ลานธรรมจักร
http://www.dhammajak.net/forums/

จิตยิ่งใหญ่
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=57921
หน้า 1 จากทั้งหมด 1

เจ้าของ:  รสมน [ 09 ส.ค. 2019, 05:47 ]
หัวข้อกระทู้:  จิตยิ่งใหญ่

หากในครอบครัวใดมีผู้รักษา
ศีลห้าบริสุทธิ์ตลอดเวลาอาศัยอยู่
ครอบครัวนั้นไม่ต้องนิมนต์พระ
เจริญพระพุทธมนต์ที่บ้านก็ได้
เพราะบ้านนั้นเป็นมงคลแล้ว

หลวงตาพร วิมโล
วัดป่าเคียนพิง อ.พนม สุราษฏร์ธานี




จิตยิ่งใหญ่

ธรรมชาติของจิตมีทั้งสงบและทุกข์ แต่สิ่งที่ทำลายจิต คือ ทุกข์ เมื่อจิตทุกข์แล้ว ความเจ็บป่วยของจิตก็เกิดตามมา

ความเศร้า ความกังวล และความละอาย ความคิดอยากทำลายตัวเอง คือ สัญญาณบอกว่าจิตกำลังไม่สบาย

หยุดคิด คือ หยุดทุกข์

เพราะทุกข์ คือโลกร้ายของจิต หากไม่หยุดคิดวุ่นวาย ความทุกข์ก็ย่อมเกิดขึ้นอยู่ร่ำไป

เมื่อประสบปัญหาเราต้องหายารักษาจิตซึ่งมีอยู่ชนิดเดียวไม่เคยล้าสมัยได้ผลยอดเยี่ยม คือ "พุทโธ" เมื่อคิดพุทโธ แทนความทุกข์ จิตที่วุ่นวายก็เริ่มอยู่นิ่ง และสัมผัสกับความสงบได้ ความคิดต่างๆ ที่รุมเร้าก็ผ่อนคลายลงได้

รักษาทุกข์ด้วยยา คือ พุทโธ

ผู้ที่ยอมกินยานี้ ย่อมประสบกับความสงบในจิต หยุดความทุกข์จากความคิดทั้งปวงได้ และเห็นผลอย่างแน่นอน

อยากให้ทุกคนพิสูจน์ ทดลอง เพราะโรคทุกข์มีอยู่ในใจของทุกคน....

นับตั้งแต่นั้นจิตที่เคยอ่อนล้าจากความผิดหวังกลับมีกำลังใจจากพลังธรรมที่ได้ฝึกฝนจนสามารถได้หลักใจให้แก่ชีวิต.. สมควรที่ผู้อ่อนล้าทางใจจักได้นำไปปฏิบัติเพื่อก่อเกิดกำลังใจสู้ชีวิตเข้าใจในสัจจธรรมชีวิตต่อไป...


พระคุณแม่จันดี โลหิตดี





"...สมัยบวชใหม่ๆ เทียนเป็นของหายาก อาตมาจำได้ว่าบางทีต้องเดินออกไปยังลานโล่งๆ ในป่าแล้วอ่านพระสูตรด้วยแสงจันทร์ในช่วงคืนวันเพ็ญ ไม่น่าเชื่อว่าแสงจันทร์กระจ่างขนาดนั้นไม่ใช่แสงที่มาจากดวงจันทร์เลย หากแต่เป็นแสงสะท้อนจากดวงอาทิตย์ที่เรามองไม่เห็น

ปีนี้อาตมาบวชมาได้สี่สิบพรรษา วันเวลาผ่านไปถึงวันนี้ พระฝรั่งเป็นที่รู้จักกันมากขึ้นในสังคมไทยและบางครั้งก็ได้รับเกียรติยศอย่างเป็นทางการด้วย อาตมาคิดทบทวนว่าการที่ตัวเองได้รับเกียรติยศเช่นนี้เพราะมีหลวงพ่อชาเป็นครูบาอาจารย์ที่เปรียบเสมือนดวงอาทิตย์ที่ส่องสว่างในชีวิตพระของอาตมา

หากมีสิ่งใดในชีวิตของอาตมาที่ควรค่าแก่การสรรเสริญ นั่นคือ การได้มีโอกาสสะท้อนแสงสว่างแห่งปัญญาและเมตตาของครูบาอาจารย์แม้เพียงน้อยนิด เพื่อประโยชน์สุขแก่ผู้อื่น..."

พระราชพัชรมานิต วิ. (พระอาจารย์ชยสาโร)






"ธรรมดามันก็โง่ทุกคนนั่นล่ะ
ถ้ารู้จักตัวเองว่าโง่นั่นล่ะ ถึงจะฉลาด"

หลวงปู่ลี กุสลธโร





"คนเรานี่ เวลามีภัยคุกคาม
มีทุกข์บีบคั้น ก็ลุกขึ้น ดิ้นรนขวนขวาย
พอสุขสบาย ก็นอนต่อไป

พระพุทธศาสนา ก็จึงต้องย้ำ
ด้วยความไม่ประมาท เพราะว่า
เมื่อสบายแล้ว คนโน้มเอียงจะประมาท

ใครทั้งๆ ที่สุขสบาย ก็ไม่ประมาทได้
ก็คนนั้นแหละ เป็นคนที่ปฏิบัติธรรมได้ผล"

สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (ป.อ.ประยุตโต)





พระโพธิสัตว์ยากจน

ผู้ถาม : หลวงพ่อขอรับ ผมอยากทราบว่า พระโพธิสัตว์ที่เกิดมาเป็นมหาทุคคตะนั้นทำกรรมอะไร ทำไมถึงยากจน เพราะคำว่า "โพธิสัตว์" น่าจะร่ำรวยนี่ขอรับ?

หลวงพ่อ : ถ้าพระโพธิสัตว์รวยอย่างเดียวก็โง่ เวลาที่เป็นพระพุทธเจ้าก็เทศน์สอนเขาไม่ได้ ต้องจนมากมาก่อน ทดลองก่อน ถ้าจะเล่าให้ฟังเล่าไม่ได้ เพราะบาลีตอนนั้นท่านไม่ได้บอกนะ พระพุทธเจ้าไม่ได้ตรัสไว้ เป็นอันว่ากฎของกรรมบางอย่าง บางชาติอาจจะเป็นคนขี้เหนียว "คนที่จนเพราะขาดการให้ทาน" โกงเขา แต่พระโพธิสัตว์คงไม่โกง แต่ว่าอาจจะผ่านมาพันๆ ชาติก็ได้ กรรมประเภทนี้ไม่ใช่ทำชาตินี้ชาติหน้ารับผลมันไม่ได้ กรรมบางอย่างต้องรอเป็นพันชาติก็มี ตามไม่ทัน คือว่าก่อนที่จะรู้จักบุญกุศลมันทำมาแล้ว ก่อนที่จะเป็นพระโพธิสัตว์ ลองคิดดูยังไม่รู้บาปบุญคุณโทษ แต่กรรมประเภทนั้นยังไม่มีผล และทำทุกชาติ ทำกี่อย่างกี่ครั้ง แต่ละคราวจะให้ผลไม่เสมอกัน ไม่พร้อมกัน

ผู้ถาม : ทีนี้ก็มีคนถามอีกว่า พระโพธิสัตว์ที่อยู่ชั้นดุสิต เมื่อยังไม่ตรัสรู้ อยากเรียนถามหลวงพ่อว่า ท่านมีหน้าที่การงานอย่างไรบ้างหรือเปล่าครับ?

หลวงพ่อ : ฉันยังไม่เคยอยู่ชั้นนี้เลย ความจริงพระโพธิสัตว์นี่หาเวลาว่างยาก บนสวรรค์ ๖ ชั้น "พระโพธิสัตว์ก็เหมือนกับพระ ก็มีหน้าที่ไปสงเคราะห์พวกพรหมเทวดาด้วยการเทศน์" อย่างพระอินทร์เวลาถึงวันขึ้น ๑๔ ค่ำ หรือวันโกนสิ้นเดือน เทวดาต้องไปประชุมกันที่เทวสภา
แล้วตามปกติพระอินทร์ ท่านจะไปเชิญพระโพธิสัตว์มาเทศน์ บางคราวก็หาพระโพธิสัตว์ว่างไม่ได้ พระอินทร์ต้องเทศน์เอง ท่านไม่มีเวลาว่าง ถ้าไม่ได้ไปไหนก็ไม่ว่าง

ผู้ถาม : ทำอะไรครับหลวงพ่อ?

หลวงพ่อ : ต้องนั่งซิ !

ผู้ถาม : แล้วไม่ได้หลับ ไม่ได้นอนหรือครับ?

หลวงพ่อ : เอ..นอนหรือเปล่า? ไม่เคยเห็นนอนสักที

ผู้ถาม : ลืมตาแจ๋วเป็นเหน็บชาแย่...

หลวงพ่อ : เทวดาไม่มีประสาทปวดนะ แล้วก็ประการที่สอง สวรรค์ก็ดี พรหมก็ดี นิพพานก็ดี ไม่มีกลางคืนไม่มีกลางวันและไม่มีพระอาทิตย์
ในแดนนรกก็ไม่มีกลางวันและกลางคืน ไม่มีพระอาทิตย์เหมือนกัน

ผู้ถาม : เป็นอันว่าเขาคงไม่มีการหลับการนอน ไม่มีการพักผ่อน?

หลวงพ่อ : เขาคงจะมีการนอนแต่เราไม่เห็น ฉันขึ้นไปหลายครั้งอยากจะดูเทวดานอนหลับ ถ้าหลับเมื่อไรจะขโมยเพชรเมื่อนั้น ขึ้นไปทีไรเจอะเทวดานั่งตาแป๋วทุกที ไม่ยอมหลับ

ผู้ถาม : สงสัยจะเป็นห่วงเพชรนิลจินดานะ?

หลวงพ่อ : ท่านคงจะรู้ก่อนนะ เพราะจิตท่านเป็นทิพย์ใช่ไหม ความจริงไม่เคยเห็นเทวดานอนสักที จะมีหรือเปล่า อาจจะมีก็ได้นะ จะไปโทษว่าเทวดาไม่นอนเลยก็ไม่ถูก ฉันไม่เคยเห็นนอน

ผู้ถามถาม : แล้วผู้ที่เป็นพระอริยะแล้ว ถ้าปรารถนาพุทธภูมิจะสามารถสำเร็จได้ อันนี้จริงหรือเปล่าครับ?

หลวงพ่อ : ถ้าเป็นพระโสดาบันแล้ว ก็ไม่มีใครเขาปรารถนาพุทธภูมิ พุทธภูมิจะมีความเข้มแข็งขนาดไหนก็ตาม อย่างเก่งก็แค่ฌานโลกีย์เท่านั้น ถ้าเป็นพระอริยะไปแล้วก็ถือว่าเป็นสาวกไปแล้ว ไม่มีทาง
ก็คิดไปโง่ปรารถนาทำไมล่ะ พระพุทธเจ้าก็ปรารถนานิพพาน พระสาวกก็ปรารถนานิพพาน เราก็ปรารถนานิพพานเสียเลยไม่ดีรึ ถ้าแม้จะยอมเสียเวลาก็เป็นไม่ได้ เพราะเป็นพระอริยะแล้ว
(ก็เป็นอันว่า ถ้าเป็นพระอริยะแล้ว ปรารถนาพุทธภูมิอีกก็ไม่มีผล แต่ทำงานแบบพุทธภูมิได้ อย่างที่หลวงพ่อทำอยู่นี้)

หลวงพ่อพระราชพรหมยาน วัดท่าซุง อุทัยธานี
จากหนังสือ "ธัมมวิโมกข์" ฉบับที่ ๒๖๓ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๖ หน้าที่ ๕๗-๕๘

หน้า 1 จากทั้งหมด 1 เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group
http://www.phpbb.com/