วันเวลาปัจจุบัน 25 เม.ย. 2024, 15:40  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 159 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5 ... 11  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 มี.ค. 2019, 21:11 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7502

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
Love J. เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Love J. เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
Kiss
โลกแปลว่าสิ่งที่เกิดดับ
ขันธ์แปลว่าเกิดดับ
แต่ยึดขันธ์5
ที่เกิดดับ
เป็นเราเป็นโลก
คือมีอุปาทานขันธ์
https://youtu.be/uGbOpxosAwo
onion onion onion


เวนกำ "จิตเกิดดับสืบต่อจนปรากฎเป็นโลก"

จบข่าวขอรับ บอกไม่เชื่อว่าเสียเวลาปลูกผักส่งตลาดไทเปล่าๆ :b32:


"จิตเกิดดับสืบต่อจนปรากฎเป็นโลก"
อันนี้ถูกแล้ว

แต่ยึดขันธ์ ๕ ว่าเป็นเราเป็นโลก
อันนี้ถูกส่วนเดียว คือ แต่ยึดขันธ์ ๕ ว่าเป็นเรา


จิตเกิดดับ ก็เรื่องของจิตเกิดดับ

โลกก็โลก

แล้วทำไมทำไปทำมา จิตเกิดดับจนปรากฏเป็นโลกไปได้

โลกที่ว่านี่ได้แก่ อะไรขอรับ คุณเลิฟ เจ. :b10:


โลกที่ปรากฎให้เราเห็น

เราน่ะเห็นโลกเป็นมิจฉาทิฏฐิ
พระพุทธเจ้าบอกว่าไม่มีเรา
มีแต่ธัมมะที่กำลังเกิดดับ
ตามเหตุตามปัจจัย
นับแสนโกฏิขณะ
คือตรัสรู้อริยสัจจะธัมมะมีแต่จิเจรุนิ
จะเกิดสัมมามรรคคือคิดเห็นถูกตามได้ต้องเพียรฟังเพื่อคิดตรงตามได้ทีล1ทางไงล่ะคะ...เข้าใจรึยังคะปกติ
:b8:
:b4: :b4:

ไม่มีใครเป็นเจ้าของธัมมะที่กำลังเกิดดับสืบต่อ
มีแต่ความไม่รู้ความจริงที่กำลังปรากฏ
รู้ไหมคะว่าทุกคนมีชีวิตแค่จุด1จุด
ทั้งจักรวาลมีการเกิดดับแต่ละ1
หลากหลายตามการสะสมมีแล้วไม่มีใครทำตัวจริงธัมมะที่กำลังเกิดดับ
มีแต่ทำกรรมด้วยความไม่รู้เพราะไม่รู้ว่าตัวเองมีกิเลสอวิชชามากยิ่งฟังยิ่งรู้ว่าโง่เข้าใจไหมคะ
ทุกปัจจุบันขณะดับแสนล้านจุดนับไม่ได้ๆๆยังไม่รู้สึกตัวกันอยู่ว่าชอบไปทำอะไรก็สะสมกิเลสไปสู่ที่ชอบๆทำ
ขาดการฟังเพื่อให้คิดถูกตามคำสอนได้ตรงทีละ1ทางตรงที่มีตัวจริงธัมมะที่กำลังปรากฏให้คิดถูกตามได้ตรง
:b16:
:b12: :b12:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 มี.ค. 2019, 21:33 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ส.ค. 2018, 07:07
โพสต์: 482

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
Rosarin เขียน:
Love J. เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Love J. เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
Kiss
โลกแปลว่าสิ่งที่เกิดดับ
ขันธ์แปลว่าเกิดดับ
แต่ยึดขันธ์5
ที่เกิดดับ
เป็นเราเป็นโลก
คือมีอุปาทานขันธ์
https://youtu.be/uGbOpxosAwo
onion onion onion


เวนกำ "จิตเกิดดับสืบต่อจนปรากฎเป็นโลก"

จบข่าวขอรับ บอกไม่เชื่อว่าเสียเวลาปลูกผักส่งตลาดไทเปล่าๆ :b32:


"จิตเกิดดับสืบต่อจนปรากฎเป็นโลก"
อันนี้ถูกแล้ว

แต่ยึดขันธ์ ๕ ว่าเป็นเราเป็นโลก
อันนี้ถูกส่วนเดียว คือ แต่ยึดขันธ์ ๕ ว่าเป็นเรา


จิตเกิดดับ ก็เรื่องของจิตเกิดดับ

โลกก็โลก

แล้วทำไมทำไปทำมา จิตเกิดดับจนปรากฏเป็นโลกไปได้

โลกที่ว่านี่ได้แก่ อะไรขอรับ คุณเลิฟ เจ. :b10:


โลกที่ปรากฎให้เราเห็น

เราน่ะเห็นโลกเป็นมิจฉาทิฏฐิ
พระพุทธเจ้าบอกว่าไม่มีเรา
มีแต่ธัมมะที่กำลังเกิดดับ
ตามเหตุตามปัจจัย
นับแสนโกฏิขณะ
คือตรัสรู้อริยสัจจะธัมมะมีแต่จิเจรุนิ
จะเกิดสัมมามรรคคือคิดเห็นถูกตามได้ต้องเพียรฟังเพื่อคิดตรงตามได้ทีล1ทางไงล่ะคะ...เข้าใจรึยังคะปกติ
:b8:
:b4: :b4:

ไม่มีใครเป็นเจ้าของธัมมะที่กำลังเกิดดับสืบต่อ
มีแต่ความไม่รู้ความจริงที่กำลังปรากฏ
รู้ไหมคะว่าทุกคนมีชีวิตแค่จุด1จุด
ทั้งจักรวาลมีการเกิดดับแต่ละ1
หลากหลายตามการสะสมมีแล้วไม่มีใครทำตัวจริงธัมมะที่กำลังเกิดดับ
มีแต่ทำกรรมด้วยความไม่รู้เพราะไม่รู้ว่าตัวเองมีกิเลสอวิชชามากยิ่งฟังยิ่งรู้ว่าโง่เข้าใจไหมคะ
ทุกปัจจุบันขณะดับแสนล้านจุดนับไม่ได้ๆๆยังไม่รู้สึกตัวกันอยู่ว่าชอบไปทำอะไรก็สะสมกิเลสไปสู่ที่ชอบๆทำ
ขาดการฟังเพื่อให้คิดถูกตามคำสอนได้ตรงทีละ1ทางตรงที่มีตัวจริงธัมมะที่กำลังปรากฏให้คิดถูกตามได้ตรง
:b16:
:b12: :b12:


การเห็นโลก เห็นคน เห็นสัตว์ ไม่ใช่มิจฉาทิฏฐิ

การเห็นว่าโลกเที่ยง เป็นสุข เป็นตัวเป็นตน ยึดมั่นถือมั่น อย่างนี้เป็นมิจฉาทิฏฐิ

การเห็นว่าโลกไม่เที่ยง เป็นทุกข์ ไม่ใช่ตัวใช่ตน ควรเพียรเจริญอริยมรรคเพื่อถอดถอนความยึดมั่นถือมั่น อย่างนี้เป็นสัมมาทิฏฐิ

ความรู้แจ้งแทงตลอด ธาตุ ขันธ์ อายตนะ อย่างนี้เป็นญาณทัศนะ

ความรู้ว่า อนุสัย สังโยชน์ อันไหนเหลืออยู่ อันนั้นละแล้ว กิจที่ต้องทำเพื่อความหลุดพ้นมีอยู่ หรือ ไม่มีแล้ว
อย่างนี้เป็นวิมุติญาณทัศนะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 มี.ค. 2019, 23:07 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7502

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Love J. เขียน:
Rosarin เขียน:
Rosarin เขียน:
Love J. เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Love J. เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
Kiss
โลกแปลว่าสิ่งที่เกิดดับ
ขันธ์แปลว่าเกิดดับ
แต่ยึดขันธ์5
ที่เกิดดับ
เป็นเราเป็นโลก
คือมีอุปาทานขันธ์
https://youtu.be/uGbOpxosAwo
onion onion onion


เวนกำ "จิตเกิดดับสืบต่อจนปรากฎเป็นโลก"

จบข่าวขอรับ บอกไม่เชื่อว่าเสียเวลาปลูกผักส่งตลาดไทเปล่าๆ :b32:


"จิตเกิดดับสืบต่อจนปรากฎเป็นโลก"
อันนี้ถูกแล้ว

แต่ยึดขันธ์ ๕ ว่าเป็นเราเป็นโลก
อันนี้ถูกส่วนเดียว คือ แต่ยึดขันธ์ ๕ ว่าเป็นเรา


จิตเกิดดับ ก็เรื่องของจิตเกิดดับ

โลกก็โลก

แล้วทำไมทำไปทำมา จิตเกิดดับจนปรากฏเป็นโลกไปได้

โลกที่ว่านี่ได้แก่ อะไรขอรับ คุณเลิฟ เจ. :b10:


โลกที่ปรากฎให้เราเห็น

เราน่ะเห็นโลกเป็นมิจฉาทิฏฐิ
พระพุทธเจ้าบอกว่าไม่มีเรา
มีแต่ธัมมะที่กำลังเกิดดับ
ตามเหตุตามปัจจัย
นับแสนโกฏิขณะ
คือตรัสรู้อริยสัจจะธัมมะมีแต่จิเจรุนิ
จะเกิดสัมมามรรคคือคิดเห็นถูกตามได้ต้องเพียรฟังเพื่อคิดตรงตามได้ทีล1ทางไงล่ะคะ...เข้าใจรึยังคะปกติ
:b8:
:b4: :b4:

ไม่มีใครเป็นเจ้าของธัมมะที่กำลังเกิดดับสืบต่อ
มีแต่ความไม่รู้ความจริงที่กำลังปรากฏ
รู้ไหมคะว่าทุกคนมีชีวิตแค่จุด1จุด
ทั้งจักรวาลมีการเกิดดับแต่ละ1
หลากหลายตามการสะสมมีแล้วไม่มีใครทำตัวจริงธัมมะที่กำลังเกิดดับ
มีแต่ทำกรรมด้วยความไม่รู้เพราะไม่รู้ว่าตัวเองมีกิเลสอวิชชามากยิ่งฟังยิ่งรู้ว่าโง่เข้าใจไหมคะ
ทุกปัจจุบันขณะดับแสนล้านจุดนับไม่ได้ๆๆยังไม่รู้สึกตัวกันอยู่ว่าชอบไปทำอะไรก็สะสมกิเลสไปสู่ที่ชอบๆทำ
ขาดการฟังเพื่อให้คิดถูกตามคำสอนได้ตรงทีละ1ทางตรงที่มีตัวจริงธัมมะที่กำลังปรากฏให้คิดถูกตามได้ตรง
:b16:
:b12: :b12:


การเห็นโลก เห็นคน เห็นสัตว์ ไม่ใช่มิจฉาทิฏฐิ

การเห็นว่าโลกเที่ยง เป็นสุข เป็นตัวเป็นตน ยึดมั่นถือมั่น อย่างนี้เป็นมิจฉาทิฏฐิ

การเห็นว่าโลกไม่เที่ยง เป็นทุกข์ ไม่ใช่ตัวใช่ตน ควรเพียรเจริญอริยมรรคเพื่อถอดถอนความยึดมั่นถือมั่น อย่างนี้เป็นสัมมาทิฏฐิ

ความรู้แจ้งแทงตลอด ธาตุ ขันธ์ อายตนะ อย่างนี้เป็นญาณทัศนะ

ความรู้ว่า อนุสัย สังโยชน์ อันไหนเหลืออยู่ อันนั้นละแล้ว กิจที่ต้องทำเพื่อความหลุดพ้นมีอยู่ หรือ ไม่มีแล้ว
อย่างนี้เป็นวิมุติญาณทัศนะ

ลืมตาดูคิดให้รอบรู้
ตาที่ดูปกติเดี๋ยวนี้
พึ่งคิดตามคำสอน
ก็คิดให้มันตรงดูสิคะ
เดี๋ยวนี้ดับนับไม่ถ้วนเลย
จิตเห็นสี1สีคือนิมิตของสัจจะของเห็นตรง1ขณะตรงปัจจุบันดูที่มีอะไรปรากฏนอกตาคือผิด
แต่ความรู้สึกไม่ชัดหรือว่าตาเนื้อตัวเองเห็นผิดอยู่จึงจำผิดคิดผิดตามตาตัวเองเห็นไม่คิดตามคำสอนไง
ก็ตาคุณเห็นเป็นนิมิตอดีตสีที่ดับนับไม่ถ้วนที่ปรากฏให้คิดถึงคนสัตว์วัตถุสิ่งของคือคิดเห็นผิด(มิจฉาทิฏฐิ)
เนี่ยคิดตามให้มันถูกตรงทางที่ตาตัวเองเห็นมีปกติเห็นผิดคิดผิดเกินสัจจะของเห็นตามคำสอนจริงไหมคะ
:b12:
:b4: :b4:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 มี.ค. 2019, 23:23 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ส.ค. 2018, 07:07
โพสต์: 482

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
Love J. เขียน:
Rosarin เขียน:
Rosarin เขียน:
Love J. เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Love J. เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
Kiss
โลกแปลว่าสิ่งที่เกิดดับ
ขันธ์แปลว่าเกิดดับ
แต่ยึดขันธ์5
ที่เกิดดับ
เป็นเราเป็นโลก
คือมีอุปาทานขันธ์
https://youtu.be/uGbOpxosAwo
onion onion onion


เวนกำ "จิตเกิดดับสืบต่อจนปรากฎเป็นโลก"

จบข่าวขอรับ บอกไม่เชื่อว่าเสียเวลาปลูกผักส่งตลาดไทเปล่าๆ :b32:


"จิตเกิดดับสืบต่อจนปรากฎเป็นโลก"
อันนี้ถูกแล้ว

แต่ยึดขันธ์ ๕ ว่าเป็นเราเป็นโลก
อันนี้ถูกส่วนเดียว คือ แต่ยึดขันธ์ ๕ ว่าเป็นเรา


จิตเกิดดับ ก็เรื่องของจิตเกิดดับ

โลกก็โลก

แล้วทำไมทำไปทำมา จิตเกิดดับจนปรากฏเป็นโลกไปได้

โลกที่ว่านี่ได้แก่ อะไรขอรับ คุณเลิฟ เจ. :b10:


โลกที่ปรากฎให้เราเห็น

เราน่ะเห็นโลกเป็นมิจฉาทิฏฐิ
พระพุทธเจ้าบอกว่าไม่มีเรา
มีแต่ธัมมะที่กำลังเกิดดับ
ตามเหตุตามปัจจัย
นับแสนโกฏิขณะ
คือตรัสรู้อริยสัจจะธัมมะมีแต่จิเจรุนิ
จะเกิดสัมมามรรคคือคิดเห็นถูกตามได้ต้องเพียรฟังเพื่อคิดตรงตามได้ทีล1ทางไงล่ะคะ...เข้าใจรึยังคะปกติ
:b8:
:b4: :b4:

ไม่มีใครเป็นเจ้าของธัมมะที่กำลังเกิดดับสืบต่อ
มีแต่ความไม่รู้ความจริงที่กำลังปรากฏ
รู้ไหมคะว่าทุกคนมีชีวิตแค่จุด1จุด
ทั้งจักรวาลมีการเกิดดับแต่ละ1
หลากหลายตามการสะสมมีแล้วไม่มีใครทำตัวจริงธัมมะที่กำลังเกิดดับ
มีแต่ทำกรรมด้วยความไม่รู้เพราะไม่รู้ว่าตัวเองมีกิเลสอวิชชามากยิ่งฟังยิ่งรู้ว่าโง่เข้าใจไหมคะ
ทุกปัจจุบันขณะดับแสนล้านจุดนับไม่ได้ๆๆยังไม่รู้สึกตัวกันอยู่ว่าชอบไปทำอะไรก็สะสมกิเลสไปสู่ที่ชอบๆทำ
ขาดการฟังเพื่อให้คิดถูกตามคำสอนได้ตรงทีละ1ทางตรงที่มีตัวจริงธัมมะที่กำลังปรากฏให้คิดถูกตามได้ตรง
:b16:
:b12: :b12:


การเห็นโลก เห็นคน เห็นสัตว์ ไม่ใช่มิจฉาทิฏฐิ

การเห็นว่าโลกเที่ยง เป็นสุข เป็นตัวเป็นตน ยึดมั่นถือมั่น อย่างนี้เป็นมิจฉาทิฏฐิ

การเห็นว่าโลกไม่เที่ยง เป็นทุกข์ ไม่ใช่ตัวใช่ตน ควรเพียรเจริญอริยมรรคเพื่อถอดถอนความยึดมั่นถือมั่น อย่างนี้เป็นสัมมาทิฏฐิ

ความรู้แจ้งแทงตลอด ธาตุ ขันธ์ อายตนะ อย่างนี้เป็นญาณทัศนะ

ความรู้ว่า อนุสัย สังโยชน์ อันไหนเหลืออยู่ อันนั้นละแล้ว กิจที่ต้องทำเพื่อความหลุดพ้นมีอยู่ หรือ ไม่มีแล้ว
อย่างนี้เป็นวิมุติญาณทัศนะ

ลืมตาดูคิดให้รอบรู้
ตาที่ดูปกติเดี๋ยวนี้
พึ่งคิดตามคำสอน
ก็คิดให้มันตรงดูสิคะ
เดี๋ยวนี้ดับนับไม่ถ้วนเลย
จิตเห็นสี1สีคือนิมิตของสัจจะของเห็นตรง1ขณะตรงปัจจุบันดูที่มีอะไรปรากฏนอกตาคือผิด
แต่ความรู้สึกไม่ชัดหรือว่าตาเนื้อตัวเองเห็นผิดอยู่จึงจำผิดคิดผิดตามตาตัวเองเห็นไม่คิดตามคำสอนไง
ก็ตาคุณเห็นเป็นนิมิตอดีตสีที่ดับนับไม่ถ้วนที่ปรากฏให้คิดถึงคนสัตว์วัตถุสิ่งของคือคิดเห็นผิด(มิจฉาทิฏฐิ)
เนี่ยคิดตามให้มันถูกตรงทางที่ตาตัวเองเห็นมีปกติเห็นผิดคิดผิดเกินสัจจะของเห็นตามคำสอนจริงไหมคะ
:b12:
:b4: :b4:

ถ้ามีสัมมาทิฏฐิแล้วไม่เห็นว่าโลกเป็นโลก สัตว์เป็นสัตว์ บุคคลเป็นบุคคล วัตถุเป็นวัตถุ รถเป็นรถ บ้านเป็นบ้าน ต้นไม้เป็นต้นไม้ ภูเขาเป็นภูเขา พระอริยบุคคลทั้งหลายก็ไม่ต่างกับคนบ้าใบ้ไร้สติสัมปชัญญะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 มี.ค. 2019, 00:02 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7502

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Love J. เขียน:
Rosarin เขียน:
Love J. เขียน:
Rosarin เขียน:
Rosarin เขียน:
Love J. เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Love J. เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
Kiss
โลกแปลว่าสิ่งที่เกิดดับ
ขันธ์แปลว่าเกิดดับ
แต่ยึดขันธ์5
ที่เกิดดับ
เป็นเราเป็นโลก
คือมีอุปาทานขันธ์
https://youtu.be/uGbOpxosAwo
onion onion onion


เวนกำ "จิตเกิดดับสืบต่อจนปรากฎเป็นโลก"

จบข่าวขอรับ บอกไม่เชื่อว่าเสียเวลาปลูกผักส่งตลาดไทเปล่าๆ :b32:


"จิตเกิดดับสืบต่อจนปรากฎเป็นโลก"
อันนี้ถูกแล้ว

แต่ยึดขันธ์ ๕ ว่าเป็นเราเป็นโลก
อันนี้ถูกส่วนเดียว คือ แต่ยึดขันธ์ ๕ ว่าเป็นเรา


จิตเกิดดับ ก็เรื่องของจิตเกิดดับ

โลกก็โลก

แล้วทำไมทำไปทำมา จิตเกิดดับจนปรากฏเป็นโลกไปได้

โลกที่ว่านี่ได้แก่ อะไรขอรับ คุณเลิฟ เจ. :b10:


โลกที่ปรากฎให้เราเห็น

เราน่ะเห็นโลกเป็นมิจฉาทิฏฐิ
พระพุทธเจ้าบอกว่าไม่มีเรา
มีแต่ธัมมะที่กำลังเกิดดับ
ตามเหตุตามปัจจัย
นับแสนโกฏิขณะ
คือตรัสรู้อริยสัจจะธัมมะมีแต่จิเจรุนิ
จะเกิดสัมมามรรคคือคิดเห็นถูกตามได้ต้องเพียรฟังเพื่อคิดตรงตามได้ทีล1ทางไงล่ะคะ...เข้าใจรึยังคะปกติ
:b8:
:b4: :b4:

ไม่มีใครเป็นเจ้าของธัมมะที่กำลังเกิดดับสืบต่อ
มีแต่ความไม่รู้ความจริงที่กำลังปรากฏ
รู้ไหมคะว่าทุกคนมีชีวิตแค่จุด1จุด
ทั้งจักรวาลมีการเกิดดับแต่ละ1
หลากหลายตามการสะสมมีแล้วไม่มีใครทำตัวจริงธัมมะที่กำลังเกิดดับ
มีแต่ทำกรรมด้วยความไม่รู้เพราะไม่รู้ว่าตัวเองมีกิเลสอวิชชามากยิ่งฟังยิ่งรู้ว่าโง่เข้าใจไหมคะ
ทุกปัจจุบันขณะดับแสนล้านจุดนับไม่ได้ๆๆยังไม่รู้สึกตัวกันอยู่ว่าชอบไปทำอะไรก็สะสมกิเลสไปสู่ที่ชอบๆทำ
ขาดการฟังเพื่อให้คิดถูกตามคำสอนได้ตรงทีละ1ทางตรงที่มีตัวจริงธัมมะที่กำลังปรากฏให้คิดถูกตามได้ตรง
:b16:
:b12: :b12:


การเห็นโลก เห็นคน เห็นสัตว์ ไม่ใช่มิจฉาทิฏฐิ

การเห็นว่าโลกเที่ยง เป็นสุข เป็นตัวเป็นตน ยึดมั่นถือมั่น อย่างนี้เป็นมิจฉาทิฏฐิ

การเห็นว่าโลกไม่เที่ยง เป็นทุกข์ ไม่ใช่ตัวใช่ตน ควรเพียรเจริญอริยมรรคเพื่อถอดถอนความยึดมั่นถือมั่น อย่างนี้เป็นสัมมาทิฏฐิ

ความรู้แจ้งแทงตลอด ธาตุ ขันธ์ อายตนะ อย่างนี้เป็นญาณทัศนะ

ความรู้ว่า อนุสัย สังโยชน์ อันไหนเหลืออยู่ อันนั้นละแล้ว กิจที่ต้องทำเพื่อความหลุดพ้นมีอยู่ หรือ ไม่มีแล้ว
อย่างนี้เป็นวิมุติญาณทัศนะ

ลืมตาดูคิดให้รอบรู้
ตาที่ดูปกติเดี๋ยวนี้
พึ่งคิดตามคำสอน
ก็คิดให้มันตรงดูสิคะ
เดี๋ยวนี้ดับนับไม่ถ้วนเลย
จิตเห็นสี1สีคือนิมิตของสัจจะของเห็นตรง1ขณะตรงปัจจุบันดูที่มีอะไรปรากฏนอกตาคือผิด
แต่ความรู้สึกไม่ชัดหรือว่าตาเนื้อตัวเองเห็นผิดอยู่จึงจำผิดคิดผิดตามตาตัวเองเห็นไม่คิดตามคำสอนไง
ก็ตาคุณเห็นเป็นนิมิตอดีตสีที่ดับนับไม่ถ้วนที่ปรากฏให้คิดถึงคนสัตว์วัตถุสิ่งของคือคิดเห็นผิด(มิจฉาทิฏฐิ)
เนี่ยคิดตามให้มันถูกตรงทางที่ตาตัวเองเห็นมีปกติเห็นผิดคิดผิดเกินสัจจะของเห็นตามคำสอนจริงไหมคะ
:b12:
:b4: :b4:

ถ้ามีสัมมาทิฏฐิแล้วไม่เห็นว่าโลกเป็นโลก สัตว์เป็นสัตว์ บุคคลเป็นบุคคล วัตถุเป็นวัตถุ รถเป็นรถ บ้านเป็นบ้าน ต้นไม้เป็นต้นไม้ ภูเขาเป็นภูเขา พระอริยบุคคลทั้งหลายก็ไม่ต่างกับคนบ้าใบ้ไร้สติสัมปชัญญะ

แล้วไม่คิดหรือคะว่า
ถ้าสัจจะเท่านั้นที่มีจริงๆ
คนสัตว์วัตถุไม่มีอยู่จริงน่ะ
ถือกุญแจกันทุกคนมิใช่หรือคะ
ยังไม่คิดอีกหรือว่าถ้าสละหมดจริงๆ
ปล่อยวางได้จริงๆไม่สะสมกิเลสจริงๆแล้ว
บวชแล้วจะเอาเงินไปทำอะไรเพราะฉันจากบิณฑบาต
เกินเที่ยงก็เก็บสะสมไม่ได้แม้แต่เกลือต้องเดินบิณฑบาตใหม่ทุกวันไม่เผื่อใคร
อริยบุคคลที่บวชคงไม่รับเงินทองข้าวของมาสะสมเพิ่มอีกกระมังเพราะสละหมดแล้วนี่คะ
ตาไม่บอดนี่ก็ตาเนื้อคนทุกคนใครมันเห็นสมมุติคนสัตว์วัตถุแล้วไม่รู้ว่ามีอะไรบ้างจำได้หมดไม่ใช่เหรอ
แต่ไม่จำว่าตามคำสอนมีแต่จิเจรุนิละเอียดแต่ละ1ปรมัตถ์ไม่มีตัวตนเลยแล้วที่มีตัวตนอยู่ไม่รู้เลยว่ามีกิเลสไง
:b32:
:b12: :b12:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 มี.ค. 2019, 00:58 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ส.ค. 2018, 07:07
โพสต์: 482

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
Love J. เขียน:
Rosarin เขียน:
Love J. เขียน:
Rosarin เขียน:
Rosarin เขียน:
Love J. เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Love J. เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
Kiss
โลกแปลว่าสิ่งที่เกิดดับ
ขันธ์แปลว่าเกิดดับ
แต่ยึดขันธ์5
ที่เกิดดับ
เป็นเราเป็นโลก
คือมีอุปาทานขันธ์
https://youtu.be/uGbOpxosAwo
onion onion onion


เวนกำ "จิตเกิดดับสืบต่อจนปรากฎเป็นโลก"

จบข่าวขอรับ บอกไม่เชื่อว่าเสียเวลาปลูกผักส่งตลาดไทเปล่าๆ :b32:


"จิตเกิดดับสืบต่อจนปรากฎเป็นโลก"
อันนี้ถูกแล้ว

แต่ยึดขันธ์ ๕ ว่าเป็นเราเป็นโลก
อันนี้ถูกส่วนเดียว คือ แต่ยึดขันธ์ ๕ ว่าเป็นเรา


จิตเกิดดับ ก็เรื่องของจิตเกิดดับ

โลกก็โลก

แล้วทำไมทำไปทำมา จิตเกิดดับจนปรากฏเป็นโลกไปได้

โลกที่ว่านี่ได้แก่ อะไรขอรับ คุณเลิฟ เจ. :b10:


โลกที่ปรากฎให้เราเห็น

เราน่ะเห็นโลกเป็นมิจฉาทิฏฐิ
พระพุทธเจ้าบอกว่าไม่มีเรา
มีแต่ธัมมะที่กำลังเกิดดับ
ตามเหตุตามปัจจัย
นับแสนโกฏิขณะ
คือตรัสรู้อริยสัจจะธัมมะมีแต่จิเจรุนิ
จะเกิดสัมมามรรคคือคิดเห็นถูกตามได้ต้องเพียรฟังเพื่อคิดตรงตามได้ทีล1ทางไงล่ะคะ...เข้าใจรึยังคะปกติ
:b8:
:b4: :b4:

ไม่มีใครเป็นเจ้าของธัมมะที่กำลังเกิดดับสืบต่อ
มีแต่ความไม่รู้ความจริงที่กำลังปรากฏ
รู้ไหมคะว่าทุกคนมีชีวิตแค่จุด1จุด
ทั้งจักรวาลมีการเกิดดับแต่ละ1
หลากหลายตามการสะสมมีแล้วไม่มีใครทำตัวจริงธัมมะที่กำลังเกิดดับ
มีแต่ทำกรรมด้วยความไม่รู้เพราะไม่รู้ว่าตัวเองมีกิเลสอวิชชามากยิ่งฟังยิ่งรู้ว่าโง่เข้าใจไหมคะ
ทุกปัจจุบันขณะดับแสนล้านจุดนับไม่ได้ๆๆยังไม่รู้สึกตัวกันอยู่ว่าชอบไปทำอะไรก็สะสมกิเลสไปสู่ที่ชอบๆทำ
ขาดการฟังเพื่อให้คิดถูกตามคำสอนได้ตรงทีละ1ทางตรงที่มีตัวจริงธัมมะที่กำลังปรากฏให้คิดถูกตามได้ตรง
:b16:
:b12: :b12:


การเห็นโลก เห็นคน เห็นสัตว์ ไม่ใช่มิจฉาทิฏฐิ

การเห็นว่าโลกเที่ยง เป็นสุข เป็นตัวเป็นตน ยึดมั่นถือมั่น อย่างนี้เป็นมิจฉาทิฏฐิ

การเห็นว่าโลกไม่เที่ยง เป็นทุกข์ ไม่ใช่ตัวใช่ตน ควรเพียรเจริญอริยมรรคเพื่อถอดถอนความยึดมั่นถือมั่น อย่างนี้เป็นสัมมาทิฏฐิ

ความรู้แจ้งแทงตลอด ธาตุ ขันธ์ อายตนะ อย่างนี้เป็นญาณทัศนะ

ความรู้ว่า อนุสัย สังโยชน์ อันไหนเหลืออยู่ อันนั้นละแล้ว กิจที่ต้องทำเพื่อความหลุดพ้นมีอยู่ หรือ ไม่มีแล้ว
อย่างนี้เป็นวิมุติญาณทัศนะ

ลืมตาดูคิดให้รอบรู้
ตาที่ดูปกติเดี๋ยวนี้
พึ่งคิดตามคำสอน
ก็คิดให้มันตรงดูสิคะ
เดี๋ยวนี้ดับนับไม่ถ้วนเลย
จิตเห็นสี1สีคือนิมิตของสัจจะของเห็นตรง1ขณะตรงปัจจุบันดูที่มีอะไรปรากฏนอกตาคือผิด
แต่ความรู้สึกไม่ชัดหรือว่าตาเนื้อตัวเองเห็นผิดอยู่จึงจำผิดคิดผิดตามตาตัวเองเห็นไม่คิดตามคำสอนไง
ก็ตาคุณเห็นเป็นนิมิตอดีตสีที่ดับนับไม่ถ้วนที่ปรากฏให้คิดถึงคนสัตว์วัตถุสิ่งของคือคิดเห็นผิด(มิจฉาทิฏฐิ)
เนี่ยคิดตามให้มันถูกตรงทางที่ตาตัวเองเห็นมีปกติเห็นผิดคิดผิดเกินสัจจะของเห็นตามคำสอนจริงไหมคะ
:b12:
:b4: :b4:

ถ้ามีสัมมาทิฏฐิแล้วไม่เห็นว่าโลกเป็นโลก สัตว์เป็นสัตว์ บุคคลเป็นบุคคล วัตถุเป็นวัตถุ รถเป็นรถ บ้านเป็นบ้าน ต้นไม้เป็นต้นไม้ ภูเขาเป็นภูเขา พระอริยบุคคลทั้งหลายก็ไม่ต่างกับคนบ้าใบ้ไร้สติสัมปชัญญะ

แล้วไม่คิดหรือคะว่า
ถ้าสัจจะเท่านั้นที่มีจริงๆ
คนสัตว์วัตถุไม่มีอยู่จริงน่ะ
ถือกุญแจกันทุกคนมิใช่หรือคะ
ยังไม่คิดอีกหรือว่าถ้าสละหมดจริงๆ
ปล่อยวางได้จริงๆไม่สะสมกิเลสจริงๆแล้ว
บวชแล้วจะเอาเงินไปทำอะไรเพราะฉันจากบิณฑบาต
เกินเที่ยงก็เก็บสะสมไม่ได้แม้แต่เกลือต้องเดินบิณฑบาตใหม่ทุกวันไม่เผื่อใคร
อริยบุคคลที่บวชคงไม่รับเงินทองข้าวของมาสะสมเพิ่มอีกกระมังเพราะสละหมดแล้วนี่คะ
ตาไม่บอดนี่ก็ตาเนื้อคนทุกคนใครมันเห็นสมมุติคนสัตว์วัตถุแล้วไม่รู้ว่ามีอะไรบ้างจำได้หมดไม่ใช่เหรอ
แต่ไม่จำว่าตามคำสอนมีแต่จิเจรุนิละเอียดแต่ละ1ปรมัตถ์ไม่มีตัวตนเลยแล้วที่มีตัวตนอยู่ไม่รู้เลยว่ามีกิเลสไง
:b32:
:b12: :b12:


ค้นหาบุคคลไม่ได้โดยปรมัตถ์ อันนี้ใช่ กลา่วชอบแล้ว
แต่ปรมัตถ์อันใดมีอยู่ ค้นหาบุคคลไม่ได้โดยปรมัตถ์ อันนี้ผิด เป็นมิจฉา

พระอริยบุคคล มีญาณเห็นความจริงชั้นปรมัตถ์ ซึ่งค้นหาสัตว์บุคคลไม่ได้ และรู้แจ้งแทงตลอดปรมัตถ์นั้นโดยอริยสัจ ๔ อันนี้คือญาณ ปัญญา ... เมื่อกายใจนี้มีอยู่ ขันธ์ ๕ มีอยู่ ความเห็นว่าไม่มีโลก ไม่มีคน
ไม่มีสัตว์ ความเห็นอย่างนั้นพระอริยบุคคลไม่มี

พระอริยบุคคล คือ ผู้ที่เพียรเจริญอริยมรรคที่ยังไม่เกิดให้เกิดขึ้น ที่เกิดขึ้นแล้วรักษาให้งอกงามไพบูรณ์ เพื่อทำลายกิเลสให้หมดสิ้น ไม่ใช่โกนหัวห่มเหลืองแล้วแสวงหาลาภสักการะ พระดีก็มี คนชั่วแอบแฝงเป็นพระก็มี อย่าเอาการกระทำของคน ๆ ใดคนหนึ่งไปตัดสินพระสงฆ์สาวกทั้งหมด

ผมย้อนอ่านกระทู้เก่า ๆ ของคุณ รสริน เห็นว่ามีศรัทธาเลื่อมใสในพระรัตนตรัยดี เผยแผ่ธรรมะดี ๆ คำสอน ของพระพุทธเจ้า และ ครูบาร์อาจารย์ทั้งหลาย ตอนนั้นดูคุณรสรินมีความสุขกับพระธรรมคำสอน ทำไม่ถึงละทิ้งไปละครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 มี.ค. 2019, 04:17 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 มี.ค. 2018, 02:56
โพสต์: 2157

โฮมเพจ: maybe
แนวปฏิบัติ: สติปัฎฐาน
งานอดิเรก: กีฬา
สิ่งที่ชื่นชอบ: แบรนด์เเนม
ชื่อเล่น: เม
อายุ: 22
ที่อยู่: Bangkok Thailand

 ข้อมูลส่วนตัว


สาธุๆๆ ค่ะคุณยายโรส

ถูกต้องที่สุดเรย

คุณยายโรสกล่าวได้ถูกต้องแล้วหล่ะค่ะ

ผุ้รู้ ผู้ปฎิบัติ ชั้นเลิศ จึงรู้ว่า จิตเกิดดับสืบต่อจนปรากฏเป็นโลก

พระพุทธองค์ทรงบัญญัติโลก ในกายยาววา หนาคืบ กว้างศอก มีใจครอง เป็นที่สุดของโลก
โลกคือโลกทางตา ที่กำลังเห็น ทางหูที่กำลังได้ยิน....

และสิ่งสำคัญที่คุณยายโรสแสดง คือ เหตุไกล้ที่สุด
เป็นสหรคตสัญญา ที่ประกอบด้วยปัญญา ในสัจจะและสัทธรรมในคำสอนของพระพุทธองค์

ธรรมเหล่าใดเกิดแต่เหตุ พระตถาคต ทรงแสดงเหตุแห่งธรรมเหล่านั้น และความดับแห่งธรรมเหล่านั้น
เหตุนี้ จึงเป็นเหตุ ที่ไกล้ที่สุด และดับที่เหตุ ไกล้กว่าสิ่งอื่น ใดๆ

ไม่ปนเปื้อนด้วยน้ำลาย ของผู้ใดอื่นๆๆ รวมทั้งเม

คริคริ


smiley


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 มี.ค. 2019, 04:52 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7502

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Kiss
รู้ไหมคะว่าเริ่มดีจริงๆได้เมื่อเริ่มต้นฟังคำวาจาสัจจะ
เข้าใจจิตที่กำลังเป็นไปตรงตามที่กำลังได้ยินค่ะ
สัจจะไม่มีการปรุงแต่งเกิดแล้วตามเหตุปัจจัย
โลกตามคำสอนที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้นั้น
เป็นจิตแต่ละ1ดวงท่องเที่ยวดวงเดียว
ตั้งแต่เกิดจนตายไม่มีสัตว์บุคคล
ไม่มีตัวตนมีแต่จิตทีละ1ดวง
ตรงทีละ1ทางที่กำลังมี
เกิดแล้วดับทันทีโดย
ไม่มีใครเป็นเจ้าของ
สิ่งหนึ่งสิ่งใดเลย
มีคิดดีบ้างไม่ดีบ้างเอาไปได้แค่คิดถูก(คิดดี)หรือคิดผิด(คิดชั่ว)
เพราะยึดมั่นในสิ่งที่มีว่ามีตัวตนไปทำขึ้นแยกออกไปจากปกติ
แต่ปกติของตัวจริงธัมมะคือกำลังมีครบแล้วกำลังเกิดดับด้วยฟังเพื่อเพิ่มปัญญาก่อนตาย
ใครจะไปทำอะไรก็ตามโดยขาดการคิดไตร่ตรองตามคำสอนคือเป็นบ้าคือมีวิลาสต่างๆกันไปทำไม่ฟัง
ลืมว่าอยากเกิดเพื่อมาฟังคำสอนคุณค่าของคำสอนคือการเข้าใจตรง1สัจจะที่กายใจมีตรงตามคำสอนได้
:b12:
:b12: :b12:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 มี.ค. 2019, 06:02 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7502

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
Kiss
รู้ไหมคะว่าเริ่มดีจริงๆได้เมื่อเริ่มต้นฟังคำวาจาสัจจะ
เข้าใจจิตที่กำลังเป็นไปตรงตามที่กำลังได้ยินค่ะ
สัจจะไม่มีการปรุงแต่งเกิดแล้วตามเหตุปัจจัย
โลกตามคำสอนที่พระพุทธเจ้าตรัสรู้นั้น
เป็นจิตแต่ละ1ดวงท่องเที่ยวดวงเดียว
ตั้งแต่เกิดจนตายไม่มีสัตว์บุคคล
ไม่มีตัวตนมีแต่จิตทีละ1ดวง
ตรงทีละ1ทางที่กำลังมี
เกิดแล้วดับทันทีโดย
ไม่มีใครเป็นเจ้าของ
สิ่งหนึ่งสิ่งใดเลย
มีคิดดีบ้างไม่ดีบ้างเอาไปได้แค่คิดถูก(คิดดี)หรือคิดผิด(คิดชั่ว)
เพราะยึดมั่นในสิ่งที่มีว่ามีตัวตนไปทำขึ้นแยกออกไปจากปกติ
แต่ปกติของตัวจริงธัมมะคือกำลังมีครบแล้วกำลังเกิดดับด้วยฟังเพื่อเพิ่มปัญญาก่อนตาย
ใครจะไปทำอะไรก็ตามโดยขาดการคิดไตร่ตรองตามคำสอนคือเป็นบ้าคือมีวิลาสต่างๆกันไปทำไม่ฟัง
ลืมว่าอยากเกิดเพื่อมาฟังคำสอนคุณค่าของคำสอนคือการเข้าใจตรง1สัจจะที่กายใจมีตรงตามคำสอนได้
:b12:
:b12: :b12:

พระพุทธเจ้าทรงแสดงธัมมะไว้ละเอียดอย่างยิ่ง
ว่าเกิดดับตรงปัจจุบันขณะถึงแสนโกฏิขณะ
เป็นการตรัสรู้ด้วยทศพลญาณ1เดียว
ไม่ว่าจะกาลไหนที่มีพระพุทธเจ้า
กาลนั้นมีได้เพียง1พระองค์
ที่ทรงรู้ความจริงทั้งหมด
และเปล่งคำต่างๆให้
เข้าใจตรงเสียง
รู้ความหมาย
ตรงสัจจะ
ทันที
ดับเห็นผิดรู้ทันทีไม่มีการปรุงแต่งความคิดมีแต่ปรุงแต่งเข้าใจตรงสัจจะตามเสียงได้
เพราะเป็นอุชุปะติปัตติ=อุชุปฏิบัติ=สัมมาทิฏฐิ=คิดเห็นถูกตาม...คิดตามได้ตรงเท่านั้น
คือรู้ตรงสัจจะตรง1จริงตรง1ทางตรง1ธาตุตรงที่กายใจตัวเองกำลังมีเดี๋ยวนี้คืออริยสัจจะธัมมะ
:b16:
:b11: :b11:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 มี.ค. 2019, 08:50 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7502

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Love J. เขียน:
Rosarin เขียน:
Love J. เขียน:
Rosarin เขียน:
Love J. เขียน:
Rosarin เขียน:
Rosarin เขียน:
Love J. เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Love J. เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
Kiss
โลกแปลว่าสิ่งที่เกิดดับ
ขันธ์แปลว่าเกิดดับ
แต่ยึดขันธ์5
ที่เกิดดับ
เป็นเราเป็นโลก
คือมีอุปาทานขันธ์
https://youtu.be/uGbOpxosAwo
onion onion onion


เวนกำ "จิตเกิดดับสืบต่อจนปรากฎเป็นโลก"

จบข่าวขอรับ บอกไม่เชื่อว่าเสียเวลาปลูกผักส่งตลาดไทเปล่าๆ :b32:


"จิตเกิดดับสืบต่อจนปรากฎเป็นโลก"
อันนี้ถูกแล้ว

แต่ยึดขันธ์ ๕ ว่าเป็นเราเป็นโลก
อันนี้ถูกส่วนเดียว คือ แต่ยึดขันธ์ ๕ ว่าเป็นเรา


จิตเกิดดับ ก็เรื่องของจิตเกิดดับ

โลกก็โลก

แล้วทำไมทำไปทำมา จิตเกิดดับจนปรากฏเป็นโลกไปได้

โลกที่ว่านี่ได้แก่ อะไรขอรับ คุณเลิฟ เจ. :b10:


โลกที่ปรากฎให้เราเห็น

เราน่ะเห็นโลกเป็นมิจฉาทิฏฐิ
พระพุทธเจ้าบอกว่าไม่มีเรา
มีแต่ธัมมะที่กำลังเกิดดับ
ตามเหตุตามปัจจัย
นับแสนโกฏิขณะ
คือตรัสรู้อริยสัจจะธัมมะมีแต่จิเจรุนิ
จะเกิดสัมมามรรคคือคิดเห็นถูกตามได้ต้องเพียรฟังเพื่อคิดตรงตามได้ทีล1ทางไงล่ะคะ...เข้าใจรึยังคะปกติ
:b8:
:b4: :b4:

ไม่มีใครเป็นเจ้าของธัมมะที่กำลังเกิดดับสืบต่อ
มีแต่ความไม่รู้ความจริงที่กำลังปรากฏ
รู้ไหมคะว่าทุกคนมีชีวิตแค่จุด1จุด
ทั้งจักรวาลมีการเกิดดับแต่ละ1
หลากหลายตามการสะสมมีแล้วไม่มีใครทำตัวจริงธัมมะที่กำลังเกิดดับ
มีแต่ทำกรรมด้วยความไม่รู้เพราะไม่รู้ว่าตัวเองมีกิเลสอวิชชามากยิ่งฟังยิ่งรู้ว่าโง่เข้าใจไหมคะ
ทุกปัจจุบันขณะดับแสนล้านจุดนับไม่ได้ๆๆยังไม่รู้สึกตัวกันอยู่ว่าชอบไปทำอะไรก็สะสมกิเลสไปสู่ที่ชอบๆทำ
ขาดการฟังเพื่อให้คิดถูกตามคำสอนได้ตรงทีละ1ทางตรงที่มีตัวจริงธัมมะที่กำลังปรากฏให้คิดถูกตามได้ตรง
:b16:
:b12: :b12:


การเห็นโลก เห็นคน เห็นสัตว์ ไม่ใช่มิจฉาทิฏฐิ

การเห็นว่าโลกเที่ยง เป็นสุข เป็นตัวเป็นตน ยึดมั่นถือมั่น อย่างนี้เป็นมิจฉาทิฏฐิ

การเห็นว่าโลกไม่เที่ยง เป็นทุกข์ ไม่ใช่ตัวใช่ตน ควรเพียรเจริญอริยมรรคเพื่อถอดถอนความยึดมั่นถือมั่น อย่างนี้เป็นสัมมาทิฏฐิ

ความรู้แจ้งแทงตลอด ธาตุ ขันธ์ อายตนะ อย่างนี้เป็นญาณทัศนะ

ความรู้ว่า อนุสัย สังโยชน์ อันไหนเหลืออยู่ อันนั้นละแล้ว กิจที่ต้องทำเพื่อความหลุดพ้นมีอยู่ หรือ ไม่มีแล้ว
อย่างนี้เป็นวิมุติญาณทัศนะ

ลืมตาดูคิดให้รอบรู้
ตาที่ดูปกติเดี๋ยวนี้
พึ่งคิดตามคำสอน
ก็คิดให้มันตรงดูสิคะ
เดี๋ยวนี้ดับนับไม่ถ้วนเลย
จิตเห็นสี1สีคือนิมิตของสัจจะของเห็นตรง1ขณะตรงปัจจุบันดูที่มีอะไรปรากฏนอกตาคือผิด
แต่ความรู้สึกไม่ชัดหรือว่าตาเนื้อตัวเองเห็นผิดอยู่จึงจำผิดคิดผิดตามตาตัวเองเห็นไม่คิดตามคำสอนไง
ก็ตาคุณเห็นเป็นนิมิตอดีตสีที่ดับนับไม่ถ้วนที่ปรากฏให้คิดถึงคนสัตว์วัตถุสิ่งของคือคิดเห็นผิด(มิจฉาทิฏฐิ)
เนี่ยคิดตามให้มันถูกตรงทางที่ตาตัวเองเห็นมีปกติเห็นผิดคิดผิดเกินสัจจะของเห็นตามคำสอนจริงไหมคะ
:b12:
:b4: :b4:

ถ้ามีสัมมาทิฏฐิแล้วไม่เห็นว่าโลกเป็นโลก สัตว์เป็นสัตว์ บุคคลเป็นบุคคล วัตถุเป็นวัตถุ รถเป็นรถ บ้านเป็นบ้าน ต้นไม้เป็นต้นไม้ ภูเขาเป็นภูเขา พระอริยบุคคลทั้งหลายก็ไม่ต่างกับคนบ้าใบ้ไร้สติสัมปชัญญะ

แล้วไม่คิดหรือคะว่า
ถ้าสัจจะเท่านั้นที่มีจริงๆ
คนสัตว์วัตถุไม่มีอยู่จริงน่ะ
ถือกุญแจกันทุกคนมิใช่หรือคะ
ยังไม่คิดอีกหรือว่าถ้าสละหมดจริงๆ
ปล่อยวางได้จริงๆไม่สะสมกิเลสจริงๆแล้ว
บวชแล้วจะเอาเงินไปทำอะไรเพราะฉันจากบิณฑบาต
เกินเที่ยงก็เก็บสะสมไม่ได้แม้แต่เกลือต้องเดินบิณฑบาตใหม่ทุกวันไม่เผื่อใคร
อริยบุคคลที่บวชคงไม่รับเงินทองข้าวของมาสะสมเพิ่มอีกกระมังเพราะสละหมดแล้วนี่คะ
ตาไม่บอดนี่ก็ตาเนื้อคนทุกคนใครมันเห็นสมมุติคนสัตว์วัตถุแล้วไม่รู้ว่ามีอะไรบ้างจำได้หมดไม่ใช่เหรอ
แต่ไม่จำว่าตามคำสอนมีแต่จิเจรุนิละเอียดแต่ละ1ปรมัตถ์ไม่มีตัวตนเลยแล้วที่มีตัวตนอยู่ไม่รู้เลยว่ามีกิเลสไง
:b32:
:b12: :b12:


ค้นหาบุคคลไม่ได้โดยปรมัตถ์ อันนี้ใช่ กลา่วชอบแล้ว
แต่ปรมัตถ์อันใดมีอยู่ ค้นหาบุคคลไม่ได้โดยปรมัตถ์ อันนี้ผิด เป็นมิจฉา

พระอริยบุคคล มีญาณเห็นความจริงชั้นปรมัตถ์ ซึ่งค้นหาสัตว์บุคคลไม่ได้ และรู้แจ้งแทงตลอดปรมัตถ์นั้นโดยอริยสัจ ๔ อันนี้คือญาณ ปัญญา ... เมื่อกายใจนี้มีอยู่ ขันธ์ ๕ มีอยู่ ความเห็นว่าไม่มีโลก ไม่มีคน
ไม่มีสัตว์ ความเห็นอย่างนั้นพระอริยบุคคลไม่มี

พระอริยบุคคล คือ ผู้ที่เพียรเจริญอริยมรรคที่ยังไม่เกิดให้เกิดขึ้น ที่เกิดขึ้นแล้วรักษาให้งอกงามไพบูรณ์ เพื่อทำลายกิเลสให้หมดสิ้น ไม่ใช่โกนหัวห่มเหลืองแล้วแสวงหาลาภสักการะ พระดีก็มี คนชั่วแอบแฝงเป็นพระก็มี อย่าเอาการกระทำของคน ๆ ใดคนหนึ่งไปตัดสินพระสงฆ์สาวกทั้งหมด

ผมย้อนอ่านกระทู้เก่า ๆ ของคุณ รสริน เห็นว่ามีศรัทธาเลื่อมใสในพระรัตนตรัยดี เผยแผ่ธรรมะดี ๆ คำสอน ของพระพุทธเจ้า และ ครูบาร์อาจารย์ทั้งหลาย ตอนนั้นดูคุณรสรินมีความสุขกับพระธรรมคำสอน ทำไม่ถึงละทิ้งไปละครับ

หลงผิดทำไปตามสิ่งที่เห็นมานานหลายภพหลายชาติแล้ว
บอกแล้วว่าสัจจะไม่มีสิ่งภายนอกกายใจตนเองมีแล้วไม่มีใครทำ
คิดเองจะรู้ไหมคะว่าจริงๆตัวคุณก็ไม่มีแล้วจะมีคนสัตว์วัตถุภายนอกรึ
สัจจะมีเพียงจิตทีละ1ทางตรง1ขณะเกิดดับอยู่ภายในที่มืดมิดไม่มีสัจจะนอกจิต
คุณลองดูสิ่งที่คุณกำลังมองดูสิคะยังไม่กล่าวคำใดๆเลยจำผิดแล้วคิดผิดด้วยจะให้ว่าไง
มันสว่างมากกว่ามืดคือมืดแค่ตอนกระพริบตาส่วนความจริงคือบอดสนิททั้งที่ลืมตาดูอยู่เนี่ยค่ะ
คิดสิคะจิตเห็น1ขณะมีแต่แสงสะท้อนสี1สีเข้าตาดับแล้วมืดทันทีจึงคิดถึงสี1สีไม่มีเสียงกลิ่นรสปนสีมืดสนิท
ไม่มีใครรู้ตรงสัจจะของเห็นได้นอกจากพระพุทธเจ้ากล่าวความจริงให้คิดถูกตามได้ตรงเห็นที่กำลังเห็นว่าผิด
ดูสิคะคุณเห็นนิมิตสีหลากสีตัดกันจนปรากฏเป็นสัณฐานต่างๆเรียกเป็นพ่อแม่ลูกอาจารย์นั่นนี่ลืมสัจจะแล้ว
เพราะลืมว่าต้องกำลังระลึกตามคำสอนตรงสัจจะตรงทางเกิดตรงทางหนึ่งทางใดใน6ทางที่มี(ส่งออกอยู่ดูสิ)
:b12: :b1: :b16: :b20:
:b55: :b55: :b55: :b55:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 มี.ค. 2019, 08:54 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7502

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Love J. เขียน:
Rosarin เขียน:
Love J. เขียน:
Rosarin เขียน:
Love J. เขียน:
Rosarin เขียน:
Rosarin เขียน:
Love J. เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Love J. เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
Kiss
โลกแปลว่าสิ่งที่เกิดดับ
ขันธ์แปลว่าเกิดดับ
แต่ยึดขันธ์5
ที่เกิดดับ
เป็นเราเป็นโลก
คือมีอุปาทานขันธ์
https://youtu.be/uGbOpxosAwo
onion onion onion


เวนกำ "จิตเกิดดับสืบต่อจนปรากฎเป็นโลก"

จบข่าวขอรับ บอกไม่เชื่อว่าเสียเวลาปลูกผักส่งตลาดไทเปล่าๆ :b32:


"จิตเกิดดับสืบต่อจนปรากฎเป็นโลก"
อันนี้ถูกแล้ว

แต่ยึดขันธ์ ๕ ว่าเป็นเราเป็นโลก
อันนี้ถูกส่วนเดียว คือ แต่ยึดขันธ์ ๕ ว่าเป็นเรา


จิตเกิดดับ ก็เรื่องของจิตเกิดดับ

โลกก็โลก

แล้วทำไมทำไปทำมา จิตเกิดดับจนปรากฏเป็นโลกไปได้

โลกที่ว่านี่ได้แก่ อะไรขอรับ คุณเลิฟ เจ. :b10:


โลกที่ปรากฎให้เราเห็น

เราน่ะเห็นโลกเป็นมิจฉาทิฏฐิ
พระพุทธเจ้าบอกว่าไม่มีเรา
มีแต่ธัมมะที่กำลังเกิดดับ
ตามเหตุตามปัจจัย
นับแสนโกฏิขณะ
คือตรัสรู้อริยสัจจะธัมมะมีแต่จิเจรุนิ
จะเกิดสัมมามรรคคือคิดเห็นถูกตามได้ต้องเพียรฟังเพื่อคิดตรงตามได้ทีล1ทางไงล่ะคะ...เข้าใจรึยังคะปกติ
:b8:
:b4: :b4:

ไม่มีใครเป็นเจ้าของธัมมะที่กำลังเกิดดับสืบต่อ
มีแต่ความไม่รู้ความจริงที่กำลังปรากฏ
รู้ไหมคะว่าทุกคนมีชีวิตแค่จุด1จุด
ทั้งจักรวาลมีการเกิดดับแต่ละ1
หลากหลายตามการสะสมมีแล้วไม่มีใครทำตัวจริงธัมมะที่กำลังเกิดดับ
มีแต่ทำกรรมด้วยความไม่รู้เพราะไม่รู้ว่าตัวเองมีกิเลสอวิชชามากยิ่งฟังยิ่งรู้ว่าโง่เข้าใจไหมคะ
ทุกปัจจุบันขณะดับแสนล้านจุดนับไม่ได้ๆๆยังไม่รู้สึกตัวกันอยู่ว่าชอบไปทำอะไรก็สะสมกิเลสไปสู่ที่ชอบๆทำ
ขาดการฟังเพื่อให้คิดถูกตามคำสอนได้ตรงทีละ1ทางตรงที่มีตัวจริงธัมมะที่กำลังปรากฏให้คิดถูกตามได้ตรง
:b16:
:b12: :b12:


การเห็นโลก เห็นคน เห็นสัตว์ ไม่ใช่มิจฉาทิฏฐิ

การเห็นว่าโลกเที่ยง เป็นสุข เป็นตัวเป็นตน ยึดมั่นถือมั่น อย่างนี้เป็นมิจฉาทิฏฐิ

การเห็นว่าโลกไม่เที่ยง เป็นทุกข์ ไม่ใช่ตัวใช่ตน ควรเพียรเจริญอริยมรรคเพื่อถอดถอนความยึดมั่นถือมั่น อย่างนี้เป็นสัมมาทิฏฐิ

ความรู้แจ้งแทงตลอด ธาตุ ขันธ์ อายตนะ อย่างนี้เป็นญาณทัศนะ

ความรู้ว่า อนุสัย สังโยชน์ อันไหนเหลืออยู่ อันนั้นละแล้ว กิจที่ต้องทำเพื่อความหลุดพ้นมีอยู่ หรือ ไม่มีแล้ว
อย่างนี้เป็นวิมุติญาณทัศนะ

ลืมตาดูคิดให้รอบรู้
ตาที่ดูปกติเดี๋ยวนี้
พึ่งคิดตามคำสอน
ก็คิดให้มันตรงดูสิคะ
เดี๋ยวนี้ดับนับไม่ถ้วนเลย
จิตเห็นสี1สีคือนิมิตของสัจจะของเห็นตรง1ขณะตรงปัจจุบันดูที่มีอะไรปรากฏนอกตาคือผิด
แต่ความรู้สึกไม่ชัดหรือว่าตาเนื้อตัวเองเห็นผิดอยู่จึงจำผิดคิดผิดตามตาตัวเองเห็นไม่คิดตามคำสอนไง
ก็ตาคุณเห็นเป็นนิมิตอดีตสีที่ดับนับไม่ถ้วนที่ปรากฏให้คิดถึงคนสัตว์วัตถุสิ่งของคือคิดเห็นผิด(มิจฉาทิฏฐิ)
เนี่ยคิดตามให้มันถูกตรงทางที่ตาตัวเองเห็นมีปกติเห็นผิดคิดผิดเกินสัจจะของเห็นตามคำสอนจริงไหมคะ
:b12:
:b4: :b4:

ถ้ามีสัมมาทิฏฐิแล้วไม่เห็นว่าโลกเป็นโลก สัตว์เป็นสัตว์ บุคคลเป็นบุคคล วัตถุเป็นวัตถุ รถเป็นรถ บ้านเป็นบ้าน ต้นไม้เป็นต้นไม้ ภูเขาเป็นภูเขา พระอริยบุคคลทั้งหลายก็ไม่ต่างกับคนบ้าใบ้ไร้สติสัมปชัญญะ

แล้วไม่คิดหรือคะว่า
ถ้าสัจจะเท่านั้นที่มีจริงๆ
คนสัตว์วัตถุไม่มีอยู่จริงน่ะ
ถือกุญแจกันทุกคนมิใช่หรือคะ
ยังไม่คิดอีกหรือว่าถ้าสละหมดจริงๆ
ปล่อยวางได้จริงๆไม่สะสมกิเลสจริงๆแล้ว
บวชแล้วจะเอาเงินไปทำอะไรเพราะฉันจากบิณฑบาต
เกินเที่ยงก็เก็บสะสมไม่ได้แม้แต่เกลือต้องเดินบิณฑบาตใหม่ทุกวันไม่เผื่อใคร
อริยบุคคลที่บวชคงไม่รับเงินทองข้าวของมาสะสมเพิ่มอีกกระมังเพราะสละหมดแล้วนี่คะ
ตาไม่บอดนี่ก็ตาเนื้อคนทุกคนใครมันเห็นสมมุติคนสัตว์วัตถุแล้วไม่รู้ว่ามีอะไรบ้างจำได้หมดไม่ใช่เหรอ
แต่ไม่จำว่าตามคำสอนมีแต่จิเจรุนิละเอียดแต่ละ1ปรมัตถ์ไม่มีตัวตนเลยแล้วที่มีตัวตนอยู่ไม่รู้เลยว่ามีกิเลสไง
:b32:
:b12: :b12:


ค้นหาบุคคลไม่ได้โดยปรมัตถ์ อันนี้ใช่ กลา่วชอบแล้ว
แต่ปรมัตถ์อันใดมีอยู่ ค้นหาบุคคลไม่ได้โดยปรมัตถ์ อันนี้ผิด เป็นมิจฉา

พระอริยบุคคล มีญาณเห็นความจริงชั้นปรมัตถ์ ซึ่งค้นหาสัตว์บุคคลไม่ได้ และรู้แจ้งแทงตลอดปรมัตถ์นั้นโดยอริยสัจ ๔ อันนี้คือญาณ ปัญญา ... เมื่อกายใจนี้มีอยู่ ขันธ์ ๕ มีอยู่ ความเห็นว่าไม่มีโลก ไม่มีคน
ไม่มีสัตว์ ความเห็นอย่างนั้นพระอริยบุคคลไม่มี

พระอริยบุคคล คือ ผู้ที่เพียรเจริญอริยมรรคที่ยังไม่เกิดให้เกิดขึ้น ที่เกิดขึ้นแล้วรักษาให้งอกงามไพบูรณ์ เพื่อทำลายกิเลสให้หมดสิ้น ไม่ใช่โกนหัวห่มเหลืองแล้วแสวงหาลาภสักการะ พระดีก็มี คนชั่วแอบแฝงเป็นพระก็มี อย่าเอาการกระทำของคน ๆ ใดคนหนึ่งไปตัดสินพระสงฆ์สาวกทั้งหมด

ผมย้อนอ่านกระทู้เก่า ๆ ของคุณ รสริน เห็นว่ามีศรัทธาเลื่อมใสในพระรัตนตรัยดี เผยแผ่ธรรมะดี ๆ คำสอน ของพระพุทธเจ้า และ ครูบาร์อาจารย์ทั้งหลาย ตอนนั้นดูคุณรสรินมีความสุขกับพระธรรมคำสอน ทำไม่ถึงละทิ้งไปละครับ

หลงผิดทำไปตามสิ่งที่เห็นมานานหลายภพหลายชาติแล้ว
บอกแล้วว่าสัจจะไม่มีสิ่งภายนอกกายใจตนเองมีแล้วไม่มีใครทำ
คิดเองจะรู้ไหมคะว่าจริงๆตัวคุณก็ไม่มีแล้วจะมีคนสัตว์วัตถุภายนอกรึ
สัจจะมีเพียงจิตทีละ1ทางตรง1ขณะเกิดดับอยู่ภายในที่มืดมิดไม่มีสัจจะนอกจิต
คุณลองดูสิ่งที่คุณกำลังมองดูสิคะยังไม่กล่าวคำใดๆเลยจำผิดแล้วคิดผิดด้วยจะให้ว่าไง
มันสว่างมากกว่ามืดคือมืดแค่ตอนกระพริบตาส่วนความจริงคือบอดสนิททั้งที่ลืมตาดูอยู่เนี่ยค่ะ
คิดสิคะจิตเห็น1ขณะมีแต่แสงสะท้อนสี1สีเข้าตาดับแล้วมืดทันทีจึงคิดถึงสี1สีไม่มีเสียงกลิ่นรสปนสีมืดสนิท
ไม่มีใครรู้ตรงสัจจะของเห็นได้นอกจากพระพุทธเจ้ากล่าวความจริงให้คิดถูกตามได้ตรงเห็นที่กำลังเห็นว่าผิด
ดูสิคะคุณเห็นนิมิตสีหลากสีตัดกันจนปรากฏเป็นสัณฐานต่างๆเรียกเป็นพ่อแม่ลูกอาจารย์นั่นนี่ลืมสัจจะแล้ว
เพราะลืมว่าต้องกำลังระลึกตามคำสอนตรงสัจจะตรงทางเกิดตรงทางหนึ่งทางใดใน6ทางที่มี(ส่งออกอยู่ดูสิ)
คนที่รู้สึกตัวแล้วว่าไม่รู้ความจริงเขาเพียรฟังจนปัญญาเพิ่มขึ้นจนสามารถกล่าวตามสัจจะให้เข้าใจตามได้
:b12: :b1: :b16: :b20:
:b55: :b55: :b55: :b55:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 มี.ค. 2019, 09:02 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7502

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
Love J. เขียน:
Rosarin เขียน:
Love J. เขียน:
Rosarin เขียน:
Love J. เขียน:
Rosarin เขียน:
Rosarin เขียน:
Love J. เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Love J. เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
Kiss
โลกแปลว่าสิ่งที่เกิดดับ
ขันธ์แปลว่าเกิดดับ
แต่ยึดขันธ์5
ที่เกิดดับ
เป็นเราเป็นโลก
คือมีอุปาทานขันธ์
https://youtu.be/uGbOpxosAwo
onion onion onion


เวนกำ "จิตเกิดดับสืบต่อจนปรากฎเป็นโลก"

จบข่าวขอรับ บอกไม่เชื่อว่าเสียเวลาปลูกผักส่งตลาดไทเปล่าๆ :b32:


"จิตเกิดดับสืบต่อจนปรากฎเป็นโลก"
อันนี้ถูกแล้ว

แต่ยึดขันธ์ ๕ ว่าเป็นเราเป็นโลก
อันนี้ถูกส่วนเดียว คือ แต่ยึดขันธ์ ๕ ว่าเป็นเรา


จิตเกิดดับ ก็เรื่องของจิตเกิดดับ

โลกก็โลก

แล้วทำไมทำไปทำมา จิตเกิดดับจนปรากฏเป็นโลกไปได้

โลกที่ว่านี่ได้แก่ อะไรขอรับ คุณเลิฟ เจ. :b10:


โลกที่ปรากฎให้เราเห็น

เราน่ะเห็นโลกเป็นมิจฉาทิฏฐิ
พระพุทธเจ้าบอกว่าไม่มีเรา
มีแต่ธัมมะที่กำลังเกิดดับ
ตามเหตุตามปัจจัย
นับแสนโกฏิขณะ
คือตรัสรู้อริยสัจจะธัมมะมีแต่จิเจรุนิ
จะเกิดสัมมามรรคคือคิดเห็นถูกตามได้ต้องเพียรฟังเพื่อคิดตรงตามได้ทีล1ทางไงล่ะคะ...เข้าใจรึยังคะปกติ
:b8:
:b4: :b4:

ไม่มีใครเป็นเจ้าของธัมมะที่กำลังเกิดดับสืบต่อ
มีแต่ความไม่รู้ความจริงที่กำลังปรากฏ
รู้ไหมคะว่าทุกคนมีชีวิตแค่จุด1จุด
ทั้งจักรวาลมีการเกิดดับแต่ละ1
หลากหลายตามการสะสมมีแล้วไม่มีใครทำตัวจริงธัมมะที่กำลังเกิดดับ
มีแต่ทำกรรมด้วยความไม่รู้เพราะไม่รู้ว่าตัวเองมีกิเลสอวิชชามากยิ่งฟังยิ่งรู้ว่าโง่เข้าใจไหมคะ
ทุกปัจจุบันขณะดับแสนล้านจุดนับไม่ได้ๆๆยังไม่รู้สึกตัวกันอยู่ว่าชอบไปทำอะไรก็สะสมกิเลสไปสู่ที่ชอบๆทำ
ขาดการฟังเพื่อให้คิดถูกตามคำสอนได้ตรงทีละ1ทางตรงที่มีตัวจริงธัมมะที่กำลังปรากฏให้คิดถูกตามได้ตรง
:b16:
:b12: :b12:


การเห็นโลก เห็นคน เห็นสัตว์ ไม่ใช่มิจฉาทิฏฐิ

การเห็นว่าโลกเที่ยง เป็นสุข เป็นตัวเป็นตน ยึดมั่นถือมั่น อย่างนี้เป็นมิจฉาทิฏฐิ

การเห็นว่าโลกไม่เที่ยง เป็นทุกข์ ไม่ใช่ตัวใช่ตน ควรเพียรเจริญอริยมรรคเพื่อถอดถอนความยึดมั่นถือมั่น อย่างนี้เป็นสัมมาทิฏฐิ

ความรู้แจ้งแทงตลอด ธาตุ ขันธ์ อายตนะ อย่างนี้เป็นญาณทัศนะ

ความรู้ว่า อนุสัย สังโยชน์ อันไหนเหลืออยู่ อันนั้นละแล้ว กิจที่ต้องทำเพื่อความหลุดพ้นมีอยู่ หรือ ไม่มีแล้ว
อย่างนี้เป็นวิมุติญาณทัศนะ

ลืมตาดูคิดให้รอบรู้
ตาที่ดูปกติเดี๋ยวนี้
พึ่งคิดตามคำสอน
ก็คิดให้มันตรงดูสิคะ
เดี๋ยวนี้ดับนับไม่ถ้วนเลย
จิตเห็นสี1สีคือนิมิตของสัจจะของเห็นตรง1ขณะตรงปัจจุบันดูที่มีอะไรปรากฏนอกตาคือผิด
แต่ความรู้สึกไม่ชัดหรือว่าตาเนื้อตัวเองเห็นผิดอยู่จึงจำผิดคิดผิดตามตาตัวเองเห็นไม่คิดตามคำสอนไง
ก็ตาคุณเห็นเป็นนิมิตอดีตสีที่ดับนับไม่ถ้วนที่ปรากฏให้คิดถึงคนสัตว์วัตถุสิ่งของคือคิดเห็นผิด(มิจฉาทิฏฐิ)
เนี่ยคิดตามให้มันถูกตรงทางที่ตาตัวเองเห็นมีปกติเห็นผิดคิดผิดเกินสัจจะของเห็นตามคำสอนจริงไหมคะ
:b12:
:b4: :b4:

ถ้ามีสัมมาทิฏฐิแล้วไม่เห็นว่าโลกเป็นโลก สัตว์เป็นสัตว์ บุคคลเป็นบุคคล วัตถุเป็นวัตถุ รถเป็นรถ บ้านเป็นบ้าน ต้นไม้เป็นต้นไม้ ภูเขาเป็นภูเขา พระอริยบุคคลทั้งหลายก็ไม่ต่างกับคนบ้าใบ้ไร้สติสัมปชัญญะ

แล้วไม่คิดหรือคะว่า
ถ้าสัจจะเท่านั้นที่มีจริงๆ
คนสัตว์วัตถุไม่มีอยู่จริงน่ะ
ถือกุญแจกันทุกคนมิใช่หรือคะ
ยังไม่คิดอีกหรือว่าถ้าสละหมดจริงๆ
ปล่อยวางได้จริงๆไม่สะสมกิเลสจริงๆแล้ว
บวชแล้วจะเอาเงินไปทำอะไรเพราะฉันจากบิณฑบาต
เกินเที่ยงก็เก็บสะสมไม่ได้แม้แต่เกลือต้องเดินบิณฑบาตใหม่ทุกวันไม่เผื่อใคร
อริยบุคคลที่บวชคงไม่รับเงินทองข้าวของมาสะสมเพิ่มอีกกระมังเพราะสละหมดแล้วนี่คะ
ตาไม่บอดนี่ก็ตาเนื้อคนทุกคนใครมันเห็นสมมุติคนสัตว์วัตถุแล้วไม่รู้ว่ามีอะไรบ้างจำได้หมดไม่ใช่เหรอ
แต่ไม่จำว่าตามคำสอนมีแต่จิเจรุนิละเอียดแต่ละ1ปรมัตถ์ไม่มีตัวตนเลยแล้วที่มีตัวตนอยู่ไม่รู้เลยว่ามีกิเลสไง
:b32:
:b12: :b12:


ค้นหาบุคคลไม่ได้โดยปรมัตถ์ อันนี้ใช่ กลา่วชอบแล้ว
แต่ปรมัตถ์อันใดมีอยู่ ค้นหาบุคคลไม่ได้โดยปรมัตถ์ อันนี้ผิด เป็นมิจฉา

พระอริยบุคคล มีญาณเห็นความจริงชั้นปรมัตถ์ ซึ่งค้นหาสัตว์บุคคลไม่ได้ และรู้แจ้งแทงตลอดปรมัตถ์นั้นโดยอริยสัจ ๔ อันนี้คือญาณ ปัญญา ... เมื่อกายใจนี้มีอยู่ ขันธ์ ๕ มีอยู่ ความเห็นว่าไม่มีโลก ไม่มีคน
ไม่มีสัตว์ ความเห็นอย่างนั้นพระอริยบุคคลไม่มี

พระอริยบุคคล คือ ผู้ที่เพียรเจริญอริยมรรคที่ยังไม่เกิดให้เกิดขึ้น ที่เกิดขึ้นแล้วรักษาให้งอกงามไพบูรณ์ เพื่อทำลายกิเลสให้หมดสิ้น ไม่ใช่โกนหัวห่มเหลืองแล้วแสวงหาลาภสักการะ พระดีก็มี คนชั่วแอบแฝงเป็นพระก็มี อย่าเอาการกระทำของคน ๆ ใดคนหนึ่งไปตัดสินพระสงฆ์สาวกทั้งหมด

ผมย้อนอ่านกระทู้เก่า ๆ ของคุณ รสริน เห็นว่ามีศรัทธาเลื่อมใสในพระรัตนตรัยดี เผยแผ่ธรรมะดี ๆ คำสอน ของพระพุทธเจ้า และ ครูบาร์อาจารย์ทั้งหลาย ตอนนั้นดูคุณรสรินมีความสุขกับพระธรรมคำสอน ทำไม่ถึงละทิ้งไปละครับ

หลงผิดทำไปตามสิ่งที่เห็นมานานหลายภพหลายชาติแล้ว
บอกแล้วว่าสัจจะไม่มีสิ่งภายนอกกายใจตนเองมีแล้วไม่มีใครทำ
คิดเองจะรู้ไหมคะว่าจริงๆตัวคุณก็ไม่มีแล้วจะมีคนสัตว์วัตถุภายนอกรึ
สัจจะมีเพียงจิตทีละ1ทางตรง1ขณะเกิดดับอยู่ภายในที่มืดมิดไม่มีสัจจะนอกจิต
คุณลองดูสิ่งที่คุณกำลังมองดูสิคะยังไม่กล่าวคำใดๆเลยจำผิดแล้วคิดผิดด้วยจะให้ว่าไง
มันสว่างมากกว่ามืดคือมืดแค่ตอนกระพริบตาส่วนความจริงคือบอดสนิททั้งที่ลืมตาดูอยู่เนี่ยค่ะ
คิดสิคะจิตเห็น1ขณะมีแต่แสงสะท้อนสี1สีเข้าตาดับแล้วมืดทันทีจึงคิดถึงสี1สีไม่มีเสียงกลิ่นรสปนสีมืดสนิท
ไม่มีใครรู้ตรงสัจจะของเห็นได้นอกจากพระพุทธเจ้ากล่าวความจริงให้คิดถูกตามได้ตรงเห็นที่กำลังเห็นว่าผิด
ดูสิคะคุณเห็นนิมิตสีหลากสีตัดกันจนปรากฏเป็นสัณฐานต่างๆเรียกเป็นพ่อแม่ลูกอาจารย์นั่นนี่ลืมสัจจะแล้ว
เพราะลืมว่าต้องกำลังระลึกตามคำสอนตรงสัจจะตรงทางเกิดตรงทางหนึ่งทางใดใน6ทางที่มี(ส่งออกอยู่ดูสิ)
คนที่รู้สึกตัวแล้วว่าไม่รู้ความจริงเขาเพียรฟังจนปัญญาเพิ่มขึ้นจนสามารถกล่าวตามสัจจะให้เข้าใจตามได้
:b12: :b1: :b16: :b20:
:b55: :b55: :b55: :b55:

สาวกเข้าใจถูกตามคำสอนตามปัญญาที่เพิ่มขึ้นมาจากการฟังนานหลายกัปป์หลายกัลป์แล้วฟังบ้างนะคะ
เพราะสัจจะไม่ใช่การคิดว่าคนนั้นคนนี้เป็นอริยะแต่สัจจะอยู่ที่รู้สึกตัวว่าอะไรที่กำลังมีจริงๆที่กายตัวเอง
ไม่มีสัจจะตามที่ตาเนื้อมองดูอยู่มีแต่สัจจะภายในจิตเกิดดับนับแสนล้านขณะจนปรากฏสิ่งภายนอกค่ะ
https://youtu.be/MeBEQet_bjk
:b12:
:b4: :b4:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 มี.ค. 2019, 09:15 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ส.ค. 2018, 07:07
โพสต์: 482

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


จะยังไง ความไม่ประมาทก็ดีที่สุดแล้ว
หากสิ่งที่ต้องทำเพื่อความประมาทไม่มีแล้ว ขออนูโมทนา สาธุ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 มี.ค. 2019, 09:41 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7502

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Love J. เขียน:
จะยังไง ความไม่ประมาทก็ดีที่สุดแล้ว
หากสิ่งที่ต้องทำเพื่อความประมาทไม่มีแล้ว ขออนูโมทนา สาธุ

Kiss
ทุกคำในพระไตรปิฎกมีตรงปัจจุบันขณะ
ปัญญาเกิดได้ตามลำดับเริ่มต้นที่ฟัง
จึงจะคิดถูกตามเสียงที่มีอยู่
ใครไม่ฟังก็ทำผิด
ไปเรื่อยๆ
ฟังให้เข้าใจมันดับนับแสนล้านขณะ
ใครจะเอาออกได้ดับสะสมรอเกิดแล้ว
ทำปัญญาต้องเริ่มต้นจากลำดับที่1ก่อน
เหมือนกายใจเป็นภาชนะรองรับธัมมะฟังไปเรื่อยๆ
สังขารขันธ์ไม่ได้ปรุงปัญญาตลอดเวลาเพราะกิเลสไหลมาเป็นห่าฝน
ต้องพึ่งคิดตามคำสอนตรงสัจจะของทางหนึ่งทางใดตรงทางที่กำลังปรากฏว่ามีที่กายใจตนเองตามทุกคำ
https://youtu.be/mOAV70m7iZU
onion onion onion


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 มี.ค. 2019, 09:53 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Love J. เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Love J. เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
Kiss
โลกแปลว่าสิ่งที่เกิดดับ
ขันธ์แปลว่าเกิดดับ
แต่ยึดขันธ์5
ที่เกิดดับ
เป็นเราเป็นโลก
คือมีอุปาทานขันธ์
https://youtu.be/uGbOpxosAwo
onion onion onion


เวนกำ "จิตเกิดดับสืบต่อจนปรากฎเป็นโลก"

จบข่าวขอรับ บอกไม่เชื่อว่าเสียเวลาปลูกผักส่งตลาดไทเปล่าๆ :b32:


"จิตเกิดดับสืบต่อจนปรากฎเป็นโลก"
อันนี้ถูกแล้ว

แต่ยึดขันธ์ ๕ ว่าเป็นเราเป็นโลก
อันนี้ถูกส่วนเดียว คือ แต่ยึดขันธ์ ๕ ว่าเป็นเรา


จิตเกิดดับ ก็เรื่องของจิตเกิดดับ

โลกก็โลก

แล้วทำไมทำไปทำมา จิตเกิดดับจนปรากฏเป็นโลกไปได้

โลกที่ว่านี่ได้แก่ อะไรขอรับ คุณเลิฟ เจ. :b10:


โลกที่ปรากฎให้เราเห็น


โลกดังว่านั้น เข้ากับข้อไหน นี่


โลก แผ่นดินเป็นที่อาศัย, หมู่สัตว์ผู้อาศัย โลก ๓ คือ

๑. สังขารโลก - โลกคือสังขาร

๒ สัตว์โลก - โลกคือหมู่สัตว์

๓. โอกาสโลก - โลกคือแผ่นดิน,

อีกนัยหนึ่ง

๑. มนุษยโลก - โลกมนุษย์

๒. เทวโลก - โลกสวรรค์ ทั้ง ๖ ชั้น

๓. พรหมโลก - โลกของพระพรหม

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 159 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5 ... 11  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 131 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร