วันเวลาปัจจุบัน 20 เม.ย. 2024, 05:58  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 24 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 ก.ค. 2019, 17:27 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
ปฤษฎี เขียน:
ทุกอย่างมีจริงๆ ตามปกติ

แต่ไม่รู้เลย ไม่รู้จักความจริงของสิ่งที่มีจริงเดี๋ยวนี้เลย ว่าเป็นเพียงสิ่งที่เกิดเพราะปัจจัยแล้วดับ
ไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเราจริงๆเลย แม้ซักขณะ คือมืดมาก เหมือนคนตาบอด ดังมีพระวจนะ ที่ทรงแสดงว่า "ความมืดใดจะเสมอด้วยโมหะไม่มี" การจะทำลายความมืดได้ ต้องอาศัยปัญญา แต่ปัญญาจะเกิดได้ ต้องมีปัจจัยอุปการะแก่ปัญญานั้น ไม่ใช่มีตัวตนที่บังคับ หรือมีผู้สร้างปัญญาให้เกิดขึ้น. สุตมยญาณ อาศัยการฟังคำจริงจากพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า การพิจารณาตามถ้อยคำนั้นๆอย่างดี ปัญญาขั้นต้นที่เกิดแล้วนั้น ก็จะเป็นปัจจัยให้ปัญญาขั้นต่อๆไปเกิดขึ้นตามลำดับ ตามปกติ

ความเห็นผิดมีมาก อวิชชามีมาก กิเลสนานาประการ มากมาย เหนี่ยวแน่นมาก เพราะว่าสะสมมานับชาติไม่ถ้วนแล้ว จึงต้องค่อยๆ ขัดเกลากิเลส ด้วยกุศลนานาประการ โดยมีปัญญาเป็นหัวหน้าให้กุศลธรรมประการต่างๆ เกิดขึ้นเป็นไปตามปกติ

ขออนุโมทนาในท่านเจ้าของกระทู้ ความเข้าใจความจริงนั้นเป็นสิ่งมีค่า เป็นทรัพย์ที่ประเสริฐ แต่ต้องเป็นไปตามลำดับ ตามปัจจัย

เราโชคดี แต่ความจริงคือมีกรรมดีที่ได้สะสมไว้แล้ว จึงได้เกิดมามีอัตภาพเป็นมนุษย์ ได้เกิดมาในประเทศที่สมควร อยู่ในกาลที่พระสัทธรรมยังดำรงอยู่ ได้มีโอกาสฟังพระธรรมที่ถูก ก็ควรที่จะได้มีโอกาสที่จะเงี่ยโสตลงฟังธรรมที่เป็นความจริง ที่พระผู้มีพระภาคทรงพระมหากรุณา แสดง จำแนก เปิดเผย ความจริงเหล่านั้น ให้ได้รู้ตาม

วันนี้เป็นวันดี อาสาฬหปุรณมี เมื่อครั้งก่อนในสมัยพุทธกาลท่านพระอัญญาโกณทัญญะได้มีโอกาสฟังพระธรรมจากพระผู้มีพระภาคเจ้า ด้วยบารมีที่ท่านได้บำเพ็ญมา ทำให้เมื่อฟังแล้วเกิดดวงตาเห็นธรรม คือมีปัญญารู้ว่า สิ่งใดเกิดแล้วเป็นธรรมดา ดับไปเป็นธรรมดา ปัญญาก็ชำแรกกิเลส ดับสังโยชน์ต่ำ ๓ อย่างแรกได้ ถึงความเป็นพระโสดาบัน มีพระรัตนตรัย ครบ ๓ พุทธรัตนะ ธรรมรัตนะ สังฆรัตนะ

ก็ควรที่จะได้บูชาคุณของพระรัตนตรัยด้วยการเห็นธรรมตามความเป็นจริง ตามธรรมที่ได้ฟังมา



รำพึงรำพัน :b1:

:b12:
เขาบอกให้รู้จักฟังบ้างจะได้เกิดปัญญา
เพราะเหตุปัจจัยที่จะเกิดปัญญา
อยู่ที่เริ่มฟังคำสอนของ
พระพุทธเจ้า
:b20: :b20:


ฟังนี่บ้างงั้น ฟังแล้วเป็นไง :b10:

https://palungjit.org/threads/%E0%B8%88 ... 9A.685638/

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 ก.ค. 2019, 00:51 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 ก.พ. 2011, 19:56
โพสต์: 1798


 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
ปฤษฎี เขียน:
ทุกอย่างมีจริงๆ ตามปกติ

แต่ไม่รู้เลย ไม่รู้จักความจริงของสิ่งที่มีจริงเดี๋ยวนี้เลย ว่าเป็นเพียงสิ่งที่เกิดเพราะปัจจัยแล้วดับ
ไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเราจริงๆเลย แม้ซักขณะ คือมืดมาก เหมือนคนตาบอด ดังมีพระวจนะ ที่ทรงแสดงว่า "ความมืดใดจะเสมอด้วยโมหะไม่มี" การจะทำลายความมืดได้ ต้องอาศัยปัญญา แต่ปัญญาจะเกิดได้ ต้องมีปัจจัยอุปการะแก่ปัญญานั้น ไม่ใช่มีตัวตนที่บังคับ หรือมีผู้สร้างปัญญาให้เกิดขึ้น. สุตมยญาณ อาศัยการฟังคำจริงจากพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า การพิจารณาตามถ้อยคำนั้นๆอย่างดี ปัญญาขั้นต้นที่เกิดแล้วนั้น ก็จะเป็นปัจจัยให้ปัญญาขั้นต่อๆไปเกิดขึ้นตามลำดับ ตามปกติ

ความเห็นผิดมีมาก อวิชชามีมาก กิเลสนานาประการ มากมาย เหนี่ยวแน่นมาก เพราะว่าสะสมมานับชาติไม่ถ้วนแล้ว จึงต้องค่อยๆ ขัดเกลากิเลส ด้วยกุศลนานาประการ โดยมีปัญญาเป็นหัวหน้าให้กุศลธรรมประการต่างๆ เกิดขึ้นเป็นไปตามปกติ

ขออนุโมทนาในท่านเจ้าของกระทู้ ความเข้าใจความจริงนั้นเป็นสิ่งมีค่า เป็นทรัพย์ที่ประเสริฐ แต่ต้องเป็นไปตามลำดับ ตามปัจจัย

เราโชคดี แต่ความจริงคือมีกรรมดีที่ได้สะสมไว้แล้ว จึงได้เกิดมามีอัตภาพเป็นมนุษย์ ได้เกิดมาในประเทศที่สมควร อยู่ในกาลที่พระสัทธรรมยังดำรงอยู่ ได้มีโอกาสฟังพระธรรมที่ถูก ก็ควรที่จะได้มีโอกาสที่จะเงี่ยโสตลงฟังธรรมที่เป็นความจริง ที่พระผู้มีพระภาคทรงพระมหากรุณา แสดง จำแนก เปิดเผย ความจริงเหล่านั้น ให้ได้รู้ตาม

วันนี้เป็นวันดี อาสาฬหปุรณมี เมื่อครั้งก่อนในสมัยพุทธกาลท่านพระอัญญาโกณทัญญะได้มีโอกาสฟังพระธรรมจากพระผู้มีพระภาคเจ้า ด้วยบารมีที่ท่านได้บำเพ็ญมา ทำให้เมื่อฟังแล้วเกิดดวงตาเห็นธรรม คือมีปัญญารู้ว่า สิ่งใดเกิดแล้วเป็นธรรมดา ดับไปเป็นธรรมดา ปัญญาก็ชำแรกกิเลส ดับสังโยชน์ต่ำ ๓ อย่างแรกได้ ถึงความเป็นพระโสดาบัน มีพระรัตนตรัย ครบ ๓ พุทธรัตนะ ธรรมรัตนะ สังฆรัตนะ

ก็ควรที่จะได้บูชาคุณของพระรัตนตรัยด้วยการเห็นธรรมตามความเป็นจริง ตามธรรมที่ได้ฟังมา



รำพึงรำพัน :b1:

:b12:
เขาบอกให้รู้จักฟังบ้างจะได้เกิดปัญญา
เพราะเหตุปัจจัยที่จะเกิดปัญญา
อยู่ที่เริ่มฟังคำสอนของ
พระพุทธเจ้า
:b20: :b20:


ฟังนี่บ้างงั้น ฟังแล้วเป็นไง :b10:

https://palungjit.org/threads/%E0%B8%88 ... 9A.685638/


ก็รู้สึกเฉยๆ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 ก.ค. 2019, 07:58 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ปฤษฎี เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
ปฤษฎี เขียน:
ทุกอย่างมีจริงๆ ตามปกติ

แต่ไม่รู้เลย ไม่รู้จักความจริงของสิ่งที่มีจริงเดี๋ยวนี้เลย ว่าเป็นเพียงสิ่งที่เกิดเพราะปัจจัยแล้วดับ
ไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเราจริงๆเลย แม้ซักขณะ คือมืดมาก เหมือนคนตาบอด ดังมีพระวจนะ ที่ทรงแสดงว่า "ความมืดใดจะเสมอด้วยโมหะไม่มี" การจะทำลายความมืดได้ ต้องอาศัยปัญญา แต่ปัญญาจะเกิดได้ ต้องมีปัจจัยอุปการะแก่ปัญญานั้น ไม่ใช่มีตัวตนที่บังคับ หรือมีผู้สร้างปัญญาให้เกิดขึ้น. สุตมยญาณ อาศัยการฟังคำจริงจากพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า การพิจารณาตามถ้อยคำนั้นๆอย่างดี ปัญญาขั้นต้นที่เกิดแล้วนั้น ก็จะเป็นปัจจัยให้ปัญญาขั้นต่อๆไปเกิดขึ้นตามลำดับ ตามปกติ

ความเห็นผิดมีมาก อวิชชามีมาก กิเลสนานาประการ มากมาย เหนี่ยวแน่นมาก เพราะว่าสะสมมานับชาติไม่ถ้วนแล้ว จึงต้องค่อยๆ ขัดเกลากิเลส ด้วยกุศลนานาประการ โดยมีปัญญาเป็นหัวหน้าให้กุศลธรรมประการต่างๆ เกิดขึ้นเป็นไปตามปกติ

ขออนุโมทนาในท่านเจ้าของกระทู้ ความเข้าใจความจริงนั้นเป็นสิ่งมีค่า เป็นทรัพย์ที่ประเสริฐ แต่ต้องเป็นไปตามลำดับ ตามปัจจัย

เราโชคดี แต่ความจริงคือมีกรรมดีที่ได้สะสมไว้แล้ว จึงได้เกิดมามีอัตภาพเป็นมนุษย์ ได้เกิดมาในประเทศที่สมควร อยู่ในกาลที่พระสัทธรรมยังดำรงอยู่ ได้มีโอกาสฟังพระธรรมที่ถูก ก็ควรที่จะได้มีโอกาสที่จะเงี่ยโสตลงฟังธรรมที่เป็นความจริง ที่พระผู้มีพระภาคทรงพระมหากรุณา แสดง จำแนก เปิดเผย ความจริงเหล่านั้น ให้ได้รู้ตาม

วันนี้เป็นวันดี อาสาฬหปุรณมี เมื่อครั้งก่อนในสมัยพุทธกาลท่านพระอัญญาโกณทัญญะได้มีโอกาสฟังพระธรรมจากพระผู้มีพระภาคเจ้า ด้วยบารมีที่ท่านได้บำเพ็ญมา ทำให้เมื่อฟังแล้วเกิดดวงตาเห็นธรรม คือมีปัญญารู้ว่า สิ่งใดเกิดแล้วเป็นธรรมดา ดับไปเป็นธรรมดา ปัญญาก็ชำแรกกิเลส ดับสังโยชน์ต่ำ ๓ อย่างแรกได้ ถึงความเป็นพระโสดาบัน มีพระรัตนตรัย ครบ ๓ พุทธรัตนะ ธรรมรัตนะ สังฆรัตนะ

ก็ควรที่จะได้บูชาคุณของพระรัตนตรัยด้วยการเห็นธรรมตามความเป็นจริง ตามธรรมที่ได้ฟังมา



รำพึงรำพัน :b1:

:b12:
เขาบอกให้รู้จักฟังบ้างจะได้เกิดปัญญา
เพราะเหตุปัจจัยที่จะเกิดปัญญา
อยู่ที่เริ่มฟังคำสอนของ
พระพุทธเจ้า
:b20: :b20:


ฟังนี่บ้างงั้น ฟังแล้วเป็นไง :b10:

https://palungjit.org/threads/%E0%B8%88 ... 9A.685638/


ก็รู้สึกเฉยๆ



แสดงว่าไม่รู้จักฟัง ฟังไม่เป็น :b12: จะต้องฟังให้เหมือนกับบอกให้คนอื่นฟัง

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 ก.ค. 2019, 11:25 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7502

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
ปฤษฎี เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
ปฤษฎี เขียน:
ทุกอย่างมีจริงๆ ตามปกติ

แต่ไม่รู้เลย ไม่รู้จักความจริงของสิ่งที่มีจริงเดี๋ยวนี้เลย ว่าเป็นเพียงสิ่งที่เกิดเพราะปัจจัยแล้วดับ
ไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเราจริงๆเลย แม้ซักขณะ คือมืดมาก เหมือนคนตาบอด ดังมีพระวจนะ ที่ทรงแสดงว่า "ความมืดใดจะเสมอด้วยโมหะไม่มี" การจะทำลายความมืดได้ ต้องอาศัยปัญญา แต่ปัญญาจะเกิดได้ ต้องมีปัจจัยอุปการะแก่ปัญญานั้น ไม่ใช่มีตัวตนที่บังคับ หรือมีผู้สร้างปัญญาให้เกิดขึ้น. สุตมยญาณ อาศัยการฟังคำจริงจากพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า การพิจารณาตามถ้อยคำนั้นๆอย่างดี ปัญญาขั้นต้นที่เกิดแล้วนั้น ก็จะเป็นปัจจัยให้ปัญญาขั้นต่อๆไปเกิดขึ้นตามลำดับ ตามปกติ

ความเห็นผิดมีมาก อวิชชามีมาก กิเลสนานาประการ มากมาย เหนี่ยวแน่นมาก เพราะว่าสะสมมานับชาติไม่ถ้วนแล้ว จึงต้องค่อยๆ ขัดเกลากิเลส ด้วยกุศลนานาประการ โดยมีปัญญาเป็นหัวหน้าให้กุศลธรรมประการต่างๆ เกิดขึ้นเป็นไปตามปกติ

ขออนุโมทนาในท่านเจ้าของกระทู้ ความเข้าใจความจริงนั้นเป็นสิ่งมีค่า เป็นทรัพย์ที่ประเสริฐ แต่ต้องเป็นไปตามลำดับ ตามปัจจัย

เราโชคดี แต่ความจริงคือมีกรรมดีที่ได้สะสมไว้แล้ว จึงได้เกิดมามีอัตภาพเป็นมนุษย์ ได้เกิดมาในประเทศที่สมควร อยู่ในกาลที่พระสัทธรรมยังดำรงอยู่ ได้มีโอกาสฟังพระธรรมที่ถูก ก็ควรที่จะได้มีโอกาสที่จะเงี่ยโสตลงฟังธรรมที่เป็นความจริง ที่พระผู้มีพระภาคทรงพระมหากรุณา แสดง จำแนก เปิดเผย ความจริงเหล่านั้น ให้ได้รู้ตาม

วันนี้เป็นวันดี อาสาฬหปุรณมี เมื่อครั้งก่อนในสมัยพุทธกาลท่านพระอัญญาโกณทัญญะได้มีโอกาสฟังพระธรรมจากพระผู้มีพระภาคเจ้า ด้วยบารมีที่ท่านได้บำเพ็ญมา ทำให้เมื่อฟังแล้วเกิดดวงตาเห็นธรรม คือมีปัญญารู้ว่า สิ่งใดเกิดแล้วเป็นธรรมดา ดับไปเป็นธรรมดา ปัญญาก็ชำแรกกิเลส ดับสังโยชน์ต่ำ ๓ อย่างแรกได้ ถึงความเป็นพระโสดาบัน มีพระรัตนตรัย ครบ ๓ พุทธรัตนะ ธรรมรัตนะ สังฆรัตนะ

ก็ควรที่จะได้บูชาคุณของพระรัตนตรัยด้วยการเห็นธรรมตามความเป็นจริง ตามธรรมที่ได้ฟังมา



รำพึงรำพัน :b1:

:b12:
เขาบอกให้รู้จักฟังบ้างจะได้เกิดปัญญา
เพราะเหตุปัจจัยที่จะเกิดปัญญา
อยู่ที่เริ่มฟังคำสอนของ
พระพุทธเจ้า
:b20: :b20:


ฟังนี่บ้างงั้น ฟังแล้วเป็นไง :b10:

https://palungjit.org/threads/%E0%B8%88 ... 9A.685638/


ก็รู้สึกเฉยๆ



แสดงว่าไม่รู้จักฟัง ฟังไม่เป็น :b12: จะต้องฟังให้เหมือนกับบอกให้คนอื่นฟัง

:b12:
เห็น/คิดคนละวิถีกัน
ฟังแล้วรู้อะไรบ้างล่ะคะ
เดี๋ยวนี้มีจิตกำลังเกิดดับอยู่
ครบ6ทาง/รู้หรือคะว่ากำลังมีจิตอะไร
ที่กำลังปรากฏนะไม่ใช่คิดพร้อมเห็นแน่ๆนะคะ
เพราะคิดนั้นมืดและเห็นนั้นสว่างถ้าคิดอยู่เนี่ยสว่างน่ะผิดไหมคะ
:b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 ก.ค. 2019, 11:32 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7502

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
ปฤษฎี เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
ปฤษฎี เขียน:
ทุกอย่างมีจริงๆ ตามปกติ

แต่ไม่รู้เลย ไม่รู้จักความจริงของสิ่งที่มีจริงเดี๋ยวนี้เลย ว่าเป็นเพียงสิ่งที่เกิดเพราะปัจจัยแล้วดับ
ไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเราจริงๆเลย แม้ซักขณะ คือมืดมาก เหมือนคนตาบอด ดังมีพระวจนะ ที่ทรงแสดงว่า "ความมืดใดจะเสมอด้วยโมหะไม่มี" การจะทำลายความมืดได้ ต้องอาศัยปัญญา แต่ปัญญาจะเกิดได้ ต้องมีปัจจัยอุปการะแก่ปัญญานั้น ไม่ใช่มีตัวตนที่บังคับ หรือมีผู้สร้างปัญญาให้เกิดขึ้น. สุตมยญาณ อาศัยการฟังคำจริงจากพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า การพิจารณาตามถ้อยคำนั้นๆอย่างดี ปัญญาขั้นต้นที่เกิดแล้วนั้น ก็จะเป็นปัจจัยให้ปัญญาขั้นต่อๆไปเกิดขึ้นตามลำดับ ตามปกติ

ความเห็นผิดมีมาก อวิชชามีมาก กิเลสนานาประการ มากมาย เหนี่ยวแน่นมาก เพราะว่าสะสมมานับชาติไม่ถ้วนแล้ว จึงต้องค่อยๆ ขัดเกลากิเลส ด้วยกุศลนานาประการ โดยมีปัญญาเป็นหัวหน้าให้กุศลธรรมประการต่างๆ เกิดขึ้นเป็นไปตามปกติ

ขออนุโมทนาในท่านเจ้าของกระทู้ ความเข้าใจความจริงนั้นเป็นสิ่งมีค่า เป็นทรัพย์ที่ประเสริฐ แต่ต้องเป็นไปตามลำดับ ตามปัจจัย

เราโชคดี แต่ความจริงคือมีกรรมดีที่ได้สะสมไว้แล้ว จึงได้เกิดมามีอัตภาพเป็นมนุษย์ ได้เกิดมาในประเทศที่สมควร อยู่ในกาลที่พระสัทธรรมยังดำรงอยู่ ได้มีโอกาสฟังพระธรรมที่ถูก ก็ควรที่จะได้มีโอกาสที่จะเงี่ยโสตลงฟังธรรมที่เป็นความจริง ที่พระผู้มีพระภาคทรงพระมหากรุณา แสดง จำแนก เปิดเผย ความจริงเหล่านั้น ให้ได้รู้ตาม

วันนี้เป็นวันดี อาสาฬหปุรณมี เมื่อครั้งก่อนในสมัยพุทธกาลท่านพระอัญญาโกณทัญญะได้มีโอกาสฟังพระธรรมจากพระผู้มีพระภาคเจ้า ด้วยบารมีที่ท่านได้บำเพ็ญมา ทำให้เมื่อฟังแล้วเกิดดวงตาเห็นธรรม คือมีปัญญารู้ว่า สิ่งใดเกิดแล้วเป็นธรรมดา ดับไปเป็นธรรมดา ปัญญาก็ชำแรกกิเลส ดับสังโยชน์ต่ำ ๓ อย่างแรกได้ ถึงความเป็นพระโสดาบัน มีพระรัตนตรัย ครบ ๓ พุทธรัตนะ ธรรมรัตนะ สังฆรัตนะ

ก็ควรที่จะได้บูชาคุณของพระรัตนตรัยด้วยการเห็นธรรมตามความเป็นจริง ตามธรรมที่ได้ฟังมา



รำพึงรำพัน :b1:

:b12:
เขาบอกให้รู้จักฟังบ้างจะได้เกิดปัญญา
เพราะเหตุปัจจัยที่จะเกิดปัญญา
อยู่ที่เริ่มฟังคำสอนของ
พระพุทธเจ้า
:b20: :b20:


ฟังนี่บ้างงั้น ฟังแล้วเป็นไง :b10:

https://palungjit.org/threads/%E0%B8%88 ... 9A.685638/


ก็รู้สึกเฉยๆ



แสดงว่าไม่รู้จักฟัง ฟังไม่เป็น :b12: จะต้องฟังให้เหมือนกับบอกให้คนอื่นฟัง

:b12:
เห็น/คิดคนละวิถีกัน
ฟังแล้วรู้อะไรบ้างล่ะคะ
เดี๋ยวนี้มีจิตกำลังเกิดดับอยู่
ครบ6ทาง/รู้หรือคะว่ากำลังมีจิตอะไร
ที่กำลังปรากฏนะไม่ใช่คิดพร้อมเห็นแน่ๆนะคะ
เพราะคิดนั้นมืดและเห็นนั้นสว่างถ้าคิดอยู่เนี่ยสว่างน่ะผิดไหมคะ
:b32: :b32:

ตถาคตบอกว่าไม่มีเราฟังเข้าใจไหมคะ
เราน่ะ ทำผิดๆ คิดผิดๆ เห็นผิดๆ จะคิดถูกไหม
เพราะมีตัวเราคิดพูดทำโดยไม่ฟังความจริงตรงๆเดี๋ยวนี้
จึงไม่เคย คิด เห็น ถูก ตรง ตาม คำของตถาคต ได้เลยไงคะ
:b34: :b34:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 ก.ค. 2019, 21:11 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7502

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
ปฤษฎี เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
ปฤษฎี เขียน:
ทุกอย่างมีจริงๆ ตามปกติ

แต่ไม่รู้เลย ไม่รู้จักความจริงของสิ่งที่มีจริงเดี๋ยวนี้เลย ว่าเป็นเพียงสิ่งที่เกิดเพราะปัจจัยแล้วดับ
ไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเราจริงๆเลย แม้ซักขณะ คือมืดมาก เหมือนคนตาบอด ดังมีพระวจนะ ที่ทรงแสดงว่า "ความมืดใดจะเสมอด้วยโมหะไม่มี" การจะทำลายความมืดได้ ต้องอาศัยปัญญา แต่ปัญญาจะเกิดได้ ต้องมีปัจจัยอุปการะแก่ปัญญานั้น ไม่ใช่มีตัวตนที่บังคับ หรือมีผู้สร้างปัญญาให้เกิดขึ้น. สุตมยญาณ อาศัยการฟังคำจริงจากพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า การพิจารณาตามถ้อยคำนั้นๆอย่างดี ปัญญาขั้นต้นที่เกิดแล้วนั้น ก็จะเป็นปัจจัยให้ปัญญาขั้นต่อๆไปเกิดขึ้นตามลำดับ ตามปกติ

ความเห็นผิดมีมาก อวิชชามีมาก กิเลสนานาประการ มากมาย เหนี่ยวแน่นมาก เพราะว่าสะสมมานับชาติไม่ถ้วนแล้ว จึงต้องค่อยๆ ขัดเกลากิเลส ด้วยกุศลนานาประการ โดยมีปัญญาเป็นหัวหน้าให้กุศลธรรมประการต่างๆ เกิดขึ้นเป็นไปตามปกติ

ขออนุโมทนาในท่านเจ้าของกระทู้ ความเข้าใจความจริงนั้นเป็นสิ่งมีค่า เป็นทรัพย์ที่ประเสริฐ แต่ต้องเป็นไปตามลำดับ ตามปัจจัย

เราโชคดี แต่ความจริงคือมีกรรมดีที่ได้สะสมไว้แล้ว จึงได้เกิดมามีอัตภาพเป็นมนุษย์ ได้เกิดมาในประเทศที่สมควร อยู่ในกาลที่พระสัทธรรมยังดำรงอยู่ ได้มีโอกาสฟังพระธรรมที่ถูก ก็ควรที่จะได้มีโอกาสที่จะเงี่ยโสตลงฟังธรรมที่เป็นความจริง ที่พระผู้มีพระภาคทรงพระมหากรุณา แสดง จำแนก เปิดเผย ความจริงเหล่านั้น ให้ได้รู้ตาม

วันนี้เป็นวันดี อาสาฬหปุรณมี เมื่อครั้งก่อนในสมัยพุทธกาลท่านพระอัญญาโกณทัญญะได้มีโอกาสฟังพระธรรมจากพระผู้มีพระภาคเจ้า ด้วยบารมีที่ท่านได้บำเพ็ญมา ทำให้เมื่อฟังแล้วเกิดดวงตาเห็นธรรม คือมีปัญญารู้ว่า สิ่งใดเกิดแล้วเป็นธรรมดา ดับไปเป็นธรรมดา ปัญญาก็ชำแรกกิเลส ดับสังโยชน์ต่ำ ๓ อย่างแรกได้ ถึงความเป็นพระโสดาบัน มีพระรัตนตรัย ครบ ๓ พุทธรัตนะ ธรรมรัตนะ สังฆรัตนะ

ก็ควรที่จะได้บูชาคุณของพระรัตนตรัยด้วยการเห็นธรรมตามความเป็นจริง ตามธรรมที่ได้ฟังมา



รำพึงรำพัน :b1:

:b12:
เขาบอกให้รู้จักฟังบ้างจะได้เกิดปัญญา
เพราะเหตุปัจจัยที่จะเกิดปัญญา
อยู่ที่เริ่มฟังคำสอนของ
พระพุทธเจ้า
:b20: :b20:


ฟังนี่บ้างงั้น ฟังแล้วเป็นไง :b10:

https://palungjit.org/threads/%E0%B8%88 ... 9A.685638/


ก็รู้สึกเฉยๆ



แสดงว่าไม่รู้จักฟัง ฟังไม่เป็น :b12: จะต้องฟังให้เหมือนกับบอกให้คนอื่นฟัง

:b12:
เห็น/คิดคนละวิถีกัน
ฟังแล้วรู้อะไรบ้างล่ะคะ
เดี๋ยวนี้มีจิตกำลังเกิดดับอยู่
ครบ6ทาง/รู้หรือคะว่ากำลังมีจิตอะไร
ที่กำลังปรากฏนะไม่ใช่คิดพร้อมเห็นแน่ๆนะคะ
เพราะคิดนั้นมืดและเห็นนั้นสว่างถ้าคิดอยู่เนี่ยสว่างน่ะผิดไหมคะ
:b32: :b32:

ตถาคตบอกว่าไม่มีเราฟังเข้าใจไหมคะ
เราน่ะ ทำผิดๆ คิดผิดๆ เห็นผิดๆ จะคิดถูกไหม
เพราะมีตัวเราคิดพูดทำโดยไม่ฟังความจริงตรงๆเดี๋ยวนี้
จึงไม่เคย คิด เห็น ถูก ตรง ตาม คำของตถาคต ได้เลยไงคะ
:b34: :b34:

กำลังฟังอยู่กำลังคิดตามอยู่กำลังเข้าใจถูกตรงตามได้อยู่
สังขารขันธ์ปรุงแต่งจิตถูกต้องตามได้แล้วไม่เข้าใจหรือคะ
พอหยุดฟังปุ๊บคิดตามความคิดเห็นของตนเองทันทีเลยค่ะ
อ่ะ...คิดตามให้ตรงทีละ1ทาง...ตอนเห็นมีแสงไม่ได้คิดนึก
สภาพธรรมกำลังเกิดดับครบทั้ง6ทางนับไม่ถ้วนใครคิดเองได้คะ
ตอนคิดนึกไม่มีแสงคือจิตคิดนึกเกิดทางมโนทวารวิถีไม่ใช่วิถีจิตทางตาค่ะ
https://youtu.be/jey5V6ll2hY
onion onion onion


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 ก.ค. 2019, 00:54 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 ก.พ. 2011, 19:56
โพสต์: 1798


 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
ปฤษฎี เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
ปฤษฎี เขียน:
ทุกอย่างมีจริงๆ ตามปกติ

แต่ไม่รู้เลย ไม่รู้จักความจริงของสิ่งที่มีจริงเดี๋ยวนี้เลย ว่าเป็นเพียงสิ่งที่เกิดเพราะปัจจัยแล้วดับ
ไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเราจริงๆเลย แม้ซักขณะ คือมืดมาก เหมือนคนตาบอด ดังมีพระวจนะ ที่ทรงแสดงว่า "ความมืดใดจะเสมอด้วยโมหะไม่มี" การจะทำลายความมืดได้ ต้องอาศัยปัญญา แต่ปัญญาจะเกิดได้ ต้องมีปัจจัยอุปการะแก่ปัญญานั้น ไม่ใช่มีตัวตนที่บังคับ หรือมีผู้สร้างปัญญาให้เกิดขึ้น. สุตมยญาณ อาศัยการฟังคำจริงจากพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า การพิจารณาตามถ้อยคำนั้นๆอย่างดี ปัญญาขั้นต้นที่เกิดแล้วนั้น ก็จะเป็นปัจจัยให้ปัญญาขั้นต่อๆไปเกิดขึ้นตามลำดับ ตามปกติ

ความเห็นผิดมีมาก อวิชชามีมาก กิเลสนานาประการ มากมาย เหนี่ยวแน่นมาก เพราะว่าสะสมมานับชาติไม่ถ้วนแล้ว จึงต้องค่อยๆ ขัดเกลากิเลส ด้วยกุศลนานาประการ โดยมีปัญญาเป็นหัวหน้าให้กุศลธรรมประการต่างๆ เกิดขึ้นเป็นไปตามปกติ

ขออนุโมทนาในท่านเจ้าของกระทู้ ความเข้าใจความจริงนั้นเป็นสิ่งมีค่า เป็นทรัพย์ที่ประเสริฐ แต่ต้องเป็นไปตามลำดับ ตามปัจจัย

เราโชคดี แต่ความจริงคือมีกรรมดีที่ได้สะสมไว้แล้ว จึงได้เกิดมามีอัตภาพเป็นมนุษย์ ได้เกิดมาในประเทศที่สมควร อยู่ในกาลที่พระสัทธรรมยังดำรงอยู่ ได้มีโอกาสฟังพระธรรมที่ถูก ก็ควรที่จะได้มีโอกาสที่จะเงี่ยโสตลงฟังธรรมที่เป็นความจริง ที่พระผู้มีพระภาคทรงพระมหากรุณา แสดง จำแนก เปิดเผย ความจริงเหล่านั้น ให้ได้รู้ตาม

วันนี้เป็นวันดี อาสาฬหปุรณมี เมื่อครั้งก่อนในสมัยพุทธกาลท่านพระอัญญาโกณทัญญะได้มีโอกาสฟังพระธรรมจากพระผู้มีพระภาคเจ้า ด้วยบารมีที่ท่านได้บำเพ็ญมา ทำให้เมื่อฟังแล้วเกิดดวงตาเห็นธรรม คือมีปัญญารู้ว่า สิ่งใดเกิดแล้วเป็นธรรมดา ดับไปเป็นธรรมดา ปัญญาก็ชำแรกกิเลส ดับสังโยชน์ต่ำ ๓ อย่างแรกได้ ถึงความเป็นพระโสดาบัน มีพระรัตนตรัย ครบ ๓ พุทธรัตนะ ธรรมรัตนะ สังฆรัตนะ

ก็ควรที่จะได้บูชาคุณของพระรัตนตรัยด้วยการเห็นธรรมตามความเป็นจริง ตามธรรมที่ได้ฟังมา



รำพึงรำพัน :b1:

:b12:
เขาบอกให้รู้จักฟังบ้างจะได้เกิดปัญญา
เพราะเหตุปัจจัยที่จะเกิดปัญญา
อยู่ที่เริ่มฟังคำสอนของ
พระพุทธเจ้า
:b20: :b20:


ฟังนี่บ้างงั้น ฟังแล้วเป็นไง :b10:

https://palungjit.org/threads/%E0%B8%88 ... 9A.685638/


ก็รู้สึกเฉยๆ



แสดงว่าไม่รู้จักฟัง ฟังไม่เป็น :b12: จะต้องฟังให้เหมือนกับบอกให้คนอื่นฟัง



ฟังแล้ว พิจารณาแล้ว แล้วก็รู้สึกเฉยๆ คือเป็นกลางๆ

คำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ละเอียด ลึกซึ้งกว่านี้มาก
ตามคลิปที่คุณกรัชกายยกมา ฟังเพียงไม่กี่ประโยคก็เปิดข้ามแล้ว จำได้ว่าเมื่อก่อนก็เคยฟังคลิปนี้ ตอนนั้นรู้สึกศรัทธา รู้สึกว่าเป็นคำสอนที่ดีจริงๆ แต่พอมาพิจารณาฟังใหม่ตอนนี้ เฉยๆ เสียแล้ว
ไม่ได้รู้สึกพิเศษอะไร

ฟังก็ต้องฟังด้วยดี ฟังแล้ว ไม่เกิดศรัทธาน้อมไปที่จะฟังต่อ ก็ไม่ฟัง ก็ฟังอย่างอื่น ทุกอย่างเป็นไปตามปัจจัย ไม่เห็นแปลกอะไร

บอกให้ฟังจะฟังหรือไม่ฟัง ก็แล้วแต่ปัจจัย เข้าใจไหมกรัชกาย


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 ก.ค. 2019, 12:31 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ปฤษฎี เขียน:
กรัชกาย เขียน:
ปฤษฎี เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
ปฤษฎี เขียน:
ทุกอย่างมีจริงๆ ตามปกติ

แต่ไม่รู้เลย ไม่รู้จักความจริงของสิ่งที่มีจริงเดี๋ยวนี้เลย ว่าเป็นเพียงสิ่งที่เกิดเพราะปัจจัยแล้วดับ
ไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเราจริงๆเลย แม้ซักขณะ คือมืดมาก เหมือนคนตาบอด ดังมีพระวจนะ ที่ทรงแสดงว่า "ความมืดใดจะเสมอด้วยโมหะไม่มี" การจะทำลายความมืดได้ ต้องอาศัยปัญญา แต่ปัญญาจะเกิดได้ ต้องมีปัจจัยอุปการะแก่ปัญญานั้น ไม่ใช่มีตัวตนที่บังคับ หรือมีผู้สร้างปัญญาให้เกิดขึ้น. สุตมยญาณ อาศัยการฟังคำจริงจากพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า การพิจารณาตามถ้อยคำนั้นๆอย่างดี ปัญญาขั้นต้นที่เกิดแล้วนั้น ก็จะเป็นปัจจัยให้ปัญญาขั้นต่อๆไปเกิดขึ้นตามลำดับ ตามปกติ

ความเห็นผิดมีมาก อวิชชามีมาก กิเลสนานาประการ มากมาย เหนี่ยวแน่นมาก เพราะว่าสะสมมานับชาติไม่ถ้วนแล้ว จึงต้องค่อยๆ ขัดเกลากิเลส ด้วยกุศลนานาประการ โดยมีปัญญาเป็นหัวหน้าให้กุศลธรรมประการต่างๆ เกิดขึ้นเป็นไปตามปกติ

ขออนุโมทนาในท่านเจ้าของกระทู้ ความเข้าใจความจริงนั้นเป็นสิ่งมีค่า เป็นทรัพย์ที่ประเสริฐ แต่ต้องเป็นไปตามลำดับ ตามปัจจัย

เราโชคดี แต่ความจริงคือมีกรรมดีที่ได้สะสมไว้แล้ว จึงได้เกิดมามีอัตภาพเป็นมนุษย์ ได้เกิดมาในประเทศที่สมควร อยู่ในกาลที่พระสัทธรรมยังดำรงอยู่ ได้มีโอกาสฟังพระธรรมที่ถูก ก็ควรที่จะได้มีโอกาสที่จะเงี่ยโสตลงฟังธรรมที่เป็นความจริง ที่พระผู้มีพระภาคทรงพระมหากรุณา แสดง จำแนก เปิดเผย ความจริงเหล่านั้น ให้ได้รู้ตาม

วันนี้เป็นวันดี อาสาฬหปุรณมี เมื่อครั้งก่อนในสมัยพุทธกาลท่านพระอัญญาโกณทัญญะได้มีโอกาสฟังพระธรรมจากพระผู้มีพระภาคเจ้า ด้วยบารมีที่ท่านได้บำเพ็ญมา ทำให้เมื่อฟังแล้วเกิดดวงตาเห็นธรรม คือมีปัญญารู้ว่า สิ่งใดเกิดแล้วเป็นธรรมดา ดับไปเป็นธรรมดา ปัญญาก็ชำแรกกิเลส ดับสังโยชน์ต่ำ ๓ อย่างแรกได้ ถึงความเป็นพระโสดาบัน มีพระรัตนตรัย ครบ ๓ พุทธรัตนะ ธรรมรัตนะ สังฆรัตนะ

ก็ควรที่จะได้บูชาคุณของพระรัตนตรัยด้วยการเห็นธรรมตามความเป็นจริง ตามธรรมที่ได้ฟังมา



รำพึงรำพัน :b1:

:b12:
เขาบอกให้รู้จักฟังบ้างจะได้เกิดปัญญา
เพราะเหตุปัจจัยที่จะเกิดปัญญา
อยู่ที่เริ่มฟังคำสอนของ
พระพุทธเจ้า
:b20: :b20:


ฟังนี่บ้างงั้น ฟังแล้วเป็นไง :b10:

https://palungjit.org/threads/%E0%B8%88 ... 9A.685638/


ก็รู้สึกเฉยๆ



แสดงว่าไม่รู้จักฟัง ฟังไม่เป็น :b12: จะต้องฟังให้เหมือนกับบอกให้คนอื่นฟัง



ฟังแล้ว พิจารณาแล้ว แล้วก็รู้สึกเฉยๆ คือเป็นกลางๆ

คำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ละเอียด ลึกซึ้งกว่านี้มาก
ตามคลิปที่คุณกรัชกายยกมา ฟังเพียงไม่กี่ประโยคก็เปิดข้ามแล้ว จำได้ว่าเมื่อก่อนก็เคยฟังคลิปนี้ ตอนนั้นรู้สึกศรัทธา รู้สึกว่าเป็นคำสอนที่ดีจริงๆ แต่พอมาพิจารณาฟังใหม่ตอนนี้ เฉยๆ เสียแล้ว
ไม่ได้รู้สึกพิเศษอะไร

ฟังก็ต้องฟังด้วยดี ฟังแล้ว ไม่เกิดศรัทธาน้อมไปที่จะฟังต่อ ก็ไม่ฟัง ก็ฟังอย่างอื่น ทุกอย่างเป็นไปตามปัจจัย ไม่เห็นแปลกอะไร

บอกให้ฟังจะฟังหรือไม่ฟัง ก็แล้วแต่ปัจจัย เข้าใจไหมกรัชกาย



แสดงว่า เลือกฟังแต่แม่สุจิน :b1:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ก.ค. 2019, 15:34 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7502

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
ปฤษฎี เขียน:
กรัชกาย เขียน:
ปฤษฎี เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
ปฤษฎี เขียน:
ทุกอย่างมีจริงๆ ตามปกติ

แต่ไม่รู้เลย ไม่รู้จักความจริงของสิ่งที่มีจริงเดี๋ยวนี้เลย ว่าเป็นเพียงสิ่งที่เกิดเพราะปัจจัยแล้วดับ
ไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเราจริงๆเลย แม้ซักขณะ คือมืดมาก เหมือนคนตาบอด ดังมีพระวจนะ ที่ทรงแสดงว่า "ความมืดใดจะเสมอด้วยโมหะไม่มี" การจะทำลายความมืดได้ ต้องอาศัยปัญญา แต่ปัญญาจะเกิดได้ ต้องมีปัจจัยอุปการะแก่ปัญญานั้น ไม่ใช่มีตัวตนที่บังคับ หรือมีผู้สร้างปัญญาให้เกิดขึ้น. สุตมยญาณ อาศัยการฟังคำจริงจากพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า การพิจารณาตามถ้อยคำนั้นๆอย่างดี ปัญญาขั้นต้นที่เกิดแล้วนั้น ก็จะเป็นปัจจัยให้ปัญญาขั้นต่อๆไปเกิดขึ้นตามลำดับ ตามปกติ

ความเห็นผิดมีมาก อวิชชามีมาก กิเลสนานาประการ มากมาย เหนี่ยวแน่นมาก เพราะว่าสะสมมานับชาติไม่ถ้วนแล้ว จึงต้องค่อยๆ ขัดเกลากิเลส ด้วยกุศลนานาประการ โดยมีปัญญาเป็นหัวหน้าให้กุศลธรรมประการต่างๆ เกิดขึ้นเป็นไปตามปกติ

ขออนุโมทนาในท่านเจ้าของกระทู้ ความเข้าใจความจริงนั้นเป็นสิ่งมีค่า เป็นทรัพย์ที่ประเสริฐ แต่ต้องเป็นไปตามลำดับ ตามปัจจัย

เราโชคดี แต่ความจริงคือมีกรรมดีที่ได้สะสมไว้แล้ว จึงได้เกิดมามีอัตภาพเป็นมนุษย์ ได้เกิดมาในประเทศที่สมควร อยู่ในกาลที่พระสัทธรรมยังดำรงอยู่ ได้มีโอกาสฟังพระธรรมที่ถูก ก็ควรที่จะได้มีโอกาสที่จะเงี่ยโสตลงฟังธรรมที่เป็นความจริง ที่พระผู้มีพระภาคทรงพระมหากรุณา แสดง จำแนก เปิดเผย ความจริงเหล่านั้น ให้ได้รู้ตาม

วันนี้เป็นวันดี อาสาฬหปุรณมี เมื่อครั้งก่อนในสมัยพุทธกาลท่านพระอัญญาโกณทัญญะได้มีโอกาสฟังพระธรรมจากพระผู้มีพระภาคเจ้า ด้วยบารมีที่ท่านได้บำเพ็ญมา ทำให้เมื่อฟังแล้วเกิดดวงตาเห็นธรรม คือมีปัญญารู้ว่า สิ่งใดเกิดแล้วเป็นธรรมดา ดับไปเป็นธรรมดา ปัญญาก็ชำแรกกิเลส ดับสังโยชน์ต่ำ ๓ อย่างแรกได้ ถึงความเป็นพระโสดาบัน มีพระรัตนตรัย ครบ ๓ พุทธรัตนะ ธรรมรัตนะ สังฆรัตนะ

ก็ควรที่จะได้บูชาคุณของพระรัตนตรัยด้วยการเห็นธรรมตามความเป็นจริง ตามธรรมที่ได้ฟังมา



รำพึงรำพัน :b1:

:b12:
เขาบอกให้รู้จักฟังบ้างจะได้เกิดปัญญา
เพราะเหตุปัจจัยที่จะเกิดปัญญา
อยู่ที่เริ่มฟังคำสอนของ
พระพุทธเจ้า
:b20: :b20:


ฟังนี่บ้างงั้น ฟังแล้วเป็นไง :b10:

https://palungjit.org/threads/%E0%B8%88 ... 9A.685638/


ก็รู้สึกเฉยๆ



แสดงว่าไม่รู้จักฟัง ฟังไม่เป็น :b12: จะต้องฟังให้เหมือนกับบอกให้คนอื่นฟัง



ฟังแล้ว พิจารณาแล้ว แล้วก็รู้สึกเฉยๆ คือเป็นกลางๆ

คำสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ละเอียด ลึกซึ้งกว่านี้มาก
ตามคลิปที่คุณกรัชกายยกมา ฟังเพียงไม่กี่ประโยคก็เปิดข้ามแล้ว จำได้ว่าเมื่อก่อนก็เคยฟังคลิปนี้ ตอนนั้นรู้สึกศรัทธา รู้สึกว่าเป็นคำสอนที่ดีจริงๆ แต่พอมาพิจารณาฟังใหม่ตอนนี้ เฉยๆ เสียแล้ว
ไม่ได้รู้สึกพิเศษอะไร

ฟังก็ต้องฟังด้วยดี ฟังแล้ว ไม่เกิดศรัทธาน้อมไปที่จะฟังต่อ ก็ไม่ฟัง ก็ฟังอย่างอื่น ทุกอย่างเป็นไปตามปัจจัย ไม่เห็นแปลกอะไร

บอกให้ฟังจะฟังหรือไม่ฟัง ก็แล้วแต่ปัจจัย เข้าใจไหมกรัชกาย



แสดงว่า เลือกฟังแต่แม่สุจิน :b1:

:b32:
ยังไม่เข้าใจแปลว่าปัญญาขั้นการฟังไม่เกิด
ดังนั้นปัญญาลำดับที่สูงกว่านี้ก็เกิดไม่ได้ค่ะ
:b1:
ฟังกี่คนพูดคะกี่เสียงที่เขาปุจฉาวิสัชนานั่นน่ะฟังให้เข้าใจทุกคำนะ
แล้วก็น้อมมาใส่เกล้าใส่กระหม่อมตัวตนว่าเข้าใจอะไรบ้าง
ตรงกะที่ตัวตนคุณมีไหมหรือแตกต่างกับที่เขาคุยกัน
:b12: :b12:
https://youtu.be/r6RMyzUuXi4


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 24 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: Google [Bot] และ บุคคลทั่วไป 107 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร


cron