ลานธรรมจักร http://www.dhammajak.net/forums/ |
|
คิดชั้นเดียว, คิดหลายชั้น http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=58037 |
หน้า 5 จากทั้งหมด 5 |
เจ้าของ: | โลกสวย [ 19 ก.พ. 2020, 16:07 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: คิดชั้นเดียว, คิดหลายชั้น |
Rosarin เขียน: กรัชกาย เขียน: Rosarin เขียน: cool ทุกคำในพระไตรปิฏกกำลังปรากฏว่ามีแล้วเดี๋ยวนี้ตรงปัจจุบันขณะ ไม่ขาดจากสภาพธัมมะเลยแม้แต่ขณะเดียวเป็นเราทำตามคิดเอง จนกว่าจะเริ่มต้นฟังเพื่อเก็บสะสมปัญญารู้ตามปกติตรงสัจจะที่มี ไม่ใช่มีแต่อยากไปทำตามๆกันโดยไม่ฟังเพื่อไตร่ตรองเหตุผล ตัวจริงธัมมะกำลังปรากฏว่ากำลังมีตรงแล้วตามที่ตถาคตตรัส แต่เราน่ะเกิดมาเป็นคนแล้วและได้เจอคำสอนด้วยแต่ลืมฟัง แปลว่าขาดปัญญาตั้งแต่เริ่มฟังจึงปรุงแต่งจิตผิดไปเรื่อยๆ เมื่อไหร่จะเริ่มคิดตามเพื่อเข้าใจความจริงที่กำลังมีอยู่คะ ตถาคตตรัสรู้ความจริงนี้1เดียวในจักรวาลนี้คนอื่นไม่รู้ ได้แต่หลงคิดทำไปต่างๆนานาจนกว่าจะเริ่มคิดตามๆๆ =ไม่คิดเองแม้แต่1คำต้องฟังคนอื่นพูดแล้วคิดตามได้เท่านั้น ตอนที่คิดตามไม่ได้ขณะนั้นเองคิดไปตามเห็นผิดแล้วนะคะ https://youtu.be/jXPEqiBJixM นี่เลอะเทอะ ข้างบนเพ้อเจ้อ พระพุทธเจ้าตรัสรู้ความจริงทุกประการ เห็นทุกภพภูมิคือจิตเห็นสีไม่เข้าใจเหรอ คำสอนทรงตรัสแสดงแต่ความจริงนะคะ จิตเห็นสีคือความจริงของเห็นที่กำลังเห็น เราน่ะไม่รู้ว่าตัวเองเห็นอะไรเพราะไม่ฟัง จะให้ว่ายังไงคะความจริงของเห็นมีแค่สี จะมาเถียงกับคำของตถาคตทำไมล่ะคะ ก็มองดูความจริงที่ตัวเองเห็นดิมีแค่สีมั๊ย ยังไม่รู้สึกตัวกันอีกอยู่ดอกหรือว่าหลงเงา สีที่ปรากฏให้เห็นดับแล้วอดีตสียังมีเหลือ เพราะรูปของสีมีอายุยืนกว่าจิตถึง17ขณะ ปรากฏสีนั้นต่ออีก17ขณะหลังจากเห็นดับ มีอดีตสีอยู่อย่างต่อเนื่องเลยไม่รู้ว่าอันไหน คือความจริงที่กำลังเห็นเพราะขาดปัญญาอยู่ ไม่ฟังคำของตถาคตจากคนอื่นกล่าวให้รู้สึกตัวแปลว่าไม่รู้=มีกิเลส แปลว่ามืดบอดสนิททั้งที่ลืมตาดูแต่คิดตามคำสอนไม่ตรงสักที=ปัญญาไม่เกิดเลย https://youtu.be/CwVOTTaufXY คริคริ ตาบอดๆ จิตดับๆ จิตเกิด ๆ จิตเห็นสี ๆ ฟังคำพระพุทธองค์มากะท่อนกะแท่น ไม่ครบไม่เต็ม คุณยายโรสขา คุณยายปัญญายังไม่เกิดเรย ไม่เห็นอริยะสัจ |
เจ้าของ: | Rosarin [ 20 ก.พ. 2020, 10:11 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: คิดชั้นเดียว, คิดหลายชั้น |
โลกสวย เขียน: Rosarin เขียน: กรัชกาย เขียน: Rosarin เขียน: cool ทุกคำในพระไตรปิฏกกำลังปรากฏว่ามีแล้วเดี๋ยวนี้ตรงปัจจุบันขณะ ไม่ขาดจากสภาพธัมมะเลยแม้แต่ขณะเดียวเป็นเราทำตามคิดเอง จนกว่าจะเริ่มต้นฟังเพื่อเก็บสะสมปัญญารู้ตามปกติตรงสัจจะที่มี ไม่ใช่มีแต่อยากไปทำตามๆกันโดยไม่ฟังเพื่อไตร่ตรองเหตุผล ตัวจริงธัมมะกำลังปรากฏว่ากำลังมีตรงแล้วตามที่ตถาคตตรัส แต่เราน่ะเกิดมาเป็นคนแล้วและได้เจอคำสอนด้วยแต่ลืมฟัง แปลว่าขาดปัญญาตั้งแต่เริ่มฟังจึงปรุงแต่งจิตผิดไปเรื่อยๆ เมื่อไหร่จะเริ่มคิดตามเพื่อเข้าใจความจริงที่กำลังมีอยู่คะ ตถาคตตรัสรู้ความจริงนี้1เดียวในจักรวาลนี้คนอื่นไม่รู้ ได้แต่หลงคิดทำไปต่างๆนานาจนกว่าจะเริ่มคิดตามๆๆ =ไม่คิดเองแม้แต่1คำต้องฟังคนอื่นพูดแล้วคิดตามได้เท่านั้น ตอนที่คิดตามไม่ได้ขณะนั้นเองคิดไปตามเห็นผิดแล้วนะคะ https://youtu.be/jXPEqiBJixM นี่เลอะเทอะ ข้างบนเพ้อเจ้อ พระพุทธเจ้าตรัสรู้ความจริงทุกประการ เห็นทุกภพภูมิคือจิตเห็นสีไม่เข้าใจเหรอ คำสอนทรงตรัสแสดงแต่ความจริงนะคะ จิตเห็นสีคือความจริงของเห็นที่กำลังเห็น เราน่ะไม่รู้ว่าตัวเองเห็นอะไรเพราะไม่ฟัง จะให้ว่ายังไงคะความจริงของเห็นมีแค่สี จะมาเถียงกับคำของตถาคตทำไมล่ะคะ ก็มองดูความจริงที่ตัวเองเห็นดิมีแค่สีมั๊ย ยังไม่รู้สึกตัวกันอีกอยู่ดอกหรือว่าหลงเงา สีที่ปรากฏให้เห็นดับแล้วอดีตสียังมีเหลือ เพราะรูปของสีมีอายุยืนกว่าจิตถึง17ขณะ ปรากฏสีนั้นต่ออีก17ขณะหลังจากเห็นดับ มีอดีตสีอยู่อย่างต่อเนื่องเลยไม่รู้ว่าอันไหน คือความจริงที่กำลังเห็นเพราะขาดปัญญาอยู่ ไม่ฟังคำของตถาคตจากคนอื่นกล่าวให้รู้สึกตัวแปลว่าไม่รู้=มีกิเลส แปลว่ามืดบอดสนิททั้งที่ลืมตาดูแต่คิดตามคำสอนไม่ตรงสักที=ปัญญาไม่เกิดเลย https://youtu.be/CwVOTTaufXY คริคริ ตาบอดๆ จิตดับๆ จิตเกิด ๆ จิตเห็นสี ๆ ฟังคำพระพุทธองค์มากะท่อนกะแท่น ไม่ครบไม่เต็ม คุณยายโรสขา คุณยายปัญญายังไม่เกิดเรย ไม่เห็นอริยะสัจ เห็นผิด คิดผิด แสดงความคิดผิดออกมา จะคิดเห็นถูกต้องคิดตามความหมายของเสียงค่ะเม ลอง ออกเสียงดังๆให้ตัวเองฟังนะคะ...จิตเห็นสี...ที่เห็นมีแค่นั้นจริงๆค่ะ แค่นั้นแหละคิดให้ตรงว่าเห็นอะไร...เทียบสิว่าตัวเองเห็นเกินสีมากแค่ไหน ทีนี้ก็มองตัวตนตัวเองสิว่าความจริงตัวตนเธอเห็นอะไร...ก็เห็นทางตาเนื้อตามปกติ ตัวเองไม่ได้เห็นแค่สีค่ะ...คิดให้ตรง...คิดไม่ตรงแปลว่ากำลังคิดตามเห็นผิดของตัวเองอยู่งัยคะเม |
เจ้าของ: | Rosarin [ 20 ก.พ. 2020, 10:52 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: คิดชั้นเดียว, คิดหลายชั้น |
Rosarin เขียน: โลกสวย เขียน: Rosarin เขียน: กรัชกาย เขียน: Rosarin เขียน: cool ทุกคำในพระไตรปิฏกกำลังปรากฏว่ามีแล้วเดี๋ยวนี้ตรงปัจจุบันขณะ ไม่ขาดจากสภาพธัมมะเลยแม้แต่ขณะเดียวเป็นเราทำตามคิดเอง จนกว่าจะเริ่มต้นฟังเพื่อเก็บสะสมปัญญารู้ตามปกติตรงสัจจะที่มี ไม่ใช่มีแต่อยากไปทำตามๆกันโดยไม่ฟังเพื่อไตร่ตรองเหตุผล ตัวจริงธัมมะกำลังปรากฏว่ากำลังมีตรงแล้วตามที่ตถาคตตรัส แต่เราน่ะเกิดมาเป็นคนแล้วและได้เจอคำสอนด้วยแต่ลืมฟัง แปลว่าขาดปัญญาตั้งแต่เริ่มฟังจึงปรุงแต่งจิตผิดไปเรื่อยๆ เมื่อไหร่จะเริ่มคิดตามเพื่อเข้าใจความจริงที่กำลังมีอยู่คะ ตถาคตตรัสรู้ความจริงนี้1เดียวในจักรวาลนี้คนอื่นไม่รู้ ได้แต่หลงคิดทำไปต่างๆนานาจนกว่าจะเริ่มคิดตามๆๆ =ไม่คิดเองแม้แต่1คำต้องฟังคนอื่นพูดแล้วคิดตามได้เท่านั้น ตอนที่คิดตามไม่ได้ขณะนั้นเองคิดไปตามเห็นผิดแล้วนะคะ https://youtu.be/jXPEqiBJixM นี่เลอะเทอะ ข้างบนเพ้อเจ้อ พระพุทธเจ้าตรัสรู้ความจริงทุกประการ เห็นทุกภพภูมิคือจิตเห็นสีไม่เข้าใจเหรอ คำสอนทรงตรัสแสดงแต่ความจริงนะคะ จิตเห็นสีคือความจริงของเห็นที่กำลังเห็น เราน่ะไม่รู้ว่าตัวเองเห็นอะไรเพราะไม่ฟัง จะให้ว่ายังไงคะความจริงของเห็นมีแค่สี จะมาเถียงกับคำของตถาคตทำไมล่ะคะ ก็มองดูความจริงที่ตัวเองเห็นดิมีแค่สีมั๊ย ยังไม่รู้สึกตัวกันอีกอยู่ดอกหรือว่าหลงเงา สีที่ปรากฏให้เห็นดับแล้วอดีตสียังมีเหลือ เพราะรูปของสีมีอายุยืนกว่าจิตถึง17ขณะ ปรากฏสีนั้นต่ออีก17ขณะหลังจากเห็นดับ มีอดีตสีอยู่อย่างต่อเนื่องเลยไม่รู้ว่าอันไหน คือความจริงที่กำลังเห็นเพราะขาดปัญญาอยู่ ไม่ฟังคำของตถาคตจากคนอื่นกล่าวให้รู้สึกตัวแปลว่าไม่รู้=มีกิเลส แปลว่ามืดบอดสนิททั้งที่ลืมตาดูแต่คิดตามคำสอนไม่ตรงสักที=ปัญญาไม่เกิดเลย https://youtu.be/CwVOTTaufXY คริคริ ตาบอดๆ จิตดับๆ จิตเกิด ๆ จิตเห็นสี ๆ ฟังคำพระพุทธองค์มากะท่อนกะแท่น ไม่ครบไม่เต็ม คุณยายโรสขา คุณยายปัญญายังไม่เกิดเรย ไม่เห็นอริยะสัจ เห็นผิด คิดผิด แสดงความคิดผิดออกมา จะคิดเห็นถูกต้องคิดตามความหมายของเสียงค่ะเม ลอง ออกเสียงดังๆให้ตัวเองฟังนะคะ...จิตเห็นสี...ที่เห็นมีแค่นั้นจริงๆค่ะ แค่นั้นแหละคิดให้ตรงว่าเห็นอะไร...เทียบสิว่าตัวเองเห็นเกินสีมากแค่ไหน ทีนี้ก็มองตัวตนตัวเองสิว่าความจริงตัวตนเธอเห็นอะไร...ก็เห็นทางตาเนื้อตามปกติ ตัวเองไม่ได้เห็นแค่สีค่ะ...คิดให้ตรง...คิดไม่ตรงแปลว่ากำลังคิดตามเห็นผิดของตัวเองอยู่งัยคะเม ปัจจุบันคือเดี๋ยวนี้ พิสูจน์ความจริงได้ทันที โดยยังไม่ต้องไปไหนเลยค่ะ ลืมตาดูตะโกนดังๆว่าจิตเห็นสี ตาไม่บอดรู้ยังว่าตัวเองเห็นอะไร ลืมตาไม่ดูไปทำหลับตาจะรู้ตามได้ไหม พระพุทธเจ้ากล่าวตรงสัจจะและตรงขณะ แล้วพระพุทธเจ้าก็ตรัสรู้ความจริงของเห็นที่กำลังเห็นเดี๋ยวนี้ |
เจ้าของ: | กรัชกาย [ 20 ก.พ. 2020, 20:47 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: คิดชั้นเดียว, คิดหลายชั้น |
Rosarin เขียน: ปัจจุบันคือเดี๋ยวนี้ พิสูจน์ความจริงได้ทันที โดยยังไม่ต้องไปไหนเลยค่ะ ลืมตาดูตะโกนดังๆว่าจิตเห็นสี ตาไม่บอดรู้ยังว่าตัวเองเห็นอะไร ลืมตาไม่ดูไปทำหลับตาจะรู้ตามได้ไหม พระพุทธเจ้ากล่าวตรงสัจจะและตรงขณะ แล้วพระพุทธเจ้าก็ตรัสรู้ความจริงของเห็นที่กำลังเห็นเดี๋ยวนี้ เอาความคิดของตนเองไปใส่ปากพระพุทธเจ้า |
เจ้าของ: | กรัชกาย [ 20 ก.พ. 2020, 20:51 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: คิดชั้นเดียว, คิดหลายชั้น |
อ้างคำพูด: พระพุทธองค์สอนมิให้ยึดติด สมัยพุทธกาลไม่มีแม้กระทั่งพระพุทธรูป แต่ที่กรุงเทพฯกำลังสร้างพระพุทธรูปสูงเท่าตึก 20 ชั้น 69 เมตร เงินบริจาคกว่า 100 ล้าน ส่วนตัวคิด ว่า นำไปช่วยคนจน คนป่วย และทุนการศึกษาคงได้บุญมากกว่าหากบุญมีจริง https://twitter.com/PravitR รูปใหญ่เกิน https://pbs.twimg.com/media/ERINVwiVAAA ... =4096x4096 มุมมองของคนต่างกัน เปรียบก็เหมือนคนตาบอดคลำช้าง แล้วแต่ว่าใครคลำถูกตรงไหนว่าเป็นอย่างนั้น |
เจ้าของ: | กรัชกาย [ 20 ก.พ. 2020, 21:02 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: คิดชั้นเดียว, คิดหลายชั้น |
ท่านพุทธทาสพูดเอาไว้ดีทีเดียว |
เจ้าของ: | กรัชกาย [ 20 ก.พ. 2020, 21:06 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: คิดชั้นเดียว, คิดหลายชั้น |
ต้นไม้ประกอบด้วยกิ่งก้านดอกใบลำต้นเปลือกกะพี้แก่นราก ทั้งนั้นต่างก็มีความสำคัญด้วยกันทั้งนั้น ศาสนาก็ฉันนั้นประกอบด้วย ศาสนวัตถุ ศาสนบุคคล ศาสนพิธี ศาสนธรรมคำสอน ทั้งนั้นต่างก็มีความสำคัญด้วยกัน บางคนบางกลุ่มว่าวัตถุไม่สำคัญ วัตถุนี่ก็สำคัญทั้งจำเป็นด้วย ถามว่า ถ้าไม่มีอยู่ที่อาศัย ไม่มีบ้าน ไม่มีวัด คนจะไปอาศัยพักแรมที่ไหน ขุดรูอยู่หรอ ถ้ายังงั้น รู หลุม ก็วัตถุ เป็นที่อาศัยเป็นที่อยู่เหมือนกัน |
เจ้าของ: | โลกสวย [ 21 ก.พ. 2020, 17:02 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: คิดชั้นเดียว, คิดหลายชั้น |
กรัชกาย เขียน: ต้นไม้ประกอบด้วยกิ่งก้านดอกใบลำต้นเปลือกกะพี้แก่นราก ทั้งนั้นต่างก็มีความสำคัญด้วยกันทั้งนั้น ศาสนาก็ฉันนั้นประกอบด้วย ศาสนวัตถุ ศาสนบุคคล ศาสนพิธี ศาสนธรรมคำสอน ทั้งนั้นต่างก็มีความสำคัญด้วยกัน บางคนบางกลุ่มว่าวัตถุไม่สำคัญ วัตถุนี่ก็สำคัญทั้งจำเป็นด้วย ถามว่า ถ้าไม่มีอยู่ที่อาศัย ไม่มีบ้าน ไม่มีวัด คนจะไปอาศัยพักแรมที่ไหน ขุดรูอยู่หรอ ถ้ายังงั้น รู หลุม ก็วัตถุ เป็นที่อาศัยเป็นที่อยู่เหมือนกัน คริคริ วันนี้ใบไม้ถูกเด็ด ร่วงเป็นปุ๋ยแระค่ะ |
เจ้าของ: | กรัชกาย [ 14 พ.ค. 2020, 19:39 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: คิดชั้นเดียว, คิดหลายชั้น |
อ้างคำพูด: Rosarin ถ้าพระพุทธเจ้าพูดเองคุณจะต้องกระอักเลือดนะ555 ชาวบ้านเขาไม่รู้ว่าบวชแล้วไม่ต้องใช้เงิน เออแล้วก็ขยันรีดไถเงินชาวบ้านเลวไหม ขี้เกียจไม่อยากทำงานก็ลามาบวชเหรอ บวชแก้บนบ้างไม่มีเงินใช้ก็มาบวชเก็บเงิน ชาวบ้านโง่ที่หลงเชื่อนักบวชจอมปลอม ชาวบ้านคิดว่าตัวเองไม่เรียนพระไตรปิฏก ชาวบ้านเลยคิดว่าไม่อยากยุ่งกลัวบาปน่ะ แต่รู้ไหมคะว่าตถาคตสอนให้ฉลาดรู้ว่า อะไรเป็นอะไรถ้าสิ่งที่ทำไม่รู้ว่าชั่วก็เลิกทำไม่ได้ เช่นบรรพชาอุปสมบทแล้วรับเงินบาปโลภจนไม่รู้สึกตัว555 ยังไม่ชัดอีกเหรอแค่โกนหัวโกนคิ้วไม่มีคุณธรรมอะไรให้กราบเลย ชาวบ้านที่เขาเริ่มเข้าใจเขาเลิกใส่บาตรโจรนะคะคุณไม่รู้ตัวเหรอว่า บวชแล้วอาบัติแล้วไม่ได้ปลงฉันอาหารทุกคำข้าวบาปมากขนาดไหน บริโภคอย่างโจรอย่างเป็นหนี้ข้าวชาวบ้านนับเม็ดคำข้าวโรสกล่าวตามคำสอนนะ คิดได้ไหมกลืนถ่านไฟแดงร้อนลวกปากตายแค่ชาตินี้ชาติเดียวแต่บวชแล้วบาปเนี่ย ไม่ได้ฆ่าสัตว์แต่จะต้องตกนรกหมกไหม้ลืมตาอ้าปากกินข้าวไม่ได้555ไม่รู้สึกตัวจะให้ว่าไง สำนึกไว้เลยนะว่ากลืนถ่านแดงร้อนลวกตั้งแต่ปากถึงทวารหนักยังตายแค่อัตภาพนี้ชาติเดียว อาบัติแล้วไม่มีที่ปลงอาบัติขโมยปัจจัย4ที่เขาถวายพระพุทธเจ้าคือมหาโจรรับเงินก็เศรษฐีหัวโล้น อย่ามาอ้างว่าทำเพื่อคนอื่นที่แท้ทำเพื่อปากท้องและลาภสักการะที่อยากได้เพิ่มโมหะเข้าไปอีก555 โลกไม่มีที่ลับที่แจ้งกรรมตัวเองที่ทำไสไปเลยเหมือนพระธรณีดูด... นั่งทำสมาธิได้จนถึงแปลงร่างได้รึยังคะ พระเทวทัตทำสมาธิได้จนแปลงร่างได้ โดนธรณีดูดลงนรกต่อหน้าที่ประทับเลยถามว่าพระพุทธเจ้าช่วยได้มั๊ยคิดไว้รึยังว่าขนาดพระเทวทัตอยู่หน้าที่ประทับพระพุทธเจ้ายังช่วยไม่ได้ สร้างกันจังพระอิฐพระปูนพระโลหะ หวังให้พระอิฐพระปูนพระโลหะช่วยอะไรหรือคะขนาดพระพุทธเจ้าตัวเป็นๆยังช่วยอะไรไม่ได้ทำได้แค่บอก viewtopic.php?f=1&t=58889&p=457710#p457710 นำ คคห.คุณโรสจากลิงค์โน่นมาไว้นี่ด้วย อ้างคำพูด: สร้างกันจังพระอิฐพระปูนพระโลหะ หวังให้พระอิฐพระปูนพระโลหะช่วยอะไรหรือคะ ขนาดพระพุทธเจ้าตัวเป็นๆยังช่วยอะไรไม่ได้ทำได้แค่บอก ศาสนิกชนอื่นๆ เขาก็มีรูปเคารพของเขา แม้แต่คนป่าคนดง เขาก็มีสิ่งเคารพของเขา (นั่นแหละที่พึ่งทางใจ) ชาวพุทธก็มีพุทธปฏิมาซึ่งถือว่าเป็นองค์แทนพระพุทธเจ้า เห็นแล้วก็ยังจิตให้เลื่อมใส ได้กราบไหว้ก็นึกถึงพุทธคุณทั้งสาม คือ ปัญญาคุณ บริสุทธิคุณ และมหากรุณาคุณแล้ว จิตใจสงบระดับหนึ่ง ยิ่งเพ่งให้ติดตาติดใจก็ยิ่งเกิดพลังจิตที่ระงับกิเลสนิวรณ์ได้ (ระงับทุกข์ได้ระดับหนึ่ง) เพราะเป็นสมาธิระดับหนึ่ง พูดให้สุดก็ว่า เป็นนิพพานระดับหนึ่ง หรือคุณโรสจะเถียงประเด็นนี้ (คิดแต่จะให้พระพุทธรูปมาช่วยเราแบกช่วยหาม อย่างคุณโรสคิด เป็นไปไม่ได้อยู่แล้ว มีแต่คนสร้างนั่นแหละจะต้องช่วยกันแบกช่วยกันหามขึ้นบนศาลา คิกๆๆ) https://scontent.fbkk5-3.fna.fbcdn.net/ ... e=5EE31A89 คุณโรสอ่านหนังสือแล้ววิ่งเลยไปตามหนังสือ ซึ่งเขาเขียนยังไงก็วิ่งเลยไปตามนั้น ทำสมาธิใช่ว่าจะแปลงกายเป็นงูเหมือนเทวทัตได้ทุกคน คิกๆๆ นี่แหละที่คุณโรสอ่านตำราแล้วเตลิดหยุดไม่เป็น จึงว่าอ่านแล้วฟุ้งซ่านเพ้อเจ้อเพราะถูกเขาแนะนำไปอย่างนั้น จริงไม่จริง |
เจ้าของ: | กรัชกาย [ 26 มิ.ย. 2020, 19:19 ] |
หัวข้อกระทู้: | Re: คิดชั้นเดียว, คิดหลายชั้น |
กฐินทาน การทอดกฐิน, การถวายผ้ากฐิน คือ การที่คฤหัสถ์ผู้ศรัทธาหรือแม้ภิกษุสามเณร นำผ้าไปถวายแก่สงฆ์ผู้จำพรรษาแล้ว ณ วัดใดวัดหนึ่ง เพื่อทำเป็นผ้ากฐิน เรียกสามัญว่า ทอดกฐิน (นอกจากผ้ากฐินแล้วปัจจุบันนิยมมีของถวายอื่นๆ อีกด้วย เรียกว่า บริวารกฐิน) กฐิน ตามศัพท์แปลว่า “ไม้สะดึง” คือ ไม้แบบสำหรับขึงเพื่อตัดเย็บจีวร; ในทางพระวินัย ใช้เป็นชื่อเรียกสังฆกรรมอย่างหนึ่ง (ในประเภทญัตติทุติยกรรม) ที่พระพุทธเจ้าทรงอนุญาตแก่สงฆ์ผู้จำพรรษาแล้ว เพื่อแสดงออกซึ่งความสามัคคีของภิกษุที่ได้จำพรรษาอยู่ร่วมกัน โดยให้พวกเธอพร้อมใจกันยกมอบผ้าผืนหนึ่งที่เกิดขึ้นแก่สงฆ์ ให้แก่ภิกษุรูปใดรูปหนึ่งในหมู่พวกเธอ ที่เป็นผู้มีคุณสมบัติสมควร แล้วภิกษุรูปนั้น นำผ้าที่ได้รับมอบไปทำเป็นจีวร (จะทำเป็นอันตรวาสก หรืออุตราสงค์ หรือสังฆาฎิก็ได้ และพวกเธอทั้งหมดจะต้องช่วยภิกษุนั้น) ครั้นทำเสร็จแล้ว ภิกษุรูปนั้นแจ้งให้ที่ประชุมสงฆ์ซึ่งได้มอบผ้าแก่เธอนั้นทราบเพื่ออนุโมทนา เมื่อสงฆ์เหล่านั้นอนุโมทนาแล้ว ก็ทำให้เธอได้สิทธิพิเศษที่จะขยายเขตทำจีวรให้ยาวออกไป (เขตทำจีวรตามปกติ ถึงกลางเดือน ๑๒ ขยายต่อออกไปถึงกลางเดือน ๔) ผู้ที่สงฆ์ยกมอบให้แก่ภิกษุรูปหนึ่งนั้น เรียกว่า ผ้ากฐิน (กฐินทุสสะ) สงฆผู้ประกอบกฐินกรรมต้องมีจำนวนภิกษุอย่างน้อย ๕ รูป; ระยะที่พระพุทธเจ้าทรงอนุญาตให้ประกอบกฐินกรรมได้ มีเพียง ๑ เดือนต่อจากสิ้นสุดการจำพรรษา เรียกว่า เขตกฐิน คือ ตั้งแต่แรม ๑ ค่ำ เดือน ๑๑ ถึง ขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๑๒ ภิกษุผู้กรานกฐินแล้ว ย่อมได้อานิสงส์ ๕ ประการ (เหมือนอานิสงส์จำพรรษา) ยืดออกไปอีก ๔ เดือน และได้โอกาสขยายเขตจีวรกาลออกไปตลอด ๔ เดือนนั้น กถิน ก็เขียน |
หน้า 5 จากทั้งหมด 5 | เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง |
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group http://www.phpbb.com/ |