วันเวลาปัจจุบัน 28 มี.ค. 2024, 22:15  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 31 ก.ค. 2019, 07:57 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 มี.ค. 2009, 10:48
โพสต์: 5091


 ข้อมูลส่วนตัว


สมณศักดิ์ก็มีแง่ดีที่เป็นเครื่องสะท้อนถึงความเกื้อกูลของสถาบันพระมหากษัตริย์ที่มีต่อพระพุทธศาสนา

แต่ท่านให้พระเณรพึงระวังมิให้เอาเรื่องสมณศักดิ์มาอยู่เหนือเรื่องอาวุโส พระถึงจะได้รับสมณศักดิ์ชั้นใดก็ต้องให้ความเคารพพระสงฆ์ที่มีอาวุโสมากกว่าตามหลักพระวินัย

จากนั้นท่านกล่าวอย่างอ่อนน้อมถ่อมตนว่า สมณศักดิ์อันเป็นเกียรติยศนี้ เป็นเหมือนแสงสว่างแห่งพระจันทร์ และความจริงคือพระจันทร์นั้นไม่มีแสงสว่างในตัวเอง เป็นเพียงแสงสะท้อนจากพระอาทิตย์

ฉันใดก็ฉันนั้น เกียรติยศเหล่านี้มาจากธรรมะและคุณความดีของครูบาอาจารย์คือหลวงพ่อชา อันเปรียบดังพระอาทิตย์..

โอวาทในวันฉลองสมณศักดิ์ของ

พระราชพัชรมานิต (พระอาจารย์ชยสาโรภิกขุ)
ณ วัดป่านานาชาติ จ.อุบลราชธานี



การทำบุญด้วยความสงบ อย่างที่ใส่บาตรก็ทำด้วยความสงบ บางทีการใส่บาตรอย่างนี้บางคนก็ไม่ค่อยเข้าใจ บางคนเขาก็ขอพร ใส่บาตรแล้วก็นั่งขอพร พระท่านก็เกรงใจโยม บางรูปไปกันใหญ่เป็นการน้อมลาภเข้าตัว ทุกวันนี้เขาก็ทำกันทั่วประเทศละทีนี้ เพราะตัวอย่างมันกระจายทั่วไป

เราจะสอนให้บอกว่า "ที่ไม่ให้พรเพราะว่าเอาแบบพระพุทธเจ้ามาใช้ ถ้าให้พรแล้วมันผิดพระวินัย วินัยพระปาฏิโมกข์ของพระมีข้อหนึ่งที่ว่า ยืนให้พรแล้วโยมก็จะไม่ได้บุญ ก็เป็นบาป แทนที่ให้พรเป็นบุญแต่ท่านกลับว่าเป็นบาปเพราะว่าผิดพระวินัย"

เหตุนั้นท่านจึงให้บอกว่าให้มารับพรที่วัด ถ้าคนไหนจะเอาพรหรือคนไหนจะเอาพรวันเกิด ก็ต้องเอาเก้าอี้มาให้ท่านนั่งแล้วก็นั่งรับพร แต่บางรูปให้พรแล้วโยมนั่งมันผิดวินัยในเสขิยวัตรข้อท้ายๆ ก็เลยบอกให้เข้าใจ เขาก็เข้าใจกันหมดแล้ว แต่วัดอื่นเขาก็ยังทำอยู่ บางทีพวกมหาเปรียญเรียนสูง จบประโยคสูงก็ไม่รู้ความหมาย เขาก็ทำอยู่ แต่หลวงพ่อก็ทำตามหลักพระวินัยที่ว่า ต้องรับด้วยความสงบนิ่งแล้วก็แผ่เมตตาจิต

โอวาทธรรม:องค์หลวงพ่อประสิทธิ์ ปุญญมากโร





“...เอ็งเห็นดอกไม้ที่ร่วงไหม ?

มีทั้งดอกอ่อน ที่ยังไม่ตูม
ดอกที่ตูมแล้ว ยังไม่บาน
ดอกที่บานแล้ว ยังไม่โรย
ดอกที่โรยแล้ว ยังไม่เหี่ยว
ดอกที่เหี่ยวแล้ว ยังไม่แห้ง
ดอกที่แห้งแล้วเป็นที่สุดก็มี

นี่ มันร่วงลงมาจากต้นไม้เหมือนกัน ทั้งๆที่สภาวะของมันไม่เท่ากัน ชีวิตร่างกายของคนก็เหมือนกัน

บางรายตาย ตั้งแต่อยู่ในครรภ์
บางรายคลอดออกมาแล้วตาย
บางรายตาย ตั้งแต่ยังเป็นเด็ก
บางรายตาย ตอนเป็นหนุ่มเป็นสาว
บางรายตาย ตอนวัยกลางคน
บางรายตายเมื่อแก่

อย่างข้านี่ตายเมื่อแก่ ก็ไม่ต่างกับดอกไม้ที่แห้งคาต้น แล้วร่วงหล่นลงมา สภาวะความจริงมันเป็นอย่างนี้ ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นมาในโลกมีอนัตตาเป็นที่สุด อย่างร่างกายก็คือตายไปในที่สุด

แล้วเอ็งเห็นดอกไม้ร่วงหล่นอยู่นี่ เอ็งมีความเศร้าโศกบ้างหรือไม่ (ก็ตอบว่า ไม่)

นั่นซิ ! มันร่วงมันหล่นมากมายเกลื่อนกลาดอย่างนี้ มันก็เป็นปกติของมัน ร่างกายก็เหมือนกัน มันร่วงมันหล่นก็เป็นปกติของมัน จะมัวเศร้าโศกเสียใจอยู่ทำไม ภาวะปกติมันเป็นอยู่อย่างนี้ มันเป็นธรรมดา ก็จงอย่าไปฝืนมัน ไม่มีใครหรอกที่เกิดมาแล้วไม่ตาย...”

หลวงปู่บุดดา ถาวโร





(๑)
อภัยทานถึงนิพพานได้ จิตมีทาน ศีล ภาวนาไปได้เร็ว
ทานภายใน อภัยทาน ธรรมทาน
ทานภายในสูงสุดกว่าทานภายนอก
คนมัวเมาแต่ภายนอก ไม่ค่อยเอาใจใส่ธรรมทาน อภัยทาน
(๒)
ทานก็ถึงพระนิพพานได้
ธรรมทาน อภัยทาน เรียกว่า “ทานภายใน”
ทานภายในไม่มีข้าศึกศัตรู
ไม่มีกาลสมัย เป็นอกาลิโก เขาไม่สอนอย่างนี้
กลัวจะได้เร็ว มัวแต่สอนทานภายนอก
ได้ก็ช้า มีอันตรายเพราะจะหลงลืม
จิตมีทาน ศีล ภาวนา ไปได้เร็ว
แต่จะเอาแค่ทาน ศีล ภาวนา ภายนอก ไปไม่ได้เร็ว
ทานภายในก็อภัยทานและธรรมทาน

หลวงปู่บุดดา ถาวโร



โยมสงสัยว่า พุทโธ เป็นอย่างไร .... หลวงปู่ดูลย์ อตุโล ท่านเลยตอบว่า .....

"เวลาภาวนาอย่าส่งจิตออกนอก ความรู้อะไรทั้งหลายทั้งปวงอย่าไปยึด ความรู้ที่เราเรียนกับตำหรับตำรา หรือจากครูอาจารย์อย่าเอามายุ่งเลย ให้ตัดอารมณ์ออกให้หมด แล้วก็เวลาภาวนาไปให้มันรู้ รู้จากจิตของเรานั่นแหละ จิตของเราสงบเราจะรู้เอง

ต้องภาวนาให้มากๆ เข้า เวลามันจะเป็น จะเป็นของมันเอง ความรู้อะไรๆ ให้มันออกจากจิตของเรา

ความรู้ที่ออกจากจิตที่สงบนั่นแหละเป็นความรู้ที่ลึกซึ้งถึงที่สุด ให้มันรู้ออกจากจิตเองนั่นแหละมันดี คือ จิตมันสงบ

ทำจิตให้เกิดอารมณ์อันเดียว อย่าส่งจิตออกนอก ให้จิตอยู่ในจิต แล้วให้จิตภาวนาเอาเอง

ให้จิตเป็นผู้บริกรรมพุทโธ พุทโธอยู่นั่นแหละ

แล้วพุทโธ นั่นแหละจะผุดขึ้นในจิตของเรา เราจะได้รู้จักว่า พุทโธ นั้นเป็นอย่างไร แล้วรู้เอง เท่านั้นแหละ ไม่มีอะไรมากมาย"
เครดิต ลูกศิษย์ท่านพ่อลี ธัมมธโร วัดอโศการาม





“นั่ง (ภาวนา) ตั้งแต่หัวค่ำจนสว่าง
เดิน (จงกรม) ตั้งแต่หัวค่ำยันสว่าง
นี่! เป็นการสร้างบารมี”

-พระภาวนาวิสุทธิญาณเถร (แบน ธนากโร)
วัดดอยธรรมเจดีย์ สกลนคร


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: Google [Bot] และ บุคคลทั่วไป 37 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร