง
ปัญญามีเท่าจงอยปากยุงจุ่มลงผิวๆลึกแค่ไหนบินขึ้นมาใหม่ปักลงไปใหม่น่ะได้แค่นั้นแหละหยั่งไม่ถึงก้นสาคร
รบกวนหาอ่านตรงนี้ด้วย/คนที่ด่าผู้ที่กล่าวตรงตามพระธรรมวินัย=ด่าพระพุทธเจ้า/ตายแล้วไปอบายภูมิค่ะ
เพราะผู้ที่กล่าวความจริงตรงตามพระธรรมและพระวินัยคือผู้ประกาศคำสอนของพระพุทธเจ้าให้รุ่งเรืองขึ้น
ตาสว่างมั๊ยมองเห็นตัวเป็นๆกันชัดไหมว่าทำอะไรเอาไว้...เห็นแจ้งกันไหมตาไม่บอดดูพฤติกรรมตัวตนให้ชัด
https://youtu.be/kXea_u75QDU
:b12:
:b4: :b4:


อ้างคำพูด:
คุณกรัชกายคะท่องพระไตรปิฏกจนเอาไปทำตามได้หมดเลยนะคิดว่าตัวเองรู้เท่าพระพุทธเจ้ามั๊ย


พ่ะน่ะ นั่นคือมุมมองของคน คิกๆๆๆ เขาคิดอย่างนั้น เขาก็ทำก็ปฏิบัติไปตามความคิดตนนั้น

คุณโรสคนที่เขาท่องจำพระไตรปิฏก เขาไม่ได้คิดว่าจะรู้เท่ากับพระพุทธเจ้า :b9: แต่เขาท่องคำสอนของพระพุทธเจ้า เพื่อทรงคำสอนนั้นๆไว้
ก่อนที่จะจารึกคำสอนลงในลาน พระสงฆ์ครั้งกระโน่นก็ท่องจำปากเปล่า (มุขปาฐะ) สืบๆกันมา ก็ไม่ได้คิดรู้แข่งกับพระพุทธเจ้า

เขาว่ากันว่าพระพม่าท่องพระไตรปิฏกจบหลายรูปน่ะ และเขาคงไม่ได้ไปแข่งบารมีกับพระพุทธเจ้า :b32:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 ก.ค. 2020, 01:15 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7502

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
cool
แปลคำสอนให้เป็นภาษาไทยที่ทุกคนเข้าใจตรงกันก่อนนะคุณกรัชกาย
พระ=ผู้ประเสริฐ
พุทธ=ผู้รู้ตื่นเบิกบาน
ศาสนา=คำสอน
ธัมมะ=สิ่งที่มีจริง
สติ=ระลึกตามได้/นึกได้
ปัญญา=รู้และเข้าใจถูกตามคำสอน
กิเลส=ไม่รู้
อวิชชาแปลว่าโง่
ทีนี้ก็แปลให้ตรงความหมาย
พระพุทธศาสนา=คำสอนของผู้ประเสริฐผู้รู้ตื่นเบิกบานในธัมมะ(ตถาคตยกศาสนาแทนศาสดา)
พระพุทธเจ้าตรัสรู้ธัมมะแปลว่ามีสติปัญญารรู้และเข้าใจความจริงทั้งหมดละเอียดยิบๆๆๆๆ
:b12:
คุณกรัชกายคะท่องพระไตรปิฏกจนเอาไปทำตามได้หมดเลยนะคิดว่าตัวเองรู้เท่าพระพุทธเจ้ามั๊ย
ด้วยความเคารพในพระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้าเนี่ยคิดไหมทำตัวตนให้มีกิเลสอวิชชาเพิ่มขึ้น
คิดว่าตัวเองทำให้รู้ทั่วถึงใบไม้ทั้งป่าได้น่ะเหรอคือคิดเอาเอง/ทั้งพระไตรปิฏกคือปัญญา=ใบไม้2-3ใบของใคร
คิดว่าจะทะลุปรุโปร่งจากการท่องจำและแปลได้แล้วก็ไปนั่งหลับตาเดาทำเพื่อให้ตรงกับสภาวะที่อ่านมาหรือ
ประมาทคนที่เขาฟังคำสอนน๊า...มีกิเลสอวิชชาอยู่ทั้งไม่รู้ทั้งโง่ที่ไม่รู้ว่าไม่มีเรามันถึงได้เกิดมาอยู่เนี่ยฟังบ้าง
ปัญญามีเท่าจงอยปากยุงจุ่มลงผิวๆลึกแค่ไหนบินขึ้นมาใหม่ปักลงไปใหม่น่ะได้แค่นั้นแหละหยั่งไม่ถึงก้นสาคร
รบกวนหาอ่านตรงนี้ด้วย/คนที่ด่าผู้ที่กล่าวตรงตามพระธรรมวินัย=ด่าพระพุทธเจ้า/ตายแล้วไปอบายภูมิค่ะ
เพราะผู้ที่กล่าวความจริงตรงตามพระธรรมและพระวินัยคือผู้ประกาศคำสอนของพระพุทธเจ้าให้รุ่งเรืองขึ้น
ตาสว่างมั๊ยมองเห็นตัวเป็นๆกันชัดไหมว่าทำอะไรเอาไว้...เห็นแจ้งกันไหมตาไม่บอดดูพฤติกรรมตัวตนให้ชัด
https://youtu.be/kXea_u75QDU
:b12:
:b4: :b4:


อ้างคำพูด:
คุณกรัชกายคะท่องพระไตรปิฏกจนเอาไปทำตามได้หมดเลยนะคิดว่าตัวเองรู้เท่าพระพุทธเจ้ามั๊ย


พ่ะน่ะ นั่นคือมุมมองของคน คิกๆๆๆ เขาคิดอย่างนั้น เขาก็ทำก็ปฏิบัติไปตามความคิดตนนั้น

คุณโรสคนที่เขาท่องจำพระไตรปิฏก เขาไม่ได้คิดว่าจะรู้เท่ากับพระพุทธเจ้า :b9: แต่เขาท่องคำสอนของพระพุทธเจ้า เพื่อทรงคำสอนนั้นๆไว้
ก่อนที่จะจารึกคำสอนลงในลาน พระสงฆ์ครั้งกระโน่นก็ท่องจำปากเปล่า (มุขปาฐะ) สืบๆกันมา ก็ไม่ได้คิดรู้แข่งกับพระพุทธเจ้า

เขาว่ากันว่าพระพม่าท่องพระไตรปิฏกจบหลายรูปน่ะ และเขาคงไม่ได้ไปแข่งบารมีกับพระพุทธเจ้า :b32:

cool
ถ้ายังไม่รู้สึกตัวว่ามีกิเลสแสดงว่าปัญญาน้อยนิดเดียวเอง
ปัญญารู้จักกิเลสและไม่ท่องบัญญัติคำเอามาเป็นปัญญา
เพราะพระพุทธเจ้าสอนธัมมะในภาษามคธในครั้งพุทธกาล
คนสมัยนี้ไม่ว่าชาติไหนก็ศึกษาคำสอนของพระพุทธเจ้าได้
ในภาษาของชาติที่ตัวเองเกิดแต่ไม่ใช่การท่องจำเอาไปทำ
แต่เป็นการแปลภาษาให้ถูกต้องตามภาษาตั้งต้นที่เข้าใจปกติ
ศึกษาให้เข้าใจในภาษาปกติที่ชาติตนให้เข้าใจได้ตามปกติค่ะ
ไม่ใช่การคิดเอาไปทำพิสดารตามใจตัวเองตามความคิดตัวเอง
เพราะความคิดตัวเองยังเชื่อไม่ได้เพราะปัญญามีไม่พอได้ยินไหม
ถ้าปัญญามีพอแล้วก็คงไม่เกิดมาอยู่เนี่ยบุคคลแรกที่เป็นพยานใน
การแสดงปฐมเทศนาและบรรลุธรรมขณะฟังธัมมะจากพระโอษฐ์คือพระอัญญาโกนฑัญญะ
มีได้แค่คนเดียวในพระพุทธเจ้าแต่ละพระองค์บรรลุเร็วคือผู้ที่โดนโคขวิดตายไงบรรลุแล้วถึงไปโดนโคขวิด
บัญญัติคำต่างๆในพระไตรปิฏกคือพระทศพลญาณ/ส่วนปัญญาแรกเริ่มเกิดได้ตอนนึกได้ถูกตัวตอนฟังนะคะ
เพราะจิตเกิดและดับทีละ1ขณะจิตดับแล้วไม่มีปัญญาแล้วเกิดปัญญาใหม่ได้ตอนฟังทีละ1ขณะจิตก็ไม่รู้
onion onion onion


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 ก.ค. 2020, 09:22 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
cool
แปลคำสอนให้เป็นภาษาไทยที่ทุกคนเข้าใจตรงกันก่อนนะคุณกรัชกาย
พระ=ผู้ประเสริฐ
พุทธ=ผู้รู้ตื่นเบิกบาน
ศาสนา=คำสอน
ธัมมะ=สิ่งที่มีจริง
สติ=ระลึกตามได้/นึกได้
ปัญญา=รู้และเข้าใจถูกตามคำสอน
กิเลส=ไม่รู้
อวิชชาแปลว่าโง่
ทีนี้ก็แปลให้ตรงความหมาย
พระพุทธศาสนา=คำสอนของผู้ประเสริฐผู้รู้ตื่นเบิกบานในธัมมะ(ตถาคตยกศาสนาแทนศาสดา)
พระพุทธเจ้าตรัสรู้ธัมมะแปลว่ามีสติปัญญารรู้และเข้าใจความจริงทั้งหมดละเอียดยิบๆๆๆๆ
:b12:
คุณกรัชกายคะท่องพระไตรปิฏกจนเอาไปทำตามได้หมดเลยนะคิดว่าตัวเองรู้เท่าพระพุทธเจ้ามั๊ย
ด้วยความเคารพในพระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้าเนี่ยคิดไหมทำตัวตนให้มีกิเลสอวิชชาเพิ่มขึ้น
คิดว่าตัวเองทำให้รู้ทั่วถึงใบไม้ทั้งป่าได้น่ะเหรอคือคิดเอาเอง/ทั้งพระไตรปิฏกคือปัญญา=ใบไม้2-3ใบของใคร
คิดว่าจะทะลุปรุโปร่งจากการท่องจำและแปลได้แล้วก็ไปนั่งหลับตาเดาทำเพื่อให้ตรงกับสภาวะที่อ่านมาหรือ
ประมาทคนที่เขาฟังคำสอนน๊า...มีกิเลสอวิชชาอยู่ทั้งไม่รู้ทั้งโง่ที่ไม่รู้ว่าไม่มีเรามันถึงได้เกิดมาอยู่เนี่ยฟังบ้าง
ปัญญามีเท่าจงอยปากยุงจุ่มลงผิวๆลึกแค่ไหนบินขึ้นมาใหม่ปักลงไปใหม่น่ะได้แค่นั้นแหละหยั่งไม่ถึงก้นสาคร
รบกวนหาอ่านตรงนี้ด้วย/คนที่ด่าผู้ที่กล่าวตรงตามพระธรรมวินัย=ด่าพระพุทธเจ้า/ตายแล้วไปอบายภูมิค่ะ
เพราะผู้ที่กล่าวความจริงตรงตามพระธรรมและพระวินัยคือผู้ประกาศคำสอนของพระพุทธเจ้าให้รุ่งเรืองขึ้น
ตาสว่างมั๊ยมองเห็นตัวเป็นๆกันชัดไหมว่าทำอะไรเอาไว้...เห็นแจ้งกันไหมตาไม่บอดดูพฤติกรรมตัวตนให้ชัด
https://youtu.be/kXea_u75QDU
:b12:
:b4: :b4:


อ้างคำพูด:
คุณกรัชกายคะท่องพระไตรปิฏกจนเอาไปทำตามได้หมดเลยนะคิดว่าตัวเองรู้เท่าพระพุทธเจ้ามั๊ย


พ่ะน่ะ นั่นคือมุมมองของคน คิกๆๆๆ เขาคิดอย่างนั้น เขาก็ทำก็ปฏิบัติไปตามความคิดตนนั้น

คุณโรสคนที่เขาท่องจำพระไตรปิฏก เขาไม่ได้คิดว่าจะรู้เท่ากับพระพุทธเจ้า :b9: แต่เขาท่องคำสอนของพระพุทธเจ้า เพื่อทรงคำสอนนั้นๆไว้
ก่อนที่จะจารึกคำสอนลงในลาน พระสงฆ์ครั้งกระโน่นก็ท่องจำปากเปล่า (มุขปาฐะ) สืบๆกันมา ก็ไม่ได้คิดรู้แข่งกับพระพุทธเจ้า

เขาว่ากันว่าพระพม่าท่องพระไตรปิฏกจบหลายรูปน่ะ และเขาคงไม่ได้ไปแข่งบารมีกับพระพุทธเจ้า :b32:

cool
ถ้ายังไม่รู้สึกตัวว่ามีกิเลสแสดงว่าปัญญาน้อยนิดเดียวเอง
ปัญญารู้จักกิเลสและไม่ท่องบัญญัติคำเอามาเป็นปัญญา
เพราะพระพุทธเจ้าสอนธัมมะในภาษามคธในครั้งพุทธกาล

คนสมัยนี้ไม่ว่าชาติไหนก็ศึกษาคำสอนของพระพุทธเจ้าได้
ในภาษาของชาติที่ตัวเองเกิดแต่ไม่ใช่การท่องจำเอาไปทำ
แต่เป็นการแปลภาษาให้ถูกต้องตามภาษาตั้งต้นที่เข้าใจปกติ
ศึกษาให้เข้าใจในภาษาปกติที่ชาติตนให้เข้าใจได้ตามปกติค่ะ
ไม่ใช่การคิดเอาไปทำพิสดารตามใจตัวเองตามความคิดตัวเอง
เพราะความคิดตัวเองยังเชื่อไม่ได้เพราะปัญญามีไม่พอได้ยินไหม
ถ้าปัญญามีพอแล้วก็คงไม่เกิดมาอยู่เนี่ยบุคคลแรกที่เป็นพยานใน
การแสดงปฐมเทศนาและบรรลุธรรมขณะฟังธัมมะจากพระโอษฐ์คือพระอัญญาโกนฑัญญะ
มีได้แค่คนเดียวในพระพุทธเจ้าแต่ละพระองค์บรรลุเร็วคือผู้ที่โดนโคขวิดตายไงบรรลุแล้วถึงไปโดนโคขวิด
บัญญัติคำต่างๆในพระไตรปิฏกคือพระทศพลญาณ/ส่วนปัญญาแรกเริ่มเกิดได้ตอนนึกได้ถูกตัวตอนฟังนะคะ
เพราะจิตเกิดและดับทีละ1ขณะจิตดับแล้วไม่มีปัญญาแล้วเกิดปัญญาใหม่ได้ตอนฟังทีละ1ขณะจิตก็ไม่รู้
onion onion onion



อ้างคำพูด:
พระพุทธเจ้าสอนธัมมะในภาษามคธในครั้งพุทธกาล


อ้าวไหนว่า พระพุทธเป็นคนไทย แล้วรู้ภาษามคธด้วยหรอ

ประเทศไทยเกิดมากี่พันปีแล้ว พระพุทธเจ้าเกิดมากี่พันปีแล้ว

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 ก.ค. 2020, 12:06 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7502

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
cool
แปลคำสอนให้เป็นภาษาไทยที่ทุกคนเข้าใจตรงกันก่อนนะคุณกรัชกาย
พระ=ผู้ประเสริฐ
พุทธ=ผู้รู้ตื่นเบิกบาน
ศาสนา=คำสอน
ธัมมะ=สิ่งที่มีจริง
สติ=ระลึกตามได้/นึกได้
ปัญญา=รู้และเข้าใจถูกตามคำสอน
กิเลส=ไม่รู้
อวิชชาแปลว่าโง่
ทีนี้ก็แปลให้ตรงความหมาย
พระพุทธศาสนา=คำสอนของผู้ประเสริฐผู้รู้ตื่นเบิกบานในธัมมะ(ตถาคตยกศาสนาแทนศาสดา)
พระพุทธเจ้าตรัสรู้ธัมมะแปลว่ามีสติปัญญารรู้และเข้าใจความจริงทั้งหมดละเอียดยิบๆๆๆๆ
:b12:
คุณกรัชกายคะท่องพระไตรปิฏกจนเอาไปทำตามได้หมดเลยนะคิดว่าตัวเองรู้เท่าพระพุทธเจ้ามั๊ย
ด้วยความเคารพในพระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้าเนี่ยคิดไหมทำตัวตนให้มีกิเลสอวิชชาเพิ่มขึ้น
คิดว่าตัวเองทำให้รู้ทั่วถึงใบไม้ทั้งป่าได้น่ะเหรอคือคิดเอาเอง/ทั้งพระไตรปิฏกคือปัญญา=ใบไม้2-3ใบของใคร
คิดว่าจะทะลุปรุโปร่งจากการท่องจำและแปลได้แล้วก็ไปนั่งหลับตาเดาทำเพื่อให้ตรงกับสภาวะที่อ่านมาหรือ
ประมาทคนที่เขาฟังคำสอนน๊า...มีกิเลสอวิชชาอยู่ทั้งไม่รู้ทั้งโง่ที่ไม่รู้ว่าไม่มีเรามันถึงได้เกิดมาอยู่เนี่ยฟังบ้าง
ปัญญามีเท่าจงอยปากยุงจุ่มลงผิวๆลึกแค่ไหนบินขึ้นมาใหม่ปักลงไปใหม่น่ะได้แค่นั้นแหละหยั่งไม่ถึงก้นสาคร
รบกวนหาอ่านตรงนี้ด้วย/คนที่ด่าผู้ที่กล่าวตรงตามพระธรรมวินัย=ด่าพระพุทธเจ้า/ตายแล้วไปอบายภูมิค่ะ
เพราะผู้ที่กล่าวความจริงตรงตามพระธรรมและพระวินัยคือผู้ประกาศคำสอนของพระพุทธเจ้าให้รุ่งเรืองขึ้น
ตาสว่างมั๊ยมองเห็นตัวเป็นๆกันชัดไหมว่าทำอะไรเอาไว้...เห็นแจ้งกันไหมตาไม่บอดดูพฤติกรรมตัวตนให้ชัด
https://youtu.be/kXea_u75QDU
:b12:
:b4: :b4:


อ้างคำพูด:
คุณกรัชกายคะท่องพระไตรปิฏกจนเอาไปทำตามได้หมดเลยนะคิดว่าตัวเองรู้เท่าพระพุทธเจ้ามั๊ย


พ่ะน่ะ นั่นคือมุมมองของคน คิกๆๆๆ เขาคิดอย่างนั้น เขาก็ทำก็ปฏิบัติไปตามความคิดตนนั้น

คุณโรสคนที่เขาท่องจำพระไตรปิฏก เขาไม่ได้คิดว่าจะรู้เท่ากับพระพุทธเจ้า :b9: แต่เขาท่องคำสอนของพระพุทธเจ้า เพื่อทรงคำสอนนั้นๆไว้
ก่อนที่จะจารึกคำสอนลงในลาน พระสงฆ์ครั้งกระโน่นก็ท่องจำปากเปล่า (มุขปาฐะ) สืบๆกันมา ก็ไม่ได้คิดรู้แข่งกับพระพุทธเจ้า

เขาว่ากันว่าพระพม่าท่องพระไตรปิฏกจบหลายรูปน่ะ และเขาคงไม่ได้ไปแข่งบารมีกับพระพุทธเจ้า :b32:

cool
ถ้ายังไม่รู้สึกตัวว่ามีกิเลสแสดงว่าปัญญาน้อยนิดเดียวเอง
ปัญญารู้จักกิเลสและไม่ท่องบัญญัติคำเอามาเป็นปัญญา
เพราะพระพุทธเจ้าสอนธัมมะในภาษามคธในครั้งพุทธกาล

คนสมัยนี้ไม่ว่าชาติไหนก็ศึกษาคำสอนของพระพุทธเจ้าได้
ในภาษาของชาติที่ตัวเองเกิดแต่ไม่ใช่การท่องจำเอาไปทำ
แต่เป็นการแปลภาษาให้ถูกต้องตามภาษาตั้งต้นที่เข้าใจปกติ
ศึกษาให้เข้าใจในภาษาปกติที่ชาติตนให้เข้าใจได้ตามปกติค่ะ
ไม่ใช่การคิดเอาไปทำพิสดารตามใจตัวเองตามความคิดตัวเอง
เพราะความคิดตัวเองยังเชื่อไม่ได้เพราะปัญญามีไม่พอได้ยินไหม
ถ้าปัญญามีพอแล้วก็คงไม่เกิดมาอยู่เนี่ยบุคคลแรกที่เป็นพยานใน
การแสดงปฐมเทศนาและบรรลุธรรมขณะฟังธัมมะจากพระโอษฐ์คือพระอัญญาโกนฑัญญะ
มีได้แค่คนเดียวในพระพุทธเจ้าแต่ละพระองค์บรรลุเร็วคือผู้ที่โดนโคขวิดตายไงบรรลุแล้วถึงไปโดนโคขวิด
บัญญัติคำต่างๆในพระไตรปิฏกคือพระทศพลญาณ/ส่วนปัญญาแรกเริ่มเกิดได้ตอนนึกได้ถูกตัวตอนฟังนะคะ
เพราะจิตเกิดและดับทีละ1ขณะจิตดับแล้วไม่มีปัญญาแล้วเกิดปัญญาใหม่ได้ตอนฟังทีละ1ขณะจิตก็ไม่รู้
onion onion onion



อ้างคำพูด:
พระพุทธเจ้าสอนธัมมะในภาษามคธในครั้งพุทธกาล


อ้าวไหนว่า พระพุทธเป็นคนไทย แล้วรู้ภาษามคธด้วยหรอ

ประเทศไทยเกิดมากี่พันปีแล้ว พระพุทธเจ้าเกิดมากี่พันปีแล้ว

:b32:
คุณกรัชกายคะสติอยู่กะตัวมัยคะ555
พระพุทธเจ้าเกิดที่ไหนเหรอคะทำไมคิดบิดเบือน
โรสว่านะตามที่เห็นคนไทยทำคือสร้างพระพุทธรูปค่ะ
แล้วก็สอนให้คนกราบไหว้ขอสิ่งที่อยากได้กับพระพุทธรูปค่ะ
หนักกว่านั้นอีกค่ะสร้างรูปปั้นสารพัดเลยในวัดมาให้คนกราบไหว้
หนักกว่านั้นอีกค่ะสอนกันตีหวยจากคำพูดคนบ้างขูดต้นไม้ขอหวยอีกค่ะ
พระพุทธเจ้าสอนให้ทำแบบนั้นเหรอคะบิดเบือนคำสอนตายแล้วไปไหนคิดสิ
:b12:
:b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 ก.ค. 2020, 20:28 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:

คุณกรัชกายคะสติอยู่กะตัวมัยคะ555
พระพุทธเจ้าเกิดที่ไหนเหรอคะทำไมคิดบิดเบือน
โรสว่านะตามที่เห็นคนไทยทำคือสร้างพระพุทธรูปค่ะ
แล้วก็สอนให้คนกราบไหว้ขอสิ่งที่อยากได้กับพระพุทธรูปค่ะ
หนักกว่านั้นอีกค่ะสร้างรูปปั้นสารพัดเลยในวัดมาให้คนกราบไหว้
หนักกว่านั้นอีกค่ะสอนกันตีหวยจากคำพูดคนบ้างขูดต้นไม้ขอหวยอีกค่ะ
พระพุทธเจ้าสอนให้ทำแบบนั้นเหรอคะบิดเบือนคำสอนตายแล้วไปไหนคิดสิ


สติปัญญาคนเท่ากันที่ไหนเล่า บางคนก็เริ่มจากศูนย์ แล้วก็ไปหนึ่ง สอง สาม

คุณโรสเองอยู่ระดับ 0 - 0 :b32: แต่คิดเลยเถิด เลยกลายเป็นคนสู้คนกราบไหว้พระพุทธรูปไม่ได้ :b32:

ดังเช่น กท. บนบานศาลกล่าวนี่

http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=58927

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 31 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 53 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร