วันเวลาปัจจุบัน 19 เม.ย. 2024, 18:56  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 118 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5 ... 8  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 เม.ย. 2019, 18:26 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Love J. เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Love J. เขียน:
กรัชกาย เขียน:
กท.นี้ ด้วยการหลับตา ลืมตา เอ้า นี่เขาหลับตาทำสมาธิ ... แล้วก็ลืมตา เกิดอาการยังไงดู

นั่งสมาธิแล้วนึกกลัว

คือ ว่าเรานั่งสมาธิแล้วเริ่มเข้าสู่ความสงบ (ประมาณว่าโลกนี้ว่าง ๆค่ะ) แต่ไม่รู้ทำไมเกิดนึกกลัวขึ้นมา อยากออกจากสมาธิ มีคนแนะนำว่าต้องค่อย ๆ ถอยออกจากสมาธิ แต่เราทำไม่ได้ เพราะมันไม่ยอมออกค่ะ ไม่รู้ทำไง เลยลืมตาเสียเลย เท่านั้นเองใจก็เกิดสั่นขึ้นมาทันที รู้สึกวิงเวียนบอกไม่ถูก

วันนั้นทั้งวันใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว กว่าจะปกติก็ช่วงเย็นแล้ว

เราเลยอยากถามว่า ทำอย่างไรไม่ให้กลัวเวลาเจอสถานการณ์แบบนี้ และจะออกจากสมาธิด้วยวิธีไหนดีคะ ผู้รู้ช่วยตอบทีค่ะ


ระลึกถึงพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ไม่ต้องกลัวอะไร 3 สิ่งนี้มีอานุภาพมากที่สุดแล้ว หากมีอาการทางกายด้วย เช่นใจสั่น วิงเวียน ก็พักก่อนการภาวนาไม่ได้มีแต่การนั่งเพ่ง ฌาน สมาธิ

การทำความดี ทำสิ่งดีให้เกิดขึ้น เจริญขึ้น มากน้อยก็เรียกว่าภาวนา ไม่ว่าการให้ทาน รักษาศีล ศึกษา ฟังธรรม คำสอน แล้วความดีที่เหล่านั้นจะเกื้อหนุนให้เกิด ฌาน สมาธิ ที่ดีที่เป็นมรรคแก่เรา

การทำความชั่ว ทำบาป อกุศล ก็เช่นกัน มากน้อยก็ขัดขวางการภาวนา ควรเจริญสติ สัมปชัญญะ สำรวมระวัง กาย วาจา ใจ ระงับยับยั้งกรรมชั่วอย่าเห็นว่าเพียงเล็กน้อย เมื่อสำรวมดีแล้วจะกื้อหนุน สมาธิ ปัญญา ของเรา


อ้อ ทำอย่างนี้นี่เอง นั่งนึกไป จะไปไหนก็นึกไปคิดไป :b1: นึกหนุนนั่น หนุนนี่ไป เดี๋ยวเถอะเป็นพระอรหันต์ อย่างว่า :b13:


ไม่ใช่อย่างนั้น

ฟังธรรมคำสอน ตรึก นึก คิด ใคร่ครวญ พิจารณา ในธรรมที่ได้ฟังให้แยบคายให้ รู้เหตุ รู้ผล รู้หนทาง ที่ปฏิบัติ สรุปเป็นความเข้าใจ แล้วลงมีทำเหตุด้วยความเพียร เมื่อเหตุพร้อมเพียงก็เกิดผล แม้อรหัตผลก็หวังได้

อีกนิดนึง ถ้าทำไปโดยไม่ได้พิจารณาให้ดี ให้รู้เหตุรู้ผลที่ปฏิบัติ ก็จะเกิดคำถามเกิดปัญหาอย่างนี้เรื่อยไป หรือถ้าไม่ถามก็สรุป เข้าใจไป ผิด ๆ

อย่างเช่นถามว่า ''จะออกจากสมาธิด้วยวิธีไหนคะ'' ถามไปไม่อายเขาเหรอ

เห็นอีกคนนึงภาวนาไปเจอเวทนา ปิติ สุข ก็ปรุงไปจนเว่อร์ เจอความสุขที่แท้จริง มันสุขมากล้น ติดอกติดใจ ทีนี้มันก็หลงไหลอยากได้อีก ไม่เกิดปัญญาอะไรเลย

เวลาเดินทางไปที่เราไม่เคยไปก็ควรมีแผนที่ ถ้าไม่มีแผนที่ไปถามเอากลางทาง ถาม ๘ คนเขาชี้ ๘ ทางถ้าไม่หลงก็โคตรโชคดี



คนพูดพูดได้ไม่ติดขัด แต่คนทำติด ยกตัวอย่างง่ายๆ คนเดินทางเดินไปๆเจอะเสือขวางทางอยู่ เบื้องแรกเลยกลัวเสือจนฉี่จะราด เอ..ทำยังไงดีจึงผ่านเสือไปได้ ใจเสาะหน่อยถอยหลังกลับบ้านเลย

ส่วนคนพูดก็บอกว่า เอ็งก็ฆ่าเสือสะสิว่ะ กลัวอะไรกับเสือ คิกๆๆ ฉันใดก็ฉันนั้น เลิฟเจ. เหมือนคนพูดอยู่ที่สำนัก :b32: ของหลวงพ่อ ส่วนคนทำเดินเข้าป่าไปเจอะเสือแร้ว :b13:
คำพูดนั่นแหละบอกชัดเรย คิกๆๆ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 เม.ย. 2019, 18:37 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Love J. เขียน:
กรัชกาย เขียน:
กท.นี้ ด้วยการหลับตา ลืมตา เอ้า นี่เขาหลับตาทำสมาธิ ... แล้วก็ลืมตา เกิดอาการยังไงดู

นั่งสมาธิแล้วนึกกลัว

คือ ว่าเรานั่งสมาธิแล้วเริ่มเข้าสู่ความสงบ (ประมาณว่าโลกนี้ว่าง ๆค่ะ) แต่ไม่รู้ทำไมเกิดนึกกลัวขึ้นมา อยากออกจากสมาธิ มีคนแนะนำว่าต้องค่อย ๆ ถอยออกจากสมาธิ แต่เราทำไม่ได้ เพราะมันไม่ยอมออกค่ะ ไม่รู้ทำไง เลยลืมตาเสียเลย เท่านั้นเองใจก็เกิดสั่นขึ้นมาทันที รู้สึกวิงเวียนบอกไม่ถูก

วันนั้นทั้งวันใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว กว่าจะปกติก็ช่วงเย็นแล้ว

เราเลยอยากถามว่า ทำอย่างไรไม่ให้กลัวเวลาเจอสถานการณ์แบบนี้ และจะออกจากสมาธิด้วยวิธีไหนดีคะ ผู้รู้ช่วยตอบทีค่ะ


ระลึกถึงพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ไม่ต้องกลัวอะไร 3 สิ่งนี้มีอานุภาพมากที่สุดแล้ว หากมีอาการทางกายด้วย เช่นใจสั่น วิงเวียน ก็พักก่อนการภาวนาไม่ได้มีแต่การนั่งเพ่ง ฌาน สมาธิ

การทำความดี ทำสิ่งดีให้เกิดขึ้น เจริญขึ้น มากน้อยก็เรียกว่าภาวนา ไม่ว่าการให้ทาน รักษาศีล ศึกษา ฟังธรรม คำสอน แล้วความดีที่เหล่านั้นจะเกื้อหนุนให้เกิด ฌาน สมาธิ ที่ดีที่เป็นมรรคแก่เรา

การทำความชั่ว ทำบาป อกุศล ก็เช่นกัน มากน้อยก็ขัดขวางการภาวนา ควรเจริญสติ สัมปชัญญะ สำรวมระวัง กาย วาจา ใจ ระงับยับยั้งกรรมชั่วอย่าเห็นว่าเพียงเล็กน้อย เมื่อสำรวมดีแล้วจะกื้อหนุน สมาธิ ปัญญา ของเรา


ดูตัวอย่างคนทำอีกสักตัวอย่างหนึ่ง เอ้าดู

นั่งสมาธิแล้วเหมือนร่างกายลอยจากพื้น

ใช้วิธีอานาปานสติ ช่วงแรกนั่งสมาธิดิ่งลงมากๆจะเห็นแสงสว่างจ้ามากๆ เป็นดวงแว๊บๆ และสว่างตลอดเวลา
เคยอ่านหนังสือหลวงพ่อสดว่าอย่าวอกแวก เรานึกได้ก็ดูลมหายใจต่อ
จากนั้น ตัวมันเบามาก แถมเหมือนได้ยินเสียงอะไรบางอย่างคุยกัน ทั้งๆที่ในห้องก็เงียบมาก และจู่ๆก็ได้ยินเสียงคนพูด "นั่นแหละกำหนดรู้ใจคน"
ก็เกิดตกใจขึ้น ร่างกายที่เคยมี ก็หายไป แต่พอได้สติ นึกได้ก็ภาวนาต่อ
ทีนี้ร่างกายเหมือนจะลอยจากพื้นดิน อาการคือตัวโครงไม่อยู่นิ่งกับพื้น ทีนี้ก็เลยกลัว รีบออกจากสมาธิ
แบบนี้เรียกว่าอะไรครับ

ลองเทียบกับเลิฟเจ.ดู ยกศัพท์นั่นนี่มา เช่น สติ สัมปชัญญะ สมาธิ ปัญญา ฌาน ภาวนาเป็นต้น อย่างนี้่เขาเรียกนักพูด ระลึกถึง พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ไม่ต้องกลัวอะไร อิอิ 3 อย่างนี้มีอานุภาพสุดแล้ว ถ้ามันกลัวนักก็พักผ่อนก่อน นี่ชัดเลยตามที่เคยบอก
ง่วงนักก็ลุกไปเข้าห้องน้ำก่อน หายง่วงแล้วมาภาวนาใหม่ พูดง่ายๆ จะเอาแต่ดีๆ พอประสบกับภาวะไม่ถูกใจ เปิดตูดไปก่อน

พอหายกลัวหายง่วงแล้ว ก็มานั่งคิดกันใหม่ คิดไปคิดมาแล้วก็ยิ้มแก้มตุ่ย :b16: ธรรมะๆๆ ว่า
:b32:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 เม.ย. 2019, 19:11 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Love J. เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Love J. เขียน:
กรัชกาย เขียน:
กท.นี้ ด้วยการหลับตา ลืมตา เอ้า นี่เขาหลับตาทำสมาธิ ... แล้วก็ลืมตา เกิดอาการยังไงดู

นั่งสมาธิแล้วนึกกลัว

คือ ว่าเรานั่งสมาธิแล้วเริ่มเข้าสู่ความสงบ (ประมาณว่าโลกนี้ว่าง ๆค่ะ) แต่ไม่รู้ทำไมเกิดนึกกลัวขึ้นมา อยากออกจากสมาธิ มีคนแนะนำว่าต้องค่อย ๆ ถอยออกจากสมาธิ แต่เราทำไม่ได้ เพราะมันไม่ยอมออกค่ะ ไม่รู้ทำไง เลยลืมตาเสียเลย เท่านั้นเองใจก็เกิดสั่นขึ้นมาทันที รู้สึกวิงเวียนบอกไม่ถูก

วันนั้นทั้งวันใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว กว่าจะปกติก็ช่วงเย็นแล้ว

เราเลยอยากถามว่า ทำอย่างไรไม่ให้กลัวเวลาเจอสถานการณ์แบบนี้ และจะออกจากสมาธิด้วยวิธีไหนดีคะ ผู้รู้ช่วยตอบทีค่ะ


ระลึกถึงพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ไม่ต้องกลัวอะไร 3 สิ่งนี้มีอานุภาพมากที่สุดแล้ว หากมีอาการทางกายด้วย เช่นใจสั่น วิงเวียน ก็พักก่อนการภาวนาไม่ได้มีแต่การนั่งเพ่ง ฌาน สมาธิ

การทำความดี ทำสิ่งดีให้เกิดขึ้น เจริญขึ้น มากน้อยก็เรียกว่าภาวนา ไม่ว่าการให้ทาน รักษาศีล ศึกษา ฟังธรรม คำสอน แล้วความดีที่เหล่านั้นจะเกื้อหนุนให้เกิด ฌาน สมาธิ ที่ดีที่เป็นมรรคแก่เรา

การทำความชั่ว ทำบาป อกุศล ก็เช่นกัน มากน้อยก็ขัดขวางการภาวนา ควรเจริญสติ สัมปชัญญะ สำรวมระวัง กาย วาจา ใจ ระงับยับยั้งกรรมชั่วอย่าเห็นว่าเพียงเล็กน้อย เมื่อสำรวมดีแล้วจะกื้อหนุน สมาธิ ปัญญา ของเรา


อ้อ ทำอย่างนี้นี่เอง นั่งนึกไป จะไปไหนก็นึกไปคิดไป :b1: นึกหนุนนั่น หนุนนี่ไป เดี๋ยวเถอะเป็นพระอรหันต์ อย่างว่า :b13:


ไม่ใช่อย่างนั้น

ฟังธรรมคำสอน ตรึก นึก คิด ใคร่ครวญ พิจารณา ในธรรมที่ได้ฟังให้แยบคายให้ รู้เหตุ รู้ผล รู้หนทาง ที่ปฏิบัติ สรุปเป็นความเข้าใจ แล้วลงมีทำเหตุด้วยความเพียร เมื่อเหตุพร้อมเพียงก็เกิดผล แม้อรหัตผลก็หวังได้

อีกนิดนึง ถ้าทำไปโดยไม่ได้พิจารณาให้ดี ให้รู้เหตุรู้ผลที่ปฏิบัติ ก็จะเกิดคำถามเกิดปัญหาอย่างนี้เรื่อยไป หรือถ้าไม่ถามก็สรุป เข้าใจไป ผิด ๆ

อย่างเช่นถามว่า ''จะออกจากสมาธิด้วยวิธีไหนคะ'' ถามไปไม่อายเขาเหรอ

เห็นอีกคนนึงภาวนาไปเจอเวทนา ปิติ สุข ก็ปรุงไปจนเว่อร์ เจอความสุขที่แท้จริง มันสุขมากล้น ติดอกติดใจ ทีนี้มันก็หลงไหลอยากได้อีก ไม่เกิดปัญญาอะไรเลย

เวลาเดินทางไปที่เราไม่เคยไปก็ควรมีแผนที่ ถ้าไม่มีแผนที่ไปถามเอากลางทาง ถาม ๘ คนเขาชี้ ๘ ทางถ้าไม่หลงก็โคตรโชคดี


ฟังธรรมคำสอน ตรึก นึก คิด ใคร่ครวญ พินา ให้แยบคาย รู้เหตุ รู้ผล รู้ต้นทางปลายทาง ฯลฯ นี่ไปจำเอามาพูดทั้งเพ :b32:

เอาของจริงของคนทำจริงปฏิบัติจริงบ้าง เอ้าดู


ผมไปบวชได้แปดเดือน บวชวันแรกเกิดกำหนัดแอบสองอาทิตย์ผ่านไป เอาวินัยมาอ่าน อ่าวนี่มันผิดศีลนี่หว่าอายไม่กล้าพบใคร ก็เดินจงกรม นั่งสมาธิ
ตอนนั่งสมาธิ ก็หลับตา ไม่คิดอะไรท่องพุท-โธ ตามลมหายใจ จนเข้าเดือนที่สี่ ออกพรรษาคิดว่าจะสึก แต่เห็นแสงเทียนในกระจกหน้าต่าง ก็วิ่งไปบอกเจ้าอาวาสๆก็ได้แต่ยิ้ม
เข้าเดือนที่แปด นั่งสมาธิแบบเดิม ตอนนั้นเครียดเรื่องท่องหนังสือไม่ได้
ในขณะที่นั่ง มีเสียงผู้ชายมาถามว่าบรรลุรึยัง ผมเลยบอก ว่า ยังพูดในใจ

อยู่ดีๆก็มีเสียงสวดมนต์เพราะมาก ตามด้วยบทธรรมจักร
อยู่ดีๆ ก็มีภาพผมมีน้ำอสุจิไหลออกมา เห็นภาพที่เคยมีอะไรกับแฟน และมีเรื่องไม่ดีมากมาย ก็เลยพิจารณาการเกิดดับแก้เรื่องหนึ่ง มันก็มาอีกเรื่องหนึ่ง

เสียงก็ด่าว่าไอ้เลวตลอด อวัยวะเพศแข็งอยากมีเซ็กตลอดเวลา เลยตัดสินใจสึก คิดอะไรเหมือนมีคนรู้ เสียงด่าก็ด่าตลอด เลยไปพบจิตแพทย์ หมอบอกว่าเป็นโรคจิตเภทและโรคไทรอยด์ เลยอยากบวชใหม่ไปอยู่กรรม แต่ยังกินยาเลย ถ้าไปบวชอีกกลัวจะบ้ากว่าเดิมครับ

เลิฟ เจ เห็นเป็นประการใด หรือจะเอาอีก :b10:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 09 เม.ย. 2019, 22:35 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ส.ค. 2018, 07:07
โพสต์: 482

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
Love J. เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Love J. เขียน:
กรัชกาย เขียน:
กท.นี้ ด้วยการหลับตา ลืมตา เอ้า นี่เขาหลับตาทำสมาธิ ... แล้วก็ลืมตา เกิดอาการยังไงดู

นั่งสมาธิแล้วนึกกลัว

คือ ว่าเรานั่งสมาธิแล้วเริ่มเข้าสู่ความสงบ (ประมาณว่าโลกนี้ว่าง ๆค่ะ) แต่ไม่รู้ทำไมเกิดนึกกลัวขึ้นมา อยากออกจากสมาธิ มีคนแนะนำว่าต้องค่อย ๆ ถอยออกจากสมาธิ แต่เราทำไม่ได้ เพราะมันไม่ยอมออกค่ะ ไม่รู้ทำไง เลยลืมตาเสียเลย เท่านั้นเองใจก็เกิดสั่นขึ้นมาทันที รู้สึกวิงเวียนบอกไม่ถูก

วันนั้นทั้งวันใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว กว่าจะปกติก็ช่วงเย็นแล้ว

เราเลยอยากถามว่า ทำอย่างไรไม่ให้กลัวเวลาเจอสถานการณ์แบบนี้ และจะออกจากสมาธิด้วยวิธีไหนดีคะ ผู้รู้ช่วยตอบทีค่ะ


ระลึกถึงพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ไม่ต้องกลัวอะไร 3 สิ่งนี้มีอานุภาพมากที่สุดแล้ว หากมีอาการทางกายด้วย เช่นใจสั่น วิงเวียน ก็พักก่อนการภาวนาไม่ได้มีแต่การนั่งเพ่ง ฌาน สมาธิ

การทำความดี ทำสิ่งดีให้เกิดขึ้น เจริญขึ้น มากน้อยก็เรียกว่าภาวนา ไม่ว่าการให้ทาน รักษาศีล ศึกษา ฟังธรรม คำสอน แล้วความดีที่เหล่านั้นจะเกื้อหนุนให้เกิด ฌาน สมาธิ ที่ดีที่เป็นมรรคแก่เรา

การทำความชั่ว ทำบาป อกุศล ก็เช่นกัน มากน้อยก็ขัดขวางการภาวนา ควรเจริญสติ สัมปชัญญะ สำรวมระวัง กาย วาจา ใจ ระงับยับยั้งกรรมชั่วอย่าเห็นว่าเพียงเล็กน้อย เมื่อสำรวมดีแล้วจะกื้อหนุน สมาธิ ปัญญา ของเรา


อ้อ ทำอย่างนี้นี่เอง นั่งนึกไป จะไปไหนก็นึกไปคิดไป :b1: นึกหนุนนั่น หนุนนี่ไป เดี๋ยวเถอะเป็นพระอรหันต์ อย่างว่า :b13:


ไม่ใช่อย่างนั้น

ฟังธรรมคำสอน ตรึก นึก คิด ใคร่ครวญ พิจารณา ในธรรมที่ได้ฟังให้แยบคายให้ รู้เหตุ รู้ผล รู้หนทาง ที่ปฏิบัติ สรุปเป็นความเข้าใจ แล้วลงมีทำเหตุด้วยความเพียร เมื่อเหตุพร้อมเพียงก็เกิดผล แม้อรหัตผลก็หวังได้

อีกนิดนึง ถ้าทำไปโดยไม่ได้พิจารณาให้ดี ให้รู้เหตุรู้ผลที่ปฏิบัติ ก็จะเกิดคำถามเกิดปัญหาอย่างนี้เรื่อยไป หรือถ้าไม่ถามก็สรุป เข้าใจไป ผิด ๆ

อย่างเช่นถามว่า ''จะออกจากสมาธิด้วยวิธีไหนคะ'' ถามไปไม่อายเขาเหรอ

เห็นอีกคนนึงภาวนาไปเจอเวทนา ปิติ สุข ก็ปรุงไปจนเว่อร์ เจอความสุขที่แท้จริง มันสุขมากล้น ติดอกติดใจ ทีนี้มันก็หลงไหลอยากได้อีก ไม่เกิดปัญญาอะไรเลย

เวลาเดินทางไปที่เราไม่เคยไปก็ควรมีแผนที่ ถ้าไม่มีแผนที่ไปถามเอากลางทาง ถาม ๘ คนเขาชี้ ๘ ทางถ้าไม่หลงก็โคตรโชคดี


ฟังธรรมคำสอน ตรึก นึก คิด ใคร่ครวญ พินา ให้แยบคาย รู้เหตุ รู้ผล รู้ต้นทางปลายทาง ฯลฯ นี่ไปจำเอามาพูดทั้งเพ :b32:

เอาของจริงของคนทำจริงปฏิบัติจริงบ้าง เอ้าดู


ผมไปบวชได้แปดเดือน บวชวันแรกเกิดกำหนัดแอบสองอาทิตย์ผ่านไป เอาวินัยมาอ่าน อ่าวนี่มันผิดศีลนี่หว่าอายไม่กล้าพบใคร ก็เดินจงกรม นั่งสมาธิ
ตอนนั่งสมาธิ ก็หลับตา ไม่คิดอะไรท่องพุท-โธ ตามลมหายใจ จนเข้าเดือนที่สี่ ออกพรรษาคิดว่าจะสึก แต่เห็นแสงเทียนในกระจกหน้าต่าง ก็วิ่งไปบอกเจ้าอาวาสๆก็ได้แต่ยิ้ม
เข้าเดือนที่แปด นั่งสมาธิแบบเดิม ตอนนั้นเครียดเรื่องท่องหนังสือไม่ได้
ในขณะที่นั่ง มีเสียงผู้ชายมาถามว่าบรรลุรึยัง ผมเลยบอก ว่า ยังพูดในใจ

อยู่ดีๆก็มีเสียงสวดมนต์เพราะมาก ตามด้วยบทธรรมจักร
อยู่ดีๆ ก็มีภาพผมมีน้ำอสุจิไหลออกมา เห็นภาพที่เคยมีอะไรกับแฟน และมีเรื่องไม่ดีมากมาย ก็เลยพิจารณาการเกิดดับแก้เรื่องหนึ่ง มันก็มาอีกเรื่องหนึ่ง

เสียงก็ด่าว่าไอ้เลวตลอด อวัยวะเพศแข็งอยากมีเซ็กตลอดเวลา เลยตัดสินใจสึก คิดอะไรเหมือนมีคนรู้ เสียงด่าก็ด่าตลอด เลยไปพบจิตแพทย์ หมอบอกว่าเป็นโรคจิตเภทและโรคไทรอยด์ เลยอยากบวชใหม่ไปอยู่กรรม แต่ยังกินยาเลย ถ้าไปบวชอีกกลัวจะบ้ากว่าเดิมครับ

เลิฟ เจ เห็นเป็นประการใด หรือจะเอาอีก :b10:


ไม่เข้าใจ คนบ้าตามความเข้าใจของผมคือเสียสติ การภาวนาทุกประเภทมันเป็นการเจริญสติ ภาวนายังไงให้บ้าไปได้


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 เม.ย. 2019, 00:02 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ส.ค. 2018, 07:07
โพสต์: 482

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


คุณกรัชกายอย่าเอาคำพูดผมไปพาดพิงสำนักเลยครับ ผมพิจารณาตอบออกมาจากใจของผมเองแต่สำนวนโวหารมันก็มาจากสัญญา ที่เคยอ่านตำราบ้าง ฟังครูบาอาจารย์บ้าง มันก็อาจไปเหมือนไปคล้ายคลึงบ้าง

ก็โฟกัส ที่อรรถ ที่ธรรม เรื่องของสำนักนั้น สำนักนี้ มันทำให้ใคว่เขวไปจากอรรถธรรม วางลงได้ค่อย ๆ เห็นตามเป็นจริง อันไหนเป็นทาง อันไหนไม่ใช่ทาง ทางไหนเหมาะกับเราก็เอามาใช้ ทางไหนไม่เหมาะก็วางไว้

ที่บอกให้พักก่อนเวลามีอาการทางกาย อย่างเช่นตัวเหวี่ยงโยกโครง วิงเวียนศรีษะใจสั่นพวกนี้อาจเกี่ยวกับโรคประจำตัว เช่นความดันโลหิต โรคหัวใจ หอบหืด อย่างนี้มันอันตรายจึงแนะนำไปอย่างนั้น

นั่งสมาธิเกิดอาการต่าง ๆ มันต้องมีเหตุมีผล ทำเหตุอย่างนี้ เกิดผลอย่างนี้ ทำอย่างนี้จึงเป็นสมาธิ ทำอย่างนี้ไม่เป็นสมาธิ ทำไมฟุ้งซ้าน ทำไมกลัว มีสติคอยติดตามพิจารณาเหตุผล อย่างนี้เรียกฝึกสมาธิ

ที่ยกมาเล่าอย่างนี้ทำจริง ทำอะทำจริงผมไม่เถียง แต่ผมว่ามันไม่ใช่สาระจริง ๆ สาระมันอยู่ที่ ธาตุ ๔ ขันธ์ ๕ อายตนะ ๖ อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา พิจารณาอริยสัจ ๔ อริยมรรคมีองค์ ๘ อย่างนี้เรียกฝึกปัญญา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 เม.ย. 2019, 00:18 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7502

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
กท.นี้ จะว่าด้วยเรื่องการหลับตา กับ ลืมตา มันน่าจะมีอะไรแตกต่างกัน ไม่ยังงั้นท่านคงไม่บอกว่าการภาวนานั้นให้หลับตาเบาๆ ภาวนาไปนะ พองหนอ ยุบหนอ พุทโธ ธัมโม สังโฆ นะมะพะธะ อะไรก็ว่าไป
แต่คุณโรสบอกให้ลืมตาฟังอะไรๆตามที่แม่สุจินพูดให้ฟัง :b1: แสนโกฎิขณะ ว่าไป

อันที่จริง คนเราเนี่ยนะ ตื่นนอนตอนเช้า เราก็ลืมตา (ถ้าไม่ไหลตายตอนหลับสะก่อน) แล้วก็ลุกขึ้นไปทำการทำงาน ลืมตาทำ (ไม่ใช่หลับตาทำ) เรื่อยไปทั้งวัน จนถึงเวลาเข้านอน ก็จึงหลับตานอนครอกฟี้ๆๆ น้ำลายไหลเป็นทาง :b32: เช้าก็ตื่นนอนลืมตา เป็นไปอย่างนี้ทุกเมื่อเชื่อวัน จนกระทั่งสิ้นชีวิต สวดเผาเสร็จญาติๆก็นำอัฐิไปลอยอังคาร :b13: คนที่อยู่ก็เอากันไป :b32: คนที่ตายก็ตายกันไป

:b32:
ตื่นคือสว่างกับหลับคือมืดเขียนก็ไม่เหมือนกันแล้ว
ลืมตาตื่นไม่รู้อะไรเลยเขาเรียกมืดทั้งที่ตาไม่บอด
ที่หลับตามืดจริงๆทำไม่รู้ไม่ชี้ไม่รู้ตามคำสอนเลย
แปลว่ามืดบอดและไม่เข้าใจคำสอนถึงทำแบบนั้น
เรื่องนี้ต้องสาธยายยาวๆถึงจะเริ่มสำนึกได้จริงๆนะ
:b32:
:b17: :b17:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 เม.ย. 2019, 02:09 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 มี.ค. 2018, 02:56
โพสต์: 2157

โฮมเพจ: maybe
แนวปฏิบัติ: สติปัฎฐาน
งานอดิเรก: กีฬา
สิ่งที่ชื่นชอบ: แบรนด์เเนม
ชื่อเล่น: เม
อายุ: 22
ที่อยู่: Bangkok Thailand

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
กท.นี้ จะว่าด้วยเรื่องการหลับตา กับ ลืมตา มันน่าจะมีอะไรแตกต่างกัน ไม่ยังงั้นท่านคงไม่บอกว่าการภาวนานั้นให้หลับตาเบาๆ ภาวนาไปนะ พองหนอ ยุบหนอ พุทโธ ธัมโม สังโฆ นะมะพะธะ อะไรก็ว่าไป
แต่คุณโรสบอกให้ลืมตาฟังอะไรๆตามที่แม่สุจินพูดให้ฟัง :b1: แสนโกฎิขณะ ว่าไป

อันที่จริง คนเราเนี่ยนะ ตื่นนอนตอนเช้า เราก็ลืมตา (ถ้าไม่ไหลตายตอนหลับสะก่อน) แล้วก็ลุกขึ้นไปทำการทำงาน ลืมตาทำ (ไม่ใช่หลับตาทำ) เรื่อยไปทั้งวัน จนถึงเวลาเข้านอน ก็จึงหลับตานอนครอกฟี้ๆๆ น้ำลายไหลเป็นทาง :b32: เช้าก็ตื่นนอนลืมตา เป็นไปอย่างนี้ทุกเมื่อเชื่อวัน จนกระทั่งสิ้นชีวิต สวดเผาเสร็จญาติๆก็นำอัฐิไปลอยอังคาร :b13: คนที่อยู่ก็เอากันไป :b32: คนที่ตายก็ตายกันไป

:b32:
ตื่นคือสว่างกับหลับคือมืดเขียนก็ไม่เหมือนกันแล้ว
ลืมตาตื่นไม่รู้อะไรเลยเขาเรียกมืดทั้งที่ตาไม่บอด
ที่หลับตามืดจริงๆทำไม่รู้ไม่ชี้ไม่รู้ตามคำสอนเลย
แปลว่ามืดบอดและไม่เข้าใจคำสอนถึงทำแบบนั้น
เรื่องนี้ต้องสาธยายยาวๆถึงจะเริ่มสำนึกได้จริงๆนะ
:b32:
:b17: :b17:


คริคริ

หันตาซ้าย ไปมองตาขวา หน่อยน๊ะจ๊ะคุณยาย

แล้วก็หันตาขวา ไปมองตาซ้าย มั่งน๊ะจ๊ะ

ทำบ่อยๆ ทำมากๆๆ

จะได้เห็นตา ที่สองข้างสายตาก็ไม่เท่ากัน

tongue


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 เม.ย. 2019, 03:00 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7502

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


โลกสวย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
กท.นี้ จะว่าด้วยเรื่องการหลับตา กับ ลืมตา มันน่าจะมีอะไรแตกต่างกัน ไม่ยังงั้นท่านคงไม่บอกว่าการภาวนานั้นให้หลับตาเบาๆ ภาวนาไปนะ พองหนอ ยุบหนอ พุทโธ ธัมโม สังโฆ นะมะพะธะ อะไรก็ว่าไป
แต่คุณโรสบอกให้ลืมตาฟังอะไรๆตามที่แม่สุจินพูดให้ฟัง :b1: แสนโกฎิขณะ ว่าไป

อันที่จริง คนเราเนี่ยนะ ตื่นนอนตอนเช้า เราก็ลืมตา (ถ้าไม่ไหลตายตอนหลับสะก่อน) แล้วก็ลุกขึ้นไปทำการทำงาน ลืมตาทำ (ไม่ใช่หลับตาทำ) เรื่อยไปทั้งวัน จนถึงเวลาเข้านอน ก็จึงหลับตานอนครอกฟี้ๆๆ น้ำลายไหลเป็นทาง :b32: เช้าก็ตื่นนอนลืมตา เป็นไปอย่างนี้ทุกเมื่อเชื่อวัน จนกระทั่งสิ้นชีวิต สวดเผาเสร็จญาติๆก็นำอัฐิไปลอยอังคาร :b13: คนที่อยู่ก็เอากันไป :b32: คนที่ตายก็ตายกันไป

:b32:
ตื่นคือสว่างกับหลับคือมืดเขียนก็ไม่เหมือนกันแล้ว
ลืมตาตื่นไม่รู้อะไรเลยเขาเรียกมืดทั้งที่ตาไม่บอด
ที่หลับตามืดจริงๆทำไม่รู้ไม่ชี้ไม่รู้ตามคำสอนเลย
แปลว่ามืดบอดและไม่เข้าใจคำสอนถึงทำแบบนั้น
เรื่องนี้ต้องสาธยายยาวๆถึงจะเริ่มสำนึกได้จริงๆนะ
:b32:
:b17: :b17:


คริคริ

หันตาซ้าย ไปมองตาขวา หน่อยน๊ะจ๊ะคุณยาย

แล้วก็หันตาขวา ไปมองตาซ้าย มั่งน๊ะจ๊ะ

ทำบ่อยๆ ทำมากๆๆ

จะได้เห็นตา ที่สองข้างสายตาก็ไม่เท่ากัน

tongue

เมลองเดาสิว่าใครเห็นถูกที่สุดและคนเดียวในจักรวาลไม่ว่ากาลไหนๆที่มีการประกาศคำสอนแค่1คน
สาวกที่บรรลุอรหันต์เฉยๆไม่มีใครทำตาตัวเองให้เห็นสีได้หรอกนะคะใครตรัสรู้คะสงสารตัวเองไหมคะ
:b32: :b32:


แก้ไขล่าสุดโดย Rosarin เมื่อ 10 เม.ย. 2019, 03:08, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 เม.ย. 2019, 03:06 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7502

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
อ้างคำพูด:
Rosarin

คำสอนของพระพุทธเจ้าคิดตามได้เท่านั้นทำไม่ได้ บอกไม่ฟังนะ
แค่ฟัง เพื่อคิดให้ตรงทางตามได้ยังไม่เคยทำได้เลย ยังจะไปทำอะไรได้อีก
แล้วปัญญา จะเกิดได้ยังไง บอกไม่เคยฟัง ก็ฟังให้มันเคยชิน ก็เกิดอยู่ คือ มีกิเลส
ฟังจะได้เข้าใจถูกตรงตามได้เดี๋ยวนี้ 1 ขณะ มีครบจิต+เจตสิก+รูป ที่ไม่มีคือนิพพาน
มีแล้วไม่ได้ทำ เพราะเกิดแล้วตามเหตุตามปัจจัย ตรงทาง ตรงขณะ นับแสนล้านดวงจิต


อ้างคำพูด:
กรัชกาย

ที่ถามว่า จะพักหรือจะเพียร ตอบได้ทันทีว่า พักเหอะ อย่าเพียรต่อไปเบย เสียเวลาเปล่าๆ

นี่เขามีจิต + เจตสิก+รูป ไหม

ตัวอย่าง

ทำไมนั่งสมาธิไปนานๆแล้วเหมือนเราไม่ได้หายใจคะ

สงสัยค่ะ ว่าทำไมเวลานั่งสมาธิไปสักพัก เราจะรู้สึกว่า ตัวเองไม่ได้หายใจ หรือบางครั้งก็หายใจแผ่วมากๆ
พอรู้สึกตัว เราจะชอบลืมตา แล้วเลิกนั่งไป

ถ้าเป็นแบบนี้ ควรทำไงต่อดีคะ หรือนั่งไปเรื่อยๆแบบนั้น คือ กลัวว่าหัวใจจะหยุดเต้น


อ้างคำพูด:
Rosarin

น่าน

บอกไม่รู้จักฟัง
ก็กิเลสน่ะมีแล้ว
อยู่ที่กายใจตัวเองครบ
ดับแล้วด้วยตั้งแสนโกฏิขณะ
บอกให้เอาตัวตนมานั่งลืมตาดู และใช้หูฟัง
คือเพียรฟังคำสอนของพระพุทธเจ้าไม่ใช่เอาตัวตนไปคิดทำเองแยกไปจากการฟังไงคะ
ไม่เก็ตเลยสักนิดหรือคนที่ฟังแล้วคิดถูกตามอยู่กำลังสะสมปัญญา ส่วนเราน่ะพักการฟังไปเพียรทำไม่รู้อยู่ค่ะ

viewtopic.php?f=1&t=57310&p=444546#p444546



เห็นแล้วนะ ผู้ปฏิบัติเขาหลับตาภาวนา เมื่อหลับตาภาวนาแล้วๆเล่าๆ ร้อยหนพันหน จิตเริ่มสงบอยู่กับอารมณ์ เอาแระสภาวธรรม-ชาติก็ปรากฎให้รู้ ปัญหาเกิดกับผู้ไม่รู้เท่าทันทันที ก็ไม่รู้จะไปต่อยังไง ก็ลืมตา ครั้นลืมตาแล้ว สภาวะนั้นก็เหมือนระงับไปด้วย นี่คือหลับตา VS ลืมตา

ส่วนของคุณโรสบอกว่าต้องลืมตาแล้วใช้หูฟังยูทูปนั่นแหละ :b32: แล้วก็มโนไปว่าแสนโกฎิขณะ มีแล้วเป็นแล้วไม่ต้องไปทำอะไรมัน ปัดโท่ แม้แต่ขณะเดียวยังไม่รู้ จะไปรู้อะไรตั้งแสนโกฏิขณะ จริงเปล่า จริงไม่จริง ขณะเดียวยังไม่รู้เลย :b32: นี่ปัญหามันอยู่ตรงนี้ อยู่ตรงไม่รู้นี่

:b12:
รู้จักอนุสาสนีปาฏิหาริย์ไหมตรงจริงๆเดี๋ยวนี้เลยค่ะ
ตัวเองลืมตาปริบๆเนี่ยเห็นคนสัตว์วัตถุไม่ใช่หรือคะ
พระพุทธเจ้าบอกจิตเห็นสีเทียบสิเห็นอันไหนถูก
คำสอนผิดหรือตาคุณกำลังเห็นผิดอยู่ดูสิคะ
คำสอนของพระพุทธเจ้าตร๊งตรงไม่อ้อมค่ะ
:b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 เม.ย. 2019, 03:16 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7502

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Kiss
กิเลสเกิดตอนมีวิถีจิต
และวิถีจิตทางตามีได้
ตอนตื่นลืมตาที่ไม่บอด
ตอนที่ไม่มีวิถีจิตมี3ขณะ
1ตอนเกิดคือปฏิสนธิจิต
2ตอนหลับสนิท
3ตอนตายคือจุติจิต
กิเลสเกิดตอนเห็น
ปัญญาเกิดตอนฟัง
จะไปนิพพานใช้ปัญญาไปต้องทำยังไงทันทีด้วยนะ
https://youtu.be/DJ3VkyroLsk
:b12:
:b4: :b4:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 เม.ย. 2019, 03:28 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 มี.ค. 2018, 02:56
โพสต์: 2157

โฮมเพจ: maybe
แนวปฏิบัติ: สติปัฎฐาน
งานอดิเรก: กีฬา
สิ่งที่ชื่นชอบ: แบรนด์เเนม
ชื่อเล่น: เม
อายุ: 22
ที่อยู่: Bangkok Thailand

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
โลกสวย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
กท.นี้ จะว่าด้วยเรื่องการหลับตา กับ ลืมตา มันน่าจะมีอะไรแตกต่างกัน ไม่ยังงั้นท่านคงไม่บอกว่าการภาวนานั้นให้หลับตาเบาๆ ภาวนาไปนะ พองหนอ ยุบหนอ พุทโธ ธัมโม สังโฆ นะมะพะธะ อะไรก็ว่าไป
แต่คุณโรสบอกให้ลืมตาฟังอะไรๆตามที่แม่สุจินพูดให้ฟัง :b1: แสนโกฎิขณะ ว่าไป

อันที่จริง คนเราเนี่ยนะ ตื่นนอนตอนเช้า เราก็ลืมตา (ถ้าไม่ไหลตายตอนหลับสะก่อน) แล้วก็ลุกขึ้นไปทำการทำงาน ลืมตาทำ (ไม่ใช่หลับตาทำ) เรื่อยไปทั้งวัน จนถึงเวลาเข้านอน ก็จึงหลับตานอนครอกฟี้ๆๆ น้ำลายไหลเป็นทาง :b32: เช้าก็ตื่นนอนลืมตา เป็นไปอย่างนี้ทุกเมื่อเชื่อวัน จนกระทั่งสิ้นชีวิต สวดเผาเสร็จญาติๆก็นำอัฐิไปลอยอังคาร :b13: คนที่อยู่ก็เอากันไป :b32: คนที่ตายก็ตายกันไป

:b32:
ตื่นคือสว่างกับหลับคือมืดเขียนก็ไม่เหมือนกันแล้ว
ลืมตาตื่นไม่รู้อะไรเลยเขาเรียกมืดทั้งที่ตาไม่บอด
ที่หลับตามืดจริงๆทำไม่รู้ไม่ชี้ไม่รู้ตามคำสอนเลย
แปลว่ามืดบอดและไม่เข้าใจคำสอนถึงทำแบบนั้น
เรื่องนี้ต้องสาธยายยาวๆถึงจะเริ่มสำนึกได้จริงๆนะ
:b32:
:b17: :b17:


คริคริ

หันตาซ้าย ไปมองตาขวา หน่อยน๊ะจ๊ะคุณยาย

แล้วก็หันตาขวา ไปมองตาซ้าย มั่งน๊ะจ๊ะ

ทำบ่อยๆ ทำมากๆๆ

จะได้เห็นตา ที่สองข้างสายตาก็ไม่เท่ากัน

tongue

เมลองเดาสิว่าใครเห็นถูกที่สุดและคนเดียวในจักรวาลไม่ว่ากาลไหนๆที่มีการประกาศคำสอนแค่1คน
สาวกที่บรรลุอรหันต์เฉยๆไม่มีใครทำตาตัวเองให้เห็นสีได้หรอกนะคะใครตรัสรู้คะสงสารตัวเองไหมคะ
:b32: :b32:


คริคริ

เพราะคุณยายโรส ไม่ได้เรียนพระอภิธรรม
เรยไม่รู้ว่า ปรมัตถ์ธรรม มีแต่ จิต เจตสิก รูป นิพพาน
ไม่ได้มีตัวตนคนสัตว์เรยค่ะ
smiley


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 เม.ย. 2019, 03:38 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7502

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


โลกสวย เขียน:
Rosarin เขียน:
โลกสวย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
กท.นี้ จะว่าด้วยเรื่องการหลับตา กับ ลืมตา มันน่าจะมีอะไรแตกต่างกัน ไม่ยังงั้นท่านคงไม่บอกว่าการภาวนานั้นให้หลับตาเบาๆ ภาวนาไปนะ พองหนอ ยุบหนอ พุทโธ ธัมโม สังโฆ นะมะพะธะ อะไรก็ว่าไป
แต่คุณโรสบอกให้ลืมตาฟังอะไรๆตามที่แม่สุจินพูดให้ฟัง :b1: แสนโกฎิขณะ ว่าไป

อันที่จริง คนเราเนี่ยนะ ตื่นนอนตอนเช้า เราก็ลืมตา (ถ้าไม่ไหลตายตอนหลับสะก่อน) แล้วก็ลุกขึ้นไปทำการทำงาน ลืมตาทำ (ไม่ใช่หลับตาทำ) เรื่อยไปทั้งวัน จนถึงเวลาเข้านอน ก็จึงหลับตานอนครอกฟี้ๆๆ น้ำลายไหลเป็นทาง :b32: เช้าก็ตื่นนอนลืมตา เป็นไปอย่างนี้ทุกเมื่อเชื่อวัน จนกระทั่งสิ้นชีวิต สวดเผาเสร็จญาติๆก็นำอัฐิไปลอยอังคาร :b13: คนที่อยู่ก็เอากันไป :b32: คนที่ตายก็ตายกันไป

:b32:
ตื่นคือสว่างกับหลับคือมืดเขียนก็ไม่เหมือนกันแล้ว
ลืมตาตื่นไม่รู้อะไรเลยเขาเรียกมืดทั้งที่ตาไม่บอด
ที่หลับตามืดจริงๆทำไม่รู้ไม่ชี้ไม่รู้ตามคำสอนเลย
แปลว่ามืดบอดและไม่เข้าใจคำสอนถึงทำแบบนั้น
เรื่องนี้ต้องสาธยายยาวๆถึงจะเริ่มสำนึกได้จริงๆนะ
:b32:
:b17: :b17:


คริคริ

หันตาซ้าย ไปมองตาขวา หน่อยน๊ะจ๊ะคุณยาย

แล้วก็หันตาขวา ไปมองตาซ้าย มั่งน๊ะจ๊ะ

ทำบ่อยๆ ทำมากๆๆ

จะได้เห็นตา ที่สองข้างสายตาก็ไม่เท่ากัน

tongue

เมลองเดาสิว่าใครเห็นถูกที่สุดและคนเดียวในจักรวาลไม่ว่ากาลไหนๆที่มีการประกาศคำสอนแค่1คน
สาวกที่บรรลุอรหันต์เฉยๆไม่มีใครทำตาตัวเองให้เห็นสีได้หรอกนะคะใครตรัสรู้คะสงสารตัวเองไหมคะ
:b32: :b32:


คริคริ

เพราะคุณยายโรส ไม่ได้เรียนพระอภิธรรม
เรยไม่รู้ว่า ปรมัตถ์ธรรม มีแต่ จิต เจตสิก รูป นิพพาน
ไม่ได้มีตัวตนคนสัตว์เรยค่ะ
smiley

:b12:
คิดตามแต่ในคำที่อ่านเทียบตาเนื้อตัวเองที่เห็น
คำสอนของพระพุทธเจ้าต้องอาศัยผู้อื่นชี้ให้เห็น
เดี๋ยวนี้ว่าเห็นผิดอยู่กำลังผลิตกิเลสใหม่ขาดปัญญาอยู่ค่ะ
ลืมผลิตปัญญาอยู่ขาดสุตมยปัญญา=ปริยัติ=สัจจะญาณะ
:b32: :b32:
อ้างคำพูด:
รู้จักอนุสาสนีปาฏิหาริย์ไหมตรงจริงๆเดี๋ยวนี้เลยค่ะ
ตัวเองลืมตาปริบๆเนี่ยเห็นคนสัตว์วัตถุไม่ใช่หรือคะ
พระพุทธเจ้าบอกจิตเห็นสีเทียบสิเห็นอันไหนถูก
คำสอนผิดหรือตาคุณกำลังเห็นผิดอยู่ดูสิคะ
คำสอนของพระพุทธเจ้าตร๊งตรงไม่อ้อมค่ะ

onion onion onion


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 เม.ย. 2019, 04:18 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 มี.ค. 2018, 02:56
โพสต์: 2157

โฮมเพจ: maybe
แนวปฏิบัติ: สติปัฎฐาน
งานอดิเรก: กีฬา
สิ่งที่ชื่นชอบ: แบรนด์เเนม
ชื่อเล่น: เม
อายุ: 22
ที่อยู่: Bangkok Thailand

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
โลกสวย เขียน:
Rosarin เขียน:
โลกสวย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
กท.นี้ จะว่าด้วยเรื่องการหลับตา กับ ลืมตา มันน่าจะมีอะไรแตกต่างกัน ไม่ยังงั้นท่านคงไม่บอกว่าการภาวนานั้นให้หลับตาเบาๆ ภาวนาไปนะ พองหนอ ยุบหนอ พุทโธ ธัมโม สังโฆ นะมะพะธะ อะไรก็ว่าไป
แต่คุณโรสบอกให้ลืมตาฟังอะไรๆตามที่แม่สุจินพูดให้ฟัง :b1: แสนโกฎิขณะ ว่าไป

อันที่จริง คนเราเนี่ยนะ ตื่นนอนตอนเช้า เราก็ลืมตา (ถ้าไม่ไหลตายตอนหลับสะก่อน) แล้วก็ลุกขึ้นไปทำการทำงาน ลืมตาทำ (ไม่ใช่หลับตาทำ) เรื่อยไปทั้งวัน จนถึงเวลาเข้านอน ก็จึงหลับตานอนครอกฟี้ๆๆ น้ำลายไหลเป็นทาง :b32: เช้าก็ตื่นนอนลืมตา เป็นไปอย่างนี้ทุกเมื่อเชื่อวัน จนกระทั่งสิ้นชีวิต สวดเผาเสร็จญาติๆก็นำอัฐิไปลอยอังคาร :b13: คนที่อยู่ก็เอากันไป :b32: คนที่ตายก็ตายกันไป

:b32:
ตื่นคือสว่างกับหลับคือมืดเขียนก็ไม่เหมือนกันแล้ว
ลืมตาตื่นไม่รู้อะไรเลยเขาเรียกมืดทั้งที่ตาไม่บอด
ที่หลับตามืดจริงๆทำไม่รู้ไม่ชี้ไม่รู้ตามคำสอนเลย
แปลว่ามืดบอดและไม่เข้าใจคำสอนถึงทำแบบนั้น
เรื่องนี้ต้องสาธยายยาวๆถึงจะเริ่มสำนึกได้จริงๆนะ
:b32:
:b17: :b17:


คริคริ

หันตาซ้าย ไปมองตาขวา หน่อยน๊ะจ๊ะคุณยาย

แล้วก็หันตาขวา ไปมองตาซ้าย มั่งน๊ะจ๊ะ

ทำบ่อยๆ ทำมากๆๆ

จะได้เห็นตา ที่สองข้างสายตาก็ไม่เท่ากัน

tongue

เมลองเดาสิว่าใครเห็นถูกที่สุดและคนเดียวในจักรวาลไม่ว่ากาลไหนๆที่มีการประกาศคำสอนแค่1คน
สาวกที่บรรลุอรหันต์เฉยๆไม่มีใครทำตาตัวเองให้เห็นสีได้หรอกนะคะใครตรัสรู้คะสงสารตัวเองไหมคะ
:b32: :b32:


คริคริ

เพราะคุณยายโรส ไม่ได้เรียนพระอภิธรรม
เรยไม่รู้ว่า ปรมัตถ์ธรรม มีแต่ จิต เจตสิก รูป นิพพาน
ไม่ได้มีตัวตนคนสัตว์เรยค่ะ
smiley

:b12:
คิดตามแต่ในคำที่อ่านเทียบตาเนื้อตัวเองที่เห็น
คำสอนของพระพุทธเจ้าต้องอาศัยผู้อื่นชี้ให้เห็น
เดี๋ยวนี้ว่าเห็นผิดอยู่กำลังผลิตกิเลสใหม่ขาดปัญญาอยู่ค่ะ
ลืมผลิตปัญญาอยู่ขาดสุตมยปัญญา=ปริยัติ=สัจจะญาณะ
:b32: :b32:
อ้างคำพูด:
รู้จักอนุสาสนีปาฏิหาริย์ไหมตรงจริงๆเดี๋ยวนี้เลยค่ะ
ตัวเองลืมตาปริบๆเนี่ยเห็นคนสัตว์วัตถุไม่ใช่หรือคะ
พระพุทธเจ้าบอกจิตเห็นสีเทียบสิเห็นอันไหนถูก
คำสอนผิดหรือตาคุณกำลังเห็นผิดอยู่ดูสิคะ
คำสอนของพระพุทธเจ้าตร๊งตรงไม่อ้อมค่ะ

onion onion onion

คริคริ

เพราะคุณยายไม่ได้เรียนพระอภิธรรม
เรยไม่รู้ว่า
ปาฏิหาริย์ มี 3 อย่าง คือ

1.อิทธิปาฏิหาริย์ ฤทธิ์เป็นอัศจรรย์

2.อาเทสนาปาฏิหาริย์ ทายใจเป็นอัศจรรย์

3.อนุสาสนีปาฏิหาริย์ คำสอนเป็นอัศจรรย์

แต่ ปรมัตถ์ธรรม สูงสุด เหนือ ปาฎิหารย์ ทั้งสาม
เป็นความอัศจรรย์ เหนือ อัศจรรย์ทั้งสาม

คือ จิต เจตสิก รูป นิพพาน

ไม่อาจอันตราธานหายไปได้ แม้สิ้นพุทธกาล

smiley


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 เม.ย. 2019, 07:59 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Love J. เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Love J. เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Love J. เขียน:
กรัชกาย เขียน:
กท.นี้ ด้วยการหลับตา ลืมตา เอ้า นี่เขาหลับตาทำสมาธิ ... แล้วก็ลืมตา เกิดอาการยังไงดู

นั่งสมาธิแล้วนึกกลัว

คือ ว่าเรานั่งสมาธิแล้วเริ่มเข้าสู่ความสงบ (ประมาณว่าโลกนี้ว่าง ๆค่ะ) แต่ไม่รู้ทำไมเกิดนึกกลัวขึ้นมา อยากออกจากสมาธิ มีคนแนะนำว่าต้องค่อย ๆ ถอยออกจากสมาธิ แต่เราทำไม่ได้ เพราะมันไม่ยอมออกค่ะ ไม่รู้ทำไง เลยลืมตาเสียเลย เท่านั้นเองใจก็เกิดสั่นขึ้นมาทันที รู้สึกวิงเวียนบอกไม่ถูก

วันนั้นทั้งวันใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว กว่าจะปกติก็ช่วงเย็นแล้ว

เราเลยอยากถามว่า ทำอย่างไรไม่ให้กลัวเวลาเจอสถานการณ์แบบนี้ และจะออกจากสมาธิด้วยวิธีไหนดีคะ ผู้รู้ช่วยตอบทีค่ะ


ระลึกถึงพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ไม่ต้องกลัวอะไร 3 สิ่งนี้มีอานุภาพมากที่สุดแล้ว หากมีอาการทางกายด้วย เช่นใจสั่น วิงเวียน ก็พักก่อนการภาวนาไม่ได้มีแต่การนั่งเพ่ง ฌาน สมาธิ

การทำความดี ทำสิ่งดีให้เกิดขึ้น เจริญขึ้น มากน้อยก็เรียกว่าภาวนา ไม่ว่าการให้ทาน รักษาศีล ศึกษา ฟังธรรม คำสอน แล้วความดีที่เหล่านั้นจะเกื้อหนุนให้เกิด ฌาน สมาธิ ที่ดีที่เป็นมรรคแก่เรา

การทำความชั่ว ทำบาป อกุศล ก็เช่นกัน มากน้อยก็ขัดขวางการภาวนา ควรเจริญสติ สัมปชัญญะ สำรวมระวัง กาย วาจา ใจ ระงับยับยั้งกรรมชั่วอย่าเห็นว่าเพียงเล็กน้อย เมื่อสำรวมดีแล้วจะกื้อหนุน สมาธิ ปัญญา ของเรา


อ้อ ทำอย่างนี้นี่เอง นั่งนึกไป จะไปไหนก็นึกไปคิดไป :b1: นึกหนุนนั่น หนุนนี่ไป เดี๋ยวเถอะเป็นพระอรหันต์ อย่างว่า :b13:


ไม่ใช่อย่างนั้น

ฟังธรรมคำสอน ตรึก นึก คิด ใคร่ครวญ พิจารณา ในธรรมที่ได้ฟังให้แยบคายให้ รู้เหตุ รู้ผล รู้หนทาง ที่ปฏิบัติ สรุปเป็นความเข้าใจ แล้วลงมีทำเหตุด้วยความเพียร เมื่อเหตุพร้อมเพียงก็เกิดผล แม้อรหัตผลก็หวังได้

อีกนิดนึง ถ้าทำไปโดยไม่ได้พิจารณาให้ดี ให้รู้เหตุรู้ผลที่ปฏิบัติ ก็จะเกิดคำถามเกิดปัญหาอย่างนี้เรื่อยไป หรือถ้าไม่ถามก็สรุป เข้าใจไป ผิด ๆ

อย่างเช่นถามว่า ''จะออกจากสมาธิด้วยวิธีไหนคะ'' ถามไปไม่อายเขาเหรอ

เห็นอีกคนนึงภาวนาไปเจอเวทนา ปิติ สุข ก็ปรุงไปจนเว่อร์ เจอความสุขที่แท้จริง มันสุขมากล้น ติดอกติดใจ ทีนี้มันก็หลงไหลอยากได้อีก ไม่เกิดปัญญาอะไรเลย

เวลาเดินทางไปที่เราไม่เคยไปก็ควรมีแผนที่ ถ้าไม่มีแผนที่ไปถามเอากลางทาง ถาม ๘ คนเขาชี้ ๘ ทางถ้าไม่หลงก็โคตรโชคดี


ฟังธรรมคำสอน ตรึก นึก คิด ใคร่ครวญ พินา ให้แยบคาย รู้เหตุ รู้ผล รู้ต้นทางปลายทาง ฯลฯ นี่ไปจำเอามาพูดทั้งเพ :b32:

เอาของจริงของคนทำจริงปฏิบัติจริงบ้าง เอ้าดู


ผมไปบวชได้แปดเดือน บวชวันแรกเกิดกำหนัดแอบสองอาทิตย์ผ่านไป เอาวินัยมาอ่าน อ่าวนี่มันผิดศีลนี่หว่าอายไม่กล้าพบใคร ก็เดินจงกรม นั่งสมาธิ
ตอนนั่งสมาธิ ก็หลับตา ไม่คิดอะไรท่องพุท-โธ ตามลมหายใจ จนเข้าเดือนที่สี่ ออกพรรษาคิดว่าจะสึก แต่เห็นแสงเทียนในกระจกหน้าต่าง ก็วิ่งไปบอกเจ้าอาวาสๆก็ได้แต่ยิ้ม
เข้าเดือนที่แปด นั่งสมาธิแบบเดิม ตอนนั้นเครียดเรื่องท่องหนังสือไม่ได้
ในขณะที่นั่ง มีเสียงผู้ชายมาถามว่าบรรลุรึยัง ผมเลยบอก ว่า ยังพูดในใจ

อยู่ดีๆก็มีเสียงสวดมนต์เพราะมาก ตามด้วยบทธรรมจักร
อยู่ดีๆ ก็มีภาพผมมีน้ำอสุจิไหลออกมา เห็นภาพที่เคยมีอะไรกับแฟน และมีเรื่องไม่ดีมากมาย ก็เลยพิจารณาการเกิดดับแก้เรื่องหนึ่ง มันก็มาอีกเรื่องหนึ่ง

เสียงก็ด่าว่าไอ้เลวตลอด อวัยวะเพศแข็งอยากมีเซ็กตลอดเวลา เลยตัดสินใจสึก คิดอะไรเหมือนมีคนรู้ เสียงด่าก็ด่าตลอด เลยไปพบจิตแพทย์ หมอบอกว่าเป็นโรคจิตเภทและโรคไทรอยด์ เลยอยากบวชใหม่ไปอยู่กรรม แต่ยังกินยาเลย ถ้าไปบวชอีกกลัวจะบ้ากว่าเดิมครับ

เลิฟ เจ เห็นเป็นประการใด หรือจะเอาอีก :b10:


ไม่เข้าใจ คนบ้าตามความเข้าใจของผมคือเสียสติ การภาวนาทุกประเภทมันเป็นการเจริญสติ ภาวนายังไงให้บ้าไปได้


ภาวนา ตามความเข้าใจของคุณ คือ ยังไงอ่ะ :b10:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 10 เม.ย. 2019, 08:05 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Love J. เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Love J. เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Love J. เขียน:
กรัชกาย เขียน:
กท.นี้ ด้วยการหลับตา ลืมตา เอ้า นี่เขาหลับตาทำสมาธิ ... แล้วก็ลืมตา เกิดอาการยังไงดู

นั่งสมาธิแล้วนึกกลัว

คือ ว่าเรานั่งสมาธิแล้วเริ่มเข้าสู่ความสงบ (ประมาณว่าโลกนี้ว่าง ๆค่ะ) แต่ไม่รู้ทำไมเกิดนึกกลัวขึ้นมา อยากออกจากสมาธิ มีคนแนะนำว่าต้องค่อย ๆ ถอยออกจากสมาธิ แต่เราทำไม่ได้ เพราะมันไม่ยอมออกค่ะ ไม่รู้ทำไง เลยลืมตาเสียเลย เท่านั้นเองใจก็เกิดสั่นขึ้นมาทันที รู้สึกวิงเวียนบอกไม่ถูก

วันนั้นทั้งวันใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว กว่าจะปกติก็ช่วงเย็นแล้ว

เราเลยอยากถามว่า ทำอย่างไรไม่ให้กลัวเวลาเจอสถานการณ์แบบนี้ และจะออกจากสมาธิด้วยวิธีไหนดีคะ ผู้รู้ช่วยตอบทีค่ะ


ระลึกถึงพระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ ไม่ต้องกลัวอะไร 3 สิ่งนี้มีอานุภาพมากที่สุดแล้ว หากมีอาการทางกายด้วย เช่นใจสั่น วิงเวียน ก็พักก่อนการภาวนาไม่ได้มีแต่การนั่งเพ่ง ฌาน สมาธิ

การทำความดี ทำสิ่งดีให้เกิดขึ้น เจริญขึ้น มากน้อยก็เรียกว่าภาวนา ไม่ว่าการให้ทาน รักษาศีล ศึกษา ฟังธรรม คำสอน แล้วความดีที่เหล่านั้นจะเกื้อหนุนให้เกิด ฌาน สมาธิ ที่ดีที่เป็นมรรคแก่เรา

การทำความชั่ว ทำบาป อกุศล ก็เช่นกัน มากน้อยก็ขัดขวางการภาวนา ควรเจริญสติ สัมปชัญญะ สำรวมระวัง กาย วาจา ใจ ระงับยับยั้งกรรมชั่วอย่าเห็นว่าเพียงเล็กน้อย เมื่อสำรวมดีแล้วจะกื้อหนุน สมาธิ ปัญญา ของเรา


อ้อ ทำอย่างนี้นี่เอง นั่งนึกไป จะไปไหนก็นึกไปคิดไป :b1: นึกหนุนนั่น หนุนนี่ไป เดี๋ยวเถอะเป็นพระอรหันต์ อย่างว่า :b13:


ไม่ใช่อย่างนั้น

ฟังธรรมคำสอน ตรึก นึก คิด ใคร่ครวญ พิจารณา ในธรรมที่ได้ฟังให้แยบคายให้ รู้เหตุ รู้ผล รู้หนทาง ที่ปฏิบัติ สรุปเป็นความเข้าใจ แล้วลงมีทำเหตุด้วยความเพียร เมื่อเหตุพร้อมเพียงก็เกิดผล แม้อรหัตผลก็หวังได้

อีกนิดนึง ถ้าทำไปโดยไม่ได้พิจารณาให้ดี ให้รู้เหตุรู้ผลที่ปฏิบัติ ก็จะเกิดคำถามเกิดปัญหาอย่างนี้เรื่อยไป หรือถ้าไม่ถามก็สรุป เข้าใจไป ผิด ๆ

อย่างเช่นถามว่า ''จะออกจากสมาธิด้วยวิธีไหนคะ'' ถามไปไม่อายเขาเหรอ

เห็นอีกคนนึงภาวนาไปเจอเวทนา ปิติ สุข ก็ปรุงไปจนเว่อร์ เจอความสุขที่แท้จริง มันสุขมากล้น ติดอกติดใจ ทีนี้มันก็หลงไหลอยากได้อีก ไม่เกิดปัญญาอะไรเลย

เวลาเดินทางไปที่เราไม่เคยไปก็ควรมีแผนที่ ถ้าไม่มีแผนที่ไปถามเอากลางทาง ถาม ๘ คนเขาชี้ ๘ ทางถ้าไม่หลงก็โคตรโชคดี


ฟังธรรมคำสอน ตรึก นึก คิด ใคร่ครวญ พินา ให้แยบคาย รู้เหตุ รู้ผล รู้ต้นทางปลายทาง ฯลฯ นี่ไปจำเอามาพูดทั้งเพ :b32:

เอาของจริงของคนทำจริงปฏิบัติจริงบ้าง เอ้าดู


ผมไปบวชได้แปดเดือน บวชวันแรกเกิดกำหนัดแอบสองอาทิตย์ผ่านไป เอาวินัยมาอ่าน อ่าวนี่มันผิดศีลนี่หว่าอายไม่กล้าพบใคร ก็เดินจงกรม นั่งสมาธิ
ตอนนั่งสมาธิ ก็หลับตา ไม่คิดอะไรท่องพุท-โธ ตามลมหายใจ จนเข้าเดือนที่สี่ ออกพรรษาคิดว่าจะสึก แต่เห็นแสงเทียนในกระจกหน้าต่าง ก็วิ่งไปบอกเจ้าอาวาสๆก็ได้แต่ยิ้ม
เข้าเดือนที่แปด นั่งสมาธิแบบเดิม ตอนนั้นเครียดเรื่องท่องหนังสือไม่ได้
ในขณะที่นั่ง มีเสียงผู้ชายมาถามว่าบรรลุรึยัง ผมเลยบอก ว่า ยังพูดในใจ

อยู่ดีๆก็มีเสียงสวดมนต์เพราะมาก ตามด้วยบทธรรมจักร
อยู่ดีๆ ก็มีภาพผมมีน้ำอสุจิไหลออกมา เห็นภาพที่เคยมีอะไรกับแฟน และมีเรื่องไม่ดีมากมาย ก็เลยพิจารณาการเกิดดับแก้เรื่องหนึ่ง มันก็มาอีกเรื่องหนึ่ง

เสียงก็ด่าว่าไอ้เลวตลอด อวัยวะเพศแข็งอยากมีเซ็กตลอดเวลา เลยตัดสินใจสึก คิดอะไรเหมือนมีคนรู้ เสียงด่าก็ด่าตลอด เลยไปพบจิตแพทย์ หมอบอกว่าเป็นโรคจิตเภทและโรคไทรอยด์ เลยอยากบวชใหม่ไปอยู่กรรม แต่ยังกินยาเลย ถ้าไปบวชอีกกลัวจะบ้ากว่าเดิมครับ

เลิฟ เจ เห็นเป็นประการใด หรือจะเอาอีก :b10:


ไม่เข้าใจ คนบ้าตามความเข้าใจของผมคือเสียสติ การภาวนาทุกประเภทมันเป็นการเจริญสติ ภาวนายังไงให้บ้าไปได้


คุณยังไม่ได้ทำอะไรเลย เพียงแต่คิดเอา คือ เอาศัพท์ทางธรรม เช่น สติ สัมปชัญญะ สมาธิ ปัญญา เป็นต้นมาเชื่อมมาโยงกับศัพท์นี้แล้วจะเป็นยังงั้นยังงี้ ไม่ได้ว่านะ ทำไปคิดไปคิดว่าดีก็คิดไป :b1: แต่จะใช้วิธีนี้ แก้ปัญหาภาคปฏิบัติทางจิตไม่ได้ เพราะลึกไม่พอ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 118 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5 ... 8  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 55 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร