วันเวลาปัจจุบัน 19 มี.ค. 2024, 09:40  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 142 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 4, 5, 6, 7, 8, 9, 10  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 ต.ค. 2019, 16:48 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
ประชาชนชาวนครหลวงพระบาง แต่งกายด้วยชุดพื้นเมือง หอบลูกจูงหลาน พร้อมนักท่องเที่ยวชาวต่างชาตินับพันคน ปักหลักใส่บาตรพระสงฆ์จาก 5 ประเทศ ที่ถือเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของชาวนครหลวงพระบาง


รูปภาพ

https://www.thairath.co.th/news/local/n ... 3#cxrecs_s

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 พ.ย. 2019, 05:47 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ปรโตโฆสะที่ดี = กัลยาณมิตร

รูปภาพ


ปรโตโฆสะที่ไม่ดี = ปาปมิตร

https://scontent.fbkk5-6.fna.fbcdn.net/ ... e=5E42B2F2

https://scontent.fbkk5-8.fna.fbcdn.net/ ... e=5E79E2B0

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 พ.ย. 2019, 11:23 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7503

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
แค่อากาศ เขียน:
อนัตตาไม่ได้มีความหมายว่าสูญ หรือไม่มีอะไร ว่างเปล่า นะคุณโรส :b32: :b32: :b32:

อนัตตาในความหมายที่แท้จริงที่พระพุทธเจ้าตรัสสอน หมายถึง ความไม่ใช่ตัว ไม่ใช่ตนของเรา ไม่ได้เป็นเรา ไม่ได้เป็นใคร เป็นของใคร เหมือนเคยบอกคุณโรสไปก่อนหน้านี้นานแล้ว ไม่ใช่ความไม่มีตัวตนบุคคลใดที่สูญ แต่คือไม่ใช่ใคร ไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเรา เหมือน ผม ขน เล็บ ฟัน หนัง ที่หลุดลอกออกไปจะหมายเอาว่าเป็นเรา มีเราอยู่ในนั้นก็ไม่ได้ เมื่อมันหลุดลอกออกแต่เราก็ไม่ตาย ในนั้นไม่มีเรา เราไม่มีในนั้น นั่นไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเราสักแต่เป็นอาการหนึ่งๆที่มีลักษณะเฉพาะตัว อาศัยกรปรกันเกิดขึ้นมีความดำรงอยู่โดยความเป็นชีวิตรูป เพราะมีใจครองนั่นเอง อุปาทินนกรูปทั้งปวง เป็นต้น ในส่วนของนามก็พิจารณาในทำนองเดียวกัน ก็ถ้าความรู้สึกทั้งปวงคือเรา เมื่อความรู้สึกนั้นดับไป เราก็ย่อมตายตามไปด้วย ดังนี้ ในสิ่งนั้นจึงไม่ใช่เรา ไม่ใช่ตัวตนของเรา ไม่ได้หมายถึงความสูญ ไม่มีความตัวบุคคลใดในทางที่สูญแต่อย่างใดครับ

สายพระป่าท่านจะสอนสติปัฏฐานโดยตรง จะมีหลายวิชาที่ไม่ใช่แค่ท่องจำบรรพต่างๆ แต่เป้นทางเดินที่เข้าไปปฏิบัติให้รู้เห็นตามจริง โดยจะต่างจากการท่องจำปริยัติ ทการท่องจำมันดีนะครับแต่แค่จำมาโม้ไม่ได้เอามาใช้ประโยชน์แท้จริงตามที่พระศาสดาตรัสสอน สิ่งนั้นก็ไม่มีประโยชน์แก่คนนั้น ทั้งๆที่เป็นของสูงค่ายิ่ง :b18: :b18: :b18:

:b12:
อนัตตา ตรงข้ามกับ อัตตา
พระพุทธเจ้าบอกว่าธัมมะทั้งหลายเป็นอนัตตา

เป็นสภาพธัมมะที่กำลังเกิดดับทีละ 1 ขณะ ดับไม่กลับมาเกิดอีก

เกิดมีจิตขณะใหม่ตลอดเวลาแต่ยึดถือว่าเป็นเราคนเก่าคิดพูดทำไปตามต้องการ
ทุกท่านตอนนี้กำลังยึดถืออัตตาตัวตนว่ามีชื่อมีสัตว์บุคคลตัวตนจริงๆจังๆไม่เข้าใจความจริงที่กำลังปรากฏ
ความจริงกำลังปรากฏแต่อวิชชาของท่านเกิดจึงมีไม่รู้(กิเลส)จนกว่าจะเริ่มต้นฟังคำวาจาสัจจะ
แล้วเข้าใจสัจจะที่กำลังปรากฏว่ามีถูกตัวตนเพราะตัวจริงธัมมะไม่อยู่นอกกายใจตัวเองเลย


คุณโรสคิดพูดเกินความรู้ไป แล้วก็พูดไปโน่นเลย อนัตตา :b32: ซึ่งเลยความรู้ที่ตัวมีไปไกลมากๆ น่าจะเอาอัตตาให้เข้าใจก่อน เช่น อัตตา หิ อัตตโน นาโถ ไรเงี้ย แล้วก็พาอัตตาไปวัดทำบุญถวายสังฆทาน ปิดทองพระประจำวัน พาอัตตาพาจิตอาสาจิตสาธารณะไปล้างห้องน้ำ กวาดวิหารลานเจดีย์ เป็นต้นเอา เอาให้ซึ้งใจก่อน แล้วจะเอายังไงต่อดี ค่อยว่าค่อยคิดกันอีกที :b13:

cool
ที่เขียนเนี่ยความจริงตามคำสอนของพระพุทธเจ้า
ไม่ใช่ความคิดของโรสคิดว่าตัวเองรู้สึกตัวไหมคะ
พระพุทธเจ้าสอนความจริงที่กำลังปรากฏว่ามีอยู่
ต้องกำลังปรากฏเดี๋ยวนี้ประจักษ์ชัดเห็นแจ้งชัด
ที่รู้ชัดตรง1สัจจะที่ใจระลึกถูกตัวตรงจริงที่มีอยู่
ที่กายใจตนเองที่กำลังมีด้วยนะถ้าคิดไปนอกตัว
แปลว่ามีความคิดเห็นผิดไม่ตรงสัจจะตามคำสอน
สะสมแต่กิเลสอวิชชาอาสาวะใหม่เพิ่มมากกว่าเดิม
แปลว่าไม่เคยคิดเห็นถูกตรงตามคำสอนได้แม้แต่คำเดียว
https://youtu.be/LLZfS7kV51A
:b12:
:b17: :b17:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 พ.ย. 2019, 11:36 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7503

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
แค่อากาศ เขียน:
อนัตตาไม่ได้มีความหมายว่าสูญ หรือไม่มีอะไร ว่างเปล่า นะคุณโรส :b32: :b32: :b32:

อนัตตาในความหมายที่แท้จริงที่พระพุทธเจ้าตรัสสอน หมายถึง ความไม่ใช่ตัว ไม่ใช่ตนของเรา ไม่ได้เป็นเรา ไม่ได้เป็นใคร เป็นของใคร เหมือนเคยบอกคุณโรสไปก่อนหน้านี้นานแล้ว ไม่ใช่ความไม่มีตัวตนบุคคลใดที่สูญ แต่คือไม่ใช่ใคร ไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเรา เหมือน ผม ขน เล็บ ฟัน หนัง ที่หลุดลอกออกไปจะหมายเอาว่าเป็นเรา มีเราอยู่ในนั้นก็ไม่ได้ เมื่อมันหลุดลอกออกแต่เราก็ไม่ตาย ในนั้นไม่มีเรา เราไม่มีในนั้น นั่นไม่ใช่เรา ไม่ใช่ของเราสักแต่เป็นอาการหนึ่งๆที่มีลักษณะเฉพาะตัว อาศัยกรปรกันเกิดขึ้นมีความดำรงอยู่โดยความเป็นชีวิตรูป เพราะมีใจครองนั่นเอง อุปาทินนกรูปทั้งปวง เป็นต้น ในส่วนของนามก็พิจารณาในทำนองเดียวกัน ก็ถ้าความรู้สึกทั้งปวงคือเรา เมื่อความรู้สึกนั้นดับไป เราก็ย่อมตายตามไปด้วย ดังนี้ ในสิ่งนั้นจึงไม่ใช่เรา ไม่ใช่ตัวตนของเรา ไม่ได้หมายถึงความสูญ ไม่มีความตัวบุคคลใดในทางที่สูญแต่อย่างใดครับ

สายพระป่าท่านจะสอนสติปัฏฐานโดยตรง จะมีหลายวิชาที่ไม่ใช่แค่ท่องจำบรรพต่างๆ แต่เป้นทางเดินที่เข้าไปปฏิบัติให้รู้เห็นตามจริง โดยจะต่างจากการท่องจำปริยัติ ทการท่องจำมันดีนะครับแต่แค่จำมาโม้ไม่ได้เอามาใช้ประโยชน์แท้จริงตามที่พระศาสดาตรัสสอน สิ่งนั้นก็ไม่มีประโยชน์แก่คนนั้น ทั้งๆที่เป็นของสูงค่ายิ่ง :b18: :b18: :b18:

:b12:
อนัตตา ตรงข้ามกับ อัตตา
พระพุทธเจ้าบอกว่าธัมมะทั้งหลายเป็นอนัตตา
เป็นสภาพธัมมะที่กำลังเกิดดับทีละ1ขณะดับไม่กลับมาเกิดอีก
เกิดมีจิตขณะใหม่ตลอดเวลาแต่ยึดถือว่าเป็นเราคนเก่าคิดพูดทำไปตามต้องการ
ทุกท่านตอนนี้กำลังยึดถืออัตตาตัวตนว่ามีชื่อมีสัตว์บุคคลตัวตนจริงๆจังๆไม่เข้าใจความจริงที่กำลังปรากฏ
ความจริงกำลังปรากฏแต่อวิชชาของท่านเกิดจึงมีไม่รู้(กิเลส)จนกว่าจะเริ่มต้นฟังคำวาจาสัจจะ
แล้วเข้าใจสัจจะที่กำลังปรากฏว่ามีถูกตัวตนเพราะตัวจริงธัมมะไม่อยู่นอกกายใจตัวเองเลย


ผิดปกติ นี่คุณโรสหายไปไหน หรือว่าเกิดอาการท้อแท้สิ้นหวัง :b32:

onion
พูดทุกคำที่ตัวเองไม่รู้จักอยู่ค่ะคุณกรัชกายคะ
รู้ใจคนอื่นผิดไหมไม่รู้สึกที่กายใจตนเอง555
อารมณ์ท้อแท้เป็นโทสะ+โมหะเป็นกิเลสอวิชชา
ไม่เกิดไปตามความคิดเดาส่งเดชของคนอื่นนะคะ
เพราะความจริงตรงตามคำสอนต้องรู้สึกว่ามีที่กายใจตนเอง
เดาส่งเดชแปลว่าไม่รู้สึกตัวกำลังทำการมุสาวาทะใส่ร้ายเพ่งโทษคนอื่น
กิเลสไม่เกิดตอนกำลังฟังความจริงแล้วเข้าใจถูกตัวตนตามคำสอนได้อยู่ค่ะ
ฟังให้เข้าใจถูกตรงตามคำสอนของตถาคตให้ตรงทางตามปกติที่คนฟังแล้วคิดตามได้ตรงทีละคำนะคะ
https://youtu.be/joh7JqAN8nE
:b12:
:b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 พ.ย. 2019, 16:15 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ปัญญา ความรู้ทั่ว, ปรีชาหยั่งรู้เหตุผล, ความรู้เข้าใจชัดเจน, ความรู้เข้าใจหยั่งแยกได้ในเหตุผล ดีชั่ว คุณโทษ ประโยชน์มิใช่ประโยชน์ เป็นต้น และรู้ที่จะจัดแจง จัดสรร จัดการ ดำเนินการ ทำให้ลุผล ล่วงพ้นปัญหา, ความรอบรู้ในกองสังขารมองเห็นตามเป็นจริง (เห็นตามที่มันเป็นของมัน)
ปัญญา ๓ คือ

๑. จินตามยปัญญา ปัญญาเกิดจากการคิดพิจารณา (ปัญญาจากโยนิโสมนสิการที่ตั้งขึ้นในตนเอง)

๒. สุตมยปัญญา ปัญญาเกิดจากการสดับเล่าเรียน (ปัญญาจากปรโตโฆสะ)

๓. ภาวนามยปัญญา ปัญญาเกิดจากการปฏิบัติบำเพ็ญ (ญาณอันเกิดขึ้นแก่ผู้อาศัยจินตามยปัญญา หรือทั้งสุตมยปัญญา และจินตามยปัญญานั่นแหละ ขมักเขม้นมนสิการในสภาวธรรมทั้งหลาย)

ตาม ที่พูดกัน มักเรียงสุตมยปัญญาเป็นข้อแรก แต่ในที่นี้ เรียงลำดับตามพระบาลีในพระไตรปิฏก ทั้งในพระสูตร (ที.ปา.11/228/231) และอภิธรรม (อภิ.วิ.35/797/422) เรียงจินตามยปัญญาเป็นข้อแรก

การที่ท่านเรียงจินตามยปัญญาก่อน หรือสุตมยปัญญาก่อนนั้น พอจับได้ว่า ท่านมองที่บุคคลเป็นหลัก คือ ท่านเริ่มที่บุคคลพิเศษประเภทมหาบุรุษก่อนว่าพระพุทธเจ้า (และพระปัจเจกพุทธเจ้า) ผู้ค้นพบและเปิดเผยความจริงขึ้นนั้น มิได้อาศัยปรโตโฆสะ คือ การฟังจากผู้อื่น แต่รู้จักโยนิโสมนสิการด้วยตนเอง ก็สามารถเรียงต่อไล่ตามประสบการณ์ทั้งหลายอย่างถึงทันทั่วรอบทะลุตลอดหยั่งเห็นความจริงได้ ท่านจึงเริ่มด้วยจินตามยปัญญา แล้วต่อเข้าภาวนามยปัญญไปเลย

แต่เมื่อมองที่บุคคลทั่วไป ท่านเริ่มด้วยสุตมยปัญญาเป็นข้อแรก โดยมีคำอธิบายตามลำดับว่า

บุคคลเล่าเรียนสดับฟังธรรมแล้วเกิดศรัทธา นำไปใคร่ครวญตรวจสอบพิจารณา เกิดเป็นสุตมยีปัญญา อาศัยสิ่งที่ได้เรียนสดับนั้นเป็นฐาน เขาตรวจสอบชั่งตรองเพ่งพินิจขบคิดลึกชัดลงไป เกิดเป็นจินตามยีปัญญา เมื่อเขาใช้ปัญญาทั้งสองนั้นขะมักเขม้นมนสิการในสภาวธรรมทั้งหลาย แล้วเกิดญาณเป็นมรรคที่จะให้เกิดผลขึ้น ก็เป็นภาวนามยีปัญญา

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 พ.ย. 2019, 16:17 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ปัญญา ๓ อีกหมวดหนึ่ง ที่น่ารู้ ได้แก่ ปัญญาที่มีชื่อว่า โกศล คือความฉลาด ๓ อย่าง

โกศล, โกสัลละ ความฉลาด, ความเชี่ยวชาญ มี ๓ คือ

๑. อายโกศล ความฉลาดในความเจริญ, รอบรู้ทางเจริญ และเหตุของความเจริญ

๒. อปายโกศล ความฉลาดในทางเสื่อม, รอบรู้ทางเสื่อม และเหตุของความความเสื่อม

๓. อุปายโกศล ความฉลาดในอุบาย, รอบรู้วิธีแก้ไขเหตุการณ์และวิธีที่จะทำให้สำเร็จ ทั้งในการป้องกันความเสื่อมและในการสร้างความเจริญ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 พ.ย. 2019, 19:59 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
ฝึกลูกให้ได้อย่างใจคิด อยากให้ลูกเป็นแบบไหนก็ฝึกอย่างนั้น

สำหรับคนที่มีลูกแล้ว ก็หวังอยากจะให้ลูกของเรานั้นเติบโตขึ้นมาเป็นคนดี อยู่ในสังคมหรือเอาตัวรอดได้ โดยไม่เบียดเบียนคนอื่น
โดยทางเพจ เลี้ยงลูกด้วยหัวใจ ได้ออกมาแชร์ประสบการณ์การเลี้ยงลูกพร้อมกับระบุว่า

ถ้าอยากให้ลูกใจเย็น ให้ฝึกการรอคอย

ถ้าอยากให้ลูกช่วยเหลือตัวเองเป็น ให้ฝึกให้ลงมือปฎิบัติ

ถ้าอยากให้ลูกพูดเพราะ และ มีมารยาท ให้ทำให้ลูกเห็นทุกๆวัน

ถ้าอยากให้ลูกมีวินัย ให้ฝึกให้สม่ำเสมอ

ถ้าอยากให้ลูกกล้าแสดงความคิดเห็น ให้ฝึกถามความคิดเห็น หรือ ให้มีส่วนร่วมในการคิดบ่อยๆ

และ ...... ถ้าอยากให้ลูกแก้ปัญหาได้ ให้ฝึกให้เจอปัญหาบ่อยๆ

เลี้ยงลูกด้วยหัวใจ ไม่ต้องใช้ตำราอะไร

แค่คุณพ่อแม่อย่าลืม ฝึกกอดเค้า หรือ บอกรักเค้าบ่อยๆ

ครอบครัวอบอุ่น สายสัมพันธ์แน่น ทุกอย่างในครอบครัวจะมีความสุขค่ะ



รูปภาพ

https://www.tkvariety.com/%e0%b8%9d%e0% ... eEOLUhl8kI



อ้างคำพูด:
ฝึกให้ลงมือปฎิบัติ


"ปฏิบัติ" เห็นแล้วนึกถึงคุณโรส พูดว่า ปะ ตัวเดียวจิตเกิดดับแสนโกฎิขณะนับไม่ถ้วน "ดับไม่กลับมาเกิดอีก"
ไม่น่าเชื่อว่าจะคิดตีความไปได้ถึงขนาดนั้น

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 พ.ย. 2019, 23:36 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7503

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


cool
แกล้งทำเป็นไม่รู้
หรือไม่รู้จริงๆคะ
ไม่เข้าใจคำตรง
ตรงคำตรงจริง
ตรงปัจจุบันรึคะ
ทุกคำคือสัจจะ
มีแล้วเด่วนี้ค่ะ
ไม่ได้ทำเลย
ไม่เข้าใจหรือ
ตาก็มีแล้วค่ะ
ไม่ได้ทำตา
เห็นก็เห็นแล้ว
ไม่เห็นหรือคะ
ลืมตาดูปริบๆ
ไม่ได้ทำค่ะ
:b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 27 พ.ย. 2019, 23:42 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7503

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


rolleyes
พระพุทธเจ้า
แสดงความจริง
ที่มีแล้วทั้งหมดค่ะ
ให้เข้าใจว่ามีอะไรบ้าง
เป็นปรมัตถ์เป็นธาตุเป็นธัมมะ
ไม่ใช่ตัวเราไม่ใช่สัตว์ไม่ใช่บุคคล
เป็นแต่เพียงสัจจะแต่ละ1จำเพาะลักษณะ
ที่ไม่ปนกันไม่ซ้ำกันเป็นสิ่งที่เกิดปรากฏว่ามีชั่วคราวไม่ใช่ตัวตนค่ะ
:b12:
:b17: :b17:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 พ.ย. 2019, 19:07 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
rolleyes
พระพุทธเจ้า
แสดงความจริง
ที่มีแล้วทั้งหมดค่ะ
ให้เข้าใจว่ามีอะไรบ้าง
เป็นปรมัตถ์เป็นธาตุเป็นธัมมะ
ไม่ใช่ตัวเราไม่ใช่สัตว์ไม่ใช่บุคคล
เป็นแต่เพียงสัจจะแต่ละ1จำเพาะลักษณะ
ที่ไม่ปนกันไม่ซ้ำกันเป็นสิ่งที่เกิดปรากฏว่ามีชั่วคราวไม่ใช่ตัวตนค่ะ
:b12:
:b17: :b17:


แล้วใครนั่งอยู่นั่น

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 พ.ย. 2019, 19:10 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
rolleyes
พระพุทธเจ้า
แสดงความจริง
ที่มีแล้วทั้งหมดค่ะ
ให้เข้าใจว่ามีอะไรบ้าง
เป็นปรมัตถ์เป็นธาตุเป็นธัมมะ
ไม่ใช่ตัวเราไม่ใช่สัตว์ไม่ใช่บุคคล
เป็นแต่เพียงสัจจะแต่ละ1จำเพาะลักษณะ
ที่ไม่ปนกันไม่ซ้ำกันเป็นสิ่งที่เกิดปรากฏว่ามีชั่วคราวไม่ใช่ตัวตนค่ะ
:b12:
:b17: :b17:



ถ้านำหลังพุทธธรรมมาแบให้เห็นแล้ว จะเห็นว่า คุณโรสกับสำนักบ้านธัมมะ หลงอยู่พร่่ำเพ้ออยู่ตรงไหน :b1:

@ พระวินัยปิฎก เป็นแหล่งที่รวมศีลของพระสงฆ์ พระวินัยปิฎกจึงถือเป็นเรื่องวินัยหรือเรื่องศีล คือ การฝึกหัดพัฒนาพฤติกรรมที่แสดงออกทางกาย และวาจา


@ พระสุตตันตปิฎก ความจริงมีครบหมด ทั้ง ศีล สมาธิ ปัญญา แต่ท่านชี้ให้เห็นจุดเด่นของพระสุตตันตปิฎกว่าเน้นหนักในสมาธิ คือ การพัฒนาด้านจิตใจ


@ พระอภิธรรมปิฎก เน้นหนักด้านปัญญา พูดอย่างปัจจุบันว่าเป็นเนื้อหาทางวิชาการล้วนๆ ยกเอาสภาวธรรมที่ละเอียดประณีตลึกซึ้งขึ้นมาวิเคราะห์วิจัย จึงเป็นเรื่องของปัญญา ต้องใช้ปรีชาญาณอันลึกซึ้ง

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 พ.ย. 2019, 22:58 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7503

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
rolleyes
พระพุทธเจ้า
แสดงความจริง
ที่มีแล้วทั้งหมดค่ะ
ให้เข้าใจว่ามีอะไรบ้าง
เป็นปรมัตถ์เป็นธาตุเป็นธัมมะ
ไม่ใช่ตัวเราไม่ใช่สัตว์ไม่ใช่บุคคล
เป็นแต่เพียงสัจจะแต่ละ1จำเพาะลักษณะ
ที่ไม่ปนกันไม่ซ้ำกันเป็นสิ่งที่เกิดปรากฏว่ามีชั่วคราวไม่ใช่ตัวตนค่ะ
:b12:
:b17: :b17:


แล้วใครนั่งอยู่นั่น

:b32:
บอกไม่รู้จักจำ
บอกว่าความจริง
ตรงตามคำตถาคต
คิดถูกตัวตนของตนเอง
ตามได้ตอนกำลังฟังเท่านั้น
คิดถึงคนอื่นอยู่ถึงมาถามนั่นน่ะ
ระลึกที่กายใจตัวเองไม่เคยได้เลย
บอกว่าจิตเกิดดับนับไม่ถ้วนก็ไม่รู้ไปแล้ว
ทำอะไรได้ไหมก็มันดับสะสมกิเลสใหม่แล้วค่ะ
:b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 พ.ย. 2019, 05:14 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
rolleyes
พระพุทธเจ้า
แสดงความจริง
ที่มีแล้วทั้งหมดค่ะ
ให้เข้าใจว่ามีอะไรบ้าง
เป็นปรมัตถ์เป็นธาตุเป็นธัมมะ
ไม่ใช่ตัวเราไม่ใช่สัตว์ไม่ใช่บุคคล
เป็นแต่เพียงสัจจะแต่ละ1จำเพาะลักษณะ
ที่ไม่ปนกันไม่ซ้ำกันเป็นสิ่งที่เกิดปรากฏว่ามีชั่วคราวไม่ใช่ตัวตนค่ะ
:b12:
:b17: :b17:


แล้วใครนั่งอยู่นั่น

:b32:
บอกไม่รู้จักจำ
บอกว่าความจริง
ตรงตามคำตถาคต

คิดถูกตัวตนของตนเอง
ตามได้ตอนกำลังฟังเท่านั้น
คิดถึงคนอื่นอยู่ถึงมาถามนั่นน่ะ
ระลึกที่กายใจตัวเองไม่เคยได้เลย
บอกว่าจิตเกิดดับนับไม่ถ้วนก็ไม่รู้ไปแล้ว
ทำอะไรได้ไหมก็มันดับสะสมกิเลสใหม่แล้วค่ะ
:b32: :b32:


นี่ก็ชัดอีก ยกนั่นนี่พูดผสมกันไป แล้วก็ว่า "ความจริงคำของตถาคต" :b32: นี่แหละมิจฉาทิฏฐิของคุณโรสกับสำนักคลิปที่คุณโรสนำมาบ่อยๆ :b13:

สรุปแล้วไม่มีหลักมั่วผสมหัวมังกุฏท้ายมังกือ :b32:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 ธ.ค. 2019, 16:33 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
ครูฝ่ายปกครองระบุ นร.ยิงเพื่อนเลียนแบบเกม หลังถูกบูลลี่หนัก

ครูฝ่ายปกครอง โรงเรียนแห่งหนึ่งใน จ.นนทบุรี เปิดเผยถึงกรณีเด็ก ม.1 ยิงเพื่อนร่วมชั้นเรียนเสียชีวิต โดยระบุว่า จากการสอบถามเพื่อนร่วมชั้นของผู้ก่อเหตุทราบว่า ผู้ก่อเหตุมักถูกเพื่อนในชั้นเรียนกลั่นแกล้ง ล้อเลียนในเกมที่เล่นด้วยกันเป็นกลุ่มอยู่เป็นประจำหลังเกิดการแพ้ชนะในเกม จนถึงกับด่าทอและทะเลาะกับเพื่อนมาหลายครั้ง และเคยประกาศว่า จะยิงเพื่อนที่ชอบแกล้งชอบล้อแบบในเกม


รูปภาพ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 ธ.ค. 2019, 16:51 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7503

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
rolleyes
พระพุทธเจ้า
แสดงความจริง
ที่มีแล้วทั้งหมดค่ะ
ให้เข้าใจว่ามีอะไรบ้าง
เป็นปรมัตถ์เป็นธาตุเป็นธัมมะ
ไม่ใช่ตัวเราไม่ใช่สัตว์ไม่ใช่บุคคล
เป็นแต่เพียงสัจจะแต่ละ1จำเพาะลักษณะ
ที่ไม่ปนกันไม่ซ้ำกันเป็นสิ่งที่เกิดปรากฏว่ามีชั่วคราวไม่ใช่ตัวตนค่ะ
:b12:
:b17: :b17:


แล้วใครนั่งอยู่นั่น

:b32:
บอกไม่รู้จักจำ
บอกว่าความจริง
ตรงตามคำตถาคต

คิดถูกตัวตนของตนเอง
ตามได้ตอนกำลังฟังเท่านั้น
คิดถึงคนอื่นอยู่ถึงมาถามนั่นน่ะ
ระลึกที่กายใจตัวเองไม่เคยได้เลย
บอกว่าจิตเกิดดับนับไม่ถ้วนก็ไม่รู้ไปแล้ว
ทำอะไรได้ไหมก็มันดับสะสมกิเลสใหม่แล้วค่ะ
:b32: :b32:


นี่ก็ชัดอีก ยกนั่นนี่พูดผสมกันไป แล้วก็ว่า "ความจริงคำของตถาคต" :b32: นี่แหละมิจฉาทิฏฐิของคุณโรสกับสำนักคลิปที่คุณโรสนำมาบ่อยๆ :b13:

สรุปแล้วไม่มีหลักมั่วผสมหัวมังกุฏท้ายมังกือ :b32:

:b1:
พระพุทธเจ้าตรัสรู้ความจริงตรัสทุกคำไว้ชอบแล้วไม่เคยฟังเลย
จิตเห็นสี1ขณะคือสีสะท้อนแสง1สีเข้าตาดำดับที่ตาแล้วเดี๋ยวนี้
เทียบสิตัวเองเห็นสี1สีที่กระทบตาได้หรือคิดตามได้เท่านั้นบอกไม่ฟัง
ตำราไม่ได้มีไว้ให้จำเอาไปทำแต่มีไว้เทียบความจริงที่กายใจตัวเองกำลังมี
:b32: :b32:


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 142 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 4, 5, 6, 7, 8, 9, 10  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: Google [Bot] และ บุคคลทั่วไป 28 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร