วันเวลาปัจจุบัน 29 มี.ค. 2024, 00:53  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 ก.ค. 2019, 04:48 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 มี.ค. 2009, 10:48
โพสต์: 5091


 ข้อมูลส่วนตัว


มติทางโลกนั้นเขาว่า จะดีหรือไม่ดีก็ช่าง ให้มันมีเงินมากๆ แล้วเป็นดี ตรงกันข้ามกับทางธรรมซึ่งท่านเห็นว่า จะมีหรือจนก็ช่างเถิด ขอให้เป็นคนดีก็แล้วกัน

ถ้าตัวเราดีแล้ว นั่งนิ่งๆ เฉยๆ มันก็ดี ถ้าตัวเราเป็นโรคเรื้อนคุดทะราดสิ พอไหวตัวแมลงวันก็อื้อเลย

ถ้าตัวเราบริสุทธิ์ผุดผ่องไมมีบาดแผล แมลงวันมันก็ไม่มีมาตอนได้

ท่านพ่อลี ธัมมธโร




"..สตินี้มันก็ทันน่ะ คิดขึ้นเรื่องใดมันก็ดับ คิดขึ้นเท่าใดมันก็ดับ ถ้ามีสติพร้อมกับ...ปรุงขึ้น...ดับ ปรุงขึ้น...ดับ เรียกว่า สติพร้อมกัน คิดไปก็หลงไปลืมไป แปลว่าไม่มีสติ ถ้ามีสติแล้ว คิดขึ้นร้ายก็ดี คิดดีก็ดี รู้พร้อมกันนั้นล่ะ สติรู้พร้อมกันดับลงทันทีนั่นล่ะ ฯลฯ

มีสติแล้ว มีปัญญา...เมื่อไม่มีสติมันก็เผลอ เผลอแล้วมันก็หลงไป

ครั้นไม่เผลอแล้วมีสติแนบอยู่ทุกเมื่อแล้ว คิดดีก็ดับลง คิดชั่วก็ดับลง พอใจก็ดับลง ไม่พอใจก็ดับลง เอาลงทันทีนั่นล่ะ

มีสติแล้วก็ใช้ได้ ใจเบิกบานขึ้น ปัจจุบันมีสติพร้อมกันกับคิด...คิดผิดก็ดี คิดถูกก็ดี รู้พร้อมกันก็ดับทันที เรียกว่า สติ...สัมมาสติ สติสัมโพฌงค์ ฯลฯ.."

หลวงปู่แหวน สุจิณโณ





อย่าคิดว่าตัวเองเก่งเหนือ​ กรรม​ กรรม​ เนียนะ​ มันมีอำนาจมากยิ่งกว่าสิ่งไหนๆ​ อย่าพากันประมาท​ ในชีวิตนี้​ คนเรารู้แต่วันเกิด​ ไม่รู้วันตาย

โอวาทธรรม หลวงปู่แผ่นทอง จาครโต





***เพราะใจมัน...สงบ***

"ทุกอย่างในชีวิตคนเรา ทำที่ทำให้เราทุกข์ มันอยู่ที่ใจของเราทั้งนั้น"

หลวงพ่อ...ท่านบอก

"ถ้าเราโกรธใคร เกลียดใคร มันก็อยู่ที่ใจ แต่ถ้าใจเรา ไม่เกลียด ใจเรา ไม่โกรธ เราก็ไม่มีความทุกข์

เกลียดก็ทุกข์ โกรธก็ทุกข์ แล้วเราจะเกลียด จะโกรธ ไปให้เราเป็นทุกข์ ทำไม

คนที่เราเกลียด คนที่เราโกรธ เขาไม่ทุกข์ไปกับเราหรอก เราทำให้เราทุกข์เอง ทั้งสิ้น

แต่ถ้าเราปล่อยวาง ไม่สนใจเขา ไม่รับรู้เรื่องเขา ใจเรา ก็ไม่หมกหมุ่นกับเรื่องของเขาอีก เราก็ไม่ทุกข์ เพราะใจ...มันสงบ"

โอวาทธรรม : หลวงพ่อไพบูลย์ สุมังคโล





"ทุกขัง"

"ทุกขัง" ทุกข์มันอยากออก แต่เอามันมาขังไว้ อันนั้นก็ของกู อันนี้ก็ของกู

มีแต่พระอรหัตต์ อรหันต์ ที่ท่านวางแล้ว ไม่เอา คืนทุกอย่าง แล้วก็ไม่ติด จึงจะเป็นพระอรหันต์ได้ คือ

"มีทุกข์ รู้ทุกข์ ทิ้งเลย"

*พระพุทธเจ้าท่านสอน ให้เห็นทุกข์ ไม่ให้เก็บ ที่มันทุกข์ เพราะใจเอาทุกข์ มาขังไว้ในใจตัวเอง อันที่จริง ทุกข์มันอยากจะออกจากใจไปแล้ว

หลวงปู่เหลือง ฉันทาคโม
วัดกระดึงทอง จ.บุรีรัมย์





วิธีหนีความขัดสนยากจนให้พ้น #ต้องรู้จักการให้ทาน

ทานคือให้การเสียสละ ให้อย่างไม่หวงแหน ให้ด้วยความเต็มใจ ให้อย่างไม่เสียดายในภายหลัง

บางคน จะให้ทานแก่ใครทีคิดแล้วคิดอีก เพราะใจมันยังหวงแหน

เหมือนเราเดินไปเจอคนขอทาน ก็ดูว่ามือดีตีนดีมาขอทานทำไม ทำไมไม่ไปทำมาหากิน นี่ใจมันยังหวง ก็คิดไปต่างๆนานา

สุดท้ายเลยไม่ได้ทำทาน แต่บางคนกับให้ไปโดยไม่ต้องคิดอะไร เพราะใจมันไม่หวง มันจะเอาไปทำอะไรก็เรื่องของมัน เลยได้ทำทาน ขอทานนี่นะแม้จะดูว่ามือดีตีนดี แต่ก็อาจจะมีสมองพิการหรือมีความบกพร่อง ผิดปรกติอะไรสักอย่าง

ถ้าเราให้มันได้กินอิ่มสักมื้อ ให้ได้เท่ากับข้าวสักจาน เราคงไม่ถึงขั้นจนไปตลอดชีวิตหรอก ถ้าไม่มีไอ้คนพวกนี้เราจะได้ทำทานกันมั้ยล่ะ

ขนาดให้ทานแก่สุนัขสักครั้งหนึ่งยังได้อานิสงส์ช่วยตัดภพตัดชาติที่เราต้องไปเวียนว่ายตายเกิดได้ครั้งละ 500ชาติ

ขอทานนี่เป็นคนแม้ไม่มีศีล อานิสงส์ก็จะได้มากกว่าทำกับเดรัจฉาน อานิสงส์ก็ย่อมเกิดมีขึ้นแก่เราเช่นกัน

ดีไม่ดีไอ้ขอทานนั่นเกิดมีเทวดามาสวมร่างชั่วครู่ลองใจเราให้สละทรัพย์ รวยเลยทีนี้ได้ทำบุญกับเทวดา เดินไปซื้อรางวัลต่อฟลุ๊คได้รางวัลใหญ่ อานิสงส์ทานส่งผลให้ทันที

ทานคือการให้ ให้เเล้วเสียดายนั่นไม่ใช่ทาน จะหลีกหนีความทุกข์ยากขัดสน ต้องกล้าสละ ตัดความตะหนี่ ความโลภออกจากใจให้หมด ให้ทานอย่ากลัวจน อานิสงส์ของการให้นี้แหละจะทำให้เป็นผู้มั่งมี พ้นความขัดสนยากจนได้ไว

แต่ต้องเป็นผู้ให้อย่างมีปัญญาให้ด้วยใจที่เป็นกุศลให้แล้วสบายใจ ต้องหมั่นทำไปเรื่อยไม่ใช่ให้แล้วมันจะรวยขึ้นมาทันตาเห็นเลยเมื่อไหร่กัน

ทานบารมี ทำมากเข้าเมื่อผลมันแก่กล้า จะรับผลไม่หวาดไม่ไหว ผู้ที่อยู่ในกระเเสแห่งความดี ต้องมี ทาน ศีล ภาวนา ปฏิบัติได้ตามนี้ รับรองว่าไม่จน

โอวาทธรรม (หลวงปู่บุญส่ง ฐิตสาโร)





แม้ยังไม่บรรลุธรรมก็จงทำความดีเรื่อยไป

ความดีที่เราทำอย่าไปเทียบกับใครเขา ความดีที่ว่าน้อยนั้น มันจะสะสมทีละนิดอย่างงดงามประทับอยู่ในดวงจิต

พระพุทธเจ้าและพระอริยสาวกทั้งหลาย แต่ก่อนท่านก็ตะเกียกตะกาย เพียรละชั่วทำดี เริ่มสะสมทีละน้อยแบบพวกโยมตอนนี้แหละ

ความดีนี้เอง จะนำพาให้พบครูบาอาจารย์ที่ดี พบวิถีปฏิปทาที่งามตรงตามทางเสด็จของพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่งครูบาอาจารย์ที่แท้ไม่ใช่ใครอื่น คือ พระสติธรรม พระปัญญาธรรม ของตนนั่นเอง ตนแลเป็นที่พึ่งแห่งตน ต้องเป็นแสงสว่างให้ตนเอง และส่องแสงธรรมนี้ให้สรรพสัตว์ได้สว่างด้วย

"บุญญา" จะแปรสภาพเป็น "ปัญญา"
ผู้มีบุญ...ทำอะไรย่อมสำเร็จดังประสงค์
ผู้มีปัญญา...ทำอะไรย่อมสว่างไสวรุ่งโรจน์

ขั้นสมาธิให้กำหนดจิตอยู่กับปัจจุบัน
ขั้นปัญญาให้พิจารณาธรรมขุดค้นขันธ์ ๕ ขุดค้นกาย ขุดค้นจิต
เปิดความจริงของกาย ของจิต
คลี่คลายความหลงในวัฏสงสาร

วันหนึ่งที่เหตุปัจจัยและบุญบารมีพรั่งพร้อม
ท่านจะเป็นผู้ที่สามารถบรรลุธรรมได้ตามพระบรมศาสดาทรงสั่งสอนแน่นอน

โอวาทธรรม
พระอาจารย์คม อภิวโร
วัดป่าธรรมคีรี (จันดีอนุสรณ์) อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา






"ความรักนั้นเป็นธาตุที่ไม่เที่ยง ไม่ยั่งยืน มีสุขน้อย แต่มีทุกข์มาก"

โอวาทธรรม:องค์หลวงปู่จันทา ถาวโร
วัดป่าเขาน้อย จ.พิจิตร


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 29 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร