อ่านมาตั้งนานยังไม่รู้จักกิเลสอีกเหรอ
ปัญญาต้องรู้จักกิเลสทั่วตัวก่อนนะคะ
ถึงจะรู้ว่ากำลังปัญญามีระดับไหนที่จะ
ลด ละ เลิก ทิฏฐิมานะทำด้วยความไม่รู้
เพราะอันที่มีความคิดเห็นว่าต้องไปทำ
ตามความต้องการอยากได้เพิ่มมันผิด
เพราะคำสอนของพระพุทธเจ้ารู้แล้วสลัดทิ้งค่ะ
ก็ที่พากันไปทำตามๆกันอยู่ตามสำนักปฏิบัติน่ะ
ไม่รู้ว่าตอนไปทำตามๆกันนั้นน่ะลืมพึ่งคิดตามคำสอนแล้วค่ะ
เคยทำผิดตามคนอื่นบอกมาเยอะลองฟังแล้วเชื่อหูตัวเองดูบ้าง
ตอนที่กำลังฟังและคิดเหตุผลตามได้อยู่นั้นไม่ได้ไปทำตามใครสั่งน๊า

ฟังให้เข้าใจจะได้รู้ว่าชาวบ้านถูกพฤติกรรมกิเลสนักบวชหลอกลวงเห็นเห็นจะจะอะไรบ้างค่ะ
https://youtu.be/gEPIw4-ZXbw

https://www.facebook.com/photo.php?fbid ... =3&theater

ผมเคยเขียนว่าชาวเคิร์ดมีน้ำใจเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ อย่างไรก็ตามเพื่อนชาวเคิร์ดของผมก็มักจะมีด้านดาร์คอยู่ในใจด้วยเช่นกัน

นั่นเพราะพวกเขาล้วนผ่านสงครามกันมาแล้วทั้งสิ้น โดยชาวเคิร์ดที่อายุสามสิบกว่านั้น ต้องเคยผ่านมาอย่างน้อยห้าสงคราม (สงครามอิรักอิหร่าน สงครามอ่าวเปอร์เซียครั้งที่หนึ่ง และครั้งที่สอง สงครามกลางเมืองเคิร์ด สงครามฆ่าล้างเผ่าพันธุ์เคิร์ด สงครามปราบ ISIS และสงครามกู้เอกราชเคิร์ด)

นอกจากนั้นพวกเขายังผ่านการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์มาสามครั้ง (ซัดดัมฆ่าในปี 1983 และ 1988 ISIS ฆ่าปี 2014) มีชาวเคิร์ดตายจากการฆ่าล้างดังกล่าวมากกว่าสองแสนคน ต้องอพยพลี้ภัย ถูกบังคับจับเป็นทาสอีกไม่นับได้

ตามโพสต์ก่อนๆ ผมเขียนว่าภาวะสงครามนี้มิได้เกิดขึ้นเฉพาะกับชาวเคิร์ด แต่เป็นกันทั้งภูมิภาคตะวันออกกลาง เพราะที่นี่มีทรัพยากรน้ำมันมาก แต่รัฐบาลชาติต่างๆ มักอ่อนแอ จึงถูกมหาอำนาจแทรกแซงอยู่เสมอ

เพื่อนชาวเคิร์ดของผมชื่อ การ์บี มุสตาฟา เป็นนักเขียนชื่อดัง เขาได้ให้มุมมองที่ลึกลงไปอีก

...เขาบอกว่าที่ตะวันออกกลางนี้มี “วัฒนธรรมแห่งความเกลียดชัง” (culture of hate) ผู้คนมักไม่พยายามเข้าใจคนที่มีชาติ ศาสนา หรือภาษาแตกต่างจากตน เมื่อไม่เข้าใจก็นำสู่ความกลัว และนำสู่การระแวงเกลียดชัง

“ศาสนาอิสลามควรจะช่วยเรื่องนี้ แต่น่าเสียใจที่การตีความศาสนาต่างกันกลับยิ่งเสริมวัฒนธรรมแห่งความเกลียดชังยิ่งขึ้นอีก”

ทั้งหมดที่เขียนมานี้ ผมไม่ได้บอกว่าชาวเคิร์ดปราศจากความแค้น หรืออคติต่อเผ่าที่เคยมารังแกเขา อย่างไรก็ตามชาวเคิร์ด ค่อนข้างเห็นใจชนกลุ่มน้อยที่ถูกกดขี่ เพราะตัวเองก็เป็นชนกลุ่มน้อยเช่นกัน

ตลอดทางที่ผมนั่งรถผ่านเคอร์ดิสถานอิรัก ผมได้เห็นค่ายผู้อพยพหลายค่าย ได้แก่ค่ายชาวซีเรียที่หนีสงครามมา, ค่ายชาวยาซิดีที่หนีการกดขี่ของ ISIS, และค่ายชาวอาหรับสุหนี่ที่ถูกอาหรับชีอะห์ในอิรักกดขี่

...ต้องย้ำเตือนว่าตอนที่ซัดดัมเรืองอำนาจนั้น เขาปกครองโดยเอาใจชาวอาหรับสุหนี่ และฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวเคิร์ด เอาชาวอาหรับสุหนี่มาอยู่แทนบ้านร้างของเคิร์ดเพื่อกลืนชาติ (เคิร์ดก็นับถือสุหนี่ แต่ถูกรังเกียจเพราะเป็นเคิร์ด)

ตอนนี้สิ้นซัดดัมแล้ว ชาวอาหรับสุหนี่หมดบุญวาสนากลายเป็นชนกลุ่มน้อย ถูกพวกอาหรับชีอะห์รังแกแก้แค้น ไม่รู้จะไปทางไหนก็หนีตายมาอยู่กับเคิร์ดเป็นหลายค่าย หลายหมื่นคน...

...นี่ยังไม่นับผู้อพยพ ISIS แปดหมื่นคนที่เคิร์ดซีเรียยอมเลี้ยงไว้มิได้แก้แค้น และกำลังได้รับความลำบากจากการเลี้ยงดูดังกล่าว...

...ครั้งหนึ่งคณะของผมเดินทางไปสุสานของตำบลบาร์ซาน ...ซัดดัมเคยจับผู้ชายของตำบลนี้กว่า 8,000 คน ไปฆ่าล้างไม่แบ่งแยกเด็ก คนแก่

ขณะเที่ยวชมสุสานนั้นเราได้พบผู้หญิงชรากลุ่มหนึ่ง ไกด์สอบถามพบว่าผู้หญิงกลุ่มดังกล่าวคือเหยื่อที่เคยสูญเสียญาติฝ่ายชายทั้งปู่ พ่อ พี่ สามี ลูก ให้กับการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ พวกเธอมาเคารพสุสานทุกวันศุกร์ เพื่อรำลึกถึงญาตินั่นเอง

เล่าถึงตรงนี้พวกหญิงชราก็พากันร้องไห้ ไกด์ของผมก็สะอื้น เพราะเขาเองเคยเป็นเหยื่อสงครามเช่นกัน

แต่ด้วยความเป็นมืออาชีพ เขาไม่อาจให้พวกผมเห็นเขาร้องไห้ได้ เขาจึงหยุดการแปล เดินหนี และรีบเรียกให้พวกผมขึ้นรถ

สมาชิกบางคนในกลุ่มผมได้เพียงแต่ไปกอดเพื่อปลอบใจหญิงชราเหล่านั้นก่อนจะร่ำลากัน...

ภาพแนบ: พวกเรากอดปลอบใจหญิงชรา ขณะที่ไกด์ (ผู้ชายไม่เห็นหน้าทางด้านขวาสุดของภาพ) กำลังเดินหนี ภาพนี้ถ่ายโดยน้องชายของไกด์

อดีตยังอยู่ไม่ได้หายไปไหน

https://pantip.com/topic/33313658?fbcli ... yotDaRAvOc

แต่ปี 57 ป่านนี้คงมีบัตรประจำตัวประชาชนบ้างแล้วแล้วก็อยู่ตามสุเหร่าที่ตั้งรอไว้ในทุกๆจังหวัด

คนที่นับถือคำสอนศาสนาอื่นเขาก็ทำตามคำสอนของศาสนาของเขา
เราอ่ะนับถือคำสอนของใครอยู่ปากบอกนับถือแต่ทำลายไม่ทำตามคำสอนอ่ะ
เช่นบวชแล้วรับเงินสอนชาวบ้านไม่ได้พอชาวบ้านบอกว่ารับเงินไม่ได้ด่าชาวบ้าน=ด่าตถาคต
เพราะชาวบ้านฟังและคิดตามคำสอนจนเข้าใจว่าพระคือโจรปล้นคำสอนทำเพื่อเงินทองยศฐาบรรดาศักดิ์

https://buc.kim/d/0pe7fwSmv6dW
สาวใส่ชุดวาบหวิว ใส่บาตร โพสต์ขอโทษแล้ว
รู้ว่าชุดไม่ดีแค่ใส่บาตรให้พี่ที่ตายไป

ทำเป็นเรื่องใหญ่โต

อ. วัชรพล สยามวานิช เขียนได้ดีมาก ควรอ่านค่ะ.

▪️คนไทยไม่ยอม▪️

ต้องขอโทษชาวมุสลิมทุกท่านที่เข้ามาอ่าน เราจำเป็นต้องต่อต้านลัทธิความเชื่อของท่าน เพราะพวกท่านต้องการยึดครองประเทศไทย บางคนบอกว่า เราอยู่กันไม่มีปัญหามาตลอด เเต่ผมมาสร้างความเเตกเเยก เเต่เดิมนั้นไม่มีการยึดครอง เเต่ปัจจุบันอิสลามเอาการเมืองมาใช้ในทางศาสนาเต็มรูปเเบบ ท่านต้องการยึดครองประเทศไทย
การเอาอิสลามไว้ยึดกระทรวงมหาดไทยเเล้วเอา
รมต.มหาดไทย ปลัดมหาดไทย อธิบดีกรมปกครอง
ผู้ว่าทุกจังหวัดทั่วประเทศ มาสนับสนุนกิจกรรมของ
อิสลามนี่คือการยึดครอง การที่อิสลามเมื่อมีมัสยิด
ครบ3เเห่งในเเต่ละจังหวัด สามารถตั้งคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดได้ เเละจังหวัดใดมีคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัด จังหวัดนั้นสามารถตั้งที่ปรึกษาผู้ว่าราชการจังหวัดได้จังหวัดละ 9-30 คน เเละที่ร้ายกาจมากคือทุกคนไม่ว่าจะเป็น คณะกรรมการ
อิสลามประจำจังหวัด ไม่ว่าที่ปรึกษาผู้ว่าราชการ
ทุกคนมีเงินเดือนเหมือนราชการ จากกระทรวง
มหาดไทย เเละยังมีอีกที่พวกท่านซ่อนหมากซ่อน
การเมืองไว้ในศาสนา ในการเดินทางไปเเสวงบุญ
ฮัจจ์นั้น ต้องใช้ราชการผู้ใหญ่จำนวนมาก ในการ
ดูเเลท่านผู้เดินทางไปเเสวงบุญ คนที่มาดูเเลจะต้อง
เป็นมุสลิม คืออะไร? หมายความว่า ต่อไปข้าราชการ
ผู้ใหญ่ในประเทศนี้เกือบทั้งหมดจะต้องเป็นมุสลิม
นี้คือชัดเจนว่า คือการยึดครอง เเล้วท่านจะมาบอกว่า
เราอยู่ด้วยกันอย่างร่มเย็นเป็นสุข ไม่มีปัญหา ตอนนี้
มีคนมาทำให้เกิดความเเตกเเยกเพราะมีคนนำเรื่องนี้
มาพูด เดิมทีที่ชาวพุทธยอมเพราะชาวพุทธส่วนมาก
ไม่รู้ ถ้าชาวไทยพุทธรู้ไม่มีใครยอม เพราะฉะนั้นเมื่อ
ความจริงกระจ่าง
พรบ.อิสลามทุกฉบับที่สนับสนุนอิสลามให้
มีการยึดครอง จะต้องยกเลิกทั้งหมด อิสลามจะต้อง
กลับไปอยู่กรมการศาสนาเหมือนเดิม อยู่เหมือน
ศาสนาอื่นที่อยู่ในประเทศนี้ นี่คือการอยู่อย่างสันติ
เเต่ปัจจุบันนี้ ไม่ใช่สันติ มุ่งขยายมัสยิด เปิดช่อง
ให้รับเงินจากต่างชาติทั้งทางลับเเละเปิดเผย เขียน
พรบ.เปิดช่องให้สร้างมัสยิดโดยไม่ต้องทำประชาวิจารณ์ บางหมู่บ้านเช่นจ.สกลนครไม่มีใครรู้ วันดี
คืนดีมีมัสยิดขึ้นกลางหมู่บ้าน เขียนพรบ.เปิดช่อง
ให้เปิดกระจายเสียงละหมาดได้ วันละ5 เวลา โดยไม่ต้องเกรงใจชาวพุทธที่อยูรอบข้าง บางเเห่งไปสร้างติดวัดเเล้วก็หันลำโพงเข้าวัด นี่คือมาสร้างมลภาวะทางเสียง บางเเห่งเช่นที่ภูเก็ตเสียงดังมาก โรงเเรม
ร้องเรียน พากันยกพวกมาล้อมโรงเเรม ทั้งหลาย
ทั้งปวงที่เล่ามาคือการเข้ามาก้าวล่วงความปกติสุข
ของชาวพุทธ
การอยู่อย่างปกติสุข หมายถึงการให้เกียรติซึ่ง
กันเเละกัน การไม่เบียนเบียดซึ่งกันเเละกัน การไม่
ก้าวล่วงซึ่งกันเเละกัน เเละการไม่คิดครอบงำยึดครองมีการครอบงำยึดครองจะมาบอกว่า อยู่
อย่างปกติสุขไม่ได้ เมื่อมีการครอบงำยึดครอง
อย่างไงชาวพุทธก็ไม่ยอม เเม้จะมีการส่งเสียงมา
ดังๆว่า ถ้าไม่ยอมจะต้องเกิดสงครามศาสนา จะเกิด
ก็ต้องเกิด เพราะคนไทยไม่ยอมเเน่
จึงฝากไปถึงผู้นำของอิสลามให้รู้ความจริง
เรื่องนี้ว่า คนไทยไม่ยอมเเน่ ถ้าท่านต้องการ
สันติจริง ท่านก็ต้องทำเหมือนศาสนาอื่นที่อยู่
ในประเทศไทย

อาจารย์วัชรพล สยามวานิช
16 ธันวาคม 2562

https://www.facebook.com/pm.montasavi?_ ... cfeutQeAPw

นี้คือผลงานของพวกเขาที่ศูนย์อิสลามศึกษาแม่ป๋าม อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ ที่พยายามมาเป็น 30-40 ปีที่เดินดาวะห์มาทางภาคเหนือ เครือข่ายมุสลิมรักมนุษยชาติแห่งประเทศไทย เผย 25 ปีที่เผยแพร่ศาสนาอิสลามแก่ชาวเขาในภาคเหนือ มีคนเข้ารับอิสลามจำนวนหนึ่ง เปิด 4 ศูนย์ดูแลลูกชาวเขา 200 คน ส่งเรียนจนจบ ป.ตรีและโทถึง 30 คน อบจ.ปัตตานีหนุนพัฒนาศักยภาพคนไปดะวะห์ตั้งแต่ปี 2550
@
เครือข่ายมุสลิมรักมนุษยชาติแห่งประเทศไทย จัดประชุมครบรอบ 25 ปี เครือข่ายมุสลิมรักมนุษยชาติแห่งประเทศไทย เมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม 2560 ที่ผ่านมา ที่หอประชุมวันมูหะมัดนอร์ มะทา มหาวิทยาลัยฟาฎอนี อ.ยะรัง จ.ปัตตานี
เครือข่ายมุสลิมรักมนุษยชาติ ฯ เป็นเครือข่ายของนักดะวะห์ (ผู้เผยแพร่ศาสนาอิสลาม) ประกอบด้วย นักดะวะห์ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ มุสลิมในภาคเหนือ และกลุ่มอัลเราะมะฮ ประเทศมาเลเซีย มีหน้าที่เผยแพร่ศาสนาอิสลามแก่ชาวเขาในภาคเหนือ โดยเฉพาะในจังหวัดพะเยากับเชียงราย และนำเด็กๆของชาวเขาบางส่วนไปเลี้ยงดู ให้การศึกษาระดับประถมจนถึงระดับปริญญาตรีทั้งสายสามัญและศาสนา

ดร.นูรดินอับดุลเลาะห์ ดากอฮา อาจารย์ประจำมหาวิทยาลัยฟาฎอนี เปิดเผยว่า ในรอบ 25 ปีที่ผ่านมา เครือข่ายมุสลิมรักมนุษยชาติฯ ทำหน้าที่ดะวะห์ในพื้นที่ภาคเหนือได้เจอกับความยากลำบากต่างๆนาๆ แต่ด้วยความประสงค์ของอัลลอฮทำให้มีผู้เข้ารับอิสลามจำนวนหนึ่งนอกจากนี้ เครือข่ายมุสลิมรักมนุษยชาติฯ ได้เลี้ยงดูลูกของชาวเขาประมาณ 200 คน ภายใต้การดูแลของศูนย์การเรียนรู้อิสลามในภาคเหนือ 4 ศูนย์ด้วยกัน โดยอยู่ในจังหวัดเชียงราย 3 ศูนย์ และพะเยา 1 ศูนย์ รวมทั้งได้เปิดโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลามระดับประถมศึกษา 1 แห่ง เพื่อให้ลูกชาวเขาได้รับการศึกษาทั้งสายศาสนาและสามัญ

ผศ.ดร.อะหมัดอุมาร์ จะปะกียา รองอธิการมหาวิทยาลัยฟาฎอนี กล่าวว่า การดะวะห์ 25 ปีของเครือข่ายมุสลิมรักมนุษยชาติฯ ถือว่า ประสบความสำเร็จอย่างมาก เพราะทำให้มีชาวเขาในภาคเหนือเข้ารับศาสนาอิสลามจำนวนหนึ่ง สามารถเลี้ยงดูเยาวชนชาวเขา 30 คนที่สามารถเข้าศึกษาถึงระดับปริญญาตรี และปริญญาโท ถือว่าประสบความสำเร็จเร็วมาก “สิ่งที่สำคัญมากที่สุดคือ เราจะต้องวางระบบการดะวะห์ให้มีความเข้มแข็งต่อไป เพื่อให้งานดะวะห์ประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็วในอนาคต” ผศ.ดร.อะหมัดอุมาร์ กล่าว

นายเศรษฐ์ อัลยุฟรี นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ปัตตานี กล่าวว่า อบจ.ปัตตานีได้สนับสนุนการกิจกรรมของเครือข่ายมุสลิมรักมนุษย์ชาติฯ โดยทำโครงการพัฒนาศักยภาพผู้นำศาสนาและผู้ท้องถิ่นในพื้นที่จังหวัดปัตตานี ไปดะวะห์แก่ชาวเขาในภาคเหนือตั้งแต่ปี 2550 ถึงปัจจุบัน ซึ่งถือว่าเป็นโครงการที่ประสบความสำเร็จอย่างมากของอบจ.ปัตตานี

นายวีรลักษณ์ คาล่า เยาวชนคนหนึ่งที่เครือข่ายมุสลิมรักมนุษย์ชาติฯ ให้การสนับสนุนการศึกษาจนจบปริญญาตรีจากมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี คณะศึกษาศาสตร์ เอกฟิสิกส์ กล่าวว่า การนับถือศาสนาอิสลามทำให้ตนมีเป้าหมายของชีวิตมากยิ่งขึ้น เปรียบเสมือนกับการที่ได้ขุมทรัพย์ที่มีมูลค่ามหาศาล ตนไม่รู้หรอกว่าใครที่ช่วยเหลือตนบ้าง แต่ขอให้อัลลอฮตอบแทนในคุณงามความดีของบุคคลเหล่านี้

https://www.facebook.com/photo.php?fbid ... =3&theater

นั่นคือวิธีการเผยแผ่ลัทธิของเขา รับส่งเสียให้เรียนจนจบ ป.ตรี ป.โท ทั้งผู้เผยแผ่และเรียนทำเพื่อพระอัลลอฮฺ มีพระเจ้าเป็นศูนย์กลาง

เค้าทำบุญ ก็ได้บุญกริยา ไปหลายข้อเรย

ดูคอมเมนต์ด้วย

https://www.facebook.com/photo.php?fbid ... =3&theater

คลิป

https://www.facebook.com/10002970022975 ... 4NTM0Mjg5/

ที่เห็นและใด้ยินอยู่นี้ ไม่ใช่ดินแดนทะเลทรายที่ใหน!
"แต่ที่นี่คือ หาดใหญ่ จ.สงขลา ไทยแลนนี่เอง!

ฟังหน่อยฟังให้จบ

https://www.facebook.com/10004167699853 ... IwMjU2MzE/

@ คลิบหลุด!! อิสลาม
เพราะเป็นรัฐบาลทหาร
ทำให้นายอนุมัติ อาหมัด
เดินเรื่อง พรบ.ฮัจย์ ปี 59
อิสลามทำได้สำเร็จ

@ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย
เขาเขียนไว้เลยว่าธนาคารอิสลาม ตั้งขึ้นมา
เพื่อให้พี่น้องที่นับถือศาสนาอิสลาม
พี่น้องมุสลิม เข้าถึงแหล่งเงินทุนในระบบชะรีอะห์
พี่น้องมุสลิมจะได้ไม่เสียดอกเบี้ย

ฯลฯ