วันเวลาปัจจุบัน 19 เม.ย. 2024, 12:06  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 433 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 3, 4, 5, 6, 7, 8, 9 ... 29  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 มิ.ย. 2019, 09:44 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


โรฮิงญา มุสลิมชาวพม่าแต่พม่าไม่ให้สัญชาติ หนีตายเข้าเมืองไทยหลายแสนคน อยู่ตามศูนย์อพยพบ้าง ลอบเข้าเมืองใหญ่ๆ เข้ามาทำงาน ตามสวน ตามแพปลา และเป็นลูกจ้างทั่วไป
อีกหน่อยพวกนี้ก็จะได้บัตรประชน จำนวนมุสลิม จะเพิ่มอีกหลายเท่าออกลูกออกหลาน ซึ่งเกิดในเมืองไทย ก็จะได้สิทธิ์เป็นคนไทย พวกนี้มันได้รับการช่วยจากมุสลิม ที่เป็นใหญ่ๆในวงราชการ

https://www.facebook.com/photo.php?fbid ... =3&theater

https://scontent.fbkk5-8.fna.fbcdn.net/ ... e=5D83E7B0

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 มิ.ย. 2019, 09:47 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
กรัชกาย เขียน:
เห็นแล้ว คิดว่าเป็นตะวันออกกลาง เปล่าไม่ใช่ ที่ไหน ?

https://scontent.fbkk5-3.fna.fbcdn.net/ ... e=5D9D8680

ดู

https://www.facebook.com/photo.php?fbid ... =3&theater


ที่...ยะลา..

ไม่ใช่..แม่สอด


โรฮิงจา..เป็นแสน..ที่แม่สอด...ใครเชื่อ...ก็ไม่มีหัวให้คิดแล้วละ...


กบยังจมอยู่ที่แม่สอด เขาไปถึงไหนๆกันแล้ว :b32: นั่นก็ไม่บอกว่า แม่สอด คิกๆๆๆ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 07 มิ.ย. 2019, 20:45 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ความไม่เท่าเทียมในของชนในชาติ คนมุสลิมมีกฎหมายแยกออกไปจากบุคคลทั่วไป เหมือนกับมีรัฐซ้อนรัฐ
#กฏหมายของคนมุสลิม มี 7 ฉบับ ตั้งแต่ พ.ศ.2488-ปัจจุบัน
ส่วนกฎหมายศาสนาพุทธ ไม่มีสักฉบับ มันเป็นไปได้อย่างไร ??
- พรก.ว่าด้วยศาสนูปถัมภ์ฝ่ายอิสลาม พ.ศ.2488
- พรบ.ว่าด้วยการใช้กฎหมายอิสลามในเขตจังหวัด ปัตตานี นราธิวาส ยะลาและสตูล พ.ศ. 2489
- พรบ. มัสยิดอิสลาม พ.ศ. 2490
- พรก.ว่าด้วยศาสนูปถัมภ์ฝ่ายอิสลาม (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2491
- พรบ.การบริหารองค์กรศาสนาอิสลาม พ.ศ. 2540
- พ.ร.บ.ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2545
- พรบ.ส่งเสริมกิจการฮัจย์ (ฉบับที่ 3) พ.ศ. 2559
โอนอำนาจจากกรมการศาสนา กระทรวงวัฒนธรรม ไปยังกระทรวงมหาดไทย

https://www.facebook.com/photo.php?fbid ... =3&theater

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 มิ.ย. 2019, 16:29 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


รูปภาพ

https://www.facebook.com/photo.php?fbid ... =3&theater

ให้ดูคอมเมนต์หนึ่ง

อ้างคำพูด:
อันนี้เป็นเรื่องจริงในค่ายผู้ลี้ภัย บ้านแบเกาะ อ.ท่าสองยาง จ.ตาก แต่มันไม่ใช่ผู้ลี้ภัยแล้วครับ
มันเป็นแหล่งเพาะพันธ์ผู้ก่อการร้ายโรฮินญา และคนขี้เกียจไม่ต้องทำมาหากิน ห้องก็ไม่ต้องเช่าข้าวก็ไม่ต้องซื้อผลิตลูกอย่างเดียว ต่อไป เมืองไทยภาระหนักแน่ๆ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 มิ.ย. 2019, 05:21 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


"หญิงศรีลังกา" ร้องเรียนหมอมุสลิมทำหมันคนไข้ชาวพุทธ

หญิงชาวศรีลังการวมตัวร้องเรียนสูตินรีแพทย์ชาวมุสลิม ซึ่งถูกกล่าวหาว่าลักลอบทำหมันให้คนไข้ชาวพุทธหลังผ่าตัดทำคลอด เพื่อหวังลดจำนวนประชากร

วันนี้ (7 มิ.ย.2562) สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า หญิงสาวจากกลุ่มชาติพันธุ์สิงหล ซึ่งนับถือศาสนาพุทธ รวมตัวกันที่โรงพยาบาลในเมืองคุรุเนกาลา ทางตะวันตกเฉียงเหนือของศรีลังกา เพื่อร้องเรียนการกระทำของ นพ.ชาฟี สูตินรีแพทย์ที่โรงพยาบาลดังกล่าว โดยทางโรงพยาบาลเปิดเผยว่า มีผู้หญิงมายื่นเรื่องร้องเรียนแล้วมากกว่า 600 คน
หลังจากเมื่อเดือนที่ผ่านมา หนังสือพิมพ์ท้องถิ่นศรีลังกา ตีพิมพ์บทความกล่าวหาแพทย์ชาวมุสลิมคนหนึ่งที่ไม่เอ่ยนามว่า ลักลอบทำหมันให้หญิงชาวพุทธหลังจากผ่าคลอดมากถึง 4,000 คน

โดยบทความดังกล่าวเผยแพร่ประมาณ 1 สัปดาห์ หลังจากที่กลุ่มชาวพุทธในศรีลังกา ก่อเหตุบุกทำลายบ้านเรือน ร้านค้า และมัสยิดของชาวมุสลิม เนื่องจากไม่พอใจเหตุการณ์ที่กลุ่มมุสลิมสุดโต่งโจมตีโบสถ์และโรงแรมในหลายเมือง เมื่อช่วงวันอีสเตอร์ ที่ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 250 คน

นอกจากนี้ ยังมีรายงานว่า แพทย์คนดังกล่าวเป็นสมาชิกของกลุ่มเนชัลแนล ธาวฮีด จามาอัด หรือ NTJ ที่อยู่เบื้องหลังเหตุระเบิดโจมตีอีกด้วย ซึ่งตำรวจได้จับกุมตัว นพ.ชาฟี ฐานครอบครองอสังหาริมทรัพย์โดยมีแหล่งที่มาด้านการเงินอันไม่ชอบมาพากล พร้อมทั้งกำลังสอบสวนข้อกล่าวหาลักลอบทำหมันดังกล่าว

รูปภาพ

http://news.thaipbs.or.th/content/28069 ... _-u5soxspg

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 มิ.ย. 2019, 09:23 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
อยู่ภาวนาในถ้ำเป็นเวลาเดือนกว่าเรื่องการปฏิบัติ ความกลัวก็ไม่มีปัญหาเพราะอยู่ไปๆก็ได้ผีนี้แหละเป็นเพื่อนทำให้หายกลัวไปเลย แต่มีปัญหาเรื่องอาหารการฉัน ตอนเช้าไปบิณฑบาตใส่แต่ทางบ้านกับบ้านญาติอีกสองหลัง บ้านอื่นไม่ใส่ และที่บ้านใส่ ก็เพราะบอกให้ใส่ทุกๆวัน จะได้กับข้าวมาสามถุง ก็ฉันอยู่แค่นี้ อยู่ไปๆรู้สึกไม่ค่อยสบายใจเรื่องอาหารการฉันเพราะเหมือนไปบังคับให้เขามาใส่บาตร

อยู่ได้เดือนกว่า ก็เลยเดินทางไปดอยอ่างขาง อ.ฝาง จ.เชียงใหม่ ตอนอยู่ดอยอ่างขาง ได้เจอเหตุการณ์หนึ่ง ทำให้ตกใจมาก คือ ถูกคนอิสลามทำร้าย

เรื่องมีอยู่ว่า มีพระจะไปซื้อของฝากญาติทางบ้าน ก็ชวนเราไปเป็นเพื่อน ตรงด้านหน้าสถานีเกษตรหลวง บังเอิญ ร้านที่ซื้อเป็นร้านอิสลาม เราก็ยื่นอยู่หน้าร้าน รอพระเพื่อน ปรากฎว่ามีคนอยู่ขั้นบนโยนกระสอบลงมาโดนเราเต็มๆ แต่ดีข้างในไม่ใช่ของแข็ง ก็เลยไม่เป็นไรมาก
ด้วยความตกใจ ก็เลยรีบเดินกลับ คนรอบๆเขาก็เห็นนะ แต่ไม่มีใครกล้าว่าอะไร

อยู่ดอยอ่างขางหนึ่งเดือน ก็เลยเดินทางไปดอยปุย มาอยู่ดอยปุย ได้เจอเอกสารเล่มหนึ่งจริงๆ แล้วก็เคยอ่านนานแล้ว เป็นเอกสารที่หลุดออกมา เกี่ยวกับแผนการยึดครองประเทศไทยของศาสนาอิสลาม ในเอกสาร เขียนถึงดอยอ่างขาง และดอยปุย แล้วก็เป็นอย่างที่เขียนไว้จริงๆ คือ เขาสำเร็จแล้ว คือตรงใหนเป็นแหล่งท่องเที่ยว ย่านเศรษกิฐ การค้า เขาจะส่งคนของเขาลงไปให้แต่งงานกับคนในเพื้นที่แล้วค้าขาย เพื่อเงินจะได้อยู่ในกลุ่มคนของเขา

ดังนั้น จะเห็นได้ว่าร้านขายของฝากในสถานีเกษตรหลวงอ่างขาง จะมีร้านของคนอิสลามเกือบครึ่งหนึ่ง แล้วมีร้านอาหารใหญ่โต ตั้งอยู่หน้าสถานีเกษตรหลวงอ่างขาง หรืออย่างดอยปุยร้านขายของฝากในหมู่บ้านม้ง รวมถึงหน้าตำหนักราชนิเวศภูพิงค์ ก็เหมือนกัน

จากที่สังเกตุ ตอนเช้าไปบิณฑบาต ร้านที่เป็นคนอิสลามเขาจะเปิดร้านก่อนคนพุทธ คือ เปิดแต่เช้ามืดพอตอนเช้า พระไปบิณฑบาต นักท่องเที่ยวก็จะไปซื้อของจากร้านอิสลามมาใส่บาตร อย่างหน้าสถานีเกษตรหลวงอ่างขางกับหน้าตำหนักราชนิเวศภูพิงค์ประจำเลย จะได้แต่อาหารอิสลาม ก็คงไม่แปลกที่มีข่าว ว่า จะมีการสร้างโรงงานผลิตอาหารฮาลานที่ดอยหลอด และช่วงที่อยู่ดอยปุยก็เจออีกเหตุการณ์หนึ่ง คือตอนเช้าเราจะลงไปบิณฑบาตรในหมู่บ้านมุ้ง

มียายคนหนึ่ง แกจะพาหลานสองคนมารอใส่บาตรตรงจุดจำหน่ายตั๋วเพื่อเข้าชมดอกฝิ่นเป็นประจำทุกๆวันไม่เคยขาด ดูแล้วก็คงจะมีฐานะอยากจน แต่มีศรัทธามาใส่บาตรทุกวัน เรายังรู้สึกปลื้มเลย

แต่แล้วก็มีอยู่วันหนึ่ง ในขณะกำลังเดินบิณฑบาต ปรากฎว่ามีคนอิสลามประมาณร้อยกว่าคนเหมารถแดงขึ้นมา ถึงแล้ว ก็แบ่งกัน แยกย้ายเดินสำรวจดูหมู่บ้าน จะว่ามาเที่ยวทำไมมาแต่เข้ามืด ร้านค้ายังไม่เปิดเลย พอเดินบิณฑบาตมาถึงยายที่ว่า ปรากฎ ว่า มีคนอิสลามล้อมอยู่ประมาณ 10 คน พอเห็นพระเดินมาก็เปิดทางให้ยายใส่บาตร พอใส่เสร็จก็มาล้อมยายอีก และจากวันนั้น ยายคนนี้ไม่มาใส่บาตรอีกเลย ก็แปลกใจเหมือนกัน

จริงๆแล้วก็เจออะไรมาเยอะ แต่ไม่อยากเอามาเล่าก็เฉพราะบางส่วนจากเหตุการที่พบเจอกับความ
คิดว่า ออกจากมหาลัยสงฆ์แล้วจะไม่กลับมาอีก เริ่มรู้สึกไม่มั่นใจขึ้น
ขนาดหนีจากเมืองมาอยู่ตามป่าเขา กลับมาต้องมาเจออะไรแบบนี้ ยอมรับว่ารู้สึกกลัวขึ้นมา ถ้ายังมาอยู่แบบนี้ต่อไปในวันข้างหน้าจะเป็นอย่างไร อย่างที่ว่า พระก็เหมือนกับเต่าไม่มีกระดอง ใครสาดอะไรมาก็โดนเต็มๆ ก็เลยตัดสินใจกลับจำพรรษาที่วัดในสังกัดเพื่อมาตั้งหลักใหม่

http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=49704&start=60



คลิปนี้ มีพูดถึงการดะวะห์ในประเทศไทย ไปจนถึงชาวเขาบนดอยด้วย

https://www.youtube.com/watch?v=pO-v9Yi ... pp=desktop

ชาวพุทธในประเทศไทย ถ้าจะเปรียบเป็นมวย ก็เหมือนมวยตั้งรับ ไม่ใช่ฝ่ายรุกทำแต้มทำคะแนนอะไร :b32: เพราะเราอยู่กับที่อยู่กันแบบสบายๆแต่โบร่ำโบราณในน้ำมีปลาในนามีข้าว จึงเคยชินกับสภาพแบบนั้น แต่ปัจจุบันสภาพแวดล้อมเปลี่ยนไปหมดทั้งผู้คนทั้งสภาพแวดล้อมอื่นทั้งในน้ำทั้งบนบก ให้รุกก็รุกไม่เป็น ยืนรับตายคาเวที ส่วนของเขารุกไปข้างหน้าทุกเช้าค่ำ ถ้าจะเปรียบอีกเขาก็เหมือนต้นไม้ที่กำลังเจริญเติบโต ส่วนเราเหมือนต้นไม้แก่เต็มที่แล้ว มีแต่จะค่อยๆแห้งเหี่ยวจากยอดลงมาๆจนถึงราก

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 มิ.ย. 2019, 13:38 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


พระสงฆ์ชั้นผู้ใหญ่ชี้ไม่เห็นด้วย เงินรายได้พระเข้าบัญชีวัด ที่ทางกรมศาสนาจะให้จัดทำบัญชี

พระเทพญาณเวที เจ้าอาวาสวัดศรีอุโมงค์คำ ที่ปรึกษาเจ้าคณะภาค 6 ชี้ไม่เห็นด้วยกับเงินรายได้พระ ที่ทางกรมศาสนาจะให้จัดทำบัญชี โดยไม่ให้พระถือเงินนั้นไม่สามารถที่จะทำได้กับพระในพื้นที่ชนบทและเป็นวัดขนาดเล็ก ขณะที่เงินจากรายได้ของทางวัดทางคณะกรรมการวัด ก็ได้มีการแต่งตั้งกรรมการจัดทำบัญชีอย่างถูกต้องเป็นระบบ และรายงานให้สำนักพุทธศาสนาทุกสามเดือนอยู่แล้ว

พระเทพญาณเวที เจ้าอาวาสวัดศรีอุโมงค์คำ ที่ปรึกษาเจ้าคณะภาค 6 อำเภอเมือง จังหวัดพะเยา ชี้แจงกรณีที่กรมศาสนา จะให้พระไม่สามารถถือเงินได้นั้น ไม่สามารถกระทำได้ในวัดที่อยู่ชนบท และวัดที่มีขนาดเล็ก รวมทั้งวัดที่มีรายได้น้อย เนื่องจากหากพระจำเป็นที่ต้องใช้ เช่น มีอาการป่วยอาพาธก็ต้องเดินทางไปรักษาตัวด้วยตนเอง ไม่สามารถที่จะเบิกเงินกับทางวัดได้ เนื่องจากวัดไม่ได้มีรายได้ที่มากมาย หรือพระสงฆ์ในพื้นที่ต่างจังหวัดหรือชนบทห่างไกล ก็ไม่มีรายได้อะไรมากมายนัก
หากจำเป็นต้องซื้อสิ่งของเครื่องใช้ประจำตัว ก็ต้องไปจัดซื้อหาเอง ดังนั้น จึงไม่เห็นด้วยกับที่ทางกรมศาสนาจะให้ทางพระที่มีรายได้ นำเงินเข้าบัญชีวัดดังกล่าว และเรื่องนี้ก็เป็นข้อถกเถียงกันมาเป็นระยะเวลาหนึ่งแล้ว และคาดว่าไม่สามารถทำได้
ขณะที่เงินรายได้ของทางวัด เช่นงานผ้าป่า กฐินหรืองานบุญต่างๆทางวัดก็ได้มีคณะกรรมการในการดูแลเรื่องนี้อย่างเป็นระบบอยู่แล้ว และต้องรายงานให้กับสำนักพุทธทุกสามเดือนเพื่อทำการตรวจสอบบัญชี ซึ่งตรงนี้ทางวัดก็ได้มีการดำเนินการอย่างถูกต้องมาโดยตลอด


รูปภาพ

https://www.chiangmainews.co.th/page/ar ... jUcMMGiIDE

ศาสนิกอื่นมีเงินทุนจากทั่วโลกเพื่อเผยแผ่ศาสนาเพื่อสร้างสัญลักษณ์แห่งศาสนาของเขา แต่ของพุทธในไทยวัดที่อยู่ตามชนบทจะสร้างศาลาสักหลังหนึ่งใช้เวลา 5-10 กว่าจะหาเงินสร้างเสร็จ

ปล้นสมบัติวัดธรรมกายไม่สำเร็จพาลใหญ่ คิกๆๆ บอกแล้วว่าพุทธในไทยไปไม่รอด

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 มิ.ย. 2019, 20:18 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ลูกหลานของเราที่นับถือศาสนาอื่น ต้องอ่านหนังสือขวนขวาย ตรากตรำ อดหลับอดนอน เพื่อที่จะสอบให้ได้เข้าเรียนที่นี่ แต่เค้าไม่ต้อง ไหนละความยุติธรรม ไหนบอกว่าเราทุกคนเท่าเทียมกัน ทำไมความเหลื่อมล้ำมันถึงเกิดขึ้นได้ ทำไมไม่วัดกันที่ความรู้ พวกเราส่งลูกหลานเพื่อไปเรียนพิเศษ สั่งสอนอบรมวิชาความรู้ เพื่อมานั่งดู เพื่อมาเห็น อะไรแบบนี้หรอ เรียนพิเศษมาแข่งกันแทบตาย สุดท้ายอีกคนไม่ต้องทำอะไรเลย มอ.จุฬา ธรรมศาสตร์ มหิดล เกษตร ม.เชียงใหม่ และ มหาลัยอุดมศึกษาของรัฐ

รูปภาพ

https://www.facebook.com/photo.php?fbid ... =3&theater

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 มิ.ย. 2019, 20:57 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:


อยู่ได้เดือนกว่า ก็เลยเดินทางไปดอยอ่างขาง อ.ฝาง จ.เชียงใหม่ ตอนอยู่ดอยอ่างขาง ได้เจอเหตุการณ์หนึ่ง ทำให้ตกใจมาก คือ ถูกคนอิสลามทำร้าย

เรื่องมีอยู่ว่า มีพระจะไปซื้อของฝากญาติทางบ้าน ก็ชวนเราไปเป็นเพื่อน ตรงด้านหน้าสถานีเกษตรหลวง บังเอิญ ร้านที่ซื้อเป็นร้านอิสลาม เราก็ยื่นอยู่หน้าร้าน รอพระเพื่อน ปรากฎว่ามีคนอยู่ขั้นบนโยนกระสอบลงมาโดนเราเต็มๆ แต่ดีข้างในไม่ใช่ของแข็ง ก็เลยไม่เป็นไรมาก
ด้วยความตกใจ ก็เลยรีบเดินกลับ คนรอบๆเขาก็เห็นนะ แต่ไม่มีใครกล้าว่าอะไร

อยู่ดอยอ่างขางหนึ่งเดือน ก็เลยเดินทางไปดอยปุย มาอยู่ดอยปุย ได้เจอเอกสารเล่มหนึ่งจริงๆ แล้วก็เคยอ่านนานแล้ว เป็นเอกสารที่หลุดออกมา เกี่ยวกับแผนการยึดครองประเทศไทยของศาสนาอิสลาม ในเอกสาร เขียนถึงดอยอ่างขาง และดอยปุย แล้วก็เป็นอย่างที่เขียนไว้จริงๆ คือ เขาสำเร็จแล้ว คือตรงใหนเป็นแหล่งท่องเที่ยว ย่านเศรษกิฐ การค้า เขาจะส่งคนของเขาลงไปให้แต่งงานกับคนในเพื้นที่แล้วค้าขาย เพื่อเงินจะได้อยู่ในกลุ่มคนของเขา

ดังนั้น จะเห็นได้ว่าร้านขายของฝากในสถานีเกษตรหลวงอ่างขาง จะมีร้านของคนอิสลามเกือบครึ่งหนึ่ง แล้วมีร้านอาหารใหญ่โต ตั้งอยู่หน้าสถานีเกษตรหลวงอ่างขาง หรืออย่างดอยปุยร้านขายของฝากในหมู่บ้านม้ง รวมถึงหน้าตำหนักราชนิเวศภูพิงค์ ก็เหมือนกัน

จากที่สังเกตุ ตอนเช้าไปบิณฑบาต ร้านที่เป็นคนอิสลามเขาจะเปิดร้านก่อนคนพุทธ คือ เปิดแต่เช้ามืดพอตอนเช้า พระไปบิณฑบาต นักท่องเที่ยวก็จะไปซื้อของจากร้านอิสลามมาใส่บาตร อย่างหน้าสถานีเกษตรหลวงอ่างขางกับหน้าตำหนักราชนิเวศภูพิงค์ประจำเลย จะได้แต่อาหารอิสลาม ก็คงไม่แปลกที่มีข่าว ว่า จะมีการสร้างโรงงานผลิตอาหารฮาลานที่ดอยหลอด และช่วงที่อยู่ดอยปุยก็เจออีกเหตุการณ์หนึ่ง คือ ตอนเช้า เราจะลงไปบิณฑบาตรในหมู่บ้านม้ง

มียายคนหนึ่ง แกจะพาหลานสองคนมารอใส่บาตรตรงจุดจำหน่ายตั๋วเพื่อเข้าชมดอกฝิ่นเป็นประจำทุกๆวันไม่เคยขาด ดูแล้วก็คงจะมีฐานะอยากจน แต่มีศรัทธามาใส่บาตรทุกวัน เรายังรู้สึกปลื้มเลย

แต่แล้วก็มีอยู่วันหนึ่ง ในขณะกำลังเดินบิณฑบาต ปรากฎว่ามีคนอิสลามประมาณร้อยกว่าคนเหมารถแดงขึ้นมา ถึงแล้ว ก็แบ่งกัน แยกย้ายเดินสำรวจดูหมู่บ้าน จะว่ามาเที่ยวทำไมมาแต่เข้ามืด ร้านค้ายังไม่เปิดเลย พอเดินบิณฑบาตมาถึงยายที่ว่า ปรากฎ ว่า มีคนอิสลามล้อมอยู่ประมาณ 10 คน พอเห็นพระเดินมาก็เปิดทางให้ยายใส่บาตร พอใส่เสร็จก็มาล้อมยายอีก และจากวันนั้น ยายคนนี้ไม่มาใส่บาตรอีกเลย ก็แปลกใจเหมือนกัน


http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=49704&start=60




รูปภาพ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 มิ.ย. 2019, 20:22 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เกิดเหตุคนร้าย ประกบยิงชาวไทยพุทธ 2 ผัวเมีย เสียชีวิตคาถนน 2 ศพ ขณะกลับจากตลาด ที่ อ.ระแงะ จ.นราธิวาส ชิงจยย.ไปด้วย เจ้าหน้าที่สั่งเร่งค้นหา หวั่นไปทำจยย.บอมบ์

รูปภาพ

เวลา 07.50 น.วันที่ 15 มิ.ย.62 ได้เกิดเหตุคนร้ายใช้รถ จยย.เป็นพาหนะ ใช้อาวุธปืนไม่ทราบชนิดและขนาดตามประกบยิง 2 สามีภรรยา ซึ่งเป็นชาวไทยพุทธ มีภูมิลำเนาอยู่ อ.เจาะไอร้อง จ.นราธิวาส เสียชีวิตริมถนนบ้านฮูลูปาเร๊ะ ม.1 ต.ตันหยงมัส อ.ระแงะ จ.นราธิวาส ขณะ 2 สามีภรรยาเดินทางกลับจากตลาดสดตันหยงมัส อ.ระแงะ เพื่อกลับบ้านพัก

หลังก่อเหตุ ก่อนหลบหนี คนร้ายได้ชิงรถ จยย.ของผู้เสียชีวิตไปด้วย ซึ่งล่าสุด เจ้าหน้าที่ตำรวจ ทหารได้ลงพื้นที่ตรวจสอบจุดเกิดเหตุ พร้อมตั้งจุดตรวจจุดสกัด ในการสกัดกั้นคนร้ายหวั่นคนร้ายจะนำรถ จยย.ไปใช้ซุกซ่อนระเบิด เพื่อนำไปก่อเหตุ

https://www.thairath.co.th/news/local/s ... X6PyBKX6Us

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 มิ.ย. 2019, 13:30 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
กรัชกาย เขียน:


อยู่ได้เดือนกว่า ก็เลยเดินทางไปดอยอ่างขาง อ.ฝาง จ.เชียงใหม่ ตอนอยู่ดอยอ่างขาง ได้เจอเหตุการณ์หนึ่ง ทำให้ตกใจมาก คือ ถูกคนอิสลามทำร้าย

เรื่องมีอยู่ว่า มีพระจะไปซื้อของฝากญาติทางบ้าน ก็ชวนเราไปเป็นเพื่อน ตรงด้านหน้าสถานีเกษตรหลวง บังเอิญ ร้านที่ซื้อเป็นร้านอิสลาม เราก็ยื่นอยู่หน้าร้าน รอพระเพื่อน ปรากฎว่ามีคนอยู่ขั้นบนโยนกระสอบลงมาโดนเราเต็มๆ แต่ดีข้างในไม่ใช่ของแข็ง ก็เลยไม่เป็นไรมาก
ด้วยความตกใจ ก็เลยรีบเดินกลับ คนรอบๆเขาก็เห็นนะ แต่ไม่มีใครกล้าว่าอะไร

อยู่ดอยอ่างขางหนึ่งเดือน ก็เลยเดินทางไปดอยปุย มาอยู่ดอยปุย ได้เจอเอกสารเล่มหนึ่งจริงๆ แล้วก็เคยอ่านนานแล้ว เป็นเอกสารที่หลุดออกมา เกี่ยวกับแผนการยึดครองประเทศไทยของศาสนาอิสลาม ในเอกสาร เขียนถึงดอยอ่างขาง และดอยปุย แล้วก็เป็นอย่างที่เขียนไว้จริงๆ คือ เขาสำเร็จแล้ว คือตรงใหนเป็นแหล่งท่องเที่ยว ย่านเศรษกิฐ การค้า เขาจะส่งคนของเขาลงไปให้แต่งงานกับคนในเพื้นที่แล้วค้าขาย เพื่อเงินจะได้อยู่ในกลุ่มคนของเขา

ดังนั้น จะเห็นได้ว่าร้านขายของฝากในสถานีเกษตรหลวงอ่างขาง จะมีร้านของคนอิสลามเกือบครึ่งหนึ่ง แล้วมีร้านอาหารใหญ่โต ตั้งอยู่หน้าสถานีเกษตรหลวงอ่างขาง หรืออย่างดอยปุยร้านขายของฝากในหมู่บ้านม้ง รวมถึงหน้าตำหนักราชนิเวศภูพิงค์ ก็เหมือนกัน

จากที่สังเกตุ ตอนเช้าไปบิณฑบาต ร้านที่เป็นคนอิสลามเขาจะเปิดร้านก่อนคนพุทธ คือ เปิดแต่เช้ามืดพอตอนเช้า พระไปบิณฑบาต นักท่องเที่ยวก็จะไปซื้อของจากร้านอิสลามมาใส่บาตร อย่างหน้าสถานีเกษตรหลวงอ่างขางกับหน้าตำหนักราชนิเวศภูพิงค์ประจำเลย จะได้แต่อาหารอิสลาม ก็คงไม่แปลกที่มีข่าว ว่า จะมีการสร้างโรงงานผลิตอาหารฮาลานที่ดอยหลอด


http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=49704&start=60


https://scontent.fbkk5-4.fna.fbcdn.net/ ... e=5D8E39A5

รูปภาพ

ทำไมต้องฮาลาล

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 มิ.ย. 2019, 10:27 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
อ้างคำพูด:
กบนอกกะลา
อย่าไปยุ่งกะกักกายเลย...กักกายยังคิดอยากจะปรับปรุงเปลี่ยนแปลงโลกอยู่..

viewtopic.php?f=1&t=55369&start=180


กักกายเห็นข้อความนี้แล้ว...ตะงิดๆ..รีบมาแสดงทัศนะการป้องกันพระศาสนาตามความคิดตัวเองทันที..พร้อมๆกับโยนขี้..ด้วยคำว่า...ไทยพุทธเฉย..ใส่คนอื่นทันที
:b32: :b32:

ความจริง...ขี้ที่โยนมา..มันก็ขี้ของคนที่โยนมานั้นแหละ..ไม่ใช่ขี้ของใคร...คือความเลอะเทอะ.ความไม่รู้..ของคนโยนเอง..คนโยนก็ต้องกำขี้ก่อนโยนมา..จริงมั้ย.. :b32: :b32:

ผมอยากจะบอกว่า..ทำไปเถอะ..กักกาย..ทำไปตามแนวความคิดของกักกาย..ทำไปเถอะ..ถ้าคิดว่าจะรักษาพระศาสนา..นะ

แต่ระหว่างทำไป...ก็ระมัดระวัง...อย่าทำผิดศีล..

ผมไม่เดือดร้อนถ้าใครคิดจะปรับปรุงเปลี่ยนแปลงโลก..เพื่อพระพุทธศาสนา
เพราะ..ในกองทัพหนึ่งๆ...ต้องมีหลายๆหน้าที่..มีคนประจำหน้าที่ต่างๆ กัน..เป็นธรรมดา

ส่วนคนยังเดือดร้อนอยู่ก็ให้มาเพิ่มทางปัญญา..มองโลกให้ถูก..

อ้างคำพูด:
bigtoo
เพื่อจะคิดได้. เห็นลุงแกอายุเยอะแล้วเดี๋ยวสาย


นี้คือ..ตัวอย่างหนึ่ง..ของคนที่มองโลก..ไม่ถูก

คือ..อยากจะให้คนทั้งกองทัพ..มาเป็นแต่แม่ทัพอย่างเดียวเลย...ทหารเลวไม่ต้องมี..กองทัพหน้าไม่ต้องมี..ทัพซ้ายทัพขวาไม่ต้องมี..กองเสบียงกองหลังไม่ต้องมี..ปากก็ว่า..อนิจจัง..ทุกขัง..อนัตตา..ศาสนาเสื่อมแน่นวล.. :b13: :b13:

ประเภทนี้เลอะเทอะยิ่งกว่ากักกายซะอีก

:b2: :b2:

อ้างคำพูด:
กรัชกาย
บิ๊กทู่ กบนอกกะลารู้ไหม ตอนนี้ผู้นำศาสนาอื่นเขาเข้าไปเล่นกันในสภา คือ ใช้สภาเผยแพร่ศาสนาแล้ว หมายความว่า ใช้กฎหมายบังคับแล้ว :b13: รู้ไหม


แล้วรู้เปล่าละว่า..ศาสดาของพวกเขามาเกิดเป็นชาวพุทธ..กันหมดแล้ว




จับนายหน้า“ โรฮิงยา” ฮั้วจนท. รัฐ ขึ้นทะเบียนคน

https://mgronline.com/crime/detail/9520 ... IaAPdMUntk

https://scontent.fbkk5-4.fna.fbcdn.net/ ... e=5DC65493

กบหายไป :b32: ขาดรสชาติไปเยอะเลย

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 มิ.ย. 2019, 21:08 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ยาวหน่อย แต่ก็ชัดเจน เกริ่นนำให้สังเกตว่า พุทธส่วนไหนทำลายไม่ได้ ส่วนไหนทำลายได้
ส่วนที่ทำลายไม่ได้ก็จริง แต่ส่วนที่ทำลายได้ถูกทำลายลง ก็เหมือนส่วนที่ทำลายไม่ได้ถูกทำลายด้วย แล้วให้สังเกตรัฐบาลกับศาสนาด้วย ถ้ารัฐใดส่งเสริมศาสนานั้นก็ดำรงอยู่ได้ แต่ถ้ารัฐใดไม่ส่งเสริมศาสนานั้นก็ล่มสลาย


.....................................


ไม่มีใครทำลายพระพุทธศาสนาได้

-------------------------------

เมื่อมีการกล่าวถึงการกระทำที่บ่งบอกว่าเป็นการรุกราน เบียดเบียน ทำลายพระพุทธศาสนา ก็จะต้องมีท่านจำพวกหนึ่งเอ่ยขึ้นว่า

“ไม่มีใครทำลายพระพุทธศาสนาได้ นอกจากชาวพุทธด้วยกันเอง”

เมื่อพูดดังนี้แล้ว ก็ดูประหนึ่งว่าท่านผู้พูดได้แสดงหลักความจริงอันประเสริฐที่เพิ่งถูกค้นพบ-ในขณะที่คนอื่นๆ ล้วนแต่ยังโง่ๆ เซ่อๆ อยู่ทั้งนั้น

ความจริง คำพูดนั้น-ไม่มีใครทำลายพระพุทธศาสนาได้ นอกจากชาวพุทธด้วยกันเอง-เป็นคำที่ยังพูดไม่หมดเปลือก

ถ้าไม่คิดให้ดี ก็เป็นคำพูดที่ก่อให้เกิดความประมาทได้

ผมขออนุญาตช่วยคิดนะครับ

.....................

แนวคิดเบื้องหลังคำพูดนี้เข้าใจว่าเกิดมาจากการอ่านสัทธรรมปฏิรูปกสูตร

สัทธรรมปฏิรูปกสูตร อยู่ในคัมภีร์สังยุตตนิกาย นิทานวรรค พระไตรปิฎกเล่ม ๑๖ ข้อ ๕๓๑-๕๓๕

อรรถกถาที่อธิบายพระสูตรนี้คือ สารัตถปกาสินี ภาค ๒ หน้า ๓๑๘-๓๒๔

ถ้าอ่านในพระไตรปิฎกและอรรถกถาแปล ชุด ๙๑ เล่ม ก็อยู่เล่ม ๒๖ หน้า ๖๓๐-๖๓๘

ผมไม่ยกตัวพระสูตรมา แต่ปักป้ายบอกทางไว้ให้

ขอให้มีอุตสาหะตามไปศึกษากันหน่อยนะครับ อย่าเอาแต่นั่งแสดงโวหารคมคายอย่างเดียว

.....................

ไม่มีใครทำลายหลักสัจธรรมอันเป็นคำสอนในพระพุทธศาสนาได้ เพราะสัจธรรมเป็นของประจำโลก

พระพุทธเจ้าไม่ได้บัญญัติแต่งตั้งขึ้นมาใหม่ เพียงแต่พระองค์ทรงค้นพบแล้วนำมาตรัสบอกชาวโลก

ค้นพบสิ่งที่มีอยู่แล้ว เหมือนนักวิทยาศาสตร์ค้นพบกฎต่างๆ ทางวิทยาศาสตร์

เมื่อสิ่งนั้นเป็นสัจธรรมประจำโลก ก็เป็นธรรมดาที่มันจะต้องคงอยู่ประจำโลก ไม่มีใครไปทำลายมันได้ ตราบเท่าที่โลกยังคงมีอยู่

พระพุทธศาสนามีหลักคำสอนที่เป็นสัจธรรมประจำโลก

สัจธรรมประจำโลกที่มีอยู่ในพระพุทธศาสนาจึงไม่มีใครไปทำลายได้ ตราบเท่าที่ยังมีผู้ศึกษา เรียนรู้ และปฏิบัติตามอย่างถูกต้อง

ผู้ศึกษา เรียนรู้ และปฏิบัติตามหลักคำสอนในพระพุทธศาสนา ได้ชื่อว่า “ชาวพุทธ”

ถ้าผู้ที่ได้ชื่อว่าชาวพุทธ ไม่ศึกษา ไม่เรียนรู้ และไม่ปฏิบัติตามหลักคำสอนให้ถูกต้อง หลักคำสอนที่ถูกต้องก็ไม่ปรากฏ

อย่างนี้แหละที่เรียกว่าชาวพุทธทำลายพระพุทธศาสนา คือทำให้หลักคำสอนที่ถูกต้องไม่ปรากฏ

ที่ว่ามานี้เป็นส่วนที่เป็นหลักคำสอนที่เป็นสัจธรรมประจำโลก

แต่ในพระพุทธศาสนาไม่ได้มีแต่หลักคำสอนอย่างเดียว

ยังมีตัวบุคคล
สถานที่
วัตถุ
ประเพณีพิธีการต่างๆ
อันเป็นองค์ประกอบ รวมเรียกว่า “พระพุทธศาสนา”


ที่เอามาพูดกันว่า“ไม่มีใครทำลายพระพุทธศาสนาได้ นอกจากชาวพุทธด้วยกันเอง” นั้นหมายเฉพาะส่วนที่เป็นหลักคำสอนอันเป็นสัจธรรมประจำโลกเท่านั้น

แต่องค์ประกอบอื่นๆ ของพระพุทธศาสนา คนอื่นสามารถทำลายได้ทั้งสิ้น

ทำลายวัด ทำลายพระสงฆ์ ทำลายเจดีย์วิหาร
และทำลายกิจกรรม เช่นการแสดงธรรม การปฏิบัติศาสนพิธี การบวช การตั้งโรงเรียน การสอนพระพุทธศาสนา ฯลฯ

สิ่งเหล่านี้ ใครไม่ชอบ ใครไม่ต้องการให้มี เขาสามารถทำลายได้ทั้งสิ้น และเคยมีการทำลายมาแล้วด้วย

เพราะฉะนั้น ต้องแยกให้ถูกว่าส่วนไหนทำลายได้ ส่วนไหนทำลายไม่ได้

อย่าหลับตาพูดคลุมไปว่า-ไม่มีใครสามารถทำลายพระพุทธศาสนาได้

ไม่มีองค์กรและกิจกรรมดังกล่าวนั้น
หลักสัจธรรมจะไปแสดงตัวที่ไหน

มองไปที่ผู้คนที่เดินไปมาขวักไขว่เต็มบ้านเต็มเมือง จะรู้หรือไม่ว่า-นี่ไงพระพุทธศาสนา

พระพุทธศาสนาอยู่ในใจในวิถีชีวิตของคน
แต่คนต้องอยู่ในบ้านเมือง

และพระพุทธศาสนา-เฉพาะส่วนที่ตัวหลักธรรมคำสอน-นั้น ไม่ได้เข้าไปอยู่ในใจคนได้โดยอัตโนมัติ

แต่ต้องมีการบอกกล่าว เรียนรู้ สั่งสอน อบรม
การบอกกล่าว เรียนรู้ สั่งสอน อบรม เป็นกระบวนการทางสังคม
ไม่ใช่นั่งๆ นอนๆ อยู่เฉยๆ ในบ้านใครบ้านมัน ก็เกิดขึ้นได้เอง
สังคมเอื้ออำนวย จึงทำได้
ถ้าสังคมไม่เอื้ออำนวย ก็ทำไม่ได้

ทำไมในอเมริกาจึงมีวัดพระพุทธศาสนาเกิดขึ้นได้เป็นอันมาก
แต่ทำไมในซาอุดิอาระเบียจึงไม่มีใครไปสร้างวัดพระพุทธศาสนา

ถ้าอยู่มาวันหนึ่ง ผู้ได้อำนาจรัฐในเมืองไทยใช้นโยบายเหมือนผู้ได้อำนาจรัฐในซาอุดิอาระเบีย พระพุทธศาสนาจะอยู่ในเมืองไทยได้หรือไม่

เป็นความจริง-ที่ชาวพุทธจะต้องประพฤติดีปฏิบัติชอบถูกต้องตามพระธรรมวินัย เราจึงจะรักษาพระพุทธศาสนาไว้ได้

แต่ถ้าผู้ได้อำนาจรัฐเป็นมิจฉาทิฐิ ต่อให้ชาวพุทธเคร่งครัดในพระธรรมวินัยขนาดไหน ก็อยู่ไม่ได้

จะฝันหวานขอเพียงให้พระพุทธศาสนาอยู่ในใจคนก็พอแล้ว ผู้บริหารบ้านเมืองจะทำอะไรกับบ้านเมือง เชิญตามสบายเถิด -ไม่มีใครทำลายพระพุทธศาสนาได้ นอกจากชาวพุทธด้วยกันเอง- ก็ขอให้ลองศึกษาบ้านเมืองที่เคยมีพระพุทธศาสนาเจริญรุ่งเรืองดูเถิด

...................

พระพุทธศาสนานั้นไม่มีกองกำลังติดอาวุธไว้ป้องกันตนเอง ไม่ต้องกล่าวไปถึงว่าจะมีไว้ทำร้ายใคร

พระพุทธศาสนาไปอยู่ที่ไหน ก็อาศัยผู้บริหารปกครองบ้านเมืองนั้นทำหน้าที่ “อารักขา”

ถ้าผู้บริหารบ้านเมืองเป็นสัมมาทิฐิ พระพุทธศาสนาก็อยู่ได้

ถ้าผู้บริหารบ้านเมืองไม่เอาใจใส่ ไม่เห็นความสำคัญ หรือถ้าถึงขั้นเป็นมิจฉาทิฐิ คอยขัดขวาง กีดกัน กลั่นแกล้ง พระพุทธศาสนาก็อยู่ไม่ได้ ไปไม่รอด

...................

เวลาพูดเรื่องใครจะทำลายพระพุทธศาสนา จึงต้องแยกส่วนให้ถูก อย่าสักแต่ว่าหลับตาพูดตามกันไป

นาวาเอก ทองย้อย แสงสินชัย
๑๖ พฤษภาคม ๒๕๖๒
๑๐:๓๔

https://www.facebook.com/tsangsinchai/p ... 2464634478

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 มิ.ย. 2019, 11:03 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


สิทธิที่ไม่เท่าเทียมของคนไทยในมาเลย์เซีย ซึ่งชนส่วนใหญ่นับถืออิสลาม



ชาวพุทธในไทยทุกๆภาคควรศึกษาเรียนรู้ โดยเทียบเคียงกับ คคห.ข้างบน

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 มิ.ย. 2019, 10:04 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
อีกคคห.สุดยอด ผสานกับคคห.บนๆได้สนิท

ชาวเขามีประพณีวัฒนธรรมเป็นของตัวเอง ทุกคนที่เกิดก็ซึมซับในประเพณีวัฒนธรรม โดยเฉพาะด้านความเชื่อ
ถึงบางคนนับถือพุทธก็จริง แต่ยังขาดความเข้าใจประเพณีพุทธ เพราะไม่ได้ปลุกฝังมาแต่บรรพบุรุษ ซึ่งต่างจากชาวคริสต์ในสกลนคร ถึงจะนับถือคริสก็จริง แต่พวกเขานับถือพุทธมาก่อน คุ้นเคยกับประเพณีพุทธมาตั้งแต่บรรพบุรุษ แล้วค่อยมาเปลี่ยนเป็นคริสต์ภายหลัง
เมื่อเปลี่ยนมานับถือคริสต์ก็จริง สิ่งที่ถูกฝัง สิ่งที่คุ้นเคยก็ยังอยู่ จึงไม่แปลกที่พวกเขายังมาใส่บาตร หรือบางคนที่ใส่บาตร มีญาติพี่น้องที่ยังไม่เปลี่ยนเป็นคริสต์มาบวชอยู่ก็มี
ที่มหาลัยสงฆ์ ก็มีพระเพื่อนที่มาจากสกลนคร ก็เล่าให้ฟัง เขามาบวช แต่ญาติทางบ้านเปลี่ยน
ไปนับถือศริสต์ แต่ก็ยังใส่บาตรอยู่ และ ที่สำคัญ คือ ชาวคริสต์ในสกลนครนั้น ถูกซื้อตัวไป
เรื่องการปฏิบัติจึงไม่ค่อยเคร่งเท่าไหร่
แต่อย่าลืม ว่า อิสลามไม่เหมือนคริสต์นะ คริสต์ยังเข้ากันได้ แต่อิสลามเขาไม่เอาใครนะ


อ้างคำพูด:
จี้รัฐ ตั้งศาลชารีอะห์ พิจารณาคดีมุสลิมไทย


https://prachatai.com/journal/2007/02/11721

อยู่ร่วมกับฝ่ายอื่นไม่ได้

https://scontent.fbkk5-3.fna.fbcdn.net/ ... e=5D9215FB

https://www.facebook.com/photo.php?fbid ... =3&theater

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 433 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 3, 4, 5, 6, 7, 8, 9 ... 29  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 54 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร