วันเวลาปัจจุบัน 16 เม.ย. 2024, 21:50  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 118 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5, 6, 7, 8  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 เม.ย. 2019, 21:51 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 มี.ค. 2018, 02:56
โพสต์: 2157

โฮมเพจ: maybe
แนวปฏิบัติ: สติปัฎฐาน
งานอดิเรก: กีฬา
สิ่งที่ชื่นชอบ: แบรนด์เเนม
ชื่อเล่น: เม
อายุ: 22
ที่อยู่: Bangkok Thailand

 ข้อมูลส่วนตัว


Love J. เขียน:
โลกสวย เขียน:
Love J. เขียน:
Rosarin เขียน:
Love J. เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
ไม่เคยถามประเด็นนี้เลย คุณโรส คุณเลิฟ เจ. ตัวอย่างนี้ คุณแยกธรรมะ กับ คนออกจากกันได้ไหม


นั่งสมาธิแล้วมีอาการหมุนเหวี่ยงจะอ้วก

ผมก็นั่งตามลมหายใจพุทโธไป

วันแรกๆก็ไม่เป็นอะไร พอวันที่สามนั่งไปซักพักประมาณสิบนาทีเริ่มมีอาการเหวี่ยงแบบเหวี่ยงหมุนจน เวียนหัวจึงนั่งต่อไม่ได้ลืมตาขึ้นมานั่งดูพระรูปอื่น

เป็นอย่างนี้อยู่เกือบตลอด กลับมาที่กุฏิก่อนจะจำวัดก็นั่งก็เป็นอีก

จนมาถามพระพี่เลี้ยงท่านบอกเหมือนจิตกำลังจะได้เข้าสู่ความสงบให้ผ่านจุดนี้ไปให้ได้ แต่มันก็ได้แบบแปปๆแล้วก็หมุนอีกหมุนอีก

จนลาสิกขามาก็เริ่มมาหาอ่านเองจนได้อ่านบันทึกกรรมฐานของเจ้าพระคุณสมเด็จพระสังฆราช ให้พิจารณา กาย เวทนา จิต ธรรม

คราวนี้ก็ทำตามหนังสือ หายใจตอนแรกก็ยาว ก็ตามไปซักพัก เริ่มพิจารณาตามสติปัฐฐาน คราวนี้หมุนเร็วเลยหมุนแรงมากจนรู้สึกจะอาเจียนเลย

ผมก็พิจารณาว่าเป็นทุกขเวทนา ก็ดีขึ้นแปปก็หมุนอีกเรื่อยๆ จนตอนนี้ยังแก้ไม่ได้เลยครับ ไม่รู้ว่าจะทำยังไง ล่าสุดเมื่อคืนหมุนจนจะอ้วกจนถอนสมาธิออกมา ยังมีอาการเวียนหัวจะอ้วกมาอีกซักสิบห้านาทีค่อยดีขึ้น

คำถามครับ

1. ผมควรแก้ปัญหานี้ยังไงดี ฝืนนั่งไปเรื่อยๆจนหายหรือต้องกำหนดอะไรยังไง

2. จุดมุ่งหมายจริงๆ คือวิปัสสนากรรมฐานคืออะไรครับ

ไม่ได้โอ้อวดว่าตัวเองเก่งนะครับ พอดีผมเรียนแพทย์เลยเข้าใจพวกสรีระร่างกายมนุษย์อยู่แล้ว เมื่อมาเรียนรู้ทางธรรมพิจารณาตามขันธ์ 5 ก็เข้าใจว่ามันไม่ได้มีตัวตนจริงๆของเรา เหมือนเท่าที่อ่านการฝึกวิปัสสนาทำให้เราเข้าใจว่าทุกอย่างมีเกิดดับของมัน เป็นธรรมดา ไม่ให้เรายึดติด
แต่ถ้าผมอ่านแล้วเข้าใจแล้วจะทำไปเพื่ออะไร หรือว่าให้จิตเราแข็งแกร่ง จะได้มีสติรู้เท่าทันทุกการกระทำ
หลังสึกออกมาทุกวันนี้ เวลาจะโกรธใครก็เหมือนมีสติมาห้ามทัน แต่ก็ยังมีหลุดบ้าง ซึ่งก่อนหน้านี้จะตอบโต้แทบจะทันทีเพราะเป็นคนใจร้อน

:b12:
ทุกอย่างคือเดี๋ยวนี้
คนคือเงาของธัมมะ
หลงเงาตัวเองจนกว่า
จะเริ่มฟังคำสอนเข้าใจ
:b55: :b55: :b55:


ก็เข้าใจแหละครับว่าสิ่งเราเรียกว่าคนว่าสัตว์ มันคือธรรมชาติที่เกิดขึีนทำกิจและแตกดับไปไม่มีเหลือของ ธาตุ ขันธ์ อายตนะ

แต่พระพระพุทธเจ้าไม่ได้สอนให้เห็นว่า โลกว่างเปล่า คนไม่มี สัตว์ไม่มี เพราะความเห็นนั้นไม่ทำให้เรากำหนดรู้ทุกข์

พระพุทธเจ้าสอนให้รู้จักทุกข์ที่ไม่รู้สึกตัวว่ากำลังมีกิเลสเดี๋ยวนี้
และทรงให้ฟังเพื่อระลึกรู้ถูกตรงทางที่กำลังปรากฏว่ามี
มันดับแล้วนับแสนโกฏิขณะจะกำหนดอะไรคะ
ทั้งหมดที่มีคือจิตกำลังตั้งมั่นถึงแสนโกฏิขณะ
ตรงทางละเอียดอย่างยิ่งตามที่ทรงตรัสรู้และ
ทรงแสดงพระธรรมให้คนที่กำลังฟังเข้าใจอยู่โดยละเอียดทุกคำ
ไม่ว่าใครที่กล่าวตรงสัจจะให้รู้ตัวนั่นคือกล่าวคำจริงตามคำตถาคตจริงๆ
แต่คนที่อ้างคำของตถาคตแต่ไม่กล่าวความจริงให้เข้าใจถูกตามคำสอนเลย
คือแอบอ้างคำตถาคตเพราะกิเลสชอบทำตามใจอยากทำแล้วหวังอะไรในการทำอย่างที่อยากทำนั้น
เพราะอยากไปทำเมื่อไหร่ปิดกั้นหนทางทันทีรู้ไหมคะนิพพานถึงได้ตอนหมดอยากรู้เพราะรู้ตามอยู่เดี๋ยวนี้เอง
https://youtu.be/pYaZfHxoztA
:b20: :b20: :b20:


มันก็น่าแปลกเห็นความเกิดดับไม่เที่ยง แต่กลับไม่เห็นความไม่เที่ยงโดยความเป็นทุกข์ ไม่เห็นโทษภัย
ไม่หาทางหลุดพ้นไป ไม่ทำกิจในอริยสัจ ๔


เม บอกคุณยายโรส ไปนานแล้ว ว่า
เป็นผลจากอนันตริยกรรม เรยถูกมรรคผลปฎิเสธไป
เธอนั้น เรยปฎิเสธมรรค
แม้ต้องการที่จะทำ จะเจริญมรรค แต่ไม่อาจทำได้ในชาตินี้ค่ะ
ให้รีบขอขมาพระรัตนตรัยเสีย
ชาติหน้าจะพอมีหวัง เจริญมรรคได้ค่ะ

tongue


ทราบได้ยังไง เรื่องอย่างนี้ไม่น่าไปพยากรณ์


ธรรมเกิดแต่เหตุ นั่นไม่ใชพยากรณ์ แต่ เป็นผล

เพราะเธอ ไม่รู้ว่า อนันตริยกรรม ห้ามมรรคผลยังไง

ปัญญาที่มี จึงเป็นไปตามวิบากที่ทำมา ที่เธอจำต้องปฎิเสธมรรค ทั้งๆที่พระพุทธองค์ทรงแสดงมากมายในวิธีปฎิบัติอื่นๆ
ทั้งโลกียะ และโลกุตระ

smiley


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 เม.ย. 2019, 22:10 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ส.ค. 2018, 07:07
โพสต์: 482

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


โลกสวย เขียน:
Love J. เขียน:
โลกสวย เขียน:
Love J. เขียน:
Rosarin เขียน:
Love J. เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
ไม่เคยถามประเด็นนี้เลย คุณโรส คุณเลิฟ เจ. ตัวอย่างนี้ คุณแยกธรรมะ กับ คนออกจากกันได้ไหม


นั่งสมาธิแล้วมีอาการหมุนเหวี่ยงจะอ้วก

ผมก็นั่งตามลมหายใจพุทโธไป

วันแรกๆก็ไม่เป็นอะไร พอวันที่สามนั่งไปซักพักประมาณสิบนาทีเริ่มมีอาการเหวี่ยงแบบเหวี่ยงหมุนจน เวียนหัวจึงนั่งต่อไม่ได้ลืมตาขึ้นมานั่งดูพระรูปอื่น

เป็นอย่างนี้อยู่เกือบตลอด กลับมาที่กุฏิก่อนจะจำวัดก็นั่งก็เป็นอีก

จนมาถามพระพี่เลี้ยงท่านบอกเหมือนจิตกำลังจะได้เข้าสู่ความสงบให้ผ่านจุดนี้ไปให้ได้ แต่มันก็ได้แบบแปปๆแล้วก็หมุนอีกหมุนอีก

จนลาสิกขามาก็เริ่มมาหาอ่านเองจนได้อ่านบันทึกกรรมฐานของเจ้าพระคุณสมเด็จพระสังฆราช ให้พิจารณา กาย เวทนา จิต ธรรม

คราวนี้ก็ทำตามหนังสือ หายใจตอนแรกก็ยาว ก็ตามไปซักพัก เริ่มพิจารณาตามสติปัฐฐาน คราวนี้หมุนเร็วเลยหมุนแรงมากจนรู้สึกจะอาเจียนเลย

ผมก็พิจารณาว่าเป็นทุกขเวทนา ก็ดีขึ้นแปปก็หมุนอีกเรื่อยๆ จนตอนนี้ยังแก้ไม่ได้เลยครับ ไม่รู้ว่าจะทำยังไง ล่าสุดเมื่อคืนหมุนจนจะอ้วกจนถอนสมาธิออกมา ยังมีอาการเวียนหัวจะอ้วกมาอีกซักสิบห้านาทีค่อยดีขึ้น

คำถามครับ

1. ผมควรแก้ปัญหานี้ยังไงดี ฝืนนั่งไปเรื่อยๆจนหายหรือต้องกำหนดอะไรยังไง

2. จุดมุ่งหมายจริงๆ คือวิปัสสนากรรมฐานคืออะไรครับ

ไม่ได้โอ้อวดว่าตัวเองเก่งนะครับ พอดีผมเรียนแพทย์เลยเข้าใจพวกสรีระร่างกายมนุษย์อยู่แล้ว เมื่อมาเรียนรู้ทางธรรมพิจารณาตามขันธ์ 5 ก็เข้าใจว่ามันไม่ได้มีตัวตนจริงๆของเรา เหมือนเท่าที่อ่านการฝึกวิปัสสนาทำให้เราเข้าใจว่าทุกอย่างมีเกิดดับของมัน เป็นธรรมดา ไม่ให้เรายึดติด
แต่ถ้าผมอ่านแล้วเข้าใจแล้วจะทำไปเพื่ออะไร หรือว่าให้จิตเราแข็งแกร่ง จะได้มีสติรู้เท่าทันทุกการกระทำ
หลังสึกออกมาทุกวันนี้ เวลาจะโกรธใครก็เหมือนมีสติมาห้ามทัน แต่ก็ยังมีหลุดบ้าง ซึ่งก่อนหน้านี้จะตอบโต้แทบจะทันทีเพราะเป็นคนใจร้อน

:b12:
ทุกอย่างคือเดี๋ยวนี้
คนคือเงาของธัมมะ
หลงเงาตัวเองจนกว่า
จะเริ่มฟังคำสอนเข้าใจ
:b55: :b55: :b55:


ก็เข้าใจแหละครับว่าสิ่งเราเรียกว่าคนว่าสัตว์ มันคือธรรมชาติที่เกิดขึีนทำกิจและแตกดับไปไม่มีเหลือของ ธาตุ ขันธ์ อายตนะ

แต่พระพระพุทธเจ้าไม่ได้สอนให้เห็นว่า โลกว่างเปล่า คนไม่มี สัตว์ไม่มี เพราะความเห็นนั้นไม่ทำให้เรากำหนดรู้ทุกข์

พระพุทธเจ้าสอนให้รู้จักทุกข์ที่ไม่รู้สึกตัวว่ากำลังมีกิเลสเดี๋ยวนี้
และทรงให้ฟังเพื่อระลึกรู้ถูกตรงทางที่กำลังปรากฏว่ามี
มันดับแล้วนับแสนโกฏิขณะจะกำหนดอะไรคะ
ทั้งหมดที่มีคือจิตกำลังตั้งมั่นถึงแสนโกฏิขณะ
ตรงทางละเอียดอย่างยิ่งตามที่ทรงตรัสรู้และ
ทรงแสดงพระธรรมให้คนที่กำลังฟังเข้าใจอยู่โดยละเอียดทุกคำ
ไม่ว่าใครที่กล่าวตรงสัจจะให้รู้ตัวนั่นคือกล่าวคำจริงตามคำตถาคตจริงๆ
แต่คนที่อ้างคำของตถาคตแต่ไม่กล่าวความจริงให้เข้าใจถูกตามคำสอนเลย
คือแอบอ้างคำตถาคตเพราะกิเลสชอบทำตามใจอยากทำแล้วหวังอะไรในการทำอย่างที่อยากทำนั้น
เพราะอยากไปทำเมื่อไหร่ปิดกั้นหนทางทันทีรู้ไหมคะนิพพานถึงได้ตอนหมดอยากรู้เพราะรู้ตามอยู่เดี๋ยวนี้เอง
https://youtu.be/pYaZfHxoztA
:b20: :b20: :b20:


มันก็น่าแปลกเห็นความเกิดดับไม่เที่ยง แต่กลับไม่เห็นความไม่เที่ยงโดยความเป็นทุกข์ ไม่เห็นโทษภัย
ไม่หาทางหลุดพ้นไป ไม่ทำกิจในอริยสัจ ๔


เม บอกคุณยายโรส ไปนานแล้ว ว่า
เป็นผลจากอนันตริยกรรม เรยถูกมรรคผลปฎิเสธไป
เธอนั้น เรยปฎิเสธมรรค
แม้ต้องการที่จะทำ จะเจริญมรรค แต่ไม่อาจทำได้ในชาตินี้ค่ะ
ให้รีบขอขมาพระรัตนตรัยเสีย
ชาติหน้าจะพอมีหวัง เจริญมรรคได้ค่ะ

tongue


ทราบได้ยังไง เรื่องอย่างนี้ไม่น่าไปพยากรณ์


ธรรมเกิดแต่เหตุ นั่นไม่ใชพยากรณ์ แต่ เป็นผล

เพราะเธอ ไม่รู้ว่า อนันตริยกรรม ห้ามมรรคผลยังไง

ปัญญาที่มี จึงเป็นไปตามวิบากที่ทำมา ที่เธอจำต้องปฎิเสธมรรค ทั้งๆที่พระพุทธองค์ทรงแสดงมากมายในวิธีปฎิบัติอื่นๆ
ทั้งโลกียะ และโลกุตระ

smiley


แล้วเราทราบได้ยังไงว่าใครทำอนันตริยกรรม
ควรพยากรณ์ผู้อื่นมั้ยว่าเค้าทำอนันตริยกรรม


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 เม.ย. 2019, 22:23 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 มี.ค. 2018, 02:56
โพสต์: 2157

โฮมเพจ: maybe
แนวปฏิบัติ: สติปัฎฐาน
งานอดิเรก: กีฬา
สิ่งที่ชื่นชอบ: แบรนด์เเนม
ชื่อเล่น: เม
อายุ: 22
ที่อยู่: Bangkok Thailand

 ข้อมูลส่วนตัว


Love J. เขียน:
โลกสวย เขียน:
Love J. เขียน:
โลกสวย เขียน:
Love J. เขียน:
Rosarin เขียน:
Love J. เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
ไม่เคยถามประเด็นนี้เลย คุณโรส คุณเลิฟ เจ. ตัวอย่างนี้ คุณแยกธรรมะ กับ คนออกจากกันได้ไหม


นั่งสมาธิแล้วมีอาการหมุนเหวี่ยงจะอ้วก

ผมก็นั่งตามลมหายใจพุทโธไป

วันแรกๆก็ไม่เป็นอะไร พอวันที่สามนั่งไปซักพักประมาณสิบนาทีเริ่มมีอาการเหวี่ยงแบบเหวี่ยงหมุนจน เวียนหัวจึงนั่งต่อไม่ได้ลืมตาขึ้นมานั่งดูพระรูปอื่น

เป็นอย่างนี้อยู่เกือบตลอด กลับมาที่กุฏิก่อนจะจำวัดก็นั่งก็เป็นอีก

จนมาถามพระพี่เลี้ยงท่านบอกเหมือนจิตกำลังจะได้เข้าสู่ความสงบให้ผ่านจุดนี้ไปให้ได้ แต่มันก็ได้แบบแปปๆแล้วก็หมุนอีกหมุนอีก

จนลาสิกขามาก็เริ่มมาหาอ่านเองจนได้อ่านบันทึกกรรมฐานของเจ้าพระคุณสมเด็จพระสังฆราช ให้พิจารณา กาย เวทนา จิต ธรรม

คราวนี้ก็ทำตามหนังสือ หายใจตอนแรกก็ยาว ก็ตามไปซักพัก เริ่มพิจารณาตามสติปัฐฐาน คราวนี้หมุนเร็วเลยหมุนแรงมากจนรู้สึกจะอาเจียนเลย

ผมก็พิจารณาว่าเป็นทุกขเวทนา ก็ดีขึ้นแปปก็หมุนอีกเรื่อยๆ จนตอนนี้ยังแก้ไม่ได้เลยครับ ไม่รู้ว่าจะทำยังไง ล่าสุดเมื่อคืนหมุนจนจะอ้วกจนถอนสมาธิออกมา ยังมีอาการเวียนหัวจะอ้วกมาอีกซักสิบห้านาทีค่อยดีขึ้น

คำถามครับ

1. ผมควรแก้ปัญหานี้ยังไงดี ฝืนนั่งไปเรื่อยๆจนหายหรือต้องกำหนดอะไรยังไง

2. จุดมุ่งหมายจริงๆ คือวิปัสสนากรรมฐานคืออะไรครับ

ไม่ได้โอ้อวดว่าตัวเองเก่งนะครับ พอดีผมเรียนแพทย์เลยเข้าใจพวกสรีระร่างกายมนุษย์อยู่แล้ว เมื่อมาเรียนรู้ทางธรรมพิจารณาตามขันธ์ 5 ก็เข้าใจว่ามันไม่ได้มีตัวตนจริงๆของเรา เหมือนเท่าที่อ่านการฝึกวิปัสสนาทำให้เราเข้าใจว่าทุกอย่างมีเกิดดับของมัน เป็นธรรมดา ไม่ให้เรายึดติด
แต่ถ้าผมอ่านแล้วเข้าใจแล้วจะทำไปเพื่ออะไร หรือว่าให้จิตเราแข็งแกร่ง จะได้มีสติรู้เท่าทันทุกการกระทำ
หลังสึกออกมาทุกวันนี้ เวลาจะโกรธใครก็เหมือนมีสติมาห้ามทัน แต่ก็ยังมีหลุดบ้าง ซึ่งก่อนหน้านี้จะตอบโต้แทบจะทันทีเพราะเป็นคนใจร้อน

:b12:
ทุกอย่างคือเดี๋ยวนี้
คนคือเงาของธัมมะ
หลงเงาตัวเองจนกว่า
จะเริ่มฟังคำสอนเข้าใจ
:b55: :b55: :b55:


ก็เข้าใจแหละครับว่าสิ่งเราเรียกว่าคนว่าสัตว์ มันคือธรรมชาติที่เกิดขึีนทำกิจและแตกดับไปไม่มีเหลือของ ธาตุ ขันธ์ อายตนะ

แต่พระพระพุทธเจ้าไม่ได้สอนให้เห็นว่า โลกว่างเปล่า คนไม่มี สัตว์ไม่มี เพราะความเห็นนั้นไม่ทำให้เรากำหนดรู้ทุกข์

พระพุทธเจ้าสอนให้รู้จักทุกข์ที่ไม่รู้สึกตัวว่ากำลังมีกิเลสเดี๋ยวนี้
และทรงให้ฟังเพื่อระลึกรู้ถูกตรงทางที่กำลังปรากฏว่ามี
มันดับแล้วนับแสนโกฏิขณะจะกำหนดอะไรคะ
ทั้งหมดที่มีคือจิตกำลังตั้งมั่นถึงแสนโกฏิขณะ
ตรงทางละเอียดอย่างยิ่งตามที่ทรงตรัสรู้และ
ทรงแสดงพระธรรมให้คนที่กำลังฟังเข้าใจอยู่โดยละเอียดทุกคำ
ไม่ว่าใครที่กล่าวตรงสัจจะให้รู้ตัวนั่นคือกล่าวคำจริงตามคำตถาคตจริงๆ
แต่คนที่อ้างคำของตถาคตแต่ไม่กล่าวความจริงให้เข้าใจถูกตามคำสอนเลย
คือแอบอ้างคำตถาคตเพราะกิเลสชอบทำตามใจอยากทำแล้วหวังอะไรในการทำอย่างที่อยากทำนั้น
เพราะอยากไปทำเมื่อไหร่ปิดกั้นหนทางทันทีรู้ไหมคะนิพพานถึงได้ตอนหมดอยากรู้เพราะรู้ตามอยู่เดี๋ยวนี้เอง
https://youtu.be/pYaZfHxoztA
:b20: :b20: :b20:


มันก็น่าแปลกเห็นความเกิดดับไม่เที่ยง แต่กลับไม่เห็นความไม่เที่ยงโดยความเป็นทุกข์ ไม่เห็นโทษภัย
ไม่หาทางหลุดพ้นไป ไม่ทำกิจในอริยสัจ ๔


เม บอกคุณยายโรส ไปนานแล้ว ว่า
เป็นผลจากอนันตริยกรรม เรยถูกมรรคผลปฎิเสธไป
เธอนั้น เรยปฎิเสธมรรค
แม้ต้องการที่จะทำ จะเจริญมรรค แต่ไม่อาจทำได้ในชาตินี้ค่ะ
ให้รีบขอขมาพระรัตนตรัยเสีย
ชาติหน้าจะพอมีหวัง เจริญมรรคได้ค่ะ

tongue


ทราบได้ยังไง เรื่องอย่างนี้ไม่น่าไปพยากรณ์


ธรรมเกิดแต่เหตุ นั่นไม่ใชพยากรณ์ แต่ เป็นผล

เพราะเธอ ไม่รู้ว่า อนันตริยกรรม ห้ามมรรคผลยังไง

ปัญญาที่มี จึงเป็นไปตามวิบากที่ทำมา ที่เธอจำต้องปฎิเสธมรรค ทั้งๆที่พระพุทธองค์ทรงแสดงมากมายในวิธีปฎิบัติอื่นๆ
ทั้งโลกียะ และโลกุตระ

smiley


แล้วเราทราบได้ยังไงว่าใครทำอนันตริยกรรม
ควรพยากรณ์ผู้อื่นมั้ยว่าเค้าทำอนันตริยกรรม


เพราะเธอไม่ได้เรียนปริยัติ
เรยไม่รู้ว่า พระพุทธองค์ ทรงแสดงอนันตริยกรรม และการห้ามมรรคผลเช่นไร
วิบากนี้ เธอเรยไม่อาจเกิดมรรคได้ ในปัญญา

ทั้งๆที่พระพุทธองค์ทรงแสดงมากมายในวิธีปฎิบัติอื่นๆ
ทั้งโลกียะ และโลกุตระ

tongue


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 เม.ย. 2019, 22:57 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7502

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
ไม่เคยถามประเด็นนี้เลย คุณโรส คุณเลิฟ เจ. ตัวอย่างนี้ คุณแยกธรรมะ กับ คนออกจากกันได้ไหม


นั่งสมาธิแล้วมีอาการหมุนเหวี่ยงจะอ้วก

ผมก็นั่งตามลมหายใจพุทโธไป

วันแรกๆก็ไม่เป็นอะไร พอวันที่สามนั่งไปซักพักประมาณสิบนาทีเริ่มมีอาการเหวี่ยงแบบเหวี่ยงหมุนจน เวียนหัวจึงนั่งต่อไม่ได้ลืมตาขึ้นมานั่งดูพระรูปอื่น

เป็นอย่างนี้อยู่เกือบตลอด กลับมาที่กุฏิก่อนจะจำวัดก็นั่งก็เป็นอีก

จนมาถามพระพี่เลี้ยงท่านบอกเหมือนจิตกำลังจะได้เข้าสู่ความสงบให้ผ่านจุดนี้ไปให้ได้ แต่มันก็ได้แบบแปปๆแล้วก็หมุนอีกหมุนอีก

จนลาสิกขามาก็เริ่มมาหาอ่านเองจนได้อ่านบันทึกกรรมฐานของเจ้าพระคุณสมเด็จพระสังฆราช ให้พิจารณา กาย เวทนา จิต ธรรม

คราวนี้ก็ทำตามหนังสือ หายใจตอนแรกก็ยาว ก็ตามไปซักพัก เริ่มพิจารณาตามสติปัฐฐาน คราวนี้หมุนเร็วเลยหมุนแรงมากจนรู้สึกจะอาเจียนเลย

ผมก็พิจารณาว่าเป็นทุกขเวทนา ก็ดีขึ้นแปปก็หมุนอีกเรื่อยๆ จนตอนนี้ยังแก้ไม่ได้เลยครับ ไม่รู้ว่าจะทำยังไง ล่าสุดเมื่อคืนหมุนจนจะอ้วกจนถอนสมาธิออกมา ยังมีอาการเวียนหัวจะอ้วกมาอีกซักสิบห้านาทีค่อยดีขึ้น

คำถามครับ

1. ผมควรแก้ปัญหานี้ยังไงดี ฝืนนั่งไปเรื่อยๆจนหายหรือต้องกำหนดอะไรยังไง

2. จุดมุ่งหมายจริงๆ คือวิปัสสนากรรมฐานคืออะไรครับ

ไม่ได้โอ้อวดว่าตัวเองเก่งนะครับ พอดีผมเรียนแพทย์เลยเข้าใจพวกสรีระร่างกายมนุษย์อยู่แล้ว เมื่อมาเรียนรู้ทางธรรมพิจารณาตามขันธ์ 5 ก็เข้าใจว่ามันไม่ได้มีตัวตนจริงๆของเรา เหมือนเท่าที่อ่านการฝึกวิปัสสนาทำให้เราเข้าใจว่าทุกอย่างมีเกิดดับของมัน เป็นธรรมดา ไม่ให้เรายึดติด
แต่ถ้าผมอ่านแล้วเข้าใจแล้วจะทำไปเพื่ออะไร หรือว่าให้จิตเราแข็งแกร่ง จะได้มีสติรู้เท่าทันทุกการกระทำ
หลังสึกออกมาทุกวันนี้ เวลาจะโกรธใครก็เหมือนมีสติมาห้ามทัน แต่ก็ยังมีหลุดบ้าง ซึ่งก่อนหน้านี้จะตอบโต้แทบจะทันทีเพราะเป็นคนใจร้อน

:b12:
ทุกอย่างคือเดี๋ยวนี้
คนคือเงาของธัมมะ
หลงเงาตัวเองจนกว่า
จะเริ่มฟังคำสอนเข้าใจ


ธัมมะมีเงาด้วย

กลัวเงาตัวเอง

https://www.youtube.com/watch?time_cont ... yJvQi5roYg

ฟังน้อย...ปัญญาก็เกิดน้อย...ใครจะยกปัญญาให้กันได้
เพราะทำปัญญาต้องอาศัยหูตัวเองฟังนำทางตาที่ดูอยู่เนี่ยๆๆๆๆ
ก็บอกว่ากำลังเห็นผิดก็คิดตามให้ตรงคำตรงเห็นที่กำลังเห็น...เห็นผิดอยู่
จะเห็นถูกตามคำสอนต้องกำลังคิดถูกตามว่ากำลังเห็นอะไรไม่ใช่มัวแต่เพลินคิดเอง
ยึดมั่นถือมั่นแต่สิ่งที่ตัวเองไปท่องจำมาจากการอ่านไม่มีปัญญาที่เกิดจากการคิดไตร่ตรองตามคำสอนอยู่
ตามรู้อยู่เนี่ยทันทีที่รู้ก็ดับไม่รู้ได้แล้วพอลืมคิดตามก็คิดต่อไปตามความคิดเห็นผิดของตัวเองทันทีแล้วรู้ยังคะ
ก็จิตเห็นรูป1ขณะเกิดแล้วดับทันทีแต่รูปของสีที่เห็นอันเก่ายังดับไม่หมดเพราะรูปมีอายุ17ขณะจิตหลงเงาสี
:b12:
:b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 เม.ย. 2019, 23:05 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7502

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


โลกสวย เขียน:
Love J. เขียน:
โลกสวย เขียน:
Love J. เขียน:
โลกสวย เขียน:
Love J. เขียน:
Rosarin เขียน:
Love J. เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
ไม่เคยถามประเด็นนี้เลย คุณโรส คุณเลิฟ เจ. ตัวอย่างนี้ คุณแยกธรรมะ กับ คนออกจากกันได้ไหม


นั่งสมาธิแล้วมีอาการหมุนเหวี่ยงจะอ้วก

ผมก็นั่งตามลมหายใจพุทโธไป

วันแรกๆก็ไม่เป็นอะไร พอวันที่สามนั่งไปซักพักประมาณสิบนาทีเริ่มมีอาการเหวี่ยงแบบเหวี่ยงหมุนจน เวียนหัวจึงนั่งต่อไม่ได้ลืมตาขึ้นมานั่งดูพระรูปอื่น

เป็นอย่างนี้อยู่เกือบตลอด กลับมาที่กุฏิก่อนจะจำวัดก็นั่งก็เป็นอีก

จนมาถามพระพี่เลี้ยงท่านบอกเหมือนจิตกำลังจะได้เข้าสู่ความสงบให้ผ่านจุดนี้ไปให้ได้ แต่มันก็ได้แบบแปปๆแล้วก็หมุนอีกหมุนอีก

จนลาสิกขามาก็เริ่มมาหาอ่านเองจนได้อ่านบันทึกกรรมฐานของเจ้าพระคุณสมเด็จพระสังฆราช ให้พิจารณา กาย เวทนา จิต ธรรม

คราวนี้ก็ทำตามหนังสือ หายใจตอนแรกก็ยาว ก็ตามไปซักพัก เริ่มพิจารณาตามสติปัฐฐาน คราวนี้หมุนเร็วเลยหมุนแรงมากจนรู้สึกจะอาเจียนเลย

ผมก็พิจารณาว่าเป็นทุกขเวทนา ก็ดีขึ้นแปปก็หมุนอีกเรื่อยๆ จนตอนนี้ยังแก้ไม่ได้เลยครับ ไม่รู้ว่าจะทำยังไง ล่าสุดเมื่อคืนหมุนจนจะอ้วกจนถอนสมาธิออกมา ยังมีอาการเวียนหัวจะอ้วกมาอีกซักสิบห้านาทีค่อยดีขึ้น

คำถามครับ

1. ผมควรแก้ปัญหานี้ยังไงดี ฝืนนั่งไปเรื่อยๆจนหายหรือต้องกำหนดอะไรยังไง

2. จุดมุ่งหมายจริงๆ คือวิปัสสนากรรมฐานคืออะไรครับ

ไม่ได้โอ้อวดว่าตัวเองเก่งนะครับ พอดีผมเรียนแพทย์เลยเข้าใจพวกสรีระร่างกายมนุษย์อยู่แล้ว เมื่อมาเรียนรู้ทางธรรมพิจารณาตามขันธ์ 5 ก็เข้าใจว่ามันไม่ได้มีตัวตนจริงๆของเรา เหมือนเท่าที่อ่านการฝึกวิปัสสนาทำให้เราเข้าใจว่าทุกอย่างมีเกิดดับของมัน เป็นธรรมดา ไม่ให้เรายึดติด
แต่ถ้าผมอ่านแล้วเข้าใจแล้วจะทำไปเพื่ออะไร หรือว่าให้จิตเราแข็งแกร่ง จะได้มีสติรู้เท่าทันทุกการกระทำ
หลังสึกออกมาทุกวันนี้ เวลาจะโกรธใครก็เหมือนมีสติมาห้ามทัน แต่ก็ยังมีหลุดบ้าง ซึ่งก่อนหน้านี้จะตอบโต้แทบจะทันทีเพราะเป็นคนใจร้อน

:b12:
ทุกอย่างคือเดี๋ยวนี้
คนคือเงาของธัมมะ
หลงเงาตัวเองจนกว่า
จะเริ่มฟังคำสอนเข้าใจ
:b55: :b55: :b55:


ก็เข้าใจแหละครับว่าสิ่งเราเรียกว่าคนว่าสัตว์ มันคือธรรมชาติที่เกิดขึีนทำกิจและแตกดับไปไม่มีเหลือของ ธาตุ ขันธ์ อายตนะ

แต่พระพระพุทธเจ้าไม่ได้สอนให้เห็นว่า โลกว่างเปล่า คนไม่มี สัตว์ไม่มี เพราะความเห็นนั้นไม่ทำให้เรากำหนดรู้ทุกข์

พระพุทธเจ้าสอนให้รู้จักทุกข์ที่ไม่รู้สึกตัวว่ากำลังมีกิเลสเดี๋ยวนี้
และทรงให้ฟังเพื่อระลึกรู้ถูกตรงทางที่กำลังปรากฏว่ามี
มันดับแล้วนับแสนโกฏิขณะจะกำหนดอะไรคะ
ทั้งหมดที่มีคือจิตกำลังตั้งมั่นถึงแสนโกฏิขณะ
ตรงทางละเอียดอย่างยิ่งตามที่ทรงตรัสรู้และ
ทรงแสดงพระธรรมให้คนที่กำลังฟังเข้าใจอยู่โดยละเอียดทุกคำ
ไม่ว่าใครที่กล่าวตรงสัจจะให้รู้ตัวนั่นคือกล่าวคำจริงตามคำตถาคตจริงๆ
แต่คนที่อ้างคำของตถาคตแต่ไม่กล่าวความจริงให้เข้าใจถูกตามคำสอนเลย
คือแอบอ้างคำตถาคตเพราะกิเลสชอบทำตามใจอยากทำแล้วหวังอะไรในการทำอย่างที่อยากทำนั้น
เพราะอยากไปทำเมื่อไหร่ปิดกั้นหนทางทันทีรู้ไหมคะนิพพานถึงได้ตอนหมดอยากรู้เพราะรู้ตามอยู่เดี๋ยวนี้เอง
https://youtu.be/pYaZfHxoztA
:b20: :b20: :b20:


มันก็น่าแปลกเห็นความเกิดดับไม่เที่ยง แต่กลับไม่เห็นความไม่เที่ยงโดยความเป็นทุกข์ ไม่เห็นโทษภัย
ไม่หาทางหลุดพ้นไป ไม่ทำกิจในอริยสัจ ๔


เม บอกคุณยายโรส ไปนานแล้ว ว่า
เป็นผลจากอนันตริยกรรม เรยถูกมรรคผลปฎิเสธไป
เธอนั้น เรยปฎิเสธมรรค
แม้ต้องการที่จะทำ จะเจริญมรรค แต่ไม่อาจทำได้ในชาตินี้ค่ะ
ให้รีบขอขมาพระรัตนตรัยเสีย
ชาติหน้าจะพอมีหวัง เจริญมรรคได้ค่ะ

tongue


ทราบได้ยังไง เรื่องอย่างนี้ไม่น่าไปพยากรณ์


ธรรมเกิดแต่เหตุ นั่นไม่ใชพยากรณ์ แต่ เป็นผล

เพราะเธอ ไม่รู้ว่า อนันตริยกรรม ห้ามมรรคผลยังไง

ปัญญาที่มี จึงเป็นไปตามวิบากที่ทำมา ที่เธอจำต้องปฎิเสธมรรค ทั้งๆที่พระพุทธองค์ทรงแสดงมากมายในวิธีปฎิบัติอื่นๆ
ทั้งโลกียะ และโลกุตระ

smiley


แล้วเราทราบได้ยังไงว่าใครทำอนันตริยกรรม
ควรพยากรณ์ผู้อื่นมั้ยว่าเค้าทำอนันตริยกรรม


เพราะเธอไม่ได้เรียนปริยัติ
เรยไม่รู้ว่า พระพุทธองค์ ทรงแสดงอนันตริยกรรม และการห้ามมรรคผลเช่นไร
วิบากนี้ เธอเรยไม่อาจเกิดมรรคได้ ในปัญญา

ทั้งๆที่พระพุทธองค์ทรงแสดงมากมายในวิธีปฎิบัติอื่นๆ
ทั้งโลกียะ และโลกุตระ

tongue

ตาไม่บอดอ่านให้ท่องจำขึ้นใจ
ปัญญาเกิดตามลำดับทำที่ข้อ1ทุกครั้ง
1สุตมยปัญญา=ปริยัติ=สัจญาณ
2จินตามยปัญญา=ปะติปัตติ=กิจญาณ
3ภาวนามยปัญญา=ปะติเวธะ=กตญาณ
สัจญาณจากการฟังไม่มีเพิ่มขึ้นเลยเพราะไม่ฟังยังไม่รู้สึกตัวอีก
:b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 เม.ย. 2019, 23:07 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 มี.ค. 2018, 02:56
โพสต์: 2157

โฮมเพจ: maybe
แนวปฏิบัติ: สติปัฎฐาน
งานอดิเรก: กีฬา
สิ่งที่ชื่นชอบ: แบรนด์เเนม
ชื่อเล่น: เม
อายุ: 22
ที่อยู่: Bangkok Thailand

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
โลกสวย เขียน:
Love J. เขียน:
โลกสวย เขียน:
Love J. เขียน:
โลกสวย เขียน:
Love J. เขียน:
Rosarin เขียน:
Love J. เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
ไม่เคยถามประเด็นนี้เลย คุณโรส คุณเลิฟ เจ. ตัวอย่างนี้ คุณแยกธรรมะ กับ คนออกจากกันได้ไหม


นั่งสมาธิแล้วมีอาการหมุนเหวี่ยงจะอ้วก

ผมก็นั่งตามลมหายใจพุทโธไป

วันแรกๆก็ไม่เป็นอะไร พอวันที่สามนั่งไปซักพักประมาณสิบนาทีเริ่มมีอาการเหวี่ยงแบบเหวี่ยงหมุนจน เวียนหัวจึงนั่งต่อไม่ได้ลืมตาขึ้นมานั่งดูพระรูปอื่น

เป็นอย่างนี้อยู่เกือบตลอด กลับมาที่กุฏิก่อนจะจำวัดก็นั่งก็เป็นอีก

จนมาถามพระพี่เลี้ยงท่านบอกเหมือนจิตกำลังจะได้เข้าสู่ความสงบให้ผ่านจุดนี้ไปให้ได้ แต่มันก็ได้แบบแปปๆแล้วก็หมุนอีกหมุนอีก

จนลาสิกขามาก็เริ่มมาหาอ่านเองจนได้อ่านบันทึกกรรมฐานของเจ้าพระคุณสมเด็จพระสังฆราช ให้พิจารณา กาย เวทนา จิต ธรรม

คราวนี้ก็ทำตามหนังสือ หายใจตอนแรกก็ยาว ก็ตามไปซักพัก เริ่มพิจารณาตามสติปัฐฐาน คราวนี้หมุนเร็วเลยหมุนแรงมากจนรู้สึกจะอาเจียนเลย

ผมก็พิจารณาว่าเป็นทุกขเวทนา ก็ดีขึ้นแปปก็หมุนอีกเรื่อยๆ จนตอนนี้ยังแก้ไม่ได้เลยครับ ไม่รู้ว่าจะทำยังไง ล่าสุดเมื่อคืนหมุนจนจะอ้วกจนถอนสมาธิออกมา ยังมีอาการเวียนหัวจะอ้วกมาอีกซักสิบห้านาทีค่อยดีขึ้น

คำถามครับ

1. ผมควรแก้ปัญหานี้ยังไงดี ฝืนนั่งไปเรื่อยๆจนหายหรือต้องกำหนดอะไรยังไง

2. จุดมุ่งหมายจริงๆ คือวิปัสสนากรรมฐานคืออะไรครับ

ไม่ได้โอ้อวดว่าตัวเองเก่งนะครับ พอดีผมเรียนแพทย์เลยเข้าใจพวกสรีระร่างกายมนุษย์อยู่แล้ว เมื่อมาเรียนรู้ทางธรรมพิจารณาตามขันธ์ 5 ก็เข้าใจว่ามันไม่ได้มีตัวตนจริงๆของเรา เหมือนเท่าที่อ่านการฝึกวิปัสสนาทำให้เราเข้าใจว่าทุกอย่างมีเกิดดับของมัน เป็นธรรมดา ไม่ให้เรายึดติด
แต่ถ้าผมอ่านแล้วเข้าใจแล้วจะทำไปเพื่ออะไร หรือว่าให้จิตเราแข็งแกร่ง จะได้มีสติรู้เท่าทันทุกการกระทำ
หลังสึกออกมาทุกวันนี้ เวลาจะโกรธใครก็เหมือนมีสติมาห้ามทัน แต่ก็ยังมีหลุดบ้าง ซึ่งก่อนหน้านี้จะตอบโต้แทบจะทันทีเพราะเป็นคนใจร้อน

:b12:
ทุกอย่างคือเดี๋ยวนี้
คนคือเงาของธัมมะ
หลงเงาตัวเองจนกว่า
จะเริ่มฟังคำสอนเข้าใจ
:b55: :b55: :b55:


ก็เข้าใจแหละครับว่าสิ่งเราเรียกว่าคนว่าสัตว์ มันคือธรรมชาติที่เกิดขึีนทำกิจและแตกดับไปไม่มีเหลือของ ธาตุ ขันธ์ อายตนะ

แต่พระพระพุทธเจ้าไม่ได้สอนให้เห็นว่า โลกว่างเปล่า คนไม่มี สัตว์ไม่มี เพราะความเห็นนั้นไม่ทำให้เรากำหนดรู้ทุกข์

พระพุทธเจ้าสอนให้รู้จักทุกข์ที่ไม่รู้สึกตัวว่ากำลังมีกิเลสเดี๋ยวนี้
และทรงให้ฟังเพื่อระลึกรู้ถูกตรงทางที่กำลังปรากฏว่ามี
มันดับแล้วนับแสนโกฏิขณะจะกำหนดอะไรคะ
ทั้งหมดที่มีคือจิตกำลังตั้งมั่นถึงแสนโกฏิขณะ
ตรงทางละเอียดอย่างยิ่งตามที่ทรงตรัสรู้และ
ทรงแสดงพระธรรมให้คนที่กำลังฟังเข้าใจอยู่โดยละเอียดทุกคำ
ไม่ว่าใครที่กล่าวตรงสัจจะให้รู้ตัวนั่นคือกล่าวคำจริงตามคำตถาคตจริงๆ
แต่คนที่อ้างคำของตถาคตแต่ไม่กล่าวความจริงให้เข้าใจถูกตามคำสอนเลย
คือแอบอ้างคำตถาคตเพราะกิเลสชอบทำตามใจอยากทำแล้วหวังอะไรในการทำอย่างที่อยากทำนั้น
เพราะอยากไปทำเมื่อไหร่ปิดกั้นหนทางทันทีรู้ไหมคะนิพพานถึงได้ตอนหมดอยากรู้เพราะรู้ตามอยู่เดี๋ยวนี้เอง
https://youtu.be/pYaZfHxoztA
:b20: :b20: :b20:


มันก็น่าแปลกเห็นความเกิดดับไม่เที่ยง แต่กลับไม่เห็นความไม่เที่ยงโดยความเป็นทุกข์ ไม่เห็นโทษภัย
ไม่หาทางหลุดพ้นไป ไม่ทำกิจในอริยสัจ ๔


เม บอกคุณยายโรส ไปนานแล้ว ว่า
เป็นผลจากอนันตริยกรรม เรยถูกมรรคผลปฎิเสธไป
เธอนั้น เรยปฎิเสธมรรค
แม้ต้องการที่จะทำ จะเจริญมรรค แต่ไม่อาจทำได้ในชาตินี้ค่ะ
ให้รีบขอขมาพระรัตนตรัยเสีย
ชาติหน้าจะพอมีหวัง เจริญมรรคได้ค่ะ

tongue


ทราบได้ยังไง เรื่องอย่างนี้ไม่น่าไปพยากรณ์


ธรรมเกิดแต่เหตุ นั่นไม่ใชพยากรณ์ แต่ เป็นผล

เพราะเธอ ไม่รู้ว่า อนันตริยกรรม ห้ามมรรคผลยังไง

ปัญญาที่มี จึงเป็นไปตามวิบากที่ทำมา ที่เธอจำต้องปฎิเสธมรรค ทั้งๆที่พระพุทธองค์ทรงแสดงมากมายในวิธีปฎิบัติอื่นๆ
ทั้งโลกียะ และโลกุตระ

smiley


แล้วเราทราบได้ยังไงว่าใครทำอนันตริยกรรม
ควรพยากรณ์ผู้อื่นมั้ยว่าเค้าทำอนันตริยกรรม


เพราะเธอไม่ได้เรียนปริยัติ
เรยไม่รู้ว่า พระพุทธองค์ ทรงแสดงอนันตริยกรรม และการห้ามมรรคผลเช่นไร
วิบากนี้ เธอเรยไม่อาจเกิดมรรคได้ ในปัญญา

ทั้งๆที่พระพุทธองค์ทรงแสดงมากมายในวิธีปฎิบัติอื่นๆ
ทั้งโลกียะ และโลกุตระ

tongue

ตาไม่บอดอ่านให้ท่องจำขึ้นใจ
ปัญญาเกิดตามลำดับทำที่ข้อ1ทุกครั้ง
1สุตมยปัญญา=ปริยัติ=สัจญาณ
2จินตามยปัญญา=ปะติปัตติ=กิจญาณ
3ภาวนามยปัญญา=ปะติเวธะ=กตญาณ
สัจญาณจากการฟังไม่มีเพิ่มขึ้นเลยเพราะไม่ฟังยังไม่รู้สึกตัวอีก
:b32: :b32:


เธอเห็นสีอะไรหราจ๊ะ

tongue


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 เม.ย. 2019, 23:08 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7502

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Love J. เขียน:
โลกสวย เขียน:
Love J. เขียน:
โลกสวย เขียน:
Love J. เขียน:
Rosarin เขียน:
Love J. เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
ไม่เคยถามประเด็นนี้เลย คุณโรส คุณเลิฟ เจ. ตัวอย่างนี้ คุณแยกธรรมะ กับ คนออกจากกันได้ไหม


นั่งสมาธิแล้วมีอาการหมุนเหวี่ยงจะอ้วก

ผมก็นั่งตามลมหายใจพุทโธไป

วันแรกๆก็ไม่เป็นอะไร พอวันที่สามนั่งไปซักพักประมาณสิบนาทีเริ่มมีอาการเหวี่ยงแบบเหวี่ยงหมุนจน เวียนหัวจึงนั่งต่อไม่ได้ลืมตาขึ้นมานั่งดูพระรูปอื่น

เป็นอย่างนี้อยู่เกือบตลอด กลับมาที่กุฏิก่อนจะจำวัดก็นั่งก็เป็นอีก

จนมาถามพระพี่เลี้ยงท่านบอกเหมือนจิตกำลังจะได้เข้าสู่ความสงบให้ผ่านจุดนี้ไปให้ได้ แต่มันก็ได้แบบแปปๆแล้วก็หมุนอีกหมุนอีก

จนลาสิกขามาก็เริ่มมาหาอ่านเองจนได้อ่านบันทึกกรรมฐานของเจ้าพระคุณสมเด็จพระสังฆราช ให้พิจารณา กาย เวทนา จิต ธรรม

คราวนี้ก็ทำตามหนังสือ หายใจตอนแรกก็ยาว ก็ตามไปซักพัก เริ่มพิจารณาตามสติปัฐฐาน คราวนี้หมุนเร็วเลยหมุนแรงมากจนรู้สึกจะอาเจียนเลย

ผมก็พิจารณาว่าเป็นทุกขเวทนา ก็ดีขึ้นแปปก็หมุนอีกเรื่อยๆ จนตอนนี้ยังแก้ไม่ได้เลยครับ ไม่รู้ว่าจะทำยังไง ล่าสุดเมื่อคืนหมุนจนจะอ้วกจนถอนสมาธิออกมา ยังมีอาการเวียนหัวจะอ้วกมาอีกซักสิบห้านาทีค่อยดีขึ้น

คำถามครับ

1. ผมควรแก้ปัญหานี้ยังไงดี ฝืนนั่งไปเรื่อยๆจนหายหรือต้องกำหนดอะไรยังไง

2. จุดมุ่งหมายจริงๆ คือวิปัสสนากรรมฐานคืออะไรครับ

ไม่ได้โอ้อวดว่าตัวเองเก่งนะครับ พอดีผมเรียนแพทย์เลยเข้าใจพวกสรีระร่างกายมนุษย์อยู่แล้ว เมื่อมาเรียนรู้ทางธรรมพิจารณาตามขันธ์ 5 ก็เข้าใจว่ามันไม่ได้มีตัวตนจริงๆของเรา เหมือนเท่าที่อ่านการฝึกวิปัสสนาทำให้เราเข้าใจว่าทุกอย่างมีเกิดดับของมัน เป็นธรรมดา ไม่ให้เรายึดติด
แต่ถ้าผมอ่านแล้วเข้าใจแล้วจะทำไปเพื่ออะไร หรือว่าให้จิตเราแข็งแกร่ง จะได้มีสติรู้เท่าทันทุกการกระทำ
หลังสึกออกมาทุกวันนี้ เวลาจะโกรธใครก็เหมือนมีสติมาห้ามทัน แต่ก็ยังมีหลุดบ้าง ซึ่งก่อนหน้านี้จะตอบโต้แทบจะทันทีเพราะเป็นคนใจร้อน

:b12:
ทุกอย่างคือเดี๋ยวนี้
คนคือเงาของธัมมะ
หลงเงาตัวเองจนกว่า
จะเริ่มฟังคำสอนเข้าใจ
:b55: :b55: :b55:


ก็เข้าใจแหละครับว่าสิ่งเราเรียกว่าคนว่าสัตว์ มันคือธรรมชาติที่เกิดขึีนทำกิจและแตกดับไปไม่มีเหลือของ ธาตุ ขันธ์ อายตนะ

แต่พระพระพุทธเจ้าไม่ได้สอนให้เห็นว่า โลกว่างเปล่า คนไม่มี สัตว์ไม่มี เพราะความเห็นนั้นไม่ทำให้เรากำหนดรู้ทุกข์

พระพุทธเจ้าสอนให้รู้จักทุกข์ที่ไม่รู้สึกตัวว่ากำลังมีกิเลสเดี๋ยวนี้
และทรงให้ฟังเพื่อระลึกรู้ถูกตรงทางที่กำลังปรากฏว่ามี
มันดับแล้วนับแสนโกฏิขณะจะกำหนดอะไรคะ
ทั้งหมดที่มีคือจิตกำลังตั้งมั่นถึงแสนโกฏิขณะ
ตรงทางละเอียดอย่างยิ่งตามที่ทรงตรัสรู้และ
ทรงแสดงพระธรรมให้คนที่กำลังฟังเข้าใจอยู่โดยละเอียดทุกคำ
ไม่ว่าใครที่กล่าวตรงสัจจะให้รู้ตัวนั่นคือกล่าวคำจริงตามคำตถาคตจริงๆ
แต่คนที่อ้างคำของตถาคตแต่ไม่กล่าวความจริงให้เข้าใจถูกตามคำสอนเลย
คือแอบอ้างคำตถาคตเพราะกิเลสชอบทำตามใจอยากทำแล้วหวังอะไรในการทำอย่างที่อยากทำนั้น
เพราะอยากไปทำเมื่อไหร่ปิดกั้นหนทางทันทีรู้ไหมคะนิพพานถึงได้ตอนหมดอยากรู้เพราะรู้ตามอยู่เดี๋ยวนี้เอง
https://youtu.be/pYaZfHxoztA
:b20: :b20: :b20:


มันก็น่าแปลกเห็นความเกิดดับไม่เที่ยง แต่กลับไม่เห็นความไม่เที่ยงโดยความเป็นทุกข์ ไม่เห็นโทษภัย
ไม่หาทางหลุดพ้นไป ไม่ทำกิจในอริยสัจ ๔


เม บอกคุณยายโรส ไปนานแล้ว ว่า
เป็นผลจากอนันตริยกรรม เรยถูกมรรคผลปฎิเสธไป
เธอนั้น เรยปฎิเสธมรรค
แม้ต้องการที่จะทำ จะเจริญมรรค แต่ไม่อาจทำได้ในชาตินี้ค่ะ
ให้รีบขอขมาพระรัตนตรัยเสีย
ชาติหน้าจะพอมีหวัง เจริญมรรคได้ค่ะ

tongue


ทราบได้ยังไง เรื่องอย่างนี้ไม่น่าไปพยากรณ์


ธรรมเกิดแต่เหตุ นั่นไม่ใชพยากรณ์ แต่ เป็นผล

เพราะเธอ ไม่รู้ว่า อนันตริยกรรม ห้ามมรรคผลยังไง

ปัญญาที่มี จึงเป็นไปตามวิบากที่ทำมา ที่เธอจำต้องปฎิเสธมรรค ทั้งๆที่พระพุทธองค์ทรงแสดงมากมายในวิธีปฎิบัติอื่นๆ
ทั้งโลกียะ และโลกุตระ

smiley


แล้วเราทราบได้ยังไงว่าใครทำอนันตริยกรรม
ควรพยากรณ์ผู้อื่นมั้ยว่าเค้าทำอนันตริยกรรม

เห็นอกุศลจิตของคนที่คิดอกุศลไหมคะคบพาลภายในตนเหนียวแน่น
โมเมโลกเบี้ยวไม่เอาอ่าวใครสนใจสิ่งที่เธอบอกคงโง่ไปจนตาย555
:b32: :b32:


แก้ไขล่าสุดโดย Rosarin เมื่อ 10 เม.ย. 2019, 23:18, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 เม.ย. 2019, 23:14 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7502

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


โลกสวย เขียน:
Rosarin เขียน:
โลกสวย เขียน:
Love J. เขียน:
โลกสวย เขียน:
Love J. เขียน:
โลกสวย เขียน:
Love J. เขียน:
Rosarin เขียน:
Love J. เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
ไม่เคยถามประเด็นนี้เลย คุณโรส คุณเลิฟ เจ. ตัวอย่างนี้ คุณแยกธรรมะ กับ คนออกจากกันได้ไหม


นั่งสมาธิแล้วมีอาการหมุนเหวี่ยงจะอ้วก

ผมก็นั่งตามลมหายใจพุทโธไป

วันแรกๆก็ไม่เป็นอะไร พอวันที่สามนั่งไปซักพักประมาณสิบนาทีเริ่มมีอาการเหวี่ยงแบบเหวี่ยงหมุนจน เวียนหัวจึงนั่งต่อไม่ได้ลืมตาขึ้นมานั่งดูพระรูปอื่น

เป็นอย่างนี้อยู่เกือบตลอด กลับมาที่กุฏิก่อนจะจำวัดก็นั่งก็เป็นอีก

จนมาถามพระพี่เลี้ยงท่านบอกเหมือนจิตกำลังจะได้เข้าสู่ความสงบให้ผ่านจุดนี้ไปให้ได้ แต่มันก็ได้แบบแปปๆแล้วก็หมุนอีกหมุนอีก

จนลาสิกขามาก็เริ่มมาหาอ่านเองจนได้อ่านบันทึกกรรมฐานของเจ้าพระคุณสมเด็จพระสังฆราช ให้พิจารณา กาย เวทนา จิต ธรรม

คราวนี้ก็ทำตามหนังสือ หายใจตอนแรกก็ยาว ก็ตามไปซักพัก เริ่มพิจารณาตามสติปัฐฐาน คราวนี้หมุนเร็วเลยหมุนแรงมากจนรู้สึกจะอาเจียนเลย

ผมก็พิจารณาว่าเป็นทุกขเวทนา ก็ดีขึ้นแปปก็หมุนอีกเรื่อยๆ จนตอนนี้ยังแก้ไม่ได้เลยครับ ไม่รู้ว่าจะทำยังไง ล่าสุดเมื่อคืนหมุนจนจะอ้วกจนถอนสมาธิออกมา ยังมีอาการเวียนหัวจะอ้วกมาอีกซักสิบห้านาทีค่อยดีขึ้น

คำถามครับ

1. ผมควรแก้ปัญหานี้ยังไงดี ฝืนนั่งไปเรื่อยๆจนหายหรือต้องกำหนดอะไรยังไง

2. จุดมุ่งหมายจริงๆ คือวิปัสสนากรรมฐานคืออะไรครับ

ไม่ได้โอ้อวดว่าตัวเองเก่งนะครับ พอดีผมเรียนแพทย์เลยเข้าใจพวกสรีระร่างกายมนุษย์อยู่แล้ว เมื่อมาเรียนรู้ทางธรรมพิจารณาตามขันธ์ 5 ก็เข้าใจว่ามันไม่ได้มีตัวตนจริงๆของเรา เหมือนเท่าที่อ่านการฝึกวิปัสสนาทำให้เราเข้าใจว่าทุกอย่างมีเกิดดับของมัน เป็นธรรมดา ไม่ให้เรายึดติด
แต่ถ้าผมอ่านแล้วเข้าใจแล้วจะทำไปเพื่ออะไร หรือว่าให้จิตเราแข็งแกร่ง จะได้มีสติรู้เท่าทันทุกการกระทำ
หลังสึกออกมาทุกวันนี้ เวลาจะโกรธใครก็เหมือนมีสติมาห้ามทัน แต่ก็ยังมีหลุดบ้าง ซึ่งก่อนหน้านี้จะตอบโต้แทบจะทันทีเพราะเป็นคนใจร้อน

:b12:
ทุกอย่างคือเดี๋ยวนี้
คนคือเงาของธัมมะ
หลงเงาตัวเองจนกว่า
จะเริ่มฟังคำสอนเข้าใจ
:b55: :b55: :b55:


ก็เข้าใจแหละครับว่าสิ่งเราเรียกว่าคนว่าสัตว์ มันคือธรรมชาติที่เกิดขึีนทำกิจและแตกดับไปไม่มีเหลือของ ธาตุ ขันธ์ อายตนะ

แต่พระพระพุทธเจ้าไม่ได้สอนให้เห็นว่า โลกว่างเปล่า คนไม่มี สัตว์ไม่มี เพราะความเห็นนั้นไม่ทำให้เรากำหนดรู้ทุกข์

พระพุทธเจ้าสอนให้รู้จักทุกข์ที่ไม่รู้สึกตัวว่ากำลังมีกิเลสเดี๋ยวนี้
และทรงให้ฟังเพื่อระลึกรู้ถูกตรงทางที่กำลังปรากฏว่ามี
มันดับแล้วนับแสนโกฏิขณะจะกำหนดอะไรคะ
ทั้งหมดที่มีคือจิตกำลังตั้งมั่นถึงแสนโกฏิขณะ
ตรงทางละเอียดอย่างยิ่งตามที่ทรงตรัสรู้และ
ทรงแสดงพระธรรมให้คนที่กำลังฟังเข้าใจอยู่โดยละเอียดทุกคำ
ไม่ว่าใครที่กล่าวตรงสัจจะให้รู้ตัวนั่นคือกล่าวคำจริงตามคำตถาคตจริงๆ
แต่คนที่อ้างคำของตถาคตแต่ไม่กล่าวความจริงให้เข้าใจถูกตามคำสอนเลย
คือแอบอ้างคำตถาคตเพราะกิเลสชอบทำตามใจอยากทำแล้วหวังอะไรในการทำอย่างที่อยากทำนั้น
เพราะอยากไปทำเมื่อไหร่ปิดกั้นหนทางทันทีรู้ไหมคะนิพพานถึงได้ตอนหมดอยากรู้เพราะรู้ตามอยู่เดี๋ยวนี้เอง
https://youtu.be/pYaZfHxoztA
:b20: :b20: :b20:


มันก็น่าแปลกเห็นความเกิดดับไม่เที่ยง แต่กลับไม่เห็นความไม่เที่ยงโดยความเป็นทุกข์ ไม่เห็นโทษภัย
ไม่หาทางหลุดพ้นไป ไม่ทำกิจในอริยสัจ ๔


เม บอกคุณยายโรส ไปนานแล้ว ว่า
เป็นผลจากอนันตริยกรรม เรยถูกมรรคผลปฎิเสธไป
เธอนั้น เรยปฎิเสธมรรค
แม้ต้องการที่จะทำ จะเจริญมรรค แต่ไม่อาจทำได้ในชาตินี้ค่ะ
ให้รีบขอขมาพระรัตนตรัยเสีย
ชาติหน้าจะพอมีหวัง เจริญมรรคได้ค่ะ

tongue


ทราบได้ยังไง เรื่องอย่างนี้ไม่น่าไปพยากรณ์


ธรรมเกิดแต่เหตุ นั่นไม่ใชพยากรณ์ แต่ เป็นผล

เพราะเธอ ไม่รู้ว่า อนันตริยกรรม ห้ามมรรคผลยังไง

ปัญญาที่มี จึงเป็นไปตามวิบากที่ทำมา ที่เธอจำต้องปฎิเสธมรรค ทั้งๆที่พระพุทธองค์ทรงแสดงมากมายในวิธีปฎิบัติอื่นๆ
ทั้งโลกียะ และโลกุตระ

smiley


แล้วเราทราบได้ยังไงว่าใครทำอนันตริยกรรม
ควรพยากรณ์ผู้อื่นมั้ยว่าเค้าทำอนันตริยกรรม


เพราะเธอไม่ได้เรียนปริยัติ
เรยไม่รู้ว่า พระพุทธองค์ ทรงแสดงอนันตริยกรรม และการห้ามมรรคผลเช่นไร
วิบากนี้ เธอเรยไม่อาจเกิดมรรคได้ ในปัญญา

ทั้งๆที่พระพุทธองค์ทรงแสดงมากมายในวิธีปฎิบัติอื่นๆ
ทั้งโลกียะ และโลกุตระ

tongue

ตาไม่บอดอ่านให้ท่องจำขึ้นใจ
ปัญญาเกิดตามลำดับทำที่ข้อ1ทุกครั้ง
1สุตมยปัญญา=ปริยัติ=สัจญาณ
2จินตามยปัญญา=ปะติปัตติ=กิจญาณ
3ภาวนามยปัญญา=ปะติเวธะ=กตญาณ
สัจญาณจากการฟังไม่มีเพิ่มขึ้นเลยเพราะไม่ฟังยังไม่รู้สึกตัวอีก
:b32: :b32:


เธอเห็นสีอะไรหราจ๊ะ

tongue

เห็นสีน่ะตาทศพลญาณมี1คนในจักรวาลนี้
คนมันมืดมากไม่เข้าใจอะไรเลยจะเกิดตายกี่ชาติ
ก็ไม่ฟังหรอกเพราะไม่เข้าใจว่าฟังเพื่อดับมิจฉาทิฏฐิ555
:b32: :b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 เม.ย. 2019, 23:38 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 มี.ค. 2018, 02:56
โพสต์: 2157

โฮมเพจ: maybe
แนวปฏิบัติ: สติปัฎฐาน
งานอดิเรก: กีฬา
สิ่งที่ชื่นชอบ: แบรนด์เเนม
ชื่อเล่น: เม
อายุ: 22
ที่อยู่: Bangkok Thailand

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
โลกสวย เขียน:
Rosarin เขียน:
โลกสวย เขียน:
Love J. เขียน:
โลกสวย เขียน:
Love J. เขียน:
โลกสวย เขียน:
Love J. เขียน:
Rosarin เขียน:
Love J. เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
ไม่เคยถามประเด็นนี้เลย คุณโรส คุณเลิฟ เจ. ตัวอย่างนี้ คุณแยกธรรมะ กับ คนออกจากกันได้ไหม


นั่งสมาธิแล้วมีอาการหมุนเหวี่ยงจะอ้วก

ผมก็นั่งตามลมหายใจพุทโธไป

วันแรกๆก็ไม่เป็นอะไร พอวันที่สามนั่งไปซักพักประมาณสิบนาทีเริ่มมีอาการเหวี่ยงแบบเหวี่ยงหมุนจน เวียนหัวจึงนั่งต่อไม่ได้ลืมตาขึ้นมานั่งดูพระรูปอื่น

เป็นอย่างนี้อยู่เกือบตลอด กลับมาที่กุฏิก่อนจะจำวัดก็นั่งก็เป็นอีก

จนมาถามพระพี่เลี้ยงท่านบอกเหมือนจิตกำลังจะได้เข้าสู่ความสงบให้ผ่านจุดนี้ไปให้ได้ แต่มันก็ได้แบบแปปๆแล้วก็หมุนอีกหมุนอีก

จนลาสิกขามาก็เริ่มมาหาอ่านเองจนได้อ่านบันทึกกรรมฐานของเจ้าพระคุณสมเด็จพระสังฆราช ให้พิจารณา กาย เวทนา จิต ธรรม

คราวนี้ก็ทำตามหนังสือ หายใจตอนแรกก็ยาว ก็ตามไปซักพัก เริ่มพิจารณาตามสติปัฐฐาน คราวนี้หมุนเร็วเลยหมุนแรงมากจนรู้สึกจะอาเจียนเลย

ผมก็พิจารณาว่าเป็นทุกขเวทนา ก็ดีขึ้นแปปก็หมุนอีกเรื่อยๆ จนตอนนี้ยังแก้ไม่ได้เลยครับ ไม่รู้ว่าจะทำยังไง ล่าสุดเมื่อคืนหมุนจนจะอ้วกจนถอนสมาธิออกมา ยังมีอาการเวียนหัวจะอ้วกมาอีกซักสิบห้านาทีค่อยดีขึ้น

คำถามครับ

1. ผมควรแก้ปัญหานี้ยังไงดี ฝืนนั่งไปเรื่อยๆจนหายหรือต้องกำหนดอะไรยังไง

2. จุดมุ่งหมายจริงๆ คือวิปัสสนากรรมฐานคืออะไรครับ

ไม่ได้โอ้อวดว่าตัวเองเก่งนะครับ พอดีผมเรียนแพทย์เลยเข้าใจพวกสรีระร่างกายมนุษย์อยู่แล้ว เมื่อมาเรียนรู้ทางธรรมพิจารณาตามขันธ์ 5 ก็เข้าใจว่ามันไม่ได้มีตัวตนจริงๆของเรา เหมือนเท่าที่อ่านการฝึกวิปัสสนาทำให้เราเข้าใจว่าทุกอย่างมีเกิดดับของมัน เป็นธรรมดา ไม่ให้เรายึดติด
แต่ถ้าผมอ่านแล้วเข้าใจแล้วจะทำไปเพื่ออะไร หรือว่าให้จิตเราแข็งแกร่ง จะได้มีสติรู้เท่าทันทุกการกระทำ
หลังสึกออกมาทุกวันนี้ เวลาจะโกรธใครก็เหมือนมีสติมาห้ามทัน แต่ก็ยังมีหลุดบ้าง ซึ่งก่อนหน้านี้จะตอบโต้แทบจะทันทีเพราะเป็นคนใจร้อน

:b12:
ทุกอย่างคือเดี๋ยวนี้
คนคือเงาของธัมมะ
หลงเงาตัวเองจนกว่า
จะเริ่มฟังคำสอนเข้าใจ
:b55: :b55: :b55:


ก็เข้าใจแหละครับว่าสิ่งเราเรียกว่าคนว่าสัตว์ มันคือธรรมชาติที่เกิดขึีนทำกิจและแตกดับไปไม่มีเหลือของ ธาตุ ขันธ์ อายตนะ

แต่พระพระพุทธเจ้าไม่ได้สอนให้เห็นว่า โลกว่างเปล่า คนไม่มี สัตว์ไม่มี เพราะความเห็นนั้นไม่ทำให้เรากำหนดรู้ทุกข์

พระพุทธเจ้าสอนให้รู้จักทุกข์ที่ไม่รู้สึกตัวว่ากำลังมีกิเลสเดี๋ยวนี้
และทรงให้ฟังเพื่อระลึกรู้ถูกตรงทางที่กำลังปรากฏว่ามี
มันดับแล้วนับแสนโกฏิขณะจะกำหนดอะไรคะ
ทั้งหมดที่มีคือจิตกำลังตั้งมั่นถึงแสนโกฏิขณะ
ตรงทางละเอียดอย่างยิ่งตามที่ทรงตรัสรู้และ
ทรงแสดงพระธรรมให้คนที่กำลังฟังเข้าใจอยู่โดยละเอียดทุกคำ
ไม่ว่าใครที่กล่าวตรงสัจจะให้รู้ตัวนั่นคือกล่าวคำจริงตามคำตถาคตจริงๆ
แต่คนที่อ้างคำของตถาคตแต่ไม่กล่าวความจริงให้เข้าใจถูกตามคำสอนเลย
คือแอบอ้างคำตถาคตเพราะกิเลสชอบทำตามใจอยากทำแล้วหวังอะไรในการทำอย่างที่อยากทำนั้น
เพราะอยากไปทำเมื่อไหร่ปิดกั้นหนทางทันทีรู้ไหมคะนิพพานถึงได้ตอนหมดอยากรู้เพราะรู้ตามอยู่เดี๋ยวนี้เอง
https://youtu.be/pYaZfHxoztA
:b20: :b20: :b20:


มันก็น่าแปลกเห็นความเกิดดับไม่เที่ยง แต่กลับไม่เห็นความไม่เที่ยงโดยความเป็นทุกข์ ไม่เห็นโทษภัย
ไม่หาทางหลุดพ้นไป ไม่ทำกิจในอริยสัจ ๔


เม บอกคุณยายโรส ไปนานแล้ว ว่า
เป็นผลจากอนันตริยกรรม เรยถูกมรรคผลปฎิเสธไป
เธอนั้น เรยปฎิเสธมรรค
แม้ต้องการที่จะทำ จะเจริญมรรค แต่ไม่อาจทำได้ในชาตินี้ค่ะ
ให้รีบขอขมาพระรัตนตรัยเสีย
ชาติหน้าจะพอมีหวัง เจริญมรรคได้ค่ะ

tongue


ทราบได้ยังไง เรื่องอย่างนี้ไม่น่าไปพยากรณ์


ธรรมเกิดแต่เหตุ นั่นไม่ใชพยากรณ์ แต่ เป็นผล

เพราะเธอ ไม่รู้ว่า อนันตริยกรรม ห้ามมรรคผลยังไง

ปัญญาที่มี จึงเป็นไปตามวิบากที่ทำมา ที่เธอจำต้องปฎิเสธมรรค ทั้งๆที่พระพุทธองค์ทรงแสดงมากมายในวิธีปฎิบัติอื่นๆ
ทั้งโลกียะ และโลกุตระ

smiley


แล้วเราทราบได้ยังไงว่าใครทำอนันตริยกรรม
ควรพยากรณ์ผู้อื่นมั้ยว่าเค้าทำอนันตริยกรรม


เพราะเธอไม่ได้เรียนปริยัติ
เรยไม่รู้ว่า พระพุทธองค์ ทรงแสดงอนันตริยกรรม และการห้ามมรรคผลเช่นไร
วิบากนี้ เธอเรยไม่อาจเกิดมรรคได้ ในปัญญา

ทั้งๆที่พระพุทธองค์ทรงแสดงมากมายในวิธีปฎิบัติอื่นๆ
ทั้งโลกียะ และโลกุตระ

tongue

ตาไม่บอดอ่านให้ท่องจำขึ้นใจ
ปัญญาเกิดตามลำดับทำที่ข้อ1ทุกครั้ง
1สุตมยปัญญา=ปริยัติ=สัจญาณ
2จินตามยปัญญา=ปะติปัตติ=กิจญาณ
3ภาวนามยปัญญา=ปะติเวธะ=กตญาณ
สัจญาณจากการฟังไม่มีเพิ่มขึ้นเลยเพราะไม่ฟังยังไม่รู้สึกตัวอีก
:b32: :b32:


เธอเห็นสีอะไรหราจ๊ะ

tongue

เห็นสีน่ะตาทศพลญาณมี1คนในจักรวาลนี้
คนมันมืดมากไม่เข้าใจอะไรเลยจะเกิดตายกี่ชาติ
ก็ไม่ฟังหรอกเพราะไม่เข้าใจว่าฟังเพื่อดับมิจฉาทิฏฐิ555
:b32: :b32: :b32:



เข้าใจผิดหนักหนาสาหัสไป แล้วเธอ
เพราะเธอไม่ได้เรียนพระอภิธรรม ไม่ได้เรียนพระปริยัติ
แถมไม่ได้ปฎิบัติ

เรยไม่รู้ว่า การเห็นสี ไม่ได้เฉพาะพระญานพระพุทธเจ้า

ในทศพลญาน มีเพียงญานเดียวที่ไม่มีในพระสาวกทั่วไป

คือ อาสาธารณญาน อันมีแต่พระพุทธองค์
ญานอื่น สามารถมีได้ ในพระสาวกทั่วไป

อสาธารณญาณ (ญาณที่ไม่มีทั่วไปแก่สาวกอื่น) ประกอบไปด้วย..
๑. อินทริยปโรปริยัตตญาณ ปรีชากำหนดรู้ความยิ่ง และความหย่อนแห่งอินทรีย์ของสัตว์ทั้งหลาย
๒. อาสยานุสยญาณ ปรีชากำหนดรู้อัทธยาศัยและกิเลสที่นอนเนื่องในสันดาน
๓. ยมกปาฏิหิรญาณ ญาณในยมกปาฏิหาริย์
๔. มหากรุณาสมาปัตติญาณ ญาณในมหากรุณาสมาบัติ
๕. สัพพัญญุตญาณ ญาณในความเป็นสัพพัญญู
๖. อนาวรณญาณ ญาณที่ไม่มีอะไรขัดขวางได้

เป็นเฉพาะพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเท่านั้น

tongue


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 เม.ย. 2019, 02:00 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7502

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
เข้าใจผิดหนักหนาสาหัสไป แล้วเธอ
เพราะเธอไม่ได้เรียนพระอภิธรรม ไม่ได้เรียนพระปริยัติ
แถมไม่ได้ปฎิบัติ

เรยไม่รู้ว่า การเห็นสี ไม่ได้เฉพาะพระญานพระพุทธเจ้า
ในทศพลญาน มีเพียงญานเดียวที่ไม่มีในพระสาวกทั่วไป

คือ อาสาธารณญาน อันมีแต่พระพุทธองค์
ญานอื่น สามารถมีได้ ในพระสาวกทั่วไป

อสาธารณญาณ (ญาณที่ไม่มีทั่วไปแก่สาวกอื่น) ประกอบไปด้วย..
๑. อินทริยปโรปริยัตตญาณ ปรีชากำหนดรู้ความยิ่ง และความหย่อนแห่งอินทรีย์ของสัตว์ทั้งหลาย
๒. อาสยานุสยญาณ ปรีชากำหนดรู้อัทธยาศัยและกิเลสที่นอนเนื่องในสันดาน
๓. ยมกปาฏิหิรญาณ ญาณในยมกปาฏิหาริย์
๔. มหากรุณาสมาปัตติญาณ ญาณในมหากรุณาสมาบัติ
๕. สัพพัญญุตญาณ ญาณในความเป็นสัพพัญญู
๖. อนาวรณญาณ ญาณที่ไม่มีอะไรขัดขวางได้

เป็นเฉพาะพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเท่านั้น

:b32:
เนี่ยเขาเรียกว่าท่องจำคำได้มากแต่ไม่รู้อะไรเลย555ไม่รู้เลยว่าปัญญาตนเองมีแค่ตรงได้เท่าที่คิดได้ตรง1คำ
ในกาลที่มีพระพุทธเจ้ามาตรัสรู้จะมีสาวกที่มีปัญญารองลงมาจากพระพุทธเจ้าแค่1คนและท่านก็ไม่ได้เห็นสี
คำว่าดับนะคะคุณโมเมแถเก่งทราบไหมคะว่าไม่มีอดีตสัญญาคำต่างๆที่เป็นบัญญัติคำของตถาคตแม้แต่น้อย
เพราะปัญญาเจตสิกของตนเองรู้ชัดตรง1สัจจะที่คิดได้ที่ตัวก็ดับคนทั้งตัวแล้วที่เธอยังเกิดเพราะปัญญาน้อย
การท่องจำคำมันเป็นอดีตไม่ตามไปชาติหน้าเอาอะไรมาคิดลบหลู่คำสอนของพระพุทธเจ้าตรัสรู้ถึงจิตเห็นสี
ทราบไหมคะว่าชั่วตลอดเวลาที่ขาดการฟังพระธรรมและตนจะดีได้เมื่อเริ่มต้นฟังเข้าใจคือบุญประกอบญาณ
:b9:
:b32: :b32:
ปล.ญาณ=วิปัสสนา=ปัญญา=รู้=เข้าใจความจริง=กำลังคิดเห็นถูกตามคำสอน=สัมมาทิฏฐิ=แยกแยะดีชั่วได้
สุตมยปัญญาคือหนทางแรกที่นำไปสู่การรู้ความจริงตรงตามคำสอนได้คือปริยัติ=สัจญาณตรงตามที่กำลังฟัง
เป็นมรรคลำดับแรกที่เบิกทางนำออกจากกิเลสโดยการพึ่งคำสอนเป็นประทีปนำทางออกจากกิเลสของตน
onion onion onion


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 เม.ย. 2019, 03:33 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 มี.ค. 2018, 02:56
โพสต์: 2157

โฮมเพจ: maybe
แนวปฏิบัติ: สติปัฎฐาน
งานอดิเรก: กีฬา
สิ่งที่ชื่นชอบ: แบรนด์เเนม
ชื่อเล่น: เม
อายุ: 22
ที่อยู่: Bangkok Thailand

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
อ้างคำพูด:
เข้าใจผิดหนักหนาสาหัสไป แล้วเธอ
เพราะเธอไม่ได้เรียนพระอภิธรรม ไม่ได้เรียนพระปริยัติ
แถมไม่ได้ปฎิบัติ

เรยไม่รู้ว่า การเห็นสี ไม่ได้เฉพาะพระญานพระพุทธเจ้า
ในทศพลญาน มีเพียงญานเดียวที่ไม่มีในพระสาวกทั่วไป

คือ อาสาธารณญาน อันมีแต่พระพุทธองค์
ญานอื่น สามารถมีได้ ในพระสาวกทั่วไป

อสาธารณญาณ (ญาณที่ไม่มีทั่วไปแก่สาวกอื่น) ประกอบไปด้วย..
๑. อินทริยปโรปริยัตตญาณ ปรีชากำหนดรู้ความยิ่ง และความหย่อนแห่งอินทรีย์ของสัตว์ทั้งหลาย
๒. อาสยานุสยญาณ ปรีชากำหนดรู้อัทธยาศัยและกิเลสที่นอนเนื่องในสันดาน
๓. ยมกปาฏิหิรญาณ ญาณในยมกปาฏิหาริย์
๔. มหากรุณาสมาปัตติญาณ ญาณในมหากรุณาสมาบัติ
๕. สัพพัญญุตญาณ ญาณในความเป็นสัพพัญญู
๖. อนาวรณญาณ ญาณที่ไม่มีอะไรขัดขวางได้

เป็นเฉพาะพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเท่านั้น

:b32:
เนี่ยเขาเรียกว่าท่องจำคำได้มากแต่ไม่รู้อะไรเลย555ไม่รู้เลยว่าปัญญาตนเองมีแค่ตรงได้เท่าที่คิดได้ตรง1คำ
ในกาลที่มีพระพุทธเจ้ามาตรัสรู้จะมีสาวกที่มีปัญญารองลงมาจากพระพุทธเจ้าแค่1คนและท่านก็ไม่ได้เห็นสี
คำว่าดับนะคะคุณโมเมแถเก่งทราบไหมคะว่าไม่มีอดีตสัญญาคำต่างๆที่เป็นบัญญัติคำของตถาคตแม้แต่น้อย
เพราะปัญญาเจตสิกของตนเองรู้ชัดตรง1สัจจะที่คิดได้ที่ตัวก็ดับคนทั้งตัวแล้วที่เธอยังเกิดเพราะปัญญาน้อย
การท่องจำคำมันเป็นอดีตไม่ตามไปชาติหน้าเอาอะไรมาคิดลบหลู่คำสอนของพระพุทธเจ้าตรัสรู้ถึงจิตเห็นสี
ทราบไหมคะว่าชั่วตลอดเวลาที่ขาดการฟังพระธรรมและตนจะดีได้เมื่อเริ่มต้นฟังเข้าใจคือบุญประกอบญาณ
:b9:
:b32: :b32:
ปล.ญาณ=วิปัสสนา=ปัญญา=รู้=เข้าใจความจริง=กำลังคิดเห็นถูกตามคำสอน=สัมมาทิฏฐิ=แยกแยะดีชั่วได้
สุตมยปัญญาคือหนทางแรกที่นำไปสู่การรู้ความจริงตรงตามคำสอนได้คือปริยัติ=สัจญาณตรงตามที่กำลังฟัง
เป็นมรรคลำดับแรกที่เบิกทางนำออกจากกิเลสโดยการพึ่งคำสอนเป็นประทีปนำทางออกจากกิเลสของตน
onion onion onion


นอกจากเธอจะอ้างส่งเดชผิดๆ เรื่องทศพลญาณ 6 อันมีแต่พระพุทธเจ้า

ที่ไม่มีเรื่องสีแล้ว

เธอยังผิดพลาดมหันต์ซ้ำอีก นะเธอ

ผิดพลาดอย่างมหันต์อีกแล้วหละเธอ
เพราะเธอไม่ได้เรียนพระอภิธรรม ปฎืบัติไม่เป็น เพิ่งมาฟังยูทูป มาเมื่อเจ็ดปีในชาตินี้
เรยตื้นเขิน ไม่รุ้ว่า ที่ถูกต้องตามพระอภิธรรม

จิต เป็นธรรมชาติเกิดดับสืบต่อกันไป เพราะอำนาจปัจจัย 6 ปัจจัย
มาจากชาติก่อนได้ ไปต่อชาติหน้าก็ได้

และเพียงด้วยอำนาจของนานากขณิกกัมมปัจจัย
สามารถให้ผลสืบต่อเกิดขึ้นได้ในที่สุดแห่งโกฏิกัป เรย
ย่อมยังผลให้เกิดขึ้นในกาลที่บุคคลพึงเข้าถึงปัจจุบันได้
เพราะเป็นสภาพที่เจตนากุศลธรรม ได้ทำไว้เสร็จแล้ว
สืบเนื่องได้เป็นโกฎกัป นั้นไม่น้อยเรยใช่มั๊ยเธอ ยัยโรส

smiley


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 เม.ย. 2019, 08:14 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7502

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


โลกสวย เขียน:
Rosarin เขียน:
อ้างคำพูด:
เข้าใจผิดหนักหนาสาหัสไป แล้วเธอ
เพราะเธอไม่ได้เรียนพระอภิธรรม ไม่ได้เรียนพระปริยัติ
แถมไม่ได้ปฎิบัติ

เรยไม่รู้ว่า การเห็นสี ไม่ได้เฉพาะพระญานพระพุทธเจ้า
ในทศพลญาน มีเพียงญานเดียวที่ไม่มีในพระสาวกทั่วไป

คือ อาสาธารณญาน อันมีแต่พระพุทธองค์
ญานอื่น สามารถมีได้ ในพระสาวกทั่วไป

อสาธารณญาณ (ญาณที่ไม่มีทั่วไปแก่สาวกอื่น) ประกอบไปด้วย..
๑. อินทริยปโรปริยัตตญาณ ปรีชากำหนดรู้ความยิ่ง และความหย่อนแห่งอินทรีย์ของสัตว์ทั้งหลาย
๒. อาสยานุสยญาณ ปรีชากำหนดรู้อัทธยาศัยและกิเลสที่นอนเนื่องในสันดาน
๓. ยมกปาฏิหิรญาณ ญาณในยมกปาฏิหาริย์
๔. มหากรุณาสมาปัตติญาณ ญาณในมหากรุณาสมาบัติ
๕. สัพพัญญุตญาณ ญาณในความเป็นสัพพัญญู
๖. อนาวรณญาณ ญาณที่ไม่มีอะไรขัดขวางได้

เป็นเฉพาะพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเท่านั้น

:b32:
เนี่ยเขาเรียกว่าท่องจำคำได้มากแต่ไม่รู้อะไรเลย555ไม่รู้เลยว่าปัญญาตนเองมีแค่ตรงได้เท่าที่คิดได้ตรง1คำ
ในกาลที่มีพระพุทธเจ้ามาตรัสรู้จะมีสาวกที่มีปัญญารองลงมาจากพระพุทธเจ้าแค่1คนและท่านก็ไม่ได้เห็นสี
คำว่าดับนะคะคุณโมเมแถเก่งทราบไหมคะว่าไม่มีอดีตสัญญาคำต่างๆที่เป็นบัญญัติคำของตถาคตแม้แต่น้อย
เพราะปัญญาเจตสิกของตนเองรู้ชัดตรง1สัจจะที่คิดได้ที่ตัวก็ดับคนทั้งตัวแล้วที่เธอยังเกิดเพราะปัญญาน้อย
การท่องจำคำมันเป็นอดีตไม่ตามไปชาติหน้าเอาอะไรมาคิดลบหลู่คำสอนของพระพุทธเจ้าตรัสรู้ถึงจิตเห็นสี
ทราบไหมคะว่าชั่วตลอดเวลาที่ขาดการฟังพระธรรมและตนจะดีได้เมื่อเริ่มต้นฟังเข้าใจคือบุญประกอบญาณ
:b9:
:b32: :b32:
ปล.ญาณ=วิปัสสนา=ปัญญา=รู้=เข้าใจความจริง=กำลังคิดเห็นถูกตามคำสอน=สัมมาทิฏฐิ=แยกแยะดีชั่วได้
สุตมยปัญญาคือหนทางแรกที่นำไปสู่การรู้ความจริงตรงตามคำสอนได้คือปริยัติ=สัจญาณตรงตามที่กำลังฟัง
เป็นมรรคลำดับแรกที่เบิกทางนำออกจากกิเลสโดยการพึ่งคำสอนเป็นประทีปนำทางออกจากกิเลสของตน
onion onion onion


นอกจากเธอจะอ้างส่งเดชผิดๆ เรื่องทศพลญาณ 6 อันมีแต่พระพุทธเจ้า

ที่ไม่มีเรื่องสีแล้ว

เธอยังผิดพลาดมหันต์ซ้ำอีก นะเธอ

ผิดพลาดอย่างมหันต์อีกแล้วหละเธอ
เพราะเธอไม่ได้เรียนพระอภิธรรม ปฎืบัติไม่เป็น เพิ่งมาฟังยูทูป มาเมื่อเจ็ดปีในชาตินี้
เรยตื้นเขิน ไม่รุ้ว่า ที่ถูกต้องตามพระอภิธรรม

จิต เป็นธรรมชาติเกิดดับสืบต่อกันไป เพราะอำนาจปัจจัย 6 ปัจจัย
มาจากชาติก่อนได้ ไปต่อชาติหน้าก็ได้

และเพียงด้วยอำนาจของนานากขณิกกัมมปัจจัย
สามารถให้ผลสืบต่อเกิดขึ้นได้ในที่สุดแห่งโกฏิกัป เรย
ย่อมยังผลให้เกิดขึ้นในกาลที่บุคคลพึงเข้าถึงปัจจุบันได้
เพราะเป็นสภาพที่เจตนากุศลธรรม ได้ทำไว้เสร็จแล้ว
สืบเนื่องได้เป็นโกฎกัป นั้นไม่น้อยเรยใช่มั๊ยเธอ ยัยโรส

smiley

:b32:
อ่านให้ตรงคำและก็เข้าใจตรงคำที่อ่านเท่านั้นทีละคำไม่แต่งคิดคำอื่นแย้งต่อเองนะ

เรา น่ะ ไม่รู้ว่า ตัวเองไม่รู้ แปลว่า กำลังมีกิเลส กำลังเห็นผิด
ไม่เคยจำถูก ตรงเห็นที่กำลังเห็น ตามคำสอน จำแต่ตัวอักษร
คือความคิดเห็นผิด ที่ไม่รู้ว่า คิดกับเห็นคนละขณะค่ะ คิดมืด เห็นสว่าง คิดนั้นเห็นไม่ได้ค่ะ
:b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 เม.ย. 2019, 08:17 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7502

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
โลกสวย เขียน:
Rosarin เขียน:
อ้างคำพูด:
เข้าใจผิดหนักหนาสาหัสไป แล้วเธอ
เพราะเธอไม่ได้เรียนพระอภิธรรม ไม่ได้เรียนพระปริยัติ
แถมไม่ได้ปฎิบัติ

เรยไม่รู้ว่า การเห็นสี ไม่ได้เฉพาะพระญานพระพุทธเจ้า
ในทศพลญาน มีเพียงญานเดียวที่ไม่มีในพระสาวกทั่วไป

คือ อาสาธารณญาน อันมีแต่พระพุทธองค์
ญานอื่น สามารถมีได้ ในพระสาวกทั่วไป

อสาธารณญาณ (ญาณที่ไม่มีทั่วไปแก่สาวกอื่น) ประกอบไปด้วย..
๑. อินทริยปโรปริยัตตญาณ ปรีชากำหนดรู้ความยิ่ง และความหย่อนแห่งอินทรีย์ของสัตว์ทั้งหลาย
๒. อาสยานุสยญาณ ปรีชากำหนดรู้อัทธยาศัยและกิเลสที่นอนเนื่องในสันดาน
๓. ยมกปาฏิหิรญาณ ญาณในยมกปาฏิหาริย์
๔. มหากรุณาสมาปัตติญาณ ญาณในมหากรุณาสมาบัติ
๕. สัพพัญญุตญาณ ญาณในความเป็นสัพพัญญู
๖. อนาวรณญาณ ญาณที่ไม่มีอะไรขัดขวางได้

เป็นเฉพาะพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเท่านั้น

:b32:
เนี่ยเขาเรียกว่าท่องจำคำได้มากแต่ไม่รู้อะไรเลย555ไม่รู้เลยว่าปัญญาตนเองมีแค่ตรงได้เท่าที่คิดได้ตรง1คำ
ในกาลที่มีพระพุทธเจ้ามาตรัสรู้จะมีสาวกที่มีปัญญารองลงมาจากพระพุทธเจ้าแค่1คนและท่านก็ไม่ได้เห็นสี
คำว่าดับนะคะคุณโมเมแถเก่งทราบไหมคะว่าไม่มีอดีตสัญญาคำต่างๆที่เป็นบัญญัติคำของตถาคตแม้แต่น้อย
เพราะปัญญาเจตสิกของตนเองรู้ชัดตรง1สัจจะที่คิดได้ที่ตัวก็ดับคนทั้งตัวแล้วที่เธอยังเกิดเพราะปัญญาน้อย
การท่องจำคำมันเป็นอดีตไม่ตามไปชาติหน้าเอาอะไรมาคิดลบหลู่คำสอนของพระพุทธเจ้าตรัสรู้ถึงจิตเห็นสี
ทราบไหมคะว่าชั่วตลอดเวลาที่ขาดการฟังพระธรรมและตนจะดีได้เมื่อเริ่มต้นฟังเข้าใจคือบุญประกอบญาณ
:b9:
:b32: :b32:
ปล.ญาณ=วิปัสสนา=ปัญญา=รู้=เข้าใจความจริง=กำลังคิดเห็นถูกตามคำสอน=สัมมาทิฏฐิ=แยกแยะดีชั่วได้
สุตมยปัญญาคือหนทางแรกที่นำไปสู่การรู้ความจริงตรงตามคำสอนได้คือปริยัติ=สัจญาณตรงตามที่กำลังฟัง
เป็นมรรคลำดับแรกที่เบิกทางนำออกจากกิเลสโดยการพึ่งคำสอนเป็นประทีปนำทางออกจากกิเลสของตน
onion onion onion


นอกจากเธอจะอ้างส่งเดชผิดๆ เรื่องทศพลญาณ 6 อันมีแต่พระพุทธเจ้า

ที่ไม่มีเรื่องสีแล้ว

เธอยังผิดพลาดมหันต์ซ้ำอีก นะเธอ

ผิดพลาดอย่างมหันต์อีกแล้วหละเธอ
เพราะเธอไม่ได้เรียนพระอภิธรรม ปฎืบัติไม่เป็น เพิ่งมาฟังยูทูป มาเมื่อเจ็ดปีในชาตินี้
เรยตื้นเขิน ไม่รุ้ว่า ที่ถูกต้องตามพระอภิธรรม

จิต เป็นธรรมชาติเกิดดับสืบต่อกันไป เพราะอำนาจปัจจัย 6 ปัจจัย
มาจากชาติก่อนได้ ไปต่อชาติหน้าก็ได้

และเพียงด้วยอำนาจของนานากขณิกกัมมปัจจัย
สามารถให้ผลสืบต่อเกิดขึ้นได้ในที่สุดแห่งโกฏิกัป เรย
ย่อมยังผลให้เกิดขึ้นในกาลที่บุคคลพึงเข้าถึงปัจจุบันได้
เพราะเป็นสภาพที่เจตนากุศลธรรม ได้ทำไว้เสร็จแล้ว
สืบเนื่องได้เป็นโกฎกัป นั้นไม่น้อยเรยใช่มั๊ยเธอ ยัยโรส

smiley

:b32:
อ่านให้ตรงคำและก็เข้าใจตรงคำที่อ่านเท่านั้นทีละคำไม่แต่งคิดคำอื่นแย้งต่อเองนะ

เรา น่ะ ไม่รู้ว่า ตัวเองไม่รู้ แปลว่า กำลังมีกิเลส กำลังเห็นผิด
ไม่เคยจำถูก ตรงเห็นที่กำลังเห็น ตามคำสอน จำแต่ตัวอักษร
คือความคิดเห็นผิด ที่ไม่รู้ว่า คิดกับเห็นคนละขณะค่ะ คิดมืด เห็นสว่าง คิดนั้นเห็นไม่ได้ค่ะ
:b32: :b32:

ตอนคิดนั้นไม่เห็นตัวอักษรค่ะแสดงว่าจริงๆไม่มีตัวอักษรนอกตาค่ะ
เพราะตอนเห็นมีแค่แสงสีวาบเข้าตาดำมืดทันทีค่ะ555
รู้สึกตัวไหมว่ามีความไม่รู้มากมหาศาลแค่ไหน
:b32: :b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 เม.ย. 2019, 17:20 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 มี.ค. 2018, 02:56
โพสต์: 2157

โฮมเพจ: maybe
แนวปฏิบัติ: สติปัฎฐาน
งานอดิเรก: กีฬา
สิ่งที่ชื่นชอบ: แบรนด์เเนม
ชื่อเล่น: เม
อายุ: 22
ที่อยู่: Bangkok Thailand

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
Rosarin เขียน:
โลกสวย เขียน:
Rosarin เขียน:
อ้างคำพูด:
เข้าใจผิดหนักหนาสาหัสไป แล้วเธอ
เพราะเธอไม่ได้เรียนพระอภิธรรม ไม่ได้เรียนพระปริยัติ
แถมไม่ได้ปฎิบัติ

เรยไม่รู้ว่า การเห็นสี ไม่ได้เฉพาะพระญานพระพุทธเจ้า
ในทศพลญาน มีเพียงญานเดียวที่ไม่มีในพระสาวกทั่วไป

คือ อาสาธารณญาน อันมีแต่พระพุทธองค์
ญานอื่น สามารถมีได้ ในพระสาวกทั่วไป

อสาธารณญาณ (ญาณที่ไม่มีทั่วไปแก่สาวกอื่น) ประกอบไปด้วย..
๑. อินทริยปโรปริยัตตญาณ ปรีชากำหนดรู้ความยิ่ง และความหย่อนแห่งอินทรีย์ของสัตว์ทั้งหลาย
๒. อาสยานุสยญาณ ปรีชากำหนดรู้อัทธยาศัยและกิเลสที่นอนเนื่องในสันดาน
๓. ยมกปาฏิหิรญาณ ญาณในยมกปาฏิหาริย์
๔. มหากรุณาสมาปัตติญาณ ญาณในมหากรุณาสมาบัติ
๕. สัพพัญญุตญาณ ญาณในความเป็นสัพพัญญู
๖. อนาวรณญาณ ญาณที่ไม่มีอะไรขัดขวางได้

เป็นเฉพาะพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเท่านั้น

:b32:
เนี่ยเขาเรียกว่าท่องจำคำได้มากแต่ไม่รู้อะไรเลย555ไม่รู้เลยว่าปัญญาตนเองมีแค่ตรงได้เท่าที่คิดได้ตรง1คำ
ในกาลที่มีพระพุทธเจ้ามาตรัสรู้จะมีสาวกที่มีปัญญารองลงมาจากพระพุทธเจ้าแค่1คนและท่านก็ไม่ได้เห็นสี
คำว่าดับนะคะคุณโมเมแถเก่งทราบไหมคะว่าไม่มีอดีตสัญญาคำต่างๆที่เป็นบัญญัติคำของตถาคตแม้แต่น้อย
เพราะปัญญาเจตสิกของตนเองรู้ชัดตรง1สัจจะที่คิดได้ที่ตัวก็ดับคนทั้งตัวแล้วที่เธอยังเกิดเพราะปัญญาน้อย
การท่องจำคำมันเป็นอดีตไม่ตามไปชาติหน้าเอาอะไรมาคิดลบหลู่คำสอนของพระพุทธเจ้าตรัสรู้ถึงจิตเห็นสี
ทราบไหมคะว่าชั่วตลอดเวลาที่ขาดการฟังพระธรรมและตนจะดีได้เมื่อเริ่มต้นฟังเข้าใจคือบุญประกอบญาณ
:b9:
:b32: :b32:
ปล.ญาณ=วิปัสสนา=ปัญญา=รู้=เข้าใจความจริง=กำลังคิดเห็นถูกตามคำสอน=สัมมาทิฏฐิ=แยกแยะดีชั่วได้
สุตมยปัญญาคือหนทางแรกที่นำไปสู่การรู้ความจริงตรงตามคำสอนได้คือปริยัติ=สัจญาณตรงตามที่กำลังฟัง
เป็นมรรคลำดับแรกที่เบิกทางนำออกจากกิเลสโดยการพึ่งคำสอนเป็นประทีปนำทางออกจากกิเลสของตน
onion onion onion


นอกจากเธอจะอ้างส่งเดชผิดๆ เรื่องทศพลญาณ 6 อันมีแต่พระพุทธเจ้า

ที่ไม่มีเรื่องสีแล้ว

เธอยังผิดพลาดมหันต์ซ้ำอีก นะเธอ

ผิดพลาดอย่างมหันต์อีกแล้วหละเธอ
เพราะเธอไม่ได้เรียนพระอภิธรรม ปฎืบัติไม่เป็น เพิ่งมาฟังยูทูป มาเมื่อเจ็ดปีในชาตินี้
เรยตื้นเขิน ไม่รุ้ว่า ที่ถูกต้องตามพระอภิธรรม

จิต เป็นธรรมชาติเกิดดับสืบต่อกันไป เพราะอำนาจปัจจัย 6 ปัจจัย
มาจากชาติก่อนได้ ไปต่อชาติหน้าก็ได้

และเพียงด้วยอำนาจของนานากขณิกกัมมปัจจัย
สามารถให้ผลสืบต่อเกิดขึ้นได้ในที่สุดแห่งโกฏิกัป เรย
ย่อมยังผลให้เกิดขึ้นในกาลที่บุคคลพึงเข้าถึงปัจจุบันได้
เพราะเป็นสภาพที่เจตนากุศลธรรม ได้ทำไว้เสร็จแล้ว
สืบเนื่องได้เป็นโกฎกัป นั้นไม่น้อยเรยใช่มั๊ยเธอ ยัยโรส

smiley

:b32:
อ่านให้ตรงคำและก็เข้าใจตรงคำที่อ่านเท่านั้นทีละคำไม่แต่งคิดคำอื่นแย้งต่อเองนะ

เรา น่ะ ไม่รู้ว่า ตัวเองไม่รู้ แปลว่า กำลังมีกิเลส กำลังเห็นผิด
ไม่เคยจำถูก ตรงเห็นที่กำลังเห็น ตามคำสอน จำแต่ตัวอักษร
คือความคิดเห็นผิด ที่ไม่รู้ว่า คิดกับเห็นคนละขณะค่ะ คิดมืด เห็นสว่าง คิดนั้นเห็นไม่ได้ค่ะ
:b32: :b32:

ตอนคิดนั้นไม่เห็นตัวอักษรค่ะแสดงว่าจริงๆไม่มีตัวอักษรนอกตาค่ะ
เพราะตอนเห็นมีแค่แสงสีวาบเข้าตาดำมืดทันทีค่ะ555
รู้สึกตัวไหมว่ามีความไม่รู้มากมหาศาลแค่ไหน
:b32: :b32: :b32:

คริคริ

อันนี้ เมเข้ามาในความคิดของคุณยัยโรส น๊าค๊ะ จะบอกให้เดียวว่าไม่เตือน

ที่คุณยัยโรสถาม เองตอบเองอยู่

รู้ตัวมั๊ยค๊ะ
เก็บความคิดเดิมตัวเอง มานั่งคิดนอนคิด แล้วตอบคำถามตัวเอง
คุณยัยโรส ทำแบบนี้ประจำมาหลายกระทู้หลายความเห็นแระหละ
รู้สึกตัวไหมว่ามีความไม่รู้มากมหาศาลแค่ไหน

สติๆๆ ด้วย น๊าค๊ะ
ต้องอาศัยโสภณเจตสิก 19ดวง ปัญญาเจตสิก 1 ดวงด้วยน๊ะค๊ะ


rolleyes rolleyes


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 เม.ย. 2019, 17:26 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 มี.ค. 2018, 02:56
โพสต์: 2157

โฮมเพจ: maybe
แนวปฏิบัติ: สติปัฎฐาน
งานอดิเรก: กีฬา
สิ่งที่ชื่นชอบ: แบรนด์เเนม
ชื่อเล่น: เม
อายุ: 22
ที่อยู่: Bangkok Thailand

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
โลกสวย เขียน:
Rosarin เขียน:
อ้างคำพูด:
เข้าใจผิดหนักหนาสาหัสไป แล้วเธอ
เพราะเธอไม่ได้เรียนพระอภิธรรม ไม่ได้เรียนพระปริยัติ
แถมไม่ได้ปฎิบัติ

เรยไม่รู้ว่า การเห็นสี ไม่ได้เฉพาะพระญานพระพุทธเจ้า
ในทศพลญาน มีเพียงญานเดียวที่ไม่มีในพระสาวกทั่วไป

คือ อาสาธารณญาน อันมีแต่พระพุทธองค์
ญานอื่น สามารถมีได้ ในพระสาวกทั่วไป

อสาธารณญาณ (ญาณที่ไม่มีทั่วไปแก่สาวกอื่น) ประกอบไปด้วย..
๑. อินทริยปโรปริยัตตญาณ ปรีชากำหนดรู้ความยิ่ง และความหย่อนแห่งอินทรีย์ของสัตว์ทั้งหลาย
๒. อาสยานุสยญาณ ปรีชากำหนดรู้อัทธยาศัยและกิเลสที่นอนเนื่องในสันดาน
๓. ยมกปาฏิหิรญาณ ญาณในยมกปาฏิหาริย์
๔. มหากรุณาสมาปัตติญาณ ญาณในมหากรุณาสมาบัติ
๕. สัพพัญญุตญาณ ญาณในความเป็นสัพพัญญู
๖. อนาวรณญาณ ญาณที่ไม่มีอะไรขัดขวางได้

เป็นเฉพาะพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเท่านั้น

:b32:
เนี่ยเขาเรียกว่าท่องจำคำได้มากแต่ไม่รู้อะไรเลย555ไม่รู้เลยว่าปัญญาตนเองมีแค่ตรงได้เท่าที่คิดได้ตรง1คำ
ในกาลที่มีพระพุทธเจ้ามาตรัสรู้จะมีสาวกที่มีปัญญารองลงมาจากพระพุทธเจ้าแค่1คนและท่านก็ไม่ได้เห็นสี
คำว่าดับนะคะคุณโมเมแถเก่งทราบไหมคะว่าไม่มีอดีตสัญญาคำต่างๆที่เป็นบัญญัติคำของตถาคตแม้แต่น้อย
เพราะปัญญาเจตสิกของตนเองรู้ชัดตรง1สัจจะที่คิดได้ที่ตัวก็ดับคนทั้งตัวแล้วที่เธอยังเกิดเพราะปัญญาน้อย
การท่องจำคำมันเป็นอดีตไม่ตามไปชาติหน้าเอาอะไรมาคิดลบหลู่คำสอนของพระพุทธเจ้าตรัสรู้ถึงจิตเห็นสี
ทราบไหมคะว่าชั่วตลอดเวลาที่ขาดการฟังพระธรรมและตนจะดีได้เมื่อเริ่มต้นฟังเข้าใจคือบุญประกอบญาณ
:b9:
:b32: :b32:
ปล.ญาณ=วิปัสสนา=ปัญญา=รู้=เข้าใจความจริง=กำลังคิดเห็นถูกตามคำสอน=สัมมาทิฏฐิ=แยกแยะดีชั่วได้
สุตมยปัญญาคือหนทางแรกที่นำไปสู่การรู้ความจริงตรงตามคำสอนได้คือปริยัติ=สัจญาณตรงตามที่กำลังฟัง
เป็นมรรคลำดับแรกที่เบิกทางนำออกจากกิเลสโดยการพึ่งคำสอนเป็นประทีปนำทางออกจากกิเลสของตน
onion onion onion


นอกจากเธอจะอ้างส่งเดชผิดๆ เรื่องทศพลญาณ 6 อันมีแต่พระพุทธเจ้า

ที่ไม่มีเรื่องสีแล้ว

เธอยังผิดพลาดมหันต์ซ้ำอีก นะเธอ

ผิดพลาดอย่างมหันต์อีกแล้วหละเธอ
เพราะเธอไม่ได้เรียนพระอภิธรรม ปฎืบัติไม่เป็น เพิ่งมาฟังยูทูป มาเมื่อเจ็ดปีในชาตินี้
เรยตื้นเขิน ไม่รุ้ว่า ที่ถูกต้องตามพระอภิธรรม

จิต เป็นธรรมชาติเกิดดับสืบต่อกันไป เพราะอำนาจปัจจัย 6 ปัจจัย
มาจากชาติก่อนได้ ไปต่อชาติหน้าก็ได้

และเพียงด้วยอำนาจของนานากขณิกกัมมปัจจัย
สามารถให้ผลสืบต่อเกิดขึ้นได้ในที่สุดแห่งโกฏิกัป เรย
ย่อมยังผลให้เกิดขึ้นในกาลที่บุคคลพึงเข้าถึงปัจจุบันได้
เพราะเป็นสภาพที่เจตนากุศลธรรม ได้ทำไว้เสร็จแล้ว
สืบเนื่องได้เป็นโกฎกัป นั้นไม่น้อยเรยใช่มั๊ยเธอ ยัยโรส

smiley

:b32:
อ่านให้ตรงคำและก็เข้าใจตรงคำที่อ่านเท่านั้นทีละคำไม่แต่งคิดคำอื่นแย้งต่อเองนะ

เรา น่ะ ไม่รู้ว่า ตัวเองไม่รู้ แปลว่า กำลังมีกิเลส กำลังเห็นผิด
ไม่เคยจำถูก ตรงเห็นที่กำลังเห็น ตามคำสอน จำแต่ตัวอักษร
คือความคิดเห็นผิด ที่ไม่รู้ว่า คิดกับเห็นคนละขณะค่ะ คิดมืด เห็นสว่าง คิดนั้นเห็นไม่ได้ค่ะ
:b32: :b32:



อันนี้จะให้เม ตอบมั๊ยค๊ะ
หรือว่า คุณยัยโรส อยากคิดเขียนเอง ตอบตัวเอง

tongue


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 118 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5, 6, 7, 8  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: Google [Bot] และ บุคคลทั่วไป 28 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร