ลานธรรมจักร
http://www.dhammajak.net/forums/

ดวงตาเป็นหน้าต่างของหัวใจ
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=57423
หน้า 3 จากทั้งหมด 4

เจ้าของ:  Love J. [ 07 เม.ย. 2019, 02:17 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ดวงตาเป็นหน้าต่างของหัวใจ

ปฤษฎี เขียน:
sssboun เขียน:
น้ำทีละหยด ตกใส่ไห หากไม่รั่วและไหลออกนอกหยดไปเรื่อยๆ
สักวันยังเต็มได้ การปฏิบัติธรรมก็ฉันนั้น

บางคราวทำตัวเป็นคนโง่บ้างก็ดี จะได้มีคนเมตตาตนบ้าง

รวงข้าวที่โน้นน้อมลงเพราะมีคุณค่ามาก
คนที่มีความอ่อนน้อมถ่อมตนก็ฉันนั้น

พระเณรดื่มเหล้าดื่มเบียร์ชาวบ้านติด่ากันใหญ่ว่าไม่ดี
หากเป็นสิ่งไม่ดีจริงแล้วใยตัวยังดื่มยังกินกันทุกวันเล่า

ความชั่วของเค้าเห็นดี๊ดี แต่ที่ของตัวทำมองไม่เห็น


คุณ sssboun ที่คุณกล่าวมาล้วนเต็มไปด้วยความสำคัญในสักกายว่าเป็นเรา ของเรา ตัวตนของเรา ด้วยตัณหา มานะ และทิฏฐิ



คุณ sssboun เพียงแต่แนะนำชักชวนให้ผู้อื่นรู้จักอ่อนน้อมถ่อมตน และพิจารณาตนผ่อนปรนคนอื่น เป็น
กุศลปฏิปทาที่ควรน้อมนำมาปฏิบัติ เพื่อประโยชน์ต่อตัวเราเอง เป็นคนละส่วนกับการละสักกายะทิฏฐิ

เรื่องสักกายะทิฏฐินี้ผมเห็นว่าเราไม่ควรประมาณผู้อื่นว่าใครยังมีสักกายะทิฏฐิ หรือ ใครละขาดสักกายะทิฏฐิ
ได้แล้ว เพราะสักกายะทิฏฐินั้นละขาดได้ต้องเป็นพระโสดาบันไปแล้วเท่านั้นจึงไม่ควรประมาณ

อริยมรรคมีองค์ ๘ เป็นปฏิปทาเพื่อละขาดสักกายะทิฏฐิ ความอ่นน้อมถ่อมตนเป็นอุปการะแก่อริยมรรค

เจ้าของ:  กบนอกกะลา [ 07 เม.ย. 2019, 04:01 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ดวงตาเป็นหน้าต่างของหัวใจ

Love J. เขียน:
ปฤษฎี เขียน:
sssboun เขียน:
น้ำทีละหยด ตกใส่ไห หากไม่รั่วและไหลออกนอกหยดไปเรื่อยๆ
สักวันยังเต็มได้ การปฏิบัติธรรมก็ฉันนั้น

บางคราวทำตัวเป็นคนโง่บ้างก็ดี จะได้มีคนเมตตาตนบ้าง

รวงข้าวที่โน้นน้อมลงเพราะมีคุณค่ามาก
คนที่มีความอ่อนน้อมถ่อมตนก็ฉันนั้น

พระเณรดื่มเหล้าดื่มเบียร์ชาวบ้านติด่ากันใหญ่ว่าไม่ดี
หากเป็นสิ่งไม่ดีจริงแล้วใยตัวยังดื่มยังกินกันทุกวันเล่า

ความชั่วของเค้าเห็นดี๊ดี แต่ที่ของตัวทำมองไม่เห็น


คุณ sssboun ที่คุณกล่าวมาล้วนเต็มไปด้วยความสำคัญในสักกายว่าเป็นเรา ของเรา ตัวตนของเรา ด้วยตัณหา มานะ และทิฏฐิ



คุณ sssboun เพียงแต่แนะนำชักชวนให้ผู้อื่นรู้จักอ่อนน้อมถ่อมตน และพิจารณาตนผ่อนปรนคนอื่น เป็น
กุศลปฏิปทาที่ควรน้อมนำมาปฏิบัติ เพื่อประโยชน์ต่อตัวเราเอง เป็นคนละส่วนกับการละสักกายะทิฏฐิ

เรื่องสักกายะทิฏฐินี้ผมเห็นว่าเราไม่ควรประมาณผู้อื่นว่าใครยังมีสักกายะทิฏฐิ หรือ ใครละขาดสักกายะทิฏฐิ
ได้แล้ว เพราะสักกายะทิฏฐินั้นละขาดได้ต้องเป็นพระโสดาบันไปแล้วเท่านั้นจึงไม่ควรประมาณ

อริยมรรคมีองค์ ๘ เป็นปฏิปทาเพื่อละขาดสักกายะทิฏฐิ ความอ่นน้อมถ่อมตนเป็นอุปการะแก่อริยมรรค


อ่อนน้อมตนจริง..มันก็ดี..สิ่งที่ไม่เคยรู้..ก็มีโอกาสจะรู้

แต่หากอ่อนน้อมเพื่อหวังความรักความชื่นชมจากคนรอบข้าง...นี้เข้าหาโลกธรรมแล้ว...ไม่ปูทางไปหาอริยะมรรคได้หรอก..

ดูได้ง่ายๆ..อ่อนน้อมแล้ว..คนอื่นยังไม่ชม..แถมยังตำนิอีก...อารมณ์ก็ขุ่นซะแล้ว..อย่างนี้ชัดว่าอ่อนน้อมเพื่ออามิส..มีโลกธรรมเป็นอามิส

อ่อนน้อมเพื่อธรรม..จะไม่เป็นอย่างนั้น..แม้อ่อนน้อมไปแล้วยังไม่ได้รับคำชม..แม้โดนตำนิ..อารมณ์ใจก็จะไม่ขุ่น...

เจ้าของ:  Love J. [ 07 เม.ย. 2019, 05:59 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ดวงตาเป็นหน้าต่างของหัวใจ

กบนอกกะลา เขียน:
Love J. เขียน:
ปฤษฎี เขียน:
sssboun เขียน:
น้ำทีละหยด ตกใส่ไห หากไม่รั่วและไหลออกนอกหยดไปเรื่อยๆ
สักวันยังเต็มได้ การปฏิบัติธรรมก็ฉันนั้น

บางคราวทำตัวเป็นคนโง่บ้างก็ดี จะได้มีคนเมตตาตนบ้าง

รวงข้าวที่โน้นน้อมลงเพราะมีคุณค่ามาก
คนที่มีความอ่อนน้อมถ่อมตนก็ฉันนั้น

พระเณรดื่มเหล้าดื่มเบียร์ชาวบ้านติด่ากันใหญ่ว่าไม่ดี
หากเป็นสิ่งไม่ดีจริงแล้วใยตัวยังดื่มยังกินกันทุกวันเล่า

ความชั่วของเค้าเห็นดี๊ดี แต่ที่ของตัวทำมองไม่เห็น


คุณ sssboun ที่คุณกล่าวมาล้วนเต็มไปด้วยความสำคัญในสักกายว่าเป็นเรา ของเรา ตัวตนของเรา ด้วยตัณหา มานะ และทิฏฐิ



คุณ sssboun เพียงแต่แนะนำชักชวนให้ผู้อื่นรู้จักอ่อนน้อมถ่อมตน และพิจารณาตนผ่อนปรนคนอื่น เป็น
กุศลปฏิปทาที่ควรน้อมนำมาปฏิบัติ เพื่อประโยชน์ต่อตัวเราเอง เป็นคนละส่วนกับการละสักกายะทิฏฐิ

เรื่องสักกายะทิฏฐินี้ผมเห็นว่าเราไม่ควรประมาณผู้อื่นว่าใครยังมีสักกายะทิฏฐิ หรือ ใครละขาดสักกายะทิฏฐิ
ได้แล้ว เพราะสักกายะทิฏฐินั้นละขาดได้ต้องเป็นพระโสดาบันไปแล้วเท่านั้นจึงไม่ควรประมาณ

อริยมรรคมีองค์ ๘ เป็นปฏิปทาเพื่อละขาดสักกายะทิฏฐิ ความอ่นน้อมถ่อมตนเป็นอุปการะแก่อริยมรรค


อ่อนน้อมตนจริง..มันก็ดี..สิ่งที่ไม่เคยรู้..ก็มีโอกาสจะรู้

แต่หากอ่อนน้อมเพื่อหวังความรักความชื่นชมจากคนรอบข้าง...นี้เข้าหาโลกธรรมแล้ว...ไม่ปูทางไปหาอริยะมรรคได้หรอก..

ดูได้ง่ายๆ..อ่อนน้อมแล้ว..คนอื่นยังไม่ชม..แถมยังตำนิอีก...อารมณ์ก็ขุ่นซะแล้ว..อย่างนี้ชัดว่าอ่อนน้อมเพื่ออามิส..มีโลกธรรมเป็นอามิส

อ่อนน้อมเพื่อธรรม..จะไม่เป็นอย่างนั้น..แม้อ่อนน้อมไปแล้วยังไม่ได้รับคำชม..แม้โดนตำนิ..อารมณ์ใจก็จะไม่ขุ่น...


ความเป็นผู้อ่อนน้อมถ่อมตนแม้หวังความรักความเอ็นดูจากผู้อื่น ยังดีกว่าการเป็นผู้แข็งกระด้าง ยกตน ถมคนอื่น โดยเห็นว่าเราไม่ได้หวังความรักความเอ็นดูจากผู้อื่น

เพราะความเป็นผู้อ่อนน้อมถ่อมตน นั้นต้องอดทนอดกลั้น มีสติ สำรวมระวังความคิด คำพูด การกระทำ ซึ่งเป็นกุศลย่อมส่งผลดี มีประโยชน์ต่อตนเองถึงแม้จะทำโดยหวังความรักความเอ็นดู หรือ อามิส

แต่ความเป็นผู้แข็งกระด้าง ยกตนถ่มคนอื่นนั้น ย่อมประมาท ขาดสติ ในความคิด คำพูด การกระทำ เป็นอกุศล ย่มส่งผลร้าย มีโทษต่อตนเองถึงแม้จะไม่ได้หวังความรักความเอ็นดูจากผู้อื่น หรือ อามิส

จะกล่าวไปใยถึงผู้อ่อนน้อมถ่อมตนโดยไม่ได้หวังความรักความเอ็นดูจากใคร หรือ อามิสใด ๆ

เจ้าของ:  กบนอกกะลา [ 07 เม.ย. 2019, 06:19 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ดวงตาเป็นหน้าต่างของหัวใจ

Love J. เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
Love J. เขียน:
ปฤษฎี เขียน:
sssboun เขียน:
น้ำทีละหยด ตกใส่ไห หากไม่รั่วและไหลออกนอกหยดไปเรื่อยๆ
สักวันยังเต็มได้ การปฏิบัติธรรมก็ฉันนั้น

บางคราวทำตัวเป็นคนโง่บ้างก็ดี จะได้มีคนเมตตาตนบ้าง

รวงข้าวที่โน้นน้อมลงเพราะมีคุณค่ามาก
คนที่มีความอ่อนน้อมถ่อมตนก็ฉันนั้น

พระเณรดื่มเหล้าดื่มเบียร์ชาวบ้านติด่ากันใหญ่ว่าไม่ดี
หากเป็นสิ่งไม่ดีจริงแล้วใยตัวยังดื่มยังกินกันทุกวันเล่า

ความชั่วของเค้าเห็นดี๊ดี แต่ที่ของตัวทำมองไม่เห็น


คุณ sssboun ที่คุณกล่าวมาล้วนเต็มไปด้วยความสำคัญในสักกายว่าเป็นเรา ของเรา ตัวตนของเรา ด้วยตัณหา มานะ และทิฏฐิ



คุณ sssboun เพียงแต่แนะนำชักชวนให้ผู้อื่นรู้จักอ่อนน้อมถ่อมตน และพิจารณาตนผ่อนปรนคนอื่น เป็น
กุศลปฏิปทาที่ควรน้อมนำมาปฏิบัติ เพื่อประโยชน์ต่อตัวเราเอง เป็นคนละส่วนกับการละสักกายะทิฏฐิ

เรื่องสักกายะทิฏฐินี้ผมเห็นว่าเราไม่ควรประมาณผู้อื่นว่าใครยังมีสักกายะทิฏฐิ หรือ ใครละขาดสักกายะทิฏฐิ
ได้แล้ว เพราะสักกายะทิฏฐินั้นละขาดได้ต้องเป็นพระโสดาบันไปแล้วเท่านั้นจึงไม่ควรประมาณ

อริยมรรคมีองค์ ๘ เป็นปฏิปทาเพื่อละขาดสักกายะทิฏฐิ ความอ่นน้อมถ่อมตนเป็นอุปการะแก่อริยมรรค


อ่อนน้อมตนจริง..มันก็ดี..สิ่งที่ไม่เคยรู้..ก็มีโอกาสจะรู้

แต่หากอ่อนน้อมเพื่อหวังความรักความชื่นชมจากคนรอบข้าง...นี้เข้าหาโลกธรรมแล้ว...ไม่ปูทางไปหาอริยะมรรคได้หรอก..

ดูได้ง่ายๆ..อ่อนน้อมแล้ว..คนอื่นยังไม่ชม..แถมยังตำนิอีก...อารมณ์ก็ขุ่นซะแล้ว..อย่างนี้ชัดว่าอ่อนน้อมเพื่ออามิส..มีโลกธรรมเป็นอามิส

อ่อนน้อมเพื่อธรรม..จะไม่เป็นอย่างนั้น..แม้อ่อนน้อมไปแล้วยังไม่ได้รับคำชม..แม้โดนตำนิ..อารมณ์ใจก็จะไม่ขุ่น...


ความเป็นผู้อ่อนน้อมถ่อมตนแม้หวังความรักความเอ็นดูจากผู้อื่น ยังดีกว่าการเป็นผู้แข็งกระด้าง ยกตน ถมคนอื่น โดยเห็นว่าเราไม่ได้หวังความรักความเอ็นดูจากผู้อื่น

เพราะความเป็นผู้อ่อนน้อมถ่อมตน นั้นต้องอดทนอดกลั้น มีสติ สำรวมระวังความคิด คำพูด การกระทำ ซึ่งเป็นกุศลย่อมส่งผลดี มีประโยชน์ต่อตนเองถึงแม้จะทำโดยหวังความรักความเอ็นดู หรือ อามิส

แต่ความเป็นผู้แข็งกระด้าง ยกตนถ่มคนอื่นนั้น ย่อมประมาท ขาดสติ ในความคิด คำพูด การกระทำ เป็นอกุศล ย่มส่งผลร้าย มีโทษต่อตนเองถึงแม้จะไม่ได้หวังความรักความเอ็นดูจากผู้อื่น หรือ อามิส

จะกล่าวไปใยถึงผู้อ่อนน้อมถ่อมตนโดยไม่ได้หวังความรักความเอ็นดูจากใคร หรือ อามิสใด ๆ


อ่อนน้อม..นั้นดี..นะไช่

แต่เราพูดถึง...อริยะมรรค..ไม่ใช่หรือ?
อ่อนน้อม..โดยหวังในโลกธรรมเป็นอามิส..ไม่ใช่ทางปูไปสู่อริยะมรรค..แน่
ไม่ได้หายความว่า..คนคนนี้เข้าอริยะมรรคไม่ได้นะ...เข้าได้..เข้าทางปัญญา..ไม่ใช่ด้วยทางอ่อนน้อม

ส่วน..คนแข็งกระด้าง...ก็อย่าด่วนตัดสินว่าเขากำลังยกตนข่มท่าน..ซะละ
เพราะ..ความคิดที่ว่า..เขากำลังพูดจาข่มเรานั้น...มันเป็นความคิดของเรา..อาจจะจริงหรือไม่จริงก็ได้

แม้จะจริง...อริยะเบื้องต้นก็ยังมีอาการนี้..อยู่เลย..
เพราะเขามั่นใจในธรรมที่เขามี..และมั่นใจว่าอีกฝ่ายพูดไม่เป็นธรรม..เขาก็แข็งกระด้างกับคนที่ไม่เป็นธรรม..ได้เป็นธรรมดา

เจ้าของ:  Love J. [ 07 เม.ย. 2019, 07:24 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ดวงตาเป็นหน้าต่างของหัวใจ

กบนอกกะลา เขียน:
Love J. เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
Love J. เขียน:
ปฤษฎี เขียน:
sssboun เขียน:
น้ำทีละหยด ตกใส่ไห หากไม่รั่วและไหลออกนอกหยดไปเรื่อยๆ
สักวันยังเต็มได้ การปฏิบัติธรรมก็ฉันนั้น

บางคราวทำตัวเป็นคนโง่บ้างก็ดี จะได้มีคนเมตตาตนบ้าง

รวงข้าวที่โน้นน้อมลงเพราะมีคุณค่ามาก
คนที่มีความอ่อนน้อมถ่อมตนก็ฉันนั้น

พระเณรดื่มเหล้าดื่มเบียร์ชาวบ้านติด่ากันใหญ่ว่าไม่ดี
หากเป็นสิ่งไม่ดีจริงแล้วใยตัวยังดื่มยังกินกันทุกวันเล่า

ความชั่วของเค้าเห็นดี๊ดี แต่ที่ของตัวทำมองไม่เห็น


คุณ sssboun ที่คุณกล่าวมาล้วนเต็มไปด้วยความสำคัญในสักกายว่าเป็นเรา ของเรา ตัวตนของเรา ด้วยตัณหา มานะ และทิฏฐิ



คุณ sssboun เพียงแต่แนะนำชักชวนให้ผู้อื่นรู้จักอ่อนน้อมถ่อมตน และพิจารณาตนผ่อนปรนคนอื่น เป็น
กุศลปฏิปทาที่ควรน้อมนำมาปฏิบัติ เพื่อประโยชน์ต่อตัวเราเอง เป็นคนละส่วนกับการละสักกายะทิฏฐิ

เรื่องสักกายะทิฏฐินี้ผมเห็นว่าเราไม่ควรประมาณผู้อื่นว่าใครยังมีสักกายะทิฏฐิ หรือ ใครละขาดสักกายะทิฏฐิ
ได้แล้ว เพราะสักกายะทิฏฐินั้นละขาดได้ต้องเป็นพระโสดาบันไปแล้วเท่านั้นจึงไม่ควรประมาณ

อริยมรรคมีองค์ ๘ เป็นปฏิปทาเพื่อละขาดสักกายะทิฏฐิ ความอ่นน้อมถ่อมตนเป็นอุปการะแก่อริยมรรค


อ่อนน้อมตนจริง..มันก็ดี..สิ่งที่ไม่เคยรู้..ก็มีโอกาสจะรู้

แต่หากอ่อนน้อมเพื่อหวังความรักความชื่นชมจากคนรอบข้าง...นี้เข้าหาโลกธรรมแล้ว...ไม่ปูทางไปหาอริยะมรรคได้หรอก..

ดูได้ง่ายๆ..อ่อนน้อมแล้ว..คนอื่นยังไม่ชม..แถมยังตำนิอีก...อารมณ์ก็ขุ่นซะแล้ว..อย่างนี้ชัดว่าอ่อนน้อมเพื่ออามิส..มีโลกธรรมเป็นอามิส

อ่อนน้อมเพื่อธรรม..จะไม่เป็นอย่างนั้น..แม้อ่อนน้อมไปแล้วยังไม่ได้รับคำชม..แม้โดนตำนิ..อารมณ์ใจก็จะไม่ขุ่น...


ความเป็นผู้อ่อนน้อมถ่อมตนแม้หวังความรักความเอ็นดูจากผู้อื่น ยังดีกว่าการเป็นผู้แข็งกระด้าง ยกตน ถมคนอื่น โดยเห็นว่าเราไม่ได้หวังความรักความเอ็นดูจากผู้อื่น

เพราะความเป็นผู้อ่อนน้อมถ่อมตน นั้นต้องอดทนอดกลั้น มีสติ สำรวมระวังความคิด คำพูด การกระทำ ซึ่งเป็นกุศลย่อมส่งผลดี มีประโยชน์ต่อตนเองถึงแม้จะทำโดยหวังความรักความเอ็นดู หรือ อามิส

แต่ความเป็นผู้แข็งกระด้าง ยกตนถ่มคนอื่นนั้น ย่อมประมาท ขาดสติ ในความคิด คำพูด การกระทำ เป็นอกุศล ย่มส่งผลร้าย มีโทษต่อตนเองถึงแม้จะไม่ได้หวังความรักความเอ็นดูจากผู้อื่น หรือ อามิส

จะกล่าวไปใยถึงผู้อ่อนน้อมถ่อมตนโดยไม่ได้หวังความรักความเอ็นดูจากใคร หรือ อามิสใด ๆ


อ่อนน้อม..นั้นดี..นะไช่

แต่เราพูดถึง...อริยะมรรค..ไม่ใช่หรือ?
อ่อนน้อม..โดยหวังในโลกธรรมเป็นอามิส..ไม่ใช่ทางปูไปสู่อริยะมรรค..แน่
ไม่ได้หายความว่า..คนคนนี้เข้าอริยะมรรคไม่ได้นะ...เข้าได้..เข้าทางปัญญา..ไม่ใช่ด้วยทางอ่อนน้อม

ส่วน..คนแข็งกระด้าง...ก็อย่าด่วนตัดสินว่าเขากำลังยกตนข่มท่าน..ซะละ
เพราะ..ความคิดที่ว่า..เขากำลังพูดจาข่มเรานั้น...มันเป็นความคิดของเรา..อาจจะจริงหรือไม่จริงก็ได้

แม้จะจริง...อริยะเบื้องต้นก็ยังมีอาการนี้..อยู่เลย..
เพราะเขามั่นใจในธรรมที่เขามี..และมั่นใจว่าอีกฝ่ายพูดไม่เป็นธรรม..เขาก็แข็งกระด้างกับคนที่ไม่เป็นธรรม..ได้เป็นธรรมดา


ผมก็มีครับอาการอย่างนั้น ต่อไปจะตามระลึกเมื่อเกิดอาการนั้นแล้วข่มใจตนเอง

เจ้าของ:  ปฤษฎี [ 07 เม.ย. 2019, 07:59 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ดวงตาเป็นหน้าต่างของหัวใจ

Love J. เขียน:
ปฤษฎี เขียน:
sssboun เขียน:
น้ำทีละหยด ตกใส่ไห หากไม่รั่วและไหลออกนอกหยดไปเรื่อยๆ
สักวันยังเต็มได้ การปฏิบัติธรรมก็ฉันนั้น

บางคราวทำตัวเป็นคนโง่บ้างก็ดี จะได้มีคนเมตตาตนบ้าง

รวงข้าวที่โน้นน้อมลงเพราะมีคุณค่ามาก
คนที่มีความอ่อนน้อมถ่อมตนก็ฉันนั้น

พระเณรดื่มเหล้าดื่มเบียร์ชาวบ้านติด่ากันใหญ่ว่าไม่ดี
หากเป็นสิ่งไม่ดีจริงแล้วใยตัวยังดื่มยังกินกันทุกวันเล่า

ความชั่วของเค้าเห็นดี๊ดี แต่ที่ของตัวทำมองไม่เห็น


คุณ sssboun ที่คุณกล่าวมาล้วนเต็มไปด้วยความสำคัญในสักกายว่าเป็นเรา ของเรา ตัวตนของเรา ด้วยตัณหา มานะ และทิฏฐิ



คุณ sssboun เพียงแต่แนะนำชักชวนให้ผู้อื่นรู้จักอ่อนน้อมถ่อมตน และพิจารณาตนผ่อนปรนคนอื่น เป็น
กุศลปฏิปทาที่ควรน้อมนำมาปฏิบัติ เพื่อประโยชน์ต่อตัวเราเอง เป็นคนละส่วนกับการละสักกายะทิฏฐิ

เรื่องสักกายะทิฏฐินี้ผมเห็นว่าเราไม่ควรประมาณผู้อื่นว่าใครยังมีสักกายะทิฏฐิ หรือ ใครละขาดสักกายะทิฏฐิ
ได้แล้ว เพราะสักกายะทิฏฐินั้นละขาดได้ต้องเป็นพระโสดาบันไปแล้วเท่านั้นจึงไม่ควรประมาณ

อริยมรรคมีองค์ ๘ เป็นปฏิปทาเพื่อละขาดสักกายะทิฏฐิ ความอ่นน้อมถ่อมตนเป็นอุปการะแก่อริยมรรค


คุณ lovej ความอ่อนน้อมเป็นกุศลควรเจริญ เพราะช่วยขัดเกลากิเลส

เราไม่ควรประมาณผู้อื่น เพราะความยิ่งหย่อนของอินทรีย์เป็นสิ่งที่รู้ยาก อาจไม่ทราบสิ่งที่อยู่ในใจ แต่ก็พอประเมินได้จากสิ่งที่พูดออกมา ดังที่พระผู้มีพระภาคแสดงว่าปัญญาย่อมทราบได้โดยการสนทนา

เช่น ในประโยคแรก บางคราวทำตัวเป็นคนโง่บ้างก็ดีจะได้มีคนเมตตา

ทำตัวเป็นคนโง่ด้วยอะไรหล่ะครับ ทำตัวด้วยสักกายทิฏฐิ ด้วยมารยา เพื่อหวัง ให้ผู้อื่นเมตตา คือหวังในรูปกริยา อาการภายนอก เป็น กามตัณหา

อนึ่ง ไม่ต้องทำตัวเป็นคนโง่เลย เพราะโง่อยู่แล้วด้วยโมหะ

คุณ lovej ควรพิจารณา ขณะใด นอบน้อมด้วยกุศลจิต ขณะใดมีตัณหา มีทิฏฐิ หรือแม้แต่มารยา แสร้งประพฤติทำให้ผู้อื่นเห็นว่าเป็นอย่างนั้น ทั้งที่ไม่ได้เป็นอย่างนั้นเพื่อหวังสิ่งใดสิ่งหนึ่ง

อีกประโยคหนึ่ง ที่ว่าความชั่วของคนอื่นเห็นดี๊ดีแต่ของตัวไม่เห็น แต่ความจริงแล้วเป็นอะไรครับ ถ้าไม่ใช่กิเลส เป็นกิเลสภายใน หรือกิเลสภายนอกเท่านั้น ถ้าเห็นอย่างนี้ จะมีความเห็นว่าตัวเราดี หรือผู้อื่นเลวรึเปล่า มีแต่ธรรมฝ่ายดี และธรรมฝ่ายเลว เกิดขึ้นทำกิจ ไม่ได้มีเรา เขาเลย

เจ้าของ:  Love J. [ 07 เม.ย. 2019, 10:04 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ดวงตาเป็นหน้าต่างของหัวใจ

ปฤษฎี เขียน:
Love J. เขียน:
ปฤษฎี เขียน:
sssboun เขียน:
น้ำทีละหยด ตกใส่ไห หากไม่รั่วและไหลออกนอกหยดไปเรื่อยๆ
สักวันยังเต็มได้ การปฏิบัติธรรมก็ฉันนั้น

บางคราวทำตัวเป็นคนโง่บ้างก็ดี จะได้มีคนเมตตาตนบ้าง

รวงข้าวที่โน้นน้อมลงเพราะมีคุณค่ามาก
คนที่มีความอ่อนน้อมถ่อมตนก็ฉันนั้น

พระเณรดื่มเหล้าดื่มเบียร์ชาวบ้านติด่ากันใหญ่ว่าไม่ดี
หากเป็นสิ่งไม่ดีจริงแล้วใยตัวยังดื่มยังกินกันทุกวันเล่า

ความชั่วของเค้าเห็นดี๊ดี แต่ที่ของตัวทำมองไม่เห็น


คุณ sssboun ที่คุณกล่าวมาล้วนเต็มไปด้วยความสำคัญในสักกายว่าเป็นเรา ของเรา ตัวตนของเรา ด้วยตัณหา มานะ และทิฏฐิ



คุณ sssboun เพียงแต่แนะนำชักชวนให้ผู้อื่นรู้จักอ่อนน้อมถ่อมตน และพิจารณาตนผ่อนปรนคนอื่น เป็น
กุศลปฏิปทาที่ควรน้อมนำมาปฏิบัติ เพื่อประโยชน์ต่อตัวเราเอง เป็นคนละส่วนกับการละสักกายะทิฏฐิ

เรื่องสักกายะทิฏฐินี้ผมเห็นว่าเราไม่ควรประมาณผู้อื่นว่าใครยังมีสักกายะทิฏฐิ หรือ ใครละขาดสักกายะทิฏฐิ
ได้แล้ว เพราะสักกายะทิฏฐินั้นละขาดได้ต้องเป็นพระโสดาบันไปแล้วเท่านั้นจึงไม่ควรประมาณ

อริยมรรคมีองค์ ๘ เป็นปฏิปทาเพื่อละขาดสักกายะทิฏฐิ ความอ่นน้อมถ่อมตนเป็นอุปการะแก่อริยมรรค


คุณ lovej ความอ่อนน้อมเป็นกุศลควรเจริญ เพราะช่วยขัดเกลากิเลส

เราไม่ควรประมาณผู้อื่น เพราะความยิ่งหย่อนของอินทรีย์เป็นสิ่งที่รู้ยาก อาจไม่ทราบสิ่งที่อยู่ในใจ แต่ก็พอประเมินได้จากสิ่งที่พูดออกมา ดังที่พระผู้มีพระภาคแสดงว่าปัญญาย่อมทราบได้โดยการสนทนา

เช่น ในประโยคแรก บางคราวทำตัวเป็นคนโง่บ้างก็ดีจะได้มีคนเมตตา

ทำตัวเป็นคนโง่ด้วยอะไรหล่ะครับ ทำตัวด้วยสักกายทิฏฐิ ด้วยมารยา เพื่อหวัง ให้ผู้อื่นเมตตา คือหวังในรูปกริยา อาการภายนอก เป็น กามตัณหา

อนึ่ง ไม่ต้องทำตัวเป็นคนโง่เลย เพราะโง่อยู่แล้วด้วยโมหะ

คุณ lovej ควรพิจารณา ขณะใด นอบน้อมด้วยกุศลจิต ขณะใดมีตัณหา มีทิฏฐิ หรือแม้แต่มารยา แสร้งประพฤติทำให้ผู้อื่นเห็นว่าเป็นอย่างนั้น ทั้งที่ไม่ได้เป็นอย่างนั้นเพื่อหวังสิ่งใดสิ่งหนึ่ง

อีกประโยคหนึ่ง ที่ว่าความชั่วของคนอื่นเห็นดี๊ดีแต่ของตัวไม่เห็น แต่ความจริงแล้วเป็นอะไรครับ ถ้าไม่ใช่กิเลส เป็นกิเลสภายใน หรือกิเลสภายนอกเท่านั้น ถ้าเห็นอย่างนี้ จะมีความเห็นว่าตัวเราดี หรือผู้อื่นเลวรึเปล่า มีแต่ธรรมฝ่ายดี และธรรมฝ่ายเลว เกิดขึ้นทำกิจ ไม่ได้มีเรา เขาเลย


บทสนทนาของคุนอื่นขอยกไว้ก่อนนะครับ

คุณปฤษฎีเห็นอย่างไรในข้อต่อไปนี้
- สักกายทิฏฐิ คืออะไร
- ธรรมฝ่ายดี และ ธรรมฝ่ายเลว เกิดขึ้นทำกิจและดับสิ้นไปอยู่ เมื่อเป็นดังนั้นบุคคลมีอยู่ หรือ ไม่มี
- บุคคลผู้เห็นด้วยปัญญาอันชอบตามจริงว่าธรรมใดเป็นกุศล ธรรมใดเป็นอกุศล และเพียรเจริญกุศล ละอกุศลมี หรือ ไม่มี

เจ้าของ:  ปฤษฎี [ 07 เม.ย. 2019, 12:52 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ดวงตาเป็นหน้าต่างของหัวใจ

Love J. เขียน:
ปฤษฎี เขียน:
Love J. เขียน:
ปฤษฎี เขียน:
sssboun เขียน:
น้ำทีละหยด ตกใส่ไห หากไม่รั่วและไหลออกนอกหยดไปเรื่อยๆ
สักวันยังเต็มได้ การปฏิบัติธรรมก็ฉันนั้น

บางคราวทำตัวเป็นคนโง่บ้างก็ดี จะได้มีคนเมตตาตนบ้าง

รวงข้าวที่โน้นน้อมลงเพราะมีคุณค่ามาก
คนที่มีความอ่อนน้อมถ่อมตนก็ฉันนั้น

พระเณรดื่มเหล้าดื่มเบียร์ชาวบ้านติด่ากันใหญ่ว่าไม่ดี
หากเป็นสิ่งไม่ดีจริงแล้วใยตัวยังดื่มยังกินกันทุกวันเล่า

ความชั่วของเค้าเห็นดี๊ดี แต่ที่ของตัวทำมองไม่เห็น


คุณ sssboun ที่คุณกล่าวมาล้วนเต็มไปด้วยความสำคัญในสักกายว่าเป็นเรา ของเรา ตัวตนของเรา ด้วยตัณหา มานะ และทิฏฐิ



คุณ sssboun เพียงแต่แนะนำชักชวนให้ผู้อื่นรู้จักอ่อนน้อมถ่อมตน และพิจารณาตนผ่อนปรนคนอื่น เป็น
กุศลปฏิปทาที่ควรน้อมนำมาปฏิบัติ เพื่อประโยชน์ต่อตัวเราเอง เป็นคนละส่วนกับการละสักกายะทิฏฐิ

เรื่องสักกายะทิฏฐินี้ผมเห็นว่าเราไม่ควรประมาณผู้อื่นว่าใครยังมีสักกายะทิฏฐิ หรือ ใครละขาดสักกายะทิฏฐิ
ได้แล้ว เพราะสักกายะทิฏฐินั้นละขาดได้ต้องเป็นพระโสดาบันไปแล้วเท่านั้นจึงไม่ควรประมาณ

อริยมรรคมีองค์ ๘ เป็นปฏิปทาเพื่อละขาดสักกายะทิฏฐิ ความอ่นน้อมถ่อมตนเป็นอุปการะแก่อริยมรรค


คุณ lovej ความอ่อนน้อมเป็นกุศลควรเจริญ เพราะช่วยขัดเกลากิเลส

เราไม่ควรประมาณผู้อื่น เพราะความยิ่งหย่อนของอินทรีย์เป็นสิ่งที่รู้ยาก อาจไม่ทราบสิ่งที่อยู่ในใจ แต่ก็พอประเมินได้จากสิ่งที่พูดออกมา ดังที่พระผู้มีพระภาคแสดงว่าปัญญาย่อมทราบได้โดยการสนทนา

เช่น ในประโยคแรก บางคราวทำตัวเป็นคนโง่บ้างก็ดีจะได้มีคนเมตตา

ทำตัวเป็นคนโง่ด้วยอะไรหล่ะครับ ทำตัวด้วยสักกายทิฏฐิ ด้วยมารยา เพื่อหวัง ให้ผู้อื่นเมตตา คือหวังในรูปกริยา อาการภายนอก เป็น กามตัณหา

อนึ่ง ไม่ต้องทำตัวเป็นคนโง่เลย เพราะโง่อยู่แล้วด้วยโมหะ

คุณ lovej ควรพิจารณา ขณะใด นอบน้อมด้วยกุศลจิต ขณะใดมีตัณหา มีทิฏฐิ หรือแม้แต่มารยา แสร้งประพฤติทำให้ผู้อื่นเห็นว่าเป็นอย่างนั้น ทั้งที่ไม่ได้เป็นอย่างนั้นเพื่อหวังสิ่งใดสิ่งหนึ่ง

อีกประโยคหนึ่ง ที่ว่าความชั่วของคนอื่นเห็นดี๊ดีแต่ของตัวไม่เห็น แต่ความจริงแล้วเป็นอะไรครับ ถ้าไม่ใช่กิเลส เป็นกิเลสภายใน หรือกิเลสภายนอกเท่านั้น ถ้าเห็นอย่างนี้ จะมีความเห็นว่าตัวเราดี หรือผู้อื่นเลวรึเปล่า มีแต่ธรรมฝ่ายดี และธรรมฝ่ายเลว เกิดขึ้นทำกิจ ไม่ได้มีเรา เขาเลย


บทสนทนาของคุนอื่นขอยกไว้ก่อนนะครับ

คุณปฤษฎีเห็นอย่างไรในข้อต่อไปนี้
- สักกายทิฏฐิ คืออะไร
- ธรรมฝ่ายดี และ ธรรมฝ่ายเลว เกิดขึ้นทำกิจและดับสิ้นไปอยู่ เมื่อเป็นดังนั้นบุคคลมีอยู่ หรือ ไม่มี
- บุคคลผู้เห็นด้วยปัญญาอันชอบตามจริงว่าธรรมใดเป็นกุศล ธรรมใดเป็นอกุศล และเพียรเจริญกุศล ละอกุศลมี หรือ ไม่มี


1.สักกายะ คือ อุปทานขันธ์ 5 สักกายทิฏฐิคือความเห็นในขันธ์ ว่าเป็นเรา

โดยละเอียด เช่น เห็นรูปเป็นตน เห็นตนมีในรูป เห็นรูปมีในตน เห็นตนมีในรูป

2.บุคคลมีโดยบัญญัติ แต่ไม่มีโดยปรมัตถ์

3.เป็นปัญญาที่เห็น
ที่เรียกบุคคลต่างๆนั้นความจริงเป็นบัญญัติ หากบัญญัติตรงก็บัญญัติตามสภาวะ เช่น พระโสดาบัน เป็นบัญญัติชื่อเรียก ความจริงคือโสดาปัติมรรค โสดาปัตติผล

เจ้าของ:  sssboun [ 07 เม.ย. 2019, 20:20 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ดวงตาเป็นหน้าต่างของหัวใจ

มีใครบ้างที่ไม่เคยผิดพลาด พระอริยเจ้าทั้งหลายก็ล้วน
แล้วแต่เคยเป็นปุถุชนมาด้วยกันทั้งนั้น ก็มีผิดพลาดมีขุ่นบ้าง
ตามบารมี สติ ปัญญาที่มีในขณะนั้นๆ ผิดพลาดบ้างเป็นเรื่อง
ธรรมดา แล้วแต่ว่าบุคคลนั้นๆจะรู้สึกตัวและปรับปรุงเปลี่ยน
แปลงตัวเองได้เร็วช้ามากน้อยแค่ไหนก็เท่านั้นครับ

ที่สำคัญคือเป็นคนดีในสังคมระดับแรกให้ได้ก่อน และความดี
ก็มีหลายระดับครับ

เจ้าของ:  ปฤษฎี [ 07 เม.ย. 2019, 21:10 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ดวงตาเป็นหน้าต่างของหัวใจ

sssboun เขียน:
มีใครบ้างที่ไม่เคยผิดพลาด พระอริยเจ้าทั้งหลายก็ล้วน
แล้วแต่เคยเป็นปุถุชนมาด้วยกันทั้งนั้น ก็มีผิดพลาดมีขุ่นบ้าง
ตามบารมี สติ ปัญญาที่มีในขณะนั้นๆ ผิดพลาดบ้างเป็นเรื่อง
ธรรมดา แล้วแต่ว่าบุคคลนั้นๆจะรู้สึกตัวและปรับปรุงเปลี่ยน
แปลงตัวเองได้เร็วช้ามากน้อยแค่ไหนก็เท่านั้นครับ

ที่สำคัญคือเป็นคนดีในสังคมระดับแรกให้ได้ก่อน และความดี
ก็มีหลายระดับครับ



คุณ sssboun เห็นโพสข้อความเกี่ยวกับธรรมะมาหลายบท ตั้งใจศึกษาต่อไปนะครับ

เจ้าของ:  Love J. [ 08 เม.ย. 2019, 00:50 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ดวงตาเป็นหน้าต่างของหัวใจ

ปฤษฎี เขียน:
Love J. เขียน:
ปฤษฎี เขียน:
Love J. เขียน:
ปฤษฎี เขียน:
sssboun เขียน:
น้ำทีละหยด ตกใส่ไห หากไม่รั่วและไหลออกนอกหยดไปเรื่อยๆ
สักวันยังเต็มได้ การปฏิบัติธรรมก็ฉันนั้น

บางคราวทำตัวเป็นคนโง่บ้างก็ดี จะได้มีคนเมตตาตนบ้าง

รวงข้าวที่โน้นน้อมลงเพราะมีคุณค่ามาก
คนที่มีความอ่อนน้อมถ่อมตนก็ฉันนั้น

พระเณรดื่มเหล้าดื่มเบียร์ชาวบ้านติด่ากันใหญ่ว่าไม่ดี
หากเป็นสิ่งไม่ดีจริงแล้วใยตัวยังดื่มยังกินกันทุกวันเล่า

ความชั่วของเค้าเห็นดี๊ดี แต่ที่ของตัวทำมองไม่เห็น


คุณ sssboun ที่คุณกล่าวมาล้วนเต็มไปด้วยความสำคัญในสักกายว่าเป็นเรา ของเรา ตัวตนของเรา ด้วยตัณหา มานะ และทิฏฐิ



คุณ sssboun เพียงแต่แนะนำชักชวนให้ผู้อื่นรู้จักอ่อนน้อมถ่อมตน และพิจารณาตนผ่อนปรนคนอื่น เป็น
กุศลปฏิปทาที่ควรน้อมนำมาปฏิบัติ เพื่อประโยชน์ต่อตัวเราเอง เป็นคนละส่วนกับการละสักกายะทิฏฐิ

เรื่องสักกายะทิฏฐินี้ผมเห็นว่าเราไม่ควรประมาณผู้อื่นว่าใครยังมีสักกายะทิฏฐิ หรือ ใครละขาดสักกายะทิฏฐิ
ได้แล้ว เพราะสักกายะทิฏฐินั้นละขาดได้ต้องเป็นพระโสดาบันไปแล้วเท่านั้นจึงไม่ควรประมาณ

อริยมรรคมีองค์ ๘ เป็นปฏิปทาเพื่อละขาดสักกายะทิฏฐิ ความอ่นน้อมถ่อมตนเป็นอุปการะแก่อริยมรรค


คุณ lovej ความอ่อนน้อมเป็นกุศลควรเจริญ เพราะช่วยขัดเกลากิเลส

เราไม่ควรประมาณผู้อื่น เพราะความยิ่งหย่อนของอินทรีย์เป็นสิ่งที่รู้ยาก อาจไม่ทราบสิ่งที่อยู่ในใจ แต่ก็พอประเมินได้จากสิ่งที่พูดออกมา ดังที่พระผู้มีพระภาคแสดงว่าปัญญาย่อมทราบได้โดยการสนทนา

เช่น ในประโยคแรก บางคราวทำตัวเป็นคนโง่บ้างก็ดีจะได้มีคนเมตตา

ทำตัวเป็นคนโง่ด้วยอะไรหล่ะครับ ทำตัวด้วยสักกายทิฏฐิ ด้วยมารยา เพื่อหวัง ให้ผู้อื่นเมตตา คือหวังในรูปกริยา อาการภายนอก เป็น กามตัณหา

อนึ่ง ไม่ต้องทำตัวเป็นคนโง่เลย เพราะโง่อยู่แล้วด้วยโมหะ

คุณ lovej ควรพิจารณา ขณะใด นอบน้อมด้วยกุศลจิต ขณะใดมีตัณหา มีทิฏฐิ หรือแม้แต่มารยา แสร้งประพฤติทำให้ผู้อื่นเห็นว่าเป็นอย่างนั้น ทั้งที่ไม่ได้เป็นอย่างนั้นเพื่อหวังสิ่งใดสิ่งหนึ่ง

อีกประโยคหนึ่ง ที่ว่าความชั่วของคนอื่นเห็นดี๊ดีแต่ของตัวไม่เห็น แต่ความจริงแล้วเป็นอะไรครับ ถ้าไม่ใช่กิเลส เป็นกิเลสภายใน หรือกิเลสภายนอกเท่านั้น ถ้าเห็นอย่างนี้ จะมีความเห็นว่าตัวเราดี หรือผู้อื่นเลวรึเปล่า มีแต่ธรรมฝ่ายดี และธรรมฝ่ายเลว เกิดขึ้นทำกิจ ไม่ได้มีเรา เขาเลย


บทสนทนาของคุนอื่นขอยกไว้ก่อนนะครับ

คุณปฤษฎีเห็นอย่างไรในข้อต่อไปนี้
- สักกายทิฏฐิ คืออะไร
- ธรรมฝ่ายดี และ ธรรมฝ่ายเลว เกิดขึ้นทำกิจและดับสิ้นไปอยู่ เมื่อเป็นดังนั้นบุคคลมีอยู่ หรือ ไม่มี
- บุคคลผู้เห็นด้วยปัญญาอันชอบตามจริงว่าธรรมใดเป็นกุศล ธรรมใดเป็นอกุศล และเพียรเจริญกุศล ละอกุศลมี หรือ ไม่มี


1.สักกายะ คือ อุปทานขันธ์ 5 สักกายทิฏฐิคือความเห็นในขันธ์ ว่าเป็นเรา

โดยละเอียด เช่น เห็นรูปเป็นตน เห็นตนมีในรูป เห็นรูปมีในตน เห็นตนมีในรูป

2.บุคคลมีโดยบัญญัติ แต่ไม่มีโดยปรมัตถ์

3.เป็นปัญญาที่เห็น
ที่เรียกบุคคลต่างๆนั้นความจริงเป็นบัญญัติ หากบัญญัติตรงก็บัญญัติตามสภาวะ เช่น พระโสดาบัน เป็นบัญญัติชื่อเรียก ความจริงคือโสดาปัติมรรค โสดาปัตติผล


ขอถามต่อไปอีกนิดนะครับ
- ผม กับ คุณ ที่สนทนากันอยู่นี้มีอยู่จริงมั้ย
- ผม กับ คุณ ที่สนทนากันอยู่นี้เรียกว่าบุคคลได้มั้ย
- ถ้าผม ทำความดี ความชั่ว ผมจะต้องรับผลมั้ย
- ถ้าผม และ คุณ ตายไปเป็นอันขาดสูญมั้ย

เจ้าของ:  แค่อากาศ [ 08 เม.ย. 2019, 01:32 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ดวงตาเป็นหน้าต่างของหัวใจ

ตายแระผมเห็นเมที่รักทั้งคืน :b32: :b32: :b32:

เจ้าของ:  กบนอกกะลา [ 08 เม.ย. 2019, 06:42 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ดวงตาเป็นหน้าต่างของหัวใจ

แค่อากาศ เขียน:
ตายแระผมเห็นเมที่รักทั้งคืน :b32: :b32: :b32:


เป็นเอามาก.. :b32: :b32: :b32:

เจ้าของ:  ปฤษฎี [ 08 เม.ย. 2019, 07:12 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ดวงตาเป็นหน้าต่างของหัวใจ

- คุณ ที่สนทนากันอยู่นี้มีอยู่จริงมั้ย
- ผม กับ คุณ ที่สนทนากันอยู่นี้เรียกว่าบุคคลได้มั้ย
- ถ้าผม ทำความดี ความชั่ว ผมจะต้องรับผลมั้ย
- ถ้าผม และ คุณ ตายไปเป็นอันขาดสูญมั้ย

คุณ lovej ศึกษาธรรมะต้องมีความมั่นคง

1.ผม ๆ คุณๆ นี่เป็นชื่อเรียกนะครับ มีแต่ขันธ์ภายใน และขันธ์ภายนอกที่เป็นไปอยู่

2. ได้ครับ เรียกบุคคลได้

3. กรรมมีเพราะปัจจัยนะครับ เหตุเกิดแห่งกรรม มีเพราะผัสสะ

กรรมเกิดเพราะกิเลส กิเลส กรรม วิบาก
นี่คือ เหตุของกรรม

วิบากของกรรมก็คือ รูปธรรมนามธรรมที่เป็นไปในภูมิต่างๆ สุคติ ทุคติ

4.คุณ lovej ศึกษาธรรมะ
ไม่ทราบหรือครับว่าที่ตายนั้นคือขันธ์
ขันธ์นั่นแหละเป็นผู้ตาย และทำให้ตาย

ผมๆ คุณๆ นี่ชื่อเรียก เป็นแค่เสียงเท่านั้น
จะเรียกอย่างอื่นก็ได้

ตัณหาเป็นแดนเกิด หากมีตัณหา ก็เกิดอีก ตามเหตุ ตามปัจจัยนะครับ

เจ้าของ:  ปฤษฎี [ 08 เม.ย. 2019, 07:19 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ดวงตาเป็นหน้าต่างของหัวใจ

คุณ lovej ที่สุดของความจริง มีเพียงนิพพานเท่านั้น แม้ขันธ์ที่กล่าวยังเป็นของปลอมเมื่อเที่ยบกับนิพพาน เหมือนความฝันกับความจริง

แล้วจะประสาอะไรกับแค่บัญญัติชื่อเรียก

หน้า 3 จากทั้งหมด 4 เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group
http://www.phpbb.com/