วันเวลาปัจจุบัน 29 มี.ค. 2024, 00:28  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 ก.ย. 2019, 04:03 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 มี.ค. 2009, 10:48
โพสต์: 5091


 ข้อมูลส่วนตัว


เรื่อง "จิต วิญญาณ จักรวาล นิพพาน"

(ปกิณกธรรม หลวงปู่ดูลย์ อตุโล)

จิต และ จักรวาล มีความเกี่ยวเนื่องสัมพันธ์กันอยู่ หลวงปู่ดูลย์ อตุโล ได้เมตตาอธิบายถึงเรื่องนี้ไว้อย่างพิสดารว่า จิต วิญญาณ เกิดจากรูปนามของจักรวาล และ นิพพาน เป็นการรวมของจิตบริสุทธิ์เข้ากับความว่างอันบริสุทธิ์และสว่างของจักรวาลเดิม ไว้ดังนี้

สิ่งมีชีวิตและไม่มีชีวิตในจักรวาล มีนับไม่ถ้วน รวมแล้วมี รูป กับ นาม สองอย่างเท่านั้น นามเดิม ก็คือความว่างของจักรวาล เข้าคู่กัน เป็นเหตุเกิด ตัวอวิชชา เกิดเหตุก่อ ที่ใดมีรูป ที่นั้นต้องมีนาม ที่ใดมีนาม ที่นั้นต้องมีรูป รูปนามรวมกัน เป็นเหตุเกิดปฏิกิริยาให้เกิดการเปลี่ยนแปลง และเกิดกาลเวลาขึ้น คือ รูปย่อมมีความดึงดูดซึ่งกันและกัน จึงเป็นเหตุให้รูปเคลื่อนไหว และหมุนรอบตัวเองตามปัจจัย รูปเคลื่อนไหวได้ ต้องมีนาม ความว่าง คั่นระหว่างรูป รูปจึงเคลื่อนไหวได้

เมื่อสภาวธรรมเป็นอย่างนี้ สรรพสิ่งของวัตถุสสารมีชีวิต และไม่มีชีวิต จึงต้องเปลี่ยนแปลง เป็นไตรลักษณ์ เกิด ดับ สืบต่อทุกขณะจิต ไม่มีวันหยุดนิ่ง ให้คงทนเป็นปัจจุบันเช่นนั้นได้

จิต วิญญาณ ก็เกิดมาจาก รูปนาม ของจักรวาล มันเป็นมายาหลอกลวง แล้วเปลี่ยนแปลงให้คนหลง จากรูปนามไม่มีชีวิต เปลี่ยนมาเป็นรูปนามที่มีชีวิต จากรูปนามที่มีชีวิต มาเป็นรูปนามมีชีวิต ที่มีจิตวิญญาณ แล้วจิต วิญญาณก็เปลี่ยนแปลงแยกออกจากกัน คงเหลือแต่ นามว่างที่ปราศจากรูป นี้เป็นจุดสุดยอดของการหลอกลวงของรูปนาม

เมื่อเจริญจิตจนเข้าถึงสภาวะเดิมแท้ของมันได้ดังนี้แล้ว "จิตเห็นจิต" อย่าง แจ่มแจ้ง จิตก็จะอยู่เหนือสภาวะสมมุติบัญญัติทั้งปวง เหนือความมีความเป็นทั้งปวง มันอยู่เหนือคำพูดและพ้นไปจากการกล่าวอ้างใดๆทั้งสิ้น เป็นธรรมชาติอันบริสุทธิ์และสว่าง รวมกันเข้ากับความว่างอันบริสุทธิ์และสว่างของจักรวาลเดิม เข้าเป็นหนึ่ง เรียกว่า "นิพพาน"

หลวงปู่ดุล อตุโล







หลักการสำคัญที่ขอย้ำไว้ที่นี่ก็คือ

สมาธิเป็นเครื่องข่มกิเลสไว้ ไม่ใช่ตัวทำลายกิเลส

แต่ก็จำเป็น เพราะการข่มกิเลสไว้

ทำให้ปัญญามีโอกาสทำงานคล่องแคล่ว

เหมือนหมอผ่าตัด ต้องวางยาสลบก่อนผ่า

ไม่วางยาสลบจะผ่าตัดยาก เพราะคนไข้เจ็บแล้วต้องดิ้น

สมาธิเหมือนยาสลบ สิ่งที่สลบไปก็คือ ความรู้สึกยินดียินร้าย

ความหลงใหลตามสิ่งที่ปรากฏอยู่ในจิต ด้วยความพอใจและไม่พอใจ

เมื่อจิตไม่เกิดปฏิกิริยาตอบโต้

มีการรับรู้ต่อสิ่งที่เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป ก็จะเห็นชัดขึ้น

ซึ่งอนิจจัง ความไม่เที่ยง ทุกขัง ความบกพร่อง ความไม่สมบูรณ์

และอนัตตา ความไม่มีเจ้าของหรือแก่นสารในสิ่งเกิดดับ

พระอาจารย์ชยสาโร






"เรื่องภาวนาอะไร ก็ช่างคนอื่น รู้เรื่องเฉพาะเราให้มันชัดเจนเถอะ คนอื่นรู้เรื่องก็ของคนอื่น ดีก็ของเขา ชั่วก็เรื่องของเขา ไอ้ที่เราไปรู้เรื่องเขา...สันดานมันไม่ดี "

โอวาทธรรม: องค์หลวงปู่บุญมี ปริปุณโณ






เรื่อง "จิต วิญญาณ จักรวาล นิพพาน"

(ปกิณกธรรม หลวงปู่ดูลย์ อตุโล)

จิต และ จักรวาล มีความเกี่ยวเนื่องสัมพันธ์กันอยู่ หลวงปู่ดูลย์ อตุโล ได้เมตตาอธิบายถึงเรื่องนี้ไว้อย่างพิสดารว่า จิต วิญญาณ เกิดจากรูปนามของจักรวาล และ นิพพาน เป็นการรวมของจิตบริสุทธิ์เข้ากับความว่างอันบริสุทธิ์และสว่างของจักรวาลเดิม ไว้ดังนี้

สิ่งมีชีวิตและไม่มีชีวิตในจักรวาล มีนับไม่ถ้วน รวมแล้วมี รูป กับ นาม สองอย่างเท่านั้น นามเดิม ก็คือความว่างของจักรวาล เข้าคู่กัน เป็นเหตุเกิด ตัวอวิชชา เกิดเหตุก่อ ที่ใดมีรูป ที่นั้นต้องมีนาม ที่ใดมีนาม ที่นั้นต้องมีรูป รูปนามรวมกัน เป็นเหตุเกิดปฏิกิริยาให้เกิดการเปลี่ยนแปลง และเกิดกาลเวลาขึ้น คือ รูปย่อมมีความดึงดูดซึ่งกันและกัน จึงเป็นเหตุให้รูปเคลื่อนไหว และหมุนรอบตัวเองตามปัจจัย รูปเคลื่อนไหวได้ ต้องมีนาม ความว่าง คั่นระหว่างรูป รูปจึงเคลื่อนไหวได้

เมื่อสภาวธรรมเป็นอย่างนี้ สรรพสิ่งของวัตถุสสารมีชีวิต และไม่มีชีวิต จึงต้องเปลี่ยนแปลง เป็นไตรลักษณ์ เกิด ดับ สืบต่อทุกขณะจิต ไม่มีวันหยุดนิ่ง ให้คงทนเป็นปัจจุบันเช่นนั้นได้

จิต วิญญาณ ก็เกิดมาจาก รูปนาม ของจักรวาล มันเป็นมายาหลอกลวง แล้วเปลี่ยนแปลงให้คนหลง จากรูปนามไม่มีชีวิต เปลี่ยนมาเป็นรูปนามที่มีชีวิต จากรูปนามที่มีชีวิต มาเป็นรูปนามมีชีวิต ที่มีจิตวิญญาณ แล้วจิต วิญญาณก็เปลี่ยนแปลงแยกออกจากกัน คงเหลือแต่ นามว่างที่ปราศจากรูป นี้เป็นจุดสุดยอดของการหลอกลวงของรูปนาม

เมื่อเจริญจิตจนเข้าถึงสภาวะเดิมแท้ของมันได้ดังนี้แล้ว "จิตเห็นจิต" อย่าง แจ่มแจ้ง จิตก็จะอยู่เหนือสภาวะสมมุติบัญญัติทั้งปวง เหนือความมีความเป็นทั้งปวง มันอยู่เหนือคำพูดและพ้นไปจากการกล่าวอ้างใดๆทั้งสิ้น เป็นธรรมชาติอันบริสุทธิ์และสว่าง รวมกันเข้ากับความว่างอันบริสุทธิ์และสว่างของจักรวาลเดิม เข้าเป็นหนึ่ง เรียกว่า "นิพพาน"

หลวงปู่ดูลย์ อตุโล วัดบูรพาราม







“..อย่าถือเป็นเรื่องสำคัญนะ ไอ้กินเวลาเดียว ๒ เวลา กินเนื้อสัตว์ ไม่กินเนื้อสัตว์ นี่อย่านะ!
อย่าถือเป็นเรื่องสำคัญ

ถ้าคนที่ไม่กินเนื้อสัตว์
ต้องตอบอย่าง หลวงปู่แหวน

เคยมีคนมาเล่าให้ฟัง
มีคนหนึ่งแกบอก หลวงปู่แหวนว่า

“เวลานี้ผมถือมังสวิรัติครับ ไม่กินเนื้อสัตว์”

หลวงปู่แหวน ท่านบอก “ไอ้วัวควายกินหญ้าตั้งนาน ไม่เห็นเป็นพระอรหันต์ซักตัว”

ตอบนำสมัย ไม่ใช่ทันสมัย ถ้าเรื่องเป็นความจริงตามนั้น แต่การกินไม่มีความหมายในการปฏิบัติ แต่การปฏิบัติจริงๆ มันอยู่กับ

(๑) เข้าถึง สเก็ตพระศาสนา แล้วหรือยัง
(๒) เข้าถึง เปลือก เข้าถึง กระพี้ เข้าถึง แก่นแล้วหรือยัง เข้าถึงเเก่นนี่ยังใช้ไม่ได้ ยังเป็นเหยื่อของอบายภูมิ จะต้องเข้าถึงพระโสดาบันเป็นอย่างต่ำ เขาวัดกันตรงนี้ อย่าไปวัดกันแค่กิน”

โดย…หลวงพ่อพระราชพรหมยาน (วัดท่าซุง)
( ธัมมวิโมกข์ ฉบับที่ ๒๓๒ หน้า ๖๔ )





ขอบรรดาลูกๆ ทั้งหมด
จงอย่าไว้ใจในชีวิตของตน
จงอย่าคิดว่าเราจะเป็นหนุ่มเป็นสาว เรามีกำลังดี เราไม่มีโรคภัยไข้เจ็บ
สิ่งทั้งหลายเหล่านี้มัน
ช่วยอะไรไม่ได้ ถึงเวลามันจะตายขึ้นมาจริงๆ คนที่มีกำลังดีๆ นั่งๆ อยู่แล้วก็ตายไปเฉยๆ ก็มี
บางทีร่างกายก็ดี ทุกสิ่งทุกอย่างไม่มีอะไรผิดปกติ
เข้าไปนอนในมุ้งแล้วตายในมุ้งก็มี
อันนี้ขอลูกทุกคน จงอย่าประมาทในชีวิตคิดว่าเรายังไม่ตาย

โดยพระเดชพระคุณหลวงพ่อพระราชพรหมยาน


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 51 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร