ลานธรรมจักร
http://www.dhammajak.net/forums/

การพูด
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=57505
หน้า 1 จากทั้งหมด 1

เจ้าของ:  รสมน [ 20 เม.ย. 2019, 06:08 ]
หัวข้อกระทู้:  การพูด

"พระอริยะ ท่านไม่ยึดถือในอาการกิริยา ในการทำการพูด การคิดทั้งหมด

กายสังขาร ดับ ใจ ว่างเปล่า เหมือนอากาศธาตุ แต่คนธรรมดาเรามายึดถือในการพูดจา ยืน เดิน นั่ง นอนทุกอย่าง

ไม่จะไม่หนักอย่างไร เพราะพระอริยะท่านวางหมด ท่านก็สบาย จะเดินนานท่านก็ไม่เหนื่อย จะนั่งนานท่านก็ไม่เมื่อย จะทำอะไรทุกประการท่านก็ไม่หนัก

คนหนักก็คือคนที่แบกไว้ต่างหาก"

ท่านพ่อลี​ ธมฺมธโร





เรื่อง​ "จิตใจสัตว์โลกมืดหนา จนพระพุทธเจ้าทรงท้อพระทัยที่จะสั่งสอน​ เมื่อครั้งที่ทรงบรรลุโพธิญาณ"

(คติธรรม​ หลวงตามหาบัว​ ญาณสัมปันโน)​

(พระพุทธเจ้า)​ทรงท้อพระทัยละซี ท้อพระทัยในการที่จะสั่งสอนโลก ทั้งๆ ที่ตั้งความปรารถนาเป็นพระพุทธเจ้ามา เฉพาะองค์ปัจจุบันนี้ก็ทรงท้อพระทัยที่จะสั่งสอนสัตว์โลก เวลาปรารถนาอยู่ยังไม่เป็นพระพุทธเจ้าก็ต้องคาดต้องหมายเป็นธรรมดา ว่าพระพุทธเจ้าทรงสั่งสอนสัตว์โลกได้เต็มภูมิๆ พอผางขึ้นมาเท่านั้น มองดูธรรมชาติที่ทรงรู้ทรงเห็นกับสัตว์โลก ภาระอันหนักหน่วงถ่วงพระทัยมากนี้ มันหนักเกินกว่าที่จะสั่งสอน ที่จะยกขึ้นมาได้ ก็ทรงท้อพระทัย คือสัตว์มันหนาอย่างนั้นแหละ นี่ละความจริงกับความคาดด้นเดานี้มันผิดกันมากนะ ความคิดความคาดอย่างนั้นๆ พอเวลาไปเจอความจริงเข้าแล้วมันเป็นคนละโลก ว่างั้นเลย มันผิดกัน

นี้มันเป็นยังไงมันอาจหาญขนาดไหน ท่านทั้งหลายดูซิกิริยาที่แสดงออกนี้เป็นยังไง เราเคยเห็นพระพุทธเจ้าที่ไหนเมื่อไร เราไม่เคยเห็น พระพุทธเจ้าคือจิตที่บริสุทธิ์ล้วนๆ พระพุทธเจ้า พระอรหันต์ แต่เราเอาพระพุทธเจ้าเป็นประธาน มันก็ยืดก็ยาวเป็นเหมือนสายทาง จากนู้นมานี้ ระยะทางเท่านั้นเท่านี้ เวลามันผางเข้าไปนี้สดๆ ร้อนๆ เป็นอันเดียวกันเลย เลยไม่มีอดีตอนาคต ปัจจุบันรวมยอดได้หมดเลย ทรงท้อพระทัยๆ

ก็เคยพูดให้บรรดาประชาชนลูกศิษย์ลูกหาฟังมาไม่รู้กี่ครั้งกี่หน เราเองตัวเท่าหนูมันก็ไม่ได้คาดนี่นะ เวลามันเป็นขึ้น กับความคาดความหมาย มันเข้ากันไม่ได้เลย ผิดกันขนาดนั้นละ เพราะฉะนั้นสัตว์โลกจึงเชื่อได้ยาก บึกบึนได้ยาก ไม่อยากเชื่อ ไม่เชื่อแล้วก็ไม่อยากบึกบึน แล้วก็นอนจมกันไป อันนี้พอเหมาะพอดี ที่จะเชื่อพระพุทธเจ้าและบึกบึนไปตามพระพุทธเจ้านั้น เหมือนมันหมดกำลังใจ มันเหลือเชื่อไปแล้ว สิ่งที่เชื่อก็คือสิ่งที่เคยนอนจมอยู่นี้ เชื่อได้ จมได้ แน่ะว่างั้น จมได้ตลอดไปไม่มีต้นไม่มีปลาย นี่ละนิสัยของสัตว์โลกกับท่านผู้พ้นแล้วดูกันมันดูกันไม่ได้

อย่างไรก็ตามถ้าลงได้เจอไปแล้ว เรื่องที่จะหาสักขีพยานมายืนยันกัน ไม่คำเดียว ตัดขาดสะบั้นไปเลย อันนี้ล้นพ้นไปแล้ว ความจริงที่ประจักษ์ขึ้นกับใจตัวเองทุกอย่างๆ พอพูดอย่างนี้เรายังคิดถึงเรื่องความด้นเดาของเราเราคิด ออกปฏิบัติทีแรกจิตใจมันว้าวุ่นขุ่นมัวยุ่งไปหมดเลย จะบีบบังคับให้เข้าสู่ความสงบพอได้รับความผาสุกเย็นใจบ้างนี้มันไม่ได้ เอา เสือกคลานบึกบึนกันไป แล้วก็ปลอบโยนเจ้าของ นี่เราไม่ลืม เวลาพูดปลอบโยนเจ้าของ กิเลสมันหนามันแน่นจะทำให้อ่อนแอท้อแท้ บึกบึนก็เหมือนเข็นซุงทั้งท่อน หนักขนาดไหนเข็นซุงทั้งท่อน

ก็ปลอบตนเองไปว่า เอ้อ เวลานี้เรากำลังพยายามตั้งรากตั้งฐาน มันก็ต้องทุกข์ต้องลำบากเป็นธรรมดา เอ้า บึกบึนไปนี้แหละ หนักก็ต้องยอมรับ แบกหามถูไถกันไป พระพุทธเจ้า ก็ยังดีนะเอาพระพุทธเจ้ามาเป็นข้อเปรียบเทียบ พระพุทธเจ้าท่านทรงบำเพ็ญหนักหรือไม่หนัก ท่านสลบถึง ๓ หน เรานี้ไม่เห็นมีอะไรสลบ มีแต่ความท้อแท้อ่อนแอสู้กิเลสไม่ได้ ถูไถลากกันไปๆ ก็ปลอบโยนกันไป เอ้า ทุกข์ยากลำบากทนเสียก่อนตอนนี้ พอค่อยได้หลักได้เกณฑ์ขึ้นไปแล้ว มีต้นทุนขึ้นไปแล้วมันก็จะค่อยสะดวกสบาย จิตใจมีรากมีฐานขึ้นไปๆ ก็จะสะดวกสบายไปเรื่อยๆ จิตละเอียดลออเข้าไปยิ่งสบายไปเรื่อย ว่างั้นนะ เราคาดเอาไว้เราคาดอย่างนั้น เวลานี้มันยังไม่เป็นอย่างนั้นก็ต้องบึกบึนไปเสียก่อน ปลอบใจเจ้าของให้อุตส่าห์พยายามบึกบึน ถือพระพุทธเจ้าเป็นหลักเกณฑ์ พระองค์ทรงสลบถึงสามหนเพราะความเพียร อันนี้เราไม่เห็นสลบไสลอะไร ท้อใจอย่างนี้แล้วไปไม่ได้นะ นั่นสอนเจ้าของ เอ้า บืน



ไปถือเอาสิ่งโน้นสิ่งนี้มาเป็นของตน มันก็เลยเป็นทุกข์อย่างนี้แหละ

โอวาทธรรมหลวงปู่ฝั้น อาจาโร

หน้า 1 จากทั้งหมด 1 เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group
http://www.phpbb.com/