วันเวลาปัจจุบัน 28 มี.ค. 2024, 18:10  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 142 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5 ... 10  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 เม.ย. 2019, 19:10 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
ปรโตโฆสะ – กัลยาณมิตร = วิธีการแห่งศรัทธา

ปรโตโฆสะ หรือ เสียงจากผู้อื่น ที่จะให้เกิดสัมมาทิฏฐิได้ ก็คือ เสียงที่ดีงาม เสียงที่ถูกต้อง เสียงที่บอกกล่าวชี้แจงความจริง มีเหตุผล เป็นประโยชน์ เฉพาะอย่างยิ่ง ที่เกิดจากความรักความปรารถนาดี

เสียงดีงามถูกต้องเช่นนี้ เกิดจากแหล่งที่ดี คือคนดี คนมีปัญญา คนมีคุณธรรม คนเช่นนี้ ทางธรรมเรียกว่า สัตบุรุษ * บ้าง บัณฑิตบ้าง ถ้าคนดี คือ สัตบุรุษ หรือบัณฑิตนี้ ไปทำหน้าที่ช่วยเหลือแนะนำ สั่งสอนชักนำสัมมาทิฏฐิให้แก่ผู้อื่น ก็เรียกว่าเขาทำหน้าที่เป็น กัลยาณมิตร

แต่บุคคลผู้แสวงสัมมาทิฏฐิ ไม่จำเป็นต้องรอให้สัตบุรุษ หรือบัณฑิตมาหาตน
ตรงข้าม เขาย่อมกระตือรือร้นที่จะไปหา ไปปรึกษา ไปสดับฟัง ไปขอคำแนะนำชี้แจงสั่งสอน เข้าร่วมหมู่อยู่ใกล้ ตลอดจนศึกษาแบบอย่างแนวทางจากบัณฑิต หรือสัตบุรุษนั้นเอง การกระทำของเขาอย่างนี้ เรียกว่า การเสวนาสัตบุรุษ หรือ คบหาคนดี *

แต่ไม่ว่าสัตบุรุษจะมาทำหน้าที่ให้ หรือ บุคคลนั้นจะไปคบหาสัตบุรุษเองก็ตาม ในเมื่อมีการยอมรับ หรืออิทธิพลต่อกันเกิดขึ้นแล้ว ก็เรียกว่าเขามีกัลยาณมิตร และเรียกภาวะนี้ว่า "กัลยาณมิตตตา" แปลว่า ความมีกัลยาณมิตร

กัลยาณมิตร มิได้หมายถึง เพื่อนที่ดีอย่างในความหมายสามัญเท่านั้น แต่หมายถึงบุคคลผู้เพียบพร้อมด้วยคุณสมบัติที่จะสั่งสอน แนะนำ ชี้แจง ชักจูง ช่วยบอกช่องทาง หรือเป็นตัวอย่างให้ผู้อื่นดำเนินไปในมรรคาแห่งการฝึกอบรมอย่างถูกต้อง
ในคัมภีร์วิสุทธิมัคค์ ท่านยกตัวอย่าง เช่น พระพุทธเจ้า พระอรหันตสาวก ครู อาจารย์ และท่านผู้เป็นพหูสูตทรงปัญญา สามารถสั่งสอนแนะนำ เป็นที่ปรึกษาได้ แม้จะอ่อนวัยกว่า * (ดูวิสุทธิ. 1/123-125 (คัมภีร์นี้ แสดงตัวอย่างในกรณีของการเรียนสมาธิภาวนา)

:b32:
คนดีคือมีกุศลเจตสิกเกิดคือคบบัณฑิต
คนไม่ดีคือมีอกุศลจิตเกิดคือคบพาล
ทั้ง2แบบมีภายในตัวตนของตัวเอง
จะไปไหนจะทำอะไรคบคนไหน
ที่อยู่ภายในจิตถ้าตัวตนก็นะเป็นอกุศล
ชอบใจไม่ชอบใจก็นะเป็นอกุศล
ทราบไหมคะ/ละชั่ว/ทำดีไม่ใช่มีตัวตนไปทำได้
เพราะตัวตนนั้นมีแล้วแค่ไม่รู้ว่าขณะไหนที่รู้สึกตัวถูกตรงตามคำสอนได้ขณะนั้นละชั่วได้ทันทีดีทันทีเลยค่ะ
ดีได้ตอนกำลังฟังกำลังเข้าใจถูกตามตรงคำตรงจริงที่กายใจกำลังมีจึงดีได้เมื่อเริ่มต้นฟังพระพุทธพจน์นะคะ
:b12:
:b4: :b4:


ถ้ายังงั้น ใครไปทำล่ะ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 เม.ย. 2019, 19:15 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
แม้แต่นกยังคล้อยตามสภาพแวดล้อมภายนอกที่ดี (ปรโตโฆสะที่ดี) ไม่ดี (ปรโตโฆสะที่ไม่ดี) ได้ จะกล่าวไปใยถึงคนเล่า

https://www.facebook.com/wattamai45/vid ... 318382581/


อ้างคำพูด:
Rosarin
ทราบไหมคะ/ละชั่ว/ทำดีไม่ใช่มีตัวตนไปทำได้

รูปภาพ

คุณโรสนั่นใครทำ :b13:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 เม.ย. 2019, 19:24 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ความสำคัญของการมีกัลยาณมิตร

"ภิกษุทั้งหลาย เมื่อดวงอาทิตย์อุทัยอยู่ ย่อมมีแสงอรุณขึ้นมาก่อน เป็นบุพนิมิต ฉันใด ความมีกัลยาณมิตร ก็เป็นตัวนำ เป็นบุพนิมิต แห่งการเกิดของอริยอัษฎางคิกมรรค แก่ภิกษุ ฉันนั้น ภิกษุผู้มีกัลยาณมิตร พึงหวังสิ่งนี้ได้ คือ จักเจริญ จักทำให้มาก ซึ่งอริยอัษฎางคิกมรรค"

"ดูกรอานนท์ ความมีกัลยาณมิตร...เท่ากับเป็นพรหมจรรย์ทั้งหมดทีเดียว เพราะว่า ผู้มีกัลยาณมิตร...พึงหวังสิ่งนี้ได้ คือ จักเจริญ จักทำให้มาก ซึ่งอริยอัษฎางคิกมรรค

"อาศัยเราผู้เป็นกัลยาณมิตร เหล่าสัตว์ผู้มีชาติเป็นธรรมดา ก็พ้นจากชาติ ผู้มีชราเป็นธรรม ก็พ้นจากชรา ผู้มีมรณะเป็นธรรมดา ก็พ้นจากมรณะ ผู้มีโสกะ ปริเทวะ ทุกข์ โทมนัส และอุปายาส เป็นธรรมดา ก็พ้นจากโสกะ ปริเทวะ ทุกข์ โทมนัส และอุปายาส"

"ภิกษุทั้งหลาย เมื่อดวงอาทิตย์อุทัยอยู่ ย่อมมีแสงเงินแสงทอง เป็นบุพนิมิตมาก่อน ฉันใด ความมีกัลยาณมิตร ก็เป็นตัวนำ เป็นบุพนิมิต แห่งการเกิดของโพชฌงค์ ๗ แก่ภิกษุ ฉันนั้น ภิกษุผู้มีกัลยาณมิตร พึงหวังสิ่งนี้ได้ คือ จักเจริญ จักทำให้มาก ซึ่งโพชฌงค์ ๗ "

"เรา ไม่เล็งเห็นธรรมอื่นแม้สักอย่างหนึ่ง ที่เป็นเหตุให้กุศลธรรมที่ยังไม่เกิด เกิดขึ้น หรือให้อกุศลธรรมที่เกิดขึ้นแล้ว เสื่อมไป เหมือนความมีกัลยาณมิตรเลย เมื่อบุคคลมีกัลยาณมิตร กุศลธรรมที่ยังไม่เกิด ย่อมเกิดขึ้น และอกุศลธรรมที่เกิดขึ้นแล้ว ย่อมเสื่อมไป"

"เราไม่เล็งเห็นธรรมอื่นแม้สักอย่าง ที่เป็นไปเพื่อประโยชน์ยิ่งใหญ่....ที่เป็นไปเพื่อความดำรงมั่น ไม่เสื่อมสูญ ไม่อันตรธานแห่งสัทธรรม เหมือนความมีกัลยาณมิตรเลย"

"สำหรับภิกษุผู้เสขะ ยังไม่บรรลุอรหัตผล ปรารถนาความเกษมจากโยคะอันยอดเยี่ยม เราไม่เล็งเห็นองค์ประกอบภายนอกอย่าง อื่นแม้สักอย่างหนึ่ง ที่มีประโยชน์มาก เหมือนความมีกัลยาณมิตรเลย ภิกษุผู้มีกัลยาณมิตร ย่อมกำจัดอกุศลได้ และย่อมบำเพ็ญกุศลให้เกิดขึ้น"

"ภิกษุผู้มีกัลยาณมิตร พึงหวังสิ่งนี้ได้ คือ

๑) จักเป็นผู้มีศีล สำรวมระวังในปาติโมกข์ สมบูรณ์ด้วยอาจาระและโคจร ฯลฯ

๒) จักเป็นผู้ได้ (มีโอกาสสดับฟัง ได้ร่วมสนทนาอย่างสะดวกสบาย) ตามความปรารถนา ในเรื่องต่างๆ ที่ขัดเกลาอุปนิสัย ชำระจิตใจให้ปลอดโปร่ง คือ เรื่องความมักน้อย ฯลฯ เรื่องการบำเพ็ญเพียร เรื่องศีล เรื่องสมาธิ เรื่องปัญญา เรื่องวิมุตติ เรื่องวิมุตติญาณทัสสนะ

๓) จักเป็นผู้ตั้งหน้าทำความเพียร เพื่อกำจัดอกุศลธรรม และเพื่อบำเพ็ญกุศลธรรมให้เพียบพร้อม จักเป็นผู้แข็งขัน บากบั่นมั่นคง ไม่ทอดธุระ ในกุศลธรรม

๔) จักเป็นผู้มีปัญญา ประกอบด้วยปัญญา ที่เป็นอริยะ หยั่งรู้ถึงความเกิดความดับ ชำแรกกิเลส นำไปสู่ความจบสิ้นแห่งทุกข์" (องฺ.นวก.23/205,207/365,370 ฯลฯ)

บาลีที่ยกมาอ้างนี้ เน้นความสำคัญของความมีกัลยาณมิตรสำหรับภิกษุ เพราะเป็นพุทธพจน์ที่ตรัสกะพระภิกษุ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 เม.ย. 2019, 19:28 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
กรัชกาย เขียน:
แม้แต่นกยังคล้อยตามสภาพแวดล้อมภายนอกที่ดี (ปรโตโฆสะที่ดี) ไม่ดี (ปรโตโฆสะที่ไม่ดี) ได้ จะกล่าวไปใยถึงคนเล่า

https://www.facebook.com/wattamai45/vid ... 318382581/


อ้างคำพูด:
Rosarin
ทราบไหมคะ/ละชั่ว/ทำดีไม่ใช่มีตัวตนไปทำได้

รูปภาพ

คุณโรสนั่นใครทำ :b13:


เทียบกันดูระหว่างปาปมิตร กับ กัลยาณมิตร

https://www.facebook.com/n.t.reccord/vi ... 148177168/

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 เม.ย. 2019, 19:36 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ส่วนในด้านคำสอนสำหรับคนทั่วไป โดยเฉพาะชาวบ้าน ยังมีหลักธรรม และพุทธภาษิต ที่ย้ำถึงความสำคัญของการคบหา และการเสวนาคนดี เพิ่มจากนี้อีกมากมาย ดังเช่นว่า

-ความมีกัลยาณมิตร เป็นข้อธรรมอย่างหนึ่งที่เป็นไปเพื่อบรรลุทิฏฐธัมมิกัตถะ (ประโยชน์โลกนี้) (องฺ.อฏฺฐก. 23/144/289)

-การคบคนชั่ว เป็นอบายมุข

-การคบมิตร และปฏิบัติถูกต้องต่อมิตร เป็นหลักอย่างหนึ่งในคำสอนเรื่องทิศ ๖

-การรู้จักเลือกคบคนตามหลักมิตรแท้ มิตรเทียม เป็นหลักธรรมหมวดใหญ่ทีเดียว

-การเสวนาสัตบุรุษ เป็นข้อธรรมหนึ่ง ในจักร ๔ ในวุฒิธรรม ๔ และในโสตาปัตติยังคะ

-ความมีกัลยาณมิตร เป็นข้อธรรมหนึ่งในนาถกรณธรรม หรือธรรมที่ทำให้คนพึ่งตนได้ ๑๐ ประการ

ในชาดก ซึ่งเป็นคำสอนสำหรับคนทุกชั้นทุกประเภท โดยเฉพาะชาวบ้าน ก็มีเรื่องราวและสุภาษิตแนะนำ เกี่ยวกับการคบหา หรือการเสวนา เป็นจำนวนมาก * (เรื่องที่เด่น คือ นกแขกเต้าสองพี่น้อง-สัตติคุมพชาดก-ม้ากับคนเลี้ยง ฯลฯ)

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 เม.ย. 2019, 19:38 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7503

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
กรัชกาย เขียน:
แม้แต่นกยังคล้อยตามสภาพแวดล้อมภายนอกที่ดี (ปรโตโฆสะที่ดี) ไม่ดี (ปรโตโฆสะที่ไม่ดี) ได้ จะกล่าวไปใยถึงคนเล่า

https://www.facebook.com/wattamai45/vid ... 318382581/


อ้างคำพูด:
Rosarin
ทราบไหมคะ/ละชั่ว/ทำดีไม่ใช่มีตัวตนไปทำได้

รูปภาพ

คุณโรสนั่นใครทำ :b13:

Kiss
ถ้าเอาความจริงตามคำสอนของพระพุทธเจ้าก็มีแต่ธัมมะ
จิตทำงานภายในสืบต่อเป็นอัตโนมัตจนปรากฏตามนิมิตที่เห็น
เป็นการปรากฏว่ามีชั่วคราวของจิต/เจตสิก/รูป/นิพพานไม่มีใครทำ
ละชั่วที่ไม่รู้ว่าไม่มีตัวตนไม่ได้เพราะขาดความเข้าใจความจริงตรงจริง
เดี๋ยวนี้ไม่รู้ว่าความจริงเห็นอะไรแต่เพียรทำอย่างอื่นยกเว้นไม่เพียรฟังให้เข้าใจ
เพราะความเข้าใจตรงกับภาษาบาลีว่าปัญญาจะไปไหนไปทำอะไรก็อยากไปทำไม่ใช่หรือ
ลืมว่าพระพุทธเจ้าแสดงความจริงให้ผู้ที่กำลังฟังพระองค์เท่านั้นเข้าใจถูกตรงสัจจะตามพระองค์ได้
ส่วนคนที่ไปหาครูทั้ง6ไปดูหนังไปฟังเพลงไปทำอย่างอื่นหมดแต่ไม่ทำสิ่งเดียวคือฟังคำสอนให้เกิดปัญญาค่ะ
:b12:
:b4: :b4:


แก้ไขล่าสุดโดย Rosarin เมื่อ 18 เม.ย. 2019, 19:42, แก้ไขแล้ว 2 ครั้ง.

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 เม.ย. 2019, 19:41 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
กรัชกาย เขียน:
แม้แต่นกยังคล้อยตามสภาพแวดล้อมภายนอกที่ดี (ปรโตโฆสะที่ดี) ไม่ดี (ปรโตโฆสะที่ไม่ดี) ได้ จะกล่าวไปใยถึงคนเล่า

https://www.facebook.com/wattamai45/vid ... 318382581/


อ้างคำพูด:
Rosarin
ทราบไหมคะ/ละชั่ว/ทำดีไม่ใช่มีตัวตนไปทำได้

รูปภาพ

คุณโรสนั่นใครทำ :b13:

Kiss
ถ้าเอาความจริงตามคำสอนของพระพุทธเจ้าก็มีแต่ธัมมะ
จิตทำงานภายในสืบต่อเป็นอัตโนมัตจนปรากฏตามนิมิตที่เห็น
เป็นการปรากฏว่ามีชั่วคราวของจิต/เจตสิก/รูป/นิพพานไม่มีใครทำ
ละชั่วที่ไม่รู้ว่าไม่มีตัวตนไม่ได้เพราะขาดความเข้าใจความจริงตรงจริง
เดี๋ยวนี้ไม่รู้ว่าความจริงเห็นอะไรแต่เพียรทำอย่างอื่นยกเว้นไม่เพียรฟังให้เข้าใจ
เพราะความเข้าใจตรงกับภาษาบาลีว่าปัญญาจะไปไหนไปทำอะไรก็อยากไปทำไม่ใช่หรือ
ลืมว่าพระพุทธเจ้าแสดงความจริงให้ผู้ที่กำลังฟังพระองค์เท่านั้นเข้าใจถูกตรงสัจจะตามพระองค์ได้
ส่วนคนที่ไปหาครูทั้ง6ไปดูหนังไปฟังเพลงไปทำอย่างอื่นหมดเลยไม่ทำสิ่งเดียวคือฟังคำสอนให้เกิดปัญญาค่ะ
:b12:
:b4: :b4:


ถ้ายังงั้น นั่นเป็นธัมมะไหม ?

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 เม.ย. 2019, 19:46 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7503

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
กรัชกาย เขียน:
แม้แต่นกยังคล้อยตามสภาพแวดล้อมภายนอกที่ดี (ปรโตโฆสะที่ดี) ไม่ดี (ปรโตโฆสะที่ไม่ดี) ได้ จะกล่าวไปใยถึงคนเล่า

https://www.facebook.com/wattamai45/vid ... 318382581/


อ้างคำพูด:
Rosarin
ทราบไหมคะ/ละชั่ว/ทำดีไม่ใช่มีตัวตนไปทำได้

รูปภาพ

คุณโรสนั่นใครทำ :b13:

Kiss
ถ้าเอาความจริงตามคำสอนของพระพุทธเจ้าก็มีแต่ธัมมะ
จิตทำงานภายในสืบต่อเป็นอัตโนมัตจนปรากฏตามนิมิตที่เห็น
เป็นการปรากฏว่ามีชั่วคราวของจิต/เจตสิก/รูป/นิพพานไม่มีใครทำ
ละชั่วที่ไม่รู้ว่าไม่มีตัวตนไม่ได้เพราะขาดความเข้าใจความจริงตรงจริง
เดี๋ยวนี้ไม่รู้ว่าความจริงเห็นอะไรแต่เพียรทำอย่างอื่นยกเว้นไม่เพียรฟังให้เข้าใจ
เพราะความเข้าใจตรงกับภาษาบาลีว่าปัญญาจะไปไหนไปทำอะไรก็อยากไปทำไม่ใช่หรือ
ลืมว่าพระพุทธเจ้าแสดงความจริงให้ผู้ที่กำลังฟังพระองค์เท่านั้นเข้าใจถูกตรงสัจจะตามพระองค์ได้
ส่วนคนที่ไปหาครูทั้ง6ไปดูหนังไปฟังเพลงไปทำอย่างอื่นหมดเลยไม่ทำสิ่งเดียวคือฟังคำสอนให้เกิดปัญญาค่ะ
:b12:
:b4: :b4:


ถ้ายังงั้น นั่นเป็นธัมมะไหม ?

:b12:
ธัมมะมีตั้งเยอะเดี๋ยวนี้ที่กายใจตัวเองดับนับไม่ถ้วน
หัดฟังสะสมความเข้าใจตามปกติเป็นไหมคะ
จะรู้ตรงธัมมะไหนก็ให้มันตรงแค่ทางเดียว
ไม่ใช่เหมารวมตัวตนเพราะตัวตนไม่รู้ค่ะ
จะรู้ถูกตรงตามได้ต้องอาศัยฟังเพื่อ
ให้สังขารขันธ์ปรุงปัญญาเจตสิก
ถูกตามได้เดี๋ยวนี้ไม่ใช่ไปท่องจำคำสอน
https://youtu.be/GaH-4-cJmVk
:b16: :b16:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 เม.ย. 2019, 19:49 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7503

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
กรัชกาย เขียน:
แม้แต่นกยังคล้อยตามสภาพแวดล้อมภายนอกที่ดี (ปรโตโฆสะที่ดี) ไม่ดี (ปรโตโฆสะที่ไม่ดี) ได้ จะกล่าวไปใยถึงคนเล่า

https://www.facebook.com/wattamai45/vid ... 318382581/


อ้างคำพูด:
Rosarin
ทราบไหมคะ/ละชั่ว/ทำดีไม่ใช่มีตัวตนไปทำได้

รูปภาพ

คุณโรสนั่นใครทำ :b13:

Kiss
ถ้าเอาความจริงตามคำสอนของพระพุทธเจ้าก็มีแต่ธัมมะ
จิตทำงานภายในสืบต่อเป็นอัตโนมัตจนปรากฏตามนิมิตที่เห็น
เป็นการปรากฏว่ามีชั่วคราวของจิต/เจตสิก/รูป/นิพพานไม่มีใครทำ
ละชั่วที่ไม่รู้ว่าไม่มีตัวตนไม่ได้เพราะขาดความเข้าใจความจริงตรงจริง
เดี๋ยวนี้ไม่รู้ว่าความจริงเห็นอะไรแต่เพียรทำอย่างอื่นยกเว้นไม่เพียรฟังให้เข้าใจ
เพราะความเข้าใจตรงกับภาษาบาลีว่าปัญญาจะไปไหนไปทำอะไรก็อยากไปทำไม่ใช่หรือ
ลืมว่าพระพุทธเจ้าแสดงความจริงให้ผู้ที่กำลังฟังพระองค์เท่านั้นเข้าใจถูกตรงสัจจะตามพระองค์ได้
ส่วนคนที่ไปหาครูทั้ง6ไปดูหนังไปฟังเพลงไปทำอย่างอื่นหมดเลยไม่ทำสิ่งเดียวคือฟังคำสอนให้เกิดปัญญาค่ะ
:b12:
:b4: :b4:


ถ้ายังงั้น นั่นเป็นธัมมะไหม ?

:b12:
ธัมมะมีตั้งเยอะเดี๋ยวนี้ที่กายใจตัวเองดับนับไม่ถ้วน
หัดฟังสะสมความเข้าใจตามปกติเป็นไหมคะ
จะรู้ตรงธัมมะไหนก็ให้มันตรงแค่ทางเดียว
ไม่ใช่เหมารวมตัวตนเพราะตัวตนไม่รู้ค่ะ
จะรู้ถูกตรงตามได้ต้องอาศัยฟังเพื่อ
ให้สังขารขันธ์ปรุงปัญญาเจตสิก
ถูกตามได้เดี๋ยวนี้ไม่ใช่ไปท่องจำคำสอน
https://youtu.be/GaH-4-cJmVk
:b16: :b16:

สังขารขันธ์คือเจตสิกเกิดดับพร้อมจิตทุกขณะโดยไม่มีวิตรรกะเจตสิกเกิดร่วมจนกว่าจะเริ่มต้นฟัง
ต้องอาศัยการฟังแล้วตรึกตรองตามคำสอนตรงสัจจะตรงตามเสียงตรง1ทางที่ตรงจริงๆ
อันที่ขยันขวนขวายไปทำนั่นน่ะทำความไม่รู้ไม่รู้สึกตัวตามเสียงคำของตถาคต
จะรู้ถูกทันทีตรงตามได้ต้องกำลังฟังเข้าใจตรงสิ่งที่ตนกำลังมีจริงๆที่กายใจ
https://youtu.be/m1QdOPLiihA
:b55: :b55: :b55:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 เม.ย. 2019, 20:13 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ส.ค. 2018, 07:07
โพสต์: 482

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เถียงกันได้เป็นปี ๆ ฉลาดขึ้น หรือ โง่ลง

ถ้าเห็นว่าอัตตามีอยู่ก็พวกถูกตนเองหลอก อุปาทานขันธ์ ๕ ข้องเกี่ยว กำหนัด ยึดถือว่าขันธ์เหล่านี้เป็นเรา ของเรา ตัวตนเรา

ถ้าเห็นว่าอัตตาไม่มีก็พวกหลอกตัวเอง เห็นอยู่ เป็นอยู่ มีสุข มีทุกข์ มีความจงใจ คิดอยู่ พูดอยู่ ทำอยู่ ยังหลอกตัวเองพูดออกมาหน้าตายว่าเราไม่มี

พระพุทธเจ้ามาตรัสรู้ประกาศศาสนาแล้วรู้กันยังครับ ทำไมยังมาถกเถียงกันเรื่องอัตตา(เรา) มีอยู่หรือไม่มี


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 เม.ย. 2019, 21:15 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7503

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Love J. เขียน:
เถียงกันได้เป็นปี ๆ ฉลาดขึ้น หรือ โง่ลง

ถ้าเห็นว่าอัตตามีอยู่ก็พวกถูกตนเองหลอก อุปาทานขันธ์ ๕ ข้องเกี่ยว กำหนัด ยึดถือว่าขันธ์เหล่านี้เป็นเรา ของเรา ตัวตนเรา

ถ้าเห็นว่าอัตตาไม่มีก็พวกหลอกตัวเอง เห็นอยู่ เป็นอยู่ มีสุข มีทุกข์ มีความจงใจ คิดอยู่ พูดอยู่ ทำอยู่ ยังหลอกตัวเองพูดออกมาหน้าตายว่าเราไม่มี

พระพุทธเจ้ามาตรัสรู้ประกาศศาสนาแล้วรู้กันยังครับ ทำไมยังมาถกเถียงกันเรื่องอัตตา(เรา) มีอยู่หรือไม่มี

:b1:
ความจริงก็คือจิตเกิดดับถึงแสนโกฏิขณะดับหมดแล้วค่ะ
เดี๋ยวนี้สิ่งที่มีจริงตรงสัจจะคือจิตเจตสิกรูปหรือนิพพานกำลังมี
ส่วนสัณฐานตัวตนคนสัตว์วัตถุที่คุณเห็นคือการคิดถึงสิ่งที่เห็นไม่ตรง
ไม่ใช่สัจจะตรงความจริงที่กายใจคุณกำลังมีจิตคุณกำลังเห็นสีตรงตามคำตถาคต
แต่คุณไม่รู้เพราะสีตรงขณะมันดับนับไม่ถ้วนจนคุณเห็นสีแต่ไม่เห็นสัณฐานคือที่ตั้งคือมหาภูตรูป
สีที่เห็นคืออุปาทายรูปที่เกิดร่วมกับมหาภูตรูปจะรู้ว่ามีที่ตั้งเมื่อเอากายคุณไปสัมผัสแตะต้องคือธาตุ3
เพราะในบรรดารูป28รูปสีคือรูปเดียวที่เกิดพร้อมแสงที่เห็นได้ส่วนรูปอื่นๆมองเห็นไม่ได้เกิดในความมืดคร่า
:b12:
:b16: :b16:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 เม.ย. 2019, 17:35 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
กรัชกาย เขียน:
แม้แต่นกยังคล้อยตามสภาพแวดล้อมภายนอกที่ดี (ปรโตโฆสะที่ดี) ไม่ดี (ปรโตโฆสะที่ไม่ดี) ได้ จะกล่าวไปใยถึงคนเล่า

https://www.facebook.com/wattamai45/vid ... 318382581/


อ้างคำพูด:
Rosarin
ทราบไหมคะ/ละชั่ว/ทำดีไม่ใช่มีตัวตนไปทำได้

รูปภาพ

คุณโรสนั่นใครทำ :b13:

Kiss
ถ้าเอาความจริงตามคำสอนของพระพุทธเจ้าก็มีแต่ธัมมะ
จิตทำงานภายในสืบต่อเป็นอัตโนมัตจนปรากฏตามนิมิตที่เห็น
เป็นการปรากฏว่ามีชั่วคราวของจิต/เจตสิก/รูป/นิพพานไม่มีใครทำ
ละชั่วที่ไม่รู้ว่าไม่มีตัวตนไม่ได้เพราะขาดความเข้าใจความจริงตรงจริง
เดี๋ยวนี้ไม่รู้ว่าความจริงเห็นอะไรแต่เพียรทำอย่างอื่นยกเว้นไม่เพียรฟังให้เข้าใจ
เพราะความเข้าใจตรงกับภาษาบาลีว่าปัญญาจะไปไหนไปทำอะไรก็อยากไปทำไม่ใช่หรือ
ลืมว่าพระพุทธเจ้าแสดงความจริงให้ผู้ที่กำลังฟังพระองค์เท่านั้นเข้าใจถูกตรงสัจจะตามพระองค์ได้
ส่วนคนที่ไปหาครูทั้ง6ไปดูหนังไปฟังเพลงไปทำอย่างอื่นหมดเลยไม่ทำสิ่งเดียวคือฟังคำสอนให้เกิดปัญญาค่ะ
:b12:
:b4: :b4:


ถ้ายังงั้น นั่นเป็นธัมมะไหม ?

:b12:
ธัมมะมีตั้งเยอะเดี๋ยวนี้ที่กายใจตัวเองดับนับไม่ถ้วน
หัดฟังสะสมความเข้าใจตามปกติเป็นไหมคะ
จะรู้ตรงธัมมะไหนก็ให้มันตรงแค่ทางเดียว
ไม่ใช่เหมารวมตัวตนเพราะตัวตนไม่รู้ค่ะ
จะรู้ถูกตรงตามได้ต้องอาศัยฟังเพื่อ
ให้สังขารขันธ์ปรุงปัญญาเจตสิก
ถูกตามได้เดี๋ยวนี้ไม่ใช่ไปท่องจำคำสอน
https://youtu.be/GaH-4-cJmVk
:b16: :b16:


เหมือนพูดกันคนละเรื่องเดียวกัน :b32: ธัมมะมีตั้งเยอะนั่นแหละเอ้า แล้วนั่นเป็นธัมมะไหม ตอบตรงๆคำถาม ใช่ธัมมะหรือไม่ใช่ :b14:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 เม.ย. 2019, 17:52 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
ส่วนในด้านคำสอนสำหรับคนทั่วไป โดยเฉพาะชาวบ้าน ยังมีหลักธรรม และพุทธภาษิต ที่ย้ำถึงความสำคัญของการคบหา และการเสวนาคนดี เพิ่มจากนี้อีกมากมาย ดังเช่นว่า

-ความมีกัลยาณมิตร เป็นข้อธรรมอย่างหนึ่งที่เป็นไปเพื่อบรรลุทิฏฐธัมมิกัตถะ (ประโยชน์โลกนี้) (องฺ.อฏฺฐก. 23/144/289)

-การคบคนชั่ว เป็นอบายมุข

-การคบมิตร และปฏิบัติถูกต้องต่อมิตร เป็นหลักอย่างหนึ่งในคำสอนเรื่องทิศ ๖

-การรู้จักเลือกคบคนตามหลักมิตรแท้ มิตรเทียม เป็นหลักธรรมหมวดใหญ่ทีเดียว

-การเสวนาสัตบุรุษ เป็นข้อธรรมหนึ่ง ในจักร ๔ ในวุฒิธรรม ๔ และในโสตาปัตติยังคะ

-ความมีกัลยาณมิตร เป็นข้อธรรมหนึ่งในนาถกรณธรรม หรือธรรมที่ทำให้คนพึ่งตนได้ ๑๐ ประการ

ในชาดก ซึ่งเป็นคำสอนสำหรับคนทุกชั้นทุกประเภท โดยเฉพาะชาวบ้าน ก็มีเรื่องราวและสุภาษิตแนะนำ เกี่ยวกับการคบหา หรือการเสวนา เป็นจำนวนมาก * (เรื่องที่เด่น คือ นกแขกเต้าสองพี่น้อง-สัตติคุมพชาดก-ม้ากับคนเลี้ยง ฯลฯ)


ต่อ

นอกจากนั้น ยังมีธรรมภาษิตเกี่ยวกับเรื่องนี้ กระจายอยู่ทั่วๆไปในพระสุตตันตปิฎก ขอยกมาดูเป็นตัวอย่าง

"การไม่คบคนพาล การคบบัณฑิต และการบูชาคนควรบูชา นี่เป็นอุดมมงคล"

"คบคนเช่นใด ก็เป็นคนเช่นนั้น"

"ผู้ใด แม้มิได้ทำความชั่ว แต่เกลือกกลั้วกับผู้ทำบาป ผู้นั้น ย่อมพลอยถูกระแวงในกรรมชั่ว และเสื่อมเสียชื่อเสียงยิ่งๆ ขึ้น"

"ผู้คบคนเลว ย่อมพลอยเลวลง"

"ผู้ใดห่อปลาเน่าด้วยใบคา ใบคาย่อมเหม็นกลิ่นปลาคละคลุ้ง การเกลือกกลั้วคนพาล ย่อมมีผลอย่างนั้น

"ผู้ใดห่อใบกฤษณาด้วยใบไม้ ใบไม้นั้น ย่อมพลอยมีกลิ่นหอมฟุ้ง การเสวนานักปราชญ์ ย่อมมีผลอย่างนั้น"

"ปราชญ์ ย่อมแนะนำสิ่งที่ควรแนะนำ ไม่ชวนทำสิ่งไม่เป็นเรื่อง"

"พึงมองเห็นคนมีปัญญา ที่ชอบชี้โทษ พูดจาข่มขี่ เหมือนเป็นผู้บอกขุมทรัพย์ คนเช่นนั้น เป็นบัณฑิต ควรคบได้ คบคนเช่นนั้น มีแต่ดีขึ้น ไม่เลวลง"

"พึงแนะนำตักเตือนเถิด พึงพร่ำสอนเถิด พึงห้ามปรามจากความชั่วเถิด คนที่ทำเช่นนั้น ย่อมเป็นที่รักของสัตบุรุษ ไม่เป็นที่รักของอสัตบุรุษ"

"ธีรชน อยู่ร่วมด้วยเป็นสุข เหมือนสมาคมแห่งญาติ"

"เดินร่วมกัน ๗ ก้าว ก็นับว่าเป็นมิตร เดินร่วมกัน ๑๒ ก้าว ก็นับว่าเป็นสหาย อยู่ร่วมกันสักเดือนหนึ่ง หรือครึ่งเดือน ก็นับว่าเป็นญาติ ถ้านานกว่านั้นไป ก็เหมือนเป็นตัวเอง"

"มีญาติพวกพ้องมาก ย่อมเป็นการดี เหมือนหมู่ไม้มากหลายในกลางป่า ต้นไม้ที่ขึ้นอยูโดดเดี่ยว ถึงจะงอกงามใหญ่โตเท่าใด ลมก็พัดให้โค่นลงได้"

"ถ้าได้สหายผู้มีปัญญาปกครองตน พึงพอใจมีสติเที่ยวไปกับเขา ถ้าไม่ได้สหายที่มีปัญญาปกครองตน พึงเที่ยวไปคนเดียว และไม่พึงทำความชั่ว"

"ควรคบมิตรที่เป็นพหูสูต ผู้ทรงธรรม ผู้โอฬารด้วยความดี มีปฏิภาณ ครั้นรู้จักประโยชน์ที่มุงหมาย กำจัดความสงสัยได้แล้ว จึงควรเที่ยวไปผู้เดียว เหมือนนอแรด"

"การฟังธรรมตามกาล...การสนทนาธรรมตามกาล นี่เป็นอุดมมงคล"

"คนขึ้นแพน้อยไปในมหาสมุทร พึงจมเสีย ฉันใด แม้แต่สาธุชน อาศัยคนเกียจคร้าน ก็ย่อมจมลงได้ ฉันนั้น เพราะฉะนั้น ควรเว้นห่างคนเกียจคร้าน มีความเพียรทรามอย่างนั้นเสีย พึงอยู่ร่วมกับเหล่าบัณฑิต ผู้สงัด ผู้เป็นอารยะ ผู้มีใจเด็ดเดี่ยว เพ่งพินิจ ผู้เร่งระดมความเพียรเป็นนิตย์" (สํ.นิ.16/372/190 ฯลฯ)


(ที่นี้ตัดชื่อคัมภีร์อ้างอิงออกหมด)

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 เม.ย. 2019, 17:57 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ต่อ

สุภาษิตเหล่านี้ แม้ไม่ต้องยกมาแสดงมาก ก็พอให้ข้อสังเกตเชิงเปรียบเทียบได้ว่า

- พุทธพจน์เกี่ยวกับการเสวนาที่ตรัสแก่พระภิกษุ โดยมากมีจุดหมายมุ่งตรงต่อปรมัตถ์ และประสงค์จะเสริมสร้างสัมมาทิฏฐิในแนวที่จะเป็นโลกุตระอย่างเด่นชัด

- ส่วนที่แสดงสำหรับคนทั่วไป หรือชาวบ้าน เน้นประโยชน์ในขั้นทิฏฐธัมมิกัตถะ เชื่อมกับสัมปรายิกัตถะ มุ่งการช่วยเหลือเกื้อกูลกันในชีวิตประจำวัน กลมกลืนไปกับการชักจูงสัมมาทิฏฐิในระดับโลกีย์ คือความเชื่อกรรม ความสำนึกรับผิดชอบเกี่ยวกับความดีความชั่ว ยังไม่เน้นสัมมาทิฏฐิแนวที่จะเป็นโลกุตระ คือ การมองโลกและชีวิตตามสภาวะ เป็นทำนองปล่อยให้แฝงอยู่ และสอนสอดแทรกไปตามโอกาส*(คำสอนสำหรับคนทั่วไปในแนวนี้ เช่น การให้รู้จักวางใจต่อความตาย โดยพิจารณาความจริงเกี่ยวกับชีวิตและสังขารทั้งปวงที่ไม่เที่ยงแท้ยั่งยืน และการไม่มัวเมาในลาภ ยศ สุข สรรเสริญ เป็นต้น) อย่างที่เรียกว่า ค่อยๆปูพื้นฐานจิตใจให้พร้อมขึ้นไปเรื่อยๆ เพราะคนทั่วไปมีหลายระดับ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


แก้ไขล่าสุดโดย กรัชกาย เมื่อ 22 เม.ย. 2019, 07:28, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 เม.ย. 2019, 18:01 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว



พระพุทธเจ้าสอนธรรรมหลายระดับ เพื่อให้เหมาะกับอัธยาศัยของคน เพราะคนทั่วไปมีหลายระดับ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 142 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5 ... 10  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: Google [Bot] และ บุคคลทั่วไป 33 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร