วันเวลาปัจจุบัน 19 มี.ค. 2024, 15:28  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ]    Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 พ.ค. 2020, 05:33 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
อาสาสมัคร
อาสาสมัคร
ลงทะเบียนเมื่อ: 06 มี.ค. 2009, 10:48
โพสต์: 5091


 ข้อมูลส่วนตัว


บางคนบอกว่า “โลกนี้วุ่นว่ายเหลือเกิน ไม่อยากกลับมาเกิด ฉันพอ พอแล้ว” ความคิดอย่างนี้ดีไหม? ขอตอบว่า แล้วแต่เจตนา

ความปรารถนาที่จะออกจากวัฏสงสารมีสองประเภท หนึ่ง ปรารถนาเพราะเห็นโทษในการเวียนว่ายตายเกิดตามความเป็นจริง สอง ปรารถนาเพราะเบื่อหน่าย

ประเภทที่สองเป็นอาการของ วิภวตัณหา คือ ไม่อยากมีไม่อยากเป็น ความปรารถนาอย่างนี้ไม่เกิดผลที่ต้องการ เพราะตัณหาย่อมเพิ่มความผูกพันอยู่เสมอ ไม่สามารถนำไปสู่การหลุดพ้นได้ ข้อนี้สำคัญมาก นักปฏิบัติควรสังเกตว่าถ้ายึดไว้ซึ่งอารมณ์ไม่ชอบ รังเกียจ เบื่อหน่ายสิ่งใดแล้ว แม้แต่สิ่งนั้นไม่ดีก็ตาม นั่นคืออาการของกิเลส ไม่ใช่ทางออกจากทุกข์

หลวงพ่อชาเคยสอนว่า โลกคืออารมณ์ หลงโลกคือหลงอารมณ์ จะออกจากโลก ต้องออกจากอารมณ์ การไม่เกิดที่ควรสนใจศึกษาจึงอยู่ที่การฝึกให้รู้จักวิธีไม่เกิดเป็นเจ้าของอารมณ์

พระอาจารย์ชยสาโร













ภาวนาดีอย่าไปดีใจ ภาวนาไม่ดีอย่าไปเสียใจ ให้ดูเอาเฉยๆ ว่าที่ภาวนาดีไม่ดีนั้น เป็นเพราะอะไร ถ้าเราสังเกตได้ อีกไม่นานก็จะกลายเป็นวิชชาขึ้นมาในตัวเรา

ท่านพ่อเฟื่อง โชติโก









... จิตที่มี.."สติที่เป็นมหาสติ" ก็คือ
ควบคุมความคิดได้ หยุดความคิดได้
หยุดอารมณ์ต่างๆได้

.พอโกรธก็หยุดได้ พอโลภก็หยุดได้
เรียกว่า "มีกำลังที่สามารถคุมจิตได้"
เรียกว่า..มหาสติ

.พวกที่ไม่มีมหาสติ
บางทีก็คุมได้ บางทีก็คุมไม่ได้
บางทีโกรธ บางทีก็หยุดได้
บางทีก็หยุดไม่ได้ ..นี่ต่างกัน.
...................................
คัดลอกการสนทนาธรรม
ธรรมะบนเขา 24/7/2561
พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
วัดญาณสังวรารามฯ ชลบุรี











#พึงเจริญให้มาก_ทำให้มาก

"การทำให้มากนั้น มิใช่หมายความแต่ว่า
การเดินจงกรมเท่านั้น ให้มีสติ หรือพิจารณาในทุกทีทุกกาลทุกเมื่อ ยืน เดิน นั่งนอน กิน
ดื่ม ทำ คิด พูด ก็ให้มีสติรอบคอบในกายอยู่เสมอ จึงชื่อว่า "ทำให้มาก"

เมื่อพิจารณาในร่างกายนั้นจนชัดเจนแล้ว
ให้แบ่งส่วนแยกส่วนออกเป็นส่วน ๆ ตามโยนิโสมนสิการ ตลอดจนกระจายออกเป็นธาตุดิน ธาตุน้ำ ธาตุลม ธาตุไฟและพิจารณาให้เห็นเป็นตามนั้นจริง ๆ

อุบายตอนนี้ ตามแต่ละตนจะใคร่ครวญ
ออกอุบายตามที่ถูกจริตนิสัยของตน แต่
อย่าละทิ้งหลักเดิมที่ตนได้รู้ครั้งแรกนั่นเทียว พระโยคาวจรเจ้าเมื่อพิจารณาในที่นี้ "พึง
เจริญให้มาก ทำให้มาก"

"อย่าพิจารณาครั้งเดียวแล้วปล่อยทิ้งตั้ง
ครึ่งเดือนตั้งเดือน" ให้พิจารณาก้าวเข้าไป ถอยออกมาเป็นอนุโลม ปฏิโลม คือเข้าไป
สงบในจิต แล้วถอนออกมาพิจารณากาย
"อย่าพิจารณากายอย่างเดียว หรือสงบจิตอย่างเดียว"

พระโยคาวจรเจ้าพิจารณาอย่างนี้ชำนาญแล้ว หรือชำนาญอย่างยิ่งแล้ว คราวนี้แลส่วนที่จะเป็นเอง คือ "จิตย่อมรวมใหญ่ เมื่อรวมพับลง ย่อมปรากฎว่า ทุกสิ่งรวมลงเป็นอันเดียวกันว่า โลกนี้ราบเหมือนหน้ากลอง เพราะมีสภาพเป็นอันเดียวกัน"

ไม่ว่าป่าไม้ ภูเขา มนุษย์ สัตว์ แม้ที่สุดตัวเราก็ต้องล้มราบเป็นที่สุดอย่างเดียวกัน "พร้อมกับญาณสัมปยุต คือรู้ขึ้นมาพร้อมกันในที่นี้ ตัดความสนเทห์ในใจได้เลย จึงชื่อว่ายถาภูตญาณทัสนวิปัสสนา คือทั้งเห็นทั้งรู้ตามความเป็นจริง... "

#มุตโตทัย
#หลวงปู่มั่น_ภูริทัตโต











"การพิจารณา" ใบไม้หล่น ใบไม้ร่วง
นำมาเป็นธรรมะ ย่อมเป็นธรรมดาได้
เป็นเรื่องของสังขารที่ร่วงโรย เป็นเรื่องธรรมะ
พิจารณากาย ทั้งภายนอกภายในถ้าพิจารณาเป็น
ของโลกก็เป็นของโลก ถ้าพิจารณาให้เป็นธรรมก็เป็น
ธรรม เวลามีชีวิตอยู่ให้รีบทำแต่ความดี ไม่ประมาทเอาตายเขามาน้อม เข้ามาพิจารณา ชีวิตที่ไม่อยู่ให้เป็นคุณค่า ก็ได้ไปจิตก็เป็นบุญ

โอวาทธรรม : หลวงปู่สมศรี อตฺตสิริ
วัดป่าเวฬุวนาราม จ.เลย











สติแบบทวนกระแสอารมณ์

เหมือนปลาที่มีความรู้สึกชำนาญต่อกระแสน้ำ
มันก็ไม่เคยย่อท้อต่อกระแสน้ำ
มันนอน ก็นอนในกระแสน้ำ
ดำรงชีวิตในกระแสน้ำ
แต่มันทนกระแสน้ำได้

หลวงพ่อเลี่ยม ฐิตธมฺโม










" คนยังไม่ถึงคราวตาย
มันก็ยังไม่ตายหรอก
เมื่อหมดเวรกรรมแล้ว
ทุกคนก็ต้องตาย
ไม่มีใครหนีพ้นไปได้

เรื่องเจ็บไข้ได้ป่วย
มันเป็นเรื่องปกติ
ของมนุษย์บนโลก
อย่าไปยึดติดกับมัน

หมั่นทำความดี
อย่าสร้างเวรกรรม
แล้วชีวิตจะดีเอง
ทุกคนหนีความตาย
กันไปไม่พ้นหรอก "

โอวาทธรรม
หลวงพ่อโอภาสี









“..โรค มันบ่หาย
อย่างถาวร เพราะจิตเรา
แต่ละดวงมาเวียนว่าย
ตายเกิดอยู่อย่างนี้

ถ้าเราอยากหายจากโลก
ก็ต้องภาวนา
ไม่ต้องมาเกิดมาตาย

ให้พิจารณาตาย
จะได้บ่มาเกิดอีก
จึงจะหายจากโรคได้..”

โอวาทธรรม
หลวงตาสมหมาย อตฺตมโน









". การจะเป็นคนดีต้องฝืน
ฝืนต่อสิ่งที่ไม่ดี ซึ่งเคยทำ
อยู่แล้ว ฝืนตรงนั้นแหละ
ฝืนสิ่งนั้นแหละ

อยากทำก็ไม่ทำ ความอยาก
เป็นเรื่องของข้าศึก
อยากในสิ่งที่ไม่เกิดผล
เกิดประโยชน์ต้องหักห้าม
อยากในสิ่งที่จะทำตน
ให้เสียให้ล่มจมลงไป
ต้องหักห้าม

เพราะนั้นคือฝ่ายต่ำ
ที่จะฉุดลากเรา
ให้เป็นคนต่ำลงไป
ชั่วช้าเลวทรามลงไป
เราจึงต้องฝืนไม่ทำตามมัน.."

โอวาทธรรม
หลวงตาพระมหาบัว
ญาณสัมปันโน










" เมตตาจริงๆ จิตสงบ
ก็เมตตาเจ้าของ
เมตตาคนอื่นด้วย
รู้จักไหม

ไม่ได้คิดเบียดเบียนใคร
ไม่รักไม่ชังใคร
เจ้าของมีแต่ความสุข

อยากให้ผู้นั้นดี ผู้นี้ดี
“ตัวอยาก” มันเป็นเปรต
มันไม่ใช่เมตตา
อันนั้นทำลาย "

โอวาทธรรม
หลวงปู่แปลง สุนทโร









"เงินไม่สำคัญเสมอไป"

เงิน.. ซื้อเตียงนอนได้ แต่ซื้อการหลับเป็นสุขไม่ได้
เงิน.. ซื้อกระดาษปากกาได้ แต่ซื้อความเป็นกวีไม่ได้
เงิน.. ซื้ออาหารดีๆ ได้ แต่ซื้อความอยากรับประทานไม่ได้
เงิน.. ซื้อความประจบสอพลอได้ แต่ซื้อความจริงใจไม่ได้
เงิน.. ซื้อการตามใจได้ แต่ซื้อความจงรักภักดีไม่ได้
เงิน.. ซื้อเพชรนิลจินดาได้ แต่ซื้อความงามไม่ได้
เงิน.. ซื้อความสนุกชั่วคราวได้ แต่ซื้อความสุขไม่ได้
เงิน.. ซื้อเพื่อนร่วมเดินทางได้ แต่ซื้อเพื่อนแท้ไม่ได้
เงิน.. ซื้ออำนาจราชศักดิ์ได้ แต่ซื้อปัญญาไม่ได้
เงิน.. ซื้ออาวุธยุทธภัณฑ์ได้ แต่ซื้อสันติสุขไม่ได้
เงิน.. ซื้อเมียที่สวยได้ แต่ซื้อแม่ที่ดีให้ลูกไม่ได้
เงิน.. จะสำคัญเมื่อจำเป็นต้องใช้เท่านั้น

หลวงพ่อจรัญ ฐิตธมฺโม












"ถ้าใครทำไม่ดีหรือโกรธ อย่าโกรธตอบ
ถ้าท่านโกรธตอบ ท่านจะโง่ยิ่งกว่าเขา
จงเป็นคนฉลาด สงสารเห็นใจเขา
เพราะเขากำลังได้รับทุกข์"

หลวงปู่ชา สุภัทโท









“เราทั้งหลาย ควรพิจารณาเนืองๆ ทุกวันว่า
เรามีกรรมเป็นของตนเอง และอย่าได้ประมาท
เรื่องของกรรม

เราทำกรรมอย่างใดไว้ ใครไม่รู้ไม่เห็น
ก็ว่าจะไม่ได้รับผลของกรรมนั้น
อย่าได้เข้าใจอย่างนั้นเป็นเด็ดขาด

การทำบาป หรือการทำบุญ
จะทำในที่ลับ หรือในที่แจ้ง
หรือใครไม่รู้ ไม่เห็น ก็ตัวของเรา
ใจของเรารู้เห็นเอง

เมื่อเป็นเช่นนี้ ก็กล่าวไว้ว่า
ที่ลับไม่มีในโลกนี้
แม้ว่าจะลับตาลับหูคนอื่น
แต่เราก็รู้ เราก็เห็นคนเดียว
เรื่องของกรรมมันเป็นอย่างนี้...”

ครูบาเจ้าพรหมมา พรหมจักโก











..#สุขกะอยู่ใจ #ทุกข์กะอยู่ใจ

ความพอกะอยู่ใจ ความโลภกะอยู่ใจ ความโกรธกะอยู่ใจ ความหลงกะอยู่ใจ พระอริยเจ้ากะอยู่ใจ เปรตผีกะอยู่ใจ สำคัญกะคือใจ ใจมันปกติดีบ่อ ถ้าใจมีความวุ่น มีความหมอง เพราะความชั่ว มันกะเป็นทุกข์ เมื่อทุกข์แล้วเปรตผี สัตว์เดรัจฉานมันกะมาสถิตย์ ถ้าใจมันมีสุข มีปิติยินดีในความดี ความเป็นเทวบุตร เทวดา หรือพระอริยเจ้ามาสถิตย์อยู่ สรูปเพิ่นจั่งสอนให่พวกเฮาเบิ่งใจ รักษาใจ ของตนให่มีสติอยู่ตลอด เมื่อมีสติความคิดทางชั่วกะบ่มี จึงว่าใจนิสำคัญที่สุด..


คติธรรมหลวงปู่บุญมา คัมภีรธัมโม
วัดป่าสีห์พนม อ.สว่างแดนดิน จ.สกลนคร











ติดสุขอยู่. จะพ้นทุกข์ไม่ได้.

โอวาทธรรม
หลวงพ่ออินทร์ถวาย สันตุสสโก









#เอ้าดูให้ดี โกรธแล้ว มันให้อะไรกับเรา
อยากได้ มันให้ผลอย่างไร
ตัวเมาหน้า เมาหลัง มันให้อะไร
ให้ทุกข์มิใช่หรือ โกรธ เคยเป็นสุขไหม
โลภ เคยเป็นสุขไหม หลง เคยเป็นสุขไหม
มันให้ทุกข์อยู่เสมอของผู้มีสิ่งเหล่านี้
อยู่ในใจเสมอ

โลกนี้มันเป็นอย่างนี้แหล่ะ
สิ่งที่ไม่น่ายินดี มันมักหลบอยู่กับสิ่งที่น่ายินดี
สิ่งที่ไม่น่ารัก มักหลบอยู่กับสิ่งที่น่ารักน่ายินดี
ทุกข์มักอยู่กับสุข เหตุนี้เองล่ะที่คนประมาท
มัวเมากันอยู่

ตื่นเช้าขึ้นมา ให้ถามตัวเองว่า
วันนี้จะเอาบุญ หรือจะเอาบาป
จะให้อันไหนมากกว่ากัน
บุญมากกว่าหรือบาปมากว่า
บุญมากก็ได้สุข บาปมากก็ได้ทุกข์

เดี่ยวนี้จิตของเรามันถือบุญหรือถือบาปอยู่
เพราะตนยังเกี่ยวข้องอยู่กับสุขบ้างทุกข์บ้าง
แต่สุขนั้นใจชอบ ทุกข์ประการใดๆ นั้น
ไม่มีใครชอบ ไม่มีใครยินดี
แต่เป็นต้องมีอยู่ เป็นอยู่ เสวยสุข

ทำอย่างไรเล่าจึงจะไม่เกี่ยวข้องในทุกข์แลสุข
ทำอย่างไรจะได้รู้ว่าอันใดสุขอันใดทุกข์
จะรู้ได้ก็เริ่มต้นที่สติ ปัญญา สติ เป็นของตน ไม่ใช่ของใคร อย่าเอาความเกียจคร้านมาทำความดี มันไม่เจริญ

บาปมันเป็นกำลังของใจ พาใจให้เศร้าหมอง
บุญมันเป็นกำลังของใจ พาใจให้ได้ไปสวรรค์
ใจได้องค์ฌาน ไปพรหมโลก ...
ใจได้ธรรมะ พาไปได้ถึงนิพพาน ...

#โอวาทธรรมองค์หลวงปู่จาม มหาปุญโญ
ผู้มากมีบุญ วัดป่าวิเวกวัฒนาราม
(วัดป่าบ้านห้วยทราย) บ้านห้วยทราย
ต.คำชะอี อ.คำชะอี จ.มุกดาหาร


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 1 โพสต์ ] 

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 16 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร