วันเวลาปัจจุบัน 29 มี.ค. 2024, 22:17  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 79 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5, 6  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 มี.ค. 2019, 20:17 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 มี.ค. 2018, 02:56
โพสต์: 2157

โฮมเพจ: maybe
แนวปฏิบัติ: สติปัฎฐาน
งานอดิเรก: กีฬา
สิ่งที่ชื่นชอบ: แบรนด์เเนม
ชื่อเล่น: เม
อายุ: 22
ที่อยู่: Bangkok Thailand

 ข้อมูลส่วนตัว


Love J. เขียน:
โลกสวย เขียน:
Love J. เขียน:
โลกสวย เขียน:
บอกแล้ว ตั้งแต่วันแรก

ว่าครูบาอาจารย์ ที่สอนพุทโธ ท่านย้ำนักย้ำหนาๆๆๆๆ

ว่า

ให้ตีใจความของพุทโธ ให้ออก


พระวินัย พระสูตรพระคาถาต่างๆ พระอภิธรรม พระปริยัติ ในพระไตรปิฎก
ในพระไตรปิฎก

คือ พระศาสดา คือพระพุทธองค์

พระพุทธองค์ จึง ไม่แต่งตั้งให้ พระอรหันต์พระองค์ไหน พระสาวกนิกายต่างๆ องค์ไหน
เป็นศาสดา แทนพระองค์

พระสงฆ์ เกิดตามสัทธรรม อันพระผู้มีพระภาคเจ้า ทรงแสดง
จึงต้องปฎิบัติ ตาม พระธรรม ที่ทรงแสดงไว้ เท่านั้น

และทรงแสดงไว้ว่า หากพุทธบริษัทใด ได้ศึกษา และปฎิบัติ ตรงตามอรรถะ และพยัญชนะ
ที่พระพุทธองค์ ได้ทรงตรัสไว้ดีแล้ว

พุทธบริษัทนั้น ย่อมเข้าถึง ปริยัติ ปฎิบัติปฎิเวธ ที่ถุุกต้อง
ตามคำสั่งสอนของพระพุทธองค์


..........................

โลกสวย : ครูบาอาจารย์ย้ำนักย้ำหนาให้ตีใจความของ พุทโธ ให้ดี
Love j : ครูบาอาจารย์ท่านไหนครับ ?

Love j : ผมได้อธิบายไปแล้วว่า พุทโธ นั้นเป็นคำสมมุติขึ้นมาเพื่อเป็นเครื่องกำกับจิตเครื่องระลึกของสติ
โดยความหมายนั้นขึ้นอยู่กับผู้ปฏิบัติว่าจะทำไว้ในใจอย่างไร ใช้พุทโธเป็นเครื่องระลึกของอะไรซึ่งโดยมากแล้วก็เป็นเครื่องระลึกของพระพุทธเจ้า

เมื่ออยู่กับคำบริกรรมพุทโธ ระลึกพุทโธก็นึกคิดถึงพระพุทธเจ้า นึกถึงปัญญาธิคุณ กรุณาธิคุณ บริสุทธิคุณ เพื่อชำระล้างจิตใจให้สะอาดเว้นจากบาปอกุศลกรรม เว้นความคิด คำพูด การกระทำที่เป็นบาปอกุศลหรือ ทุจริต ๓ / มีสติสัมปชัญญะ สำรวม กาย วาจา ใจ สำรวมอินทรีย์ มีสุจริต ๓ อันเป็นอาหารของสติปัฏฐาน ๔ กระทำให้มากอย่างนี้แล้วก็ถือเป็นการปฏิบัติตามคำสอนของพระพุทธเจ้า


ยังไม่มีใครกล่าวว่าตนเป็นพระอรหันต์ ยังไม่มีใครจากนิกายไหนจะตั้งตนเป็นศาสดา พระธรรมคำสอนทั้งหลายของพระพุทธเจ้านั้นแทนองค์ศาสดา ความเห็น คำพูดของผม มากจากการศึกษาคำสอนของพระศาสดา อ้างอิงพระศาสดา

แต่ความเห็น คำพูดของคุณ โลกสวยหลายข้อ บิดเบือนคำของพระศาสดาแต่อ้างพระศาสดา อิงพระศาสดา เมื่อถูกถามก็ชี้แจงไม่ได้อธิบายไม่ได้ ตอบโต้ด้วยการใส่ร้ายด้วยคำที่ไม่เป็นความจริง ตอบโต้ด้วยการดูหมิ่นปรามาส อย่างนี้แล้วยังประกาศตนเองว่าตนเองปฏบัติตรงตามคำสอนของพระศาสดาอยู่หรือ


คริคริ

นี่เหรอค๊ะ เรียกมาได้ไงว่า

ผุ้ปฎิบัติบริกรรม แนวพุทโธ เริมต้น ก็ไปซะแระ
เพราะไม่รู้ว่าพุทโธ คืออะไร ตีความหมายพุทโธ ไม่อออก

ดันมาบอกว่า ก็แค่ คำสมมุติขึ้นมา แบบ ที่ไม่รู้เรื่องราวอะไรเอาเสียเรย ความเข้าถึงใจม่ายมีเร๊ยย

ผู้ปฎิบัติ แท้ๆ น๊ะค๊ะ

ในขณะที่ทำการจะ ระลึก ถึงพุทโธ น๊ะค๊ะ

ปิติ นั้น เกิดขึ้นก่อน แล้ว ปัสสิทธฺิ จึงเป็นผล มีโสมนัสตามมา

แล้วจึง บริกรรมภาวนา พุทโธๆๆๆๆ

อาการทั้งหลาย ที่เกิดก่อน และในระหว่างจะบริกรรมพุทโธๆๆ
จะล่วงรู้ได้ ชัดเจน

นี่ยังไม่รู้เรย ว่า อะไรเกิดก่อนที่จะเริ่มบริกรรม และระหว่างที่จะบริกรรม พุทโธๆ

ยังไม่มีสติ ระลึกได้เรย เพราะตีใจความคำว่า พุทโธ ไม่ออก
พุทโธ ยังไม่มากำกับสติ สติหายไปเกิดดับไปหลายแถวๆๆๆๆๆ
เพราะไม่เห็น ปิติ ปัสสิทธิ อันเกิดจากปิติ และโสมนัส จากการรู้จักจัก พุทโธ ไงค๊ะ

แล้วคุยนักหนาว่า เป็นนักปฎิบัติ

แต่ เม ว่า เป็นได้ นักมโน น๊ะค๊ะ ๆ

tongue


โลกสวย : ดันมาบอกว่า ก็แค่ คำสมมุติขึ้นมา แบบ ที่ไม่รู้เรื่องราวอะไรเอาเสียเรย ความเข้าถึงใจม่ายมีเร๊ยย ผู้ปฎิบัติ แท้ๆ น๊ะค๊ะ

Love j : ก็มันเป็นคำสมมุติขึ้นมา ให้ความหมายอย่างไร ก็หมายความอย่างนั้น หากคุณกล่าวว่าผมไม่รู้ความหมายที่แท้จริง ความหมายที่แท้จริงที่คุณกล่าวนั้นก็เป็นการบัญญัติของคุณ หากครูบาอาจารย์กล่าว
ก็เป็นการบัญญัติของครูบาอาจารย์ สาระปรเด็นคือ บริกรรมพุทโธ ๆ ๆ นี้เพื่ออะไร ต่างหากเพื่ออบรมศีล
อบรมสมาธิ อบรมปัญญา ส่วนจะให้ความหมายพุทโธว่าอ่ยางไร เป็นเพียงอุบายวิธี

คุณโลกสวย ขอโจทย์ที่เป็นสาระหน่อยครับ หากเก่งปริยัติก็อิงปริยัติตั้งโจทย์ ไม่ใช่จ้องแต่จะกล่าวหาใส่ร้าย คิดอะไรต่าง ๆ ขึ้นมาพูดเองในสิ่งที่ไม่เป็นจริง แต่อ้างอิงพระพุทธบ้าง พระธรรมบ้าง ครูบาอาจารย์บ้าง
..............................................





Love j : ผมได้อธิบายไปแล้วว่า พุทโธ นั้นเป็นคำสมมุติขึ้นมา

ป่าว ไม่ได้บอกเอง ค่ะ แต่ ก๊อปไว้ มีคนบอกแบบนี้ ไม่รู้ใครกลืนน้ำลายตัวเองไปแระหล่ะค่ะ

เอา รีบกลับไปแก้ไขไปลบเรย

คริคริ
tongue


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 มี.ค. 2019, 20:20 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 มี.ค. 2018, 02:56
โพสต์: 2157

โฮมเพจ: maybe
แนวปฏิบัติ: สติปัฎฐาน
งานอดิเรก: กีฬา
สิ่งที่ชื่นชอบ: แบรนด์เเนม
ชื่อเล่น: เม
อายุ: 22
ที่อยู่: Bangkok Thailand

 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
Love J. เขียน:

ผมไม่ได้เข้าใจว่าอารมณ์เหล่านี้เป็นอารมณ์ วิปัสสนา
อนุสติ 10 นี้เพื่อความตั้งมั่นของสติ อยู่กับสิ่งที่ทำ
ให้เกิดความยินดี เพื่อให้จิตตั้งมั่นแล้วอาศัยจิตที่ตั่งมั่น

นั้นมีสตินั้นพิจารณาเห็น กาย เวทนา จิต ธรรม พิจารณา
ละบาปอกุศลกรรม เจริญกุศลกรรม


ผมเห็นด้วย...ครับ..

แล..ก็ไม่คิดว่าใครจะมาแย้ง...นะ


คริคริ

เห็นด้วยเหมือนกาน ว่าไม่ใช่อารมณ์วิปัสสนา

แต่ แย้งไปในกระทุ้อื่น หลายความเห็นไปแระหล่ะค่ะ
คงยังไม่เก๊ต

tongue


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 มี.ค. 2019, 20:26 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ส.ค. 2018, 07:07
โพสต์: 482

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


โลกสวย เขียน:
Love J. เขียน:
โลกสวย เขียน:
Love J. เขียน:
โลกสวย เขียน:
บอกแล้ว ตั้งแต่วันแรก

ว่าครูบาอาจารย์ ที่สอนพุทโธ ท่านย้ำนักย้ำหนาๆๆๆๆ

ว่า

ให้ตีใจความของพุทโธ ให้ออก


พระวินัย พระสูตรพระคาถาต่างๆ พระอภิธรรม พระปริยัติ ในพระไตรปิฎก
ในพระไตรปิฎก

คือ พระศาสดา คือพระพุทธองค์

พระพุทธองค์ จึง ไม่แต่งตั้งให้ พระอรหันต์พระองค์ไหน พระสาวกนิกายต่างๆ องค์ไหน
เป็นศาสดา แทนพระองค์

พระสงฆ์ เกิดตามสัทธรรม อันพระผู้มีพระภาคเจ้า ทรงแสดง
จึงต้องปฎิบัติ ตาม พระธรรม ที่ทรงแสดงไว้ เท่านั้น

และทรงแสดงไว้ว่า หากพุทธบริษัทใด ได้ศึกษา และปฎิบัติ ตรงตามอรรถะ และพยัญชนะ
ที่พระพุทธองค์ ได้ทรงตรัสไว้ดีแล้ว

พุทธบริษัทนั้น ย่อมเข้าถึง ปริยัติ ปฎิบัติปฎิเวธ ที่ถุุกต้อง
ตามคำสั่งสอนของพระพุทธองค์


..........................

โลกสวย : ครูบาอาจารย์ย้ำนักย้ำหนาให้ตีใจความของ พุทโธ ให้ดี
Love j : ครูบาอาจารย์ท่านไหนครับ ?

Love j : ผมได้อธิบายไปแล้วว่า พุทโธ นั้นเป็นคำสมมุติขึ้นมาเพื่อเป็นเครื่องกำกับจิตเครื่องระลึกของสติ
โดยความหมายนั้นขึ้นอยู่กับผู้ปฏิบัติว่าจะทำไว้ในใจอย่างไร ใช้พุทโธเป็นเครื่องระลึกของอะไรซึ่งโดยมากแล้วก็เป็นเครื่องระลึกของพระพุทธเจ้า

เมื่ออยู่กับคำบริกรรมพุทโธ ระลึกพุทโธก็นึกคิดถึงพระพุทธเจ้า นึกถึงปัญญาธิคุณ กรุณาธิคุณ บริสุทธิคุณ เพื่อชำระล้างจิตใจให้สะอาดเว้นจากบาปอกุศลกรรม เว้นความคิด คำพูด การกระทำที่เป็นบาปอกุศลหรือ ทุจริต ๓ / มีสติสัมปชัญญะ สำรวม กาย วาจา ใจ สำรวมอินทรีย์ มีสุจริต ๓ อันเป็นอาหารของสติปัฏฐาน ๔ กระทำให้มากอย่างนี้แล้วก็ถือเป็นการปฏิบัติตามคำสอนของพระพุทธเจ้า


ยังไม่มีใครกล่าวว่าตนเป็นพระอรหันต์ ยังไม่มีใครจากนิกายไหนจะตั้งตนเป็นศาสดา พระธรรมคำสอนทั้งหลายของพระพุทธเจ้านั้นแทนองค์ศาสดา ความเห็น คำพูดของผม มากจากการศึกษาคำสอนของพระศาสดา อ้างอิงพระศาสดา

แต่ความเห็น คำพูดของคุณ โลกสวยหลายข้อ บิดเบือนคำของพระศาสดาแต่อ้างพระศาสดา อิงพระศาสดา เมื่อถูกถามก็ชี้แจงไม่ได้อธิบายไม่ได้ ตอบโต้ด้วยการใส่ร้ายด้วยคำที่ไม่เป็นความจริง ตอบโต้ด้วยการดูหมิ่นปรามาส อย่างนี้แล้วยังประกาศตนเองว่าตนเองปฏบัติตรงตามคำสอนของพระศาสดาอยู่หรือ


คริคริ

นี่เหรอค๊ะ เรียกมาได้ไงว่า

ผุ้ปฎิบัติบริกรรม แนวพุทโธ เริมต้น ก็ไปซะแระ
เพราะไม่รู้ว่าพุทโธ คืออะไร ตีความหมายพุทโธ ไม่อออก

ดันมาบอกว่า ก็แค่ คำสมมุติขึ้นมา แบบ ที่ไม่รู้เรื่องราวอะไรเอาเสียเรย ความเข้าถึงใจม่ายมีเร๊ยย

ผู้ปฎิบัติ แท้ๆ น๊ะค๊ะ

ในขณะที่ทำการจะ ระลึก ถึงพุทโธ น๊ะค๊ะ

ปิติ นั้น เกิดขึ้นก่อน แล้ว ปัสสิทธฺิ จึงเป็นผล มีโสมนัสตามมา

แล้วจึง บริกรรมภาวนา พุทโธๆๆๆๆ

อาการทั้งหลาย ที่เกิดก่อน และในระหว่างจะบริกรรมพุทโธๆๆ
จะล่วงรู้ได้ ชัดเจน

นี่ยังไม่รู้เรย ว่า อะไรเกิดก่อนที่จะเริ่มบริกรรม และระหว่างที่จะบริกรรม พุทโธๆ

ยังไม่มีสติ ระลึกได้เรย เพราะตีใจความคำว่า พุทโธ ไม่ออก
พุทโธ ยังไม่มากำกับสติ สติหายไปเกิดดับไปหลายแถวๆๆๆๆๆ
เพราะไม่เห็น ปิติ ปัสสิทธิ อันเกิดจากปิติ และโสมนัส จากการรู้จักจัก พุทโธ ไงค๊ะ

แล้วคุยนักหนาว่า เป็นนักปฎิบัติ

แต่ เม ว่า เป็นได้ นักมโน น๊ะค๊ะ ๆ

tongue


โลกสวย : ดันมาบอกว่า ก็แค่ คำสมมุติขึ้นมา แบบ ที่ไม่รู้เรื่องราวอะไรเอาเสียเรย ความเข้าถึงใจม่ายมีเร๊ยย ผู้ปฎิบัติ แท้ๆ น๊ะค๊ะ

Love j : ก็มันเป็นคำสมมุติขึ้นมา ให้ความหมายอย่างไร ก็หมายความอย่างนั้น หากคุณกล่าวว่าผมไม่รู้ความหมายที่แท้จริง ความหมายที่แท้จริงที่คุณกล่าวนั้นก็เป็นการบัญญัติของคุณ หากครูบาอาจารย์กล่าว
ก็เป็นการบัญญัติของครูบาอาจารย์ สาระปรเด็นคือ บริกรรมพุทโธ ๆ ๆ นี้เพื่ออะไร ต่างหากเพื่ออบรมศีล
อบรมสมาธิ อบรมปัญญา ส่วนจะให้ความหมายพุทโธว่าอ่ยางไร เป็นเพียงอุบายวิธี

คุณโลกสวย ขอโจทย์ที่เป็นสาระหน่อยครับ หากเก่งปริยัติก็อิงปริยัติตั้งโจทย์ ไม่ใช่จ้องแต่จะกล่าวหาใส่ร้าย คิดอะไรต่าง ๆ ขึ้นมาพูดเองในสิ่งที่ไม่เป็นจริง แต่อ้างอิงพระพุทธบ้าง พระธรรมบ้าง ครูบาอาจารย์บ้าง
..............................................





Love j : ผมได้อธิบายไปแล้วว่า พุทโธ นั้นเป็นคำสมมุติขึ้นมา

ป่าว ไม่ได้บอกเอง ค่ะ แต่ ก๊อปไว้ มีคนบอกแบบนี้ ไม่รู้ใครกลืนน้ำลายตัวเองไปแระหล่ะค่ะ

เอา รีบกลับไปแก้ไขไปลบเรย

คริคริ
tongue


Love j : ก็มันเป็นคำสมมุติขึ้นมา ให้ความหมายอย่างไร ก็หมายความอย่างนั้น หากคุณกล่าวว่าผมไม่รู้ความหมายที่แท้จริง ความหมายที่แท้จริงที่คุณกล่าวนั้นก็เป็นการบัญญัติของคุณ หากครูบาอาจารย์กล่าว
ก็เป็นการบัญญัติของครูบาอาจารย์ สาระปรเด็นคือ บริกรรมพุทโธ ๆ ๆ นี้เพื่ออะไร ต่างหากเพื่ออบรมศีล
อบรมสมาธิ อบรมปัญญา ส่วนจะให้ความหมายพุทโธว่าอ่ยางไร เป็นเพียงอุบายวิธี


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 มี.ค. 2019, 20:34 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 มี.ค. 2018, 02:56
โพสต์: 2157

โฮมเพจ: maybe
แนวปฏิบัติ: สติปัฎฐาน
งานอดิเรก: กีฬา
สิ่งที่ชื่นชอบ: แบรนด์เเนม
ชื่อเล่น: เม
อายุ: 22
ที่อยู่: Bangkok Thailand

 ข้อมูลส่วนตัว


Love J. เขียน:
โลกสวย เขียน:
Love J. เขียน:
โลกสวย เขียน:
Love J. เขียน:
โลกสวย เขียน:
บอกแล้ว ตั้งแต่วันแรก

ว่าครูบาอาจารย์ ที่สอนพุทโธ ท่านย้ำนักย้ำหนาๆๆๆๆ

ว่า

ให้ตีใจความของพุทโธ ให้ออก


พระวินัย พระสูตรพระคาถาต่างๆ พระอภิธรรม พระปริยัติ ในพระไตรปิฎก
ในพระไตรปิฎก

คือ พระศาสดา คือพระพุทธองค์

พระพุทธองค์ จึง ไม่แต่งตั้งให้ พระอรหันต์พระองค์ไหน พระสาวกนิกายต่างๆ องค์ไหน
เป็นศาสดา แทนพระองค์

พระสงฆ์ เกิดตามสัทธรรม อันพระผู้มีพระภาคเจ้า ทรงแสดง
จึงต้องปฎิบัติ ตาม พระธรรม ที่ทรงแสดงไว้ เท่านั้น

และทรงแสดงไว้ว่า หากพุทธบริษัทใด ได้ศึกษา และปฎิบัติ ตรงตามอรรถะ และพยัญชนะ
ที่พระพุทธองค์ ได้ทรงตรัสไว้ดีแล้ว

พุทธบริษัทนั้น ย่อมเข้าถึง ปริยัติ ปฎิบัติปฎิเวธ ที่ถุุกต้อง
ตามคำสั่งสอนของพระพุทธองค์


..........................

โลกสวย : ครูบาอาจารย์ย้ำนักย้ำหนาให้ตีใจความของ พุทโธ ให้ดี
Love j : ครูบาอาจารย์ท่านไหนครับ ?

Love j : ผมได้อธิบายไปแล้วว่า พุทโธ นั้นเป็นคำสมมุติขึ้นมาเพื่อเป็นเครื่องกำกับจิตเครื่องระลึกของสติ
โดยความหมายนั้นขึ้นอยู่กับผู้ปฏิบัติว่าจะทำไว้ในใจอย่างไร ใช้พุทโธเป็นเครื่องระลึกของอะไรซึ่งโดยมากแล้วก็เป็นเครื่องระลึกของพระพุทธเจ้า

เมื่ออยู่กับคำบริกรรมพุทโธ ระลึกพุทโธก็นึกคิดถึงพระพุทธเจ้า นึกถึงปัญญาธิคุณ กรุณาธิคุณ บริสุทธิคุณ เพื่อชำระล้างจิตใจให้สะอาดเว้นจากบาปอกุศลกรรม เว้นความคิด คำพูด การกระทำที่เป็นบาปอกุศลหรือ ทุจริต ๓ / มีสติสัมปชัญญะ สำรวม กาย วาจา ใจ สำรวมอินทรีย์ มีสุจริต ๓ อันเป็นอาหารของสติปัฏฐาน ๔ กระทำให้มากอย่างนี้แล้วก็ถือเป็นการปฏิบัติตามคำสอนของพระพุทธเจ้า


ยังไม่มีใครกล่าวว่าตนเป็นพระอรหันต์ ยังไม่มีใครจากนิกายไหนจะตั้งตนเป็นศาสดา พระธรรมคำสอนทั้งหลายของพระพุทธเจ้านั้นแทนองค์ศาสดา ความเห็น คำพูดของผม มากจากการศึกษาคำสอนของพระศาสดา อ้างอิงพระศาสดา

แต่ความเห็น คำพูดของคุณ โลกสวยหลายข้อ บิดเบือนคำของพระศาสดาแต่อ้างพระศาสดา อิงพระศาสดา เมื่อถูกถามก็ชี้แจงไม่ได้อธิบายไม่ได้ ตอบโต้ด้วยการใส่ร้ายด้วยคำที่ไม่เป็นความจริง ตอบโต้ด้วยการดูหมิ่นปรามาส อย่างนี้แล้วยังประกาศตนเองว่าตนเองปฏบัติตรงตามคำสอนของพระศาสดาอยู่หรือ


คริคริ

นี่เหรอค๊ะ เรียกมาได้ไงว่า

ผุ้ปฎิบัติบริกรรม แนวพุทโธ เริมต้น ก็ไปซะแระ
เพราะไม่รู้ว่าพุทโธ คืออะไร ตีความหมายพุทโธ ไม่อออก

ดันมาบอกว่า ก็แค่ คำสมมุติขึ้นมา แบบ ที่ไม่รู้เรื่องราวอะไรเอาเสียเรย ความเข้าถึงใจม่ายมีเร๊ยย

ผู้ปฎิบัติ แท้ๆ น๊ะค๊ะ

ในขณะที่ทำการจะ ระลึก ถึงพุทโธ น๊ะค๊ะ

ปิติ นั้น เกิดขึ้นก่อน แล้ว ปัสสิทธฺิ จึงเป็นผล มีโสมนัสตามมา

แล้วจึง บริกรรมภาวนา พุทโธๆๆๆๆ

อาการทั้งหลาย ที่เกิดก่อน และในระหว่างจะบริกรรมพุทโธๆๆ
จะล่วงรู้ได้ ชัดเจน

นี่ยังไม่รู้เรย ว่า อะไรเกิดก่อนที่จะเริ่มบริกรรม และระหว่างที่จะบริกรรม พุทโธๆ

ยังไม่มีสติ ระลึกได้เรย เพราะตีใจความคำว่า พุทโธ ไม่ออก
พุทโธ ยังไม่มากำกับสติ สติหายไปเกิดดับไปหลายแถวๆๆๆๆๆ
เพราะไม่เห็น ปิติ ปัสสิทธิ อันเกิดจากปิติ และโสมนัส จากการรู้จักจัก พุทโธ ไงค๊ะ

แล้วคุยนักหนาว่า เป็นนักปฎิบัติ

แต่ เม ว่า เป็นได้ นักมโน น๊ะค๊ะ ๆ

tongue


โลกสวย : ดันมาบอกว่า ก็แค่ คำสมมุติขึ้นมา แบบ ที่ไม่รู้เรื่องราวอะไรเอาเสียเรย ความเข้าถึงใจม่ายมีเร๊ยย ผู้ปฎิบัติ แท้ๆ น๊ะค๊ะ

Love j : ก็มันเป็นคำสมมุติขึ้นมา ให้ความหมายอย่างไร ก็หมายความอย่างนั้น หากคุณกล่าวว่าผมไม่รู้ความหมายที่แท้จริง ความหมายที่แท้จริงที่คุณกล่าวนั้นก็เป็นการบัญญัติของคุณ หากครูบาอาจารย์กล่าว
ก็เป็นการบัญญัติของครูบาอาจารย์ สาระปรเด็นคือ บริกรรมพุทโธ ๆ ๆ นี้เพื่ออะไร ต่างหากเพื่ออบรมศีล
อบรมสมาธิ อบรมปัญญา ส่วนจะให้ความหมายพุทโธว่าอ่ยางไร เป็นเพียงอุบายวิธี

คุณโลกสวย ขอโจทย์ที่เป็นสาระหน่อยครับ หากเก่งปริยัติก็อิงปริยัติตั้งโจทย์ ไม่ใช่จ้องแต่จะกล่าวหาใส่ร้าย คิดอะไรต่าง ๆ ขึ้นมาพูดเองในสิ่งที่ไม่เป็นจริง แต่อ้างอิงพระพุทธบ้าง พระธรรมบ้าง ครูบาอาจารย์บ้าง
..............................................





Love j : ผมได้อธิบายไปแล้วว่า พุทโธ นั้นเป็นคำสมมุติขึ้นมา

ป่าว ไม่ได้บอกเอง ค่ะ แต่ ก๊อปไว้ มีคนบอกแบบนี้ ไม่รู้ใครกลืนน้ำลายตัวเองไปแระหล่ะค่ะ

เอา รีบกลับไปแก้ไขไปลบเรย

คริคริ
tongue


Love j : ก็มันเป็นคำสมมุติขึ้นมา ให้ความหมายอย่างไร ก็หมายความอย่างนั้น หากคุณกล่าวว่าผมไม่รู้ความหมายที่แท้จริง ความหมายที่แท้จริงที่คุณกล่าวนั้นก็เป็นการบัญญัติของคุณ หากครูบาอาจารย์กล่าว
ก็เป็นการบัญญัติของครูบาอาจารย์ สาระปรเด็นคือ บริกรรมพุทโธ ๆ ๆ นี้เพื่ออะไร ต่างหากเพื่ออบรมศีล
อบรมสมาธิ อบรมปัญญา ส่วนจะให้ความหมายพุทโธว่าอ่ยางไร เป็นเพียงอุบายวิธี


คริคริ

เพราะ คิดว่าแค่คำสมมุติ แต่ๆๆๆ ไม่รู้ว่า สมมุติ นี้มีปรมัตถ์รับรองในสภาวะ
ไม่ใช่ ว่าสมมุติว่าเป็นพระพุทธเจ้า แต่ไม่มีปรมัตถ์ รับรอง

และพุทโธ ไม่ใช่"มันเป็นคำสมมุติ "อย่างคุณเรียก น๊อค๊ะ

พระผู้มีพระภาคชื่อว่า พุทโธ ในคำว่า พุทโธ ดังนี้ เพราะอรรถว่ากระไร? เพราะว่า
ตรัสรู้สัจจะทั้งหลาย เพราะอรรถว่าพระองค์ปลุกหมู่สัตว์ให้ตื่น เพราะทรงรู้ธรรมทั้งปวง เพราะ
ทรงเห็นธรรมทั้งปวง เพราะทรงรู้ธรรมที่ควรรู้ยิ่ง เพราะทรงเบิกบานแล้ว เพราะส่วนแห่งพระองค์
มีอาสวะสิ้นแล้ว เพราะส่วนแห่งพระองค์ไม่มีอุปกิเลส เพราะอรรถว่า ทรงปราศจากราคะโดย
ส่วนเดียว เพราะอรรถว่า ทรงปราศจากโทสะโดยส่วนเดียว เพราะอรรถว่า ทรงปราศจากโมหะ
โดยส่วนเดียว เพราะอรรถว่า ไม่ทรงมีกิเลสโดยส่วนเดียว เพราะอรรถว่า ทรงถึงแล้วซึ่ง
เอกายนมรรค เพราะอรรถว่า ทรงเป็นผู้เดียวตรัสรู้พร้อมเฉพาะแล้วซึ่งสัมมาสัมโพธิญาณอัน
ประเสริฐ เพราะทรงกำจัดความไม่รู้ เพราะทรงได้พระปัญญาเครื่องตรัสรู้.

tongue


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 มี.ค. 2019, 20:38 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ส.ค. 2018, 07:07
โพสต์: 482

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


โลกสวย เขียน:
Love J. เขียน:
โลกสวย เขียน:
Love J. เขียน:
โลกสวย เขียน:
Love J. เขียน:
โลกสวย เขียน:
บอกแล้ว ตั้งแต่วันแรก

ว่าครูบาอาจารย์ ที่สอนพุทโธ ท่านย้ำนักย้ำหนาๆๆๆๆ

ว่า

ให้ตีใจความของพุทโธ ให้ออก


พระวินัย พระสูตรพระคาถาต่างๆ พระอภิธรรม พระปริยัติ ในพระไตรปิฎก
ในพระไตรปิฎก

คือ พระศาสดา คือพระพุทธองค์

พระพุทธองค์ จึง ไม่แต่งตั้งให้ พระอรหันต์พระองค์ไหน พระสาวกนิกายต่างๆ องค์ไหน
เป็นศาสดา แทนพระองค์

พระสงฆ์ เกิดตามสัทธรรม อันพระผู้มีพระภาคเจ้า ทรงแสดง
จึงต้องปฎิบัติ ตาม พระธรรม ที่ทรงแสดงไว้ เท่านั้น

และทรงแสดงไว้ว่า หากพุทธบริษัทใด ได้ศึกษา และปฎิบัติ ตรงตามอรรถะ และพยัญชนะ
ที่พระพุทธองค์ ได้ทรงตรัสไว้ดีแล้ว

พุทธบริษัทนั้น ย่อมเข้าถึง ปริยัติ ปฎิบัติปฎิเวธ ที่ถุุกต้อง
ตามคำสั่งสอนของพระพุทธองค์


..........................

โลกสวย : ครูบาอาจารย์ย้ำนักย้ำหนาให้ตีใจความของ พุทโธ ให้ดี
Love j : ครูบาอาจารย์ท่านไหนครับ ?

Love j : ผมได้อธิบายไปแล้วว่า พุทโธ นั้นเป็นคำสมมุติขึ้นมาเพื่อเป็นเครื่องกำกับจิตเครื่องระลึกของสติ
โดยความหมายนั้นขึ้นอยู่กับผู้ปฏิบัติว่าจะทำไว้ในใจอย่างไร ใช้พุทโธเป็นเครื่องระลึกของอะไรซึ่งโดยมากแล้วก็เป็นเครื่องระลึกของพระพุทธเจ้า

เมื่ออยู่กับคำบริกรรมพุทโธ ระลึกพุทโธก็นึกคิดถึงพระพุทธเจ้า นึกถึงปัญญาธิคุณ กรุณาธิคุณ บริสุทธิคุณ เพื่อชำระล้างจิตใจให้สะอาดเว้นจากบาปอกุศลกรรม เว้นความคิด คำพูด การกระทำที่เป็นบาปอกุศลหรือ ทุจริต ๓ / มีสติสัมปชัญญะ สำรวม กาย วาจา ใจ สำรวมอินทรีย์ มีสุจริต ๓ อันเป็นอาหารของสติปัฏฐาน ๔ กระทำให้มากอย่างนี้แล้วก็ถือเป็นการปฏิบัติตามคำสอนของพระพุทธเจ้า


ยังไม่มีใครกล่าวว่าตนเป็นพระอรหันต์ ยังไม่มีใครจากนิกายไหนจะตั้งตนเป็นศาสดา พระธรรมคำสอนทั้งหลายของพระพุทธเจ้านั้นแทนองค์ศาสดา ความเห็น คำพูดของผม มากจากการศึกษาคำสอนของพระศาสดา อ้างอิงพระศาสดา

แต่ความเห็น คำพูดของคุณ โลกสวยหลายข้อ บิดเบือนคำของพระศาสดาแต่อ้างพระศาสดา อิงพระศาสดา เมื่อถูกถามก็ชี้แจงไม่ได้อธิบายไม่ได้ ตอบโต้ด้วยการใส่ร้ายด้วยคำที่ไม่เป็นความจริง ตอบโต้ด้วยการดูหมิ่นปรามาส อย่างนี้แล้วยังประกาศตนเองว่าตนเองปฏบัติตรงตามคำสอนของพระศาสดาอยู่หรือ


คริคริ

นี่เหรอค๊ะ เรียกมาได้ไงว่า

ผุ้ปฎิบัติบริกรรม แนวพุทโธ เริมต้น ก็ไปซะแระ
เพราะไม่รู้ว่าพุทโธ คืออะไร ตีความหมายพุทโธ ไม่อออก

ดันมาบอกว่า ก็แค่ คำสมมุติขึ้นมา แบบ ที่ไม่รู้เรื่องราวอะไรเอาเสียเรย ความเข้าถึงใจม่ายมีเร๊ยย

ผู้ปฎิบัติ แท้ๆ น๊ะค๊ะ

ในขณะที่ทำการจะ ระลึก ถึงพุทโธ น๊ะค๊ะ

ปิติ นั้น เกิดขึ้นก่อน แล้ว ปัสสิทธฺิ จึงเป็นผล มีโสมนัสตามมา

แล้วจึง บริกรรมภาวนา พุทโธๆๆๆๆ

อาการทั้งหลาย ที่เกิดก่อน และในระหว่างจะบริกรรมพุทโธๆๆ
จะล่วงรู้ได้ ชัดเจน

นี่ยังไม่รู้เรย ว่า อะไรเกิดก่อนที่จะเริ่มบริกรรม และระหว่างที่จะบริกรรม พุทโธๆ

ยังไม่มีสติ ระลึกได้เรย เพราะตีใจความคำว่า พุทโธ ไม่ออก
พุทโธ ยังไม่มากำกับสติ สติหายไปเกิดดับไปหลายแถวๆๆๆๆๆ
เพราะไม่เห็น ปิติ ปัสสิทธิ อันเกิดจากปิติ และโสมนัส จากการรู้จักจัก พุทโธ ไงค๊ะ

แล้วคุยนักหนาว่า เป็นนักปฎิบัติ

แต่ เม ว่า เป็นได้ นักมโน น๊ะค๊ะ ๆ

tongue


โลกสวย : ดันมาบอกว่า ก็แค่ คำสมมุติขึ้นมา แบบ ที่ไม่รู้เรื่องราวอะไรเอาเสียเรย ความเข้าถึงใจม่ายมีเร๊ยย ผู้ปฎิบัติ แท้ๆ น๊ะค๊ะ

Love j : ก็มันเป็นคำสมมุติขึ้นมา ให้ความหมายอย่างไร ก็หมายความอย่างนั้น หากคุณกล่าวว่าผมไม่รู้ความหมายที่แท้จริง ความหมายที่แท้จริงที่คุณกล่าวนั้นก็เป็นการบัญญัติของคุณ หากครูบาอาจารย์กล่าว
ก็เป็นการบัญญัติของครูบาอาจารย์ สาระปรเด็นคือ บริกรรมพุทโธ ๆ ๆ นี้เพื่ออะไร ต่างหากเพื่ออบรมศีล
อบรมสมาธิ อบรมปัญญา ส่วนจะให้ความหมายพุทโธว่าอ่ยางไร เป็นเพียงอุบายวิธี

คุณโลกสวย ขอโจทย์ที่เป็นสาระหน่อยครับ หากเก่งปริยัติก็อิงปริยัติตั้งโจทย์ ไม่ใช่จ้องแต่จะกล่าวหาใส่ร้าย คิดอะไรต่าง ๆ ขึ้นมาพูดเองในสิ่งที่ไม่เป็นจริง แต่อ้างอิงพระพุทธบ้าง พระธรรมบ้าง ครูบาอาจารย์บ้าง
..............................................





Love j : ผมได้อธิบายไปแล้วว่า พุทโธ นั้นเป็นคำสมมุติขึ้นมา

ป่าว ไม่ได้บอกเอง ค่ะ แต่ ก๊อปไว้ มีคนบอกแบบนี้ ไม่รู้ใครกลืนน้ำลายตัวเองไปแระหล่ะค่ะ

เอา รีบกลับไปแก้ไขไปลบเรย

คริคริ
tongue


Love j : ก็มันเป็นคำสมมุติขึ้นมา ให้ความหมายอย่างไร ก็หมายความอย่างนั้น หากคุณกล่าวว่าผมไม่รู้ความหมายที่แท้จริง ความหมายที่แท้จริงที่คุณกล่าวนั้นก็เป็นการบัญญัติของคุณ หากครูบาอาจารย์กล่าว
ก็เป็นการบัญญัติของครูบาอาจารย์ สาระปรเด็นคือ บริกรรมพุทโธ ๆ ๆ นี้เพื่ออะไร ต่างหากเพื่ออบรมศีล
อบรมสมาธิ อบรมปัญญา ส่วนจะให้ความหมายพุทโธว่าอ่ยางไร เป็นเพียงอุบายวิธี


คริคริ

เพราะ คิดว่าแค่คำสมมุติ แต่ๆๆๆ ไม่รู้ว่า สมมุติ นี้มีปรมัตถ์รับรองในสภาวะ
ไม่ใช่ ว่าสมมุติว่าเป็นพระพุทธเจ้า แต่ไม่มีปรมัตถ์ รับรอง

และพุทโธ ไม่ใช่"มันเป็นคำสมมุติ "อย่างคุณเรียก น๊อค๊ะ

พระผู้มีพระภาคชื่อว่า พุทโธ ในคำว่า พุทโธ ดังนี้ เพราะอรรถว่ากระไร? เพราะว่า
ตรัสรู้สัจจะทั้งหลาย เพราะอรรถว่าพระองค์ปลุกหมู่สัตว์ให้ตื่น เพราะทรงรู้ธรรมทั้งปวง เพราะ
ทรงเห็นธรรมทั้งปวง เพราะทรงรู้ธรรมที่ควรรู้ยิ่ง เพราะทรงเบิกบานแล้ว เพราะส่วนแห่งพระองค์
มีอาสวะสิ้นแล้ว เพราะส่วนแห่งพระองค์ไม่มีอุปกิเลส เพราะอรรถว่า ทรงปราศจากราคะโดย
ส่วนเดียว เพราะอรรถว่า ทรงปราศจากโทสะโดยส่วนเดียว เพราะอรรถว่า ทรงปราศจากโมหะ
โดยส่วนเดียว เพราะอรรถว่า ไม่ทรงมีกิเลสโดยส่วนเดียว เพราะอรรถว่า ทรงถึงแล้วซึ่ง
เอกายนมรรค เพราะอรรถว่า ทรงเป็นผู้เดียวตรัสรู้พร้อมเฉพาะแล้วซึ่งสัมมาสัมโพธิญาณอัน
ประเสริฐ เพราะทรงกำจัดความไม่รู้ เพราะทรงได้พระปัญญาเครื่องตรัสรู้.

tongue


แม้ความหมายนี้ ก็เป็นความหมายที่ผู้กล่าวบัญญัติให้กับคำว่าพุทโธ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 มี.ค. 2019, 20:41 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 มี.ค. 2018, 02:56
โพสต์: 2157

โฮมเพจ: maybe
แนวปฏิบัติ: สติปัฎฐาน
งานอดิเรก: กีฬา
สิ่งที่ชื่นชอบ: แบรนด์เเนม
ชื่อเล่น: เม
อายุ: 22
ที่อยู่: Bangkok Thailand

 ข้อมูลส่วนตัว


Love J. เขียน:
โลกสวย เขียน:
Love J. เขียน:
โลกสวย เขียน:
Love J. เขียน:
โลกสวย เขียน:
Love J. เขียน:
โลกสวย เขียน:
บอกแล้ว ตั้งแต่วันแรก

ว่าครูบาอาจารย์ ที่สอนพุทโธ ท่านย้ำนักย้ำหนาๆๆๆๆ

ว่า

ให้ตีใจความของพุทโธ ให้ออก


พระวินัย พระสูตรพระคาถาต่างๆ พระอภิธรรม พระปริยัติ ในพระไตรปิฎก
ในพระไตรปิฎก

คือ พระศาสดา คือพระพุทธองค์

พระพุทธองค์ จึง ไม่แต่งตั้งให้ พระอรหันต์พระองค์ไหน พระสาวกนิกายต่างๆ องค์ไหน
เป็นศาสดา แทนพระองค์

พระสงฆ์ เกิดตามสัทธรรม อันพระผู้มีพระภาคเจ้า ทรงแสดง
จึงต้องปฎิบัติ ตาม พระธรรม ที่ทรงแสดงไว้ เท่านั้น

และทรงแสดงไว้ว่า หากพุทธบริษัทใด ได้ศึกษา และปฎิบัติ ตรงตามอรรถะ และพยัญชนะ
ที่พระพุทธองค์ ได้ทรงตรัสไว้ดีแล้ว

พุทธบริษัทนั้น ย่อมเข้าถึง ปริยัติ ปฎิบัติปฎิเวธ ที่ถุุกต้อง
ตามคำสั่งสอนของพระพุทธองค์


..........................

โลกสวย : ครูบาอาจารย์ย้ำนักย้ำหนาให้ตีใจความของ พุทโธ ให้ดี
Love j : ครูบาอาจารย์ท่านไหนครับ ?

Love j : ผมได้อธิบายไปแล้วว่า พุทโธ นั้นเป็นคำสมมุติขึ้นมาเพื่อเป็นเครื่องกำกับจิตเครื่องระลึกของสติ
โดยความหมายนั้นขึ้นอยู่กับผู้ปฏิบัติว่าจะทำไว้ในใจอย่างไร ใช้พุทโธเป็นเครื่องระลึกของอะไรซึ่งโดยมากแล้วก็เป็นเครื่องระลึกของพระพุทธเจ้า

เมื่ออยู่กับคำบริกรรมพุทโธ ระลึกพุทโธก็นึกคิดถึงพระพุทธเจ้า นึกถึงปัญญาธิคุณ กรุณาธิคุณ บริสุทธิคุณ เพื่อชำระล้างจิตใจให้สะอาดเว้นจากบาปอกุศลกรรม เว้นความคิด คำพูด การกระทำที่เป็นบาปอกุศลหรือ ทุจริต ๓ / มีสติสัมปชัญญะ สำรวม กาย วาจา ใจ สำรวมอินทรีย์ มีสุจริต ๓ อันเป็นอาหารของสติปัฏฐาน ๔ กระทำให้มากอย่างนี้แล้วก็ถือเป็นการปฏิบัติตามคำสอนของพระพุทธเจ้า


ยังไม่มีใครกล่าวว่าตนเป็นพระอรหันต์ ยังไม่มีใครจากนิกายไหนจะตั้งตนเป็นศาสดา พระธรรมคำสอนทั้งหลายของพระพุทธเจ้านั้นแทนองค์ศาสดา ความเห็น คำพูดของผม มากจากการศึกษาคำสอนของพระศาสดา อ้างอิงพระศาสดา

แต่ความเห็น คำพูดของคุณ โลกสวยหลายข้อ บิดเบือนคำของพระศาสดาแต่อ้างพระศาสดา อิงพระศาสดา เมื่อถูกถามก็ชี้แจงไม่ได้อธิบายไม่ได้ ตอบโต้ด้วยการใส่ร้ายด้วยคำที่ไม่เป็นความจริง ตอบโต้ด้วยการดูหมิ่นปรามาส อย่างนี้แล้วยังประกาศตนเองว่าตนเองปฏบัติตรงตามคำสอนของพระศาสดาอยู่หรือ


คริคริ

นี่เหรอค๊ะ เรียกมาได้ไงว่า

ผุ้ปฎิบัติบริกรรม แนวพุทโธ เริมต้น ก็ไปซะแระ
เพราะไม่รู้ว่าพุทโธ คืออะไร ตีความหมายพุทโธ ไม่อออก

ดันมาบอกว่า ก็แค่ คำสมมุติขึ้นมา แบบ ที่ไม่รู้เรื่องราวอะไรเอาเสียเรย ความเข้าถึงใจม่ายมีเร๊ยย

ผู้ปฎิบัติ แท้ๆ น๊ะค๊ะ

ในขณะที่ทำการจะ ระลึก ถึงพุทโธ น๊ะค๊ะ

ปิติ นั้น เกิดขึ้นก่อน แล้ว ปัสสิทธฺิ จึงเป็นผล มีโสมนัสตามมา

แล้วจึง บริกรรมภาวนา พุทโธๆๆๆๆ

อาการทั้งหลาย ที่เกิดก่อน และในระหว่างจะบริกรรมพุทโธๆๆ
จะล่วงรู้ได้ ชัดเจน

นี่ยังไม่รู้เรย ว่า อะไรเกิดก่อนที่จะเริ่มบริกรรม และระหว่างที่จะบริกรรม พุทโธๆ

ยังไม่มีสติ ระลึกได้เรย เพราะตีใจความคำว่า พุทโธ ไม่ออก
พุทโธ ยังไม่มากำกับสติ สติหายไปเกิดดับไปหลายแถวๆๆๆๆๆ
เพราะไม่เห็น ปิติ ปัสสิทธิ อันเกิดจากปิติ และโสมนัส จากการรู้จักจัก พุทโธ ไงค๊ะ

แล้วคุยนักหนาว่า เป็นนักปฎิบัติ

แต่ เม ว่า เป็นได้ นักมโน น๊ะค๊ะ ๆ

tongue


โลกสวย : ดันมาบอกว่า ก็แค่ คำสมมุติขึ้นมา แบบ ที่ไม่รู้เรื่องราวอะไรเอาเสียเรย ความเข้าถึงใจม่ายมีเร๊ยย ผู้ปฎิบัติ แท้ๆ น๊ะค๊ะ

Love j : ก็มันเป็นคำสมมุติขึ้นมา ให้ความหมายอย่างไร ก็หมายความอย่างนั้น หากคุณกล่าวว่าผมไม่รู้ความหมายที่แท้จริง ความหมายที่แท้จริงที่คุณกล่าวนั้นก็เป็นการบัญญัติของคุณ หากครูบาอาจารย์กล่าว
ก็เป็นการบัญญัติของครูบาอาจารย์ สาระปรเด็นคือ บริกรรมพุทโธ ๆ ๆ นี้เพื่ออะไร ต่างหากเพื่ออบรมศีล
อบรมสมาธิ อบรมปัญญา ส่วนจะให้ความหมายพุทโธว่าอ่ยางไร เป็นเพียงอุบายวิธี

คุณโลกสวย ขอโจทย์ที่เป็นสาระหน่อยครับ หากเก่งปริยัติก็อิงปริยัติตั้งโจทย์ ไม่ใช่จ้องแต่จะกล่าวหาใส่ร้าย คิดอะไรต่าง ๆ ขึ้นมาพูดเองในสิ่งที่ไม่เป็นจริง แต่อ้างอิงพระพุทธบ้าง พระธรรมบ้าง ครูบาอาจารย์บ้าง
..............................................





Love j : ผมได้อธิบายไปแล้วว่า พุทโธ นั้นเป็นคำสมมุติขึ้นมา

ป่าว ไม่ได้บอกเอง ค่ะ แต่ ก๊อปไว้ มีคนบอกแบบนี้ ไม่รู้ใครกลืนน้ำลายตัวเองไปแระหล่ะค่ะ

เอา รีบกลับไปแก้ไขไปลบเรย

คริคริ
tongue


Love j : ก็มันเป็นคำสมมุติขึ้นมา ให้ความหมายอย่างไร ก็หมายความอย่างนั้น หากคุณกล่าวว่าผมไม่รู้ความหมายที่แท้จริง ความหมายที่แท้จริงที่คุณกล่าวนั้นก็เป็นการบัญญัติของคุณ หากครูบาอาจารย์กล่าว
ก็เป็นการบัญญัติของครูบาอาจารย์ สาระปรเด็นคือ บริกรรมพุทโธ ๆ ๆ นี้เพื่ออะไร ต่างหากเพื่ออบรมศีล
อบรมสมาธิ อบรมปัญญา ส่วนจะให้ความหมายพุทโธว่าอ่ยางไร เป็นเพียงอุบายวิธี


คริคริ

เพราะ คิดว่าแค่คำสมมุติ แต่ๆๆๆ ไม่รู้ว่า สมมุติ นี้มีปรมัตถ์รับรองในสภาวะ
ไม่ใช่ ว่าสมมุติว่าเป็นพระพุทธเจ้า แต่ไม่มีปรมัตถ์ รับรอง

และพุทโธ ไม่ใช่"มันเป็นคำสมมุติ "อย่างคุณเรียก น๊อค๊ะ

พระผู้มีพระภาคชื่อว่า พุทโธ ในคำว่า พุทโธ ดังนี้ เพราะอรรถว่ากระไร? เพราะว่า
ตรัสรู้สัจจะทั้งหลาย เพราะอรรถว่าพระองค์ปลุกหมู่สัตว์ให้ตื่น เพราะทรงรู้ธรรมทั้งปวง เพราะ
ทรงเห็นธรรมทั้งปวง เพราะทรงรู้ธรรมที่ควรรู้ยิ่ง เพราะทรงเบิกบานแล้ว เพราะส่วนแห่งพระองค์
มีอาสวะสิ้นแล้ว เพราะส่วนแห่งพระองค์ไม่มีอุปกิเลส เพราะอรรถว่า ทรงปราศจากราคะโดย
ส่วนเดียว เพราะอรรถว่า ทรงปราศจากโทสะโดยส่วนเดียว เพราะอรรถว่า ทรงปราศจากโมหะ
โดยส่วนเดียว เพราะอรรถว่า ไม่ทรงมีกิเลสโดยส่วนเดียว เพราะอรรถว่า ทรงถึงแล้วซึ่ง
เอกายนมรรค เพราะอรรถว่า ทรงเป็นผู้เดียวตรัสรู้พร้อมเฉพาะแล้วซึ่งสัมมาสัมโพธิญาณอัน
ประเสริฐ เพราะทรงกำจัดความไม่รู้ เพราะทรงได้พระปัญญาเครื่องตรัสรู้.

tongue


แม้ความหมายนี้ ก็เป็นความหมายที่ผู้กล่าวบัญญัติให้กับคำว่าพุทโธ


แต่ ไม่มีใคร เรียกว่า" มัน " เป็นคำสมมุติ แบบคุณไงค๊ะ
และบัญญัตินี้ ก็มีปรมัตถ์ธรรมรองรับ


tongue


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 มี.ค. 2019, 20:45 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 มี.ค. 2018, 02:56
โพสต์: 2157

โฮมเพจ: maybe
แนวปฏิบัติ: สติปัฎฐาน
งานอดิเรก: กีฬา
สิ่งที่ชื่นชอบ: แบรนด์เเนม
ชื่อเล่น: เม
อายุ: 22
ที่อยู่: Bangkok Thailand

 ข้อมูลส่วนตัว


อ่า ลืมไป
เม ไปกดอ้างอิงไว้ เรยลบแก้ไขข้อความ ไม่ได้แระ น๊ะค๊ะ

คริคริ

tongue


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 มี.ค. 2019, 20:52 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 มี.ค. 2018, 02:56
โพสต์: 2157

โฮมเพจ: maybe
แนวปฏิบัติ: สติปัฎฐาน
งานอดิเรก: กีฬา
สิ่งที่ชื่นชอบ: แบรนด์เเนม
ชื่อเล่น: เม
อายุ: 22
ที่อยู่: Bangkok Thailand

 ข้อมูลส่วนตัว


บัญญัตติ มีสองอย่าง

คือ
หนี่ง วิชชามานบัญญัติ คือ บัญญัติในสิ่งที่มีปรมัตถ์รองรับ
สอง อวิชชามานบัญญัติ คือ บัญญัติในสิ่งที่ไม่มีปรมัตถ์รองรับ

ท่องจำไว้น๊ะค๊ะ ๆ
จะได้แยกบัญญํติออก

ผู้ปฎิบัติ ไม่มีใครหรอกค่ะ

ที่เรียก พุทธโธ ว่า "มัน" แค่คำสมมุติ แบบคุณ

นี่เม ชี้ให้ ตั้งแต่พื้นฐาน พื้นๆ แค่เริ่มต้น ที่ยังไม่ภาวนาอะไรเรย
ก่อนที่จะบริกรรมด้วยซ้ำ
ด้วยเมตตา

คริคริ

tongue


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 มี.ค. 2019, 21:16 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 7
สมาชิก ระดับ 7
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ต.ค. 2018, 00:52
โพสต์: 512

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
Love J. เขียน:

ผมไม่ได้เข้าใจว่าอารมณ์เหล่านี้เป็นอารมณ์ วิปัสสนา
อนุสติ 10 นี้เพื่อความตั้งมั่นของสติ อยู่กับสิ่งที่ทำ
ให้เกิดความยินดี เพื่อให้จิตตั้งมั่นแล้วอาศัยจิตที่ตั่งมั่น

นั้นมีสตินั้นพิจารณาเห็น กาย เวทนา จิต ธรรม พิจารณา
ละบาปอกุศลกรรม เจริญกุศลกรรม


ผมเห็นด้วย...ครับ..

แล..ก็ไม่คิดว่าใครจะมาแย้ง...นะ



ผมแย้งได้มั้ยท่านอ๊บ พอได้มีเรื่องคุยกันต่อครับ(ที่จริงท่านเจกล่าวไว้ดีแล้ว) :b32: :b32: :b32:

..แต่ผมบอกแทนก็ได้ว่า..ในอนุสสติ 10 ทุกกองเมื่อเข้าถึงแล้วจะมีอารมณ์วิปัสนาเกิดด้วยในทุกขณะ ถ้าคนนั้นมีปัญญามากพอก็เข้าวิปัสนาเลย คนไม่มีปัญญามากพอต่อให้เข้าอรูปฌาณก็ไม่เกิดประโยชน์ ต่อให้ท่องอภิธรรมครบ 7 คำภีร์ก็แค่ใบลานเปล่า :b32: :b32: :b32:

..มีบางพวกจำมากจนหลงไปว่าตนบรรลุโสดาบันก็มี แล้วอ้างตัวเป็นพระอริยะสงฆ์ สูงกว่าสงฆ์ แท้จริงแค่จิตมันหลอกจิตก็มี :b32: :b32: :b32:

.....................................................
(จิตรู้สมมติ เป็นสมุทัย)
(ผลอันเกิดจากจิตรู้สมมติ เป็นทุกข์)
(จิตเห็นจริงต่างหากจากสมมติ เป็นมรรค)
(ผลอันเกิดจากจิตเห็นจริงต่างหากจากสมมติ เป็นนิโรธ)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 มี.ค. 2019, 21:40 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 มี.ค. 2018, 02:56
โพสต์: 2157

โฮมเพจ: maybe
แนวปฏิบัติ: สติปัฎฐาน
งานอดิเรก: กีฬา
สิ่งที่ชื่นชอบ: แบรนด์เเนม
ชื่อเล่น: เม
อายุ: 22
ที่อยู่: Bangkok Thailand

 ข้อมูลส่วนตัว


แค่อากาศ เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
Love J. เขียน:

ผมไม่ได้เข้าใจว่าอารมณ์เหล่านี้เป็นอารมณ์ วิปัสสนา
อนุสติ 10 นี้เพื่อความตั้งมั่นของสติ อยู่กับสิ่งที่ทำ
ให้เกิดความยินดี เพื่อให้จิตตั้งมั่นแล้วอาศัยจิตที่ตั่งมั่น

นั้นมีสตินั้นพิจารณาเห็น กาย เวทนา จิต ธรรม พิจารณา
ละบาปอกุศลกรรม เจริญกุศลกรรม


ผมเห็นด้วย...ครับ..

แล..ก็ไม่คิดว่าใครจะมาแย้ง...นะ



ผมแย้งได้มั้ยท่านอ๊บ พอได้มีเรื่องคุยกันต่อครับ(ที่จริงท่านเจกล่าวไว้ดีแล้ว) :b32: :b32: :b32:

..แต่ผมบอกแทนก็ได้ว่า..ในอนุสสติ 10 ทุกกองเมื่อเข้าถึงแล้วจะมีอารมณ์วิปัสนาเกิดด้วยในทุกขณะ ถ้าคนนั้นมีปัญญามากพอก็เข้าวิปัสนาเลย คนไม่มีปัญญามากพอต่อให้เข้าอรูปฌาณก็ไม่เกิดประโยชน์ ต่อให้ท่องอภิธรรมครบ 7 คำภีร์ก็แค่ใบลานเปล่า :b32: :b32: :b32:

..มีบางพวกจำมากจนหลงไปว่าตนบรรลุโสดาบันก็มี แล้วอ้างตัวเป็นพระอริยะสงฆ์ สูงกว่าสงฆ์ แท้จริงแค่จิตมันหลอกจิตก็มี :b32: :b32: :b32:



คริคริ

อารมณ์กัมฐาน ยังไม่ไปตั้งไปเจริญ สติปํฎฐานเรย เข้าอารมณ์ ไปวิปัสสนาแล้ว

สุดยอดค่ะ คุณแค่อากาศเจ้าของ จิตพุทธะขั้นพิเศษ ที่ไม่มีทศพลญาน แบบพระพุทธเจ้า

smiley


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 มี.ค. 2019, 22:12 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 7
สมาชิก ระดับ 7
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ต.ค. 2018, 00:52
โพสต์: 512

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


โลกสวย เขียน:
แค่อากาศ เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
Love J. เขียน:

ผมไม่ได้เข้าใจว่าอารมณ์เหล่านี้เป็นอารมณ์ วิปัสสนา
อนุสติ 10 นี้เพื่อความตั้งมั่นของสติ อยู่กับสิ่งที่ทำ
ให้เกิดความยินดี เพื่อให้จิตตั้งมั่นแล้วอาศัยจิตที่ตั่งมั่น

นั้นมีสตินั้นพิจารณาเห็น กาย เวทนา จิต ธรรม พิจารณา
ละบาปอกุศลกรรม เจริญกุศลกรรม


ผมเห็นด้วย...ครับ..

แล..ก็ไม่คิดว่าใครจะมาแย้ง...นะ



ผมแย้งได้มั้ยท่านอ๊บ พอได้มีเรื่องคุยกันต่อครับ(ที่จริงท่านเจกล่าวไว้ดีแล้ว) :b32: :b32: :b32:

..แต่ผมบอกแทนก็ได้ว่า..ในอนุสสติ 10 ทุกกองเมื่อเข้าถึงแล้วจะมีอารมณ์วิปัสนาเกิดด้วยในทุกขณะ ถ้าคนนั้นมีปัญญามากพอก็เข้าวิปัสนาเลย คนไม่มีปัญญามากพอต่อให้เข้าอรูปฌาณก็ไม่เกิดประโยชน์ ต่อให้ท่องอภิธรรมครบ 7 คำภีร์ก็แค่ใบลานเปล่า :b32: :b32: :b32:

..มีบางพวกจำมากจนหลงไปว่าตนบรรลุโสดาบันก็มี แล้วอ้างตัวเป็นพระอริยะสงฆ์ สูงกว่าสงฆ์ แท้จริงแค่จิตมันหลอกจิตก็มี :b32: :b32: :b32:



คริคริ

อารมณ์กัมฐาน ยังไม่ไปตั้งไปเจริญ สติปํฎฐานเรย เข้าอารมณ์ ไปวิปัสสนาแล้ว

สุดยอดค่ะ คุณแค่อากาศเจ้าของ จิตพุทธะขั้นพิเศษ ที่ไม่มีทศพลญาน แบบพระพุทธเจ้า

smiley



:b32: :b32: :b32: ชีวิตทั้งชีวิตทำได้แค่นี้เนาะเม :b32: :b32: :b32: อ่านสิ่งไหนก็ไม่รู้เรื่อง ไม่เข้าใจ :b32: :b32: :b32: แต่ยกนั่นยกนี่มาแถได้หมด :b32: :b32: :b32: กลับไปทำมาก่อนไป๋ อย่างที่คิดไว้เป๊ะๆ ..จับปลาได้ด้วยมือเปล่ามันแบบนี้ :b32: :b32: :b32:

.....................................................
(จิตรู้สมมติ เป็นสมุทัย)
(ผลอันเกิดจากจิตรู้สมมติ เป็นทุกข์)
(จิตเห็นจริงต่างหากจากสมมติ เป็นมรรค)
(ผลอันเกิดจากจิตเห็นจริงต่างหากจากสมมติ เป็นนิโรธ)


แก้ไขล่าสุดโดย แค่อากาศ เมื่อ 06 มี.ค. 2019, 22:53, แก้ไขแล้ว 2 ครั้ง.

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 มี.ค. 2019, 22:15 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ส.ค. 2018, 07:07
โพสต์: 482

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


โลกสวย เขียน:
บัญญัตติ มีสองอย่าง

คือ
หนี่ง วิชชามานบัญญัติ คือ บัญญัติในสิ่งที่มีปรมัตถ์รองรับ
สอง อวิชชามานบัญญัติ คือ บัญญัติในสิ่งที่ไม่มีปรมัตถ์รองรับ

ท่องจำไว้น๊ะค๊ะ ๆ
จะได้แยกบัญญํติออก

ผู้ปฎิบัติ ไม่มีใครหรอกค่ะ

ที่เรียก พุทธโธ ว่า "มัน" แค่คำสมมุติ แบบคุณ

นี่เม ชี้ให้ ตั้งแต่พื้นฐาน พื้นๆ แค่เริ่มต้น ที่ยังไม่ภาวนาอะไรเรย
ก่อนที่จะบริกรรมด้วยซ้ำ
ด้วยเมตตา

คริคริ

tongue


บัญญัติไหนมันก็เป็นบัญญัติ สมมุติคำขึ้นกำหนดความหมายสิ่งต่าง ๆ
หากบัญญัติสิ่งที่เป็นสภาพเนื้อแท้ เป็น วิชชามานบัญญัติ
หากบัญญัติสิ่งที่ไม่มีในสภาพเนื้อแท้ เป็น อวิชชามานบัญญัติ

พุทโธเป็นคำสมมุติ ผู้บัญญัติกำหนดคำว่าพุทโธ ใช้แทนธรรมนี้ ๆ เมื่อเอ่ยถึงพุทโธหมายถึงธรรมนี้ ๆ ก็แล้วแต่ท่าน ซึ่งมีผู้บัญญัติไว้เยอะแยะมากมาย

ส่วนผมกำหนดคำว่าพุทโธนี้ หมายถึง องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระอรหันต์ตรัสรู้ชอบได้ด้วยพระองค์เอง ฯ
เมื่อผมกำหนดอย่างนี้ เอ่ยถึงพุทโธก็หมายถึงพระพุทธเจ้า เมื่ออาศัยบริกรรมพุทโธก็นึกคิดถึงพระพุทธเจ้า
เกิดความปิติยินดี ตั้งมั่นด้วยอาการอย่างนี้

บริกรรมพุทโธ ๆ นี้เพื่อให้ชำระล้างจิตใจ การให้ความหมาย พุทโธแทนพระพุทธเจ้า เป็นอุบายให้จิตใจมีความยินดีต่อคำบริกรรมทำให้เกิดความตั้งมั่น อาศัยความตังมั่นอบรมศีล อบรมสมาธิ อบรมปัญญา ไม่ใช่เพื่อให้ตนเองเป็นพระพุทธเจ้า

................................

เม : ไปกดอ้างอิงไว้ เรยลบแก้ไขข้อความ ไม่ได้แระ น๊ะค๊ะ คริคริ

J : ผมจะหวั่นไหวอะไร แม้หากผมเห็นผิด พูดผิด ผมก็ยอมรับได้ว่าเห็นผิดพูดผิดปรับความเห็นให้ถูกพราะผมไม่เคยไปอวดตนว่าฉลาดมีปัญญา ดูถูกคนอื่นว่าไม่ฉลาดไม่มีปัญญา ผมไม่จำเป็นต้องแถ กลบเกลื่อน หยิบยกนั่นยกนี่มาอ้างให้ตนคนอื่นผิด ทั้งที่เข้าใจบ้างไม่เข้าใจบ้าง พูดพึงบัญญัติอ้างปรมัตถ์ พูดถึงปรมัตถ์ อ้างบัญญัติ พูดถึงถึงปฏิบัติอ้างปริยัติ พูดถึงปริยัติอ้างปฏิบัติ คนอื่นเขาไม่ได้โง่หมดทุกคน คนรู้จริง เห็นจริงมี ควรมีความละอาย


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 มี.ค. 2019, 22:25 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7503

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


smiley
จิตแต่ละ1ดวงท่องเที่ยวดวงเดียว
ดังนั้นตั้งแต่เกิดจนตายจากโลกนี้ไป
คนจึงทำอยู่2อย่างคือคิดดีกับคิดไม่ดี
แล้วก็เอาไปได้แค่ความคิดก็มันดับแล้ว
เดี๋ยวนี้นับแสนโกฏิขณะรู้ตัวกันไหมว่ามี
กิเลสระดับอภิมหาอวิชชาครองใจไปแล้ว
ตายแน่ๆตายแล้วเกิดทันทีเลือกไม่ได้เลยว่า
เดี๋ยวนี้จิต1ในแสนล้านดวงจะพาไปภพไหน...ฟังบ้างนะคะ
:b32: :b32: :b32:


แก้ไขล่าสุดโดย Rosarin เมื่อ 06 มี.ค. 2019, 22:28, แก้ไขแล้ว 3 ครั้ง.

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 มี.ค. 2019, 22:25 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 7
สมาชิก ระดับ 7
ลงทะเบียนเมื่อ: 14 ต.ค. 2018, 00:52
โพสต์: 512

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Love J. เขียน:
โลกสวย เขียน:
บัญญัตติ มีสองอย่าง

คือ
หนี่ง วิชชามานบัญญัติ คือ บัญญัติในสิ่งที่มีปรมัตถ์รองรับ
สอง อวิชชามานบัญญัติ คือ บัญญัติในสิ่งที่ไม่มีปรมัตถ์รองรับ

ท่องจำไว้น๊ะค๊ะ ๆ
จะได้แยกบัญญํติออก

ผู้ปฎิบัติ ไม่มีใครหรอกค่ะ

ที่เรียก พุทธโธ ว่า "มัน" แค่คำสมมุติ แบบคุณ

นี่เม ชี้ให้ ตั้งแต่พื้นฐาน พื้นๆ แค่เริ่มต้น ที่ยังไม่ภาวนาอะไรเรย
ก่อนที่จะบริกรรมด้วยซ้ำ
ด้วยเมตตา

คริคริ

tongue


บัญญัติไหนมันก็เป็นบัญญัติ สมมุติคำขึ้นกำหนดความหมายสิ่งต่าง ๆ
หากบัญญัติสิ่งที่เป็นสภาพเนื้อแท้ เป็น วิชชามานบัญญัติ
หากบัญญัติสิ่งที่ไม่มีในสภาพเนื้อแท้ เป็น อวิชชามานบัญญัติ

พุทโธเป็นคำสมมุติ ผู้บัญญัติกำหนดคำว่าพุทโธ ใช้แทนธรรมนี้ ๆ เมื่อเอ่ยถึงพุทโธหมายถึงธรรมนี้ ๆ ก็แล้วแต่ท่าน ซึ่งมีผู้บัญญัติไว้เยอะแยะมากมาย

ส่วนผมกำหนดคำว่าพุทโธนี้ หมายถึง องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าพระอรหันต์ตรัสรู้ชอบได้ด้วยพระองค์เอง ฯ
เมื่อผมกำหนดอย่างนี้ เอ่ยถึงพุทโธก็หมายถึงพระพุทธเจ้า เมื่ออาศัยบริกรรมพุทโธก็นึกคิดถึงพระพุทธเจ้า
เกิดความปิติยินดี ตั้งมั่นด้วยอาการอย่างนี้

บริกรรมพุทโธ ๆ นี้เพื่อให้ชำระล้างจิตใจ การให้ความหมาย พุทโธแทนพระพุทธเจ้า เป็นอุบายให้จิตใจมีความยินดีต่อคำบริกรรมทำให้เกิดความตั้งมั่น อาศัยความตังมั่นอบรมศีล อบรมสมาธิ อบรมปัญญา ไม่ใช่เพื่อให้ตนเองเป็นพระพุทธเจ้า

................................

เม : ไปกดอ้างอิงไว้ เรยลบแก้ไขข้อความ ไม่ได้แระ น๊ะค๊ะ คริคริ

J : ผมจะหวั่นไหวอะไร แม้หากผมเห็นผิด พูดผิด ผมก็ยอมรับได้ว่าเห็นผิดพูดผิดปรับความเห็นให้ถูกพราะผมไม่เคยไปอวดตนว่าฉลาดมีปัญญา ดูถูกคนอื่นว่าไม่ฉลาดไม่มีปัญญา ผมไม่จำเป็นต้องแถ กลบเกลื่อน หยิบยกนั่นยกนี่มาอ้างให้ตนคนอื่นผิด ทั้งที่เข้าใจบ้างไม่เข้าใจบ้าง พูดพึงบัญญัติอ้างปรมัตถ์ พูดถึงปรมัตถ์ อ้างบัญญัติ พูดถึงถึงปฏิบัติอ้างปริยัติ พูดถึงปริยัติอ้างปฏิบัติ คนอื่นเขาไม่ได้โง่หมดทุกคน คนรู้จริง เห็นจริงมี ควรมีความละอาย



:b35: :b35: :b35: เยี่ยมท่านเจ ต่างกันลิบลับกับสายโม้ :b8: :b8: :b8:

.....................................................
(จิตรู้สมมติ เป็นสมุทัย)
(ผลอันเกิดจากจิตรู้สมมติ เป็นทุกข์)
(จิตเห็นจริงต่างหากจากสมมติ เป็นมรรค)
(ผลอันเกิดจากจิตเห็นจริงต่างหากจากสมมติ เป็นนิโรธ)


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 06 มี.ค. 2019, 22:39 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7503

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
smiley
จิตแต่ละ1ดวงท่องเที่ยวดวงเดียว
ดังนั้นตั้งแต่เกิดจนตายจากโลกนี้ไป
คนจึงทำอยู่2อย่างคือคิดดีกับคิดไม่ดี
แล้วก็เอาไปได้แค่ความคิดก็มันดับแล้ว
เดี๋ยวนี้นับแสนโกฏิขณะรู้ตัวกันไหมว่ามี
กิเลสระดับอภิมหาอวิชชาครองใจไปแล้ว
ตายแน่ๆตายแล้วเกิดทันทีเลือกไม่ได้เลยว่า
เดี๋ยวนี้จิต1ในแสนล้านดวงจะพาไปภพไหน...ฟังบ้างนะคะ
:b32: :b32: :b32:

จิตเกิดดับนับแสนโกฏิขณะไม่มีใครเลือกเกิดได้มันเกิดเองดับเองใครนับทันคร๊าาาาา
https://youtu.be/LRKR7ft6Bkg
:b12:
:b4: :b4:


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 79 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5, 6  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 61 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร