วันเวลาปัจจุบัน 19 มี.ค. 2024, 15:05  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 356 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2, 3, 4, 5 ... 24  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 มี.ค. 2019, 07:34 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว



https://www.youtube.com/watch?v=YYcgHD74E0o

แต่ยุคนี้ไม่ค่อยเจอ ไม่ค่อยได้ยินเสียงเปรตร้องเหมือน
เมื่อก่อน หากมีก็ดีเหมือนกัน เพราะจะได้ยืนยันว่าภพหน้า
ชาติหน้ามีจริง ตายแล้วไม่สูญ คือไม่ใช่ว่าเกิดมาชาติเดียว
ตายแล้วจบอย่างที่หลายคนเชื่อ และบาปบุญมีจริง ทำดีได้ดี
ทำชั่วได้ชั่ว

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 22 มี.ค. 2019, 07:43 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว



https://www.youtube.com/watch?v=_N1bE5dcnR4

เสริมความรู้ด้วยการฟัง เสริมพลังจิตด้วยการฝึกกรรมฐาน

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 มี.ค. 2019, 13:30 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว



https://www.youtube.com/watch?v=eovKF_tcEwc

เวียนว่ายตายเกิด เป็นคน เป็นสัตว์ เป็นเทวา เป็นสัตว์นรกต่างๆนาๆไม่รู้จักจบสิ้น

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 มี.ค. 2019, 13:34 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว



https://www.youtube.com/watch?v=ByrJri921Io

คนตายไปเป็นผี ผีกลับมาเป็นคน เป็นสัตว์ เป็นเทวา.......แล้วแต่เหตุปัจจัยจะพาไป
แล้วแต่กรรมที่ทำที่สร้างไว้จะชักนำพาไป

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 เม.ย. 2019, 13:17 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว



https://www.youtube.com/watch?v=ZH67kQjIknU

ขยันฟังอ่านได้ความรู้ หากเจ้าชู้จะได้เรื่อง(มีเรื่องแน่)ได้โรค

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 เม.ย. 2019, 14:09 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


ผี เปรต อสุรกาย นาค ครุฑ เทวา ......พระพุทธเจ้า พระองค์ตรัสว่า
เป็นสัตว์โลกทั้งสิ้น เพราะยังต้องเวียนว่ายตายเกิดกันอยู่นั้นเอง

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 เม.ย. 2019, 13:35 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว



https://www.youtube.com/watch?v=caTYq4dom6A

ความรู้ที่ได้จากการฟัง อาจยังคุณให้แก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าลงได้

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 เม.ย. 2019, 17:58 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


มาลองอ่านเรื่องเปรตในพระไตรปิฏกกันครับ

Quote Tipitaka:
ปรมัตถทีปนี
อรรถกถาขุททกนิกาย เปตวัตถุ
กถาเริ่มต้นปกรณ์
ข้าพเจ้า ขอนมัสการ ซึ่งพระโลกนาถเจ้า
ผู้ประกอบด้วยพระมหากรุณาคุณ ผู้บรรลุฝั่งแห่ง
สาครคือไญยธรรม ผู้มีเทศนานัยอันละเอียดลึกซึ้ง
และวิจิตร.
ข้าพเจ้า ขอนมัสการ ซึ่งพระธรรมเจ้า อัน
สูงสุดนั้น ที่พระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทรงบูชาแล้ว
ซึ่งเป็นเครื่องนำสัตว์ผู้เพียบพร้อมด้วยวิชา และ
จรณะให้ออกจากโลก.

ข้าพเจ้า ขอนมัสการ ซึ่งพระอริยสงฆ์ ผู้
เพียบพร้อมด้วยคุณมีศีลเป็นต้น ผู้ดำรงอยู่ใน
มรรคและผล ผู้เป็นบุญเขต อันยอดเยี่ยม.

ด้วยเดชแห่งบุญ อันเกิดจากการนมัสการ
พระรัตนตรัย ดังกล่าวมาแล้วนี้ ขอข้าพเจ้า จง
เป็นผู้มีอันตรายอันห้วงบุญนั้น กำจัดแล้วในที่
ทุกสถาน ก็เทศนาใด ของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย
ประกาศถึงกรรมที่เปรตทั้งหลาย กระทำไว้ใน
ชาติก่อน อันเป็นเหตุนำมาซึ่งความเป็นเปรต
โดยความต่างกันแห่งผลกรรมของเปรตเหล่านั้น

อันนำความสังเวชให้เกิดโดยพิเศษ ทำกรรมและ
ผลของกรรมให้ประจักษ์ เทศนานั้นมีเรื่องที่
ทราบกันดีแล้ว โดยชื่อว่า เปตวัตถุ ที่ท่านผู้แสวง
หาคุณอันยิ่งใหญ่ ได้สังคายนาไว้แล้ว ในขุททก-
นิกาย. ข้าพเจ้า จะยึดเอานัยแห่งอรรถกถาเก่า
ของเปตวัตถุนั้นมาชี้แจงถึงเหตุในเรื่องนั้น ๆ
ให้แจ่มแจ้งโดยพิเศษ จักกระทำอรรถสังวรรณนา

อันงดงามบริสุทธิ์ด้วยดี ไม่ปะปน มีอรรถและ
วินิจฉัยอันละเอียด ไม่ค้านกับลัทธิของพระมหา-
เถระผู้อยู่ในมหาวิหารตามกำลัง ขอสาธุชน
ทั้งหลายจงตั้งใจสดับ อรรถสังวรรณนานั้นของ
ข้าพเจ้า ผู้กล่าวอยู่โดยเคารพ เทอญ.

บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า เปตวตฺถุ ได้แก่ กรรมอันเป็นเหตุให้
สัตว์นั้น ๆ มีบุตรแห่งเศรษฐีเป็นต้น เกิดเป็นเปรต. ก็พระปริยัติธรรม
อันเป็นไปโดยประกาศถึงกรรมนั้น มีอาทิว่า พระอรหันต์ทั้งหลาย
เปรียบด้วยนา ท่านประสงค์เอา เปตวัตถุในที่นี้.

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 เม.ย. 2019, 18:00 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


Quote Tipitaka:
ถามว่า เปตวัตถุนี้นั้น ใครกล่าว กล่าวที่ไหน กล่าวเมื่อไร
และเพราะเหตุไรจึงกล่าว? ข้าพเจ้าจะเฉลย : จริงอยู่เปตวัตถุนี้
เกิดด้วยเหตุ ๒ อย่าง คือ ด้วยเหตุที่เกิดขึ้นแห่งเรื่อง ๑ ด้วยอำนาจ
คำถามและคำตอบ ๑. ในสองอย่างนั้น ที่เกิดด้วยอัตถุปปัตติเหตุ
พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัส นอกนั้น พระนารทเถระเป็นต้น เป็น
ผู้ถาม พวกเปรตนั้น ๆ เป็นผู้แก้. ก็เพราะเหตุที่เมื่อพระนารทเถระ

เป็นต้น กราบทูลถึงคำถามและคำตอบนั้น ๆ พระศาสดาจึงกระทำ
เรื่องนั้น ๆ ให้เป็นอัตถุปปัตติเหตุแล้ว แสดงธรรมแก่บริษัทพร้อม
หน้ากัน. ฉะนั้น เปตวัตถุนั้นทั้งหมด จึงเป็นอันชื่อว่า พระศาสดา
ตรัสทั้งนั้น. จริงอยู่ เมื่อพระศาสดาทรงประกาศพระธรรมจักร
อันบวร ประทับอยู่ในที่นั้น ๆ มีกรุงราชคฤห์เป็นต้น เปตวัตถุ

นั้น ๆ จึงขึ้นสู่เทศนา โดยกระทำกรรมและผลของกรรม แห่งสัตว์
ทั้งหลายให้ประจักษ์ ด้วยการถามและแก้ไขอัตถุปปัตติเหตุนั้น ๆ
โดยมาก ดังนั้น ในที่นี้เทศนานี้ จึงเป็นการตอบโดยทั่วไป แห่งบท
ทั้งหลายว่า เกน ภาสิตํ ดังนี้เป็นต้น เป็นอันดับแรก. แต่เมื่อว่า
โดยไม่ทั่วไป เทศนานี้ จักมาในอรรถวรรณนาแห่งเรื่องนั้น ๆ นั่นแล.

ก็เปตวัตถุนี้นั้น นับเนื่องในสุตตันตปิฎก ในบรรดาปิฎก ๓ คือ
วินัยปิฎก สุตตันตปิฎก และอภิธัมมปิฎก นับเนื่องในขุททกนิกาย
ในบรรดานิกาย ๕ คือ ทีฆนิกาย มัชฌิมนิกาย สังยุตตนิกาย
อังคุตตรนิกาย และขุททกนิกาย สงเคราะห์เข้าในคาถา ในบรรดา

ศาสนามีองค์ ๙ คือ สุตตะ เคยยะ เวยยากรณะ คาถา อุทาน
อิติวุตตก ชาดก อัพภูตธรรม และเวทัลละ. สงเคราะห์เข้าใน
ธรรมขันธ์เล็กน้อย ในบรรดาธรรมขันธ์ ๘๔,๐๐๐ พระธรรมขันธ์
ที่พระอานนท์ผู้ธรรมภัณฑาคาริก ได้ปฏิญญาณไว้อย่างนี้ว่า

ข้าพเจ้าเรียนเอาพระธรรมขันธ์จากพุทธ-
สำนัก ๘๒,๐๐๐ พระธรรมขันธ์ จากสำนักภิกษุ
๒,๐๐๐ พระธรรมขันธ์ที่เป็นไปในหทัยของ
ข้าพเจ้า จึงมีจำนวน ๘๔,๐๐๐ พระธรรมขันธ์
ดังนี้.

ว่าโดย ภาณวาร มีเพียง ๔ ภาณวาร ว่าโดยวรรค สงเคราะห์
เป็น ๔ วรรคคือ อุรควรรค อุพพริวรรค จูฬวรรค และมหาวรรค.
ใน ๔ วรรคนั้น วรรคแรกมี ๑๒ เรื่อง วรรคที่ ๒ มี ๑๓ เรื่อง
วรรคที่ ๓ มี ๑๐ เรื่อง วรรคที่ ๔ มี ๑๖ เรื่อง รวมความว่า เมื่อ
ว่าโดยเรื่อง ประดับด้วยเรื่อง ๕๑ เรื่อง. ในบรรดาวรรคของเรื่อง
นั้น อุรควรรคเป็นวรรคต้น. ในบรรดาเรื่อง มีเรื่องเขตตูปมเปรต
เป็นเรื่องต้น คาถาของเรื่องต้นนั้น มีคำว่า เขตฺตูปมา อรหนฺโต
เป็นต้น เป็นคาถาแรก.

มาสะสมกำลังของการอ่านหนังสือกันครับ ยิ่งอ่านมาก
กำลังก็ยิ่งเพิ่มทะวี เมื่อกำลังอ่านมีมากแล้วไม่ว่าจะอ่านอะไร
ก็จะเป็นเรื่องที่ง่ายขึ้นครับ

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 เม.ย. 2019, 18:01 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


Quote Tipitaka:
อุรควรรคที่ ๑
อรรถกถาเขตตูปมาเปตวัตถุที่ ๑
ก็ พระผู้มีพระภาคเจ้า เมื่อทรงประทับอยู่ที่พระเวฬุวัน
กลันทกนิวาปวิหาร ใกล้กรุงราชคฤห์ จึงทรงปรารภเปรตบุตรเศรษฐี
คนหนึ่ง จึงตรัสเรื่องนั้นดังต่อไปนี้ :-

ได้ยินว่า ในกรุงราชคฤห์ ได้มีเศรษฐีคนหนึ่ง เป็นคนมั่งคั่ง
มีทรัพย์มาก มีโภคะมาก มีเครื่องอุปกรณ์แห่งทรัพย์ที่น่าปลื้มใจ
อย่างมากมาย สั่งสมทรัพย์ไว้เป็นจำนวนหลายโกฏิ. ได้มีบุตรคน
เดียว น่ารัก น่าชอบใจ. เมื่อบุตรนั้น รู้เดียงสา บิดามารดาจึงพา
กันคิดอย่างนี้ว่า เมื่อบุตรของเราจ่ายทรัพย์ให้สิ้นเปลืองไปวันละ
๑,๐๐๐ ทุกวัน แม้ถึงร้อยปี ทรัพย์ที่สั่งสมไว้นี้ ก็ไม่หมดสิ้นไป.

จะประโยชน์อะไร ด้วยการที่จะให้บุตรนี้ลำบากในการศึกษาศิลปะ
ขอให้บุตรนี้จงมีความไม่ลำบากกายและจิต บริโภคโภคสมบัติ
ตามสบายเถิด ดังนี้แล้ว จึงไม่ให้บุตรศึกษาศิลปะ. ก็เมื่อบุตร
เจริญวัยแล้ว มารดาบิดาได้นำหญิงสาวแรกรุ่น ผู้สมบูรณ์ด้วยสกุล
รูปร่างความเป็นสาว และความงาม ผู้เอิบอิ่มด้วยกามคุณ บ่ายหน้า

ออกจากธรรมสัญญา. เขาอภิรมย์อยู่กับหญิงสาวนั้น ไม่ให้เกิดแม้
ความคิดถึงธรรม ไม่มีความเอื้อเฟื้อ ในสมณพราหมณ์และคนที่ควร
เคารพ ห้อมล้อมด้วยพวกนักเลง กำหนัด ยินดี ติดอยู่ในกามคุณ ๕
เป็นผู้มืดมนธ์ไปด้วยโมหะ ให้เวลาผ่านไป เมื่อมารดาบิดาถึง
แก่กรรมลง ให้สิ่งที่ปรารถนาแก่ นักรำ นักร้อง เป็นต้น ผลาญ

ทรัพย์ให้วอดวายไป ไม่นานเท่าไรนัก ก็สิ้นเนื้อประดาตัว (เที่ยว)
ขอยืม (เงิน) เลี้ยงชีวิต ยืมหนี้ไม่ได้อีก ถูกพวกเจ้าหนี้ ทวงถาม
ก็ต้องให้ที่นาที่สวนและเรือนเป็นต้น ของตนแก่พวกเจ้าหนี้เหล่านั้น
ถือกระเบื้อง เที่ยวขอทานกิน พักอยู่ที่ศาลาคนอนาถา ในพระนคร
นั้นนั่นแล.


เริ่มอ่านวันนี้ได้วันนี้ เริ่มพรุ่งนี้ก็ได้พรุ่งนี้ ไม่เริ่มก็ไม่ได้

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 เม.ย. 2019, 18:02 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


Quote Tipitaka:
ครั้นอยู่มาวันหนึ่ง พวกโจร มาประชุมกัน กล่าวกะเขา
อย่างนี้ว่า นายผู้เจริญ ท่านจะมีประโยชน์อะไรด้วยการเป็นอยู่
ลำบากอย่างนี้ ท่านยังเป็นหนุ่ม มีเรี่ยวแรงกำลังก็สมบูรณ์ เหตุไฉน
ท่านจึงอยู่เหมือนมีมือเท้าพิกล มาเถิด มาร่วมกับพวกเรา (เที่ยว)
ปล้นทรัพย์พวกชาวบ้านแล้ว เป็นอยู่สบายดี. ชายคนนั้น พูดว่า

เราไม่รู้วิธีทำโจรกรรม. พวกโจรตอบว่า พวกเราจะสอนให้เธอ
ขอให้เธอจงเชื่อคำของพวกเราอย่างเดียว. ชายนั้นรับคำแล้ว ได้
ไปกับพวกโจรเหล่านั้น. ลำดับนั้น พวกโจรเหล่านั้น ใช้ให้เขาถือ
ฆ้อนใหญ่ ตัดช่องย่องขึ้นเรือน ให้เขายืนตรงที่ปากช่องแล้วสอนว่า
ถ้าคนอื่นมาในที่นี้ เจ้าจงเอาไม้ฆ้อนนี้ทุบผู้นั้นทีเดียวให้ตายเลย.

เขาเป็นคนบอดเขลา ไม่รู้สิ่งที่เป็นประโยชน์และมิใช่ประโยชน์
ได้ยืนอยู่แต่ในที่นั้น มองดูทางมาของคนเหล่าอื่นอย่างเดียว. ฝ่าย
พวกโจร เข้าไปยังเรือนแล้ว ถือเอาสิ่งของที่ควรถือเอาไปด้วย
พอพวกคนในเรือนรู้ตัวเท่านั้น ก็พากันหนีไปคนละทิศ คนละทาง.
พวกคนในเรือน ลุกขึ้น ต่างก็พากันวิ่งขับโดยเร็ว พร้อมกับดู

ข้างโน้นข้างนี้ เห็นชายคนนั้น ยืนอยู่ตรงช่องประตู เฮ้ย คนร้าย
แล้วพากันจับไว้ เอาไม้ฆ้อนเป็นต้น ทุบมือและเท้าแล้ว กราบทูล
แสดงแด่พระราชาว่า ขอเดชะ คนนี้เป็นโจร ข้าพระองค์จับได้ที่
ปากช่อง. พระราชาทรงมีพระบัญชาให้ผู้รักษาพระนครลงโทษ
ด้วยพระดำรัสว่า จงตัดศีรษะของผู้นี้. ผู้รักษาพระนคร รับสนอง

พระบรมราชโองการแล้ว จึงให้จับชายคนนั้นแล้ว ให้มัดไพล่หลัง
อย่างมั่นคง ให้ตระเวนเขา ผู้ถูกคล้องคอด้วยพวงมาลัยสีแดงห่าง ๆ
มีศีรษะเปื้อนด้วยผงอิฐ ตามทางที่เขาแสดงด้วยกลอง ตีประจาน
โทษ จากทางรถบรรจบทางรถ จากทางสี่แพร่งบรรจบทางสี่แพร่ง
แล้ว ให้เฆี่ยนด้วยหวาย พลางนำไปยังสถานที่ประหารชีวิต.
ประชาชนพากันแตกตื่นว่า ในพระนครนี้ เขาจับโจรปล้นสะดมภ์
คนนี้ได้.


อ่านเป็นประจำ อ่านบ่อยๆ อ่านจนเคยชินแล้วก็จะเป็นเรื่องง่าย

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 เม.ย. 2019, 18:04 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


Quote Tipitaka:
ก็สมัยนั้นในพระนครนั้น มีหญิงงามเมือง คนหนึ่ง ชื่อว่า
สุลสา ยืนอยู่ที่ปราสาทมองไปตามช่องหน้าต่าง เห็นชายคนนั้น
ถูกนำไปอย่างนั้น เธอเคยถูกชายผู้นั้นบำเรอมาในกาลก่อน จึง
เกิดความสงสารชายคนนั้นขึ้นว่า ชายคนนี้ เคยเสวยสมบัติเป็น
อันมาก ในพระนครนี้เอง บัดนี้ถึงความพินาศวอดวายถึงเพียงนี้
จึงส่งขนมต้ม ๔ ลูก และน้ำดื่มไปให้. และได้แจ้งให้ผู้รักษา
พระนครทราบว่า ขอเจ้านาย จงรอจนถึงชายผู้นี้กินขนมต้มเหล่านี้
แล้วดื่มน้ำก่อน.

ครั้นในระหว่างนั้น ท่านพระมหาโมคคัลลานะ ตรวจดูด้วย
ทิพยจักษุ เห็นชายคนนั้นจะถึงความวอดวาย ด้วยแรงกรุณาเตือนใจ
คิดว่า ชายคนนี้ ไม่เคยทำบุญ ทำแต่บาป เพราะฉะนั้น ชายผู้นี้
จักเกิดในนรก ครั้นพอเราไป เขาถวายขนมต้มและน้ำดื่มแล้ว
จักเกิดในภุมมเทพ ไฉนหนอ เราจะพึงเป็นที่พึ่งของชายผู้นี้ ดังนี้

แล้วได้ไปปรากฏข้างหน้าของชายผู้นั้น ในขณะที่เขานำน้ำดื่ม
และขนมต้มเข้าไปให้. เขา ครั้นเห็นพระเถระก็มีจิตเลื่อมใส คิดว่า
เราผู้จะถูกคนเหล่านี้ฆ่าในบัดนี้เอง จะมีประโยชน์อะไร ด้วยขนมต้ม
ที่เราจะกินเข้าไป ก็ผลทานนี้ จักเป็นเสบียงสำหรับคนไปสู่ปรโลก
จึงให้เขาถวายขนมต้มและน้ำดื่มแด่พระเถระ. เพื่อจะเจริญความ
เลื่อมใสของชายผู้นั้น เมื่อชายผู้นั้น กำลังดูอยู่นั่นแหละ พระเถระ

จึงนั่งในที่เช่นนั้น ฉันขนมต้มและดื่มน้ำแล้ว ลุกจากอาสนะหลีกไป.
ฝ่ายชายผู้นั้น ถูกเพชฌฆาตนำไปสู่ที่ประหาร แล้วให้ถึงการตัด
ศีรษะ ด้วยบุญที่เขาทำไว้ในพระมหาโมคคัลลานเถระ ผู้เป็น
บุญเขต อย่างยอดเยี่ยม แม้จะเป็นผู้ควรจะเกิดในเทวโลก ชั้นเยี่ยม

แต่เพราะเหตุที่เธอมีจิตเศร้าหมองในเวลาใกล้จะตาย เพราะความ
เสน่หาที่มุ่งถึงนางสุลสาว่า เราได้ไทยธรรมนี้ เพราะอาศัยนาง
สุลสา ฉะนั้น เมื่อจะเกิดเป็นหมู่เทพชั้นต่ำ จึงเกิดเป็นรุกขเทวดา
ที่ต้นไทรใหญ่ มีร่มเงาอันสนิท อันเกิดแทบภูเขา.


ปลูกฝังเรื่องรักการอ่านหนังสือให้ลูกหลานท่านเห็นเป็นแบบ
อย่างที่ดีเริ่มจากตัวท่านเองครับ

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 เม.ย. 2019, 18:05 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


Quote Tipitaka:
อาจารย์บางพวกกล่าวว่า "ได้ยินว่า ถ้าในปฐมวัย เขาจักได้
ขวนขวายในการดำรงวงศ์สกุลไซร้ เขาจักเป็นผู้เลิศกว่าเศรษฐี
ทั้งหลาย ในพระนครนั้นนั่นเอง ถ้าขวนขวายในมัชฌิมวัย เขาจัก
เป็นเศรษฐีวัยกลางคน ถ้าขวนขวายในปัจฉิมวัย เขาก็จักเป็น
เศรษฐีในวัยสุดท้าย. แต่ถ้าในปฐมวัยเขาจักได้บวชไซร้ เขาก็จัก

ได้เป็นพระอรหันต์. ถ้าบวชในมัชฌิมวัย เขาก็จักได้เป็นพระ-
สกทาคามี หรือพระอนาคามี. ถ้าบวชในปัจฉิมวัย เขาก็จักได้
เป็นพระโสดาบัน. แต่เพราะเขาคลุกคลีด้วยบาปมิตร เขาจึงเป็น
นักเลงหญิง นักเลงสุรา ยินดีแต่ในทุจจริต เป็นคนไม่เอื้อเฟื้อ
เสื่อมจากสมบัติทั้งปวง ถึงความย่อยยับอย่างใหญ่หลวง โดยลำดับ."

ครั้นสมัยต่อมา เทพบุตรนั้นเห็นนางสุลสาไปสวน เกิด
กามราคะ เนรมิตให้มืดแล้วนำนางไปยังภพของตน สำเร็จการอยู่
ร่วมกับนางสิ้น ๗ วัน และได้แนะนำตนแก่นาง. มารดาของนาง
เมื่อไม่เห็นนาง ร้องไห้พลางวิ่งพล่านไปข้างโน้นข้างนี้. มหาชน
เห็นเข้าจึงกล่าวว่า พระผู้เป็นเจ้ามหาโมคคัลลานะ เป็นผู้มีฤทธิ์มาก

มีอานุภาพมาก จะพึงรู้คติของนาง ท่านพึงเข้าไปหาท่านแล้ว
ไต่ถามเถิด. นางรับคำแล้วเข้าไปหาท่าน ถามความนั้น. พระเถระ
กล่าวว่า ในวันที่ ๗ แต่วันนี้ เมื่อพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดงธรรม
ในพระเวฬุวันมหาวิหาร เธอจักเห็น ณ ที่สุดบริษัท. ลำดับนั้น
นางสุลสาได้กล่าวกะเทวบุตรนั้นว่า ข้อที่เราอยู่ในภพของท่าน

ไม่สมควร วันนี้ เป็นวันที่ ๗ มารดาของฉันเมื่อไม่เห็นฉัน ก็จัก
ถึงความร่ำไรโศกเศร้า ดีละเทวดา ท่านจงพาฉันไปที่นั้นนั่นเถิด.
เทพบุตรพานางไปพักไว้ท้ายบริษัท ในเมื่อพระผู้มีพระภาคเจ้า
กำลังทรงแสดงธรรมอยู่ในพระเวฬุวัน ได้ยืนไม่ปรากฏตัว.


ขยัน หมั่นเพียร ในการอ่าน แล้วจะมีคนทำตามอย่างแน่นอน
เป็นตัวอย่างที่ดีให้กับสังคมด้วยการ คิดดี พูดดี ทำดีเริ่มจากเราเลย

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 เม.ย. 2019, 21:05 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


Quote Tipitaka:
ลำดับนั้น มหาชนเห็นนางสุลสา แล้วกล่าวอย่างนี้ว่า แม่สุลสา
เธอไปไหนมาตลอดวันเท่านี้ มารดาของเธอ เมื่อไม่เห็นเธอ ก็ได้
ถึงความร่ำไรโศกเศร้าเหมือนคนบ้า. นางจึงแจ้งเรื่องนั้นแก่มหาชน
และเมื่อมหาชนถามว่า อย่างไรบุรุษนั้นกระทำความขวนขวาย
แต่บาปเช่นนั้น ไม่ได้ทำกุศลไว้เลย ยังเกิดเป็นเทพได้ นางสุลสา
กล่าวว่า เขาได้ถวายขนมต้มและน้ำดื่มที่เราให้ แก่ท่านพระมหา-

โมคคัลลานะ ด้วยบุญนั้น จึงได้เกิดเป็นเทพบุตร มหาชนได้ฟัง
ดังนั้น จึงได้เกิดอัศจรรย์จิตไม่เคยมี จึงได้คิดว่า เขาได้กระทำ
บุญกรรมแม้น้อย ในพระอรหันต์ทั้งหลาย ผู้ชื่อว่า เป็นบุญเขต
อันยอดเยี่ยมของชาวโลก จึงนำสัตว์มาเกิดเป็นเทพบุตร ดังนี้แล้ว
จึงได้เสวยปีติและโสมนัสอันโอฬาร ภิกษุทั้งหลาย กราบทูล
เนื้อความนั้น แด่พระผู้มีพระภาคเจ้า. ลำดับนั้น เพราะอัตถุปปัติ-
เหตุนี้ พระผู้มีพระภาคเจ้า จึงได้ทรงภาษิตคาถาเหล่านี้ว่า :-

พระอรหันต์ทั้งหลาย เปรียบด้วยนา
ทายกทายิกาทั้งหลาย เปรียบด้วยชาวนา ไทย
ธรรมเปรียบด้วยพืช ผลทาน ย่อมเกิด แต่การ
บริจาคไทยธรรม ของทายกทายิกาผู้ให้แก่
ปฏิคาหกผู้รับนั้น พืชนาและการหว่านพืชนี้
ย่อมให้เกิดผลแก่พวกเปรต และทายกทายิกา

ผู้ให้ เปรตทั้งหลาย ย่อมพากันบริโภคผลนั้น
ทายกทายิกาย่อมเจริญด้วยบุญ ทายกทายิกา
ทำกุศลในโลกนี้แล้ว อุทิศให้เปรตทั้งหลาย
ครั้นทำกรรมดีแล้ว ย่อมไปสวรรค์.

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 26 เม.ย. 2019, 21:06 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


Quote Tipitaka:
บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า เขตฺตูปมา ได้แก่ ชื่อว่า นา
เพราะเป็นที่ต้านทานคือรักษา พืชที่ซัดคือที่หว่าน โดยทำภาวะ
ให้ทำผลมาก ได้แก่ สถานที่เป็นที่งอก แห่งพืชมีข้าวสาลีเป็นต้น.
พระอรหันต์ทั้งหลาย ชื่อว่า เขตตูปมา เพราะมีนาเป็นอุปมา อธิบาย
ว่า เป็นเสมือนคันนา. บทว่า อรหนฺโต ได้แก่ ท่านผู้สิ้นอาสวะ

ทั้งหลาย. จริงอยู่ ท่านผู้สิ้นอาสวะทั้งหลายเหล่านั้น ท่านเรียกว่า
พระอรหันต์ เพราะกำจัดซี่กำแห่งกิเลสเป็นต้น และซี่กำแห่ง
สังสารจักร เพราะเป็นผู้ไกลจากกิเลสเป็นต้นนั้นนั่นแล เพราะ
เป็นผู้ควรแก่ไทยธรรมมีปัจจัยเป็นต้น และเพราะไม่มีที่ลับในการ
ทำบาป.

จริงอยู่ ในข้อนั้น สันดานของพระขีณาสพ เว้นจากโทษมี
โลภเป็นต้น ประกอบด้วยปัจจัยอื่นมีกาลเป็นต้น ในเมื่อเขาหว่านพืช
คือไทยธรรมที่ตบแต่งไว้ดีแล้ว ย่อมมีผลมากแก่ทายก เปรียบเหมือน
นาเว้นจากโทษมีหญ้าเป็นต้น ประกอบด้วยปัจจัยอื่น มีฤดูและน้ำ
เป็นต้น ในเมื่อหว่านพืชที่เขาจัดแจงไว้ดี ย่อมมีผลมากแก่ชาวนา

ฉะนั้น. ด้วยเหตุนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าจึงตรัสว่า เขตฺตูปมา
อรหนฺโต ดังนี้เป็นต้น. นี้เป็นนิเทศอย่างอุกฤษฏ์ เพราะไม่ปฏิเสธ
ว่า แม้พระอริยบุคคลมีพระเสขะเป็นต้นว่า เป็นเขตของทายกนั้น.

บทว่า ทายกา ได้แก่ ผู้ให้ คือ ผู้บริจาค ปัจจัยมีจีวร เป็นต้น.
อธิบายว่า ผู้สละคือผู้ตัดกิเลสมีโลภะเป็นต้น ในสันดานของตน
โดยการบริจาคปัจจัยมีจีวรเป็นต้นนั้น อีกอย่างหนึ่ง ผู้ชำระและ
ผู้รักษา สันดานของตน จากกิเลสมีความโลภเป็นต้นนั้น. บทว่า
สฺสกูปมา ได้แก่ เสมือนชาวนา. ชาวนา ไถนาข้าวสาลีเป็นต้น

เมื่อไม่ประมาท ด้วยกิจมีการหว่าน การไขน้ำเข้า การเปิดน้ำออก
การปักดำ และการรักษา เป็นต้น ตามควรแก่เวลา ย่อมได้รับผล
แห่งข้าวกล้า อันโอฬารและไพบูลย์ ฉันใด แม้ทายกก็ฉันนั้น เมื่อ
ไม่ประมาทด้วยการบริจาคไทยธรรม และการปรนนิบัติในพระ-
อรหันต์ทั้งหลาย ย่อมได้รับผลแห่งทานอันโอฬารและไพบูลย์.
ด้วยเหตุนั้น ท่านจึงกล่าวว่าทายกและทายิกา เปรียบด้วยชาวนา
ดังนี้เป็นต้น.

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 356 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2, 3, 4, 5 ... 24  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: Google [Bot] และ บุคคลทั่วไป 21 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร