สงบจากกิเลสอกุศล
มีคนเดินเพ่นพ่านเต็มวัด
มันจะสงบใจได้ยังไงมิทราบ
แค่มีคน1คนก็คิดเห็นผิดแล้วว่ามีคน
จำไม่ได้แล้วเหรอว่าไม่มีเรายังจะเอาตัวเรา
ไปร่วมสังฆกรรมคือทำกรรมร่วมกันแบบไม่รู้ว่าไม่มีเรา555
คำสอนคิดให้ทันปัจจุบันให้มันลึกถึงก้นบึ้งกิเลสในใจตัวเอง...ไม่มีเราเข้าใจไหม
ทำตัวเราให้จองหองพองขนใหญ่โตแล้วคิดว่าตัวเองมีคุณธรรมอะไรที่ไปนั่งให้คนกราบไหว้
โดยไม่รู้ว่าตัวเราไม่มียังจะถือทิฏฐิมานะว่าตัวเราดีอยู่เหรอน่ะไม่กลัวบาปเหรอที่ทำกันอยู่โดยหวังลาภผลน่ะ

เขาทำงานกัน ก็ต้องมีเสียงตอกตะปู มีเสียงคนสั่งงานดิ จะให้เงียบเหมือนนอนอยู่ป่าช้าได้ยังไงเล่า

คุณไม่รู้จักพระพุทธเจ้า
ได้แต่จำคนอื่นบอกให้กราบพระ
คนที่บวชครั้งพุทธกาลรู้ตัวว่าบวชไปทำตามพระพุทธเจ้า
ตรงๆเลยนะพระพุทธเจ้าเอาสมบัติพระมหากษัตริย์มาใช้มาแจกทานไหม
ทุกคนที่รู้จักพระองค์ทันทีที่ได้ฟังพระองค์กล่าวคำวาจาสัจจะแล้วคนที่ฟังเกิดปัญญารู้ตรงตามได้ทันที
คนที่ได้ฟังคำสอนของพระพุทธเจ้าเท่านั้นจึงรู้จักพระองค์ต่างเข้าใจและรู้ว่าพระองค์กล่าวตรงจริงอย่างไร
แล้วเดี๋ยวนี้คนสมัยนี้ไม่เคยฟังคำจริงของพระพุทธเจ้ามีแต่ฟังคำของเกจิอาจารย์(เกจิ=อื่นๆ)ไม่รู้จักตถาคต
งั้นก็ทำตามที่อยากทำต่อไปเถอะแล้วทำตามๆกันเชื่อตามๆกันต่อไปส่วนคนฟังมีปัญญาเพิ่มขึ้นทุกวันเลยค่ะ
https://youtu.be/Ip7yNL6A3Qc

คุณโรส ทุกวันนี้พระพุทธเจ้าอยู่ที่ไหน จังหวัดอะไร กรัชกายจะไปกราบสะหน่อย
ตอบ จังหวัดอะไร

สีมา เขตกำหนดความพร้อมเพรียงสงฆ์, เขตชุมนุมสงฆ์, เขตที่สงฆ์ตกลงไว้สำหรับภิกษุทั้งหลายที่อยู่ภายในเขตนั้น จะต้องทำสังฆกรรมร่วมกัน แบ่งเป็นประเภทใหญ่ คือ
๑.พัทธสีมา แดนที่ผูก ได้แก่ เขตที่สงฆ์กำหนดขึ้นเอง

๒.อพัทธสีมา แดนที่ไม่ได้ผูก ได้แก่ เขตที่ทางบ้านเมืองกำหนดไว้แล้วตามปกติของเขา หรือที่มีอย่างอื่นในทางธรรมชาติเป็นเครื่องกำหนด สงฆ์ถือเอาตามกำหนดนั้นไม่วางกำหนดขึ้นเองใหม่

สีมาวิบัติ ความเสียโดยสีมา, เสียเพราะเขตชุมนุม (ไม่ถูกต้อง หรือไม่สมบูรณ์) สีมาใช้ไม่ได้ ทำให้สังฆกรรมซึ่งทำ ณ ที่นั้นวิบัติ คือ เสียหรือใช้ไม่ได้ (เป็นโมฆะ) ไปด้วย, คัมภีร์ปริวารแสดงเหตุให้กรรมเสียโดยสีมา ๑๑ อย่าง เช่น

๑.สมมติสีมาใหญ่เกินกำหนด (เกิน ๓ โยชน์)
๒.สมมติสีมาเล็กเกินกำหนด (จุไม่พอภิกษุ ๒๑ รูป นั่งเข้าหัตถบาสกัน)
๓.สมมติสีมามีนิมิตขาด
๔.สมมติสีมาฉายาเป็นนิมิต
๕.สมมติสีมาไม่มีนิมิต ฯลฯ สังฆกรรมที่ทำในที่เช่นนี้ ก็เท่ากับทำในที่มิใช่สีมานั่นเอง จึงย่อมใช้ไม่ได้

(นิมิต 4 นัย)

นิมิต 1. เครื่องหมาย ได้แก่ วัตถุอันเป็นเครื่องหมายแห่งสีมา, วัตถุที่ควรใช้เป็นนิมิต มี ๘ อย่าง ภูเขา ศิลา ป่าไม้ ต้นไม้ จอมปลวก หนทาง แม่น้ำ น้ำ 2. (ในคำว่าทำนิมิต) ทำอาการเป็นเชิงชวนให้เขาถวาย, ขอเขาโดยวิธีให้รู้โดยนัย ไม่ขอตรงๆ 3. เครื่องหมายสำหรับให้จิตกำหนดในการเจริญกรรมฐาน, ภาพที่เป็นอารมณ์กรรมฐาน มี ๓ คือ

๑.บริกรรมนิมิต นิมิตแห่งบริกรรม หรือ นิมิตตระเตรียม ได้แก่ สิ่งที่เพ่ง หรือ กำหนดนึกเป็นอารมณ์กรรมฐาน

๒.อุคคหนิมิต นิมิตที่ใจเรียน หรือ นิมิตติดตาติดใจ ได้แก่ สิ่งที่เพ่งหรือนึกนั้นเองที่แม่นในใจ จนหลับตามองเห็น

๓.ปฏิภาคนิมิต นิมิตเสมือน หรือ นิมิตเทียบเคียง ได้แก่ อุคคหนิมิตนั้น เจนใจจนกลายเป็นภาพที่เกิดจากสัญญาเป็นของบริสุทธิ์ จะนึกขยาย หรือ ย่อส่วนก็ได้ตามปรารถนา

4.สิ่งที่พระโพธิสัตว์ทอดพระเนตรเห็นก่อนเสด็จออกบรรพชา ๔ อย่าง

นิมิตขาด (ในคำว่า สีมามีนิมิตขาด) สีมามีนิมิตแนวเดียวชักแนวบรรจบไม่ถึงกัน; ตามนัยอรรถกถาว่า ทักนิมิตไม่ครบรอบถึงจุดเดิมที่เริ่มต้น

(ถ้าไม่ฝังดินแล้วทำซุ้มครอบไว้ ให้นิมิตตั้งอยู่ที่พื้นดิน อาจมีคนมีใครทำเกลื่อนที่ไป หรือถูกโจรลักขโมยได้)

คคห.นี้ มีคลิปแม่สุจิตชื่อ แต่กรัชกายก็ถามดังนั้น คุณโรสก็ตอบไม่ได้ เห็นไหม หนีคำถามไม่พ้น บอกไม่เชื่อ

คุณโรสกลับมาเริ่มต้นใหม่เถอะขอรับ

ดูหน้าตาคนแล้วเหมือนไม่ใช่คนไทย




https://www.facebook.com/photo.php?fbid ... =3&theater


https://scontent.fbkk5-6.fna.fbcdn.net/ ... e=5F3CB2ED

ถ้ารู้จักพระพุทธเจ้าว่าเป็นคนแบบไหนคงไม่ถาม555
พระพุทธเจ้า ตรัสรู้ ธัมมะ
พระพุทธเจ้าไม่ใช่รูปปั้น
พระพุทธเจ้าไม่มีตัวตน
ธัมมะแทนพระพุทธเจ้า
ไม่รู้ว่าธัมมะมีอยู่ที่ไหน
ก็ไม่รู้จักพระพุทธเจ้า

พระพุทธเจ้าสอนให้รู้จักธัมมะและให้รู้สึกตัวว่าธัมมะอยู่ที่ไหน
พระพุทธเจ้าไม่ได้บอกให้ท่องจำคำต่างๆในตำรา
พระพุทธเจ้าไม่ได้บอกให้ตามหาพระองค์
ถ้าไม่รู้จักธัมมะก็ไม่รู้จักพระพุทธเจ้า
รู้จักธัมมะ=รู้จักพระพุทธเจ้า
ธัมมะมีทุกๆที่ทุกๆเวลาเลยค่ะ
หาไม่เจอก็ไม่พบพระพุทธเจ้า
เพราะพระพุทธเจ้าไม่ใช่ตัวตน

ถ้ารู้จักพระพุทธเจ้าว่าเป็นคนแบบไหนคงไม่ถาม555
พระพุทธเจ้า ตรัสรู้ ธัมมะ
พระพุทธเจ้าไม่ใช่รูปปั้น
พระพุทธเจ้าไม่มีตัวตน
ธัมมะแทนพระพุทธเจ้า
ไม่รู้ว่าธัมมะมีอยู่ที่ไหน
ก็ไม่รู้จักพระพุทธเจ้า

พระพุทธเจ้าสอนให้รู้จักธัมมะและให้รู้สึกตัวว่าธัมมะอยู่ที่ไหน
พระพุทธเจ้าไม่ได้บอกให้ท่องจำคำต่างๆในตำรา
พระพุทธเจ้าไม่ได้บอกให้ตามหาพระองค์
ถ้าไม่รู้จักธัมมะก็ไม่รู้จักพระพุทธเจ้า
รู้จักธัมมะ=รู้จักพระพุทธเจ้า
ธัมมะมีทุกๆที่ทุกๆเวลาเลยค่ะ
หาไม่เจอก็ไม่พบพระพุทธเจ้า
เพราะพระพุทธเจ้าไม่ใช่ตัวตน

คริคริ

คุณยายโรส ไม่ได้เรียนพระอภิธรรม ไม่ได้เรียนพระไตรปิฎก ฟังแต่ยายสุชิน

พระพุทธเจ้า ไม่ได้สอนว่าไม่รู้จักธรรมะ ก็ไม่รู้จักพระพุทธเจ้า

แต่ทรงสอนว่า "ผู้ใดเห็นธรรมผู้นั้นเห็นตถาคต"

ไม่เคยสอนว่า ผู้ใดรู้จักธรรม ผู้นั้นรู้จักตถาคต นั่นมันยายสุชินสอน ผิดๆ

555 มั่วสิ้นดี

รู้มั๊ย ว่าการเห็น น่ะ กะการรู้จักมันต่างกันลิบๆๆ

นั่นว่าพระพุทธเป็นผี ไม่มีตัวตน

ไม่ไหวจะเคลีย เลอะเทอะฟุ้งซ่าน เสียเวลาขายเต้าฮวย คิกๆๆ

ปูชารเห ปูชยโต พุทฺเธ ยทิจ สาวเก
ปปญฺจสมติกฺกนฺเต ติณฺณโสกปริทฺทเว
เต ตาทิเส ปูชยโต นิพฺพุเต อกุโตภเย
น สกฺกา ปุญฺญํ สงฺขาตุํ อิเมตฺตมปิ เกนจิ.

ใครๆ ไม่อาจเพื่อจะนับบุญของบุคคลผู้บูชาอยู่ซึ่งผู้ควรบูชา คือ พระพุทธเจ้า หรือ พระสาวกทั้งหลาย ผู้ก้าวล่วงธรรมเครื่องเนิ่นช้าได้แล้ว ผู้ข้ามพ้นความโศกและความคร่ำครวญแล้ว หรือว่าของบุคคลผู้บูชาอยู่ ซึ่งท่านผู้ควรบูชาเช่นนั้นเหล่านั้น ผู้นิพพานแล้ว ไม่มีภัยแต่ที่ไหนๆ ด้วยการนับแม้วิธีไรๆก็ตาม ว่าบุญนี้ มีประมาณเท่านี้.


ติฏฺฐนฺเต นิพฺพุเต จาปิ สเม จิตฺเต สมํ ผลํ
เจโตปสาทเหตุมฺหิ สตฺตา คจฺฉนฺติ สุคฺคติํ.

เมื่อพระสัมมาสัมพุทธเจ้า เป็นต้น ยังทรงพระชนม์อยู่ก็ดี นิพพานแล้วก็ดี เมื่อจิตเสมอกัน ผลก็ย่อมเท่ากัน ในเพราะเหตุคือความเลื่อมใสแห่งใจ สัตว์ทั้งหลาย ย่อมไปสู่สุคติได้.

พระพุทธรูปไม่ใช่ตัวแทนคน
เพราะศาสดายกศาสนาขึ้นแทนศาสดา
เดี๋ยวนี้พระพุทธเจ้าไม่มีตัวตนจริงๆมีแต่...คำสอน=ศาสนา
และหลักฐานต่างๆในพระไตรปิฏกระบุไว้ว่าตถาคตสอนอะไรไว้บ้าง
มีทั้งคนและเทวดาเป็นพยานในการฟังคำสอนแต่ละครั้งแล้วบรรลุธรรมนะคะ
ตถาคตสอนความไม่มีตัวตนตลอด45ปีเราน่ะแค่คิดให้ตรงความจริงว่าไม่มีตัวยังคิดไม่ได้555
แล้วยังจะคิดหวังว่าการอ่านแล้วคิดว่าต้องไปทำให้หมดความเป็นตัวตนตถาคตบอกว่าเด่วนี้ไม่มีเรา
เอาง่ายๆก่อนไหมคิดให้ถูกตรงตามคำสอนก่อนว่าที่ไม่มีตัวตนของเราแล้วมีอะไรให้ระลึกได้ว่าไม่มีเรา
ไม่ใช่คิดแต่จะไปทำตามที่ตัวเองเชื่อโดยไม่รู้จักฝึกคิดตามคำสอนไม่เคยพึ่งคำสอนของพระพุทธเจ้าเลย555

ปัจจุบันพระพุทธเจ้าปรินิพพานไปแล้วตั้งแต่ปีพ.ศ.0
ปีนี้ปีพ.ศ.2563พระพุทธเจ้าสอนเรื่องความไม่มีตัวตน
หลังจากที่พระองค์ตรัสรู้แล้วคิดดูนะอยู่ๆมีคน1คนมาบอกว่า
ทุกอย่างเป็นธัมมะไม่มีเราไม่มีเขาไม่มีใครมีแต่ธัมมะครั้งแรกเลย
มีพระอัญญาโกณฑัญญะเป็นพยานในการฟังปฐมเทศนาแล้วบรรลุธัมมะ
ถ้าเป็นคุณกรัชกายได้ยินแบบนี้ครั้งแรกในชีวิตไม่เคยได้ยินคนอื่นบอกแบบนี้
คิดว่าตัวเองจะเป็นบ้าเชื่อคนที่พูดว่าไม่มีเราทันทีรู้จักพระพุทธเจ้าทันทีเลยเหรอ555
ที่เชื่อเอาเป็นเอาตายว่าตัวเองคิดถูกในสิ่งที่ทำอยู่แสดงว่าเชื่องมงายตามที่ตัวตนคิดไม่เชื่อว่าเดี๋ยวนี้ไม่มีเรา


ไม่ใช่ให้เชื่อแต่ให้ฟังจนกว่าจะรู้สึกตัวว่าเดี๋ยวนี้แหละไม่มีตัวตนของใครเลยเพราะมันดับแล้วไม่มีตัวตนเหลือ
https://youtu.be/XoJi1Qnn5EQ