วันเวลาปัจจุบัน 29 มี.ค. 2024, 04:31  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 70 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 ต.ค. 2019, 05:48 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


หากศาสนาขาดประเพณีวัฒนธรรมแล้ว พระพุทธศาสนาคงมาไม่ถึงปัจจุบันนี้ ดังนั้น พึงมองประเพณีให้ลึก

รูปภาพ


รูปภาพ

https://www.facebook.com/23301197672180 ... =3&theater

ดอกบัวเป็นสัญลักษณ์ของพุทธ เพราะพระพุทธเจ้าเปรียบพระองค์เองว่าเกิดในโลกเติบโตในโลกแต่ไม่ติดโลก เหมือนดอกบัวซึ่งเกิดในน้ำโตในน้ำแต่น้ำฉาบไม่ติด (น้ำไม่กำซาบ)

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 ต.ค. 2019, 05:39 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เขาว่า วัดปากน้ำ ซึ่งกำลังสร้างอยู่

https://scontent.fbkk5-1.fna.fbcdn.net/ ... e=5E18DFDB

รูปภาพ

https://www.facebook.com/photo.php?fbid ... =3&theater

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 ต.ค. 2019, 05:25 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


น่าจะเป็นอินเดีย

รูปภาพ

https://scontent.fbkk5-6.fna.fbcdn.net/ ... e=5E51D3C7

https://www.facebook.com/buddhaLandIndi ... =3&theater

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 พ.ย. 2019, 15:58 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ประเพณี ขนบธรรมเนียม, แบบแผน, เชื้อสาย

ประเพณี (อังกฤษ: tradition) เป็นกิจกรรมที่มีการปฏิบัติสืบเนื่องกันมา เป็นเอกลักษณ์ และมีความสำคัญต่อสังคม เช่น การแต่งกายภาษา วัฒนธรรม ศาสนา ศิลปกรรม กฎหมาย คุณธรรม ความเชื่อ ฯลฯ อันเป็นบ่อเกิดของวัฒนธรรมของสังคมเชื้อชาติต่างๆ กลายเป็นประเพณีประจำชาติและถ่ายทอดกันมาโดยลำดับ หากประเพณีนั้นดีอยู่แล้วก็รักษาไว้เป็นวัฒนธรรมประจำชาติ หากไม่ดีก็แก้ไขเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเทศะ

รูปภาพ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


แก้ไขล่าสุดโดย กรัชกาย เมื่อ 25 พ.ย. 2019, 16:03, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 พ.ย. 2019, 16:00 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ปัจฉิมาชนตา ชุมชนที่มีในภายหลัง, หมู่ชนที่จะเกิดตามมาภายหลัง, คนรุ่นหลัง

โดยทั่วไป มาในข้อความเกี่ยวกับจริยาของพระพุทธเจ้าและพระอรหันต์ ที่คำนึงถึงประโยชน์ของคนรุ่นหลัง หรือปฏิบัติเพื่อให้คนรุ่นหลังมีแบบอย่างที่จะยึดถือ เช่น ที่ตรัสว่า

"ภิกษุทั้งหลาย เรามองเห็นอำนาจ ๒ ประการ จึงเสพเสนาสนะอันสงัด คือป่าและป่าเปลี่ยว กล่าวคือ มองเห็นความอยู่เป็นสุขในปัจจุบันของตน และจะอนุเคราะห์หมู่ชนในภายหลัง" (องฺ.ทุก.20/274/77) และที่พระมหากัสสปะกราบทูลพระพุทธเจ้าถึงเหตุผลที่ว่า

ถึงแม้ท่านจะเป็นผู้เฒ่าชราลงแล้ว ก็ยังขอถือธุดงค์ต่อไป ดังนี้ว่า "ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้อพระองค์เล็งเห็นอำนาจประโยชน์ ๒ ประการ ... กล่าวคือ เล็งเห็นความอยู่เป็นสุขในปัจจุบันของตน และจะอนุเคราะห์ชนในภายหลัง ด้วยหมายว่า ชุมชนในภายหลังจะพึงถึงทิฏฐานุคติ" (สํ.นิ.16/481/239)

คำบาลีเดิมเป็น ปจฺฉิมา ชนตา

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 ธ.ค. 2019, 14:47 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
สตรีชาวต่างชาตินางหนึ่ง กำลังนั่งสวดมนต์ไหว้พระด้วยความสำรวมอยู่ในวิหารวัดสระเกศ



รูปภาพ


https://www.facebook.com/photo?fbid=101 ... 1414168440


พระสัมมาสัมพุทธเจ้าสอนจากง่ายไปหายาก กล่าวคือ สอนจากสิ่งที่อยู่ข้างนอกแลเห็นได้ จนลึกเข้าไปภายในจิตใจซึ่งเห็นได้ยากอย่างยิ่ง ที่ผู้ปรีชาก็สามารถเข้าถึงได้และรู้ได้เฉพาะตน (ปัจจัตตัง เวทิตัพโพ วิญญูหิ)

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 ม.ค. 2020, 21:05 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


รูปภาพ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 ม.ค. 2020, 22:15 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7503

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
ปัจฉิมาชนตา ชุมชนที่มีในภายหลัง, หมู่ชนที่จะเกิดตามมาภายหลัง, คนรุ่นหลัง

โดยทั่วไป มาในข้อความเกี่ยวกับจริยาของพระพุทธเจ้าและพระอรหันต์ ที่คำนึงถึงประโยชน์ของคนรุ่นหลัง หรือปฏิบัติเพื่อให้คนรุ่นหลังมีแบบอย่างที่จะยึดถือ เช่น ที่ตรัสว่า

"ภิกษุทั้งหลาย เรามองเห็นอำนาจ ๒ ประการ จึงเสพเสนาสนะอันสงัด คือป่าและป่าเปลี่ยว กล่าวคือ มองเห็นความอยู่เป็นสุขในปัจจุบันของตน และจะอนุเคราะห์หมู่ชนในภายหลัง" (องฺ.ทุก.20/274/77) และที่พระมหากัสสปะกราบทูลพระพุทธเจ้าถึงเหตุผลที่ว่า

ถึงแม้ท่านจะเป็นผู้เฒ่าชราลงแล้ว ก็ยังขอถือธุดงค์ต่อไป ดังนี้ว่า "ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้อพระองค์เล็งเห็นอำนาจประโยชน์ ๒ ประการ ... กล่าวคือ เล็งเห็นความอยู่เป็นสุขในปัจจุบันของตน และจะอนุเคราะห์ชนในภายหลัง ด้วยหมายว่า ชุมชนในภายหลังจะพึงถึงทิฏฐานุคติ" (สํ.นิ.16/481/239)

คำบาลีเดิมเป็น ปจฺฉิมา ชนตา

cool
อ่านเองคิดได้หรือเข้าใจว่าไง
ถ้าไม่รู้ไม่เข้าใจความจริงว่า
กายใจตนเองนี้คือที่อยู่
ที่รกเต็มไปด้วยกิเลส
ไม่สนใจฟังคำสอน
เพื่อเข้าใจทิฏฐิที่มี
ว่าเป็นมิจฉาหรือสัมมา
เมื่อกิเลสมากจึงมีกำลัง
นำพาจิตไปในทางมิจฉาทิฏฐิ
ต้องรู้ตรงปัจจุบันเดี๋ยวนี้
ว่าอำนาจอะไรเหนือกว่า
ระหว่างมิจฉากับสัมมา
ที่ป่าคือกายใจตนเอง
อำนาจคือกำลัง
ป่าคือกายใจนี้
ป่าเปลี่ยวที่สงัดจากกิเลส
กำลังของการอยู่อย่างสงัดท่องเที่ยวแต่ผู้เดียวในกายนี้สงบอยู่รู้อยู่ในกายนี้อย่างเป็นสุขตามธรรมดาของผู้รู้
ท่านหมายถึงท่านไม่ได้สร้างวัตถุขึ้นมาให้รกคือเป็นภาระแก่ใจท่านอยู่ป่าคือกายนี้อยู่สงบสงัดจากอกุศลแล้ว
:b12:
:b12: :b12:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 ม.ค. 2020, 22:33 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
ปัจฉิมาชนตา ชุมชนที่มีในภายหลัง, หมู่ชนที่จะเกิดตามมาภายหลัง, คนรุ่นหลัง

โดยทั่วไป มาในข้อความเกี่ยวกับจริยาของพระพุทธเจ้าและพระอรหันต์ ที่คำนึงถึงประโยชน์ของคนรุ่นหลัง หรือปฏิบัติเพื่อให้คนรุ่นหลังมีแบบอย่างที่จะยึดถือ เช่น ที่ตรัสว่า

"ภิกษุทั้งหลาย เรามองเห็นอำนาจ ๒ ประการ จึงเสพเสนาสนะอันสงัด คือป่าและป่าเปลี่ยว กล่าวคือ มองเห็นความอยู่เป็นสุขในปัจจุบันของตน และจะอนุเคราะห์หมู่ชนในภายหลัง" (องฺ.ทุก.20/274/77) และที่พระมหากัสสปะกราบทูลพระพุทธเจ้าถึงเหตุผลที่ว่า

ถึงแม้ท่านจะเป็นผู้เฒ่าชราลงแล้ว ก็ยังขอถือธุดงค์ต่อไป ดังนี้ว่า "ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้อพระองค์เล็งเห็นอำนาจประโยชน์ ๒ ประการ ... กล่าวคือ เล็งเห็นความอยู่เป็นสุขในปัจจุบันของตน และจะอนุเคราะห์ชนในภายหลัง ด้วยหมายว่า ชุมชนในภายหลังจะพึงถึงทิฏฐานุคติ" (สํ.นิ.16/481/239)

คำบาลีเดิมเป็น ปจฺฉิมา ชนตา

cool
อ่านเองคิดได้หรือเข้าใจว่าไง
ถ้าไม่รู้ไม่เข้าใจความจริงว่า
กายใจตนเองนี้คือที่อยู่
ที่รกเต็มไปด้วยกิเลส
ไม่สนใจฟังคำสอน
เพื่อเข้าใจทิฏฐิที่มี
ว่าเป็นมิจฉาหรือสัมมา
เมื่อกิเลสมากจึงมีกำลัง
นำพาจิตไปในทางมิจฉาทิฏฐิ
ต้องรู้ตรงปัจจุบันเดี๋ยวนี้
ว่าอำนาจอะไรเหนือกว่า
ระหว่างมิจฉากับสัมมา
ที่ป่าคือกายใจตนเอง
อำนาจคือกำลัง
ป่าคือกายใจนี้
ป่าเปลี่ยวที่สงัดจากกิเลส
กำลังของการอยู่อย่างสงัดท่องเที่ยวแต่ผู้เดียวในกายนี้สงบอยู่รู้อยู่ในกายนี้อย่างเป็นสุขตามธรรมดาของผู้รู้
ท่านหมายถึงท่านไม่ได้สร้างวัตถุขึ้นมาให้รกคือเป็นภาระแก่ใจท่านอยู่ป่าคือกายนี้อยู่สงบสงัดจากอกุศลแล้ว
:b12:
:b12: :b12:



ถึงขนาดนั้น คุณโรสยังตีความออกนอกลู่นอกทาง คือว่า ไม่ศึกษาประวัติพระมหากัสสปะ ว่าท่านถึงธุดงค์อยู่ป่าเป็นวัตร ท่านแก่แล้ว พระพุทธองค์ก็แนะนำว่า อยู่วัดอยู่กุฎีบ้างเถอะ แต่ท่านก็มีปณิธานของท่าน

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 ม.ค. 2020, 22:37 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7503

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
ปัจฉิมาชนตา ชุมชนที่มีในภายหลัง, หมู่ชนที่จะเกิดตามมาภายหลัง, คนรุ่นหลัง

โดยทั่วไป มาในข้อความเกี่ยวกับจริยาของพระพุทธเจ้าและพระอรหันต์ ที่คำนึงถึงประโยชน์ของคนรุ่นหลัง หรือปฏิบัติเพื่อให้คนรุ่นหลังมีแบบอย่างที่จะยึดถือ เช่น ที่ตรัสว่า

"ภิกษุทั้งหลาย เรามองเห็นอำนาจ ๒ ประการ จึงเสพเสนาสนะอันสงัด คือป่าและป่าเปลี่ยว กล่าวคือ มองเห็นความอยู่เป็นสุขในปัจจุบันของตน และจะอนุเคราะห์หมู่ชนในภายหลัง" (องฺ.ทุก.20/274/77) และที่พระมหากัสสปะกราบทูลพระพุทธเจ้าถึงเหตุผลที่ว่า

ถึงแม้ท่านจะเป็นผู้เฒ่าชราลงแล้ว ก็ยังขอถือธุดงค์ต่อไป ดังนี้ว่า "ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้อพระองค์เล็งเห็นอำนาจประโยชน์ ๒ ประการ ... กล่าวคือ เล็งเห็นความอยู่เป็นสุขในปัจจุบันของตน และจะอนุเคราะห์ชนในภายหลัง ด้วยหมายว่า ชุมชนในภายหลังจะพึงถึงทิฏฐานุคติ" (สํ.นิ.16/481/239)

คำบาลีเดิมเป็น ปจฺฉิมา ชนตา

cool
อ่านเองคิดได้หรือเข้าใจว่าไง
ถ้าไม่รู้ไม่เข้าใจความจริงว่า
กายใจตนเองนี้คือที่อยู่
ที่รกเต็มไปด้วยกิเลส
ไม่สนใจฟังคำสอน
เพื่อเข้าใจทิฏฐิที่มี
ว่าเป็นมิจฉาหรือสัมมา
เมื่อกิเลสมากจึงมีกำลัง
นำพาจิตไปในทางมิจฉาทิฏฐิ
ต้องรู้ตรงปัจจุบันเดี๋ยวนี้
ว่าอำนาจอะไรเหนือกว่า
ระหว่างมิจฉากับสัมมา
ที่ป่าคือกายใจตนเอง
อำนาจคือกำลัง
ป่าคือกายใจนี้
ป่าเปลี่ยวที่สงัดจากกิเลส
กำลังของการอยู่อย่างสงัดท่องเที่ยวแต่ผู้เดียวในกายนี้สงบอยู่รู้อยู่ในกายนี้อย่างเป็นสุขตามธรรมดาของผู้รู้
ท่านหมายถึงท่านไม่ได้สร้างวัตถุขึ้นมาให้รกคือเป็นภาระแก่ใจท่านอยู่ป่าคือกายนี้อยู่สงบสงัดจากอกุศลแล้ว
:b12:
:b12: :b12:



ถึงขนาดนั้น คุณโรสยังตีความออกนอกลู่นอกทาง คือว่า ไม่ศึกษาประวัติพระมหากัสสปะ ว่าท่านถึงธุดงค์อยู่ป่าเป็นวัตร ท่านแก่แล้ว พระพุทธองค์ก็แนะนำว่า อยู่วัดอยู่กุฎีบ้างเถอะ แต่ท่านก็มีปณิธานของท่าน

:b32:
ท่านทำด้วยปัญญาเพื่อให้ชนรุ่นหลังเห็นเป็นตัวอย่างว่า
ท่านสงบได้ด้วยการไม่ได้สร้างวัตถุท่านใช้เงินสร้างป่าไหมคะ
ท่านรู้ว่าป่าเปลี่ยวที่แท้จริงคือการอยู่กับปัจจุบันขณะที่ไหนก็ได้งัยคะ
:b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 ม.ค. 2020, 22:47 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7503

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
ปัจฉิมาชนตา ชุมชนที่มีในภายหลัง, หมู่ชนที่จะเกิดตามมาภายหลัง, คนรุ่นหลัง

โดยทั่วไป มาในข้อความเกี่ยวกับจริยาของพระพุทธเจ้าและพระอรหันต์ ที่คำนึงถึงประโยชน์ของคนรุ่นหลัง หรือปฏิบัติเพื่อให้คนรุ่นหลังมีแบบอย่างที่จะยึดถือ เช่น ที่ตรัสว่า

"ภิกษุทั้งหลาย เรามองเห็นอำนาจ ๒ ประการ จึงเสพเสนาสนะอันสงัด คือป่าและป่าเปลี่ยว กล่าวคือ มองเห็นความอยู่เป็นสุขในปัจจุบันของตน และจะอนุเคราะห์หมู่ชนในภายหลัง" (องฺ.ทุก.20/274/77) และที่พระมหากัสสปะกราบทูลพระพุทธเจ้าถึงเหตุผลที่ว่า

ถึงแม้ท่านจะเป็นผู้เฒ่าชราลงแล้ว ก็ยังขอถือธุดงค์ต่อไป ดังนี้ว่า "ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้อพระองค์เล็งเห็นอำนาจประโยชน์ ๒ ประการ ... กล่าวคือ เล็งเห็นความอยู่เป็นสุขในปัจจุบันของตน และจะอนุเคราะห์ชนในภายหลัง ด้วยหมายว่า ชุมชนในภายหลังจะพึงถึงทิฏฐานุคติ" (สํ.นิ.16/481/239)

คำบาลีเดิมเป็น ปจฺฉิมา ชนตา

cool
อ่านเองคิดได้หรือเข้าใจว่าไง
ถ้าไม่รู้ไม่เข้าใจความจริงว่า
กายใจตนเองนี้คือที่อยู่
ที่รกเต็มไปด้วยกิเลส
ไม่สนใจฟังคำสอน
เพื่อเข้าใจทิฏฐิที่มี
ว่าเป็นมิจฉาหรือสัมมา
เมื่อกิเลสมากจึงมีกำลัง
นำพาจิตไปในทางมิจฉาทิฏฐิ
ต้องรู้ตรงปัจจุบันเดี๋ยวนี้
ว่าอำนาจอะไรเหนือกว่า
ระหว่างมิจฉากับสัมมา
ที่ป่าคือกายใจตนเอง
อำนาจคือกำลัง
ป่าคือกายใจนี้
ป่าเปลี่ยวที่สงัดจากกิเลส
กำลังของการอยู่อย่างสงัดท่องเที่ยวแต่ผู้เดียวในกายนี้สงบอยู่รู้อยู่ในกายนี้อย่างเป็นสุขตามธรรมดาของผู้รู้
ท่านหมายถึงท่านไม่ได้สร้างวัตถุขึ้นมาให้รกคือเป็นภาระแก่ใจท่านอยู่ป่าคือกายนี้อยู่สงบสงัดจากอกุศลแล้ว
:b12:
:b12: :b12:



ถึงขนาดนั้น คุณโรสยังตีความออกนอกลู่นอกทาง คือว่า ไม่ศึกษาประวัติพระมหากัสสปะ ว่าท่านถึงธุดงค์อยู่ป่าเป็นวัตร ท่านแก่แล้ว พระพุทธองค์ก็แนะนำว่า อยู่วัดอยู่กุฎีบ้างเถอะ แต่ท่านก็มีปณิธานของท่าน

:b32:
ท่านทำด้วยปัญญาเพื่อให้ชนรุ่นหลังเห็นเป็นตัวอย่างว่า
ท่านสงบได้ด้วยการไม่ได้สร้างวัตถุท่านใช้เงินสร้างป่าไหมคะ
ท่านรู้ว่าป่าเปลี่ยวที่แท้จริงคือการอยู่กับปัจจุบันขณะที่ไหนก็ได้งัยคะ
:b32: :b32:

พระพุทธเจ้าทรงเล็งเห็นว่าผู้หญิงไม่สมควรบวชค่ะ
บรรลุอรหันต์แล้วขนาดนอนในกุฏิตัวเองยังถูกข่มขืนเลย
การบวชเนี่ยไม่มีทรัพย์สินเงินทองอยู่ป่าเขาก็ไม่มีใครไปปล้นหรอกคะ
ไม่สนใจทำสุตมยปัญญาตรงปัจจุบันแล้วจะได้ปัญญามาแต่ไหนเงินซื้อปัญญาไม่ได้นะคะ
ชวนชาวบ้านใช้เงินซื้อบุญไม่ประกอบด้วยปัญญาแถมไม่รู้ว่าเพิ่มแต่ภาระสนองกิเลสใครอยากได้ถึงสร้าง?
:b12:
:b4: :b4:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 ม.ค. 2020, 12:34 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7503

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


cool
ทุกคำในพระไตรปิฏกกำลังปรากฏว่ามีแล้วเดี๋ยวนี้ตรงปัจจุบันขณะ
ไม่ขาดจากสภาพธัมมะเลยแม้แต่ขณะเดียวเป็นเราทำตามคิดเอง
จนกว่าจะเริ่มต้นฟังเพื่อเก็บสะสมปัญญารู้ตามปกติตรงสัจจะที่มี
ไม่ใช่มีแต่อยากไปทำตามๆกันโดยไม่ฟังเพื่อไตร่ตรองเหตุผล
ตัวจริงธัมมะกำลังปรากฏว่ากำลังมีตรงแล้วตามที่ตถาคตตรัส
แต่เราน่ะเกิดมาเป็นคนแล้วและได้เจอคำสอนด้วยแต่ลืมฟัง
แปลว่าขาดปัญญาตั้งแต่เริ่มฟังจึงปรุงแต่งจิตผิดไปเรื่อยๆ
เมื่อไหร่จะเริ่มคิดตามเพื่อเข้าใจความจริงที่กำลังมีอยู่คะ
ตถาคตตรัสรู้ความจริงนี้1เดียวในจักรวาลนี้คนอื่นไม่รู้
ได้แต่หลงคิดทำไปต่างๆนานาจนกว่าจะเริ่มคิดตามๆๆ
=ไม่คิดเองแม้แต่1คำต้องฟังคนอื่นพูดแล้วคิดตามได้เท่านั้น
ตอนที่คิดตามไม่ได้ขณะนั้นเองคิดไปตามเห็นผิดแล้วนะคะ
https://youtu.be/jXPEqiBJixM
onion onion onion


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 ก.พ. 2020, 18:01 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
cool
ทุกคำในพระไตรปิฏกกำลังปรากฏว่ามีแล้วเดี๋ยวนี้ตรงปัจจุบันขณะ
ไม่ขาดจากสภาพธัมมะเลยแม้แต่ขณะเดียวเป็นเราทำตามคิดเอง
จนกว่าจะเริ่มต้นฟังเพื่อเก็บสะสมปัญญารู้ตามปกติตรงสัจจะที่มี
ไม่ใช่มีแต่อยากไปทำตามๆกันโดยไม่ฟังเพื่อไตร่ตรองเหตุผล
ตัวจริงธัมมะกำลังปรากฏว่ากำลังมีตรงแล้วตามที่ตถาคตตรัส
แต่เราน่ะเกิดมาเป็นคนแล้วและได้เจอคำสอนด้วยแต่ลืมฟัง
แปลว่าขาดปัญญาตั้งแต่เริ่มฟังจึงปรุงแต่งจิตผิดไปเรื่อยๆ
เมื่อไหร่จะเริ่มคิดตามเพื่อเข้าใจความจริงที่กำลังมีอยู่คะ
ตถาคตตรัสรู้ความจริงนี้1เดียวในจักรวาลนี้คนอื่นไม่รู้
ได้แต่หลงคิดทำไปต่างๆนานาจนกว่าจะเริ่มคิดตามๆๆ
=ไม่คิดเองแม้แต่1คำต้องฟังคนอื่นพูดแล้วคิดตามได้เท่านั้น
ตอนที่คิดตามไม่ได้ขณะนั้นเองคิดไปตามเห็นผิดแล้วนะคะ
https://youtu.be/jXPEqiBJixM
onion onion onion



นี่เลอะเทอะ

ข้างบนเพ้อเจ้อ :b32:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 ก.พ. 2020, 18:13 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
พ่อแม่ของผู้เสียชีวิต ได้นิมนต์พระสงฆ์มาประกอบพิธีกรรมเชิญวิญญาณกลับบ้าน ท่ามกลางความโศกเศร้าอย่างมาก โดยทางคุณแม่ร้องไห้แทบขาดใจ และบอกวิญญาณลูกว่า “กลับบ้านเราเถอะลูก ที่นี่ไม่ใช่บ้านเรา”


รูปภาพ

นี่คือพิธีกรรมเบื้องต้นของคนที่ว่าต้องมีศาสนา ซึ่งแต่ละศาสนาๆก็จะมีรูปแบบมีพิธีกรรมของตนต่างกันไปว่ากันตั้งแต่วันแรกเกิดจนวันตาย. อาจมีคนบางคนค้านว่า "คนป่าคนดอย เขาไม่มีศาสนานะ" แม้เขาไม่มีศาสนา ไม่นับถือศาสนาใดๆเลย แต่เขาก็นับถือผี ซึ่งเขาก็มีพิธีกรรมของกลุ่มเขา เพราะศาสนาก็ดี นับถือผีก็ดี นับถือต้นไม้ เป็นต้น ก็ดี นั่นแหละคือที่พึ่งทางใจของคนในขั้นต้น

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 ก.พ. 2020, 22:33 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7503

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
cool
ทุกคำในพระไตรปิฏกกำลังปรากฏว่ามีแล้วเดี๋ยวนี้ตรงปัจจุบันขณะ
ไม่ขาดจากสภาพธัมมะเลยแม้แต่ขณะเดียวเป็นเราทำตามคิดเอง
จนกว่าจะเริ่มต้นฟังเพื่อเก็บสะสมปัญญารู้ตามปกติตรงสัจจะที่มี
ไม่ใช่มีแต่อยากไปทำตามๆกันโดยไม่ฟังเพื่อไตร่ตรองเหตุผล
ตัวจริงธัมมะกำลังปรากฏว่ากำลังมีตรงแล้วตามที่ตถาคตตรัส
แต่เราน่ะเกิดมาเป็นคนแล้วและได้เจอคำสอนด้วยแต่ลืมฟัง
แปลว่าขาดปัญญาตั้งแต่เริ่มฟังจึงปรุงแต่งจิตผิดไปเรื่อยๆ
เมื่อไหร่จะเริ่มคิดตามเพื่อเข้าใจความจริงที่กำลังมีอยู่คะ
ตถาคตตรัสรู้ความจริงนี้1เดียวในจักรวาลนี้คนอื่นไม่รู้
ได้แต่หลงคิดทำไปต่างๆนานาจนกว่าจะเริ่มคิดตามๆๆ
=ไม่คิดเองแม้แต่1คำต้องฟังคนอื่นพูดแล้วคิดตามได้เท่านั้น
ตอนที่คิดตามไม่ได้ขณะนั้นเองคิดไปตามเห็นผิดแล้วนะคะ
https://youtu.be/jXPEqiBJixM
onion onion onion



นี่เลอะเทอะ

ข้างบนเพ้อเจ้อ :b32:

:b12:
พระพุทธเจ้าตรัสรู้ความจริงทุกประการ
เห็นทุกภพภูมิคือจิตเห็นสีไม่เข้าใจเหรอ
คำสอนทรงตรัสแสดงแต่ความจริงนะคะ
จิตเห็นสีคือความจริงของเห็นที่กำลังเห็น
เราน่ะไม่รู้ว่าตัวเองเห็นอะไรเพราะไม่ฟัง
จะให้ว่ายังไงคะความจริงของเห็นมีแค่สี
จะมาเถียงกับคำของตถาคตทำไมล่ะคะ
ก็มองดูความจริงที่ตัวเองเห็นดิมีแค่สีมั๊ย
ยังไม่รู้สึกตัวกันอีกอยู่ดอกหรือว่าหลงเงา
สีที่ปรากฏให้เห็นดับแล้วอดีตสียังมีเหลือ
เพราะรูปของสีมีอายุยืนกว่าจิตถึง17ขณะ
ปรากฏสีนั้นต่ออีก17ขณะหลังจากเห็นดับ
มีอดีตสีอยู่อย่างต่อเนื่องเลยไม่รู้ว่าอันไหน
คือความจริงที่กำลังเห็นเพราะขาดปัญญาอยู่
ไม่ฟังคำของตถาคตจากคนอื่นกล่าวให้รู้สึกตัวแปลว่าไม่รู้=มีกิเลส
แปลว่ามืดบอดสนิททั้งที่ลืมตาดูแต่คิดตามคำสอนไม่ตรงสักที=ปัญญาไม่เกิดเลย
:b32:
:b12: :b12:
https://youtu.be/CwVOTTaufXY


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 70 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 24 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร