วันเวลาปัจจุบัน 20 เม.ย. 2024, 07:07  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 289 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 8, 9, 10, 11, 12, 13, 14 ... 20  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 เม.ย. 2019, 08:35 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 มี.ค. 2019, 11:03
โพสต์: 98

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


โลกสวย เขียน:
คริคริ

เอาพระสูตรมหายานมาให้ ค่ะ
อันนี้แค่ส่วนเดียว ถูกต้อง ล้านเปอร์เซนต์

“ข้าแต่พระคุณเจ้าสารีบุตร พระคุณเจ้าไม่จำเป็นต้องมานั่งอาการอย่างนี้โดยสำคัญว่าเป็นการนั่งสมาธิ อันการนั่งสมาธิที่แท้จริงนั้น คือการไม่ปรากฏกายใจในภพทั้ง ๓ ไม่ต้องออกจากนิโรธสมาบัติ แต่ก็สามารถแสดงบรรดาอิริยาบถให้ปรากฏได้ นี้คือการนั่งสมาธิ ไม่ต้องสละมรรคธรรม แต่ก็สามารถทำกิจกรรมของปุถุชนได้ นี้ก็คือการนั่งสมาธิ จิตไม่ยึดติดในภายใน หรือยึดติดในภายนอก นี้คือการนั่งสมาธิ ไม่มีความหวั่นไหวกำเริบ เพราะเหตุแห่งปวงทิฏฐิ แลสามารถอบรมในโพธิปักขิยธรรม ๓๗ ได้ นี้คือการนั่งสมาธิ ไม่ต้องตัดกิเลส แต่สามารถเข้านิพพานได้ นี้คือการนั่งสมาธิ ถ้าพระคุณเจ้าอาจที่จักนั่งด้วยวิธีอย่างนี้ พระพุทธองค์ย่อมจักรับรอง.”

tongue


การบำเพ็ญญาณ
ไม่ใช่ว่า การนั่งสมาธิหรือว่านอน สมาธิ

เราไม่ได้นั่งสมาธิเพื่อให้ตรัสรู้

แต่เราท่านควร
ใช้ปัญญาเพื่อการตรัสรู้ตาหาก


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 เม.ย. 2019, 08:59 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 มี.ค. 2019, 11:03
โพสต์: 98

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ปฤษฎี เขียน:
luna เขียน:
onion หลักการนั่งสมาธิที่ถูกต้อง 100% Kiss

หลักการนั่งสมาธิที่ถูกต้อง
หลักการนั่งสมาธิที่ถูกต้องที่สุด ทำตัวสบายๆผ่อนคลายจากความตึงเกร็งของกล้ามเนื้อ ค่อยๆหลับตาเบาๆ วางจิตไว้ตรงฐานของจิตฐานของจิตอยู่ตรงที่เบาสบายที่สุด หายใจเข้าลึกๆ และก็ค่อยผ่อนออกช้าๆ และก็กำหนดคำภาวนา
หายใจเข้าลึกๆว่าพุธ ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆหายใจออกช้าๆว่าโธๆๆๆๆๆๆๆๆ จะเป็นที่เบาสบายๆไม่ตึงเกร็ง เมื่อลมละเอียดขึ้นก็จะมีแสงสว่างก่อตัวเป็นดวงกสิณ เกิดจากลมหยาบ ที่ละเอียดจนบางครั้งเราคิดเองว่าไม่ได้หายใจ เพราะลมละเอียดจนเกือบดับเสียหมด
ที่นักปฏิบัติ ดึงลมหายใจเข้าหายใจออก ซักฟอกลมจนละเอียด กลายเป็นนิมิตโอภาสรังสี นักปฏิบัติหลายคนเพ่งนิมิตดวงกสิณเจริญเป็นบาทฐานอภิญญา ได้แต่ฤทธิ์ทางใจ ล้วนเดินทางไปพรหมโลก เพราะเข้าใจว่าดับรูปกาย เหลือแต่จิตที่ประภัสสร คืออนัตตาธรรม
ซึ่งทางสายวิปัสสนาจาร ปรามาส สมาธิประเภทนี้เอาไว้รุนแรงมากๆ สมาธิหนักแน่นเหมือนแกนมะละกอ
เพราะเป็นสมาธิที่หลบเวทนา ไม่ฉลาดในอุบายธรรมะ
เวลากระทบ อารมณ์ภายนอก ก็ไม่ต่างอะไรกับนักภาวนาหัดใหม่ ยังปล่อยจิตปล่อยใจ เวลาดีก็ดีใจหาย ดีก็รักชั่วก็ชัง จิตแบบนี้ยังใช้ไม่ได้ อารมณ์ยังขึ้นๆลงๆ ไม่เป็นตัวปกติ

ทางแก้ไข เมื่อนักปฏิบัติธรรมะ เจริญภาวนามาถึง มีอาการจิตลอยๆ เกิดความง่วงเหงาหาวนอน ในขณะเจริญสมณะธรรม ให้ถอนจิตขึ้นมาคิดนึกธรรมะแล้วน้อมเข้ามาในวงกายในกาย ที่ควรทำให้เกิดปัญญาในการถอนสังโยชน์
ถ้ามีอาการสังขารไม่ไหว ก็ให้หลับในฌาน เมื่อพักเต็มที่แล้วก็ออกเดินทางปัญญา โดยกำหนดสิ่งที่เห็น เสียงที่ได้ยิน กลิ่นที่ได้กลิ่น สัมผัสที่ถูกต้อง แล้วน้อมเข้ามาดูในใจ ธรรมะที่เป็นกุศและอกุศลจะเกิดในจิตก็ให้ละที่จิตในจิต
ก็จะเกิดภูมิวิปัสสนา เมื่อนั่งทับทุกข์นานๆเวทนาย่อมเกิด
นักภาวนาที่ต้องการพ้นทุกข์ ห้ามหลบเวทนา ให้เจริญเวทนานุปัสสนาสติปัฏฐาน เป็นเครื่องเล่นเครื่องอยู่อบรมอินทรีย์ ๕ ให้แก่กล้า ก็จะเห็นกระแสปฏิจจสมุปบาท โซ่แห่งการเวียนว่ายตายเกิด เพราะละตัดขาดจากเวทนาเป็นปัจจัย ตัณหาจึงดับ
อุปมาอุปมัยได้กับ สายไฟฟ้าเส้นใหญ่ถูกตัดขาด
ผลก็คือไฟฟ้าดับทั้งเมือง
จิตที่ขาดออกจากรูปแล้ว ก็ไม่มีกระแสปฏิจจสมุปบาท อะไรส่งผ่านถึงดวงจิตดวงนี้ได้อีกต่อไป ก็อาศัยกาลเวลาในการขัดเกลาดวงจิตจน บริสุทธิ์หมดจดไร้รูปลักษณ์
ทรงภูมิพระอรหันต์ขีณาสพ รอสังขารแตกดับ ก็ทิ้งขันธ์ไม่กลับมาเกิดอีกในสามโลก

ข้อคิด สำหรับ ศิษย์

นักปฏิบัติธรรมในขณะที่เวทนาเกิดอย่าอยากให้หาย ยิ่งอยากให้หายมากเท่าไรก็ จะกลับเป็นเวทนาทวีคูณขึ้น
จนนักปฏิบัติธรรม ทนไม่ได้และจะล้มเลิกไปในที่สุด.


อ่านไปก็ดูสับสน วุ่นวาย ยุ่งเหยิง

พระพุทธองค์จึงสอนว่า กัลยาณมิตรเป็นทั้งหมดของพรหมจรรย์
ต้องคบกัลยาณมิตร ซึ่งก็ไม่มีผู้ใดเสมอด้วยพระพุทธองค์

คุณ luna ควรศึกษาพระพุทธพจน์ด้วยความเคารพ ไม่ว่าจะมหายาน หรือ เถรวาทก็ตาม
และควรศึกษาอรรถกถาด้วยเพื่อความแตกฉาน หากจะเน้นเรื่องการภาวนา ก็ควรอ่านหรือเรียนเรื่อง สมถะและวิปัสนาใหม่ให้รอบรู้ เพราะอ่านจากที่คุณเขียน ดูสับสน ไม่เป็นระเบียบ เหมือนนำสิ่งโน้น มาปนสิ่งนี้ ห้ามโน่น ห้ามนี้ ต้องอย่างงั้นอย่างงี้ แต่ไม่ได้เริ่มจากการมีความเห็นที่ถูก คนอ่านจึงไม่ได้รับประโยชน์


บทสรุปแบบย่นย่อ
ไม่ได้ขยาย ให้พิสดาร
มันใช้ได้สำหรับผม
ผมก็ถอดออกมาจากผลปฏิบัติที่ผม
ปฏิบัติแล้วไม่ถดถอยมันก้าวหน้า
ไม่ถอยหลัง ผมก็ทดลองกับตัวเองก่อน ก่อนนำเสนอ
หากไม่เข้าใจ
นั่นเป็นเพราะภาค
ปฏิบัติยังน้อย
นิพพานจึงไม่ใช่ภาษาพูดภาษาเขียน ต้องปฏิบัติด้วยตัวเอง คนอื่นก็ช่วยเราได้แค่ให้คำแนะนำสั่งสอน

ทางมีอยู่แต่ไม่มีคนเดิน เราเป็นแต่ผู้บอกทาง ท่านต้องทำเอาเองท่านต้องเดินเอง .


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 เม.ย. 2019, 10:46 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:


ในชีวิตไม่เคยจำว่าไม่มีตัวเราของเราเพราะไม่รู้ว่าจริงๆแท้แล้วมีอะไรที่กำลังมีจริงๆ
จะทำอะไรก็ทำไปด้วยจิตที่คิดว่าฉันทำเพื่อให้ตัวเองดีทำเพื่อสิ่งดีๆเกิดกับครอบครัว
ทำอะไรไม่เคยรู้สึกตัวตามคำสอนมีแต่คิดว่าฉันทำเพื่อตัวฉันลูกฉันพ่อแม่ฉันมีความสุข
ไม่เคยจำถูกต้องตรงสัจจะตามคำสอนว่าตัวเราก็ไม่มีตัวเขาก็ไม่มีที่มีคืออุปาทานว่ามีตัวตน




ถามคุณโรสตรงๆนะ พึงตอบตรงๆจากใจ คือ ที่คุณโรสทำงานอาบเหงื่อต่างน้ำอยู่ทุกวี่วันเนี่ย คุณโรสทำเพื่ออะไร ทำเพื่อใคร

1. ทำเพื่อตนเองและครอบครัว

2. ทำไปงั้นๆแหละ

สองข้อพอ ตอบข้อไหน 1 หรือ 2

:b12:
คิดว่าพระพุทธเจ้าตรัสรู้ความจริง...จริงๆไหมคะ
แล้วคิดว่าเห็นที่ตัวเองกำลังลืมตาดูเนี่ยผิดอยู่ไหมคะ
ตถาคตตรัสแสดงว่าจิตเห็นสีสันวรรณะดับทันทีมืดทันทีไม่มีตัวเราเลย
คุณคิดว่าคุณเห็นสีตรงตามคำสอนแล้วหรือกำลังเห็นผิดคิดถึงสิ่งที่เห็นว่ามีเรามองเห็นทุกสิ่งตรงหน้าคะ
:b12:
:b17: :b17:


เหมือนเดิม ถามอย่างตอบอย่าง คิกๆๆ เวนกำจริงๆ

cool
คิดตรงให้เป็นซะก่อนนะคะจะได้รู้จักกิเลสตัวเอง
กำลังเห็นและตาไม่บอดด้วยคิดให้ตรงทาง
เดี๋ยวนี้ที่เห็นคนสัตว์วัตถุคือนิมิตการเกิดดับ
นับไม่ถ้วนถึงแสนโกฏิขณะคือแสนล้านดวงจิต
รู้หรือคะว่าที่กำลังเห็นเนี่ยอะไรคือสีตรงปัจจุบันขณะ1สี
:b12:
:b32: :b32:


ถามคุณโรสตรงๆนะ พึงตอบตรงๆจากใจ คือ ที่คุณโรสทำงานอาบเหงื่อต่างน้ำอยู่ทุกวี่วันเนี่ย คุณโรสทำเพื่ออะไร ทำเพื่อใคร

1. ทำเพื่อตนเองและครอบครัว

2. ทำไปงั้นๆแหละ

สองข้อพอ ตอบข้อไหน 1 หรือ 2



โจทก์เขาถามนั่นน่า จะต้องไปคิดตรงอะไร เขาถามว่า คุณโรสทำงานเพื่ออะไร เพื่อตนเองเพื่อครอบครัว หรือทำๆไปยังงั้นแหละ

ทุกคนคิดเห็นที่กำลังเห็นสิคะ
จำได้หมดใช่ไหมตรงหน้ายังไม่พูดเลย
รู้สึกตัวบ้างหรือยังว่าจำผิดเพราะไม่คิดตามคำสอน
:b32:
ทีนี้คิดตามคำสอนนะ
จิตเห็นสี1สีดับในตาดำทันทีไม่มีจิตเห็นเกิดนอกตาค่ะ
ดูสิคะใครจะเห็นสีได้เองมีแต่คิดตามถึงจะรู้ตรงเห็นที่กำลังดูว่าตัวเองเห็นเกินสีนอกตาด้วย/ผิดไหมคะ
:b32: :b32:


ถามอีกที ทุกวันนี้ คุณโรสทำงานเพื่อใคร เพื่อตนเองหรือเพื่อใคร

ตอบสิ ทำงานเพื่อตนเองหรือเพื่อใคร เอ้าตอบ คิกๆๆ



เงียบ ไม่ตอบ สงสัยยังทำงานไม่เลิก นั่นแหละถามว่า ทำงานเพื่อใครในแต่ละวันละเดือนเนี่ย สิ้นเดือนรับเงินเดือนแล้วเอาเงินห้าหมื่นไปให้ใครเอาไปทำอะไร อย่าบอกนะว่ามันเป็นอนัตตาแล้วทิ้งไว้ที่โต๊ะนั่นแหละ ไม่ได้เอากลับบ้านด้วย :b13: :b32: ใครอยากได้ก็หยิบเอาไป

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 เม.ย. 2019, 16:06 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 มี.ค. 2018, 02:56
โพสต์: 2157

โฮมเพจ: maybe
แนวปฏิบัติ: สติปัฎฐาน
งานอดิเรก: กีฬา
สิ่งที่ชื่นชอบ: แบรนด์เเนม
ชื่อเล่น: เม
อายุ: 22
ที่อยู่: Bangkok Thailand

 ข้อมูลส่วนตัว


luna เขียน:
โลกสวย เขียน:
คริคริ

เอาพระสูตรมหายานมาให้ ค่ะ
อันนี้แค่ส่วนเดียว ถูกต้อง ล้านเปอร์เซนต์

“ข้าแต่พระคุณเจ้าสารีบุตร พระคุณเจ้าไม่จำเป็นต้องมานั่งอาการอย่างนี้โดยสำคัญว่าเป็นการนั่งสมาธิ อันการนั่งสมาธิที่แท้จริงนั้น คือการไม่ปรากฏกายใจในภพทั้ง ๓ ไม่ต้องออกจากนิโรธสมาบัติ แต่ก็สามารถแสดงบรรดาอิริยาบถให้ปรากฏได้ นี้คือการนั่งสมาธิ ไม่ต้องสละมรรคธรรม แต่ก็สามารถทำกิจกรรมของปุถุชนได้ นี้ก็คือการนั่งสมาธิ จิตไม่ยึดติดในภายใน หรือยึดติดในภายนอก นี้คือการนั่งสมาธิ ไม่มีความหวั่นไหวกำเริบ เพราะเหตุแห่งปวงทิฏฐิ แลสามารถอบรมในโพธิปักขิยธรรม ๓๗ ได้ นี้คือการนั่งสมาธิ ไม่ต้องตัดกิเลส แต่สามารถเข้านิพพานได้ นี้คือการนั่งสมาธิ ถ้าพระคุณเจ้าอาจที่จักนั่งด้วยวิธีอย่างนี้ พระพุทธองค์ย่อมจักรับรอง.”

tongue


การบำเพ็ญญาณ
ไม่ใช่ว่า การนั่งสมาธิหรือว่านอน สมาธิ

เราไม่ได้นั่งสมาธิเพื่อให้ตรัสรู้

แต่เราท่านควร
ใช้ปัญญาเพื่อการตรัสรู้ตาหาก




ไม่ถูกต้องตามพระอภิธรรมอีกแล้ว พื้นฐานไม่ดี
การบำเพ็ญญาณ มีทั้งโลกียะ จากสมาธิ และ โลกุตระ จากบาทฐานของสมาธิ ในสติปัฎฐาน

และก้อ ไม่ใช่ เรา ไม่ใช่ท่านปฎิบัติ

แต่ มีแต่ จิตปฎิบัติ เจตสิกปฎิบัติ รูป ปฎิบัติ ค่ะ

นี่ไง แสดงปัญญา พื้นๆเรย ที่ไม่ถูกต้อง เพราะไม่ได้เรียนพระอภิธรรม พระปริยัติ
อ่านพระสูตรมหายานก็ไม่แตก ค่ะ

smiley


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 เม.ย. 2019, 17:07 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
Rosarin
ในชีวิตไม่เคยจำว่า ไม่มีตัวเรา ของเรา เพราะไม่รู้ว่าจริงๆแท้แล้ว มีอะไรที่กำลังมีจริงๆ

จะทำอะไร ก็ทำไปด้วยจิตที่คิด ว่า ฉันทำ เพื่อให้ตัวเองดี ทำเพื่อสิ่งดีๆ เกิดกับครอบครัว

ทำอะไรไม่เคยรู้สึกตัวตามคำสอน มีแต่คิด ว่า ฉันทำเพื่อตัวฉัน ลูกฉัน พ่อแม่ฉันมีความสุข

ไม่เคยจำถูกต้องตรงสัจจะตามคำสอน ว่า ตัวเราก็ไม่มี ตัวเขาก็ไม่มี ที่มี คือ อุปาทาน ว่า มีตัวตน



อ้างคำพูด:
กรัชกาย
ถามคุณโรสตรงๆนะ พึงตอบตรงๆจากใจ คือ ที่คุณโรสทำงานอาบเหงื่อต่างน้ำอยู่ทุกวี่วันเนี่ย คุณโรสทำเพื่ออะไร ทำเพื่อใคร

1. ทำเพื่อตนเองและครอบครัว

2. ทำไปงั้นๆแหละ

สองข้อพอ ตอบข้อไหน 1 หรือ 2


อ้างคำพูด:
Rosarin
คิดว่าพระพุทธเจ้าตรัสรู้ความจริง...จริงๆไหมคะ
แล้วคิดว่าเห็นที่ตัวเองกำลังลืมตาดูเนี่ยผิดอยู่ไหมคะ
ตถาคตตรัสแสดงว่าจิตเห็นสีสันวรรณะดับทันทีมืดทันทีไม่มีตัวเราเลย
คุณคิดว่าคุณเห็นสีตรงตามคำสอนแล้วหรือกำลังเห็นผิดคิดถึงสิ่งที่เห็นว่ามีเรามองเห็นทุกสิ่งตรงหน้าคะ


อ้างคำพูด:
กรัชกาย
เหมือนเดิม ถามอย่างตอบอย่าง คิกๆๆ เวนกำจริงๆ


อ้างคำพูด:
Rosarin
คิดตรงให้เป็นซะก่อนนะคะจะได้รู้จักกิเลสตัวเอง
กำลังเห็นและตาไม่บอดด้วยคิดให้ตรงทาง
เดี๋ยวนี้ที่เห็นคนสัตว์วัตถุคือนิมิตการเกิดดับ
นับไม่ถ้วนถึงแสนโกฏิขณะคือแสนล้านดวงจิต
รู้หรือคะว่าที่กำลังเห็นเนี่ยอะไรคือสีตรงปัจจุบันขณะ1สี


อ้างคำพูด:
กรัชกาย
ถามอีกที ทุกวันนี้ คุณโรสทำงานเพื่อใคร เพื่อตนเองหรือเพื่อใคร

ตอบสิ ทำงานเพื่อตนเองหรือเพื่อใคร เอ้าตอบ คิกๆๆ



อ้างคำพูด:
กรัชกาย
เงียบ ไม่ตอบ สงสัยยังทำงานไม่เลิก นั่นแหละถามว่า ทำงานเพื่อใครในแต่ละวันละเดือนเนี่ย สิ้นเดือนรับเงินเดือนแล้วเอาเงินห้าหมื่นไปให้ใครเอาไปทำอะไร อย่าบอกนะว่ามันเป็นอนัตตาแล้วทิ้งไว้ที่โต๊ะนั่นแหละ ไม่ได้เอากลับบ้านด้วย ใครอยากได้ก็หยิบเอาไป



คุณโรส ช่วยตอบคำถามนี้ทีเถอะขอรับ ช่วยสงเคราะห์ให้กรัชกายนอนตายตาหลับทีเถอะ :b22:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 เม.ย. 2019, 17:13 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 ก.พ. 2011, 19:56
โพสต์: 1798


 ข้อมูลส่วนตัว


luna เขียน:
ปฤษฎี เขียน:
luna เขียน:
onion หลักการนั่งสมาธิที่ถูกต้อง 100% Kiss

หลักการนั่งสมาธิที่ถูกต้อง
หลักการนั่งสมาธิที่ถูกต้องที่สุด ทำตัวสบายๆผ่อนคลายจากความตึงเกร็งของกล้ามเนื้อ ค่อยๆหลับตาเบาๆ วางจิตไว้ตรงฐานของจิตฐานของจิตอยู่ตรงที่เบาสบายที่สุด หายใจเข้าลึกๆ และก็ค่อยผ่อนออกช้าๆ และก็กำหนดคำภาวนา
หายใจเข้าลึกๆว่าพุธ ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆหายใจออกช้าๆว่าโธๆๆๆๆๆๆๆๆ จะเป็นที่เบาสบายๆไม่ตึงเกร็ง เมื่อลมละเอียดขึ้นก็จะมีแสงสว่างก่อตัวเป็นดวงกสิณ เกิดจากลมหยาบ ที่ละเอียดจนบางครั้งเราคิดเองว่าไม่ได้หายใจ เพราะลมละเอียดจนเกือบดับเสียหมด
ที่นักปฏิบัติ ดึงลมหายใจเข้าหายใจออก ซักฟอกลมจนละเอียด กลายเป็นนิมิตโอภาสรังสี นักปฏิบัติหลายคนเพ่งนิมิตดวงกสิณเจริญเป็นบาทฐานอภิญญา ได้แต่ฤทธิ์ทางใจ ล้วนเดินทางไปพรหมโลก เพราะเข้าใจว่าดับรูปกาย เหลือแต่จิตที่ประภัสสร คืออนัตตาธรรม
ซึ่งทางสายวิปัสสนาจาร ปรามาส สมาธิประเภทนี้เอาไว้รุนแรงมากๆ สมาธิหนักแน่นเหมือนแกนมะละกอ
เพราะเป็นสมาธิที่หลบเวทนา ไม่ฉลาดในอุบายธรรมะ
เวลากระทบ อารมณ์ภายนอก ก็ไม่ต่างอะไรกับนักภาวนาหัดใหม่ ยังปล่อยจิตปล่อยใจ เวลาดีก็ดีใจหาย ดีก็รักชั่วก็ชัง จิตแบบนี้ยังใช้ไม่ได้ อารมณ์ยังขึ้นๆลงๆ ไม่เป็นตัวปกติ

ทางแก้ไข เมื่อนักปฏิบัติธรรมะ เจริญภาวนามาถึง มีอาการจิตลอยๆ เกิดความง่วงเหงาหาวนอน ในขณะเจริญสมณะธรรม ให้ถอนจิตขึ้นมาคิดนึกธรรมะแล้วน้อมเข้ามาในวงกายในกาย ที่ควรทำให้เกิดปัญญาในการถอนสังโยชน์
ถ้ามีอาการสังขารไม่ไหว ก็ให้หลับในฌาน เมื่อพักเต็มที่แล้วก็ออกเดินทางปัญญา โดยกำหนดสิ่งที่เห็น เสียงที่ได้ยิน กลิ่นที่ได้กลิ่น สัมผัสที่ถูกต้อง แล้วน้อมเข้ามาดูในใจ ธรรมะที่เป็นกุศและอกุศลจะเกิดในจิตก็ให้ละที่จิตในจิต
ก็จะเกิดภูมิวิปัสสนา เมื่อนั่งทับทุกข์นานๆเวทนาย่อมเกิด
นักภาวนาที่ต้องการพ้นทุกข์ ห้ามหลบเวทนา ให้เจริญเวทนานุปัสสนาสติปัฏฐาน เป็นเครื่องเล่นเครื่องอยู่อบรมอินทรีย์ ๕ ให้แก่กล้า ก็จะเห็นกระแสปฏิจจสมุปบาท โซ่แห่งการเวียนว่ายตายเกิด เพราะละตัดขาดจากเวทนาเป็นปัจจัย ตัณหาจึงดับ
อุปมาอุปมัยได้กับ สายไฟฟ้าเส้นใหญ่ถูกตัดขาด
ผลก็คือไฟฟ้าดับทั้งเมือง
จิตที่ขาดออกจากรูปแล้ว ก็ไม่มีกระแสปฏิจจสมุปบาท อะไรส่งผ่านถึงดวงจิตดวงนี้ได้อีกต่อไป ก็อาศัยกาลเวลาในการขัดเกลาดวงจิตจน บริสุทธิ์หมดจดไร้รูปลักษณ์
ทรงภูมิพระอรหันต์ขีณาสพ รอสังขารแตกดับ ก็ทิ้งขันธ์ไม่กลับมาเกิดอีกในสามโลก

ข้อคิด สำหรับ ศิษย์

นักปฏิบัติธรรมในขณะที่เวทนาเกิดอย่าอยากให้หาย ยิ่งอยากให้หายมากเท่าไรก็ จะกลับเป็นเวทนาทวีคูณขึ้น
จนนักปฏิบัติธรรม ทนไม่ได้และจะล้มเลิกไปในที่สุด.


อ่านไปก็ดูสับสน วุ่นวาย ยุ่งเหยิง

พระพุทธองค์จึงสอนว่า กัลยาณมิตรเป็นทั้งหมดของพรหมจรรย์
ต้องคบกัลยาณมิตร ซึ่งก็ไม่มีผู้ใดเสมอด้วยพระพุทธองค์

คุณ luna ควรศึกษาพระพุทธพจน์ด้วยความเคารพ ไม่ว่าจะมหายาน หรือ เถรวาทก็ตาม
และควรศึกษาอรรถกถาด้วยเพื่อความแตกฉาน หากจะเน้นเรื่องการภาวนา ก็ควรอ่านหรือเรียนเรื่อง สมถะและวิปัสนาใหม่ให้รอบรู้ เพราะอ่านจากที่คุณเขียน ดูสับสน ไม่เป็นระเบียบ เหมือนนำสิ่งโน้น มาปนสิ่งนี้ ห้ามโน่น ห้ามนี้ ต้องอย่างงั้นอย่างงี้ แต่ไม่ได้เริ่มจากการมีความเห็นที่ถูก คนอ่านจึงไม่ได้รับประโยชน์


บทสรุปแบบย่นย่อ
ไม่ได้ขยาย ให้พิสดาร
มันใช้ได้สำหรับผม
ผมก็ถอดออกมาจากผลปฏิบัติที่ผม
ปฏิบัติแล้วไม่ถดถอยมันก้าวหน้า
ไม่ถอยหลัง ผมก็ทดลองกับตัวเองก่อน ก่อนนำเสนอ
หากไม่เข้าใจ
นั่นเป็นเพราะภาค
ปฏิบัติยังน้อย
นิพพานจึงไม่ใช่ภาษาพูดภาษาเขียน ต้องปฏิบัติด้วยตัวเอง คนอื่นก็ช่วยเราได้แค่ให้คำแนะนำสั่งสอน

ทางมีอยู่แต่ไม่มีคนเดิน เราเป็นแต่ผู้บอกทาง ท่านต้องทำเอาเองท่านต้องเดินเอง .


ปฏิบัติน้อย ปฏิบัติมาก ตามเหตุปัจจัย แต่คุณเขียนมาพิจารณาแล้วนั้นมีความสับสน ไม่เป็นไปตามลำดับ พิจารณาแล้วไม่เกิดปัญญา ไม่น้อมไปสู่การปฏิบัติ ถึงบอกให้เรียนให้ศึกษา จะได้เป็นปัจจัยให้มีความเข้าใจที่ถูกตรงตามพระธรรม

แค่คุณพูดว่านั่งสมาธิ คำแรกก็ผิดแล้ว


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 เม.ย. 2019, 20:08 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


:b9: :b9: :b9:

ผิดดั้งแต่..ก่อนพูดว่า..นั่งสมาธิ...แล้วละ.

ตั้งแต่..อวตาร..ย้ายร่าง..โน้นแหละ...

:b9: :b9: :b9:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 เม.ย. 2019, 20:37 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 มี.ค. 2018, 02:56
โพสต์: 2157

โฮมเพจ: maybe
แนวปฏิบัติ: สติปัฎฐาน
งานอดิเรก: กีฬา
สิ่งที่ชื่นชอบ: แบรนด์เเนม
ชื่อเล่น: เม
อายุ: 22
ที่อยู่: Bangkok Thailand

 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
:b9: :b9: :b9:

ผิดดั้งแต่..ก่อนพูดว่า..นั่งสมาธิ...แล้วละ.

ตั้งแต่..อวตาร..ย้ายร่าง..โน้นแหละ...

:b9: :b9: :b9:


ลุงรูหน้า คงอยากให้เข้าใจ นามรูปปริจเฉทญาณ มั๊งคะ
แต่ไปอธิบาย แยกร่างออกไป แยกนามออกไป กลายเป็น แบบฮินดู

อาจเพราะรอบรู้มากเกินไป


smiley


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 เม.ย. 2019, 07:17 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


โลกสวย เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
:b9: :b9: :b9:

ผิดดั้งแต่..ก่อนพูดว่า..นั่งสมาธิ...แล้วละ.

ตั้งแต่..อวตาร..ย้ายร่าง..โน้นแหละ...

:b9: :b9: :b9:


ลุงรูหน้า คงอยากให้เข้าใจ นามรูปปริจเฉทญาณ มั๊งคะ
แต่ไปอธิบาย แยกร่างออกไป แยกนามออกไป กลายเป็น แบบฮินดู

อาจเพราะรอบรู้มากเกินไป


smiley


:b12: :b12: :b12:

เมื่อไร..ไปให้ค่านิมิต...ตีค่านิมิต...ก็จะพลาดธรรมที่ควรจะได้...เป็นธรรมดา


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 เม.ย. 2019, 09:04 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 มี.ค. 2019, 11:03
โพสต์: 98

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ปฤษฎี เขียน:
luna เขียน:
ปฤษฎี เขียน:
luna เขียน:
onion หลักการนั่งสมาธิที่ถูกต้อง 100% Kiss

หลักการนั่งสมาธิที่ถูกต้อง
หลักการนั่งสมาธิที่ถูกต้องที่สุด ทำตัวสบายๆผ่อนคลายจากความตึงเกร็งของกล้ามเนื้อ ค่อยๆหลับตาเบาๆ วางจิตไว้ตรงฐานของจิตฐานของจิตอยู่ตรงที่เบาสบายที่สุด หายใจเข้าลึกๆ และก็ค่อยผ่อนออกช้าๆ และก็กำหนดคำภาวนา
หายใจเข้าลึกๆว่าพุธ ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆหายใจออกช้าๆว่าโธๆๆๆๆๆๆๆๆ จะเป็นที่เบาสบายๆไม่ตึงเกร็ง เมื่อลมละเอียดขึ้นก็จะมีแสงสว่างก่อตัวเป็นดวงกสิณ เกิดจากลมหยาบ ที่ละเอียดจนบางครั้งเราคิดเองว่าไม่ได้หายใจ เพราะลมละเอียดจนเกือบดับเสียหมด
ที่นักปฏิบัติ ดึงลมหายใจเข้าหายใจออก ซักฟอกลมจนละเอียด กลายเป็นนิมิตโอภาสรังสี นักปฏิบัติหลายคนเพ่งนิมิตดวงกสิณเจริญเป็นบาทฐานอภิญญา ได้แต่ฤทธิ์ทางใจ ล้วนเดินทางไปพรหมโลก เพราะเข้าใจว่าดับรูปกาย เหลือแต่จิตที่ประภัสสร คืออนัตตาธรรม
ซึ่งทางสายวิปัสสนาจาร ปรามาส สมาธิประเภทนี้เอาไว้รุนแรงมากๆ สมาธิหนักแน่นเหมือนแกนมะละกอ
เพราะเป็นสมาธิที่หลบเวทนา ไม่ฉลาดในอุบายธรรมะ
เวลากระทบ อารมณ์ภายนอก ก็ไม่ต่างอะไรกับนักภาวนาหัดใหม่ ยังปล่อยจิตปล่อยใจ เวลาดีก็ดีใจหาย ดีก็รักชั่วก็ชัง จิตแบบนี้ยังใช้ไม่ได้ อารมณ์ยังขึ้นๆลงๆ ไม่เป็นตัวปกติ

ทางแก้ไข เมื่อนักปฏิบัติธรรมะ เจริญภาวนามาถึง มีอาการจิตลอยๆ เกิดความง่วงเหงาหาวนอน ในขณะเจริญสมณะธรรม ให้ถอนจิตขึ้นมาคิดนึกธรรมะแล้วน้อมเข้ามาในวงกายในกาย ที่ควรทำให้เกิดปัญญาในการถอนสังโยชน์
ถ้ามีอาการสังขารไม่ไหว ก็ให้หลับในฌาน เมื่อพักเต็มที่แล้วก็ออกเดินทางปัญญา โดยกำหนดสิ่งที่เห็น เสียงที่ได้ยิน กลิ่นที่ได้กลิ่น สัมผัสที่ถูกต้อง แล้วน้อมเข้ามาดูในใจ ธรรมะที่เป็นกุศและอกุศลจะเกิดในจิตก็ให้ละที่จิตในจิต
ก็จะเกิดภูมิวิปัสสนา เมื่อนั่งทับทุกข์นานๆเวทนาย่อมเกิด
นักภาวนาที่ต้องการพ้นทุกข์ ห้ามหลบเวทนา ให้เจริญเวทนานุปัสสนาสติปัฏฐาน เป็นเครื่องเล่นเครื่องอยู่อบรมอินทรีย์ ๕ ให้แก่กล้า ก็จะเห็นกระแสปฏิจจสมุปบาท โซ่แห่งการเวียนว่ายตายเกิด เพราะละตัดขาดจากเวทนาเป็นปัจจัย ตัณหาจึงดับ
อุปมาอุปมัยได้กับ สายไฟฟ้าเส้นใหญ่ถูกตัดขาด
ผลก็คือไฟฟ้าดับทั้งเมือง
จิตที่ขาดออกจากรูปแล้ว ก็ไม่มีกระแสปฏิจจสมุปบาท อะไรส่งผ่านถึงดวงจิตดวงนี้ได้อีกต่อไป ก็อาศัยกาลเวลาในการขัดเกลาดวงจิตจน บริสุทธิ์หมดจดไร้รูปลักษณ์
ทรงภูมิพระอรหันต์ขีณาสพ รอสังขารแตกดับ ก็ทิ้งขันธ์ไม่กลับมาเกิดอีกในสามโลก

ข้อคิด สำหรับ ศิษย์

นักปฏิบัติธรรมในขณะที่เวทนาเกิดอย่าอยากให้หาย ยิ่งอยากให้หายมากเท่าไรก็ จะกลับเป็นเวทนาทวีคูณขึ้น
จนนักปฏิบัติธรรม ทนไม่ได้และจะล้มเลิกไปในที่สุด.


อ่านไปก็ดูสับสน วุ่นวาย ยุ่งเหยิง

พระพุทธองค์จึงสอนว่า กัลยาณมิตรเป็นทั้งหมดของพรหมจรรย์
ต้องคบกัลยาณมิตร ซึ่งก็ไม่มีผู้ใดเสมอด้วยพระพุทธองค์

คุณ luna ควรศึกษาพระพุทธพจน์ด้วยความเคารพ ไม่ว่าจะมหายาน หรือ เถรวาทก็ตาม
และควรศึกษาอรรถกถาด้วยเพื่อความแตกฉาน หากจะเน้นเรื่องการภาวนา ก็ควรอ่านหรือเรียนเรื่อง สมถะและวิปัสนาใหม่ให้รอบรู้ เพราะอ่านจากที่คุณเขียน ดูสับสน ไม่เป็นระเบียบ เหมือนนำสิ่งโน้น มาปนสิ่งนี้ ห้ามโน่น ห้ามนี้ ต้องอย่างงั้นอย่างงี้ แต่ไม่ได้เริ่มจากการมีความเห็นที่ถูก คนอ่านจึงไม่ได้รับประโยชน์


บทสรุปแบบย่นย่อ
ไม่ได้ขยาย ให้พิสดาร
มันใช้ได้สำหรับผม
ผมก็ถอดออกมาจากผลปฏิบัติที่ผม
ปฏิบัติแล้วไม่ถดถอยมันก้าวหน้า
ไม่ถอยหลัง ผมก็ทดลองกับตัวเองก่อน ก่อนนำเสนอ
หากไม่เข้าใจ
นั่นเป็นเพราะภาค
ปฏิบัติยังน้อย
นิพพานจึงไม่ใช่ภาษาพูดภาษาเขียน ต้องปฏิบัติด้วยตัวเอง คนอื่นก็ช่วยเราได้แค่ให้คำแนะนำสั่งสอน

ทางมีอยู่แต่ไม่มีคนเดิน เราเป็นแต่ผู้บอกทาง ท่านต้องทำเอาเองท่านต้องเดินเอง .


ปฏิบัติน้อย ปฏิบัติมาก ตามเหตุปัจจัย แต่คุณเขียนมาพิจารณาแล้วนั้นมีความสับสน ไม่เป็นไปตามลำดับ พิจารณาแล้วไม่เกิดปัญญา ไม่น้อมไปสู่การปฏิบัติ ถึงบอกให้เรียนให้ศึกษา จะได้เป็นปัจจัยให้มีความเข้าใจที่ถูกตรงตามพระธรรม

แค่คุณพูดว่านั่งสมาธิ คำแรกก็ผิดแล้ว


คนที่จะตัดสินถูกหรือผิด คือพุทธะ
ไม่ใช่คุณ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 เม.ย. 2019, 09:11 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 มี.ค. 2019, 11:03
โพสต์: 98

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


วิธีรับมือกับเวทนานักปฏิบัติวิปัสสนาในขณะที่เวทนาเกิดอย่าอยากให้หาย
ยิ่งอยากให้หายมากเท่าไรก็ จะกลับเป็นเวทนาทวีคูณขึ้น
จนนักปฏิบัติธรรม ทนไม่ได้และจะล้มเลิกไปในที่สุด


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 เม.ย. 2019, 09:17 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 2
สมาชิก ระดับ 2
ลงทะเบียนเมื่อ: 12 มี.ค. 2019, 11:03
โพสต์: 98

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


https://youtu.be/ea3iEqzcGCg

จะ ขอ แชร์ ประสบการณ์ ตรง ขณะนอนผักผ่อน เปิดยูทูปแบบลันต่อเนื่อง

ครึ่งหลับครึ่งตื่น
ตื่นขึ้น มา อีก ที่
พบว่ากายสมมติจมอยู่ในทะเลซะแล้วทันใดนั้นเองก็มีพญานาคดังปรากฏในรูปภาพเข้ามาลัดแล้วดึงมาดัน
ใช้ความพยายามอย่างมาก ที่จะ เอา ตัว กายสมมติของเรา ลง ไป
ในอุโมงค์ที่มองไปมีแต่แสง รัศมีสว่างเรืองรองภายในถ้ำแก้วกายสมมติก็ขัดขืนไม่ยอมลงไปในถ้ำแก้วกับลากเอาพญานาค
ขึ้น มา เกย ตื่น บน ผิวน้ำ
ด้วยอริยฤทธิ์
พอ ออกจาก นิมิต ประเภท นี้ จึงมาพิจาณา
ตรวจดูอีก ที่
ก็ เข้า ใจทันที ว่า
ตระกูลพระยานาคท่านจะเข้าร่วมยุคพระศรีอาริย์ อย่าง วันนี้ ก็ รับ สื่อ ญาณ จาก แม่ย่าศรีปทุมมาที่เป็นคู่บารมีปู่ศรีสุทโธพญานาคราช
จึง ขอ ทำการ เชื่อมต่อ กับ
ตระกูลพญานาคทั้งหมดที่ท่านตั้งอยู่ในสัมมาปฏิบัติ

ลูกหลานปู่ย่าจงฟัง
เราไม่ใช่พญานาคราชธรรมดานะลูกหลานปู่ทั้งเก้่า‼️.....แต่ละพระองค์เก่งกาจสามารถทุกพระองค์ เพราะพญานาคราชทุกพระองค์ที่จะขึ้นมาคุ้มครองมนุษย์คนหนึ่งได้นั้น ต้องผ่านการบำเพ็ญเพียรฝึกฝนเรียนรู้เรื่องของมนุษย์ ,กฎสวรรค์ ,และกฎเมืองพญานาคราชอย่างเคร่งครัดเช่นกัน แต่ละพระองค์ท่านก็ฝึกฝนอย่างหนักมานานนับกัลป์นับกาลเช่นกัน เพื่อที่จะลงมาบนโลกมนุษย์แบบลับๆทำภาระกิจตามหาลูกหลานวงวานศ์ และคอยปกป้องมนุษย์สรรพสัตว์และพระพุทธศาสนาให้ยืนยาวครบ๕๐๐๐ปี ท่านมีจุดมุ่งหมายหลักๆคือจะต้องทำทุกวิถีทางเพื่อนำดวงจิตของลูกหลาน โอรส-ธิดา ของแต่ละตระกูลกลับคืนสู่ยุคพระศรีอริยเมตไตรยเพื่อไปสู่พระนิพพานพร้อมกัน

#โดยแต่ละองค์ที่ลงมาคุ้มครองผู้มีบุญสัมพันธ์ต่อกัน จะต้องมีบุญสัมพันธ์มีกรรมร่วมกับมนุษย์คนนั้นๆมาหลายชาติ ด้วยท่านถึงจะเข้าใกล้มนุษย์คนนั้นได้ เพราะพญานาคคือเทพโอปปาติกะที่มีพิษร้ายแรงที่สุด สามารถทำลายโลกได้ มนุษย์ที่จะสัมผัสพระวรกาย หรือรับพลังไอทิพย์จากท่านได้จะต้องมีบุญร่วมชาติกันมาก่อนไม่งั้นก็จะตายได้ภายใน3วัน 7วัน หรือตายในทันที เมื่อท่านมาคุ้มครองมนุษย์คนใดจึงไม่แปลกที่มนุษย์จะโดนดัดนิสัย จึงมีพฤติกรรมต่างจากที่เคยเป็นมา นั้นเป็นผลมาจากองค์ท่านมาอยู่กับมนุษย์ มนุษย์เรียกกันติดปากว่า"คนมีองค์ในรักษา" คนมีองค์ในจะแตกต่างจากคนอื่นๆหลายประการ แต่หลักๆเลยทุกคนจะคงเคยโดนองค์ท่าน สั่งสอนหรือลงโทษเพื่อให้เรามีความสำนึกจดจำเป็นบทเรียนไว้เตือนสติไม่ให้ประมาทอย่างที่ผ่านมา การทดสอบลงโทษก็เพื่อให้มนุษย์มีวินัย มีพระธรรมเกิดขึ้นที่ใจ ให้ใจระลึกถึงคุณพระ คุณเจ้า ให้รู้ถึงคุณแก้วสามประการดวงเลิศ การที่องค์ในท่านทดสอบเราก็เปรียบเสมือนเราถูกเฆี่ยนตีเพื่อให้ผลออกมาสุขสดใสสว่าง แต่ก็อยู่ที่บุคคลและบุญเก่าด้วย บางคนก็สื่อนิดเดียวก็เข้าใจ แต่บางคนท่านสื่อเตือนเท่าไรก็ยังโลภมากไม่เกรงกลัวบาปกรรม ก็คงต้องโดนดีถูกเฆี่ยนตีเพื่อให้จดให้จำจะได้เห็นทุกข์จากกิเลส #อาการที่เกิดจากองค์ใน มีหลายประการแปลกลึกลับพิศดารกันมากมาย แต่ที่ผู้เขียนเคยพบหลักๆจากตนเองและคนรอบข้างหลายคน มาหลายปี คือ
๑.แบบเบาๆ....หากทำในสิ่งที่ท่านไม่ชอบซึ่งท่านก็เตือนก่อนแล้ว เพราะเป็นสิ่งไม่ดีต่อตัวเรา หรือผิดศีลบ่อยๆ ไม่ค่อยสวดมนต์ผัดวันประกันพรุ้ง แสดงถึงความไม่มีสัจจะ ก็จะเจออาการแปลกๆจากภายใน โดนพิษจากพญานาคราชแบบเบาๆ เช่น ปวดหัวหนักๆ ไมเกรนขึ้นอย่างหนักข้างใดข้างหนึ่งออกทางตา ปวดแสบเจ็บจี๊ดๆ เหมือนมดกัด วิ่งไล่ตามทั่วตัวไปหมด มีอาการหงุดหงิด เป็นไข้พิษร้อนรุมเหมือนโดนพิษงู นอนไม่ค่อยหลับ จิตตกไม่อยากทำอะไรขี้เกียจ เหนื่อยเบื่อ หวิวๆหวิดๆในใจตลอดเวลา ปวดเหมือนเข็มแทง หรือรู้สึกเหมือนมีแมลงไต่จนสร้างความรำคาญถึงที่สุด ให้รู้ไว้เลยว่าคุณกำลังทำผิดกฎที่ท่านตั้งเอาไว้ ภาวนาชินบัญชรมากๆ๑๐๘จบยิ่งดี เพื่ออ้อนองค์ใน อ้อนท่านให้ท่านเมตตา อ้อนวอนขอให้ท่านสงสารว่าเราทรมานมาก ขอพระองค์ได้โปรดสงสัยมนุษย์ที่โง่เขลา .....อะไรก็อ้อนไปถ้าใครเจอแบบที่๑คราวๆ ยังมีอีกสารพัด ปกติต้องใช้จิตดูเท่านั้น ๒.แบบที่๒ ทำความผิด ศีลข้อ3 และไม่รักษาสัจจะต่อตนเองและผู้อื่น โดยเฉพาะต่อท่าน เมื่อท่านต้องการให้มีเราธรรมในใจ มีความรักสันโดษ ซื่อตรงต่อศีลธรรม ประพฤติตนเป็นคนมีศีล เป็นกฎหลักที่มนุษย์พุทธกาลควรมี แต่ปัจจุบันมนุษย์กลายเป็นเปรตเป็นผี ไม่สมชาติที่มาเกิดเป็นมนุษย์
-องค์ในบางพระองค์ท่านฝึกมาดี ท่านจะรักษาสัจจะสูงสุดยอดเยี่ยมมาก ไม่พลาดก็คือไม่พลาด และท่านจะเกลียดที่สุดคือคนเจ้าชู้มักมากในกามตัณหาราคะ ชอบมะโนฝันถึงแต่พญานาคองค์อื่นๆแทนที่จะ ตั้งใจฝึกภาวนาจะได้เข้าถึงกระแสองค์ท่าน จะได้เปิดตาในมองเห็นท่าน และรู้อะไรตามภาระกิจของตนเอง มั่วแต่ผิดศีลมั่วคู่ เป็นศีลข้อที่พญานาคราชเกลียดที่สุด กรณีนี้จะเจอหนักหน่อย .......#เมื่อองค์ในท่านมาก็จะโดนท่านดัดสันดานลงโทษอย่างหนักหน่อย โดนท่านลงโทษดีกว่าเจ้ากรรมนายเวรมาถึงตัวอาจจะไม่รอด นับจากโบราณกาลมา การผิดประเวณีนับเป็นยอดแห่งความชั่ว บทลงโทษในโลกมนุษย์นับว่าหนักแล้ว แต่บทลงโทษในนรกยิ่งหนักเพิ่มขึ้น วิธีการลงโทษมีหลากหลายประการ ดังนั้นเมื่อท่านมาก็จะโดนอย่างหนักบางคนหมดสารรูป สติเหมือนคนโดนของ อาการเหมือนคนวิปราส นั่งสมาธิก็โดนลงโดนแทรกเลื้อยแบบงู กินแบบงู นั้นเพราะศีลพร่อง คนศีลดีจะไม่นั่งสมาธิเลื้อยหรือสมาธิบ้า เพราะศีลจะรักษาผู้ปฎิบัติธรรม มักเจออุบัติเหตุบ่อย จะทำการงานอะไรไม่ค่อยเจริญขัดสน ติดขัดตลอดเพราะผิดสัจจะต่อเทวดา ป่วยบ่อยรัศมีไม่สว่าง ดวงจิตเศร้าหมอง ของจะเข้าตัวง่าย ไปทางไหนก็จะเจอคนลองของ ปวดเนื้อตัวตลอดเวลา เงินทองที่ได้มาก็จะหมดลงในที่สุด คนที่ผิดข้อนี้ให้พยายามถอยห่างและเลิกซะก่อนที่องค์ในจะหมดความอดทน และหนี้หายไปในที่สุด เมื่อนั้นเจ้ากรรมมาถึงตัว ท่านจะเคราะร้ายกว่านี้หลายล้านเท่า #เรื่องราวของพญานาคราชมีมานานแสนนานตั้งแต่สมัยก่อนพระพุทธเจ้าจะอุบัติขึ้นบนโลก ท่านบำเพ็ญเพียรมาหลายอสงไขย์ เพื่อรอพระพุทธเจ้ามากำเนิดโปรดสรรพสัตว์บนโลก พญานาคราชหลายพระองค์ร่วมถึง องค์นาคาธิบดีนาคราชหลายพระองค์ หรือ "พ่อปู่ศรีสุทโธนาคราช"ท่านอยู่มานานแสนนานอายุมากกว่าองค์เทพบนสวรรค์ เพราะพญานาคราชท่านสามารถเข้าฌาณให้ตนมีอายุเลื่อนภพเลื่อนภูมิได้ไม่มีประมาณ ยิ่งท่านบำเพ็ญเพียรท่านยิ่งมีบารมีมาก และที่สำคัญท่านเป็นเทพโอปปาติกะที่ลึกลับมีสิทธิเด็ดขาดสั่งเป็นสั่งตาย เทพ เทวดา มนุษย์ และอื่นๆได้โดยไม่ผิด ท่านแค่หนี้ไปบำเพ็ญเพียรก็เลื่อนภูมิได้สบายมาก นั้นจึงเป็นเหตุผลที่มีแต่พญานาคราชเท่านั่นได้ปกป้องพระพุทธเจ้าทุกพระองค์ในวันตรัสรู้ เช่น"พญามุจลินทร์นาคราช" ปกป้องพระศาสดาในวันตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า กลายเป็นพระนาคปรกในปัจจุบัน ยังมีอีกมากมาย ฉนั้นลูกหลานปู่ อย่ารอเวลาอีกเลย


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 เม.ย. 2019, 09:37 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 ก.พ. 2011, 19:56
โพสต์: 1798


 ข้อมูลส่วนตัว


คุณ luna ไม่ได้ศึกษา พระพุทธพจน์ จึงไม่ได้มีความเข้าใจที่ถูกต้องตรงตามพระธรรม ความเข้าใจคลาดเคลื่อน การใช้บัญญัติต่างๆ จึงผิด เพราะขาดการฟังพระธรรม เมื่อไม่มีการฟัง จึงไม่มีการโยนิโสมนสิการ เมื่อไม่มีโยนิโสมนสิการ จึงไม่มีปัจจัยแก่สัมมาทิฏฐิ คือความเห็นถูก ความเห็นที่ถูกไม่มี ความคิดจึงผิด การพูดหรือการแสดงธรรมจึงผิดไปด้วย


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 เม.ย. 2019, 09:47 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 ก.พ. 2011, 19:56
โพสต์: 1798


 ข้อมูลส่วนตัว


luna เขียน:
วิธีรับมือกับเวทนานักปฏิบัติวิปัสสนาในขณะที่เวทนาเกิดอย่าอยากให้หาย
ยิ่งอยากให้หายมากเท่าไรก็ จะกลับเป็นเวทนาทวีคูณขึ้น
จนนักปฏิบัติธรรม ทนไม่ได้และจะล้มเลิกไปในที่สุด


ทุกอย่างเป็นไปตามปัจจัย อย่าอยาก หรืออยาก ก็เป็น ธรรมชาติที่ปรุงแต่งทั้งนั้น

เต็มไปด้วยความต้องการ แต่ขาดปัญญา
แล้วจะเป็นการปฏิบัติหรือ

ปฏิบัติคืออะไร ใครปฏิบัติ ถามหน่อย


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 03 เม.ย. 2019, 09:54 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 ก.พ. 2011, 19:56
โพสต์: 1798


 ข้อมูลส่วนตัว


luna เขียน:
https://youtu.be/ea3iEqzcGCg

จะ ขอ แชร์ ประสบการณ์ ตรง ขณะนอนผักผ่อน เปิดยูทูปแบบลันต่อเนื่อง

ครึ่งหลับครึ่งตื่น
ตื่นขึ้น มา อีก ที่
พบว่ากายสมมติจมอยู่ในทะเลซะแล้วทันใดนั้นเองก็มีพญานาคดังปรากฏในรูปภาพเข้ามาลัดแล้วดึงมาดัน
ใช้ความพยายามอย่างมาก ที่จะ เอา ตัว กายสมมติของเรา ลง ไป
ในอุโมงค์ที่มองไปมีแต่แสง รัศมีสว่างเรืองรองภายในถ้ำแก้วกายสมมติก็ขัดขืนไม่ยอมลงไปในถ้ำแก้วกับลากเอาพญานาค
ขึ้น มา เกย ตื่น บน ผิวน้ำ
ด้วยอริยฤทธิ์
พอ ออกจาก นิมิต ประเภท นี้ จึงมาพิจาณา
ตรวจดูอีก ที่
ก็ เข้า ใจทันที ว่า
ตระกูลพระยานาคท่านจะเข้าร่วมยุคพระศรีอาริย์ อย่าง วันนี้ ก็ รับ สื่อ ญาณ จาก แม่ย่าศรีปทุมมาที่เป็นคู่บารมีปู่ศรีสุทโธพญานาคราช
จึง ขอ ทำการ เชื่อมต่อ กับ
ตระกูลพญานาคทั้งหมดที่ท่านตั้งอยู่ในสัมมาปฏิบัติ

ลูกหลานปู่ย่าจงฟัง
เราไม่ใช่พญานาคราชธรรมดานะลูกหลานปู่ทั้งเก้่า‼️.....แต่ละพระองค์เก่งกาจสามารถทุกพระองค์ เพราะพญานาคราชทุกพระองค์ที่จะขึ้นมาคุ้มครองมนุษย์คนหนึ่งได้นั้น ต้องผ่านการบำเพ็ญเพียรฝึกฝนเรียนรู้เรื่องของมนุษย์ ,กฎสวรรค์ ,และกฎเมืองพญานาคราชอย่างเคร่งครัดเช่นกัน แต่ละพระองค์ท่านก็ฝึกฝนอย่างหนักมานานนับกัลป์นับกาลเช่นกัน เพื่อที่จะลงมาบนโลกมนุษย์แบบลับๆทำภาระกิจตามหาลูกหลานวงวานศ์ และคอยปกป้องมนุษย์สรรพสัตว์และพระพุทธศาสนาให้ยืนยาวครบ๕๐๐๐ปี ท่านมีจุดมุ่งหมายหลักๆคือจะต้องทำทุกวิถีทางเพื่อนำดวงจิตของลูกหลาน โอรส-ธิดา ของแต่ละตระกูลกลับคืนสู่ยุคพระศรีอริยเมตไตรยเพื่อไปสู่พระนิพพานพร้อมกัน

#โดยแต่ละองค์ที่ลงมาคุ้มครองผู้มีบุญสัมพันธ์ต่อกัน จะต้องมีบุญสัมพันธ์มีกรรมร่วมกับมนุษย์คนนั้นๆมาหลายชาติ ด้วยท่านถึงจะเข้าใกล้มนุษย์คนนั้นได้ เพราะพญานาคคือเทพโอปปาติกะที่มีพิษร้ายแรงที่สุด สามารถทำลายโลกได้ มนุษย์ที่จะสัมผัสพระวรกาย หรือรับพลังไอทิพย์จากท่านได้จะต้องมีบุญร่วมชาติกันมาก่อนไม่งั้นก็จะตายได้ภายใน3วัน 7วัน หรือตายในทันที เมื่อท่านมาคุ้มครองมนุษย์คนใดจึงไม่แปลกที่มนุษย์จะโดนดัดนิสัย จึงมีพฤติกรรมต่างจากที่เคยเป็นมา นั้นเป็นผลมาจากองค์ท่านมาอยู่กับมนุษย์ มนุษย์เรียกกันติดปากว่า"คนมีองค์ในรักษา" คนมีองค์ในจะแตกต่างจากคนอื่นๆหลายประการ แต่หลักๆเลยทุกคนจะคงเคยโดนองค์ท่าน สั่งสอนหรือลงโทษเพื่อให้เรามีความสำนึกจดจำเป็นบทเรียนไว้เตือนสติไม่ให้ประมาทอย่างที่ผ่านมา การทดสอบลงโทษก็เพื่อให้มนุษย์มีวินัย มีพระธรรมเกิดขึ้นที่ใจ ให้ใจระลึกถึงคุณพระ คุณเจ้า ให้รู้ถึงคุณแก้วสามประการดวงเลิศ การที่องค์ในท่านทดสอบเราก็เปรียบเสมือนเราถูกเฆี่ยนตีเพื่อให้ผลออกมาสุขสดใสสว่าง แต่ก็อยู่ที่บุคคลและบุญเก่าด้วย บางคนก็สื่อนิดเดียวก็เข้าใจ แต่บางคนท่านสื่อเตือนเท่าไรก็ยังโลภมากไม่เกรงกลัวบาปกรรม ก็คงต้องโดนดีถูกเฆี่ยนตีเพื่อให้จดให้จำจะได้เห็นทุกข์จากกิเลส #อาการที่เกิดจากองค์ใน มีหลายประการแปลกลึกลับพิศดารกันมากมาย แต่ที่ผู้เขียนเคยพบหลักๆจากตนเองและคนรอบข้างหลายคน มาหลายปี คือ
๑.แบบเบาๆ....หากทำในสิ่งที่ท่านไม่ชอบซึ่งท่านก็เตือนก่อนแล้ว เพราะเป็นสิ่งไม่ดีต่อตัวเรา หรือผิดศีลบ่อยๆ ไม่ค่อยสวดมนต์ผัดวันประกันพรุ้ง แสดงถึงความไม่มีสัจจะ ก็จะเจออาการแปลกๆจากภายใน โดนพิษจากพญานาคราชแบบเบาๆ เช่น ปวดหัวหนักๆ ไมเกรนขึ้นอย่างหนักข้างใดข้างหนึ่งออกทางตา ปวดแสบเจ็บจี๊ดๆ เหมือนมดกัด วิ่งไล่ตามทั่วตัวไปหมด มีอาการหงุดหงิด เป็นไข้พิษร้อนรุมเหมือนโดนพิษงู นอนไม่ค่อยหลับ จิตตกไม่อยากทำอะไรขี้เกียจ เหนื่อยเบื่อ หวิวๆหวิดๆในใจตลอดเวลา ปวดเหมือนเข็มแทง หรือรู้สึกเหมือนมีแมลงไต่จนสร้างความรำคาญถึงที่สุด ให้รู้ไว้เลยว่าคุณกำลังทำผิดกฎที่ท่านตั้งเอาไว้ ภาวนาชินบัญชรมากๆ๑๐๘จบยิ่งดี เพื่ออ้อนองค์ใน อ้อนท่านให้ท่านเมตตา อ้อนวอนขอให้ท่านสงสารว่าเราทรมานมาก ขอพระองค์ได้โปรดสงสัยมนุษย์ที่โง่เขลา .....อะไรก็อ้อนไปถ้าใครเจอแบบที่๑คราวๆ ยังมีอีกสารพัด ปกติต้องใช้จิตดูเท่านั้น ๒.แบบที่๒ ทำความผิด ศีลข้อ3 และไม่รักษาสัจจะต่อตนเองและผู้อื่น โดยเฉพาะต่อท่าน เมื่อท่านต้องการให้มีเราธรรมในใจ มีความรักสันโดษ ซื่อตรงต่อศีลธรรม ประพฤติตนเป็นคนมีศีล เป็นกฎหลักที่มนุษย์พุทธกาลควรมี แต่ปัจจุบันมนุษย์กลายเป็นเปรตเป็นผี ไม่สมชาติที่มาเกิดเป็นมนุษย์
-องค์ในบางพระองค์ท่านฝึกมาดี ท่านจะรักษาสัจจะสูงสุดยอดเยี่ยมมาก ไม่พลาดก็คือไม่พลาด และท่านจะเกลียดที่สุดคือคนเจ้าชู้มักมากในกามตัณหาราคะ ชอบมะโนฝันถึงแต่พญานาคองค์อื่นๆแทนที่จะ ตั้งใจฝึกภาวนาจะได้เข้าถึงกระแสองค์ท่าน จะได้เปิดตาในมองเห็นท่าน และรู้อะไรตามภาระกิจของตนเอง มั่วแต่ผิดศีลมั่วคู่ เป็นศีลข้อที่พญานาคราชเกลียดที่สุด กรณีนี้จะเจอหนักหน่อย .......#เมื่อองค์ในท่านมาก็จะโดนท่านดัดสันดานลงโทษอย่างหนักหน่อย โดนท่านลงโทษดีกว่าเจ้ากรรมนายเวรมาถึงตัวอาจจะไม่รอด นับจากโบราณกาลมา การผิดประเวณีนับเป็นยอดแห่งความชั่ว บทลงโทษในโลกมนุษย์นับว่าหนักแล้ว แต่บทลงโทษในนรกยิ่งหนักเพิ่มขึ้น วิธีการลงโทษมีหลากหลายประการ ดังนั้นเมื่อท่านมาก็จะโดนอย่างหนักบางคนหมดสารรูป สติเหมือนคนโดนของ อาการเหมือนคนวิปราส นั่งสมาธิก็โดนลงโดนแทรกเลื้อยแบบงู กินแบบงู นั้นเพราะศีลพร่อง คนศีลดีจะไม่นั่งสมาธิเลื้อยหรือสมาธิบ้า เพราะศีลจะรักษาผู้ปฎิบัติธรรม มักเจออุบัติเหตุบ่อย จะทำการงานอะไรไม่ค่อยเจริญขัดสน ติดขัดตลอดเพราะผิดสัจจะต่อเทวดา ป่วยบ่อยรัศมีไม่สว่าง ดวงจิตเศร้าหมอง ของจะเข้าตัวง่าย ไปทางไหนก็จะเจอคนลองของ ปวดเนื้อตัวตลอดเวลา เงินทองที่ได้มาก็จะหมดลงในที่สุด คนที่ผิดข้อนี้ให้พยายามถอยห่างและเลิกซะก่อนที่องค์ในจะหมดความอดทน และหนี้หายไปในที่สุด เมื่อนั้นเจ้ากรรมมาถึงตัว ท่านจะเคราะร้ายกว่านี้หลายล้านเท่า #เรื่องราวของพญานาคราชมีมานานแสนนานตั้งแต่สมัยก่อนพระพุทธเจ้าจะอุบัติขึ้นบนโลก ท่านบำเพ็ญเพียรมาหลายอสงไขย์ เพื่อรอพระพุทธเจ้ามากำเนิดโปรดสรรพสัตว์บนโลก พญานาคราชหลายพระองค์ร่วมถึง องค์นาคาธิบดีนาคราชหลายพระองค์ หรือ "พ่อปู่ศรีสุทโธนาคราช"ท่านอยู่มานานแสนนานอายุมากกว่าองค์เทพบนสวรรค์ เพราะพญานาคราชท่านสามารถเข้าฌาณให้ตนมีอายุเลื่อนภพเลื่อนภูมิได้ไม่มีประมาณ ยิ่งท่านบำเพ็ญเพียรท่านยิ่งมีบารมีมาก และที่สำคัญท่านเป็นเทพโอปปาติกะที่ลึกลับมีสิทธิเด็ดขาดสั่งเป็นสั่งตาย เทพ เทวดา มนุษย์ และอื่นๆได้โดยไม่ผิด ท่านแค่หนี้ไปบำเพ็ญเพียรก็เลื่อนภูมิได้สบายมาก นั้นจึงเป็นเหตุผลที่มีแต่พญานาคราชเท่านั่นได้ปกป้องพระพุทธเจ้าทุกพระองค์ในวันตรัสรู้ เช่น"พญามุจลินทร์นาคราช" ปกป้องพระศาสดาในวันตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า กลายเป็นพระนาคปรกในปัจจุบัน ยังมีอีกมากมาย ฉนั้นลูกหลานปู่ อย่ารอเวลาอีกเลย


ฟังดูเป็นเรื่องลี้ลับนะครับ แต่ก็เป็นเรื่องราวที่ไม่เกี่ยวกับการปฏิบัติ สรุปว่าคุณ luna ตั้งกระทู้นี้เพื่อเสนอแนะการปฏิบัติ หรือจะนำเสนอเรื่องราว ประสบการณ์พันลึกกันแน่


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 289 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 8, 9, 10, 11, 12, 13, 14 ... 20  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 93 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร