วันเวลาปัจจุบัน 19 เม.ย. 2024, 10:01  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 พ.ย. 2019, 05:05 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 มี.ค. 2009, 10:48
โพสต์: 5091


 ข้อมูลส่วนตัว


มีความสุขในการทำงาน
มีความสุขในการหายใจ
ทำงานไปสักพักก็หายใจเข้าสบายออกสบาย
เหมือนกับรถขับไปหมดน้ำมันก็เติมน้ำมัน

หลวงพ่อกัณหา สุขกาโม






#จงพากันรีบชำระแก้ไขให้พอเห็นช่องทางเดินของจิตเสียแต่บัดนี้เป็นต้นไป

"ใครเพียร ใครอาจหาญ ใครอดทน
ในการต่อสู้กับกิเลสตัวฝืนธรรม
อยู่ตลอดเวลา ผู้นั้นจะเจอร่มเงา
แห่งความสงบเย็นใจในโลกนี้
ในบัดนี้และในใจดวงนี้ ไม่เนิ่นนาน
เหมือนการท่องเที่ยวที่เจือไป
ด้วยสุขด้วยทุกข์อยู่ทุกภพทุกชาติ
ไม่มีวันจบสิ้นลงได้นี้ ธรรมทุกบท
ทุกบาทที่ศาสนาสอนไว้ ล้วนเป็น
ธรรมรื้อขนสัตว์ผู้เชื่อฟังพระองค์
ให้พ้นทุกข์ไปโดยลำดับ จนถึงขั้น
ธรรมที่ไม่กลับมาหลงโลกที่เคย
เกิดตายนี้อีกต่อไป..”

พระครูวินัยธร [มั่น ภูริทตฺโต]​
วัดป่าสุทธาวาส อ.เมือง จ.สกลนคร
[พ.ศ. ๒๔๑๓ - ๒๔๙๒]​
จากหนังสือประวัติท่าน
พระอาจารย์มั่น_ภูริทัตตเถระ








“ไม่มีพระพุทธเจ้าพระองค์ใดจะปฏิเสธว่า บาปไม่มี บุญไม่มี นรกไม่มี สวรรค์ไม่มี แต่กิเลสมันหน้าด้าน อยู่ในหัวใจของเราแต่ละคนๆ นั้นแหละ มันไปเที่ยวปิดนรกที่พระพุทธเจ้าทั้งหลาย ประกาศก้องอยู่ทั่วโลกดินแดนนี้ว่ามีๆ มันประกาศว่าไม่มีๆ ลบล้างไปหมด ทีนี้ความไม่มียางอายก็หนาแน่นขึ้นมา บาปก็ไม่มีทำลงไป ทำบาป บุญไม่สนใจในการที่จะประพฤติปฏิบัติตัวให้เป็นบุญเป็นกุศล ชำระจิตใจให้มีความสง่างามผ่องใสขึ้นภายในใจตามทางพุทธศาสนาได้เลย ก็เพราะอำนาจของกิเลสมันมีอำนาจมากนั้นแหละ

เวลานี้กิเลสกำลังมีอำนาจมาก ทำโลกให้เดือดร้อนไปทุกหย่อมหญ้า ใครจะว่าเจริญที่ไหนว่าไปเถอะ ไม่มีใครเกินธรรมโลกวิทูของพระพุทธเจ้า ที่ทรงรู้แจ้งเห็นจริงโลกตลอดทั่วถึงมาแล้ว มาประกาศธรรมสอนโลกได้อย่างชัดเจนอย่างพระพุทธเจ้าของเราเลย พวกนี้พวกหูหนวกตาบอด มันจะประกาศของมันไปตามพวกมูตรพวกคูถ ยกตัวเป็นทองคำทั้งแท่ง มันเป็นไปไม่ได้ละ ทองคำทั้งแท่งจะกดลงไปขนาดไหนก็เป็นทองคำ

อย่างธรรมที่เลิศเลอ โลกยอมรับมาประจำนี้ เป็นทองคำทั้งแท่ง ใครจะเหยียบย่ำทำลายอะไร ก็เป็นทองคำทั้งแท่งๆ ทั้งเลิศเลออยู่นั้นแล แต่กองมูตรกองคูถ ความโลภ ความโกรธ ราคะตัณหานี้ มันเป็นมูตรเป็นคูถ จะส่งเสริมให้มันดีขนาดไหน มันก็ไม่ดี ส่งเสริมเท่าไรมันก็ยิ่งมาเผาตัวเอง ให้หนักมากขึ้นทุกวันๆ โลกจึงได้รับแต่ความทุกข์ความเดือดร้อน”

หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน
เทศน์อบรมฆราวาส
ณ เจดีย์ชัยมงคล วัดอุดมคงคาคีรีเขต อ.มัญจาคีรี จ.ขอนแก่น
เมื่อบ่ายวันที่ ๒๔ มีนาคม พุทธศักราช ๒๕๕๐







"พวกเราทั้งหมดก็เกิดมาด้วยบุญวาสนา จึงได้เกิดมาเป็นมนุษย์ เป็นเวไนยชน อันหาได้ยาก เป็นที่รู้ๆกันอยู่แล้ว พระพุทธเจ้าจึงสอนให้ไม่ประมาท ไม่ให้ลืมตัว ลืมบุญวาสนาของตน คือไม่ให้ลืมตัวในการสร้างคุณงามความดี เพราะถ้าเราไม่สร้างคุณงามความดี ใจเราก็ไม่มีพุทโธ ธัมโม สังโฆ อันจะเป็นเหตุให้ต่อภพต่อชาติเป็นมนุษย์ต่อไป เมื่อบารมีไม่แก้กล้า หากเราไม่เชื่อมั่นในพระรัตนตรัย เราก็จะพากันไปสู่ภพที่ต่ำทรามก็ได้"

-----------------
โอวาทธรรม หลวงปู่ตื้อ อจลธัมโม พระอรหันต์ผู้มีฤทธิ์ในยุคปัจจุบัน โครงการหนังสือบูรพาจารย์เล่ม2








“ร่างกายเราเกิดมา...
จากส่วนหนึ่งของพ่อกับแม่
ถ้าเอาร่างกายนี้...
สร้างบุญ พ่อแม่ก็ได้บุญ
ถ้าใช้ร่างกายไป...ทำบาป
พ่อแม่ก็จะได้รับทุกข์
รับบาปไปด้วย
เหตุปัจจุบันเป็นผลในอนาคต
ปัจจุบันที่เราเป็น
ก็คือผลจากอดีต”

โอวาทธรรม:องค์หลวงปู่อว้าน เขมโก











มีคนจำนวนไม่น้อย ที่รู้อยู่ว่า
การดูแลพ่อแม่นั้นเป็นบุญอย่างหนึ่ง

แต่ก็ยังนิยมทำบุญกับพระ
มากกว่าที่จะทำบุญกับพ่อแม่

เหตุผลก็เพราะว่า..
การทำบุญกับพระนั้น ทำได้ง่ายกว่า

กล่าวคือ..
เพียงแต่ถวายเงินเท่านั้น และใช้เวลาไม่นาน

ขณะที่การทำบุญกับพ่อแม่นั้น
ต้องใช้ทั้งแรงและเวลา เช่น
ช่วยทำงานบ้าน ล้างจาน ทำอาหารให้กิน

หากท่านเจ็บป่วย..
ก็ต้องเช็ดตัว ป้อนข้าว
บางครั้งก็ต้องอุ้มขึ้นและลงเตียง

คนทุกวันนี้..
ชอบอะไรที่สะดวก ง่าย และเร็ว

การทำบุญกับพระจึงเป็นที่นิยม
มากกว่าการทำบุญกับพ่อแม่

มีหลายคนให้เหตุผลว่า..
การไปทำบุญที่วัด หรือการไปปฏิบัติธรรม
ก็เป็นการช่วยพ่อแม่อย่างหนึ่ง
นั่นคือ ส่งบุญไปให้ท่าน

บางรายพ่อแม่หรือปู่ย่าตายายเจ็บป่วย
แทนที่จะช่วยพยาบาลท่าน
กลับเลือกที่จะไปปฏิบัติธรรมนานเป็นเดือน

แล้วใช้วิธีแผ่เมตตา
หรือส่งบุญมาให้ท่านเพื่อให้หายป่วยไว ๆ

การทำบุญนั้น..
มีความหมายกว้างขวางกว่าการให้ทาน

และการช่วยเหลือผู้คนนั้น
เราสามารถทำได้มากกว่าการส่งบุญไปให้เขา

แต่ดูเหมือนว่า..
ทุกวันนี้ผู้คนจำนวนมาก
กำลังใช้การทำบุญเป็นข้ออ้าง
ในการหลีกเลี่ยงการทำความดีขั้นพื้นฐาน

มิใช่แค่ละเลยการทำดี
ต่อผู้ประสบทุกข์ที่เป็นคนแปลกหน้าเท่านั้น
หากยังละเลยที่จะกตัญญูต่อบุพการีหรือผู้มีพระคุณ...

-พระไพศาล วิสาโล-








ความมีอัตภาพนี่มันเป็นทรัพย์ภายนอก เงินทองแก้วแหวนบ้านช่องเรือนชานต่าง ๆ ที่หามาได้ก็เป็นทรัพย์ภายนอก ติดตามเราไปไม่ได้ดอก เมื่อตายแล้วก็ทิ้งไว้

กายอันนี้เมื่อตายแล้วก็นอนทับถมแผ่นดินอยู่ ไม่มีผู้ใดเก็บ กระดูกก็กระจายไป กระดูกหัวก็ไปอยู่ที่อื่น กระดูกแขนก็ไปอยู่ที่อื่น กระดูกขาก็ไปอยู่ที่อื่น กระดูกสันหลังก็ไปอยู่ที่อื่น กระจายไปเท่านั้นแหละ

หลวงปู่ขาว อนาลโย








..รักลูกให้ตี ไม่ใช่ตี ด้วยไม้เรียว...
..มีลูกต้องศึกษาดูนิสัยของลูกให้ได้ จับนิสัยเขาให้ได้
คนนี้มันชอบอย่างนี้ คนนี้มันใช้เงินเก่ง คนนี้มันคิดตระหนี่ นี่ บ่ใช้เงินเก่ง คนนี้มันกินเก่ง คนนี้มันกินบ่เก่ง ต้องศึกษามัน จะได้สอนให้ถูกจุด
..รักวัวให้ผูก รักลูกให้ตี เข้าใจ บ่..ถ้าวัวไม่ผูกปล่อยให้มันไปกินข้าวเขา มันก็บ่งาม เดี๋ยวนี้เสียเงินเน้อะ รักลูกให้ตีไม่ใช่ตีด้วยไม้เรียว เข้าใจบ่..ตีด้วยธรรมะ เมื่อลูกหลานไม่ดีต้องสอนเขา รักจริงๆ..
หนึ่ง เลี้ยงดูเขาให้กินอาหารดี
สอง ให้การศึกษาเรียนดี
สาม เวลาเจ็บป่วยดูแลเขาให้ดี
สี่ เวลาลูกมันทำอะไรไม่ดี บอกให้มันหยุด อย่าให้มันทำ
..ถ้ามันพูดอะไรไม่ดี ให้มันหยุดพูด ถ้ามันคิดอะไรไม่ดี อุดมการณ์ไม่ดี ต้องให้มันหยุดคิดเรื่องอย่างนั้น ต้องให้มันทำดีพูดดีคิดดี นี่ตีด้วยธรรมะ อย่าไปตีด้วยไม้เรียว อย่าเอามือไปตีหูมัน ตีหน้ามัน ตีหลังมัน อย่าไปตี
..ตีเท่าไหรยิ่งเสียเข้าใจ..บ่..ต้องสอนด้วยธรรมะ..

..โอวาทธรรมหลวงปู่เปลี่ยน ปญฺญาปทีโป..









คนเราจะทำอะไรก็แล้วแต่
จะให้เป็นที่รู้จักของคนทั่วไป
ไม่ใช่มีความสามารถอย่างเดียว
แต่คนๆ นั้นต้องมีบุญบารมีมาด้วย
ไม่ใช่เห็นเขาทำแล้วดังก็อยากทำเหมือนเขา

.. หลวงพ่อทองพูน กาญจโน ..







“นิวรณ์” แท้จริงมันก็มีอยู่กับตัวเราเสมอ ถึงจะเรียนก็มี ไม่เรียนก็มี

นิวรณ์นี้มันมีอำนาจ อิทธิพลมาก เพราะเป็นเครื่องกลบเกลื่อนดวงจิตของเราไม่ให้ก้าวขึ้นสู่ความดีได้ เส้นทางของนิวรณ์ที่จะไหลมาสู่เรา ก็คือ “สัญญาอดีต” อันได้แก่เรื่องราวต่างๆ ...ทั้งดีทั้งชั่ว ทั้งของเราของเขาซึ่งเป็นอดีตทั้งหมดเส้นหนึ่ง อีกเส้นหนึ่งคือ “สัญญาอนาคต” นับแต่เรื่องที่คิดไปตั้งแต่วันพรุ่งนี้จนถึงวันตาย

ซึ่งเราอาจเดาอาจคิดไปด้วยความผิดพลาดทั้งหมดทั้ง ๒ ทาง
นี้เป็นเส้นทางที่ไหลมาจากนิวรณ์ทั้งสิ้น

ท่านพ่อลี ธมฺมธโร






เป็นสัจธรรมเหมือนกันนะ ความผิดพลาดเป็นธรรมดาของมนุษย์ ก็เป็นสิ่งที่ผู้ปฏิบัติธรรมควรจะเข้าใจด้วย แต่เป็นเพราะไปยึดติดในความถูกต้องมาก มันก็เลยมีน้ำใจน้อย ใครทำอะไรไม่ถูกต้องก็ว่า ใครทำอะไรผิดพลาดก็ตำหนิ นี่เป็นสิ่งที่น่าเสียดายนะ

คนที่ปฏิบัติธรรม ยึดติดในความถูกต้องดีแล้ว แต่ก็อย่าทำให้ความเมตตา ความใส่ใจ ความเข้าอกเข้าใจ มันหดหายไปด้วย มันไปด้วยกันได้นะ

แต่ว่ามันก็ธรรมดานะ พอยึดติดในความถูกต้องแล้ว เมื่อเห็นความไม่ถูกต้องเกิดขึ้น ก็เกิดความไม่พอใจ พอเกิดความไม่พอใจ ความเมตตา ความใส่ใจ ความเห็นใจ มันก็หายไป อันนี้คือสิ่งที่ต้องระวังให้มาก

อย่าไปยึดติดกับความถูกต้องมาก จนกระทั่งขาดความเห็นอกเห็นใจ ขาดความเมตตา เพราะว่ามันสามารถจะนำไปสู่การสร้างความทุกข์หรือทำร้ายผู้อื่นก็เป็นได้

(โอวาทธรรม พระอาจารย์ไพศาล)


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: Google [Bot] และ บุคคลทั่วไป 55 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร