วันเวลาปัจจุบัน 25 เม.ย. 2024, 18:47  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 94 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5 ... 7  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 เม.ย. 2019, 17:40 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
พยายามจัดพยายามทำเพื่อให้คุณโรสเข้าใจ ไม่รู้จะเข้าใจมั่งป่าวไม่รู้ เบื้องต้นแยกคำบาลีกับคำแปลเป็นไทยให้ชัด ดูว่า ศัพท์ไหนซ้ำกันบ้าง รูป-รูป -รส-รส- กาย-กาย เป็นต้น ดังนั้นเวลาพูดถึงในใจต้องเข้าใจชัด

:b12:
อายตนะ6กำลังมีและกำลังเกิดดับนับไม่ถ้วนถึงแสนโกฏิขณะ
ทำอะไรได้ไหมคะ ก็มันดับหมดแล้ว นับไม่ถ้วน เลือกเอาสัก1ทาง

เพื่อคิดถูกตามตรงทางที่กำลังมีไม่ใช่ไปจำบัญญัติคำของตถาคต
เข้าใจให้ตรงทีละ1ทางเพราะแต่ละทางไม่เกิดปนกันและไม่เกิดพร้อมกัน
:b32: :b32:
https://youtu.be/IejmQhKH5rg


แล้วที่เขาทำการทำงานทำนั่นทำนี่ เช่น สร้างบ้านสร้างเรือน ฝึกหัดปฏิบัติกรรมฐาน ตบตีถองกระทืบกันล่ะ ทำไมถึงทำกันได้ อ้าว :b13: แสดงว่าไม่ดับจริงอย่างคุณโรสว่า คิกๆๆ

ตัวอย่าง

อ้างคำพูด:
ความคืบหน้าเยาวชนหญิงอายุ 17 ปี ถูกกลุ่มวัยรุ่นที่ก่อเหตุทะเลาะวิวาทงานสงกรานต์ จ.พิจิตร ก่อนยิงปืนเข้ามาในกลุ่ม ทำให้เยาวชนหญิงถูกยิงเสียชีวิต และมีผู้บาดเจ็บอีก 3 คน ล่าสุดตำรวจขอศาลออกหมายจับเพิ่ม 4 คน


อ้างคำพูด:
"ทำอะไรได้ไหมคะ ก็มันดับหมดแล้ว"
ถ้าเป็นอย่างคุณโรสคิดนั่นนะเหตุการณ์เป็นต้นนี้ก็ไม่มีไม่เกิดเพราะมันดับหมดแว้ว (แล้ว) :b32:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 เม.ย. 2019, 08:28 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


คุณโรสหายไปเบย คงเถียงไม่ออก rolleyes บอกไม่เชื่อ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 เม.ย. 2019, 08:31 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
สรุปได้ว่า อายตนะ ๖ อารมณ์ ๖ และวิญญาณ ๖ (ที.ปา.11/304-306/255) มีชื่อในภาษาธรรม และมีความเกี่ยวเนื่องกัน ดังนี้

๑. จักขุ - ตา เป็นแดนรับรู้ รูป - - รูป - เกิดความรู้คือ จักขุวิญญาณ -เห็น

๒. โสตะ -หู ,, ---------,, สัททะ -เสียง ,,-------------,,โสตวิญญาณ-ได้ยิน

๓. ฆานะ -จมูก ,,--------,, คันธะ - กลิ่น ,,--------------,,ฆานวิญญาณ-ได้กลิ่น

๔. ชิวหา -ลิ้น ,,----------,, รส - - รส ,,---------------,,ชิวหาวิญญาณ-รู้รส

๕. กาย - กาย ,,--------,,โผฏฐัพพะ-สิ่งต้องกาย ,,-----,,กายวิญญาณ-รู้สิ่งต้องกาย

๖. มโน - ใจ ,,--------- ,, ธรรม * - เรื่องในใจ,,--------,, มโนวิญญาณ-รู้เรื่องในใจ

ที่อ้างอิง *
* นิมยมเรียก ธรรมารมณ์ เพื่อไม่ให้สับสนกับคำว่า ธรรม ที่ใช้ทั่วไป ซึ่งมีความหมายกว้างขวางมากหลายนัย


ต่อ

อย่างไรก็ตาม แม้ว่า วิญญาณ จะต้องอาศัยอายตนะ และอารมณ์ กระทบกันจึงจะเกิดขึ้นได้* (ม.มู.12/443-4/476-7) ก็จริง แต่การที่อารมณ์เข้ามาปรากฏแก่อายตนะ ก็มิใช่จะทำให้วิญญาณเกิดขึ้นได้เสมอไป จำต้องมีความใส่ใจ ความกำหนดใจ หรือ ความใฝ่ใจประกอบอยู่ด้วย วิญญาณนั้นๆ จึงเกิดขึ้น

ดังตัวอย่างในบางคราว เช่น เวลาหลับสนิท เวลาฟุ้งซ่าน หรือใจลอยไปเสีย เวลาใจจดจ่อแน่วแน่อยู่กับกิจอย่างใดอย่างหนึ่ง ตลอดจนขณะอยู่ในสมาธิ รูปและ เสียง เป็นต้น หลายๆอย่างที่ผ่านเข้ามา อยู่ในวิสัยที่จะเห็น จะได้ยิน แต่หาได้เห็น ได้ยินไม่ หรือ
ตัวอย่างง่ายๆ ขณะเขียนหนังสือใจจดจ่ออยู่ จะไม่รู้สึกส่วนของร่างกาย ที่แตะอยู่กับโต๊ะเก้าอี้ ตลอดจนมือที่แตะกระดาษ และนิ้วที่แตะปากกา หรือดินสอ ในเมื่อมีอายตนะ และอารมณ์เข้ามาถึงกันแล้ว แต่วิญญาณไม่เกิดขึ้น เช่นนี้ ก็ยังไม่เรียกว่า การรับรู้ได้เกิดขึ้น

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 เม.ย. 2019, 08:37 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


การรับรู้จะเกิดขึ้น ต่อเมื่อมีองค์ประกอบเกิดขึ้นครบทั้งสามอย่าง คือ อายตนะ อารมณ์ และวิญญาณ
ภาวะนี้ในภาษาธรรมมีคำเรียกโดยเฉพาะว่า "ผัสสะ" หรือ "สัมผัส" แปลตามรูปศัพท์ว่า การกระทบ
แต่มีความหมายทางธรรมว่า การประจวบ หรือ บรรจบพร้อมกันแห่งอายตนะ อารมณ์ และวิญญาณ
พูดอย่างเข้าใจกันง่ายๆ ผัสสะ ก็คือ การรับรู้นั่น เอง

ผัสสะ หรือ สัมผัส หรือการรับรู้นี้ มีชื่อเรียกแยกเป็นอย่างๆ ไปตามทางรับ รู้ คืออายตนะนั้นๆ ครบจำนวน ๖ คือ จักขุสัมผัส โสตสัมผัส ฆานสัมผัส ชิวหาสัมผัส กายสัมผัส มโนสัมผัส

ผัสสะเป็นขั้นตอนสำคัญ ในกระบวนการรับรู้ เมื่อผัสสะเกิดขึ้นแล้ว กระบวนธรรมก็ดำเนินต่อไป เริ่มแต่ความรู้สึกต่ออารมณ์ที่รับรู้เข้ามานั้น ปฏิกิริยาอย่างอื่นของจิตใจ การจำหมาย การนำอารมณ์นั้นไปคิดปรุงแต่ง ตลอดจนการแสดงออกต่างๆ ที่สืบเนื่องไปตามลำดับ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 เม.ย. 2019, 17:36 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7502

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
กรัชกาย เขียน:
สรุปได้ว่า อายตนะ ๖ อารมณ์ ๖ และวิญญาณ ๖ (ที.ปา.11/304-306/255) มีชื่อในภาษาธรรม และมีความเกี่ยวเนื่องกัน ดังนี้

๑. จักขุ - ตา เป็นแดนรับรู้ รูป - - รูป - เกิดความรู้คือ จักขุวิญญาณ -เห็น

๒. โสตะ -หู ,, ---------,, สัททะ -เสียง ,,-------------,,โสตวิญญาณ-ได้ยิน

๓. ฆานะ -จมูก ,,--------,, คันธะ - กลิ่น ,,--------------,,ฆานวิญญาณ-ได้กลิ่น

๔. ชิวหา -ลิ้น ,,----------,, รส - - รส ,,---------------,,ชิวหาวิญญาณ-รู้รส

๕. กาย - กาย ,,--------,,โผฏฐัพพะ-สิ่งต้องกาย ,,-----,,กายวิญญาณ-รู้สิ่งต้องกาย

๖. มโน - ใจ ,,--------- ,, ธรรม * - เรื่องในใจ,,--------,, มโนวิญญาณ-รู้เรื่องในใจ

ที่อ้างอิง *
* นิมยมเรียก ธรรมารมณ์ เพื่อไม่ให้สับสนกับคำว่า ธรรม ที่ใช้ทั่วไป ซึ่งมีความหมายกว้างขวางมากหลายนัย


ต่อ

อย่างไรก็ตาม แม้ว่า วิญญาณ จะต้องอาศัยอายตนะ และอารมณ์ กระทบกันจึงจะเกิดขึ้นได้* (ม.มู.12/443-4/476-7) ก็จริง แต่การที่อารมณ์เข้ามาปรากฏแก่อายตนะ ก็มิใช่จะทำให้วิญญาณเกิดขึ้นได้เสมอไป จำต้องมีความใส่ใจ ความกำหนดใจ หรือ ความใฝ่ใจประกอบอยู่ด้วย วิญญาณนั้นๆ จึงเกิดขึ้น

ดังตัวอย่างในบางคราว เช่น เวลาหลับสนิท เวลาฟุ้งซ่าน หรือใจลอยไปเสีย เวลาใจจดจ่อแน่วแน่อยู่กับกิจอย่างใดอย่างหนึ่ง ตลอดจนขณะอยู่ในสมาธิ รูปและ เสียง เป็นต้น หลายๆอย่างที่ผ่านเข้ามา อยู่ในวิสัยที่จะเห็น จะได้ยิน แต่หาได้เห็น ได้ยินไม่ หรือ
ตัวอย่างง่ายๆ ขณะเขียนหนังสือใจจดจ่ออยู่ จะไม่รู้สึกส่วนของร่างกาย ที่แตะอยู่กับโต๊ะเก้าอี้ ตลอดจนมือที่แตะกระดาษ และนิ้วที่แตะปากกา หรือดินสอ ในเมื่อมีอายตนะ และอารมณ์เข้ามาถึงกันแล้ว แต่วิญญาณไม่เกิดขึ้น เช่นนี้ ก็ยังไม่เรียกว่า การรับรู้ได้เกิดขึ้น

:b32:
คิดว่าเดี๋ยวนี้ตัวเองมีวิญญาณไหมคะ
วิญญาณคือภาษาบาลีแปลเป็นไทยคือจิต
จิต=วิญญาณ=วิญญาณขันธ์คือ1ในขันธ์5ไม่ได้เกิดลอยๆ
เพราะจิต1ขณะรู้อารมณ์อยู่มีครบขันธ์ทั้ง5คือจิต+เจตสิก+รูปที่เป็นกุศลหรืออกุศลหรือรู้นิพพานไม่ปนกัน
แล้วตอนนี้เดี๋ยวนี้ก็มีครบแล้วทั้ง6ทางมีแล้วไม่ได้มีใครทำและกำลังเกิดดับสลับกันอยู่โดยความเป็นอนัตตา
:b12:
:b4: :b4:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 เม.ย. 2019, 17:44 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7502

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
กรัชกาย เขียน:
สรุปได้ว่า อายตนะ ๖ อารมณ์ ๖ และวิญญาณ ๖ (ที.ปา.11/304-306/255) มีชื่อในภาษาธรรม และมีความเกี่ยวเนื่องกัน ดังนี้

๑. จักขุ - ตา เป็นแดนรับรู้ รูป - - รูป - เกิดความรู้คือ จักขุวิญญาณ -เห็น

๒. โสตะ -หู ,, ---------,, สัททะ -เสียง ,,-------------,,โสตวิญญาณ-ได้ยิน

๓. ฆานะ -จมูก ,,--------,, คันธะ - กลิ่น ,,--------------,,ฆานวิญญาณ-ได้กลิ่น

๔. ชิวหา -ลิ้น ,,----------,, รส - - รส ,,---------------,,ชิวหาวิญญาณ-รู้รส

๕. กาย - กาย ,,--------,,โผฏฐัพพะ-สิ่งต้องกาย ,,-----,,กายวิญญาณ-รู้สิ่งต้องกาย

๖. มโน - ใจ ,,--------- ,, ธรรม * - เรื่องในใจ,,--------,, มโนวิญญาณ-รู้เรื่องในใจ

ที่อ้างอิง *
* นิมยมเรียก ธรรมารมณ์ เพื่อไม่ให้สับสนกับคำว่า ธรรม ที่ใช้ทั่วไป ซึ่งมีความหมายกว้างขวางมากหลายนัย


ต่อ

อย่างไรก็ตาม แม้ว่า วิญญาณ จะต้องอาศัยอายตนะ และอารมณ์ กระทบกันจึงจะเกิดขึ้นได้* (ม.มู.12/443-4/476-7) ก็จริง แต่การที่อารมณ์เข้ามาปรากฏแก่อายตนะ ก็มิใช่จะทำให้วิญญาณเกิดขึ้นได้เสมอไป จำต้องมีความใส่ใจ ความกำหนดใจ หรือ ความใฝ่ใจประกอบอยู่ด้วย วิญญาณนั้นๆ จึงเกิดขึ้น

ดังตัวอย่างในบางคราว เช่น เวลาหลับสนิท เวลาฟุ้งซ่าน หรือใจลอยไปเสีย เวลาใจจดจ่อแน่วแน่อยู่กับกิจอย่างใดอย่างหนึ่ง ตลอดจนขณะอยู่ในสมาธิ รูปและ เสียง เป็นต้น หลายๆอย่างที่ผ่านเข้ามา อยู่ในวิสัยที่จะเห็น จะได้ยิน แต่หาได้เห็น ได้ยินไม่ หรือ
ตัวอย่างง่ายๆ ขณะเขียนหนังสือใจจดจ่ออยู่ จะไม่รู้สึกส่วนของร่างกาย ที่แตะอยู่กับโต๊ะเก้าอี้ ตลอดจนมือที่แตะกระดาษ และนิ้วที่แตะปากกา หรือดินสอ ในเมื่อมีอายตนะ และอารมณ์เข้ามาถึงกันแล้ว แต่วิญญาณไม่เกิดขึ้น เช่นนี้ ก็ยังไม่เรียกว่า การรับรู้ได้เกิดขึ้น

:b32:
คิดว่าเดี๋ยวนี้ตัวเองมีวิญญาณไหมคะ
วิญญาณคือภาษาบาลีแปลเป็นไทยคือจิต
จิต=วิญญาณ=วิญญาณขันธ์คือ1ในขันธ์5ไม่ได้เกิดลอยๆ
เพราะจิต1ขณะรู้อารมณ์อยู่มีครบขันธ์ทั้ง5คือจิต+เจตสิก+รูปที่เป็นกุศลหรืออกุศลหรือรู้นิพพานไม่ปนกัน
แล้วตอนนี้เดี๋ยวนี้ก็มีครบแล้วทั้ง6ทางมีแล้วไม่ได้มีใครทำและกำลังเกิดดับสลับกันอยู่โดยความเป็นอนัตตา
:b12:
:b4: :b4:

รู้จักไหมคะว่า
ความรู้คู่ปัญญา
ความไม่รู้คู่อวิชชา
ทั้ง2แบบเกิดแบบเส้นขนาน
ไม่ปนกันกันเลยในจิตแต่ละ1ขณะ
:b12:
:b16: :b16:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 เม.ย. 2019, 05:44 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
กรัชกาย เขียน:
สรุปได้ว่า อายตนะ ๖ อารมณ์ ๖ และวิญญาณ ๖ (ที.ปา.11/304-306/255) มีชื่อในภาษาธรรม และมีความเกี่ยวเนื่องกัน ดังนี้

๑. จักขุ - ตา เป็นแดนรับรู้ รูป - - รูป - เกิดความรู้คือ จักขุวิญญาณ -เห็น

๒. โสตะ -หู ,, ---------,, สัททะ -เสียง ,,-------------,,โสตวิญญาณ-ได้ยิน

๓. ฆานะ -จมูก ,,--------,, คันธะ - กลิ่น ,,--------------,,ฆานวิญญาณ-ได้กลิ่น

๔. ชิวหา -ลิ้น ,,----------,, รส - - รส ,,---------------,,ชิวหาวิญญาณ-รู้รส

๕. กาย - กาย ,,--------,,โผฏฐัพพะ-สิ่งต้องกาย ,,-----,,กายวิญญาณ-รู้สิ่งต้องกาย

๖. มโน - ใจ ,,--------- ,, ธรรม * - เรื่องในใจ,,--------,, มโนวิญญาณ-รู้เรื่องในใจ

ที่อ้างอิง *
* นิมยมเรียก ธรรมารมณ์ เพื่อไม่ให้สับสนกับคำว่า ธรรม ที่ใช้ทั่วไป ซึ่งมีความหมายกว้างขวางมากหลายนัย


ต่อ

อย่างไรก็ตาม แม้ว่า วิญญาณ จะต้องอาศัยอายตนะ และอารมณ์ กระทบกันจึงจะเกิดขึ้นได้* (ม.มู.12/443-4/476-7) ก็จริง แต่การที่อารมณ์เข้ามาปรากฏแก่อายตนะ ก็มิใช่จะทำให้วิญญาณเกิดขึ้นได้เสมอไป จำต้องมีความใส่ใจ ความกำหนดใจ หรือ ความใฝ่ใจประกอบอยู่ด้วย วิญญาณนั้นๆ จึงเกิดขึ้น

ดังตัวอย่างในบางคราว เช่น เวลาหลับสนิท เวลาฟุ้งซ่าน หรือใจลอยไปเสีย เวลาใจจดจ่อแน่วแน่อยู่กับกิจอย่างใดอย่างหนึ่ง ตลอดจนขณะอยู่ในสมาธิ รูปและ เสียง เป็นต้น หลายๆอย่างที่ผ่านเข้ามา อยู่ในวิสัยที่จะเห็น จะได้ยิน แต่หาได้เห็น ได้ยินไม่ หรือ
ตัวอย่างง่ายๆ ขณะเขียนหนังสือใจจดจ่ออยู่ จะไม่รู้สึกส่วนของร่างกาย ที่แตะอยู่กับโต๊ะเก้าอี้ ตลอดจนมือที่แตะกระดาษ และนิ้วที่แตะปากกา หรือดินสอ ในเมื่อมีอายตนะ และอารมณ์เข้ามาถึงกันแล้ว แต่วิญญาณไม่เกิดขึ้น เช่นนี้ ก็ยังไม่เรียกว่า การรับรู้ได้เกิดขึ้น

:b32:
คิดว่าเดี๋ยวนี้ตัวเองมีวิญญาณไหมคะ
วิญญาณคือภาษาบาลีแปลเป็นไทยคือจิต
จิต=วิญญาณ=วิญญาณขันธ์คือ1ในขันธ์5ไม่ได้เกิดลอยๆ
เพราะจิต1ขณะรู้อารมณ์อยู่มีครบขันธ์ทั้ง5คือจิต+เจตสิก+รูปที่เป็นกุศลหรืออกุศลหรือรู้นิพพานไม่ปนกัน
แล้วตอนนี้เดี๋ยวนี้ก็มีครบแล้วทั้ง6ทางมีแล้วไม่ได้มีใครทำและกำลังเกิดดับสลับกันอยู่โดยความเป็นอนัตตา
:b12:
:b4: :b4:

รู้จักไหมคะว่า
ความรู้คู่ปัญญา
ความไม่รู้คู่อวิชชา

ทั้ง2แบบเกิดแบบเส้นขนาน
ไม่ปนกันกันเลยในจิตแต่ละ1ขณะ
:b12:
:b16: :b16:


เล่นไปจับคู่สะยังงั้นก็เลอะสิขอรับ :b1:

ปัญญา แปลว่า ความรู้, ความรู้ทั่ว

อวิชชา แปลว่า ความไม่รู้ (อ ไม่ วิชชา ความรู้ อวิชชา=ความไม่รู้)

บอกไม่เชื่อว่าเสียเวลาปลูกผัก :b32:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 เม.ย. 2019, 06:38 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7502

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
กรัชกาย เขียน:
สรุปได้ว่า อายตนะ ๖ อารมณ์ ๖ และวิญญาณ ๖ (ที.ปา.11/304-306/255) มีชื่อในภาษาธรรม และมีความเกี่ยวเนื่องกัน ดังนี้

๑. จักขุ - ตา เป็นแดนรับรู้ รูป - - รูป - เกิดความรู้คือ จักขุวิญญาณ -เห็น

๒. โสตะ -หู ,, ---------,, สัททะ -เสียง ,,-------------,,โสตวิญญาณ-ได้ยิน

๓. ฆานะ -จมูก ,,--------,, คันธะ - กลิ่น ,,--------------,,ฆานวิญญาณ-ได้กลิ่น

๔. ชิวหา -ลิ้น ,,----------,, รส - - รส ,,---------------,,ชิวหาวิญญาณ-รู้รส

๕. กาย - กาย ,,--------,,โผฏฐัพพะ-สิ่งต้องกาย ,,-----,,กายวิญญาณ-รู้สิ่งต้องกาย

๖. มโน - ใจ ,,--------- ,, ธรรม * - เรื่องในใจ,,--------,, มโนวิญญาณ-รู้เรื่องในใจ

ที่อ้างอิง *
* นิมยมเรียก ธรรมารมณ์ เพื่อไม่ให้สับสนกับคำว่า ธรรม ที่ใช้ทั่วไป ซึ่งมีความหมายกว้างขวางมากหลายนัย


ต่อ

อย่างไรก็ตาม แม้ว่า วิญญาณ จะต้องอาศัยอายตนะ และอารมณ์ กระทบกันจึงจะเกิดขึ้นได้* (ม.มู.12/443-4/476-7) ก็จริง แต่การที่อารมณ์เข้ามาปรากฏแก่อายตนะ ก็มิใช่จะทำให้วิญญาณเกิดขึ้นได้เสมอไป จำต้องมีความใส่ใจ ความกำหนดใจ หรือ ความใฝ่ใจประกอบอยู่ด้วย วิญญาณนั้นๆ จึงเกิดขึ้น

ดังตัวอย่างในบางคราว เช่น เวลาหลับสนิท เวลาฟุ้งซ่าน หรือใจลอยไปเสีย เวลาใจจดจ่อแน่วแน่อยู่กับกิจอย่างใดอย่างหนึ่ง ตลอดจนขณะอยู่ในสมาธิ รูปและ เสียง เป็นต้น หลายๆอย่างที่ผ่านเข้ามา อยู่ในวิสัยที่จะเห็น จะได้ยิน แต่หาได้เห็น ได้ยินไม่ หรือ
ตัวอย่างง่ายๆ ขณะเขียนหนังสือใจจดจ่ออยู่ จะไม่รู้สึกส่วนของร่างกาย ที่แตะอยู่กับโต๊ะเก้าอี้ ตลอดจนมือที่แตะกระดาษ และนิ้วที่แตะปากกา หรือดินสอ ในเมื่อมีอายตนะ และอารมณ์เข้ามาถึงกันแล้ว แต่วิญญาณไม่เกิดขึ้น เช่นนี้ ก็ยังไม่เรียกว่า การรับรู้ได้เกิดขึ้น

:b32:
คิดว่าเดี๋ยวนี้ตัวเองมีวิญญาณไหมคะ
วิญญาณคือภาษาบาลีแปลเป็นไทยคือจิต
จิต=วิญญาณ=วิญญาณขันธ์คือ1ในขันธ์5ไม่ได้เกิดลอยๆ
เพราะจิต1ขณะรู้อารมณ์อยู่มีครบขันธ์ทั้ง5คือจิต+เจตสิก+รูปที่เป็นกุศลหรืออกุศลหรือรู้นิพพานไม่ปนกัน
แล้วตอนนี้เดี๋ยวนี้ก็มีครบแล้วทั้ง6ทางมีแล้วไม่ได้มีใครทำและกำลังเกิดดับสลับกันอยู่โดยความเป็นอนัตตา
:b12:
:b4: :b4:

รู้จักไหมคะว่า
ความรู้คู่ปัญญา
ความไม่รู้คู่อวิชชา

ทั้ง2แบบเกิดแบบเส้นขนาน
ไม่ปนกันกันเลยในจิตแต่ละ1ขณะ
:b12:
:b16: :b16:


เล่นไปจับคู่สะยังงั้นก็เลอะสิขอรับ :b1:

ปัญญา แปลว่า ความรู้, ความรู้ทั่ว

อวิชชา แปลว่า ความไม่รู้ (อ ไม่ วิชชา ความรู้ อวิชชา=ความไม่รู้)

บอกไม่เชื่อว่าเสียเวลาปลูกผัก :b32:

ข้อ๑-๖มันไม่เกิดปนทางกันเข้าใจไหม
ยังไม่รู้สึกตัวและยังคิดตามไม่ถูกตัวตนอยู่ค่ะ
คิดพิจารณาสิเดี๋ยวนี้จิตเกิดดับถึงแสนล้านดวงจิต
มีปัญญารู้ตรงแค่1ทางให้มันคิดตามได้ตรงตามก่อนดีไหม
:b12:
:b9: :b9:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 เม.ย. 2019, 07:35 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
กรัชกาย เขียน:
สรุปได้ว่า อายตนะ ๖ อารมณ์ ๖ และวิญญาณ ๖ (ที.ปา.11/304-306/255) มีชื่อในภาษาธรรม และมีความเกี่ยวเนื่องกัน ดังนี้

๑. จักขุ - ตา เป็นแดนรับรู้ รูป - - รูป - เกิดความรู้คือ จักขุวิญญาณ -เห็น

๒. โสตะ -หู ,, ---------,, สัททะ -เสียง ,,-------------,,โสตวิญญาณ-ได้ยิน

๓. ฆานะ -จมูก ,,--------,, คันธะ - กลิ่น ,,--------------,,ฆานวิญญาณ-ได้กลิ่น

๔. ชิวหา -ลิ้น ,,----------,, รส - - รส ,,---------------,,ชิวหาวิญญาณ-รู้รส

๕. กาย - กาย ,,--------,,โผฏฐัพพะ-สิ่งต้องกาย ,,-----,,กายวิญญาณ-รู้สิ่งต้องกาย

๖. มโน - ใจ ,,--------- ,, ธรรม * - เรื่องในใจ,,--------,, มโนวิญญาณ-รู้เรื่องในใจ

ที่อ้างอิง *
* นิมยมเรียก ธรรมารมณ์ เพื่อไม่ให้สับสนกับคำว่า ธรรม ที่ใช้ทั่วไป ซึ่งมีความหมายกว้างขวางมากหลายนัย


ต่อ

อย่างไรก็ตาม แม้ว่า วิญญาณ จะต้องอาศัยอายตนะ และอารมณ์ กระทบกันจึงจะเกิดขึ้นได้* (ม.มู.12/443-4/476-7) ก็จริง แต่การที่อารมณ์เข้ามาปรากฏแก่อายตนะ ก็มิใช่จะทำให้วิญญาณเกิดขึ้นได้เสมอไป จำต้องมีความใส่ใจ ความกำหนดใจ หรือ ความใฝ่ใจประกอบอยู่ด้วย วิญญาณนั้นๆ จึงเกิดขึ้น

ดังตัวอย่างในบางคราว เช่น เวลาหลับสนิท เวลาฟุ้งซ่าน หรือใจลอยไปเสีย เวลาใจจดจ่อแน่วแน่อยู่กับกิจอย่างใดอย่างหนึ่ง ตลอดจนขณะอยู่ในสมาธิ รูปและ เสียง เป็นต้น หลายๆอย่างที่ผ่านเข้ามา อยู่ในวิสัยที่จะเห็น จะได้ยิน แต่หาได้เห็น ได้ยินไม่ หรือ
ตัวอย่างง่ายๆ ขณะเขียนหนังสือใจจดจ่ออยู่ จะไม่รู้สึกส่วนของร่างกาย ที่แตะอยู่กับโต๊ะเก้าอี้ ตลอดจนมือที่แตะกระดาษ และนิ้วที่แตะปากกา หรือดินสอ ในเมื่อมีอายตนะ และอารมณ์เข้ามาถึงกันแล้ว แต่วิญญาณไม่เกิดขึ้น เช่นนี้ ก็ยังไม่เรียกว่า การรับรู้ได้เกิดขึ้น

:b32:
คิดว่าเดี๋ยวนี้ตัวเองมีวิญญาณไหมคะ
วิญญาณคือภาษาบาลีแปลเป็นไทยคือจิต
จิต=วิญญาณ=วิญญาณขันธ์คือ1ในขันธ์5ไม่ได้เกิดลอยๆ
เพราะจิต1ขณะรู้อารมณ์อยู่มีครบขันธ์ทั้ง5คือจิต+เจตสิก+รูปที่เป็นกุศลหรืออกุศลหรือรู้นิพพานไม่ปนกัน
แล้วตอนนี้เดี๋ยวนี้ก็มีครบแล้วทั้ง6ทางมีแล้วไม่ได้มีใครทำและกำลังเกิดดับสลับกันอยู่โดยความเป็นอนัตตา
:b12:
:b4: :b4:

รู้จักไหมคะว่า
ความรู้คู่ปัญญา
ความไม่รู้คู่อวิชชา

ทั้ง2แบบเกิดแบบเส้นขนาน
ไม่ปนกันกันเลยในจิตแต่ละ1ขณะ
:b12:
:b16: :b16:


เล่นไปจับคู่สะยังงั้นก็เลอะสิขอรับ :b1:

ปัญญา แปลว่า ความรู้, ความรู้ทั่ว

อวิชชา แปลว่า ความไม่รู้ (อ ไม่ วิชชา ความรู้ อวิชชา=ความไม่รู้)

บอกไม่เชื่อว่าเสียเวลาปลูกผัก :b32:

ข้อ๑-๖มันไม่เกิดปนทางกันเข้าใจไหม
ยังไม่รู้สึกตัวและยังคิดตามไม่ถูกตัวตนอยู่ค่ะ
คิดพิจารณาสิเดี๋ยวนี้จิตเกิดดับถึงแสนล้านดวงจิต
มีปัญญารู้ตรงแค่1ทางให้มันคิดตามได้ตรงตามก่อนดีไหม
:b12:
:b9: :b9:


ใจเป็นศูนย์กลาง เปรียบเสมือนคอลเซ็นเตอร์ แต่พวกเรายังตามหาจิตตามหาวิญญาณตามหาใจกันอยู่ เข้าใจไหม

ภาพตัวอย่าง

รูปภาพ


แมงมุมเปรียบเสมือนจิต,ใจ,มโน,วิญญาณ ในเมื่ออารมณ์กระทบทางตา หู จมูกเป็นต้น มันก็รับรู้

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 เม.ย. 2019, 07:56 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
กรัชกาย เขียน:
สรุปได้ว่า อายตนะ ๖ อารมณ์ ๖ และวิญญาณ ๖ (ที.ปา.11/304-306/255) มีชื่อในภาษาธรรม และมีความเกี่ยวเนื่องกัน ดังนี้

๑. จักขุ - ตา เป็นแดนรับรู้ รูป - - รูป - เกิดความรู้คือ จักขุวิญญาณ -เห็น

๒. โสตะ -หู ,, ---------,, สัททะ -เสียง ,,-------------,,โสตวิญญาณ-ได้ยิน

๓. ฆานะ -จมูก ,,--------,, คันธะ - กลิ่น ,,--------------,,ฆานวิญญาณ-ได้กลิ่น

๔. ชิวหา -ลิ้น ,,----------,, รส - - รส ,,---------------,,ชิวหาวิญญาณ-รู้รส

๕. กาย - กาย ,,--------,,โผฏฐัพพะ-สิ่งต้องกาย ,,-----,,กายวิญญาณ-รู้สิ่งต้องกาย

๖. มโน - ใจ ,,--------- ,, ธรรม * - เรื่องในใจ,,--------,, มโนวิญญาณ-รู้เรื่องในใจ

ที่อ้างอิง *
* นิมยมเรียก ธรรมารมณ์ เพื่อไม่ให้สับสนกับคำว่า ธรรม ที่ใช้ทั่วไป ซึ่งมีความหมายกว้างขวางมากหลายนัย


ต่อ

อย่างไรก็ตาม แม้ว่า วิญญาณ จะต้องอาศัยอายตนะ และอารมณ์ กระทบกันจึงจะเกิดขึ้นได้* (ม.มู.12/443-4/476-7) ก็จริง แต่การที่อารมณ์เข้ามาปรากฏแก่อายตนะ ก็มิใช่จะทำให้วิญญาณเกิดขึ้นได้เสมอไป จำต้องมีความใส่ใจ ความกำหนดใจ หรือ ความใฝ่ใจประกอบอยู่ด้วย วิญญาณนั้นๆ จึงเกิดขึ้น

ดังตัวอย่างในบางคราว เช่น เวลาหลับสนิท เวลาฟุ้งซ่าน หรือใจลอยไปเสีย เวลาใจจดจ่อแน่วแน่อยู่กับกิจอย่างใดอย่างหนึ่ง ตลอดจนขณะอยู่ในสมาธิ รูปและ เสียง เป็นต้น หลายๆอย่างที่ผ่านเข้ามา อยู่ในวิสัยที่จะเห็น จะได้ยิน แต่หาได้เห็น ได้ยินไม่ หรือ
ตัวอย่างง่ายๆ ขณะเขียนหนังสือใจจดจ่ออยู่ จะไม่รู้สึกส่วนของร่างกาย ที่แตะอยู่กับโต๊ะเก้าอี้ ตลอดจนมือที่แตะกระดาษ และนิ้วที่แตะปากกา หรือดินสอ ในเมื่อมีอายตนะ และอารมณ์เข้ามาถึงกันแล้ว แต่วิญญาณไม่เกิดขึ้น เช่นนี้ ก็ยังไม่เรียกว่า การรับรู้ได้เกิดขึ้น

:b32:
คิดว่าเดี๋ยวนี้ตัวเองมีวิญญาณไหมคะ
วิญญาณคือภาษาบาลีแปลเป็นไทยคือจิต
จิต=วิญญาณ=วิญญาณขันธ์คือ1ในขันธ์5ไม่ได้เกิดลอยๆ
เพราะจิต1ขณะรู้อารมณ์อยู่มีครบขันธ์ทั้ง5คือจิต+เจตสิก+รูปที่เป็นกุศลหรืออกุศลหรือรู้นิพพานไม่ปนกัน
แล้วตอนนี้เดี๋ยวนี้ก็มีครบแล้วทั้ง6ทางมีแล้วไม่ได้มีใครทำและกำลังเกิดดับสลับกันอยู่โดยความเป็นอนัตตา
:b12:
:b4: :b4:

รู้จักไหมคะว่า
ความรู้คู่ปัญญา
ความไม่รู้คู่อวิชชา

ทั้ง2แบบเกิดแบบเส้นขนาน
ไม่ปนกันกันเลยในจิตแต่ละ1ขณะ
:b12:
:b16: :b16:


เล่นไปจับคู่สะยังงั้นก็เลอะสิขอรับ :b1:

ปัญญา แปลว่า ความรู้, ความรู้ทั่ว

อวิชชา แปลว่า ความไม่รู้ (อ ไม่ วิชชา ความรู้ อวิชชา=ความไม่รู้)

บอกไม่เชื่อว่าเสียเวลาปลูกผัก :b32:

ข้อ๑-๖มันไม่เกิดปนทางกันเข้าใจไหม
ยังไม่รู้สึกตัวและยังคิดตามไม่ถูกตัวตนอยู่ค่ะ
คิดพิจารณาสิเดี๋ยวนี้จิตเกิดดับถึงแสนล้านดวงจิต
มีปัญญารู้ตรงแค่1ทางให้มันคิดตามได้ตรงตามก่อนดีไหม
:b12:
:b9: :b9:


สิ่งที่ชาวพุทธส่วนหนึ่งได้ยินได้ฟังมาไม่ค่อยเป็นพุทธธรรมสักเท่าไหร่ ไม่พูดดีกว่า เดี๋ยวเสียใจ คิกๆๆ

เอาเป็นว่าสิ่งที่เหมาะตอนนี้ คือ ทอดกฐิน ทอดผ้าป่า การถวายสังฆทาน ตักบาตร ทำบุญอย่างที่ทั่วๆไปทำกันนี่แหละ แล้วจึงค่อยๆศึกษายังสำนักเรียนที่มีการสอบรับรอง ไม่ใช่ฟังที่นั่นมานิดที่นี่มาหน่อยแล้วก็มาสรุปตามความเข้าใจของตน แบบนี้เลอะขอรับ :b13:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 เม.ย. 2019, 08:58 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7502

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
กรัชกาย เขียน:
สรุปได้ว่า อายตนะ ๖ อารมณ์ ๖ และวิญญาณ ๖ (ที.ปา.11/304-306/255) มีชื่อในภาษาธรรม และมีความเกี่ยวเนื่องกัน ดังนี้

๑. จักขุ - ตา เป็นแดนรับรู้ รูป - - รูป - เกิดความรู้คือ จักขุวิญญาณ -เห็น

๒. โสตะ -หู ,, ---------,, สัททะ -เสียง ,,-------------,,โสตวิญญาณ-ได้ยิน

๓. ฆานะ -จมูก ,,--------,, คันธะ - กลิ่น ,,--------------,,ฆานวิญญาณ-ได้กลิ่น

๔. ชิวหา -ลิ้น ,,----------,, รส - - รส ,,---------------,,ชิวหาวิญญาณ-รู้รส

๕. กาย - กาย ,,--------,,โผฏฐัพพะ-สิ่งต้องกาย ,,-----,,กายวิญญาณ-รู้สิ่งต้องกาย

๖. มโน - ใจ ,,--------- ,, ธรรม * - เรื่องในใจ,,--------,, มโนวิญญาณ-รู้เรื่องในใจ

ที่อ้างอิง *
* นิมยมเรียก ธรรมารมณ์ เพื่อไม่ให้สับสนกับคำว่า ธรรม ที่ใช้ทั่วไป ซึ่งมีความหมายกว้างขวางมากหลายนัย


ต่อ

อย่างไรก็ตาม แม้ว่า วิญญาณ จะต้องอาศัยอายตนะ และอารมณ์ กระทบกันจึงจะเกิดขึ้นได้* (ม.มู.12/443-4/476-7) ก็จริง แต่การที่อารมณ์เข้ามาปรากฏแก่อายตนะ ก็มิใช่จะทำให้วิญญาณเกิดขึ้นได้เสมอไป จำต้องมีความใส่ใจ ความกำหนดใจ หรือ ความใฝ่ใจประกอบอยู่ด้วย วิญญาณนั้นๆ จึงเกิดขึ้น

ดังตัวอย่างในบางคราว เช่น เวลาหลับสนิท เวลาฟุ้งซ่าน หรือใจลอยไปเสีย เวลาใจจดจ่อแน่วแน่อยู่กับกิจอย่างใดอย่างหนึ่ง ตลอดจนขณะอยู่ในสมาธิ รูปและ เสียง เป็นต้น หลายๆอย่างที่ผ่านเข้ามา อยู่ในวิสัยที่จะเห็น จะได้ยิน แต่หาได้เห็น ได้ยินไม่ หรือ
ตัวอย่างง่ายๆ ขณะเขียนหนังสือใจจดจ่ออยู่ จะไม่รู้สึกส่วนของร่างกาย ที่แตะอยู่กับโต๊ะเก้าอี้ ตลอดจนมือที่แตะกระดาษ และนิ้วที่แตะปากกา หรือดินสอ ในเมื่อมีอายตนะ และอารมณ์เข้ามาถึงกันแล้ว แต่วิญญาณไม่เกิดขึ้น เช่นนี้ ก็ยังไม่เรียกว่า การรับรู้ได้เกิดขึ้น

:b32:
คิดว่าเดี๋ยวนี้ตัวเองมีวิญญาณไหมคะ
วิญญาณคือภาษาบาลีแปลเป็นไทยคือจิต
จิต=วิญญาณ=วิญญาณขันธ์คือ1ในขันธ์5ไม่ได้เกิดลอยๆ
เพราะจิต1ขณะรู้อารมณ์อยู่มีครบขันธ์ทั้ง5คือจิต+เจตสิก+รูปที่เป็นกุศลหรืออกุศลหรือรู้นิพพานไม่ปนกัน
แล้วตอนนี้เดี๋ยวนี้ก็มีครบแล้วทั้ง6ทางมีแล้วไม่ได้มีใครทำและกำลังเกิดดับสลับกันอยู่โดยความเป็นอนัตตา
:b12:
:b4: :b4:

รู้จักไหมคะว่า
ความรู้คู่ปัญญา
ความไม่รู้คู่อวิชชา

ทั้ง2แบบเกิดแบบเส้นขนาน
ไม่ปนกันกันเลยในจิตแต่ละ1ขณะ
:b12:
:b16: :b16:


เล่นไปจับคู่สะยังงั้นก็เลอะสิขอรับ :b1:

ปัญญา แปลว่า ความรู้, ความรู้ทั่ว

อวิชชา แปลว่า ความไม่รู้ (อ ไม่ วิชชา ความรู้ อวิชชา=ความไม่รู้)

บอกไม่เชื่อว่าเสียเวลาปลูกผัก :b32:

ข้อ๑-๖มันไม่เกิดปนทางกันเข้าใจไหม
ยังไม่รู้สึกตัวและยังคิดตามไม่ถูกตัวตนอยู่ค่ะ
คิดพิจารณาสิเดี๋ยวนี้จิตเกิดดับถึงแสนล้านดวงจิต
มีปัญญารู้ตรงแค่1ทางให้มันคิดตามได้ตรงตามก่อนดีไหม
:b12:
:b9: :b9:


สิ่งที่ชาวพุทธส่วนหนึ่งได้ยินได้ฟังมาไม่ค่อยเป็นพุทธธรรมสักเท่าไหร่ ไม่พูดดีกว่า เดี๋ยวเสียใจ คิกๆๆ

เอาเป็นว่าสิ่งที่เหมาะตอนนี้ คือ ทอดกฐิน ทอดผ้าป่า การถวายสังฆทาน ตักบาตร ทำบุญอย่างที่ทั่วๆไปทำกันนี่แหละ แล้วจึงค่อยๆศึกษายังสำนักเรียนที่มีการสอบรับรอง ไม่ใช่ฟังที่นั่นมานิดที่นี่มาหน่อยแล้วก็มาสรุปตามความเข้าใจของตน แบบนี้เลอะขอรับ :b13:

:b1:
จิตอย่างเดียวคือวิญญาณขันธ์
เออนะตัวเองมีจิตอย่างเดียวไหม
ตถาคตบอกว่าจิต1ขณะคือจิต+เจตสิก+รูป
บอกว่ามีแล้วไม่ได้ทำครบแล้ว6ทางดับแล้วแสนโกฏิขณะทำอะไรได้ไหมยังไม่ไปไหนเลยเนี่ย
:b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 เม.ย. 2019, 09:45 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
ต่อ

ในกรณีนี้ สังขารจะถูกจัดประเภทเสียใหม่ให้สอดคล้องกับบทบาทของมัน โดยแบ่งตามทาง หรือ ทวารที่แสดงออก เป็นกายสังขาร วจีสังขาร และมโนสังขาร

เรียกตามชื่อหัวหน้า หรือ ตัวแทนว่า กายสัญเจตนา วจีสัญเจตนา และมโนสัญเจตนา หรือ

เรียกตามงานที่ทำออกมาว่า กายกรรม วจีกรรม และมโนกรรม

แสดงให้เห็นง่ายขึ้น ดังนี้

๑. กายสังขาร- - - - - - - - - = กายสัญเจตนา- - - - - - - - กายทวาร =>กายกรรม

(สภาพปรุงแต่งการกระทำทางกาย = ความจงใจ(แสดงออก)ทางกาย - - ทางกาย - - -การกระทำทางกาย)

๒.วจีสังขาร- - - - - - - - - - -= วจีสัญเจตนา - - - - - - - - - วจีทวาร=>วจีกรรม

(สภาพปรุงแต่งการกระทำทางวาจา = ความจงใจ(แสดงออก)ทางวาจา - ทางวาจา - - การกระทำทางวาจา)

๓. มโนสังขาร - - - - - - - - - = มโนสัญเจตนา - - - - - - - -มโนทวาร=> มโนกรรม

(สภาพปรุงแต่งการกระทำทางใจ = ความจงใจ(แสดงออก)ทางใจ- - - - ทางใจ - - - - การกระทำทางใจ)


นักท่องเที่ยวหนีตาย! ขาโจ๋พัทยา เปิดฉากไล่ฟันคออริเจ็บอื้อ แฉนาทีตะลุมบอน

ที่เกิดเหตุพบผู้บาดเจ็บ 4 ราย สภาพนอนจมกองเลือดอยู่บนพื้นถนน รายแรกถูกของมีคมฟันเข้าที่ต้นคออาการสาหัส พลเมืองดีรีบพาส่งโรงพยาบาลก่อนหน้านี้ ส่วนอีก 3 รายได้รับบาดเจ็บศีรษะแตก มีบาดแผลปูดบวม

จากการสอบถามหนึ่งในกลุ่มผู้ที่ถูกของมีคมฟัน ทราบว่าผู้บาดเจ็บที่นอนจมกองเลือดทั้ง 4 รายนั้น มีทั้งกลุ่มของตนและกลุ่มคู่อริ โดยรายที่ถูกฟันและรายที่ศีรษะแตกเป็นกลุ่มตน ส่วนอีก 2 รายนั้นเป็นกลุ่มของคู่อริ โดยก่อนเกิดเหตุได้นั่งดื่มสุรากันอยู่บริเวณริมชายหาด ได้มีกลุ่มผู้ก่อเหตุขับรถจักรยานยนต์ขึ้นบนฟุตบาธมีท่าทีโวยวายหาเรื่องนักท่องเที่ยวตามทาง

รูปภาพ

จะดีชั่วถูกผิดยังไงก็แล้วแต้ ไม่พ้นจากกายกรรม วจีกรรม มโนกรรม ไปได้เลย
แล้วคุณโรสคุณเทอไปหาธัมมะที่ไหนน้า เห็นตำหูตำตาอยู่ทุกวี่วัน :b13: แล้วอย่างนี้จะไม่ให้พูดว่าเสียเวลาเปล่ายังไงได้ :b32:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 เม.ย. 2019, 09:50 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
กรัชกาย เขียน:
สรุปได้ว่า อายตนะ ๖ อารมณ์ ๖ และวิญญาณ ๖ (ที.ปา.11/304-306/255) มีชื่อในภาษาธรรม และมีความเกี่ยวเนื่องกัน ดังนี้

๑. จักขุ - ตา เป็นแดนรับรู้ รูป - - รูป - เกิดความรู้คือ จักขุวิญญาณ -เห็น

๒. โสตะ -หู ,, ---------,, สัททะ -เสียง ,,-------------,,โสตวิญญาณ-ได้ยิน

๓. ฆานะ -จมูก ,,--------,, คันธะ - กลิ่น ,,--------------,,ฆานวิญญาณ-ได้กลิ่น

๔. ชิวหา -ลิ้น ,,----------,, รส - - รส ,,---------------,,ชิวหาวิญญาณ-รู้รส

๕. กาย - กาย ,,--------,,โผฏฐัพพะ-สิ่งต้องกาย ,,-----,,กายวิญญาณ-รู้สิ่งต้องกาย

๖. มโน - ใจ ,,--------- ,, ธรรม * - เรื่องในใจ,,--------,, มโนวิญญาณ-รู้เรื่องในใจ

ที่อ้างอิง *
* นิมยมเรียก ธรรมารมณ์ เพื่อไม่ให้สับสนกับคำว่า ธรรม ที่ใช้ทั่วไป ซึ่งมีความหมายกว้างขวางมากหลายนัย


ต่อ

อย่างไรก็ตาม แม้ว่า วิญญาณ จะต้องอาศัยอายตนะ และอารมณ์ กระทบกันจึงจะเกิดขึ้นได้* (ม.มู.12/443-4/476-7) ก็จริง แต่การที่อารมณ์เข้ามาปรากฏแก่อายตนะ ก็มิใช่จะทำให้วิญญาณเกิดขึ้นได้เสมอไป จำต้องมีความใส่ใจ ความกำหนดใจ หรือ ความใฝ่ใจประกอบอยู่ด้วย วิญญาณนั้นๆ จึงเกิดขึ้น

ดังตัวอย่างในบางคราว เช่น เวลาหลับสนิท เวลาฟุ้งซ่าน หรือใจลอยไปเสีย เวลาใจจดจ่อแน่วแน่อยู่กับกิจอย่างใดอย่างหนึ่ง ตลอดจนขณะอยู่ในสมาธิ รูปและ เสียง เป็นต้น หลายๆอย่างที่ผ่านเข้ามา อยู่ในวิสัยที่จะเห็น จะได้ยิน แต่หาได้เห็น ได้ยินไม่ หรือ
ตัวอย่างง่ายๆ ขณะเขียนหนังสือใจจดจ่ออยู่ จะไม่รู้สึกส่วนของร่างกาย ที่แตะอยู่กับโต๊ะเก้าอี้ ตลอดจนมือที่แตะกระดาษ และนิ้วที่แตะปากกา หรือดินสอ ในเมื่อมีอายตนะ และอารมณ์เข้ามาถึงกันแล้ว แต่วิญญาณไม่เกิดขึ้น เช่นนี้ ก็ยังไม่เรียกว่า การรับรู้ได้เกิดขึ้น

:b32:
คิดว่าเดี๋ยวนี้ตัวเองมีวิญญาณไหมคะ
วิญญาณคือภาษาบาลีแปลเป็นไทยคือจิต
จิต=วิญญาณ=วิญญาณขันธ์คือ1ในขันธ์5ไม่ได้เกิดลอยๆ
เพราะจิต1ขณะรู้อารมณ์อยู่มีครบขันธ์ทั้ง5คือจิต+เจตสิก+รูปที่เป็นกุศลหรืออกุศลหรือรู้นิพพานไม่ปนกัน
แล้วตอนนี้เดี๋ยวนี้ก็มีครบแล้วทั้ง6ทางมีแล้วไม่ได้มีใครทำและกำลังเกิดดับสลับกันอยู่โดยความเป็นอนัตตา
:b12:
:b4: :b4:

รู้จักไหมคะว่า
ความรู้คู่ปัญญา
ความไม่รู้คู่อวิชชา

ทั้ง2แบบเกิดแบบเส้นขนาน
ไม่ปนกันกันเลยในจิตแต่ละ1ขณะ
:b12:
:b16: :b16:


เล่นไปจับคู่สะยังงั้นก็เลอะสิขอรับ :b1:

ปัญญา แปลว่า ความรู้, ความรู้ทั่ว

อวิชชา แปลว่า ความไม่รู้ (อ ไม่ วิชชา ความรู้ อวิชชา=ความไม่รู้)

บอกไม่เชื่อว่าเสียเวลาปลูกผัก :b32:

ข้อ๑-๖มันไม่เกิดปนทางกันเข้าใจไหม
ยังไม่รู้สึกตัวและยังคิดตามไม่ถูกตัวตนอยู่ค่ะ
คิดพิจารณาสิเดี๋ยวนี้จิตเกิดดับถึงแสนล้านดวงจิต
มีปัญญารู้ตรงแค่1ทางให้มันคิดตามได้ตรงตามก่อนดีไหม
:b12:
:b9: :b9:


สิ่งที่ชาวพุทธส่วนหนึ่งได้ยินได้ฟังมาไม่ค่อยเป็นพุทธธรรมสักเท่าไหร่ ไม่พูดดีกว่า เดี๋ยวเสียใจ คิกๆๆ

เอาเป็นว่าสิ่งที่เหมาะตอนนี้ คือ ทอดกฐิน ทอดผ้าป่า การถวายสังฆทาน ตักบาตร ทำบุญอย่างที่ทั่วๆไปทำกันนี่แหละ แล้วจึงค่อยๆศึกษายังสำนักเรียนที่มีการสอบรับรอง ไม่ใช่ฟังที่นั่นมานิดที่นี่มาหน่อยแล้วก็มาสรุปตามความเข้าใจของตน แบบนี้เลอะขอรับ :b13:

:b1:
จิตอย่างเดียวคือวิญญาณขันธ์
เออนะตัวเองมีจิตอย่างเดียวไหม
ตถาคตบอกว่าจิต1ขณะคือจิต+เจตสิก+รูป
บอกว่ามีแล้วไม่ได้ทำครบแล้ว6ทางดับแล้วแสนโกฏิขณะทำอะไรได้ไหมยังไม่ไปไหนเลยเนี่ย
:b32: :b32:


เอาอีกแล้ว เอาคคห.ตนเองมั่วๆปนๆกันแล้วจับใส่ปากตถาคตอีกแล้ว

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 เม.ย. 2019, 09:56 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7502

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
กรัชกาย เขียน:
สรุปได้ว่า อายตนะ ๖ อารมณ์ ๖ และวิญญาณ ๖ (ที.ปา.11/304-306/255) มีชื่อในภาษาธรรม และมีความเกี่ยวเนื่องกัน ดังนี้

๑. จักขุ - ตา เป็นแดนรับรู้ รูป - - รูป - เกิดความรู้คือ จักขุวิญญาณ -เห็น

๒. โสตะ -หู ,, ---------,, สัททะ -เสียง ,,-------------,,โสตวิญญาณ-ได้ยิน

๓. ฆานะ -จมูก ,,--------,, คันธะ - กลิ่น ,,--------------,,ฆานวิญญาณ-ได้กลิ่น

๔. ชิวหา -ลิ้น ,,----------,, รส - - รส ,,---------------,,ชิวหาวิญญาณ-รู้รส

๕. กาย - กาย ,,--------,,โผฏฐัพพะ-สิ่งต้องกาย ,,-----,,กายวิญญาณ-รู้สิ่งต้องกาย

๖. มโน - ใจ ,,--------- ,, ธรรม * - เรื่องในใจ,,--------,, มโนวิญญาณ-รู้เรื่องในใจ

ที่อ้างอิง *
* นิมยมเรียก ธรรมารมณ์ เพื่อไม่ให้สับสนกับคำว่า ธรรม ที่ใช้ทั่วไป ซึ่งมีความหมายกว้างขวางมากหลายนัย


ต่อ

อย่างไรก็ตาม แม้ว่า วิญญาณ จะต้องอาศัยอายตนะ และอารมณ์ กระทบกันจึงจะเกิดขึ้นได้* (ม.มู.12/443-4/476-7) ก็จริง แต่การที่อารมณ์เข้ามาปรากฏแก่อายตนะ ก็มิใช่จะทำให้วิญญาณเกิดขึ้นได้เสมอไป จำต้องมีความใส่ใจ ความกำหนดใจ หรือ ความใฝ่ใจประกอบอยู่ด้วย วิญญาณนั้นๆ จึงเกิดขึ้น

ดังตัวอย่างในบางคราว เช่น เวลาหลับสนิท เวลาฟุ้งซ่าน หรือใจลอยไปเสีย เวลาใจจดจ่อแน่วแน่อยู่กับกิจอย่างใดอย่างหนึ่ง ตลอดจนขณะอยู่ในสมาธิ รูปและ เสียง เป็นต้น หลายๆอย่างที่ผ่านเข้ามา อยู่ในวิสัยที่จะเห็น จะได้ยิน แต่หาได้เห็น ได้ยินไม่ หรือ
ตัวอย่างง่ายๆ ขณะเขียนหนังสือใจจดจ่ออยู่ จะไม่รู้สึกส่วนของร่างกาย ที่แตะอยู่กับโต๊ะเก้าอี้ ตลอดจนมือที่แตะกระดาษ และนิ้วที่แตะปากกา หรือดินสอ ในเมื่อมีอายตนะ และอารมณ์เข้ามาถึงกันแล้ว แต่วิญญาณไม่เกิดขึ้น เช่นนี้ ก็ยังไม่เรียกว่า การรับรู้ได้เกิดขึ้น

:b32:
คิดว่าเดี๋ยวนี้ตัวเองมีวิญญาณไหมคะ
วิญญาณคือภาษาบาลีแปลเป็นไทยคือจิต
จิต=วิญญาณ=วิญญาณขันธ์คือ1ในขันธ์5ไม่ได้เกิดลอยๆ
เพราะจิต1ขณะรู้อารมณ์อยู่มีครบขันธ์ทั้ง5คือจิต+เจตสิก+รูปที่เป็นกุศลหรืออกุศลหรือรู้นิพพานไม่ปนกัน
แล้วตอนนี้เดี๋ยวนี้ก็มีครบแล้วทั้ง6ทางมีแล้วไม่ได้มีใครทำและกำลังเกิดดับสลับกันอยู่โดยความเป็นอนัตตา
:b12:
:b4: :b4:

รู้จักไหมคะว่า
ความรู้คู่ปัญญา
ความไม่รู้คู่อวิชชา

ทั้ง2แบบเกิดแบบเส้นขนาน
ไม่ปนกันกันเลยในจิตแต่ละ1ขณะ
:b12:
:b16: :b16:


เล่นไปจับคู่สะยังงั้นก็เลอะสิขอรับ :b1:

ปัญญา แปลว่า ความรู้, ความรู้ทั่ว

อวิชชา แปลว่า ความไม่รู้ (อ ไม่ วิชชา ความรู้ อวิชชา=ความไม่รู้)

บอกไม่เชื่อว่าเสียเวลาปลูกผัก :b32:

ข้อ๑-๖มันไม่เกิดปนทางกันเข้าใจไหม
ยังไม่รู้สึกตัวและยังคิดตามไม่ถูกตัวตนอยู่ค่ะ
คิดพิจารณาสิเดี๋ยวนี้จิตเกิดดับถึงแสนล้านดวงจิต
มีปัญญารู้ตรงแค่1ทางให้มันคิดตามได้ตรงตามก่อนดีไหม
:b12:
:b9: :b9:


สิ่งที่ชาวพุทธส่วนหนึ่งได้ยินได้ฟังมาไม่ค่อยเป็นพุทธธรรมสักเท่าไหร่ ไม่พูดดีกว่า เดี๋ยวเสียใจ คิกๆๆ

เอาเป็นว่าสิ่งที่เหมาะตอนนี้ คือ ทอดกฐิน ทอดผ้าป่า การถวายสังฆทาน ตักบาตร ทำบุญอย่างที่ทั่วๆไปทำกันนี่แหละ แล้วจึงค่อยๆศึกษายังสำนักเรียนที่มีการสอบรับรอง ไม่ใช่ฟังที่นั่นมานิดที่นี่มาหน่อยแล้วก็มาสรุปตามความเข้าใจของตน แบบนี้เลอะขอรับ :b13:

:b1:
จิตอย่างเดียวคือวิญญาณขันธ์
เออนะตัวเองมีจิตอย่างเดียวไหม
ตถาคตบอกว่าจิต1ขณะคือจิต+เจตสิก+รูป
บอกว่ามีแล้วไม่ได้ทำครบแล้ว6ทางดับแล้วแสนโกฏิขณะทำอะไรได้ไหมยังไม่ไปไหนเลยเนี่ย
:b32: :b32:


เอาอีกแล้ว เอาคคห.ตนเองมั่วๆปนๆกันแล้วจับใส่ปากตถาคตอีกแล้ว

:b32:
ฮากลิ้งตีลังกาหลายตลบเลยค่ะ
คุณกรัชกายไม่มีตาหูจมูกลิ้นกายใจเหรอ
:b32:
สภาพธัมมะกำลังเกิดดับนับไม่ถ้วนที่กายตัวเองมี
ไม่อยู่นอกกายกำลังเกิดดับนับๆตามคำสอนได้1ล้านแสนครั้งไปแล้ว
คุณกรัชกายจะทำยังไงคะมันดับแล้วสะสมเป็นอวิชชาของคุณกรัชกายแล้วเดี๋ยวนี้กำลังมีกิเลสขาดปัญญา
อันที่ดับไปแล้วไม่ย้อนกลับมาเกิดอีกมีเหตุปัจจัยที่กำลังเกิดดับเป็นจิตขณะใหม่ตลอดเวลาขาดสุตมยปัญญา
:b32: :b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 เม.ย. 2019, 10:02 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
กรัชกาย เขียน:
สรุปได้ว่า อายตนะ ๖ อารมณ์ ๖ และวิญญาณ ๖ (ที.ปา.11/304-306/255) มีชื่อในภาษาธรรม และมีความเกี่ยวเนื่องกัน ดังนี้

๑. จักขุ - ตา เป็นแดนรับรู้ รูป - - รูป - เกิดความรู้คือ จักขุวิญญาณ -เห็น

๒. โสตะ -หู ,, ---------,, สัททะ -เสียง ,,-------------,,โสตวิญญาณ-ได้ยิน

๓. ฆานะ -จมูก ,,--------,, คันธะ - กลิ่น ,,--------------,,ฆานวิญญาณ-ได้กลิ่น

๔. ชิวหา -ลิ้น ,,----------,, รส - - รส ,,---------------,,ชิวหาวิญญาณ-รู้รส

๕. กาย - กาย ,,--------,,โผฏฐัพพะ-สิ่งต้องกาย ,,-----,,กายวิญญาณ-รู้สิ่งต้องกาย

๖. มโน - ใจ ,,--------- ,, ธรรม * - เรื่องในใจ,,--------,, มโนวิญญาณ-รู้เรื่องในใจ

ที่อ้างอิง *
* นิมยมเรียก ธรรมารมณ์ เพื่อไม่ให้สับสนกับคำว่า ธรรม ที่ใช้ทั่วไป ซึ่งมีความหมายกว้างขวางมากหลายนัย


ต่อ

อย่างไรก็ตาม แม้ว่า วิญญาณ จะต้องอาศัยอายตนะ และอารมณ์ กระทบกันจึงจะเกิดขึ้นได้* (ม.มู.12/443-4/476-7) ก็จริง แต่การที่อารมณ์เข้ามาปรากฏแก่อายตนะ ก็มิใช่จะทำให้วิญญาณเกิดขึ้นได้เสมอไป จำต้องมีความใส่ใจ ความกำหนดใจ หรือ ความใฝ่ใจประกอบอยู่ด้วย วิญญาณนั้นๆ จึงเกิดขึ้น

ดังตัวอย่างในบางคราว เช่น เวลาหลับสนิท เวลาฟุ้งซ่าน หรือใจลอยไปเสีย เวลาใจจดจ่อแน่วแน่อยู่กับกิจอย่างใดอย่างหนึ่ง ตลอดจนขณะอยู่ในสมาธิ รูปและ เสียง เป็นต้น หลายๆอย่างที่ผ่านเข้ามา อยู่ในวิสัยที่จะเห็น จะได้ยิน แต่หาได้เห็น ได้ยินไม่ หรือ
ตัวอย่างง่ายๆ ขณะเขียนหนังสือใจจดจ่ออยู่ จะไม่รู้สึกส่วนของร่างกาย ที่แตะอยู่กับโต๊ะเก้าอี้ ตลอดจนมือที่แตะกระดาษ และนิ้วที่แตะปากกา หรือดินสอ ในเมื่อมีอายตนะ และอารมณ์เข้ามาถึงกันแล้ว แต่วิญญาณไม่เกิดขึ้น เช่นนี้ ก็ยังไม่เรียกว่า การรับรู้ได้เกิดขึ้น

:b32:
คิดว่าเดี๋ยวนี้ตัวเองมีวิญญาณไหมคะ
วิญญาณคือภาษาบาลีแปลเป็นไทยคือจิต
จิต=วิญญาณ=วิญญาณขันธ์คือ1ในขันธ์5ไม่ได้เกิดลอยๆ
เพราะจิต1ขณะรู้อารมณ์อยู่มีครบขันธ์ทั้ง5คือจิต+เจตสิก+รูปที่เป็นกุศลหรืออกุศลหรือรู้นิพพานไม่ปนกัน
แล้วตอนนี้เดี๋ยวนี้ก็มีครบแล้วทั้ง6ทางมีแล้วไม่ได้มีใครทำและกำลังเกิดดับสลับกันอยู่โดยความเป็นอนัตตา
:b12:
:b4: :b4:

รู้จักไหมคะว่า
ความรู้คู่ปัญญา
ความไม่รู้คู่อวิชชา

ทั้ง2แบบเกิดแบบเส้นขนาน
ไม่ปนกันกันเลยในจิตแต่ละ1ขณะ
:b12:
:b16: :b16:


เล่นไปจับคู่สะยังงั้นก็เลอะสิขอรับ :b1:

ปัญญา แปลว่า ความรู้, ความรู้ทั่ว

อวิชชา แปลว่า ความไม่รู้ (อ ไม่ วิชชา ความรู้ อวิชชา=ความไม่รู้)

บอกไม่เชื่อว่าเสียเวลาปลูกผัก :b32:

ข้อ๑-๖มันไม่เกิดปนทางกันเข้าใจไหม
ยังไม่รู้สึกตัวและยังคิดตามไม่ถูกตัวตนอยู่ค่ะ
คิดพิจารณาสิเดี๋ยวนี้จิตเกิดดับถึงแสนล้านดวงจิต
มีปัญญารู้ตรงแค่1ทางให้มันคิดตามได้ตรงตามก่อนดีไหม
:b12:
:b9: :b9:


สิ่งที่ชาวพุทธส่วนหนึ่งได้ยินได้ฟังมาไม่ค่อยเป็นพุทธธรรมสักเท่าไหร่ ไม่พูดดีกว่า เดี๋ยวเสียใจ คิกๆๆ

เอาเป็นว่าสิ่งที่เหมาะตอนนี้ คือ ทอดกฐิน ทอดผ้าป่า การถวายสังฆทาน ตักบาตร ทำบุญอย่างที่ทั่วๆไปทำกันนี่แหละ แล้วจึงค่อยๆศึกษายังสำนักเรียนที่มีการสอบรับรอง ไม่ใช่ฟังที่นั่นมานิดที่นี่มาหน่อยแล้วก็มาสรุปตามความเข้าใจของตน แบบนี้เลอะขอรับ :b13:

:b1:
จิตอย่างเดียวคือวิญญาณขันธ์
เออนะตัวเองมีจิตอย่างเดียวไหม
ตถาคตบอกว่าจิต1ขณะคือจิต+เจตสิก+รูป
บอกว่ามีแล้วไม่ได้ทำครบแล้ว6ทางดับแล้วแสนโกฏิขณะทำอะไรได้ไหมยังไม่ไปไหนเลยเนี่ย
:b32: :b32:


เอาอีกแล้ว เอาคคห.ตนเองมั่วๆปนๆกันแล้วจับใส่ปากตถาคตอีกแล้ว

:b32:
ฮากลิ้งตีลังกาหลายตลบเลยค่ะ
คุณกรัชกายไม่มีตาหูจมูกลิ้นกายใจเหรอ
:b32:
สภาพธัมมะกำลังเกิดดับนับไม่ถ้วนที่กายตัวเองมี
ไม่อยู่นอกกายกำลังเกิดดับนับๆตามคำสอนได้1ล้านแสนครั้งไปแล้ว
คุณกรัชกายจะทำยังไงคะมันดับแล้วสะสมเป็นอวิชชาของคุณกรัชกายแล้วเดี๋ยวนี้กำลังมีกิเลสขาดปัญญา
อันที่ดับไปแล้วไม่ย้อนกลับมาเกิดอีกมีเหตุปัจจัยที่กำลังเกิดดับเป็นจิตขณะใหม่ตลอดเวลาขาดสุตมยปัญญา
:b32: :b32: :b32:


หมา แมว ต้นไม้ เป็นธัมมะไหม

รูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ เป็นธัมมะไหม เอ้า :b1:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 94 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5 ... 7  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 132 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร