ลานธรรมจักร
http://www.dhammajak.net/forums/

ปฏิบัติถูกต้องแล้ว กิเลสจะค่อยๆเบาบางแล้วที่สุดจะหมดไปเอง
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=57316
หน้า 1 จากทั้งหมด 1

เจ้าของ:  กรัชกาย [ 15 มี.ค. 2019, 15:50 ]
หัวข้อกระทู้:  ปฏิบัติถูกต้องแล้ว กิเลสจะค่อยๆเบาบางแล้วที่สุดจะหมดไปเอง

ขั้นตอน หรือ ระดับแห่งการเข้าถึงนิพพาน


ฌานสมาบัติทั้งหลาย นอกจากจะเป็นพื้นฐานที่ดีในการปฏิบัติเพื่อบรรลุนิพพานแล้ว บางครั้ง ท่านยังเรียกเป็นนิพพานโดยปริยาย คือ โดยอ้อม หรือ โดยความหมายบางแง่บางด้านอีกด้วย เช่น มีพุทธพจน์ตรัสเรียก ฌาน ๔ อรูปฌาน ๔ และสัญญาเวทยิตนิโรธ แต่ละอย่างๆ ว่าเป็น
ตทังคนิพพาน บ้าง
ทิฏฐธรรมนิพพาน บ้าง
สันทิฏฐิกนิพพาน บ้าง * (แต่ถ้ายึดเอาการได้ฌานเป็นการบรรลุนิพพานแท้จริง ก็กลายเป็นมิจฉาทิฏฐิไป - ม.อุ.14/29/27 ฯลฯ) บ้าง

เช่น ข้อความในบาลีว่า

"ภิกษุสงัดจากกาม สงัดจากอกุศลธรรม ฯลฯ เข้าถึงปฐมฌาน แม้เท่านี้ พระผู้มีพระภาคเจ้าก็ตรัสเรียกว่า เป็นทิฏฐธรรมนิพพาน โดยปริยาย ฯลฯ

"ภิกษุก้าวล่วงเนวสัญญานาสัญญายตนะโดยประการทั้งปวง เข้าถึงสัญญาเวทยิตนิโรธอยู่ เพราะเห็นด้วยปัญญา อาสวะทั้งหลายของเธอก็หมดสิ้นไป แม้เพียงเท่านี้ พระผู้มีพระภาคเจ้าก็ตรัสเรียกว่า เป็นทิฏฐธรรมนิพพาน โดยนิปริยาย " * (ดู องฺ.นวก.23/237,251 ฯลฯ)

เจ้าของ:  กรัชกาย [ 15 มี.ค. 2019, 16:02 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ปฏิบัติถูกต้องแล้ว กิเลสจะค่อยๆเบาบางแล้วที่สุดจะหมดไปเอ

ผู้ที่กำลังเจริญวิปัสสนา มองเห็นขันธ์ ๕ ไม่เที่ยง เป็นทุกข์ มีอันจะต้องผันแปรไปเป็นธรรมดา ละความโศกเศร้า เป็นต้น เสียได้ หมดความร่านรนกระวนกระวาย อยู่เป็นสุข ท่านก็เรียกว่า เป็นผู้ตทังคนิพพาน *

เจ้าของ:  กรัชกาย [ 15 มี.ค. 2019, 16:06 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ปฏิบัติถูกต้องแล้ว กิเลสจะค่อยๆเบาบางแล้วที่สุดจะหมดไปเอ

มีพุทธพจน์น่าสนใจแห่งหนึ่ง ตรัสว่า คนที่ถูกราคะ โทสะ โมหะ ครอบงำ ย่อมคิดในทางที่จะทำตนเองให้ลำบากเดือดร้อน บ้าง ทำคนอื่นให้ลำบากเดือดร้อน บ้าง ทำทั้งตนเองและผู้อื่นให้ลำบากเดือดร้อนทั้งสองฝ่าย บ้าง ย่อมเสวยทุกขโทมนัสทางใจ บ้าง
ครั้นเขาละราคะ โทสะ โมหะ ได้แล้ว เขาก็ไม่คิดในทางที่จะทำตนเอง หรือ ทำผู้อื่น หรือ ทั้งสองฝ่ายให้ลำบากเดือดร้อน ไม่ต้องเสวยทุกขโทมนัสทางใจ อย่างนี้แหละ เป็นสันทิฏฐิกนิพพาน
เมื่อใด บุคคลผู้นี้ เสวยภาวะปลอดราคะสิ้นเชิง ภาวะปลอดโทสะสิ้นเชิง ภาวะปลอดโมหะสิ้นเชิง อย่างนี้แล คือ นิพพาน ที่เป็นสันทิฏฐิกะ
อกาลิกะ
เอหิปัสสิกะ
โอปนยิกะ
ปัจจัตตัง เวทิตัพพัง วิญญูหิ * (องฺ.ติก.20,495/202)

เจ้าของ:  กรัชกาย [ 15 มี.ค. 2019, 16:16 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ปฏิบัติถูกต้องแล้ว กิเลสจะค่อยๆเบาบางแล้วที่สุดจะหมดไปเอ

ศัพท์ยาก คคห.บน

ตทังคนิพพาน - นิพพานด้วยธรรมคู่ปรับ หรือ นิพพานชั่วคราว

ทิฏฐธรรมนิพพาน - นิพพานเห็นทันตา

สันทิฏฐิกนิพพาน - นิพพานที่ผู้บรรลุจะเห็นได้เอง

ปริยาย - โดยอ้อม หรือ แง่หนึ่ง

นิปริยาย - โดยตรง

สัญญาเวทยิตนิโรธ - เรียกอีกอย่างว่า นิโรธสมาบัติ

สันทิฏฐิกะ - ซึ่งผู้บรรลุเห็นได้เอง

อกาลิกะ - ไม่ขึ้นกับกาล

เอหิปัสสิกะ - เชิญให้มาพิสูจน์ดูได้

โอปนยิกะ - ควรน้อมเข้ามาไว้ในใจ

ปัจจัตตัง เวทิตัพพัง วิญญูหิ - ซึ่งวิญญูชน พึงทราบจำเพาะตน

ภาวะปลอดราคะสิ้นเชิง - ราคักขัย

ภาวะปลอดโทสะสิ้นเชิง - โทสักขัย

ภาวะปลอดโมหะสิ้นเชิง -โมหักขัย

เจ้าของ:  กรัชกาย [ 15 มี.ค. 2019, 16:38 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ปฏิบัติถูกต้องแล้ว กิเลสจะค่อยๆเบาบางแล้วที่สุดจะหมดไปเอ

คัมภีร์ปฏิสัมภิทามัคค์ แบ่งนิโรธ ซึ่งเป็นไวพจน์สำคัญของนิพพาน ออกเป็น ๕ อย่าง หรือ ๕ ระดับ * (ขุ.ปฏิ.31/706/610 -ใน ปฏิสํ.อ.381 เรียกชื่อนิพพานตามอย่างนี้ เป็นวิกขัมภนปรินิพพาน ตทังคปรินิพพาน และสมุจเฉทปรินิพพาน) คือ

๑. วิกขัมภนนิโรธ ได้แก่ การที่ผู้เจริญปฐมฌาน ดับนิวรณ์ได้ด้วยการข่มไว้
(สมาบัติ ๘ คือ รูปฌาน ๔ และรูปฌาน ๔ เป็นวิกขัมภนนิโรธทั้งหมด เพราะนับแต่เข้าปฐมฌานแล้ว เป็นต้น ไป อกุศลธรรมทั้งหลายมีนิวรณ์ เป็นต้น ย่อมถูกข่มให้ระงับไปเอง แต่ก็ดับชั่วเวลาที่อยู่ในฌานสมาบัตินั้น พูดอย่างง่ายว่า ข่มธรรมที่เป็นข้าศึกคือกิเลสต่างๆ เช่น นิวรณ์ เป็นต้นได้ ด้วยโลกิยสมาธิ เป็นการดับกิเลสแบบเอาหินทับหญ้า)

๒. ตทังคนิโรธ ได้แก่ การที่ผู้เจริญสมาธิถึงขั้นชำแรกทำลายกิเลส * (นิพเพธภาคิยสมาธิ = วิปัสสนาสมาธิ-นิพเพธภาคิยสมาธิ แปลตามแบบว่า สมาธิที่เป็นไปในส่วนแห่งการชำแรกสัจจ; วิปัสสนาสมาธิ แปลว่า สมาธิที่ประกอบด้วยวิปัสสนา สมาธิที่เป็นไปเพื่อวิปัสสนา หรือ สมาธิที่ใช้กับวิปัสสนา –วิสุทฺธิ.1/110ฯลฯ) ดับความเห็นผิดต่างๆ ลงได้ด้วยธรรมที่เป็นคู่ปรับกัน

(หมายถึงการดับกิเลสในขั้นวิปัสสนา คือ ใช้ปัญญาพิจารณาสภาวะของสิ่งทั้งหลาย เช่น พิจารณาความไม่เที่ยง เป็นต้น พิจารณาเห็นแง่ใด ก็เกิดญาณขึ้น กำจัดความเห็น หรือ ความยึดถือในทางตรงข้ามที่ขัดต่อสัจธรรมใน แง่นั้นๆ ลงได้ เช่น กำหนดเห็นตัวตนเราเขาเป็นเพียงนามรูป ก็ดับสักกายทิฏฐิได้ พิจารณาความไม่เที่ยง ก็ดับนิจจสัญญาได้ พิจารณาเห็นทุกข์ ก็ดับสุขสัญญาได้ พิจารณาเห็นอนัตตา ก็ดับอัตตสัญญาได้ เป็นต้น เป็นการดับกิเลส แบบจุดดวงไฟ ดับความมืด แต่ก็ยังเป็นการดับชั่วคราว เหมือนว่าพอไฟดับ ก็มืดอีก)

๓. สมุจเฉทนิโรธ ได้แก่ การที่ผู้เจริญโลกุตรมรรค ซึ่งให้ถึงความสิ้นกิเลส ดับกิเลสได้ด้วยการตัดขาด
(หมายถึง อริยมรรคทั้ง ๔ คือ โสดาปัตติมรรค สกทาคามิมรรค อนาคามิมรรค และอรหัตมรรค ซึ่งดับกิเลส เช่น สังโยชน์ทั้งหลายได้อย่างเด็ดขาด ไม่กลับงอกงามขึ้นมาได้อีก เหมือนต้นไม้ถูกสายฟ้าฟาด หรือ ขุดรากถอนโคนทิ้ง)

๔. ปฏิปัสสัทธินิโรธ ได้แก่ การดับกิเลสในขณะแห่งผล โดยเป็นภาวะที่กิเลสราบคาบไปแล้ว
(หมายถึง อริยผลทั้ง ๔ คือ โสดาปัตติผล สกทาคามิผล อนาคามิผล และอรหัตผล ซึ่งเป็นภาวะสงบเรียบซึ้งสนิท เพราะกิเลสได้ถูกมรรคตัดขาดระงับดับสิ้นไปแล้ว)

๕. นิสสรณนิโรธ ได้แก่ การดับกิเลสที่เป็นภาวะพ้นออกไปแล้วจากกิเลส ดำรงอยู่ต่างหาก ห่างไกลจากกิเลส ไม่เกี่ยวข้องกับกิเลสเลย นิโรธข้อนี้แหละ คือ นิพพาน หรือ ที่เรียกว่า อมตธาตุ ซึ่งเป็นภาวะที่ปลอดโปร่ง เป็นอิสระ

เจ้าของ:  กรัชกาย [ 15 มี.ค. 2019, 16:45 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ปฏิบัติถูกต้องแล้ว กิเลสจะค่อยๆเบาบางแล้วที่สุดจะหมดไปเอ

ในนิโรธ ๕ ข้อนี้ ๒ ข้อแรก คือ วิกขัมภนนิโรธ และตทังคนิโรธ เป็นขั้นโลกิย์
ส่วนสามข้อท้าย เป็นโลกุตระ
สี่ข้อแรก เรียกว่า เป็นนิพพานได้โดยปริยาย คือ โดยอ้อม หรือ ในบางแง่บางด้าน
ส่วนข้อสุดท้าย คือ นิสสรณนิโรธ จึงจะเป็นนิพพานโดยนิปริยาย คือ นิพพานแท้ โดยตรง เต็มตามความหมาย

เจ้าของ:  กรัชกาย [ 15 มี.ค. 2019, 16:53 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ปฏิบัติถูกต้องแล้ว กิเลสจะค่อยๆเบาบางแล้วที่สุดจะหมดไปเอ

นอกจากนิโรธแล้ว คัมภีร์ปฏิสัมภิทามัคค์ ยังแบ่งเป็น ปหาน วิเวก วิราคะ และโวสสัคคะ (การปล่อยวาง) เป็นอย่างละ ๕ ข้อ เช่นเดียวกับนิโรธ ๕ นี้ มีข้อย่อยและความหมายตรงกันทั้งหมด* (ขุ.ปฏิ.31/65/39; 704-711/609-612)

ส่วนคัมภีร์รุ่นอรรถกถา นิยมแบ่งวิมุตติเป็น ๕ ข้อ มีข้อย่อย และความหมายของแต่ละข้อตรงกันกับนิโรธ ๕ ที่กล่าวมาแล้วเช่นเดียวกัน (วิสุทฺธิ.2/249ฯลฯ)

ขั้นตอน หรือ ระดับแห่งการเข้าถึงนิพพาน อย่างที่รู้จักกันทั่วไป ก็คือการแบ่งแบบ มรรค ผล หรือ มรรค ๔ ผล ๔ ได้แก่ โสดาปัตติมรรค โสดาปัตติผล สกทาคามิมรรค สกทาคามิผล อนาคามิมรรค อนาคามิผล อรหัตมรรค และอรหัตผล

อย่างไรก็ดี การแบ่งแบบนี้ มักพูดถึงโดยสัมพันธ์กับบุคคลผู้บรรลุ จึงจะยกไปกล่าวในตอนต่อไป ว่าด้วยประเภทและระดับแห่งผู้เข้าถึงนิพพาน

ในที่นี้ ขอย้ำไว้เพียงว่า มรรค ผล นั้น ไม่ใช่นิพพาน แต่เป็นเพียงขั้นตอน หรือ ระดับแห่งการเข้าถึงนิพพาน

นอกจากนี้ มีข้อควรทราบพิเศษอีกอย่างหนึ่งว่า

มรรคข้อแรก คือ โสดาปัตติมรรค มีชื่อเรียกอีกอยางหนึ่งว่า "ทัสสนะ" (การเห็น) เพราะเป็นการเห็นนิพพานครั้งแรก

ส่วนมรรคเบื้องสูงอีก ๓ คือ สกทาคามิมรรค อนาคามิมรรค และอรหัตมรรค มีชื่อเรียกรวมกันอีกอย่างหนึ่งว่า "ภาวนา" (การเจริญ) เพราะเป็นการเจริญในธรรมที่โสดาปัตติมรรคเห็นไว้แล้วนั่นเอง*(ม.อ.1/102ฯลฯ)

เจ้าของ:  กรัชกาย [ 15 มี.ค. 2019, 16:55 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ปฏิบัติถูกต้องแล้ว กิเลสจะค่อยๆเบาบางแล้วที่สุดจะหมดไปเอ

จบตอน :b53: พุทธธรรมหน้า ๔๐๐ :b41:

รูปภาพ

เจ้าของ:  Love J. [ 18 มี.ค. 2019, 07:41 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ปฏิบัติถูกต้องแล้ว กิเลสจะค่อยๆเบาบางแล้วที่สุดจะหมดไปเอ

ผมอยากถามคุณกรัชกายว่า

การตามเห็นความเกิดดับของอาการคันตามร่างกาย จนกลายเป็นเพียงสิ่ง ๆ หนึ่งที่เกิดดับไม่ใช่อาการคันอีกต่อไป อย่างนี้ใช่ อนิมิตวิโมกข์ มั้ย

การตามเห็นความเกิดดับจนเห็นความดับ จนเห็นโดยความเป็นทุกข์ จนถอนความปราถนนามรูปนั้นสลัดออกจากกัน อย่างนี้ใช่ อัปปนิหิตวิโมกข์ มั้ย

การเห็นควาทุกข์โทรมนัส ว่าเป็นเพียงความปรุ่งแต่งเหมือนควัน ละความยึดมั่นถือมั่นว่าเป็นเราแล้ว เห็นความดับอย่างนี้ใช่ สุญญตวิโมกข์ มั้ย

เจ้าของ:  กรัชกาย [ 18 มี.ค. 2019, 08:21 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ปฏิบัติถูกต้องแล้ว กิเลสจะค่อยๆเบาบางแล้วที่สุดจะหมดไปเอ

Love J. เขียน:
ผมอยากถามคุณกรัชกายว่า

การตามเห็นความเกิดดับของอาการคันตามร่างกาย จนกลายเป็นเพียงสิ่ง ๆ หนึ่งที่เกิดดับไม่ใช่อาการคันอีกต่อไป อย่างนี้ใช่ อนิมิตวิโมกข์ มั้ย

การตามเห็นความเกิดดับจนเห็นความดับ จนเห็นโดยความเป็นทุกข์ จนถอนความปราถนนามรูปนั้นสลัดออกจากกัน อย่างนี้ใช่ อัปปนิหิตวิโมกข์ มั้ย

การเห็นควาทุกข์โทรมนัส ว่าเป็นเพียงความปรุ่งแต่งเหมือนควัน ละความยึดมั่นถือมั่นว่าเป็นเราแล้ว เห็นความดับอย่างนี้ใช่ สุญญตวิโมกข์ มั้ย


ยุงกัด มดกัด คุณคันไหม :b10:

เจ้าของ:  กรัชกาย [ 18 มี.ค. 2019, 09:33 ]
หัวข้อกระทู้:  Re: ปฏิบัติถูกต้องแล้ว กิเลสจะค่อยๆเบาบางแล้วที่สุดจะหมดไปเอ

วิโมกข์ ความหลุดพ้นจากกิเลส มี ๓ ประเภท คือ

๑. สุญญตวิโมกข์ หลุดพ้นด้วยเห็นอนัตตาแล้วถอนความยึดมั่นได้ มองเห็นความว่าง

๒. อนิมิตตวิโมกข์ หลุดพ้นด้วยเห็นอนิจจัง แล้วถอนนิมิตได้

๓. อัปปณิหิตวิโมกข์ หลุดพ้นด้วยเห็นทุกข์ แล้วถอนความปรารถนาได้

หน้า 1 จากทั้งหมด 1 เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง
Powered by phpBB © 2000, 2002, 2005, 2007 phpBB Group
http://www.phpbb.com/