วันเวลาปัจจุบัน 25 เม.ย. 2024, 22:50  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 150 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 4, 5, 6, 7, 8, 9, 10  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 พ.ค. 2019, 12:31 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7502

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
bigtoo เขียน:
Rosarin เขียน:
bigtoo เขียน:
Rosarin เขียน:
bigtoo เขียน:
Rosarin เขียน:
Rosarin เขียน:
bigtoo เขียน:
Rosarin เขียน:
Kiss
เทียบความจริงให้ตรงกับสิ่งที่ตัวตนมีสิ
พระพุทธเจ้าบอกว่าจิตเกิดดับนับไม่ถ้วน
และเดี๋ยวนี้เห็นดับเพียง3ขณะกิเลสก็เกิด
ความจริงเดี๋ยวนี้ดับนับได้ถึงแสนโกฏิขณะ
อภิมหากิเลสดับไปแล้วนับไม่ถ้วนใครรู้ถึงสี
คิดตามไม่ใช่เหรอถึงรู้ว่าเห็นสีใครเห็นสีแล้ว
:b12:
:b32: :b32:
ตกลงยิ่งเรียนยิ่งเละเนาะ. ที่บอกตาไม่มี. สรุปตาไม่มีให้ตอบอีดครั้ง. ตามีหรือไม่มี

ตกลงยิ่งอ่านยิ่งไม่รู้
ยิ่งมีทิฏฐิมานะถือตัวตน
คิดว่าตัวตนคิดถูกงั้นหรือคะ
รู้ไหมคะพระพุทธศาสนาคือคำสอนของพระพุทธเจ้า
ยิ่งศึกษายิ่งอ่อนน้อมถ่อมตนรู้จักประมาณตนเองว่าไม่รู้อะไรบ้าง
เข้าใจถึงความเป็นผู้มีปกติรู้ว่าศึกษาให้เข้าใจความจริงตามคำสอนเพื่อละไม่รู้
ไม่ไปทำอย่างอื่นเพิ่มไม่รู้คือเพิ่มกิเลสที่ไปเร่งเพ่งข่มบังคับนั้นอยากมากเลยอยากถึงนิพพานจริงมั๊ย
กิเลสแปลว่าไม่รู้ความจริงที่กำลังมีเดี๋ยวนี้ตรงปัจุจุบันขณะทำยังไงก็ไม่รู้ถ้าไม่ฟังตามปกติให้เข้าใจถูกตาม
:b12:
:b32: :b32:

พระพุทธเจ้าไม่ห้ามไม่ให้ไปทำหรือไม่ทำ
แต่ทรงกล่าวแสดงความจริงให้เข้าใจตาม
จะเข้าใจถูกตามคำสอนของพระพุทธเจ้าได้
ต้องพึ่งการฟังผู้อื่นกล่าวให้กำลังเข้าใจตามอยู่
จำเป็นต้องกำลังคิดตามอยู่กำลังเข้าใจถูกตามอยู่
กำลังฟังและกำลังได้ยินแต่ไม่ฟังมัวคิดอย่างอื่นก็มีกิเลสใหม่เกิดแล้ว
https://youtu.be/K6GR7feR4ms
:b12:
:b4: :b4:
คำถามง่ายๆ. ตามีมั่ย. ที่เรียนมาน่ะ

:b12:
ที่รู้ว่ามีตานั่นเพราะคิดเอาไง
ไม่มีเราแล้วตาอยู่ตรงไหนเหรอ
เห็นเหรอว่าตาตัวเองอยู่ตรงไหน
เพราะตถาคตบอกว่าความจริงรู้ได้
ตรงที่กายใจตัวเองมีไม่ใช่เอากระจกมาส่อง
เพราะตัวจริงธัมมะเกิดแล้วดับทันทีคำว่าดับแปลว่าไม่มีตัวเราแล้วตาจะมีเหรอก็มีแต่ธัมมะไงคะ
:b12:
:b12: :b12:
ไปเรียนองค์ประกอบของการเห็นแต่ละครั้งมีอะไรเกิดร่วมกัน

จักขุวิญญาณ=วิญญาณ+จักขุประสาทรูป+สีสันวรรณะและแสง
แปลว่าจิตเห็น=จิต+ประสาทตาที่ตรงกลางตาดำ+แสงและสี
จักขุปสาทรูปมีพระพุทธเจ้าผู้เดียวที่รู้ว่ามีรูปนี้ที่ทำให้เห็นค่ะ
แค่หลับตาเห็นก็ไม่ปรากฏคือไม่มีวิถีจิตทางตาปรากฏแล้ว
แค่เห็นอย่างเดียวไม่มีคิดปนมันคนละวิถีจิตไม่เกิดร่วมกัน
:b12:
:b12: :b12:
ประสาทตา. มันมีอยู่ที่หูหรืออะไร. ถ้ายังไม่เข้าใจก็ลองมองหน้าเพื่อนดู แล้วจะเห็นตา. และขี้ตา. มี่กล่าวว่าอะไรๆไม่ทีคือความเห็นผิดไปไกลมาก ต้องติวกันอีกนาน.

1คนปกติมีทั้งจิตและจักขุปสาทะตาไม่บอดถึงจะฟังคำสอนเข้าใจ
2คนตาบอดมีจิตไม่มีจักขุปสาทะ
3คนตายมีจักขุปสาทะไม่มีจิต
มีจักษุทุกคน
3คนนี้คนปกติเท่านั้นที่มองเห็นด้วยประสาทตาคือมีจักขุปสาทะรูปไม่ใช่เพราะมีตาแต่เป็น3ธัมมะเกิดร่วมกัน
:b32: :b32:

มีจักษุไม่ใช่จะเห็น
เพราะต้องมีจักษุวิญญาณ=วิญญาณ(จิต)+จักขุปสาทะรูป+แสงสี
ตาเฉยๆเห็นไม่ได้ต้องเป็นจิตเห็นนะคะต้องมี3ประสานค่ะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 พ.ค. 2019, 16:34 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มิ.ย. 2012, 14:54
โพสต์: 2805


 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
Rosarin เขียน:
bigtoo เขียน:
Rosarin เขียน:
bigtoo เขียน:
Rosarin เขียน:
bigtoo เขียน:
Rosarin เขียน:
Rosarin เขียน:
bigtoo เขียน:
Rosarin เขียน:
Kiss
เทียบความจริงให้ตรงกับสิ่งที่ตัวตนมีสิ
พระพุทธเจ้าบอกว่าจิตเกิดดับนับไม่ถ้วน
และเดี๋ยวนี้เห็นดับเพียง3ขณะกิเลสก็เกิด
ความจริงเดี๋ยวนี้ดับนับได้ถึงแสนโกฏิขณะ
อภิมหากิเลสดับไปแล้วนับไม่ถ้วนใครรู้ถึงสี
คิดตามไม่ใช่เหรอถึงรู้ว่าเห็นสีใครเห็นสีแล้ว
:b12:
:b32: :b32:
ตกลงยิ่งเรียนยิ่งเละเนาะ. ที่บอกตาไม่มี. สรุปตาไม่มีให้ตอบอีดครั้ง. ตามีหรือไม่มี

ตกลงยิ่งอ่านยิ่งไม่รู้
ยิ่งมีทิฏฐิมานะถือตัวตน
คิดว่าตัวตนคิดถูกงั้นหรือคะ
รู้ไหมคะพระพุทธศาสนาคือคำสอนของพระพุทธเจ้า
ยิ่งศึกษายิ่งอ่อนน้อมถ่อมตนรู้จักประมาณตนเองว่าไม่รู้อะไรบ้าง
เข้าใจถึงความเป็นผู้มีปกติรู้ว่าศึกษาให้เข้าใจความจริงตามคำสอนเพื่อละไม่รู้
ไม่ไปทำอย่างอื่นเพิ่มไม่รู้คือเพิ่มกิเลสที่ไปเร่งเพ่งข่มบังคับนั้นอยากมากเลยอยากถึงนิพพานจริงมั๊ย
กิเลสแปลว่าไม่รู้ความจริงที่กำลังมีเดี๋ยวนี้ตรงปัจุจุบันขณะทำยังไงก็ไม่รู้ถ้าไม่ฟังตามปกติให้เข้าใจถูกตาม
:b12:
:b32: :b32:

พระพุทธเจ้าไม่ห้ามไม่ให้ไปทำหรือไม่ทำ
แต่ทรงกล่าวแสดงความจริงให้เข้าใจตาม
จะเข้าใจถูกตามคำสอนของพระพุทธเจ้าได้
ต้องพึ่งการฟังผู้อื่นกล่าวให้กำลังเข้าใจตามอยู่
จำเป็นต้องกำลังคิดตามอยู่กำลังเข้าใจถูกตามอยู่
กำลังฟังและกำลังได้ยินแต่ไม่ฟังมัวคิดอย่างอื่นก็มีกิเลสใหม่เกิดแล้ว
https://youtu.be/K6GR7feR4ms
:b12:
:b4: :b4:
คำถามง่ายๆ. ตามีมั่ย. ที่เรียนมาน่ะ

:b12:
ที่รู้ว่ามีตานั่นเพราะคิดเอาไง
ไม่มีเราแล้วตาอยู่ตรงไหนเหรอ
เห็นเหรอว่าตาตัวเองอยู่ตรงไหน
เพราะตถาคตบอกว่าความจริงรู้ได้
ตรงที่กายใจตัวเองมีไม่ใช่เอากระจกมาส่อง
เพราะตัวจริงธัมมะเกิดแล้วดับทันทีคำว่าดับแปลว่าไม่มีตัวเราแล้วตาจะมีเหรอก็มีแต่ธัมมะไงคะ
:b12:
:b12: :b12:
ไปเรียนองค์ประกอบของการเห็นแต่ละครั้งมีอะไรเกิดร่วมกัน

จักขุวิญญาณ=วิญญาณ+จักขุประสาทรูป+สีสันวรรณะและแสง
แปลว่าจิตเห็น=จิต+ประสาทตาที่ตรงกลางตาดำ+แสงและสี
จักขุปสาทรูปมีพระพุทธเจ้าผู้เดียวที่รู้ว่ามีรูปนี้ที่ทำให้เห็นค่ะ
แค่หลับตาเห็นก็ไม่ปรากฏคือไม่มีวิถีจิตทางตาปรากฏแล้ว
แค่เห็นอย่างเดียวไม่มีคิดปนมันคนละวิถีจิตไม่เกิดร่วมกัน
:b12:
:b12: :b12:
ประสาทตา. มันมีอยู่ที่หูหรืออะไร. ถ้ายังไม่เข้าใจก็ลองมองหน้าเพื่อนดู แล้วจะเห็นตา. และขี้ตา. มี่กล่าวว่าอะไรๆไม่ทีคือความเห็นผิดไปไกลมาก ต้องติวกันอีกนาน.

1คนปกติมีทั้งจิตและจักขุปสาทะตาไม่บอดถึงจะฟังคำสอนเข้าใจ
2คนตาบอดมีจิตไม่มีจักขุปสาทะ
3คนตายมีจักขุปสาทะไม่มีจิต
มีจักษุทุกคน
3คนนี้คนปกติเท่านั้นที่มองเห็นด้วยประสาทตาคือมีจักขุปสาทะรูปไม่ใช่เพราะมีตาแต่เป็น3ธัมมะเกิดร่วมกัน
:b32: :b32:

มีจักษุไม่ใช่จะเห็น
เพราะต้องมีจักษุวิญญาณ=วิญญาณ(จิต)+จักขุปสาทะรูป+แสงสี
ตาเฉยๆเห็นไม่ได้ต้องเป็นจิตเห็นนะคะต้องมี3ประสานค่ะ
นึกย้อนไปตอนเป้นหนุ่มๆใหม่เลย.ได้เห็นคำนี้ ตอนนี้แก่แล้ว. มาลดกิเลสด้วยความรู้ที่ว่าทุกอย่างเป็นอนัตตา. กิเลสก็เป็นอนัตตานะต้องละ. ไม่ใข่เสพแบบอนัตตานะจ๊ะ

.....................................................
อย่าลืมทำกิจในอริยสัจ
เราจะเดินให้สุดทาง http://www.thaidhamma.net


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 พ.ค. 2019, 22:19 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มิ.ย. 2012, 14:54
โพสต์: 2805


 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
Rosarin เขียน:
bigtoo เขียน:
Rosarin เขียน:
bigtoo เขียน:
Rosarin เขียน:
bigtoo เขียน:
Rosarin เขียน:
Rosarin เขียน:
bigtoo เขียน:
Rosarin เขียน:
Kiss
เทียบความจริงให้ตรงกับสิ่งที่ตัวตนมีสิ
พระพุทธเจ้าบอกว่าจิตเกิดดับนับไม่ถ้วน
และเดี๋ยวนี้เห็นดับเพียง3ขณะกิเลสก็เกิด
ความจริงเดี๋ยวนี้ดับนับได้ถึงแสนโกฏิขณะ
อภิมหากิเลสดับไปแล้วนับไม่ถ้วนใครรู้ถึงสี
คิดตามไม่ใช่เหรอถึงรู้ว่าเห็นสีใครเห็นสีแล้ว
:b12:
:b32: :b32:
ตกลงยิ่งเรียนยิ่งเละเนาะ. ที่บอกตาไม่มี. สรุปตาไม่มีให้ตอบอีดครั้ง. ตามีหรือไม่มี

ตกลงยิ่งอ่านยิ่งไม่รู้
ยิ่งมีทิฏฐิมานะถือตัวตน
คิดว่าตัวตนคิดถูกงั้นหรือคะ
รู้ไหมคะพระพุทธศาสนาคือคำสอนของพระพุทธเจ้า
ยิ่งศึกษายิ่งอ่อนน้อมถ่อมตนรู้จักประมาณตนเองว่าไม่รู้อะไรบ้าง
เข้าใจถึงความเป็นผู้มีปกติรู้ว่าศึกษาให้เข้าใจความจริงตามคำสอนเพื่อละไม่รู้
ไม่ไปทำอย่างอื่นเพิ่มไม่รู้คือเพิ่มกิเลสที่ไปเร่งเพ่งข่มบังคับนั้นอยากมากเลยอยากถึงนิพพานจริงมั๊ย
กิเลสแปลว่าไม่รู้ความจริงที่กำลังมีเดี๋ยวนี้ตรงปัจุจุบันขณะทำยังไงก็ไม่รู้ถ้าไม่ฟังตามปกติให้เข้าใจถูกตาม
:b12:
:b32: :b32:

พระพุทธเจ้าไม่ห้ามไม่ให้ไปทำหรือไม่ทำ
แต่ทรงกล่าวแสดงความจริงให้เข้าใจตาม
จะเข้าใจถูกตามคำสอนของพระพุทธเจ้าได้
ต้องพึ่งการฟังผู้อื่นกล่าวให้กำลังเข้าใจตามอยู่
จำเป็นต้องกำลังคิดตามอยู่กำลังเข้าใจถูกตามอยู่
กำลังฟังและกำลังได้ยินแต่ไม่ฟังมัวคิดอย่างอื่นก็มีกิเลสใหม่เกิดแล้ว
https://youtu.be/K6GR7feR4ms
:b12:
:b4: :b4:
คำถามง่ายๆ. ตามีมั่ย. ที่เรียนมาน่ะ

:b12:
ที่รู้ว่ามีตานั่นเพราะคิดเอาไง
ไม่มีเราแล้วตาอยู่ตรงไหนเหรอ
เห็นเหรอว่าตาตัวเองอยู่ตรงไหน
เพราะตถาคตบอกว่าความจริงรู้ได้
ตรงที่กายใจตัวเองมีไม่ใช่เอากระจกมาส่อง
เพราะตัวจริงธัมมะเกิดแล้วดับทันทีคำว่าดับแปลว่าไม่มีตัวเราแล้วตาจะมีเหรอก็มีแต่ธัมมะไงคะ
:b12:
:b12: :b12:
ไปเรียนองค์ประกอบของการเห็นแต่ละครั้งมีอะไรเกิดร่วมกัน

จักขุวิญญาณ=วิญญาณ+จักขุประสาทรูป+สีสันวรรณะและแสง
แปลว่าจิตเห็น=จิต+ประสาทตาที่ตรงกลางตาดำ+แสงและสี
จักขุปสาทรูปมีพระพุทธเจ้าผู้เดียวที่รู้ว่ามีรูปนี้ที่ทำให้เห็นค่ะ
แค่หลับตาเห็นก็ไม่ปรากฏคือไม่มีวิถีจิตทางตาปรากฏแล้ว
แค่เห็นอย่างเดียวไม่มีคิดปนมันคนละวิถีจิตไม่เกิดร่วมกัน
:b12:
:b12: :b12:
ประสาทตา. มันมีอยู่ที่หูหรืออะไร. ถ้ายังไม่เข้าใจก็ลองมองหน้าเพื่อนดู แล้วจะเห็นตา. และขี้ตา. มี่กล่าวว่าอะไรๆไม่ทีคือความเห็นผิดไปไกลมาก ต้องติวกันอีกนาน.

1คนปกติมีทั้งจิตและจักขุปสาทะตาไม่บอดถึงจะฟังคำสอนเข้าใจ
2คนตาบอดมีจิตไม่มีจักขุปสาทะ
3คนตายมีจักขุปสาทะไม่มีจิต
มีจักษุทุกคน
3คนนี้คนปกติเท่านั้นที่มองเห็นด้วยประสาทตาคือมีจักขุปสาทะรูปไม่ใช่เพราะมีตาแต่เป็น3ธัมมะเกิดร่วมกัน
:b32: :b32:

มีจักษุไม่ใช่จะเห็น
เพราะต้องมีจักษุวิญญาณ=วิญญาณ(จิต)+จักขุปสาทะรูป+แสงสี
ตาเฉยๆเห็นไม่ได้ต้องเป็นจิตเห็นนะคะต้องมี3ประสานค่ะ
อย่างไรก็ต้องขอบใจคุณโรสมากๆนะครับที่พยายามแนะนำธรรมมะให้นะครับ มี. มีอะไรก็ต้องขออภัยมานะที่นี้ด้วย. หยอกกันเล่นบ้างคงไม่ถือ
ถือโกรธนะครับ.

.....................................................
อย่าลืมทำกิจในอริยสัจ
เราจะเดินให้สุดทาง http://www.thaidhamma.net


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 พ.ค. 2019, 01:40 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7502

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


bigtoo เขียน:
Rosarin เขียน:
Rosarin เขียน:
bigtoo เขียน:
Rosarin เขียน:
bigtoo เขียน:
Rosarin เขียน:
bigtoo เขียน:
Rosarin เขียน:
Rosarin เขียน:
bigtoo เขียน:
Rosarin เขียน:
Kiss
เทียบความจริงให้ตรงกับสิ่งที่ตัวตนมีสิ
พระพุทธเจ้าบอกว่าจิตเกิดดับนับไม่ถ้วน
และเดี๋ยวนี้เห็นดับเพียง3ขณะกิเลสก็เกิด
ความจริงเดี๋ยวนี้ดับนับได้ถึงแสนโกฏิขณะ
อภิมหากิเลสดับไปแล้วนับไม่ถ้วนใครรู้ถึงสี
คิดตามไม่ใช่เหรอถึงรู้ว่าเห็นสีใครเห็นสีแล้ว
:b12:
:b32: :b32:
ตกลงยิ่งเรียนยิ่งเละเนาะ. ที่บอกตาไม่มี. สรุปตาไม่มีให้ตอบอีดครั้ง. ตามีหรือไม่มี

ตกลงยิ่งอ่านยิ่งไม่รู้
ยิ่งมีทิฏฐิมานะถือตัวตน
คิดว่าตัวตนคิดถูกงั้นหรือคะ
รู้ไหมคะพระพุทธศาสนาคือคำสอนของพระพุทธเจ้า
ยิ่งศึกษายิ่งอ่อนน้อมถ่อมตนรู้จักประมาณตนเองว่าไม่รู้อะไรบ้าง
เข้าใจถึงความเป็นผู้มีปกติรู้ว่าศึกษาให้เข้าใจความจริงตามคำสอนเพื่อละไม่รู้
ไม่ไปทำอย่างอื่นเพิ่มไม่รู้คือเพิ่มกิเลสที่ไปเร่งเพ่งข่มบังคับนั้นอยากมากเลยอยากถึงนิพพานจริงมั๊ย
กิเลสแปลว่าไม่รู้ความจริงที่กำลังมีเดี๋ยวนี้ตรงปัจุจุบันขณะทำยังไงก็ไม่รู้ถ้าไม่ฟังตามปกติให้เข้าใจถูกตาม
:b12:
:b32: :b32:

พระพุทธเจ้าไม่ห้ามไม่ให้ไปทำหรือไม่ทำ
แต่ทรงกล่าวแสดงความจริงให้เข้าใจตาม
จะเข้าใจถูกตามคำสอนของพระพุทธเจ้าได้
ต้องพึ่งการฟังผู้อื่นกล่าวให้กำลังเข้าใจตามอยู่
จำเป็นต้องกำลังคิดตามอยู่กำลังเข้าใจถูกตามอยู่
กำลังฟังและกำลังได้ยินแต่ไม่ฟังมัวคิดอย่างอื่นก็มีกิเลสใหม่เกิดแล้ว
https://youtu.be/K6GR7feR4ms
:b12:
:b4: :b4:
คำถามง่ายๆ. ตามีมั่ย. ที่เรียนมาน่ะ

:b12:
ที่รู้ว่ามีตานั่นเพราะคิดเอาไง
ไม่มีเราแล้วตาอยู่ตรงไหนเหรอ
เห็นเหรอว่าตาตัวเองอยู่ตรงไหน
เพราะตถาคตบอกว่าความจริงรู้ได้
ตรงที่กายใจตัวเองมีไม่ใช่เอากระจกมาส่อง
เพราะตัวจริงธัมมะเกิดแล้วดับทันทีคำว่าดับแปลว่าไม่มีตัวเราแล้วตาจะมีเหรอก็มีแต่ธัมมะไงคะ
:b12:
:b12: :b12:
ไปเรียนองค์ประกอบของการเห็นแต่ละครั้งมีอะไรเกิดร่วมกัน

จักขุวิญญาณ=วิญญาณ+จักขุประสาทรูป+สีสันวรรณะและแสง
แปลว่าจิตเห็น=จิต+ประสาทตาที่ตรงกลางตาดำ+แสงและสี
จักขุปสาทรูปมีพระพุทธเจ้าผู้เดียวที่รู้ว่ามีรูปนี้ที่ทำให้เห็นค่ะ
แค่หลับตาเห็นก็ไม่ปรากฏคือไม่มีวิถีจิตทางตาปรากฏแล้ว
แค่เห็นอย่างเดียวไม่มีคิดปนมันคนละวิถีจิตไม่เกิดร่วมกัน
:b12:
:b12: :b12:
ประสาทตา. มันมีอยู่ที่หูหรืออะไร. ถ้ายังไม่เข้าใจก็ลองมองหน้าเพื่อนดู แล้วจะเห็นตา. และขี้ตา. มี่กล่าวว่าอะไรๆไม่ทีคือความเห็นผิดไปไกลมาก ต้องติวกันอีกนาน.

1คนปกติมีทั้งจิตและจักขุปสาทะตาไม่บอดถึงจะฟังคำสอนเข้าใจ
2คนตาบอดมีจิตไม่มีจักขุปสาทะ
3คนตายมีจักขุปสาทะไม่มีจิต
มีจักษุทุกคน
3คนนี้คนปกติเท่านั้นที่มองเห็นด้วยประสาทตาคือมีจักขุปสาทะรูปไม่ใช่เพราะมีตาแต่เป็น3ธัมมะเกิดร่วมกัน
:b32: :b32:

มีจักษุไม่ใช่จะเห็น
เพราะต้องมีจักษุวิญญาณ=วิญญาณ(จิต)+จักขุปสาทะรูป+แสงสี
ตาเฉยๆเห็นไม่ได้ต้องเป็นจิตเห็นนะคะต้องมี3ประสานค่ะ
นึกย้อนไปตอนเป้นหนุ่มๆใหม่เลย.ได้เห็นคำนี้ ตอนนี้แก่แล้ว. มาลดกิเลสด้วยความรู้ที่ว่าทุกอย่างเป็นอนัตตา. กิเลสก็เป็นอนัตตานะต้องละ. ไม่ใข่เสพแบบอนัตตานะจ๊ะ

เดี๋ยวนี้ตัวจริงธัมมะดับนับไม่ถ้วนถึงแสนโกฏิขณะ
แค่จิตเห็นดับไปเพียง3ขณะกิเลสก็เกิดแล้วถามว่า
ถ้าไม่เริ่มทบทวนตนเองจากการคิดตามคำสอนแล้ว
จะรู้ไหมคะว่ามีกิเลสไปแล้ว1แสนล้านดวงจิตไปแล้ว
ประมาทการฟังคำสอนตายทิ้งเปล่าๆฟรีๆกว่าจะได้เกิด
มาเป็นคนแล้วได้พบคำสอนด้วยคนเรานะอายุ1วันเท่ากันทุกคน
หลงสมมุติมากไปแก่ง่ายตายช้าแต่ไม่รู้เหมือนเดิมจะไปทำอะไรก็ทำด้วยความไม่รู้และอยากถึงนิพพานคิดสิ
:b12:
:b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 พ.ค. 2019, 03:32 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มิ.ย. 2012, 14:54
โพสต์: 2805


 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
bigtoo เขียน:
Rosarin เขียน:
Rosarin เขียน:
bigtoo เขียน:
Rosarin เขียน:
bigtoo เขียน:
Rosarin เขียน:
bigtoo เขียน:
Rosarin เขียน:
Rosarin เขียน:
bigtoo เขียน:
Rosarin เขียน:
Kiss
เทียบความจริงให้ตรงกับสิ่งที่ตัวตนมีสิ
พระพุทธเจ้าบอกว่าจิตเกิดดับนับไม่ถ้วน
และเดี๋ยวนี้เห็นดับเพียง3ขณะกิเลสก็เกิด
ความจริงเดี๋ยวนี้ดับนับได้ถึงแสนโกฏิขณะ
อภิมหากิเลสดับไปแล้วนับไม่ถ้วนใครรู้ถึงสี
คิดตามไม่ใช่เหรอถึงรู้ว่าเห็นสีใครเห็นสีแล้ว
:b12:
:b32: :b32:
ตกลงยิ่งเรียนยิ่งเละเนาะ. ที่บอกตาไม่มี. สรุปตาไม่มีให้ตอบอีดครั้ง. ตามีหรือไม่มี

ตกลงยิ่งอ่านยิ่งไม่รู้
ยิ่งมีทิฏฐิมานะถือตัวตน
คิดว่าตัวตนคิดถูกงั้นหรือคะ
รู้ไหมคะพระพุทธศาสนาคือคำสอนของพระพุทธเจ้า
ยิ่งศึกษายิ่งอ่อนน้อมถ่อมตนรู้จักประมาณตนเองว่าไม่รู้อะไรบ้าง
เข้าใจถึงความเป็นผู้มีปกติรู้ว่าศึกษาให้เข้าใจความจริงตามคำสอนเพื่อละไม่รู้
ไม่ไปทำอย่างอื่นเพิ่มไม่รู้คือเพิ่มกิเลสที่ไปเร่งเพ่งข่มบังคับนั้นอยากมากเลยอยากถึงนิพพานจริงมั๊ย
กิเลสแปลว่าไม่รู้ความจริงที่กำลังมีเดี๋ยวนี้ตรงปัจุจุบันขณะทำยังไงก็ไม่รู้ถ้าไม่ฟังตามปกติให้เข้าใจถูกตาม
:b12:
:b32: :b32:

พระพุทธเจ้าไม่ห้ามไม่ให้ไปทำหรือไม่ทำ
แต่ทรงกล่าวแสดงความจริงให้เข้าใจตาม
จะเข้าใจถูกตามคำสอนของพระพุทธเจ้าได้
ต้องพึ่งการฟังผู้อื่นกล่าวให้กำลังเข้าใจตามอยู่
จำเป็นต้องกำลังคิดตามอยู่กำลังเข้าใจถูกตามอยู่
กำลังฟังและกำลังได้ยินแต่ไม่ฟังมัวคิดอย่างอื่นก็มีกิเลสใหม่เกิดแล้ว
https://youtu.be/K6GR7feR4ms
:b12:
:b4: :b4:
คำถามง่ายๆ. ตามีมั่ย. ที่เรียนมาน่ะ

:b12:
ที่รู้ว่ามีตานั่นเพราะคิดเอาไง
ไม่มีเราแล้วตาอยู่ตรงไหนเหรอ
เห็นเหรอว่าตาตัวเองอยู่ตรงไหน
เพราะตถาคตบอกว่าความจริงรู้ได้
ตรงที่กายใจตัวเองมีไม่ใช่เอากระจกมาส่อง
เพราะตัวจริงธัมมะเกิดแล้วดับทันทีคำว่าดับแปลว่าไม่มีตัวเราแล้วตาจะมีเหรอก็มีแต่ธัมมะไงคะ
:b12:
:b12: :b12:
ไปเรียนองค์ประกอบของการเห็นแต่ละครั้งมีอะไรเกิดร่วมกัน

จักขุวิญญาณ=วิญญาณ+จักขุประสาทรูป+สีสันวรรณะและแสง
แปลว่าจิตเห็น=จิต+ประสาทตาที่ตรงกลางตาดำ+แสงและสี
จักขุปสาทรูปมีพระพุทธเจ้าผู้เดียวที่รู้ว่ามีรูปนี้ที่ทำให้เห็นค่ะ
แค่หลับตาเห็นก็ไม่ปรากฏคือไม่มีวิถีจิตทางตาปรากฏแล้ว
แค่เห็นอย่างเดียวไม่มีคิดปนมันคนละวิถีจิตไม่เกิดร่วมกัน
:b12:
:b12: :b12:
ประสาทตา. มันมีอยู่ที่หูหรืออะไร. ถ้ายังไม่เข้าใจก็ลองมองหน้าเพื่อนดู แล้วจะเห็นตา. และขี้ตา. มี่กล่าวว่าอะไรๆไม่ทีคือความเห็นผิดไปไกลมาก ต้องติวกันอีกนาน.

1คนปกติมีทั้งจิตและจักขุปสาทะตาไม่บอดถึงจะฟังคำสอนเข้าใจ
2คนตาบอดมีจิตไม่มีจักขุปสาทะ
3คนตายมีจักขุปสาทะไม่มีจิต
มีจักษุทุกคน
3คนนี้คนปกติเท่านั้นที่มองเห็นด้วยประสาทตาคือมีจักขุปสาทะรูปไม่ใช่เพราะมีตาแต่เป็น3ธัมมะเกิดร่วมกัน
:b32: :b32:

มีจักษุไม่ใช่จะเห็น
เพราะต้องมีจักษุวิญญาณ=วิญญาณ(จิต)+จักขุปสาทะรูป+แสงสี
ตาเฉยๆเห็นไม่ได้ต้องเป็นจิตเห็นนะคะต้องมี3ประสานค่ะ
นึกย้อนไปตอนเป้นหนุ่มๆใหม่เลย.ได้เห็นคำนี้ ตอนนี้แก่แล้ว. มาลดกิเลสด้วยความรู้ที่ว่าทุกอย่างเป็นอนัตตา. กิเลสก็เป็นอนัตตานะต้องละ. ไม่ใข่เสพแบบอนัตตานะจ๊ะ

เดี๋ยวนี้ตัวจริงธัมมะดับนับไม่ถ้วนถึงแสนโกฏิขณะ
แค่จิตเห็นดับไปเพียง3ขณะกิเลสก็เกิดแล้วถามว่า
ถ้าไม่เริ่มทบทวนตนเองจากการคิดตามคำสอนแล้ว
จะรู้ไหมคะว่ามีกิเลสไปแล้ว1แสนล้านดวงจิตไปแล้ว
ประมาทการฟังคำสอนตายทิ้งเปล่าๆฟรีๆกว่าจะได้เกิด
มาเป็นคนแล้วได้พบคำสอนด้วยคนเรานะอายุ1วันเท่ากันทุกคน
หลงสมมุติมากไปแก่ง่ายตายช้าแต่ไม่รู้เหมือนเดิมจะไปทำอะไรก็ทำด้วยความไม่รู้และอยากถึงนิพพานคิดสิ
:b12:
:b32: :b32:
นจิตเห็นนะคะต้องมี3ประสานค่ะ
อย่างไรก็ต้องขอบใจคุณโรสมากๆนะครับที่พยายามแนะนำธรรมมะให้นะครับ มี. มีอะไรก็ต้องขออภัยมานะที่นี้ด้วย. หยอกกันเล่นบ้างคงไม่ถือ
ถือโกรธนะครับ.

.....................................................
อย่าลืมทำกิจในอริยสัจ
เราจะเดินให้สุดทาง http://www.thaidhamma.net


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 พ.ค. 2019, 15:32 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7502

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


bigtoo เขียน:
Rosarin เขียน:
bigtoo เขียน:
Rosarin เขียน:
Rosarin เขียน:
bigtoo เขียน:
Rosarin เขียน:
bigtoo เขียน:
Rosarin เขียน:
bigtoo เขียน:
Rosarin เขียน:
Rosarin เขียน:
bigtoo เขียน:
Rosarin เขียน:
Kiss
เทียบความจริงให้ตรงกับสิ่งที่ตัวตนมีสิ
พระพุทธเจ้าบอกว่าจิตเกิดดับนับไม่ถ้วน
และเดี๋ยวนี้เห็นดับเพียง3ขณะกิเลสก็เกิด
ความจริงเดี๋ยวนี้ดับนับได้ถึงแสนโกฏิขณะ
อภิมหากิเลสดับไปแล้วนับไม่ถ้วนใครรู้ถึงสี
คิดตามไม่ใช่เหรอถึงรู้ว่าเห็นสีใครเห็นสีแล้ว
:b12:
:b32: :b32:
ตกลงยิ่งเรียนยิ่งเละเนาะ. ที่บอกตาไม่มี. สรุปตาไม่มีให้ตอบอีดครั้ง. ตามีหรือไม่มี

ตกลงยิ่งอ่านยิ่งไม่รู้
ยิ่งมีทิฏฐิมานะถือตัวตน
คิดว่าตัวตนคิดถูกงั้นหรือคะ
รู้ไหมคะพระพุทธศาสนาคือคำสอนของพระพุทธเจ้า
ยิ่งศึกษายิ่งอ่อนน้อมถ่อมตนรู้จักประมาณตนเองว่าไม่รู้อะไรบ้าง
เข้าใจถึงความเป็นผู้มีปกติรู้ว่าศึกษาให้เข้าใจความจริงตามคำสอนเพื่อละไม่รู้
ไม่ไปทำอย่างอื่นเพิ่มไม่รู้คือเพิ่มกิเลสที่ไปเร่งเพ่งข่มบังคับนั้นอยากมากเลยอยากถึงนิพพานจริงมั๊ย
กิเลสแปลว่าไม่รู้ความจริงที่กำลังมีเดี๋ยวนี้ตรงปัจุจุบันขณะทำยังไงก็ไม่รู้ถ้าไม่ฟังตามปกติให้เข้าใจถูกตาม
:b12:
:b32: :b32:

พระพุทธเจ้าไม่ห้ามไม่ให้ไปทำหรือไม่ทำ
แต่ทรงกล่าวแสดงความจริงให้เข้าใจตาม
จะเข้าใจถูกตามคำสอนของพระพุทธเจ้าได้
ต้องพึ่งการฟังผู้อื่นกล่าวให้กำลังเข้าใจตามอยู่
จำเป็นต้องกำลังคิดตามอยู่กำลังเข้าใจถูกตามอยู่
กำลังฟังและกำลังได้ยินแต่ไม่ฟังมัวคิดอย่างอื่นก็มีกิเลสใหม่เกิดแล้ว
https://youtu.be/K6GR7feR4ms
:b12:
:b4: :b4:
คำถามง่ายๆ. ตามีมั่ย. ที่เรียนมาน่ะ

:b12:
ที่รู้ว่ามีตานั่นเพราะคิดเอาไง
ไม่มีเราแล้วตาอยู่ตรงไหนเหรอ
เห็นเหรอว่าตาตัวเองอยู่ตรงไหน
เพราะตถาคตบอกว่าความจริงรู้ได้
ตรงที่กายใจตัวเองมีไม่ใช่เอากระจกมาส่อง
เพราะตัวจริงธัมมะเกิดแล้วดับทันทีคำว่าดับแปลว่าไม่มีตัวเราแล้วตาจะมีเหรอก็มีแต่ธัมมะไงคะ
:b12:
:b12: :b12:
ไปเรียนองค์ประกอบของการเห็นแต่ละครั้งมีอะไรเกิดร่วมกัน

จักขุวิญญาณ=วิญญาณ+จักขุประสาทรูป+สีสันวรรณะและแสง
แปลว่าจิตเห็น=จิต+ประสาทตาที่ตรงกลางตาดำ+แสงและสี
จักขุปสาทรูปมีพระพุทธเจ้าผู้เดียวที่รู้ว่ามีรูปนี้ที่ทำให้เห็นค่ะ
แค่หลับตาเห็นก็ไม่ปรากฏคือไม่มีวิถีจิตทางตาปรากฏแล้ว
แค่เห็นอย่างเดียวไม่มีคิดปนมันคนละวิถีจิตไม่เกิดร่วมกัน
:b12:
:b12: :b12:
ประสาทตา. มันมีอยู่ที่หูหรืออะไร. ถ้ายังไม่เข้าใจก็ลองมองหน้าเพื่อนดู แล้วจะเห็นตา. และขี้ตา. มี่กล่าวว่าอะไรๆไม่ทีคือความเห็นผิดไปไกลมาก ต้องติวกันอีกนาน.

1คนปกติมีทั้งจิตและจักขุปสาทะตาไม่บอดถึงจะฟังคำสอนเข้าใจ
2คนตาบอดมีจิตไม่มีจักขุปสาทะ
3คนตายมีจักขุปสาทะไม่มีจิต
มีจักษุทุกคน
3คนนี้คนปกติเท่านั้นที่มองเห็นด้วยประสาทตาคือมีจักขุปสาทะรูปไม่ใช่เพราะมีตาแต่เป็น3ธัมมะเกิดร่วมกัน
:b32: :b32:

มีจักษุไม่ใช่จะเห็น
เพราะต้องมีจักษุวิญญาณ=วิญญาณ(จิต)+จักขุปสาทะรูป+แสงสี
ตาเฉยๆเห็นไม่ได้ต้องเป็นจิตเห็นนะคะต้องมี3ประสานค่ะ
นึกย้อนไปตอนเป้นหนุ่มๆใหม่เลย.ได้เห็นคำนี้ ตอนนี้แก่แล้ว. มาลดกิเลสด้วยความรู้ที่ว่าทุกอย่างเป็นอนัตตา. กิเลสก็เป็นอนัตตานะต้องละ. ไม่ใข่เสพแบบอนัตตานะจ๊ะ

เดี๋ยวนี้ตัวจริงธัมมะดับนับไม่ถ้วนถึงแสนโกฏิขณะ
แค่จิตเห็นดับไปเพียง3ขณะกิเลสก็เกิดแล้วถามว่า
ถ้าไม่เริ่มทบทวนตนเองจากการคิดตามคำสอนแล้ว
จะรู้ไหมคะว่ามีกิเลสไปแล้ว1แสนล้านดวงจิตไปแล้ว
ประมาทการฟังคำสอนตายทิ้งเปล่าๆฟรีๆกว่าจะได้เกิด
มาเป็นคนแล้วได้พบคำสอนด้วยคนเรานะอายุ1วันเท่ากันทุกคน
หลงสมมุติมากไปแก่ง่ายตายช้าแต่ไม่รู้เหมือนเดิมจะไปทำอะไรก็ทำด้วยความไม่รู้และอยากถึงนิพพานคิดสิ
:b12:
:b32: :b32:
นจิตเห็นนะคะต้องมี3ประสานค่ะ
อย่างไรก็ต้องขอบใจคุณโรสมากๆนะครับที่พยายามแนะนำธรรมมะให้นะครับ มี. มีอะไรก็ต้องขออภัยมานะที่นี้ด้วย. หยอกกันเล่นบ้างคงไม่ถือ
ถือโกรธนะครับ.

:b12:
ความจริงเป็นไปตามที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสรู้
ไม่ได้เป็นไปตามความคิดของใครๆทั้งสิ้น
เพราะความจริงมีจริงตามเหตุปัจจัย
ไม่มีใครเป็นเจ้าของสิ่งหนึ่งสิ่งใด
มีแต่อุปาทานขันธ์ยึดถือขันธ์ทั้ง5เป็นตัวตนตามนั้น
:b12:
:b4: :b4:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 พ.ค. 2019, 20:04 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มิ.ย. 2012, 14:54
โพสต์: 2805


 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
bigtoo เขียน:
Rosarin เขียน:
bigtoo เขียน:
Rosarin เขียน:
Rosarin เขียน:
bigtoo เขียน:
Rosarin เขียน:
bigtoo เขียน:
Rosarin เขียน:
bigtoo เขียน:
Rosarin เขียน:
Rosarin เขียน:
bigtoo เขียน:
Rosarin เขียน:
Kiss
เทียบความจริงให้ตรงกับสิ่งที่ตัวตนมีสิ
พระพุทธเจ้าบอกว่าจิตเกิดดับนับไม่ถ้วน
และเดี๋ยวนี้เห็นดับเพียง3ขณะกิเลสก็เกิด
ความจริงเดี๋ยวนี้ดับนับได้ถึงแสนโกฏิขณะ
อภิมหากิเลสดับไปแล้วนับไม่ถ้วนใครรู้ถึงสี
คิดตามไม่ใช่เหรอถึงรู้ว่าเห็นสีใครเห็นสีแล้ว
:b12:
:b32: :b32:
ตกลงยิ่งเรียนยิ่งเละเนาะ. ที่บอกตาไม่มี. สรุปตาไม่มีให้ตอบอีดครั้ง. ตามีหรือไม่มี

ตกลงยิ่งอ่านยิ่งไม่รู้
ยิ่งมีทิฏฐิมานะถือตัวตน
คิดว่าตัวตนคิดถูกงั้นหรือคะ
รู้ไหมคะพระพุทธศาสนาคือคำสอนของพระพุทธเจ้า
ยิ่งศึกษายิ่งอ่อนน้อมถ่อมตนรู้จักประมาณตนเองว่าไม่รู้อะไรบ้าง
เข้าใจถึงความเป็นผู้มีปกติรู้ว่าศึกษาให้เข้าใจความจริงตามคำสอนเพื่อละไม่รู้
ไม่ไปทำอย่างอื่นเพิ่มไม่รู้คือเพิ่มกิเลสที่ไปเร่งเพ่งข่มบังคับนั้นอยากมากเลยอยากถึงนิพพานจริงมั๊ย
กิเลสแปลว่าไม่รู้ความจริงที่กำลังมีเดี๋ยวนี้ตรงปัจุจุบันขณะทำยังไงก็ไม่รู้ถ้าไม่ฟังตามปกติให้เข้าใจถูกตาม
:b12:
:b32: :b32:

พระพุทธเจ้าไม่ห้ามไม่ให้ไปทำหรือไม่ทำ
แต่ทรงกล่าวแสดงความจริงให้เข้าใจตาม
จะเข้าใจถูกตามคำสอนของพระพุทธเจ้าได้
ต้องพึ่งการฟังผู้อื่นกล่าวให้กำลังเข้าใจตามอยู่
จำเป็นต้องกำลังคิดตามอยู่กำลังเข้าใจถูกตามอยู่
กำลังฟังและกำลังได้ยินแต่ไม่ฟังมัวคิดอย่างอื่นก็มีกิเลสใหม่เกิดแล้ว
https://youtu.be/K6GR7feR4ms
:b12:
:b4: :b4:
คำถามง่ายๆ. ตามีมั่ย. ที่เรียนมาน่ะ

:b12:
ที่รู้ว่ามีตานั่นเพราะคิดเอาไง
ไม่มีเราแล้วตาอยู่ตรงไหนเหรอ
เห็นเหรอว่าตาตัวเองอยู่ตรงไหน
เพราะตถาคตบอกว่าความจริงรู้ได้
ตรงที่กายใจตัวเองมีไม่ใช่เอากระจกมาส่อง
เพราะตัวจริงธัมมะเกิดแล้วดับทันทีคำว่าดับแปลว่าไม่มีตัวเราแล้วตาจะมีเหรอก็มีแต่ธัมมะไงคะ
:b12:
:b12: :b12:
ไปเรียนองค์ประกอบของการเห็นแต่ละครั้งมีอะไรเกิดร่วมกัน

จักขุวิญญาณ=วิญญาณ+จักขุประสาทรูป+สีสันวรรณะและแสง
แปลว่าจิตเห็น=จิต+ประสาทตาที่ตรงกลางตาดำ+แสงและสี
จักขุปสาทรูปมีพระพุทธเจ้าผู้เดียวที่รู้ว่ามีรูปนี้ที่ทำให้เห็นค่ะ
แค่หลับตาเห็นก็ไม่ปรากฏคือไม่มีวิถีจิตทางตาปรากฏแล้ว
แค่เห็นอย่างเดียวไม่มีคิดปนมันคนละวิถีจิตไม่เกิดร่วมกัน
:b12:
:b12: :b12:
ประสาทตา. มันมีอยู่ที่หูหรืออะไร. ถ้ายังไม่เข้าใจก็ลองมองหน้าเพื่อนดู แล้วจะเห็นตา. และขี้ตา. มี่กล่าวว่าอะไรๆไม่ทีคือความเห็นผิดไปไกลมาก ต้องติวกันอีกนาน.

1คนปกติมีทั้งจิตและจักขุปสาทะตาไม่บอดถึงจะฟังคำสอนเข้าใจ
2คนตาบอดมีจิตไม่มีจักขุปสาทะ
3คนตายมีจักขุปสาทะไม่มีจิต
มีจักษุทุกคน
3คนนี้คนปกติเท่านั้นที่มองเห็นด้วยประสาทตาคือมีจักขุปสาทะรูปไม่ใช่เพราะมีตาแต่เป็น3ธัมมะเกิดร่วมกัน
:b32: :b32:

มีจักษุไม่ใช่จะเห็น
เพราะต้องมีจักษุวิญญาณ=วิญญาณ(จิต)+จักขุปสาทะรูป+แสงสี
ตาเฉยๆเห็นไม่ได้ต้องเป็นจิตเห็นนะคะต้องมี3ประสานค่ะ
นึกย้อนไปตอนเป้นหนุ่มๆใหม่เลย.ได้เห็นคำนี้ ตอนนี้แก่แล้ว. มาลดกิเลสด้วยความรู้ที่ว่าทุกอย่างเป็นอนัตตา. กิเลสก็เป็นอนัตตานะต้องละ. ไม่ใข่เสพแบบอนัตตานะจ๊ะ

เดี๋ยวนี้ตัวจริงธัมมะดับนับไม่ถ้วนถึงแสนโกฏิขณะ
แค่จิตเห็นดับไปเพียง3ขณะกิเลสก็เกิดแล้วถามว่า
ถ้าไม่เริ่มทบทวนตนเองจากการคิดตามคำสอนแล้ว
จะรู้ไหมคะว่ามีกิเลสไปแล้ว1แสนล้านดวงจิตไปแล้ว
ประมาทการฟังคำสอนตายทิ้งเปล่าๆฟรีๆกว่าจะได้เกิด
มาเป็นคนแล้วได้พบคำสอนด้วยคนเรานะอายุ1วันเท่ากันทุกคน
หลงสมมุติมากไปแก่ง่ายตายช้าแต่ไม่รู้เหมือนเดิมจะไปทำอะไรก็ทำด้วยความไม่รู้และอยากถึงนิพพานคิดสิ
:b12:
:b32: :b32:
นจิตเห็นนะคะต้องมี3ประสานค่ะ
อย่างไรก็ต้องขอบใจคุณโรสมากๆนะครับที่พยายามแนะนำธรรมมะให้นะครับ มี. มีอะไรก็ต้องขออภัยมานะที่นี้ด้วย. หยอกกันเล่นบ้างคงไม่ถือ
ถือโกรธนะครับ.

:b12:
ความจริงเป็นไปตามที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสรู้
ไม่ได้เป็นไปตามความคิดของใครๆทั้งสิ้น
เพราะความจริงมีจริงตามเหตุปัจจัย
ไม่มีใครเป็นเจ้าของสิ่งหนึ่งสิ่งใด
มีแต่อุปาทานขันธ์ยึดถือขันธ์ทั้ง5เป็นตัวตนตามนั้น
:b12:
:b4: :b4:
คุณโรส. อยากกินอะไรขึ้นมาทำอย่างไรครับ เช่นอยากกินข้าวขาหมูขึ้นมา

.....................................................
อย่าลืมทำกิจในอริยสัจ
เราจะเดินให้สุดทาง http://www.thaidhamma.net


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 มิ.ย. 2019, 06:48 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7502

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


bigtoo เขียน:
Rosarin เขียน:
bigtoo เขียน:
Rosarin เขียน:
bigtoo เขียน:
Rosarin เขียน:
Rosarin เขียน:
bigtoo เขียน:
Rosarin เขียน:
bigtoo เขียน:
Rosarin เขียน:
bigtoo เขียน:
Rosarin เขียน:
Rosarin เขียน:
bigtoo เขียน:
Rosarin เขียน:
Kiss
เทียบความจริงให้ตรงกับสิ่งที่ตัวตนมีสิ
พระพุทธเจ้าบอกว่าจิตเกิดดับนับไม่ถ้วน
และเดี๋ยวนี้เห็นดับเพียง3ขณะกิเลสก็เกิด
ความจริงเดี๋ยวนี้ดับนับได้ถึงแสนโกฏิขณะ
อภิมหากิเลสดับไปแล้วนับไม่ถ้วนใครรู้ถึงสี
คิดตามไม่ใช่เหรอถึงรู้ว่าเห็นสีใครเห็นสีแล้ว
:b12:
:b32: :b32:
ตกลงยิ่งเรียนยิ่งเละเนาะ. ที่บอกตาไม่มี. สรุปตาไม่มีให้ตอบอีดครั้ง. ตามีหรือไม่มี

ตกลงยิ่งอ่านยิ่งไม่รู้
ยิ่งมีทิฏฐิมานะถือตัวตน
คิดว่าตัวตนคิดถูกงั้นหรือคะ
รู้ไหมคะพระพุทธศาสนาคือคำสอนของพระพุทธเจ้า
ยิ่งศึกษายิ่งอ่อนน้อมถ่อมตนรู้จักประมาณตนเองว่าไม่รู้อะไรบ้าง
เข้าใจถึงความเป็นผู้มีปกติรู้ว่าศึกษาให้เข้าใจความจริงตามคำสอนเพื่อละไม่รู้
ไม่ไปทำอย่างอื่นเพิ่มไม่รู้คือเพิ่มกิเลสที่ไปเร่งเพ่งข่มบังคับนั้นอยากมากเลยอยากถึงนิพพานจริงมั๊ย
กิเลสแปลว่าไม่รู้ความจริงที่กำลังมีเดี๋ยวนี้ตรงปัจุจุบันขณะทำยังไงก็ไม่รู้ถ้าไม่ฟังตามปกติให้เข้าใจถูกตาม
:b12:
:b32: :b32:

พระพุทธเจ้าไม่ห้ามไม่ให้ไปทำหรือไม่ทำ
แต่ทรงกล่าวแสดงความจริงให้เข้าใจตาม
จะเข้าใจถูกตามคำสอนของพระพุทธเจ้าได้
ต้องพึ่งการฟังผู้อื่นกล่าวให้กำลังเข้าใจตามอยู่
จำเป็นต้องกำลังคิดตามอยู่กำลังเข้าใจถูกตามอยู่
กำลังฟังและกำลังได้ยินแต่ไม่ฟังมัวคิดอย่างอื่นก็มีกิเลสใหม่เกิดแล้ว
https://youtu.be/K6GR7feR4ms
:b12:
:b4: :b4:
คำถามง่ายๆ. ตามีมั่ย. ที่เรียนมาน่ะ

:b12:
ที่รู้ว่ามีตานั่นเพราะคิดเอาไง
ไม่มีเราแล้วตาอยู่ตรงไหนเหรอ
เห็นเหรอว่าตาตัวเองอยู่ตรงไหน
เพราะตถาคตบอกว่าความจริงรู้ได้
ตรงที่กายใจตัวเองมีไม่ใช่เอากระจกมาส่อง
เพราะตัวจริงธัมมะเกิดแล้วดับทันทีคำว่าดับแปลว่าไม่มีตัวเราแล้วตาจะมีเหรอก็มีแต่ธัมมะไงคะ
:b12:
:b12: :b12:
ไปเรียนองค์ประกอบของการเห็นแต่ละครั้งมีอะไรเกิดร่วมกัน

จักขุวิญญาณ=วิญญาณ+จักขุประสาทรูป+สีสันวรรณะและแสง
แปลว่าจิตเห็น=จิต+ประสาทตาที่ตรงกลางตาดำ+แสงและสี
จักขุปสาทรูปมีพระพุทธเจ้าผู้เดียวที่รู้ว่ามีรูปนี้ที่ทำให้เห็นค่ะ
แค่หลับตาเห็นก็ไม่ปรากฏคือไม่มีวิถีจิตทางตาปรากฏแล้ว
แค่เห็นอย่างเดียวไม่มีคิดปนมันคนละวิถีจิตไม่เกิดร่วมกัน
:b12:
:b12: :b12:
ประสาทตา. มันมีอยู่ที่หูหรืออะไร. ถ้ายังไม่เข้าใจก็ลองมองหน้าเพื่อนดู แล้วจะเห็นตา. และขี้ตา. มี่กล่าวว่าอะไรๆไม่ทีคือความเห็นผิดไปไกลมาก ต้องติวกันอีกนาน.

1คนปกติมีทั้งจิตและจักขุปสาทะตาไม่บอดถึงจะฟังคำสอนเข้าใจ
2คนตาบอดมีจิตไม่มีจักขุปสาทะ
3คนตายมีจักขุปสาทะไม่มีจิต
มีจักษุทุกคน
3คนนี้คนปกติเท่านั้นที่มองเห็นด้วยประสาทตาคือมีจักขุปสาทะรูปไม่ใช่เพราะมีตาแต่เป็น3ธัมมะเกิดร่วมกัน
:b32: :b32:

มีจักษุไม่ใช่จะเห็น
เพราะต้องมีจักษุวิญญาณ=วิญญาณ(จิต)+จักขุปสาทะรูป+แสงสี
ตาเฉยๆเห็นไม่ได้ต้องเป็นจิตเห็นนะคะต้องมี3ประสานค่ะ
นึกย้อนไปตอนเป้นหนุ่มๆใหม่เลย.ได้เห็นคำนี้ ตอนนี้แก่แล้ว. มาลดกิเลสด้วยความรู้ที่ว่าทุกอย่างเป็นอนัตตา. กิเลสก็เป็นอนัตตานะต้องละ. ไม่ใข่เสพแบบอนัตตานะจ๊ะ

เดี๋ยวนี้ตัวจริงธัมมะดับนับไม่ถ้วนถึงแสนโกฏิขณะ
แค่จิตเห็นดับไปเพียง3ขณะกิเลสก็เกิดแล้วถามว่า
ถ้าไม่เริ่มทบทวนตนเองจากการคิดตามคำสอนแล้ว
จะรู้ไหมคะว่ามีกิเลสไปแล้ว1แสนล้านดวงจิตไปแล้ว
ประมาทการฟังคำสอนตายทิ้งเปล่าๆฟรีๆกว่าจะได้เกิด
มาเป็นคนแล้วได้พบคำสอนด้วยคนเรานะอายุ1วันเท่ากันทุกคน
หลงสมมุติมากไปแก่ง่ายตายช้าแต่ไม่รู้เหมือนเดิมจะไปทำอะไรก็ทำด้วยความไม่รู้และอยากถึงนิพพานคิดสิ
:b12:
:b32: :b32:
นจิตเห็นนะคะต้องมี3ประสานค่ะ
อย่างไรก็ต้องขอบใจคุณโรสมากๆนะครับที่พยายามแนะนำธรรมมะให้นะครับ มี. มีอะไรก็ต้องขออภัยมานะที่นี้ด้วย. หยอกกันเล่นบ้างคงไม่ถือ
ถือโกรธนะครับ.

:b12:
ความจริงเป็นไปตามที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสรู้
ไม่ได้เป็นไปตามความคิดของใครๆทั้งสิ้น
เพราะความจริงมีจริงตามเหตุปัจจัย
ไม่มีใครเป็นเจ้าของสิ่งหนึ่งสิ่งใด
มีแต่อุปาทานขันธ์ยึดถือขันธ์ทั้ง5เป็นตัวตนตามนั้น
:b12:
:b4: :b4:
คุณโรส. อยากกินอะไรขึ้นมาทำอย่างไรครับ เช่นอยากกินข้าวขาหมูขึ้นมา

Kiss
คิดอะไรเยอะแยะมากมายคะ
มีตาใช่จะเห็นเพราะมีตาก็ไม่ได้เห็นตลอดเวลา
มีหูใช่จะได้ยินเพราะบางเวลาเช่นหลับสนิทก็ไม่ได้ยินเสียง
ทุกอย่างมีเกิดขึ้นตั้งอยู่และดับไปมีแค่ชั่วคราวเท่านั้นคิดๆๆ
ไม่มีใครเป็นเจ้าของสิ่งใดมีแต่โลกธรรม8ที่ปรากฏให้คิดถึงเยอะแยะ
เพราะตอนคิดก็เป็นโลกอีก1โลกที่ไม่มีสีเสียงกลิ่นรสหรือสัมผัสปนอะไรเลยหลงเงาอดีต
มีแต่เห็นสีนิดนึงดับมืดแล้วคิดถึงสีในความมืดที่สืบต่อส่งให้จิตทางอื่นเกิดตามเหตุตามปัจจัย
ฟังให้เข้าใจเพราะไม่มีใครสักคนมีแต่โลกของความคิดที่ต่างคนต่างคิดไปตามการสะสมจนกว่าจะฟังเข้าใจ
https://youtu.be/vQ91d5BjCgs
:b12:
:b4: :b4:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 มิ.ย. 2019, 09:41 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มิ.ย. 2012, 14:54
โพสต์: 2805


 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
bigtoo เขียน:
Rosarin เขียน:
bigtoo เขียน:
Rosarin เขียน:
bigtoo เขียน:
Rosarin เขียน:
Rosarin เขียน:
bigtoo เขียน:
Rosarin เขียน:
bigtoo เขียน:
Rosarin เขียน:
bigtoo เขียน:
Rosarin เขียน:
Rosarin เขียน:
bigtoo เขียน:
Rosarin เขียน:
Kiss
เทียบความจริงให้ตรงกับสิ่งที่ตัวตนมีสิ
พระพุทธเจ้าบอกว่าจิตเกิดดับนับไม่ถ้วน
และเดี๋ยวนี้เห็นดับเพียง3ขณะกิเลสก็เกิด
ความจริงเดี๋ยวนี้ดับนับได้ถึงแสนโกฏิขณะ
อภิมหากิเลสดับไปแล้วนับไม่ถ้วนใครรู้ถึงสี
คิดตามไม่ใช่เหรอถึงรู้ว่าเห็นสีใครเห็นสีแล้ว
:b12:
:b32: :b32:
ตกลงยิ่งเรียนยิ่งเละเนาะ. ที่บอกตาไม่มี. สรุปตาไม่มีให้ตอบอีดครั้ง. ตามีหรือไม่มี

ตกลงยิ่งอ่านยิ่งไม่รู้
ยิ่งมีทิฏฐิมานะถือตัวตน
คิดว่าตัวตนคิดถูกงั้นหรือคะ
รู้ไหมคะพระพุทธศาสนาคือคำสอนของพระพุทธเจ้า
ยิ่งศึกษายิ่งอ่อนน้อมถ่อมตนรู้จักประมาณตนเองว่าไม่รู้อะไรบ้าง
เข้าใจถึงความเป็นผู้มีปกติรู้ว่าศึกษาให้เข้าใจความจริงตามคำสอนเพื่อละไม่รู้
ไม่ไปทำอย่างอื่นเพิ่มไม่รู้คือเพิ่มกิเลสที่ไปเร่งเพ่งข่มบังคับนั้นอยากมากเลยอยากถึงนิพพานจริงมั๊ย
กิเลสแปลว่าไม่รู้ความจริงที่กำลังมีเดี๋ยวนี้ตรงปัจุจุบันขณะทำยังไงก็ไม่รู้ถ้าไม่ฟังตามปกติให้เข้าใจถูกตาม
:b12:
:b32: :b32:

พระพุทธเจ้าไม่ห้ามไม่ให้ไปทำหรือไม่ทำ
แต่ทรงกล่าวแสดงความจริงให้เข้าใจตาม
จะเข้าใจถูกตามคำสอนของพระพุทธเจ้าได้
ต้องพึ่งการฟังผู้อื่นกล่าวให้กำลังเข้าใจตามอยู่
จำเป็นต้องกำลังคิดตามอยู่กำลังเข้าใจถูกตามอยู่
กำลังฟังและกำลังได้ยินแต่ไม่ฟังมัวคิดอย่างอื่นก็มีกิเลสใหม่เกิดแล้ว
https://youtu.be/K6GR7feR4ms
:b12:
:b4: :b4:
คำถามง่ายๆ. ตามีมั่ย. ที่เรียนมาน่ะ

:b12:
ที่รู้ว่ามีตานั่นเพราะคิดเอาไง
ไม่มีเราแล้วตาอยู่ตรงไหนเหรอ
เห็นเหรอว่าตาตัวเองอยู่ตรงไหน
เพราะตถาคตบอกว่าความจริงรู้ได้
ตรงที่กายใจตัวเองมีไม่ใช่เอากระจกมาส่อง
เพราะตัวจริงธัมมะเกิดแล้วดับทันทีคำว่าดับแปลว่าไม่มีตัวเราแล้วตาจะมีเหรอก็มีแต่ธัมมะไงคะ
:b12:
:b12: :b12:
ไปเรียนองค์ประกอบของการเห็นแต่ละครั้งมีอะไรเกิดร่วมกัน

จักขุวิญญาณ=วิญญาณ+จักขุประสาทรูป+สีสันวรรณะและแสง
แปลว่าจิตเห็น=จิต+ประสาทตาที่ตรงกลางตาดำ+แสงและสี
จักขุปสาทรูปมีพระพุทธเจ้าผู้เดียวที่รู้ว่ามีรูปนี้ที่ทำให้เห็นค่ะ
แค่หลับตาเห็นก็ไม่ปรากฏคือไม่มีวิถีจิตทางตาปรากฏแล้ว
แค่เห็นอย่างเดียวไม่มีคิดปนมันคนละวิถีจิตไม่เกิดร่วมกัน
:b12:
:b12: :b12:
ประสาทตา. มันมีอยู่ที่หูหรืออะไร. ถ้ายังไม่เข้าใจก็ลองมองหน้าเพื่อนดู แล้วจะเห็นตา. และขี้ตา. มี่กล่าวว่าอะไรๆไม่ทีคือความเห็นผิดไปไกลมาก ต้องติวกันอีกนาน.

1คนปกติมีทั้งจิตและจักขุปสาทะตาไม่บอดถึงจะฟังคำสอนเข้าใจ
2คนตาบอดมีจิตไม่มีจักขุปสาทะ
3คนตายมีจักขุปสาทะไม่มีจิต
มีจักษุทุกคน
3คนนี้คนปกติเท่านั้นที่มองเห็นด้วยประสาทตาคือมีจักขุปสาทะรูปไม่ใช่เพราะมีตาแต่เป็น3ธัมมะเกิดร่วมกัน
:b32: :b32:

มีจักษุไม่ใช่จะเห็น
เพราะต้องมีจักษุวิญญาณ=วิญญาณ(จิต)+จักขุปสาทะรูป+แสงสี
ตาเฉยๆเห็นไม่ได้ต้องเป็นจิตเห็นนะคะต้องมี3ประสานค่ะ
นึกย้อนไปตอนเป้นหนุ่มๆใหม่เลย.ได้เห็นคำนี้ ตอนนี้แก่แล้ว. มาลดกิเลสด้วยความรู้ที่ว่าทุกอย่างเป็นอนัตตา. กิเลสก็เป็นอนัตตานะต้องละ. ไม่ใข่เสพแบบอนัตตานะจ๊ะ

เดี๋ยวนี้ตัวจริงธัมมะดับนับไม่ถ้วนถึงแสนโกฏิขณะ
แค่จิตเห็นดับไปเพียง3ขณะกิเลสก็เกิดแล้วถามว่า
ถ้าไม่เริ่มทบทวนตนเองจากการคิดตามคำสอนแล้ว
จะรู้ไหมคะว่ามีกิเลสไปแล้ว1แสนล้านดวงจิตไปแล้ว
ประมาทการฟังคำสอนตายทิ้งเปล่าๆฟรีๆกว่าจะได้เกิด
มาเป็นคนแล้วได้พบคำสอนด้วยคนเรานะอายุ1วันเท่ากันทุกคน
หลงสมมุติมากไปแก่ง่ายตายช้าแต่ไม่รู้เหมือนเดิมจะไปทำอะไรก็ทำด้วยความไม่รู้และอยากถึงนิพพานคิดสิ
:b12:
:b32: :b32:
นจิตเห็นนะคะต้องมี3ประสานค่ะ
อย่างไรก็ต้องขอบใจคุณโรสมากๆนะครับที่พยายามแนะนำธรรมมะให้นะครับ มี. มีอะไรก็ต้องขออภัยมานะที่นี้ด้วย. หยอกกันเล่นบ้างคงไม่ถือ
ถือโกรธนะครับ.

:b12:
ความจริงเป็นไปตามที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสรู้
ไม่ได้เป็นไปตามความคิดของใครๆทั้งสิ้น
เพราะความจริงมีจริงตามเหตุปัจจัย
ไม่มีใครเป็นเจ้าของสิ่งหนึ่งสิ่งใด
มีแต่อุปาทานขันธ์ยึดถือขันธ์ทั้ง5เป็นตัวตนตามนั้น
:b12:
:b4: :b4:
คุณโรส. อยากกินอะไรขึ้นมาทำอย่างไรครับ เช่นอยากกินข้าวขาหมูขึ้นมา

Kiss
คิดอะไรเยอะแยะมากมายคะ
มีตาใช่จะเห็นเพราะมีตาก็ไม่ได้เห็นตลอดเวลา
มีหูใช่จะได้ยินเพราะบางเวลาเช่นหลับสนิทก็ไม่ได้ยินเสียง
ทุกอย่างมีเกิดขึ้นตั้งอยู่และดับไปมีแค่ชั่วคราวเท่านั้นคิดๆๆ
ไม่มีใครเป็นเจ้าของสิ่งใดมีแต่โลกธรรม8ที่ปรากฏให้คิดถึงเยอะแยะ
เพราะตอนคิดก็เป็นโลกอีก1โลกที่ไม่มีสีเสียงกลิ่นรสหรือสัมผัสปนอะไรเลยหลงเงาอดีต
มีแต่เห็นสีนิดนึงดับมืดแล้วคิดถึงสีในความมืดที่สืบต่อส่งให้จิตทางอื่นเกิดตามเหตุตามปัจจัย
ฟังให้เข้าใจเพราะไม่มีใครสักคนมีแต่โลกของความคิดที่ต่างคนต่างคิดไปตามการสะสมจนกว่าจะฟังเข้าใจ
https://youtu.be/vQ91d5BjCgs
:b12:
:b4: :b4:
ตกลงเห็นขาหมูน้ำลายไหล. จัดหนักเลยใช่ป่ะ สำนักนี้สอนจัดหนักได้นะ. ไม่รู้ละกิเลสแบบไหนครับ

.....................................................
อย่าลืมทำกิจในอริยสัจ
เราจะเดินให้สุดทาง http://www.thaidhamma.net


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 มิ.ย. 2019, 13:28 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7502

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Kiss
พระพุทธเจ้าสอนความว่าไม่มีเราที่เป็นตัวตน
มีแต่อุปาทานขันธ์5ยึดถือขันธ์แต่ละ1ขันธ์
ที่แต่ละ1ขันธ์กำลังเกิดดับว่าเป็นตัวเรา
คิดพูดทำอยู่นั่นน่ะไม่รู้อยู่ใช่ไหมล่ะ
จะรู้สึกตัวว่าคิดผิดตอนคิดตาม
คิดตามอยู่รู้ทันทีว่าไม่มีเรา
พอหยุดคิดตามก็คิดเอง
แปลว่ากำลังมีกิเลส
มีอวิชชามีแล้ว
และไม่รู้ไง
เมื่อไหร่จะรู้ฟังบ้างสิจะได้คิดตามเป็น
https://youtu.be/1T0eA4eGTh4
:b12:
:b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 มิ.ย. 2019, 15:37 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มิ.ย. 2012, 14:54
โพสต์: 2805


 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
Kiss
พระพุทธเจ้าสอนความว่าไม่มีเราที่เป็นตัวตน
มีแต่อุปาทานขันธ์5ยึดถือขันธ์แต่ละ1ขันธ์
ที่แต่ละ1ขันธ์กำลังเกิดดับว่าเป็นตัวเรา
คิดพูดทำอยู่นั่นน่ะไม่รู้อยู่ใช่ไหมล่ะ
จะรู้สึกตัวว่าคิดผิดตอนคิดตาม
คิดตามอยู่รู้ทันทีว่าไม่มีเรา
พอหยุดคิดตามก็คิดเอง
แปลว่ากำลังมีกิเลส
มีอวิชชามีแล้ว
และไม่รู้ไง
เมื่อไหร่จะรู้ฟังบ้างสิจะได้คิดตามเป็น
https://youtu.be/1T0eA4eGTh4
:b12:
:b32: :b32:
. เลิกกินของอยากกินหรือยัง. น่าจะยังนะใช่ป่ะครับ. อนัตตาใช่ป่ะ

.....................................................
อย่าลืมทำกิจในอริยสัจ
เราจะเดินให้สุดทาง http://www.thaidhamma.net


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 มิ.ย. 2019, 15:56 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7502

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


bigtoo เขียน:
Rosarin เขียน:
Kiss
พระพุทธเจ้าสอนความว่าไม่มีเราที่เป็นตัวตน
มีแต่อุปาทานขันธ์5ยึดถือขันธ์แต่ละ1ขันธ์
ที่แต่ละ1ขันธ์กำลังเกิดดับว่าเป็นตัวเรา
คิดพูดทำอยู่นั่นน่ะไม่รู้อยู่ใช่ไหมล่ะ
จะรู้สึกตัวว่าคิดผิดตอนคิดตาม
คิดตามอยู่รู้ทันทีว่าไม่มีเรา
พอหยุดคิดตามก็คิดเอง
แปลว่ากำลังมีกิเลส
มีอวิชชามีแล้ว
และไม่รู้ไง
เมื่อไหร่จะรู้ฟังบ้างสิจะได้คิดตามเป็น
https://youtu.be/1T0eA4eGTh4
:b12:
:b32: :b32:
. เลิกกินของอยากกินหรือยัง. น่าจะยังนะใช่ป่ะครับ. อนัตตาใช่ป่ะ

ถ้ายังใช้เงินทองอยู่บรรพชาไม่ได้นะคะ...เห็นความไม่รู้ของคนที่อยากบวชไหมคะ
:b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 มิ.ย. 2019, 16:47 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มิ.ย. 2012, 14:54
โพสต์: 2805


 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
bigtoo เขียน:
Rosarin เขียน:
Kiss
พระพุทธเจ้าสอนความว่าไม่มีเราที่เป็นตัวตน
มีแต่อุปาทานขันธ์5ยึดถือขันธ์แต่ละ1ขันธ์
ที่แต่ละ1ขันธ์กำลังเกิดดับว่าเป็นตัวเรา
คิดพูดทำอยู่นั่นน่ะไม่รู้อยู่ใช่ไหมล่ะ
จะรู้สึกตัวว่าคิดผิดตอนคิดตาม
คิดตามอยู่รู้ทันทีว่าไม่มีเรา
พอหยุดคิดตามก็คิดเอง
แปลว่ากำลังมีกิเลส
มีอวิชชามีแล้ว
และไม่รู้ไง
เมื่อไหร่จะรู้ฟังบ้างสิจะได้คิดตามเป็น
https://youtu.be/1T0eA4eGTh4
:b12:
:b32: :b32:
. เลิกกินของอยากกินหรือยัง. น่าจะยังนะใช่ป่ะครับ. อนัตตาใช่ป่ะ

ถ้ายังใช้เงินทองอยู่บรรพชาไม่ได้นะคะ...เห็นความไม่รู้ของคนที่อยากบวชไหมคะ
:b32: :b32:
วินัยมีอยู่แล้วนี่. ใครบวขแล้วใช้เงินก็เรื่องของเขานี่. แค่ปลงอาบัติ. คุณเป็นฆราวาสจะไปตำนิเขาทำไมตัวของเขา. ฆราวาสก็ใช่จะบรรลุได้ง่ายๆนะอย่าทำตามใจกิเลสละ. กิเลสอนัตตานะอย่าไปตามใจมัน

ยิ่งศึกษายิ่งมองออกนอกตัวตำหนิคนอื่นเหรอ. ระวังนะตำหนิพระมันบาป

.....................................................
อย่าลืมทำกิจในอริยสัจ
เราจะเดินให้สุดทาง http://www.thaidhamma.net


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 มิ.ย. 2019, 12:43 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7502

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


bigtoo เขียน:
Rosarin เขียน:
bigtoo เขียน:
Rosarin เขียน:
Kiss
พระพุทธเจ้าสอนความว่าไม่มีเราที่เป็นตัวตน
มีแต่อุปาทานขันธ์5ยึดถือขันธ์แต่ละ1ขันธ์
ที่แต่ละ1ขันธ์กำลังเกิดดับว่าเป็นตัวเรา
คิดพูดทำอยู่นั่นน่ะไม่รู้อยู่ใช่ไหมล่ะ
จะรู้สึกตัวว่าคิดผิดตอนคิดตาม
คิดตามอยู่รู้ทันทีว่าไม่มีเรา
พอหยุดคิดตามก็คิดเอง
แปลว่ากำลังมีกิเลส
มีอวิชชามีแล้ว
และไม่รู้ไง
เมื่อไหร่จะรู้ฟังบ้างสิจะได้คิดตามเป็น
https://youtu.be/1T0eA4eGTh4
:b12:
:b32: :b32:
. เลิกกินของอยากกินหรือยัง. น่าจะยังนะใช่ป่ะครับ. อนัตตาใช่ป่ะ

ถ้ายังใช้เงินทองอยู่บรรพชาไม่ได้นะคะ...เห็นความไม่รู้ของคนที่อยากบวชไหมคะ
:b32: :b32:
วินัยมีอยู่แล้วนี่. ใครบวขแล้วใช้เงินก็เรื่องของเขานี่. แค่ปลงอาบัติ. คุณเป็นฆราวาสจะไปตำนิเขาทำไมตัวของเขา. ฆราวาสก็ใช่จะบรรลุได้ง่ายๆนะอย่าทำตามใจกิเลสละ. กิเลสอนัตตานะอย่าไปตามใจมัน

ยิ่งศึกษายิ่งมองออกนอกตัวตำหนิคนอื่นเหรอ. ระวังนะตำหนิพระมันบาป

:b32:
มีคนทำผิดทั้งๆที่รู้และไม่รู้สึกสำนึกผิดเลย
คนกล่าวความจริงตรงตามคำสอนนั้น
คือการชี้ให้รู้สึกตัวว่าผิดอย่างไรค่ะ
ถ้ารู้สึกตัวว่าผิดจะทำแบบนั้นไหม
เพราะไม่รู้ไม่ใช่เหรอถึงทำแบบนั้น
เหยียบย่ำคำสอนคือเหยียบใครคะ
ในเมื่อตถาคตยกคำสอนขึ้นแทนตัวพระองค์
:b12:
:b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 มิ.ย. 2019, 14:39 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 27 มิ.ย. 2012, 14:54
โพสต์: 2805


 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
bigtoo เขียน:
Rosarin เขียน:
bigtoo เขียน:
Rosarin เขียน:
Kiss
พระพุทธเจ้าสอนความว่าไม่มีเราที่เป็นตัวตน
มีแต่อุปาทานขันธ์5ยึดถือขันธ์แต่ละ1ขันธ์
ที่แต่ละ1ขันธ์กำลังเกิดดับว่าเป็นตัวเรา
คิดพูดทำอยู่นั่นน่ะไม่รู้อยู่ใช่ไหมล่ะ
จะรู้สึกตัวว่าคิดผิดตอนคิดตาม
คิดตามอยู่รู้ทันทีว่าไม่มีเรา
พอหยุดคิดตามก็คิดเอง
แปลว่ากำลังมีกิเลส
มีอวิชชามีแล้ว
และไม่รู้ไง
เมื่อไหร่จะรู้ฟังบ้างสิจะได้คิดตามเป็น
https://youtu.be/1T0eA4eGTh4
:b12:
:b32: :b32:
. เลิกกินของอยากกินหรือยัง. น่าจะยังนะใช่ป่ะครับ. อนัตตาใช่ป่ะ

ถ้ายังใช้เงินทองอยู่บรรพชาไม่ได้นะคะ...เห็นความไม่รู้ของคนที่อยากบวชไหมคะ
:b32: :b32:
วินัยมีอยู่แล้วนี่. ใครบวขแล้วใช้เงินก็เรื่องของเขานี่. แค่ปลงอาบัติ. คุณเป็นฆราวาสจะไปตำนิเขาทำไมตัวของเขา. ฆราวาสก็ใช่จะบรรลุได้ง่ายๆนะอย่าทำตามใจกิเลสละ. กิเลสอนัตตานะอย่าไปตามใจมัน

ยิ่งศึกษายิ่งมองออกนอกตัวตำหนิคนอื่นเหรอ. ระวังนะตำหนิพระมันบาป

:b32:
มีคนทำผิดทั้งๆที่รู้และไม่รู้สึกสำนึกผิดเลย
คนกล่าวความจริงตรงตามคำสอนนั้น
คือการชี้ให้รู้สึกตัวว่าผิดอย่างไรค่ะ
ถ้ารู้สึกตัวว่าผิดจะทำแบบนั้นไหม
เพราะไม่รู้ไม่ใช่เหรอถึงทำแบบนั้น
เหยียบย่ำคำสอนคือเหยียบใครคะ
ในเมื่อตถาคตยกคำสอนขึ้นแทนตัวพระองค์
:b12:
:b32: :b32:

เหยียบย่ำคำสอนต้องสอนไม่ตรงงคำสอนครับ.สอนให้ทำให้มากเจริญให้มากอานาปานสติ. บอกไม่ให้ไปทำนี่มั้งครับที่เรียกเหยียบย่ำคำสอน. ส่วนพระจับเงินก็มีวินัย ผิดก็ปลงได้. ก็ทำตามคำสอนอยู่นะ.

.....................................................
อย่าลืมทำกิจในอริยสัจ
เราจะเดินให้สุดทาง http://www.thaidhamma.net


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 150 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 4, 5, 6, 7, 8, 9, 10  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 123 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร