วันเวลาปัจจุบัน 19 มี.ค. 2024, 11:17  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 356 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 12, 13, 14, 15, 16, 17, 18 ... 24  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 พ.ค. 2019, 20:32 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


Quote Tipitaka:
เมื่อฉันอยู่ในวิมานนี้ ๗ ปีเท่านั้น ได้เสวย
ทิพยสมบัติ และความสุขอิ่มหนำแล้ว ฉันกลับ
ไปสู่ถิ่นมนุษย์แล้ว จักทำบุญให้มากขึ้น ข้าแต่
ลูกเจ้า ขอท่านจงนำฉันกลับไปสู่ถิ่นมนุษย์เถิด.

บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า สตฺเตว วสฺสานิ อิธาคตาย เม
ความว่า ข้าแต่ลูกเจ้า เมื่อฉันอยู่ในที่นี้ ชะรอยว่าล่วงไปถึง ๗ ปี
ทีเดียว, นางกำหนดกาลเวลาที่ล่วงไปเป็นอันมากไม่ได้ จึงได้กล่าว
อย่างนั้น เพราะค่าที่ตนเพียบพร้อมไปด้วยทิพยสมบัติ และสุขสมบัติ
ถึง ๗๐๐ ปี.

ก็วิมานเปรตนั้น ถูกนางถามอย่างนี้แล้ว จึงพร่ำสอนเธอ
มีประการต่าง ๆ แล้วกล่าวว่า บัดนี้เธอ จักไม่อยู่ในที่นั้น เกิน
๗ วัน ทรัพย์ที่เราให้แม่ของเจ้าฝังไว้มีอยู่ เจ้าจงให้ทรัพย์นั้นแก่
สมณพราหมณ์ แล้วจงปรารถนาความอุบัติในที่นี้แหละ จึงจับแขน

นางวางไว้ที่กลางบ้าน กล่าวว่า เจ้าพึงโอวาท ชนแม้เหล่าอื่น
ผู้มาในที่นี้ว่า ท่านทั้งหลาย จงทำบุญตามกำลังเถิด ดังนี้แล้วจึงไป.
ด้วยเหตุนั้น ท่านจึงกล่าวว่า :-

เวมานิกเปรตนั้น จับแขนหญิงนั้น นำกลับ
ไปสู่บ้าน ที่นางเกิด แล้วพูดกะหญิงนั้น ซึ่งกลับ
เป็นคนแก่ มีกำลังน้อยที่สุดว่า ท่านพึงบอกชน
แม้อื่นที่มายังที่นี้ว่า ท่านทั้งหลาย จงทำบุญเถิด
ท่านทั้งหลาย จะได้รับความสุข.

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 พ.ค. 2019, 20:33 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


Quote Tipitaka:
บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า โส ได้แก่ วิมานเปรตนั้น. บทว่า
ตํ ได้แก่หญิงคนนั้น. บทว่า คเหตฺวาน ปสยฺห พาหายํ ได้แก่ จับ
แขนหญิงนั้น เหมือนบังคับนำไป. บทว่า ปจฺจานยิตฺวาน ได้แก่ นำ
กลับมายังบ้านที่นางเกิดเจริญเติบโต. บทว่า เถรึ ได้แก่ เป็นคนแก่,
อธิบายว่า คนแก่ คนเฒ่า. บทว่า สุทุพฺพลํ ได้แก่ มีกำลังน้อยที่สุด
เพราะค่าที่ตนเป็นคนคร่ำคร่าเพราะชรานั่นเอง. ได้ยินว่า พร้อม

กับการไปจากวิมานนั้นนั่นแล นางเป็นคนคร่ำคร่า แก่เฒ่า ล่วงกาล
ผ่านวัย. บทว่า วชฺเชสิ แปลว่า พึงกล่าว. ก็เพื่อจะแสดงอาการแห่ง
คำที่จะพึงกล่าว ท่านจึงกล่าวคำมีอาทิว่า อฺมฺปิ ชนํ คำนั้น
มีอธิบายดังนี้ว่า :- แน่ะนางผู้เจริญ ถึงท่านก็พึงทำบุญ แม้คน

อื่นที่มาในที่นี้ เพื่อต้องการเยี่ยมบ้าน ท่านก็พึงว่ากล่าวสั่งสอนว่า
ท่านผู้มีหน้าผ่องใส ท่านจงเพ่งดูศีรษะ และท่อนผ้าที่ถูกไฟไหม้
ก็จงทำบุญมีทานและศีลเป็นต้น และว่า เมื่อทำบุญแล้ว ท่านจะได้
รับความสุข อันเป็นผลแห่งบุญนั้น โดยแท้จริงทีเดียว ไม่ควรทำ
ความสงสัยในบุญนั้น.

ก็แล เมื่อวิมานเปรตนั้นกล่าวอย่างนี้แล้วจึงไป หญิงนั้น ไป
ยังที่อยู่ของหมู่ญาติตน ให้ญาติเหล่านั้นรู้จักตนแล้ว จึงถือเอา
ทรัพย์ที่ญาติเหล่านั้นมอบให้ เมื่อจะให้ทานแก่สมณะและพราหมณ์
จึงได้ให้โอวาทแก่ชนผู้มาแล้ว ๆ สู่สำนักของตน จึงกล่าวสอนด้วย
คาถาว่า :-

เราได้เห็นเปรตทั้งหลาย ผู้ไม่ได้ทำความดี
ไว้ เดือดร้อนอยู่ฉันใด มนุษย์ทั้งหลายก็ฉันนั้น
ก็หมู่สัตว์คือเทวดาและมนุษย์ กระทำกรรมอัน
มีความสุขเป็นวิบากแล้ว ย่อมเป็นผู้ดำรงอยู่ใน
ความสุข.

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 พ.ค. 2019, 20:33 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


Quote Tipitaka:
บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า อกเตน ได้แก่ ไม่บังเกิด คือ
ตนไม่ได้สั่งสมไว้. บทว่า สาธุนา ได้แก่ มีกุศลกรรม. บทว่า
สาธุนานี้ เป็นตติยาวิภัตติ ใช้ในลักษณะแห่งอิตถัมภูตะ. บทว่า
วิหฺนฺติ แปลว่า ถึงความคับแค้น. บทว่า สุขเวทนียํ ได้แก่
บุญกรรมอันมีสุขเป็นวิบาก. บทว่า สุเข €ิตา ได้แก่ดำรงอยู่ใน

ความสุข. บาลีว่า สุเข€ิตา ดังนี้ก็มี, อธิบายว่า เจริญยิ่ง คือ แผ่ไป
ด้วยความสุข. ก็ในข้อนี้ มีอธิบายดังนี้ว่า เราเห็นพวกเปรต เหมือน
พวกมนุษย์ เดือดร้อนอยู่เพราะไม่ได้ทำกุศลไว้ ทำแต่อกุศล ถึง
ความคับแค้น ด้วยความหิวและกระหายเป็นต้น เสวยทุกข์อย่างมหันต์.
แต่เราได้เห็นหมู่สัตว์ ผู้กระทำกรรมอันเป็นเหตุอำนวยความสุข

ผู้นับเนื่องในเทวดาและมนุษย์ ด้วยกุศลกรรมที่ตนทำไว้นั้น และ
อกุศลกรรมที่ตนไม่ได้กระทำไว้ ดำรงอยู่ในความสุข. บทว่า สุเข
€ิตา นี้. เป็นบทกล่าวบ่งถึงตน. เพราะฉะนั้น ท่านเมื่อเว้นความชั่ว
ให้ห่างไกลแล้ว จงประกอบขวนขวายในการบำเพ็ญบุญ.

หญิงนั้น เมื่อให้โอวาทอย่างนี้ ได้บำเพ็ญมหาทาน ตลอด
๗ วัน เพื่อสมณและพราหมณ์เป็นต้น ในวันที่ ๗ ตายไป บังเกิด
ในภพชั้นดาวดึงส์. ภิกษุทั้งหลาย กราบทูลเรื่องนั้น แด่พระผู้มี-
พระภาคเจ้า. พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ทรงกระทำเรื่องนั้นให้เป็น
อัตถุปปัตติเหตุแล้ว จึงแสดงธรรมแก่บริษัทผู้ถึงพร้อมแล้ว. แต่

เมื่อว่า โดยความแปลกกัน พระองค์ทรงประกาศถึงความที่ทานที่
บำเพ็ญในพระปัจเจกพุทธเจ้า ว่า ผลมากมีอานิสงส์มาก. มหาชน
ได้ฟังดังนั้นแล้ว เป็นผู้ปราศจากความตระหนี่อันเป็นมลทิน ยินดี
ยิ่งในบุญมีทานเป็นต้น ฉะนี้แล.
จบ อรรถกถาสุตตเปตวัตถุที่ ๑๑

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 พ.ค. 2019, 20:34 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


Quote Tipitaka:
อรรถกถากัณณมุณฑเปติวัตถุที่ ๑๒
เมื่อพระศาสดา ประทับอยู่ในกรุงสาวัตถี ทรงพระปรารภ
กัณณมุณฑเปรต ตรัสพระคาถานี้มีคำเริ่มต้นว่า โสณฺณโสปานผลกา
ดังนี้.

ได้ยินว่า ในอดีตกาล ในกาลแห่งพระพุทธเจ้า ทรงพระนาม
ว่ากัสสปะ ในกิมิลนคร ยังมีอุบาสกคนหนึ่งเป็นพระโสดาบัน มี
ฉันทะร่วมกันกับอุบาสก ๕๐๐ คน เป็นผู้ขวนขวายในบุญกรรม
มีการปลูกดอกไม้ สร้างสะพาน และสร้างที่จงกรม เป็นต้นอยู่

สร้างวิหารถวายพระสงฆ์ ได้ไปวิหารตามกาลเวลา พร้อมกับ
อุบาสกเหล่านั้น. ฝ่ายภริยาของอุบาสกเหล่านั้น เป็นอุบาสิกามี
ความพร้อมเพรียงกันและกัน ต่างถือดอกไม้ของหอมและเครื่อง
ลูบไล้เป็นต้น ไปยังวิหารตามกาลเวลา ไปพักผ่อน ในสภาอัน
เป็นที่รื่นรมย์เป็นต้น ในระหว่างทาง.

ภายหลังวันหนึ่ง นักเลงหญิง ๒-๓ คน นั่งประชุมกันที่สภา
แห่งหนึ่ง เมื่ออุบาสิกาเหล่านั้น พากันไปพักผ่อนในที่นั้น เห็นรูป
สมบัติของอุบาสิกาเหล่านั้น มีจิตปฏิพัทธ์ รู้ว่า อุบาสิกาเหล่านั้น
ถึงพร้อมด้วยศีล อาจารและคุณธรรม จึงสนทนากันว่า ใครสามารถ
จะทำลายศีล ของอุบาสิกาแม้คนหนึ่ง ในบรรดาอุบาสิกาเหล่านั้น

ได้. ในนักเลงเหล่านั้น นักเลงคนหนึ่ง กล่าวว่า เราสามารถ.
นักเลงเหล่านั้น ได้ทำความเสนียดจัญไรว่า พวกเราจะทำกรรม
อันเป็นเสนียดจัญไร ด้วยค่าจ้าง ๑,๐๐๐. เมื่อท่านทำได้ เราจะ
ให้ทรัพย์ ๑,๐๐๐ แก่ท่าน เมื่อท่านทำไม่ได้ ท่านพึงให้ทรัพย์แก่เรา.
เขาพยายามด้วยอุบายเป็นอเนก เมื่ออุบาสิกาเหล่านั้น มายังสภา

จึงดีดพิณ ๗ สาย มีเสียงเปล่งออกไพเราะเพราะพริ้ง ขับเพลง
ขับอันประกอบด้วยกามคุณ มีเสียงไพเราะทีเดียว ให้หญิงคนหนึ่ง
ในบรรดาอุบาสิกาเหล่านั้น ถึงศีลวิบัติ ด้วยเสียงเพลงขับ กระทำ
การล่วงเกิน ให้นักเลงเหล่านั้นพ่ายแพ้ไปด้วยทรัพย์ ๑,๐๐๐.
นักเลงเหล่านั้น พ่ายแพ้ไปด้วยทรัพย์ ๑,๐๐๐ แล้วจึงบอกแก่สามี

ของนาง. สามีถามนางว่า บุรุษเหล่านั้นได้กล่าวโดยประการที่เธอ
เป็นอย่างนี้หรือ? นางปฏิเสธว่า ฉันไม่รู้เรื่องเช่นนี้ เมื่อสามีไม่เชื่อ
จึงแสดงสุนัขที่อยู่ใกล้ ได้ทำการสบถว่า ถ้าฉันทำกรรมชั่วเช่นนั้น
ไซร้ ขอสุนัขดำตัวหูขาดนี้ จงกัดฉัน ซึ่งเกิดในภพนั้น ๆ เถิด.
ฝ่ายหญิง ๕๐๐ คน รู้ว่าหญิงนั้นประพฤตินอกใจ ถูกสามีท้วงว่า

หญิงนี้ทำกรรมชั่วเช่นนี้ หรือว่าไม่ได้ทำ จึงกล่าวมุสาว่า พวก
เราไม่รู้กรรมเห็นปานนี้ จึงได้ทำสบถว่า ถ้าพวกฉันรู้ ขอให้พวก
ดิฉันพึงเป็นทาสหญิง ของหญิงนั้นแหละ ทุก ๆ ภพไปเถิด.

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 พ.ค. 2019, 07:38 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


Quote Tipitaka:
ลำดับนั้น หญิงผู้ประพฤตินอกใจนั้น มีหทัยถูกความเดือดร้อน
นั้นนั่นแลแผดเผา จึงซูบซีดไป ไม่นานนัก ก็ตายไป บังเกิดเป็น
เวมานิกเปรตอยู่ที่ริมฝั่งสระกัณณมุณฑแห่งหนึ่ง บรรดาสระใหญ่
๗ สระ ที่ขุนเขาหิมวันต์. และรอบ ๆ วิมานของนาง ได้บังเกิด
สระโบกขรณีขึ้นสระหนึ่ง อันประกอบด้วยการเสวยวิบากแห่ง

กรรมของนาง ส่วนหญิง ๕๐๐ คนที่เหลือ ทำกาละแล้ว บังเกิด
เป็นนางทาสีของหญิงนั้นนั่นแล ด้วยอำนาจกรรมที่ทำสบถไว้.
นางเสวยทิพยสมบัติตลอดกลางวัน เพราะผลแห่งบุญกรรมที่ตน
ทำไว้ในกาลก่อนนั้น พอถึงเที่ยงคืนก็ถูกพลังแห่งกรรมชั่วตักเตือน
จึงลุกขึ้นจากที่นอน ไปยังฝั่งสระโบกขรณี. สุนัขดำตัวหนึ่ง

ประมาณเท่าลูกแพะ มีรูปร่างน่ากลัว หูขาด มีเขี้ยวโง้งยาวคมกริบ
มีนัยน์ตาเสมือนกองถ่านไม้ตะเคียนที่ลุกโพลงดีแล้ว มีลิ้นเหมือน
กลไกแห่งสายฟ้าที่แลบออกมาไม่ขาดระยะ มีเล็บโง้งคมกริบ
มีขนน่าเกลียดยาวแข็ง มาจากสระกัณณมุณฑะนั้น แล้วทำนาง
ผู้ไปในที่นั้น ให้ล้มลงที่ภาคพื้น เป็นเสมือนถูกความหิวจัดครอบงำ

ขู่ข่ม กัดกิน ให้เหลือเพียงร่างกระดูก แล้วคาบไปทิ้งที่สระโบก-
ขรณีแล้ว ก็หายไป. พร้อมกับที่สุนัขทิ้งในสระโบกขรณีนั้นนั่นแหละ
นางก็มีรูปเป็นปกติเดิมแล้ว ขึ้นสู่วิมาน นอนอยู่บนที่นอน. ฝ่าย
หญิงนอกนั้น เสวยทุกข์เป็นทาสของนางนั้นนั่นแล. พวกหญิงที่อยู่
ในที่นั้น ล่วงไป ๕๕๐ ปี ด้วยประการฉะนี้.

ลำดับนั้น หญิงเหล่านั้น เว้นจากบุรุษเสีย อยู่เสวยทิพย-
สมบัติ เกิดความเบื่อหน่าย. ยังมีแม่น้ำสายหนึ่งไหลออกจากสระ
กัณณมุณฑะ ในบรรดาสระใหญ่ ๗ สระนั้น ออกทางช่องบรรพต
แล้ว เข้าไปยังแม่น้ำคงคา. ก็ในที่ใกล้แต่สถานที่อยู่ของหญิง

เหล่านั้น ยังมีป่าไม้แทบหนึ่ง เป็นเช่นกับสวน อันงดงามประกอบ
ไปด้วยต้นมะม่วง ต้นขนุนและน้ำเต้าเป็นต้น ซึ่งมีผลเป็นทิพย์.
หญิงเหล่านั้น คิดพร้อมกันอย่างนี้ว่า เอาเถอะ พวกเรา จักทิ้ง
ผลมะม่วงเหล่านี้ลงในแม่น้ำนี้, ผิไฉน ชายบางคน เห็นผลไม้นี้เข้า

เพราะความโลภในผลไม้ จะพึงมาในที่นี้บ้าง พวกเราจักอภิรมย์
กับชายนั้น. หญิงเหล่านั้น ได้กระทำเหมือนอย่างนั้น. ก็ผลมะม่วง
ที่หญิงเหล่านั้น พากันโยนลงไปบางผล ดาบสเก็บได้. บางผล
พรานไพรเก็บเอาไป บางผลกาแย่งเอาไป บางผลคล้องอยู่ที่ริมฝั่ง
ส่วนผลหนึ่ง ลอยไปตามกระแสน้ำ ในแม่น้ำคงคา ถึงกรุงพาราณสี
โดยลำดับ.

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 พ.ค. 2019, 07:39 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


Quote Tipitaka:
ก็สมัยนั้น พระเจ้าพาราณสี ทรงสรงสนานในแม่น้ำคงคา
ที่เขาล้อมไว้ด้วยตาข่ายโลหะ. ลำดับนั้น ผลไม้นั้นลอยไปตาม
กระแสแม่น้ำมาโดยลำดับ ติดอยู่ที่ตาข่ายโลหะ. พวกราชบุรุษ
เห็นผลมะม่วงทิพย์ขนาดใหญ่ สมบูรณ์ด้วยสี กลิ่น และรส นั้นเข้า
จึงนำเข้าไปถวายแก่พระราชา. พระราชาทรงหยิบเอาส่วนหนึ่ง
ของผลมะม่วงนั้น เพื่อจะทดลอง จึงพระราชทานให้แก่เพชฌฆาต

คนหนึ่งที่พระองค์ทรงตั้งไว้ในเรือนจำกิน. เขาเคี้ยวกินผลไม้นั้น
แล้วกล่าวว่า ข้าแต่สมมุติเทพ ผลไม้เช่นนี้ ข้าพระองค์ไม่เคยเคี้ยว
กินเลย ผลมะม่วงนี้ ชะรอยว่าจะเป็นของทิพย์. พระราชาได้พระ-
ราชทานอีกชิ้นหนึ่งแก่เพชฌฆาตนั้น. เพชฌฆาตเคี้ยวกินผลมะม่วง
นั้นแล้ว ปราศจากหนังเหี่ยวและผมหงอก มีรูปร่างน่าพึงใจ ได้

เป็นประหนึ่งตั้งอยู่ในวัยหนุ่ม. พระราชาทอดพระเนตรเห็นดังนั้น
ทรงเกิดอัศจรรย์พระทัย ไม่เคยมี จึงเสวยผลมะม่วงนั้นบ้าง
ได้รับความวิเศษในพระวรกาย จึงตรัสถามพวกมนุษย์ว่า ผลมะม่วง
ทิพย์เห็นปานนี้ มีอยู่ที่ไหน? พวกมนุษย์กราบทูลอย่างนี้ ได้ยินว่า
มีอยู่ที่ขุนเขาหิมพานต์ พระเจ้าข้า. พระราชาตรัสว่า ก็ใคร
สามารถจะนำเอามะม่วงเหล่านั้นมาได้. พวกมนุษย์กราบทูลว่า
พรานไพร ย่อมรู้พระเจ้าข้า.

พระราชารับสั่งให้เรียกพวกพรานไพรมา จึงแจ้งเรื่องนั้น
ให้พวกพรานไพรทราบ ได้พระราชทานทรัพย์ ๑,๐๐๐ กหาปณะ
แก่พรานไพรผู้หนึ่ง ที่พวกพรานไพรเหล่านั้นสมมุติมอบถวายไป
จึงส่งพรานไพรคนนั้นไป ด้วยพระดำรัสว่า เจ้าจงไป จงรีบนำ
เอาผลมะม่วงนั้นมาให้เรา. พรานไพรนั้นได้ให้ทรัพย์ ๑,๐๐๐

กหาปณะนั้น แก่บุตรและภริยา ถือเอาสะเบียง มุ่งหน้าไปสระ
กัณณมุณฑะ ตรงกันข้ามกับแม่น้ำคงคา ล่วงเลยถิ่นมนุษย์ไป
พบดาบสองค์หนึ่งที่ประเทศประมาณ ๖๐ โยชน์ ฝั่งในแต่สระ
กัณณมุณฑะ เดินไปตามทางที่ดาบสนั้นบอกให้ พบดาบสอีกองค์
หนึ่งที่ประเทศประมาณ ๓๐ โยชน์ เดินไปตามทางที่ดาบสนั้นบอก

ให้ พบดาบสอีกองค์หนึ่ง ในที่ประมาณ ๑๕ โยชน์ จึงได้บอกเหตุ
ที่ตนมาแก่ดาบสนั้น. ดาบสพร่ำสอนเธอว่า ตั้งแต่นี้ไป เธอจะละ
แม่น้ำคงคาใหญ่สายนี้เสีย อาศัยแม่น้ำน้อยนี้ เดินทวนกระแสร์ไป
ถือเอาน้ำในราตรี ในคราวที่ท่านเห็นช่องบรรพตแล้ว พึงเข้าไป.

ก็แม่น้ำสายนี้ ในเวลากลางคืน จะไม่ไหล. เพราะฉะนั้น แม่น้ำนั้น
จึงเหมาะแก่การไปของท่าน. โดยล่วงไป ๒-๓ โยชน์ ท่านก็จักเห็น
ผลมะม่วงเหล่านั้น. เขาได้ทำตามนั้นแล้ว พอพระอาทิตย์อุทัยขึ้น
ได้ถึงสวนมะม่วง อันเป็นที่น่ารื่นรมย์ใจยิ่งนัก เป็นภูมิภาคที่
โชติช่วงไปด้วยข่ายแห่งรัศมีของรัตนะต่าง ๆ งดงามไปด้วย
ส่วนแห่งป่าที่มีผลมาก มีแมกไม้ มีสาขาปกคลุมเป็นดุจเพดาน
หมู่วิหกนานาชนิดก็ส่งเสียงร่ำร้อง.

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 พ.ค. 2019, 07:39 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


Quote Tipitaka:
ลำดับนั้น พวกหญิงอมนุษย์เหล่านั้น เห็นพรานไพรนั้น
เดินมาแต่ไกล จึงวิ่งเข้าไปด้วยหมายใจว่า คนนี้เป็นที่พึ่งของเรา
คนนี้เป็นที่พึ่งของเรา. ก็พรานไพรนั้น พอเห็นหญิงเหล่านั้นเข้า
จึงตกใจกลัว ร้อง หนีไป เพราะตนไม่ได้ทำบุญกรรมอันเหมาะสม
ที่จะเสวยทิพยสมบัติในที่นั้น ร่วมกับหญิงเหล่านั้นได้ จึงไปถึง
กรุงพาราณสี โดยลำดับแล้วกราบทูลเรื่องนั้น แด่พระราชา.

พระราชาทรงสดับเรื่องนั้นแล้ว จึงเกิดความหวังเพื่อจะเห็นหญิง
เหล่านั้น และ เพื่อจะบริโภคผลมะม่วงทั้งหลาย จึงให้พวกอำมาตย์
สำเร็จราชการแทนพระองค์ ทรงผูกสอดกำธนู เหน็บพระขรรค์
โดยอ้างว่าจะไปล่าเนื้อ มีมนุษย์ ๒-๓ คน เป็นบริวาร เสด็จไป
ตามทางที่พรานไพรนั้นนั่นแหละชี้แนะให้ จึงพักพวกมนุษย์ไว้

ในที่ระยะ ๒-๓ โยชน์ จึงพาเฉพาะพรานไพรไปโดยลำดับ ให้
พรานไพรแม้นั้น กลับจากที่นั้น พอพระอาทิตย์อุทัย ก็เสด็จเข้าถึง
สวนมะม่วง. ลำดับนั้น พวกหญิงเหล่านั้น เห็นเทพบุตรนั้น เหมือน
เกิดในภพใหม่ จึงต้อนรับ รู้ว่าเขาเป็นพระราชา จึงเกิดความรัก
และความนับถือมาก ให้อาบน้ำโดยเคารพ ให้ประดับตกแต่ง

ด้วยดี ด้วยผ้า เครื่องอลังการ ดอกไม้ ของหอม และเครื่องลูบไล้
ยกขึ้นสู่วิมาน ให้บริโภคโภชนะอันเป็นทิพย์ มีรสเลิศต่าง ๆ แล้ว
ได้เข้าไปนั่งใกล้เขาตามสมควรแก่ความปรารถนา.

ครั้นล่วงไป ๑๕๐ ปี พระราชาเสด็จลุกขึ้น ในเพลาเที่ยงคืน
ประทับนั่งทอดพระเนตรเห็นนางเปรต ผู้ประพฤติล่วงเกินนั้น
กำลังเดินไปยังฝั่งสระโบกขรณี มีความประสงค์จะทดลองดู จึง
ตามไป ด้วยคิดว่า เพราะเหตุไรหนอ หญิงนี้ จึงไปในเวลานี้.
ลำดับนั้น พระราชาเห็นนางผู้ไปในที่นั้น กำลังถูกสุนัขกัด เมื่อ

ไม่รู้ว่า นี่อะไรกันหนอ จึงทดลองดู ๒-๓ วัน จึงคิดว่า สุนัขนี้
ชะรอยจะเป็นศัตรูแก่หญิงนี้ จึงพุ่งหลาวอันลับดีแล้ว ปลงเสียจาก
ชีวิต และโบยหญิงนั้นแล้ว ให้ลงยังสระโบกขรณี เห็นรูปที่ตน
ได้เห็นครั้งก่อนแล้ว จึงตรัสถามประวัติของนางนั้นด้วยคาถา
๑๒ คาถาว่า :-

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 พ.ค. 2019, 07:40 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


Quote Tipitaka:
สระโบกขรณีนี้ มีน้ำใสสะอาด มีบันได
ทองคำลาดด้วยทรายทองโดยรอบ ในสระนั้น
มีกลิ่นหอมฟุ้งน่ารื่นรมย์ใจ ดาดดื่นไปด้วยหมู่ไม้
นานาชนิด มีกลิ่นต่าง ๆ หอมตลบไปด้วยลม
รำเพยพัดดารดาษด้วยบัวต่าง ๆ เกลื่อนกล่น
ด้วยบัวขาว มีกลิ่นหอมเจริญใจ อันลมรำเพยพัด
ฟุ้งขจร เสียงระงมไปด้วยหงษ์และนกกะเรียน

นกจักพรากมาร่ำร้องไพเราะจับใจ เกลื่อนกล่น
ไปด้วยฝูงนกต่าง ๆ ส่งเสียงร้องอื้ออึง มีหมู่
รุกขชาติ อันมีดอกและผลนานาพรรณ ไม่มี
เมืองใด ในมนุษย์เหมือนเมืองของท่านนี้เลย
ปราสาทเป็นอันมากของท่าน ล้วนแล้วด้วย
ทองคำและเงิน รุ่งเรืองงามสง่าไปทั่วทั้ง ๔ ทิศ
โดยรอบ นางทาสี ๕๐๐ คน คอยบำเรอท่าน ประ

ดับด้วยกำไลทองคำ นุ่งห่มผ้าขลิบทองคำ บัลลังก์
ของท่านมีมาก ซึ่งสำเร็จด้วยทองคำและเงิน
ปูลาดด้วยหนังชะมด และผ้าโกเชาว์ อันบุคคล
จัดแจงไว้แล้ว ท่านจะเข้านอนบนบัลลังก์ใด ก็
สำเร็จดังความปรารถนาทุกอย่าง เมื่อถึงเที่ยงคืน
ท่านลุกจากบัลลังก์นั้นลงไปสู่สวนใกล้สระโบก-
ขรณี ยืนอยู่ที่ฝั่งสระนั้น อันมีหญ้าเขียวอ่อน

งดงาม ลำดับนั้น สุนัขหูด้วน ก็ขึ้นมาจากสระนั้น
กัดอวัยวะน้อยใหญ่ของท่าน เมื่อใดท่านถูกสุนัข
กัดกินแล้ว เหลือแต่กระดูก เมื่อนั้นท่านจึงลงสู่
สระโบกขรณี ร่างกายก็กลับเป็นเหมือนเดิม ภาย
หลังจากเวลาลงสระโบกขรณี ท่านกลับมีอวัยวะ

น้อยใหญ่เต็มบริบูรณ์งดงาม ดูน่ารัก นุ่งห่มแล้ว
มาสู่สำนักของเรา ท่านได้ทำกรรมชั่วอะไรไว้
ด้วยกายวาจาใจ หรือเพราะวิบากแห่งกรรมอะไร
สุนัขหูด้วนจึงกัดกินอวัยวะน้อยใหญ่ของท่าน.

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 พ.ค. 2019, 07:41 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


Quote Tipitaka:
บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า โสณฺณโสปานผลกา แปลว่า
แผ่นกระดานบันได ล้วนแล้วด้วยทองคำ. บทว่า โสวณฺณวาลุกสนฺถตา
แปลว่า ลาดด้วยทรายทองคำโดยรอบ. บทว่า ตตฺถ ได้แก่ในสระ-
โบกขรณีนั้น. บทว่า โสคนฺธิยา แปลว่ามีกลิ่นหอม. บทว่า วคฺคู
แปลว่า ดีน่าชอบใจ. บทว่า สุจิคนฺธา แปลว่า มีกลิ่นเป็นที่ฟูใจ.
บทว่า นานาคนฺธสเมริตา ได้แก่ มีกลิ่นน่ารื่นรมย์ใจ หอมตลบ

ไปด้วยลมรำเพยพัด. บทว่า นานาปทุมสญฺฉนฺนา ได้แก่ พื้นน้ำ
ดาดาษไปด้วยบัว ต่าง ๆ ชนิด. บทว่า ปุณฺฑรีกสโมตฺตา ได้แก่
เกลื่อนกล่นไปด้วยบัวขาว. บทว่า สุรภึ สมฺปวายนฺติ ความว่า
มีกลิ่นหอมน่าเจริญใจ ถูกลมรำเพยพัดฟุ้งขจร. อธิบายว่า สระ-
โบกขรณี. บทว่า หํสโกญฺจาภิรุทา แปลว่า เสียงระงมไปด้วย
หงส์และนกกะเรียน.

บทว่า นานาทิชคณา กิณฺณา แปลว่า เกลื่อนกล่นไปด้วย
ฝูงนกต่าง ๆ. บทว่า นานาสรคณายุตา แปลว่า ประกอบไปด้วย
หมู่นกต่าง ๆ ส่งเสียงร้องไพเราะจับใจอยู่อึงมี่. บทว่า นานาผลธรา
ความว่า มีรุกขชาติอันทรงดอกออกผลอยู่ทุกฤดูกาล. บทว่า
นานาปุปฺผธรา วนา ความว่า ได้แก่ป่าที่มีหมู่ไม้ให้เผล็ดดอกน่า
รื่นรมย์ใจนานาชนิด. จริงอยู่ บทว่า วนา ท่านกล่าวด้วยลิงควิปัลลาส.

บทว่า น มนุสฺเสสุ อีทิสํ นครํ ความว่า ในมนุษยโลก
ไม่มีนครใดที่จะเสมอเหมือนนครของท่านนี้ อธิบายว่า หาไม่ได้
ในมนุษยโลก. บทว่า รูปิยามยา แปลว่า ล้วนแล้วด้วยเงิน. บทว่า
ททฺทลฺลมานา แปลว่า รุ่งโรจน์อย่างยิ่ง. บทว่า อาเภนฺติ แปลว่า
ย่อมงดงาม. บทว่า สมนฺตา จตุโร ทิสา ความว่า ตลอดทั้ง ๔ ทิศ
โดยรอบ

บทว่า ยา เตมา ตัดเป็น ยา เต อิมา. บทว่า ปริจาริกา
ได้แก่ หญิงผู้ทำการขวนขวาย. บทว่า ตา ได้แก่ หญิงผู้บำเรอ.
บทว่า กมฺพุกายูรธรา แปลว่า ประดับด้วยกำไลทองคำ. บทว่า
กญฺจนาเวฬภูสิตา ได้แก่ มีผมและมือประดับด้วยดอกไม้ กรองทอง.

บทว่า กทลิมิคสญฺฉนฺนา แปลว่า ลาดด้วยหนังชะมด.
บทว่า สชฺชา แปลว่า อันบุคคลจัดแจงแล้ว คือ เหมาะสมที่จะนอน.
บทว่า โคณกสนฺถตา แปลว่า ลาดด้วยผ้าโกเชาว์มีขนยาว.

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 พ.ค. 2019, 07:41 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


Quote Tipitaka:
บทว่า ยตฺถ คือ ในบัลลังก์ใด. บทว่า วาสูปคตา แปลว่า
เข้าไปยังที่อยู่ อธิบายว่า นอน. บทว่า สมฺปตฺตายฑฺฒรตฺตาย
แปลว่า เมื่อถึงเวลาเที่ยงคืน. บทว่า ตโต แปลว่า จากบัลลังก์.

บทว่า โปกฺขรฺา คือ ใกล้สระโบกขรณี. บทว่า หริเต
แปลว่า หญ้าเขียวอ่อน. บทว่า สทฺทเล แปลว่า ดารดาษไปด้วย
หญ้าอ่อน. บทว่า สุเภ แปลว่างดงาม. อีกอย่างหนึ่ง บทว่า
สุเภ เป็นคำร้องเรียกนางเปรต. มีวาจาประกอบความว่า ดูก่อน
นางผู้งดงาม เจ้าจงไปยืนอยู่ที่ริมสระโบกขรณีนั้น บนหญ้าอัน
เขียวสดโดยรอบ.

บทว่า กณฺณมุณฺโฑ แปลว่า มีหูขาด คือมีหูด้วน. บทว่า
ขายิตา อาสิ ความว่า ท่านเป็นผู้อันสุนัขหูขาดกัดแล้ว. บทว่า
อฏฺ€ิสงฺขลิกา กตา แปลว่า กัดให้เหลือเพียงร่างกระดูก. บทว่า
ยถา ปุเร ได้แก่ เหมือนในกาลก่อนแต่เวลาที่สุนัขจะกัด.

บทว่า ตโต ได้แก่ ภายหลังจากลงสู่สระโบกขรณี. บทว่า
องฺคปจฺจงฺคี แปลว่า มีสรรพางค์กายครบถ้วน. บทว่า สุจารุ
แปลว่า น่ารื่นรมย์ใจด้วยดี. บทว่า ปิยทสฺสนา แปลว่า น่าชม.
บทว่า อายาสิ แปลว่า ย่อมมา.

นางเปรตนั้น ถูกพระราชาตรัสถามแล้วอย่างนี้ เมื่อจะกล่าว
ประวัติของตนตั้งแต่ต้นแด่พระราชานั้น จึงกล่าวคาถา ๕ คาถาว่า :-

มีคฤหบดี คนหนึ่ง เป็นอุบาสก มีศรัทธา
อยู่ในเมืองกิมิละ หม่อมฉันเป็นภริยาของอุบาสก
นั้น ประพฤตินอกใจเขา เมื่อหม่อมฉันประพฤติ
นอกใจเขาอย่างนั้น สามีหม่อมฉันจึงคิดว่า การ
ที่เธอประพฤตินอกใจฉันนั้น เป็นการไม่เหมาะ

ไม่สมควร และหม่อมฉันได้กล่าวมุสาวาทสบถ
อย่างร้ายแรงว่า ฉันไม่ได้ประพฤตินอกใจท่าน
ด้วยกายหรือด้วยใจ ถ้าฉันประพฤตินอกใจท่าน
ด้วยกายหรือด้วยใจไซร้ ขอให้สุนัขหูด้วนตัวนี้
กัดกินอวัยวะน้อยใหญ่ของฉันเถิด วิบากแห่ง

กรรมอันลามก คือการประพฤตินอกใจ สามี และ
มุสาวาททั้ง ๒ อันหม่อมฉันได้เสวยแล้วตลอด
๗๐๐ ปี เพราะกรรมอันชั่วนั้น สุนัขหูด้วนจึง
กัดกินอวัยวะน้อยใหญ่ของหม่อมฉัน.

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 พ.ค. 2019, 21:50 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


Quote Tipitaka:
บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า กิมิลายํ ได้แก่ ในพระนครมีชื่อ
อย่างนั้น. มีวาจาประกอบความว่า บทว่า อติจารินี ความว่า จริงอยู่
ภริยาท่านเรียกว่ามีความประพฤตินอกใจ เพราะประพฤตินอกใจ
สามี เมื่อดิฉันประพฤตินอกใจ สามีหม่อมฉันนั้น จึงได้กล่าวคำนี้
กะหม่อมฉัน. บทว่า เนตํ ฉนฺนํ เป็นต้น เป็นการแสดงอาการที่
สามีกล่าวแล้ว. บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า เนตํ ฉนฺนํ ความว่า

การประพฤตินอกใจนั้น เป็นการไม่สมควร. บทว่า น ปติรูปํ เป็น
ไวพจน์ของบทว่า เนตํ ฉนฺนํ นั้นนั่นเอง บทว่า ยํ เป็นกิริยา
ปรามาส. บทว่า อติจราสิ แปลว่าประพฤตินอกใจ อีกอย่างหนึ่ง
บาลีก็อย่างนี้เหมือนกัน, อธิบายว่า การที่ท่านประพฤตินอกใจ
เรานั้น เป็นการไม่เหมาะไม่ควร.

บทว่า โฆรํ แปลว่า ร้ายแรง. บทว่า สปถํ แปลว่า คำสาป. บทว่า
ภาสิสํ แปลว่า ได้กล่าวแล้ว. บทว่า สจาหํ ตัดเป็น เสจ อหํ. บทว่า ตํ
ได้แก่ ตฺวํ แปลว่าท่าน. บทว่า ตสฺส กมฺมสฺส ได้แก่ กรรมอันลามก คือ
กรรมแห่งบุคคลผู้ทุศีลนั้น. บทว่า มุสาวาทสฺส จ ได้แก่ พูดมุสาวาทว่า
ฉันไม่ได้ประพฤตินอกใจท่าน. บทว่า อุภยํ ได้แก่ วิบากของกรรมทั้ง ๒.
บทว่า อนุภูตํ ความว่า ที่หม่อมฉันเสวยอยู่. บทว่า ยโต จากกรรมชั่วใด.

ก็แลนางเปรตนั้น ครั้นกล่าวอย่างนี้แล้ว เมื่อจะระบุอุปการะที่
พระราชาทำแก่ตนจึงกล่าวคาถา ๒ คาถาว่า :-
ข้าแต่พระองค์ผู้สมมุติเทพ พระองค์มี
อุปการะแก่หม่อมฉันมาก พระองค์เสด็จมาใน
ที่นี้ เพื่อประโยชน์แก่หม่อมฉัน หม่อมฉันพ้นดี
แล้วจากสุนัขหูด้วน ไม่มีความเศร้าโศก ไม่มี
ภัยแต่ที่ไหน ๆ ขอเดชะ หม่อมฉันขอถวายบังคม

พระองค์ หม่อมฉันขอประนมอัญชลีวิงวอนว่า
ขอพระองค์จงเสวยกามสุข อันเป็นทิพย์ รื่นรมย์
อยู่กับหม่อมฉันเถิด.

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 พ.ค. 2019, 21:50 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


Quote Tipitaka:
นางเปรตเรียกพระราชาด้วยคำว่า เทว ในคาถานั้น. บทว่า
กณฺณมุณฺฑสฺส ได้แก่สุนัขหูด้วน. จริงอยู่ คำว่า กณฺณมุณฺฑสฺส นี้
เป็นฉัฏฐีวิภัตติ ใช้ในอรรถแห่งปัญจมีวิภัตติ. ลำดับนั้น พระราชา
ทรงมีพระทัยเบื่อหน่ายด้วยการอยู่ในที่นั้น จึงประกาศอัธยาศัย
ในการเสด็จไป. นางเปรตได้ฟังดังนั้น มีจิตปฏิพัทธ์ต่อพระราชา
เมื่อจะวอนพระราชาให้ประทับอยู่ในที่นั้นนั่นเอง จึงกล่าวคาถา
ว่า ตาหํ เทว นมสฺสามิ ขอเดชะ หม่อมฉันขอถวายบังคมพระองค์.

พระราชามีพระประสงค์จะเสด็จไปพระนคร โดยส่วนเดียว
เทียว เมื่อจะประกาศอัธยาศัยของพระองค์อีก จึงได้กล่าวคาถา
สุดท้ายว่า :-
กามสุขอันเป็นทิพย์ เราได้เสวยแล้ว และ
รื่นรมย์แล้วกับท่าน ดูก่อนนางผู้ประกอบด้วย
ความงดงาม เราขออ้อนวอนต่อท่าน ขอท่าน
จงรีบนำฉันกลับไปเสียเถิด.

บรรดาบทเหล่านั้น บทว่า ตาหํ ตัดเป็น ตํ อหํ. บทว่า
สุภเค แปลว่า ผู้ประกอบด้วยความงดงาม. บทว่า ปฏินยาหิ มํ
แปลว่า ขอเธอจงนำฉันกลับไปยังพระนครของฉันเถิด. คำที่เหลือ
ในบททั้งปวง ปรากฏชัดแล้วทั้งนั้น.

ลำดับนั้น นางเวมานิกเปรตนั้น ครั้นสดับพระดำรัสของ
พระราชาแล้ว เมื่อจะอดกลั้น ความพลัดพรากจากกันมิได้ มีหัวใจ
ว้าวุ่น เพราะอาดูรด้วยความเศร้าโศก มีร่างกายสั่นหวั่นไหว ถึง
จะอ้อนวอนด้วยอุบายมีประการต่าง ๆ เมื่อไม่อาจจะให้พระราชา
ประทับอยู่ในที่นั้นได้ จึงนำพระราชาพร้อมด้วยรัตนะอันควรแก่

ค่ามาก เป็นจำนวนมาก ไปยังพระนคร ให้เสด็จขึ้นสู่ปราสาท
คร่ำครวญรำพรรณแล้ว จึงไปยังที่อยู่ของตนตามเดิม. ฝ่าย
พระราชา ครั้นเห็นดังนั้นแล้ว จึงเกิดความสลดพระทัย บำเพ็ญ
บุญกรรมมีทานเป็นต้น ได้เป็นผู้มีสวรรค์เป็นที่ไปในเบื้องหน้า.

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 พ.ค. 2019, 21:51 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


Quote Tipitaka:
ครั้นเมื่อพระผู้มีพระภาคเจ้าของพวกเรา เสด็จอุบัติขึ้นใน
โลก ทรงประกาศพระธรรมจักรอันบวร ประทับอยู่ในกรุงสาวัตถี
โดยลำดับ วันหนึ่ง ท่านพระมหาโมคคัลลานะ เที่ยวจาริกไปยัง
บรรพต เห็นหญิงนั้น พร้อมด้วยบริวาร จึงถามถึงกรรมที่นางทำไว้.
นางเล่าเรื่องทั้งหมดนั้น ตั้งแต่ต้นแก่พระเถระ. พระเถระแสดง

ธรรมแก่หญิงเหล่านั้น. พระเถระกราบทูลเรื่องนั้น แด่พระผู้มี-
พระภาคเจ้า. พระผู้มีพระภาคเจ้า ทรงกระทำเรื่องนั้นให้เป็น
อัตถุปปัตติเหตุแล้ว จึงทรงแสดงธรรมแก่บริษัทผู้ถึงพร้อมแล้ว.
มหาชนได้ความสลดใจ งดจากความชั่ว บำเพ็ญบุญกรรมมีทาน
เป็นต้น ได้มีสวรรค์เป็นที่ไปในเบื้องหน้า ฉะนี้แล.
จบ อรรถกถากัณณมุณฑเปติวัตถุที่ ๑๒

อรรถกถาอุพพรีเปติวัตถุที่ ๑๓

เรื่องนางอุพพรีเปรตนี้ มีคำเริ่มต้นว่า อหุ ราชา พฺรหฺมทตฺโต
ดังนี้. พระศาสดา เมื่อประทับอยู่ในพระเชตวันมหาวิหาร ทรง
ปรารภอุบาสิกาคนหนึ่ง. เล่ากันมาว่า ในกรุงสาวัตถี ได้มีสามี
ของอุบาสิกาคนหนึ่งตายไป. อุบาสิกานั้นก็อาดูรเพราะความทุกข์
ในการพลัดพรากจากสามี เศร้าโศก เดินร้องไห้ไปยังป่าช้า.
พระผู้มีพระภาคเจ้า ทรงเห็นอุปนิสัยสมบัติแห่งโสดาปัตติผลของ

นาง ทรงมีพระมนัสอันพระกรุณากระตุ้นเตือน จึงเสด็จไปยังเรือน
ของนาง ประทับนั่งบนบัญญัตอาสน์. อุบาสิกาเข้าไปเฝ้าพระ-
ศาสดา ถวายบังคมแล้ว นั่งอยู่ ณ ที่ควรข้างหนึ่ง. ลำดับนั้น พระ-
ศาสดาตรัสกะนางว่า อุบาสิกา เธอเศร้าโศกไปทำไม. เมื่อนางทูล
ว่า อย่างนั้น พระพุทธเจ้าข้า หม่อมฉันเศร้าโศก เพราะพลัดพราก
จากสามีสุดที่รัก ทรงมีพระประสงค์จะให้นางปราศจากความ
เศร้าโศก จึงได้นำอดีตนิทานมาว่า :-

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 พ.ค. 2019, 21:51 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


Quote Tipitaka:
ในอดีตกาล ในกปิลนครแคว้นปัญจาละ ได้มีพระราชา
พระนามว่า พรหมทัต พระองค์ทรงละการลุแก่อคติ ทรงยินดี
ในการทำประโยชน์แก่ประชาชนในแว่นแคว้นของพระองค์ ไม่
ทรงให้ราชธรรม ๑๐ ประการเสียหายครองราชสมบัติอยู่ บาง
คราวประสงค์จะทรงสะดับว่า ในแว่นแคว้นของพระองค์ มีใคร

พูดอะไรกันบ้าง จึงปลอมเป็นช่างหูก พระองค์เดียวไม่มีเพื่อน
เสด็จออกจากนคร เที่ยวไปจากบ้านถึงบ้าน จากชนบทถึงชนบท
ทรงเห็นแว่นแคว้นทั่วไปไม่มีเสี้ยนหนาม ไม่ถูกเบียดเบียน (ทั้ง)
พวกคนตื่นตัวอยู่อย่างไม่ต้องปิดประตูเรือน ทรงเกิดความโสมนัส
จึงเสด็จกลับมุ่งมายังพระนคร จึงเสด็จเข้าไปยังเรือนของหญิงหม้าย

ยากจนคนหนึ่งในหมู่บ้านแห่งหนึ่ง. นางเห็นพระองค์จึงกล่าวถามว่า
ดูก่อนเจ้า ท่านเป็นใครและมาจากไหน. พระราชาตรัสว่า นาง
ผู้เจริญ ฉันเป็นช่างหูก เที่ยวรับจ้างทำการทอผ้า ถ้าท่านมีกิจใน
การทอผ้า ท่านจงให้อาหารและค่าจ้าง ฉันจะทำงานให้แม้แก่ท่าน
หญิงหม้ายกล่าวว่า ฉันไม่มีงานหรือค่าจ้างดูก่อนเจ้า ท่านจง

ทำงานของคนอื่นเถิด. พระราชานั้น ประทับอยู่ที่นั้น ๒-๓ วัน
ทรงเห็นธิดาของนางเพียบพร้อมด้วยลักษณะของผู้มีบุญมีโชค จึง
ตรัสกะมารดาของนางว่า หญิงคนนี้ ใคร ๆ ทำการหวงแหนแล้ว
หรือยัง ถ้ายังไม่มีใคร ๆ หวงแหน ท่านจงให้เด็กหญิงคนนี้แก่เรา
เราสามารถทำอุบายเครื่องเลี้ยงชีพตามความสบายแก่พวกท่านได้
หญิงหม้ายนั้นรับคำ แล้วได้ถวายธิดานั้นแก่พระราชา.

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 21 พ.ค. 2019, 21:52 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


Quote Tipitaka:
พระราชา ทรงอยู่กับนางนั้น ๒-๓ วัน จึงพระราชทาน
ทรัพย์ ๑,๐๐๐ กหาปณะ แก่นางแล้วตรัสว่า เพียง ๒-๓ วันเท่านั้น
เราก็จักกลับ แน่ะนางผู้เจริญ เจ้าอย่ากระสันไปเลย ดังนี้แล้ว
จึงเสด็จไปยังพระนครของพระองค์ ทรงรับสั่งให้สร้างหนทางใน
ระหว่าง พระนครกับบ้านนั้น ให้สม่ำเสมอให้ประดับแล้วเสด็จไป

ในที่นั้น ด้วยราชานุภาพอันใหญ่แล้ว ให้ตั้งนางทาริกานั้นไว้ ใน
กองกหาปณะ แล้วให้อาบด้วยหม้อน้ำทองคำและหม้อน้ำเงิน แล้ว
ให้ตั้งชื่อว่า อุพพรี แล้วทรงสถาปนาไว้ในตำแหน่งอัครมเหสี
และได้ประทานบ้านนั้น แก่พวกญาติของนาง ได้นำนางมายัง
พระนครด้วยราชานุภาพอันใหญ่ ทรงอภิรมย์กับนาง เสวยรัชชสุข
ตลอดพระชนมชีพ ในที่สุดแห่งอายุ ก็เสด็จสวรรคต. ก็เมื่อพระ-

ราชาสวรรคตแล้ว และทำการถวายพระเพลิงพระศพเสร็จแล้ว
พระนางอุพพรีมีหทัยเพียบพร้อมด้วยลูกศร คือความเศร้าโศก
เพราะพลัดพรากจากพระสวามี ไปยังป่าช้า บูชาด้วยสักการะ
มีของหอมและดอกไม้เป็นต้น อยู่หลายวัน ระบุถึงพระคุณของ
พระราชา คร่ำครวญรำพรรณอยู่ ดุจถึงความเป็นบ้า กระทำ
ประทักษิณป่าช้า.

ก็สมัยนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้า ของเราทั้งหลาย เป็นพระ-
โพธิสัตว์ ทรงผนวชเป็นฤาษี บรรลุฌานและอภิญญา อยู่ใน
ราวป่าแห่งหนึ่ง ใกล้ ๆ ขุนเขาหิมพานต์ ทอดพระเนตรเห็น
พระนางอุพพรี ผู้เพียบพร้อมไปด้วยลูกศร คือความเศร้าโศก
ด้วยทิพยจักษุ เสด็จเหาะมา ปรากฏรูป ประทับยืนอยู่ในอากาศ

ตรัสถามพวกมนุษย์ผู้อยู่ในที่นั้นว่า นี้เป็นป่าช้าของใครกัน และ
หญิงนี้ คร่ำครวญรำพรรณอยู่ว่า พรหมทัต พรหมทัต เพื่อต้องการ
พรหมทัตคนไหน. พวกมนุษย์ได้ฟังดังนั้น พากันกล่าวว่า พระราชา
ของชาวปัญจาละ ทรงพระนามว่า พรหมทัต ท้าวเธอสวรรคต
ในเวลาสิ้นพระชนมายุ นี้เป็นป่าช้าของท้าวเธอ นี้เป็นอัครมเหสี

ชื่อว่า อุพพรี ของพระองค์คร่ำครวญรำพรรณระบุถึงพระนามของ
พระองค์ว่า พรหมทัต พรหมทัต. พระสังคีติกาจารย์ทั้งหลาย เมื่อจะ
แสดงความนั้น จึงได้ตั้งคาถา ๖ คาถาว่า :-

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 356 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 12, 13, 14, 15, 16, 17, 18 ... 24  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 28 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร