วันเวลาปัจจุบัน 24 เม.ย. 2024, 02:34  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 32 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2, 3  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 มี.ค. 2019, 08:15 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กระทู้นี้จะว่าด้วยเรื่อง "ตน" "ตัวตน" "คน" "บุคคล" ฯลฯ ซึ่งเป็นคำสอนด้านหนึ่งของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่งเป็นคำสอนชาวบ้านทั่วๆไป แต่ชาวพุทธบ้านเรามองข้าม จะด้วยเหตุผลใดก็แล้วแต่ จะค่อยๆถกเถียงกันต่อไป :b12:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 มี.ค. 2019, 08:18 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ที่คัดมานี่ ตน ทั้งนั้น

อตฺตนา หิ กตํ ปาปํ อตฺรชํ อตฺตสมฺภวํ
อภิมตฺถติ ทุมฺเมธํ วชิรํ วมฺหยํ มณึ.

บาปอันตนทำไว้เอง เกิดในตน มีตนเป็นแดนเกิด ย่อมย่ำยีบุคคลผู้มีปัญญาทราม ดุจเพชรย่ำยีแก้มณี อันเกิดแต่หิน ฉะนั้น.


สุกรานิ อสาธูนิ อตฺตโน อหิตานิ จ
ยํ เว หิตญฺจ สาธุญฺจ ตํ เว ปรมทุกฺกรํ.

กรรมอันไม่ดี และไม่เป็นประโยชน์แก่ตน คนทำได้ง่าย
กรรมใดแล เป็นประโยชน์แก่ตนและดี กรรมนั้นแล ทำได้ยากอย่างยิ่ง.

โย สาสนํ อรหตํ อริยานํ ธมฺมชีวินํ
ปฏิกฺโกสติ ทุมฺเมโธ ทิฏฺฐึ นิสฺสาย ปาปิกํ
ผลานิ กณฺฏกสฺเสว อตฺตฆญฺญาย ผลฺลติ.

บุคคลใด ปัญญาโฉด อาศัยทิฏฐิอันชั่วช้า คัดค้านคำสั่งสอนของพระอริยบุคคลผู้พระอรหันต์ มีปกติเป็นอยู่โดยธรรม บุคคลนั้น ย่อมเกิดมาเพื่อฆ่าตน เหมือนขุยแห่งไม้ไผ่ ฉะนั้น.

อตฺตนา ว กตํ ปาปํ อตฺตนา สงฺกิลิสฺสติ
อตฺตนา อกตํ ปาปํ อตฺตนา ว วิสุชฺฌติ
สุทฺธิ อสุทฺธิ ปจฺจตฺตํ นาญฺโญ อญฺญํ วิโสธเย
.

บาปอันผู้ใดทำแล้วด้วยตนเอง ผู้นั้น ย่อมเศร้าหมองด้วยตน
บาปอันผู้ใดไม่ได้ทำด้วยตน ผู้นั้นย่อมบริสุทธิ์ด้วยตนเอง
ความบริสุทธิ์ ความไม่บริสุทธิ์ เป็นของเฉพาะตน คนอื่นพึงทำคนอื่นให้บริสุทธิ์หาได้ไม่.

อตฺตทตฺถํ ปรตฺเถน พหุนาปิ น หาปเย
อตฺตทตฺถมภิญฺญาย สหตฺถปฺปสุโต สิยา.

บุคคลไม่พึงยังประโยชน์ของตนให้เสื่อมเสีย เพราะประโยชน์ของคนอื่นแม้มาก รู้จักประโยชน์ของตนแล้ว พึงเป็นผู้ขวนขวายในประโยชน์ของตน.

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 มี.ค. 2019, 08:22 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
Rosarin
เวลาไม่คิดตามคำสอน คือ ขาดสติ

เวลาคิดเรื่องอื่นไม่รู้ตัวเลยว่าหายใจ

แต่พอมีคนบอกให้มีตัวตนจับลม 555

ตัวตนมาเต็มๆไม่รู้เลยว่าตัวตนไม่มีเลย


อ้างคำพูด:
กรัชกาย

เห็นคุณโรสพูดบ่อยๆ "กายใจตน" (ตนมาจากไหนล่ะ)

อตฺตา หิ อตฺตโน นาโถ โก หิ นาโถ ปโร สิยา
อตฺตา หิ สุทนฺเตน นาถํ ลภติ ทุลฺลภํ

ตนแลเป็นที่พึงของตน คนอื่นใครเล่าจะเป็นที่พึ่งได้
เพราะบุคคลมีตนฝึกฝนดีแล้ว ย่อมได้ที่่พึงที่คนหาได้โดยยาก. (ตนมาจากไหนล่ะ)

อตฺตนา โจทยตฺตานํ - จงเตือนตนด้วยตน (ตนมาจากไหนล่ะ)

อตฺตานํ อุปมํ กเร - พึงทำตนให้เป็นตัวอย่าง (ตนมาจากไหนล่ะ)

อตฺตานํ ทมยตฺติ ปณฺฑิตา - บัณฑิตทั้งหลายย่อมฝึกตน (ตนมาจากไหนล่ะ)

อตฺตา หเว ชิตํ เสยฺโย - ชนะตนแลประเสริฐกว่า (ตนมาจากไหนล่ะ)

อตฺตานํ ทมยนฺติ สุพฺพตา - ผู้ว่าง่ายสอนง่ายทั้งหลาย ย่อมฝึกฝนตนเอง (ตนมาจากไหนล่ะ)

อตฺตา หิ กิร ทุทฺทโม. - ได้ยินว่า ตนแลฝึกได้ยาก (ตนมาจากไหนล่ะ)

อตฺตานญฺเจ ปิยํ ชญฺญา รกฺเขยฺย นํ สุรกฺขิตํ
ติณฺณ มญฺญตรํ ยามํ ปชคฺเคยฺย ปณฺฑิโต.

ถ้าบุคคลรู้ตัวว่าเป็นที่รัก พึงรักษาตัวนั้นให้เป็นอันรักษาด้วยดี
บุคคลผู้เป็นบัณฑิต พึงประคับประคองตน ตลอดยามทั้งสาม ยามใดยามหนึ่ง. (ตัว,ตน มาจากไหนล่ะ)

ฯลฯ

พุทธธรรมที่พูดถึงเรื่องตนนี่เยอะแยะ :b32: คุณโรสว่ามาจากไหน เอ้า

viewtopic.php?f=1&t=57235&start=15


.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 มี.ค. 2019, 08:29 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
Rosarin เขียน:

เวลาไม่คิดตามคำสอนคือขาดสติ
เวลาคิดเรื่องอื่นไม่รู้ตัวเลยว่าหายใจ
แต่พอมีคนบอกให้มีตัวตนจับลม555
ตัวตนมาเต็มๆไม่รู้เลยว่าตัวตนไม่มีเลย


อ้างคำพูด:
กรัชกาย

เห็นคุณโรสพูดบ่อยๆ "กายใจตน" (ตนมาจากไหนล่ะ) :b32:

อตฺตา หิ อตฺตโน นาโถ โก หิ นาโถ ปโร สิยา
อตฺตา หิ สุทนฺเตน นาถํ ลภติ ทุลฺลภํ

ตนแลเป็นที่พึงของตน คนอื่นใครเล่าจะเป็นที่พึ่งได้
เพราะบุคคลมีตนฝึกฝนดีแล้ว ย่อมได้ที่่พึงที่คนหาได้โดยยาก. (ตนมาจากไหนล่ะ)

อตฺตนา โจทยตฺตานํ - จงเตือนตนด้วยตน (ตนมาจากไหนล่ะ)

อตฺตานํ อุปมํ กเร - พึงทำตนให้เป็นตัวอย่าง (ตนมาจากไหนล่ะ)

อตฺตานํ ทมยตฺติ ปณฺฑิตา - บัณฑิตทั้งหลายย่อมฝึกตน (ตนมาจากไหนล่ะ)

อตฺตา หเว ชิตํ เสยฺโย - ชนะตนแลประเสริฐกว่า (ตนมาจากไหนล่ะ)

อตฺตานํ ทมยนฺติ สุพฺพตา - ผู้ว่าง่ายสอนง่ายทั้งหลาย ย่อมฝึกฝนตนเอง (ตนมาจากไหนล่ะ)

อตฺตา หิ กิร ทุทฺทโม. - ได้ยินว่า ตนแลฝึกได้ยาก (ตนมาจากไหนล่ะ)

อตฺตานญฺเจ ปิยํ ชญฺญา รกฺเขยฺย นํ สุรกฺขิตํ
ติณฺณ มญฺญตรํ ยามํ ปชคฺเคยฺย ปณฺฑิโต.

ถ้าบุคคลรู้ตัวว่าเป็นที่รัก พึงรักษาตัวนั้นให้เป็นอันรักษาด้วยดี
บุคคลผู้เป็นบัณฑิต พึงประคับประคองตน ตลอดยามทั้งสาม ยามใดยามหนึ่ง. (ตัว,ตน มาจากไหนล่ะ)

ฯลฯ

พุทธธรรมที่พูดถึงเรื่องตนนี่เยอะแยะ :b32: คุณโรสว่ามาจากไหน เอ้า


อ้างคำพูด:
Love J.
พระพุทธเจ้าตรัสแสดงพระธรรมคำสอนเพื่อนำสัตว์ทั้งหลายให้หลุดพ้นจากทุกข์ คำตรัสจึงเป็นไปเพื่อประโยชน์สุข เพื่อความเกิดขึ้นเจริญขึ้นของอริยมรรคของผู้ฟัง เป็นคำจริง ไม่เป็นไปเพื่อทุกข์ไม่เกิดโทษต่อผู้อื่น

อันนี้เค้าหยิบยกพระธรรมคำสอนมาพูดเพื่อเพื่อทำให้คนอื่นทุกข์ ให้คนอื่นเสื่อม พูดแสดงว่าตนมีปัญญา ผู้อื่นไม่มีปัญญา แม้ยกคำของพระพุทธเจ้ามาพูด ก็ไม่ได้คำนึง ว่า สิ่งนี้ควรพูดหรือไม่ควรพูด พูดเพื่อประโยชน์หรือโทษ เป็นกุศลหรืออกุศล ไม่ได้คำนึงว่าเป็นคำจริง หรือไม่จริง พูดโดยขาดสติ สัมปชัญญะ


สังเกต คคห. คุณเลิฟ เจ ไว้ก่อน :b1:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 มี.ค. 2019, 08:34 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
Rosarin เขียน:

เวลาไม่คิดตามคำสอนคือขาดสติ
เวลาคิดเรื่องอื่นไม่รู้ตัวเลยว่าหายใจ
แต่พอมีคนบอกให้มีตัวตนจับลม555
ตัวตนมาเต็มๆไม่รู้เลยว่าตัวตนไม่มีเลย


อ้างคำพูด:
กรัชกาย
เห็นคุณโรสพูดบ่อยๆ "กายใจตน" (ตนมาจากไหนล่ะ) :b32:

อตฺตา หิ อตฺตโน นาโถ โก หิ นาโถ ปโร สิยา
อตฺตา หิ สุทนฺเตน นาถํ ลภติ ทุลฺลภํ

ตนแลเป็นที่พึงของตน คนอื่นใครเล่าจะเป็นที่พึ่งได้
เพราะบุคคลมีตนฝึกฝนดีแล้ว ย่อมได้ที่่พึงที่คนหาได้โดยยาก. (ตนมาจากไหนล่ะ)

อตฺตนา โจทยตฺตานํ - จงเตือนตนด้วยตน (ตนมาจากไหนล่ะ)

อตฺตานํ อุปมํ กเร - พึงทำตนให้เป็นตัวอย่าง (ตนมาจากไหนล่ะ)

อตฺตานํ ทมยตฺติ ปณฺฑิตา - บัณฑิตทั้งหลายย่อมฝึกตน (ตนมาจากไหนล่ะ)

อตฺตา หเว ชิตํ เสยฺโย - ชนะตนแลประเสริฐกว่า (ตนมาจากไหนล่ะ)

อตฺตานํ ทมยนฺติ สุพฺพตา - ผู้ว่าง่ายสอนง่ายทั้งหลาย ย่อมฝึกฝนตนเอง (ตนมาจากไหนล่ะ)

อตฺตา หิ กิร ทุทฺทโม. - ได้ยินว่า ตนแลฝึกได้ยาก (ตนมาจากไหนล่ะ)

อตฺตานญฺเจ ปิยํ ชญฺญา รกฺเขยฺย นํ สุรกฺขิตํ
ติณฺณ มญฺญตรํ ยามํ ปชคฺเคยฺย ปณฺฑิโต.

ถ้าบุคคลรู้ตัวว่าเป็นที่รัก พึงรักษาตัวนั้นให้เป็นอันรักษาด้วยดี
บุคคลผู้เป็นบัณฑิต พึงประคับประคองตน ตลอดยามทั้งสาม ยามใดยามหนึ่ง. (ตัว,ตน มาจากไหนล่ะ)

ฯลฯ

พุทธธรรมที่พูดถึงเรื่องตนนี่เยอะแยะ :b32: คุณโรสว่ามาจากไหน เอ้า



คคห.คุณโรสเอง
อ้างคำพูด:
Rosarin
ตนจะมาจากไหน ถ้าไม่ใช่ เพราะมีอุปาทานขันธ์
โลก แปลว่า สิ่งที่เกิดดับ และขันธ์ แปลว่า เกิดดับ
ยึดถือสิ่งที่เกิดดับ ว่า เป็นสิ่งหนึ่งสิ่งใดและยัง
ยึดถือขันธ์แต่ละ 1 เหมารวมว่าเป็นตัวตน
ถามใจตัวเองดูเถอะเวลามีคนถามว่า
พระพุทธเจ้าเป็นใครนั่นน่ะจำอะไร
ตัวตนคนชื่อนั้นทำอะไรที่ไหน
เห็นไหม ว่า ไม่รู้จริงๆว่า
พระพุทธเจ้าคือใคร
ทรงตรัสรู้อะไรน๊า
ตอบสิ่งที่กำลังเกิดดับเดี๋ยวนี้
นับประมาณมิได้ถึงแสนโกฏิขณะบอกก็ไม่ฟัง
แล้วจะเอาปัญญามาแต่ไหน เพราะคิดเอง ก็ไม่ได้ไงคะ


ของคุณโรสนี่ มั่วไปทั่ว พูดง่ายๆ ฟังๆมาแล้วคิดเอาเอง

ไปเอามาแต่ไหน "โลก" แปลว่า เกิดดับ

"ขันธ์" แปลว่า เกิดดับ ไปเอามาแต่ไหน

สรุปๆคือไม่เข้าใจพุทธธรรม หรือถึงพอนึกได้ ก็เข้าใจด้านเดียว ถึงเข้าใจด้านเดียวก็เข้าใจผิดๆ มั่ว คิกๆๆ เราจะค่อยๆถกเถียงกันต่อไป รวมทั้งคุณเลิฟ เจ ด้วย

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 มี.ค. 2019, 09:12 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อัตตา-อนัตตา เป็นหลักทางปัญญาที่สำคัญยิ่ง

ที่พระพุทธศาสนาสอนเรื่องนี้ไว้ ถ้าพูดเป็นภาษาธรรมดาก็ว่า อัตตาที่ไม่มีนั้น ใช้มันไปเถอะ ได้ประโยชน์จริงๆ ท่านสอนให้พัฒนาไปจนถึงที่สุด แล้วจะประสบพบสิ่งที่เลิศประเสริฐยิ่ง
แต่อัตตามีขึ้นมาเมื่อไรเป็นปัญหาทุกที เกิดอัตตาขึ้นมาเมื่อไรก็ยุ่งเมื่อนั้น มีปัญหา เกิดทุกข์ เกิดการกระทบกระทั่งอะไรต่างๆ

พระพุทธศาสนามีคำสอนว่าด้วยอัตตาหรือตัวตนนี้มากมาย เช่น

อตฺตา หิ อตฺตโน นาโถ ตนเป็นที่พึ่งของตน

อตฺตทีปา อตฺตสรณา จงมีตนเป็นเกาะ จงมีตนเป็นที่พึ่ง

อตฺตานํ ทมยนฺตี ปณฺฑิตา บัณฑิตทั้งหลาย ย่อมฝึกตน

สุทฺธิ อสุทฺธิ ปจฺจตฺตํ ความบริสุทธิ์ ไม่บริสุทธิ์ เป็นของเฉพาะตัว

อตฺตานญฺเจ ปิยํ ชญฺญา น นํ ปาเปน สํยุเช

หากรู้ว่าตัวนี้เป็นที่รัก ก็ไม่ควรเอาตัวนั้นไปเกลือกกลั้วกับความชั่ว

ฯลฯ

เรื่องตัวเรื่องตนนี้ พระพุทธศาสนาสอนไว้มากมาย ในระดับตัวตนสมมตินี่ ที่มันไม่มีนี่แหละ พระพุทธศาสนาพูดเต็มที่เลย ให้ใช้ ให้ปฏิบัติ ให้พัฒนามัน จะเป็นประโยชน์ดีเหลือเกิน ท่านไม่มาเที่ยวพูดยุ่งในระดับสมมติ ว่า ไม่มีอัตตา

แต่ในระดับปรมัตถ์ ท่านให้รู้เท่าทัน ว่า อัตตามันไม่ใช่เป็นของจริง ถ้ามันมีขึ้นเมื่อไร เกิดยึดถือขึ้นเมื่อไร ก็เกิดโทษทุกที ปัญหาจะตามมา

จึงบอกว่า อัตตาที่ไม่มีนั้น พัฒนาไปเถิด จะประสบสิ่งที่เลิศประเสริฐยิ่ง
แต่อัตตามีเมื่อไร เกิดปัญหาทุกที

อัตตาที่ไม่มีนั้น ใช้มันไปเถิดอย่างรู้กันและรู้ทัน ส่วนอัตตาที่จะมีก็ให้รู้แจ้งรู้ทัน มันจะได้ไม่เกิดขึ้นมา

ยิ่งพัฒนาอัตตาที่ไม่มีขึ้นไป อัตตาที่จะมีก็ยิ่งไม่เกิดขึ้นมา อันนี้ ก็ตีให้แตกด้วย

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 มี.ค. 2019, 09:45 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7502

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
อัตตา-อนัตตา เป็นหลักทางปัญญาที่สำคัญยิ่ง

ที่พระพุทธศาสนาสอนเรื่องนี้ไว้ ถ้าพูดเป็นภาษาธรรมดาก็ว่า อัตตาที่ไม่มีนั้น ใช้มันไปเถอะ ได้ประโยชน์จริงๆ ท่านสอนให้พัฒนาไปจนถึงที่สุด แล้วจะประสบพบสิ่งที่เลิศประเสริฐยิ่ง
แต่อัตตามีขึ้นมาเมื่อไรเป็นปัญหาทุกที เกิดอัตตาขึ้นมาเมื่อไรก็ยุ่งเมื่อนั้น มีปัญหา เกิดทุกข์ เกิดการกระทบกระทั่งอะไรต่างๆ

พระพุทธศาสนามีคำสอนว่าด้วยอัตตาหรือตัวตนนี้มากมาย เช่น

อตฺตา หิ อตฺตโน นาโถ ตนเป็นที่พึ่งของตน

อตฺตทีปา อตฺตสรณา จงมีตนเป็นเกาะ จงมีตนเป็นที่พึ่ง

อตฺตานํ ทมยนฺตี ปณฺฑิตา บัณฑิตทั้งหลาย ย่อมฝึกตน

สุทฺธิ อสุทฺธิ ปจฺจตฺตํ ความบริสุทธิ์ ไม่บริสุทธิ์ เป็นของเฉพาะตัว

อตฺตานญฺเจ ปิยํ ชญฺญา น นํ ปาเปน สํยุเช

หากรู้ว่าตัวนี้เป็นที่รัก ก็ไม่ควรเอาตัวนั้นไปเกลือกกลั้วกับความชั่ว

ฯลฯ

เรื่องตัวเรื่องตนนี้ พระพุทธศาสนาสอนไว้มากมาย ในระดับตัวตนสมมตินี่ ที่มันไม่มีนี่แหละ พระพุทธศาสนาพูดเต็มที่เลย ให้ใช้ ให้ปฏิบัติ ให้พัฒนามัน จะเป็นประโยชน์ดีเหลือเกิน ท่านไม่มาเที่ยวพูดยุ่งในระดับสมมติ ว่า ไม่มีอัตตา

แต่ในระดับปรมัตถ์ ท่านให้รู้เท่าทัน ว่า อัตตามันไม่ใช่เป็นของจริง ถ้ามันมีขึ้นเมื่อไร เกิดยึดถือขึ้นเมื่อไร ก็เกิดโทษทุกที ปัญหาจะตามมา

จึงบอกว่า อัตตาที่ไม่มีนั้น พัฒนาไปเถิด จะประสบสิ่งที่เลิศประเสริฐยิ่ง
แต่อัตตามีเมื่อไร เกิดปัญหาทุกที

อัตตาที่ไม่มีนั้น ใช้มันไปเถิดอย่างรู้กันและรู้ทัน ส่วนอัตตาที่จะมีก็ให้รู้แจ้งรู้ทัน มันจะได้ไม่เกิดขึ้นมา

ยิ่งพัฒนาอัตตาที่ไม่มีขึ้นไป อัตตาที่จะมีก็ยิ่งไม่เกิดขึ้นมา อันนี้ ก็ตีให้แตกด้วย

:b12:
ทุกคำในพระไตรปิฎกมีตรงตามที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงทุกคำเดี๋ยวนี้เลยไม่มีใครเปลี่ยนสภาพธัมมะเลย
เขียนคำว่า...อัตตา...อนัตตา...รู้ไหมว่าเขียนด้วยความไม่รู้และไม่เข้าใจความจริง
ถ้าเข้าใจความจริงขั้นการฟังเท่านั้นนะจะรู้ว่าไม่รู้ว่ามีทั้งตัวธัมมะทั้ง2แบบตรงๆ
อัตตาคือมีตัวตนไปทำกิจการงานติดต่อผู้คนนั่นแหละเรียกว่ามีอัตตาคือตัวตน
และขณะที่มีอัตตานั้นมีความไม่รู้ว่าตัวจริงธัมมะแต่ละ1กำลังเกิดดับนับแสนโกฏิขณะ
โอ๊ยบอกยังไง๊ยังไงก็ยังงงยังไม่เข้าใจอยู่ดีเพราะไม่ฟังแปลว่าไม่สิกขาตรงขณะจากฟังเสียงของปรโตโฆสะ
:b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 มี.ค. 2019, 09:56 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7502

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
อัตตา-อนัตตา เป็นหลักทางปัญญาที่สำคัญยิ่ง

ที่พระพุทธศาสนาสอนเรื่องนี้ไว้ ถ้าพูดเป็นภาษาธรรมดาก็ว่า อัตตาที่ไม่มีนั้น ใช้มันไปเถอะ ได้ประโยชน์จริงๆ ท่านสอนให้พัฒนาไปจนถึงที่สุด แล้วจะประสบพบสิ่งที่เลิศประเสริฐยิ่ง
แต่อัตตามีขึ้นมาเมื่อไรเป็นปัญหาทุกที เกิดอัตตาขึ้นมาเมื่อไรก็ยุ่งเมื่อนั้น มีปัญหา เกิดทุกข์ เกิดการกระทบกระทั่งอะไรต่างๆ

พระพุทธศาสนามีคำสอนว่าด้วยอัตตาหรือตัวตนนี้มากมาย เช่น

อตฺตา หิ อตฺตโน นาโถ ตนเป็นที่พึ่งของตน

อตฺตทีปา อตฺตสรณา จงมีตนเป็นเกาะ จงมีตนเป็นที่พึ่ง

อตฺตานํ ทมยนฺตี ปณฺฑิตา บัณฑิตทั้งหลาย ย่อมฝึกตน

สุทฺธิ อสุทฺธิ ปจฺจตฺตํ ความบริสุทธิ์ ไม่บริสุทธิ์ เป็นของเฉพาะตัว

อตฺตานญฺเจ ปิยํ ชญฺญา น นํ ปาเปน สํยุเช

หากรู้ว่าตัวนี้เป็นที่รัก ก็ไม่ควรเอาตัวนั้นไปเกลือกกลั้วกับความชั่ว

ฯลฯ

เรื่องตัวเรื่องตนนี้ พระพุทธศาสนาสอนไว้มากมาย ในระดับตัวตนสมมตินี่ ที่มันไม่มีนี่แหละ พระพุทธศาสนาพูดเต็มที่เลย ให้ใช้ ให้ปฏิบัติ ให้พัฒนามัน จะเป็นประโยชน์ดีเหลือเกิน ท่านไม่มาเที่ยวพูดยุ่งในระดับสมมติ ว่า ไม่มีอัตตา

แต่ในระดับปรมัตถ์ ท่านให้รู้เท่าทัน ว่า อัตตามันไม่ใช่เป็นของจริง ถ้ามันมีขึ้นเมื่อไร เกิดยึดถือขึ้นเมื่อไร ก็เกิดโทษทุกที ปัญหาจะตามมา

จึงบอกว่า อัตตาที่ไม่มีนั้น พัฒนาไปเถิด จะประสบสิ่งที่เลิศประเสริฐยิ่ง
แต่อัตตามีเมื่อไร เกิดปัญหาทุกที

อัตตาที่ไม่มีนั้น ใช้มันไปเถิดอย่างรู้กันและรู้ทัน ส่วนอัตตาที่จะมีก็ให้รู้แจ้งรู้ทัน มันจะได้ไม่เกิดขึ้นมา

ยิ่งพัฒนาอัตตาที่ไม่มีขึ้นไป อัตตาที่จะมีก็ยิ่งไม่เกิดขึ้นมา อันนี้ ก็ตีให้แตกด้วย

:b12:
ทุกคำในพระไตรปิฎกมีตรงตามที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงทุกคำเดี๋ยวนี้เลยไม่มีใครเปลี่ยนสภาพธัมมะเลย
เขียนคำว่า...อัตตา...อนัตตา...รู้ไหมว่าเขียนด้วยความไม่รู้และไม่เข้าใจความจริง
ถ้าเข้าใจความจริงขั้นการฟังเท่านั้นนะจะรู้ว่าไม่รู้ว่ามีทั้งตัวธัมมะทั้ง2แบบตรงๆ
อัตตาคือมีตัวตนไปทำกิจการงานติดต่อผู้คนนั่นแหละเรียกว่ามีอัตตาคือตัวตน
และขณะที่มีอัตตานั้นมีความไม่รู้ว่าตัวจริงธัมมะแต่ละ1กำลังเกิดดับนับแสนโกฏิขณะ
โอ๊ยบอกยังไง๊ยังไงก็ยังงงยังไม่เข้าใจอยู่ดีเพราะไม่ฟังแปลว่าไม่สิกขาตรงขณะจากฟังเสียงของปรโตโฆสะ
:b32: :b32:

จิตกำลังทำงานภายในเกิดดับสืบต่อตรงทางตรงขณะไม่ขาดสาย
พริบตาเดียวนับได้1ล้านแสนครั้งไม่ได้ทำเข้าไหมเกิดโดยอนัตตา
แต่ตัวตนเป็นคนมีปฏิสัมพันธ์กับคนสัตว์สิ่งของคือหลงผิดมีจิตส่งออกจะให้ว่าไงตลอดเวลาจนกว่าเริ่มคิดตาม
ทำปัญญาเริ่มต้นที่การฟังทุกคำในพระไตรปิฎกเลือกทำไม่ได้ถ้าไม่ฟังแปลว่าไม่รู้และไม่พึ่งคิดตามคำสอนไง
:b16:
:b17: :b17:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 มี.ค. 2019, 10:00 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
อัตตา-อนัตตา เป็นหลักทางปัญญาที่สำคัญยิ่ง

ที่พระพุทธศาสนาสอนเรื่องนี้ไว้ ถ้าพูดเป็นภาษาธรรมดาก็ว่า อัตตาที่ไม่มีนั้น ใช้มันไปเถอะ ได้ประโยชน์จริงๆ ท่านสอนให้พัฒนาไปจนถึงที่สุด แล้วจะประสบพบสิ่งที่เลิศประเสริฐยิ่ง
แต่อัตตามีขึ้นมาเมื่อไรเป็นปัญหาทุกที เกิดอัตตาขึ้นมาเมื่อไรก็ยุ่งเมื่อนั้น มีปัญหา เกิดทุกข์ เกิดการกระทบกระทั่งอะไรต่างๆ

พระพุทธศาสนามีคำสอนว่าด้วยอัตตาหรือตัวตนนี้มากมาย เช่น

อตฺตา หิ อตฺตโน นาโถ ตนเป็นที่พึ่งของตน

อตฺตทีปา อตฺตสรณา จงมีตนเป็นเกาะ จงมีตนเป็นที่พึ่ง

อตฺตานํ ทมยนฺตี ปณฺฑิตา บัณฑิตทั้งหลาย ย่อมฝึกตน

สุทฺธิ อสุทฺธิ ปจฺจตฺตํ ความบริสุทธิ์ ไม่บริสุทธิ์ เป็นของเฉพาะตัว

อตฺตานญฺเจ ปิยํ ชญฺญา น นํ ปาเปน สํยุเช

หากรู้ว่าตัวนี้เป็นที่รัก ก็ไม่ควรเอาตัวนั้นไปเกลือกกลั้วกับความชั่ว

ฯลฯ

เรื่องตัวเรื่องตนนี้ พระพุทธศาสนาสอนไว้มากมาย ในระดับตัวตนสมมตินี่ ที่มันไม่มีนี่แหละ พระพุทธศาสนาพูดเต็มที่เลย ให้ใช้ ให้ปฏิบัติ ให้พัฒนามัน จะเป็นประโยชน์ดีเหลือเกิน ท่านไม่มาเที่ยวพูดยุ่งในระดับสมมติ ว่า ไม่มีอัตตา

แต่ในระดับปรมัตถ์ ท่านให้รู้เท่าทัน ว่า อัตตามันไม่ใช่เป็นของจริง ถ้ามันมีขึ้นเมื่อไร เกิดยึดถือขึ้นเมื่อไร ก็เกิดโทษทุกที ปัญหาจะตามมา

จึงบอกว่า อัตตาที่ไม่มีนั้น พัฒนาไปเถิด จะประสบสิ่งที่เลิศประเสริฐยิ่ง
แต่อัตตามีเมื่อไร เกิดปัญหาทุกที

อัตตาที่ไม่มีนั้น ใช้มันไปเถิดอย่างรู้กันและรู้ทัน ส่วนอัตตาที่จะมีก็ให้รู้แจ้งรู้ทัน มันจะได้ไม่เกิดขึ้นมา

ยิ่งพัฒนาอัตตาที่ไม่มีขึ้นไป อัตตาที่จะมีก็ยิ่งไม่เกิดขึ้นมา อันนี้ ก็ตีให้แตกด้วย

:b12:
ทุกคำในพระไตรปิฎกมีตรงตามที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงทุกคำเดี๋ยวนี้เลยไม่มีใครเปลี่ยนสภาพธัมมะเลย
เขียนคำว่า...อัตตา...อนัตตา...รู้ไหมว่าเขียนด้วยความไม่รู้และไม่เข้าใจความจริง
ถ้าเข้าใจความจริงขั้นการฟังเท่านั้นนะจะรู้ว่าไม่รู้ว่ามีทั้งตัวธัมมะทั้ง2แบบตรงๆ
อัตตาคือมีตัวตนไปทำกิจการงานติดต่อผู้คนนั่นแหละเรียกว่ามีอัตตาคือตัวตน
และขณะที่มีอัตตานั้นมีความไม่รู้ว่าตัวจริงธัมมะแต่ละ1กำลังเกิดดับนับแสนโกฏิขณะ
โอ๊ยบอกยังไง๊ยังไงก็ยังงงยังไม่เข้าใจอยู่ดีเพราะไม่ฟังแปลว่าไม่สิกขาตรงขณะจากฟังเสียงของปรโตโฆสะ
:b32: :b32:

จิตกำลังทำงานภายในเกิดดับสืบต่อตรงทางตรงขณะไม่ขาดสาย
พริบตาเดียวนับได้1ล้านแสนครั้งไม่ได้ทำเข้าไหมเกิดโดยอนัตตา
แต่ตัวตนเป็นคนมีปฏิสัมพันธ์กับคนสัตว์สิ่งของคือหลงผิดมีจิตส่งออกจะให้ว่าไงตลอดเวลาจนกว่าเริ่มคิดตาม
ทำปัญญาเริ่มต้นที่การฟังทุกคำในพระไตรปิฎกเลือกทำไม่ได้ถ้าไม่ฟังแปลว่าไม่รู้และไม่พึ่งคิดตามคำสอนไง
:b16:
:b17: :b17:


เลอะเทอะ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 มี.ค. 2019, 10:03 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7502

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
อัตตา-อนัตตา เป็นหลักทางปัญญาที่สำคัญยิ่ง

ที่พระพุทธศาสนาสอนเรื่องนี้ไว้ ถ้าพูดเป็นภาษาธรรมดาก็ว่า อัตตาที่ไม่มีนั้น ใช้มันไปเถอะ ได้ประโยชน์จริงๆ ท่านสอนให้พัฒนาไปจนถึงที่สุด แล้วจะประสบพบสิ่งที่เลิศประเสริฐยิ่ง
แต่อัตตามีขึ้นมาเมื่อไรเป็นปัญหาทุกที เกิดอัตตาขึ้นมาเมื่อไรก็ยุ่งเมื่อนั้น มีปัญหา เกิดทุกข์ เกิดการกระทบกระทั่งอะไรต่างๆ

พระพุทธศาสนามีคำสอนว่าด้วยอัตตาหรือตัวตนนี้มากมาย เช่น

อตฺตา หิ อตฺตโน นาโถ ตนเป็นที่พึ่งของตน

อตฺตทีปา อตฺตสรณา จงมีตนเป็นเกาะ จงมีตนเป็นที่พึ่ง

อตฺตานํ ทมยนฺตี ปณฺฑิตา บัณฑิตทั้งหลาย ย่อมฝึกตน

สุทฺธิ อสุทฺธิ ปจฺจตฺตํ ความบริสุทธิ์ ไม่บริสุทธิ์ เป็นของเฉพาะตัว

อตฺตานญฺเจ ปิยํ ชญฺญา น นํ ปาเปน สํยุเช

หากรู้ว่าตัวนี้เป็นที่รัก ก็ไม่ควรเอาตัวนั้นไปเกลือกกลั้วกับความชั่ว

ฯลฯ

เรื่องตัวเรื่องตนนี้ พระพุทธศาสนาสอนไว้มากมาย ในระดับตัวตนสมมตินี่ ที่มันไม่มีนี่แหละ พระพุทธศาสนาพูดเต็มที่เลย ให้ใช้ ให้ปฏิบัติ ให้พัฒนามัน จะเป็นประโยชน์ดีเหลือเกิน ท่านไม่มาเที่ยวพูดยุ่งในระดับสมมติ ว่า ไม่มีอัตตา

แต่ในระดับปรมัตถ์ ท่านให้รู้เท่าทัน ว่า อัตตามันไม่ใช่เป็นของจริง ถ้ามันมีขึ้นเมื่อไร เกิดยึดถือขึ้นเมื่อไร ก็เกิดโทษทุกที ปัญหาจะตามมา

จึงบอกว่า อัตตาที่ไม่มีนั้น พัฒนาไปเถิด จะประสบสิ่งที่เลิศประเสริฐยิ่ง
แต่อัตตามีเมื่อไร เกิดปัญหาทุกที

อัตตาที่ไม่มีนั้น ใช้มันไปเถิดอย่างรู้กันและรู้ทัน ส่วนอัตตาที่จะมีก็ให้รู้แจ้งรู้ทัน มันจะได้ไม่เกิดขึ้นมา

ยิ่งพัฒนาอัตตาที่ไม่มีขึ้นไป อัตตาที่จะมีก็ยิ่งไม่เกิดขึ้นมา อันนี้ ก็ตีให้แตกด้วย

:b12:
ทุกคำในพระไตรปิฎกมีตรงตามที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงทุกคำเดี๋ยวนี้เลยไม่มีใครเปลี่ยนสภาพธัมมะเลย
เขียนคำว่า...อัตตา...อนัตตา...รู้ไหมว่าเขียนด้วยความไม่รู้และไม่เข้าใจความจริง
ถ้าเข้าใจความจริงขั้นการฟังเท่านั้นนะจะรู้ว่าไม่รู้ว่ามีทั้งตัวธัมมะทั้ง2แบบตรงๆ
อัตตาคือมีตัวตนไปทำกิจการงานติดต่อผู้คนนั่นแหละเรียกว่ามีอัตตาคือตัวตน
และขณะที่มีอัตตานั้นมีความไม่รู้ว่าตัวจริงธัมมะแต่ละ1กำลังเกิดดับนับแสนโกฏิขณะ
โอ๊ยบอกยังไง๊ยังไงก็ยังงงยังไม่เข้าใจอยู่ดีเพราะไม่ฟังแปลว่าไม่สิกขาตรงขณะจากฟังเสียงของปรโตโฆสะ
:b32: :b32:

จิตกำลังทำงานภายในเกิดดับสืบต่อตรงทางตรงขณะไม่ขาดสาย
พริบตาเดียวนับได้1ล้านแสนครั้งไม่ได้ทำเข้าไหมเกิดโดยอนัตตา
แต่ตัวตนเป็นคนมีปฏิสัมพันธ์กับคนสัตว์สิ่งของคือหลงผิดมีจิตส่งออกจะให้ว่าไงตลอดเวลาจนกว่าเริ่มคิดตาม
ทำปัญญาเริ่มต้นที่การฟังทุกคำในพระไตรปิฎกเลือกทำไม่ได้ถ้าไม่ฟังแปลว่าไม่รู้และไม่พึ่งคิดตามคำสอนไง
:b16:
:b17: :b17:


เลอะเทอะ

:b32:
พิจารณาไตร่ตรองดูสิ
เวลาเรียกชื่อตัวเองและแทนตัวว่าผมคุณคิดอะไรอยู่มีตัวตนใช่ไหม
แต่พระพุทธเจ้าบอกว่ามีอุปาทานขันธ์ยึดขันธ์เป็นตัวตนถูกไหมมีแล้วเดี๋ยวนี้แหละมีมิจฉาทิฏฐิและขาดสุตะ
:b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 มี.ค. 2019, 10:09 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7502

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
อัตตา-อนัตตา เป็นหลักทางปัญญาที่สำคัญยิ่ง

ที่พระพุทธศาสนาสอนเรื่องนี้ไว้ ถ้าพูดเป็นภาษาธรรมดาก็ว่า อัตตาที่ไม่มีนั้น ใช้มันไปเถอะ ได้ประโยชน์จริงๆ ท่านสอนให้พัฒนาไปจนถึงที่สุด แล้วจะประสบพบสิ่งที่เลิศประเสริฐยิ่ง
แต่อัตตามีขึ้นมาเมื่อไรเป็นปัญหาทุกที เกิดอัตตาขึ้นมาเมื่อไรก็ยุ่งเมื่อนั้น มีปัญหา เกิดทุกข์ เกิดการกระทบกระทั่งอะไรต่างๆ

พระพุทธศาสนามีคำสอนว่าด้วยอัตตาหรือตัวตนนี้มากมาย เช่น

อตฺตา หิ อตฺตโน นาโถ ตนเป็นที่พึ่งของตน

อตฺตทีปา อตฺตสรณา จงมีตนเป็นเกาะ จงมีตนเป็นที่พึ่ง

อตฺตานํ ทมยนฺตี ปณฺฑิตา บัณฑิตทั้งหลาย ย่อมฝึกตน

สุทฺธิ อสุทฺธิ ปจฺจตฺตํ ความบริสุทธิ์ ไม่บริสุทธิ์ เป็นของเฉพาะตัว

อตฺตานญฺเจ ปิยํ ชญฺญา น นํ ปาเปน สํยุเช

หากรู้ว่าตัวนี้เป็นที่รัก ก็ไม่ควรเอาตัวนั้นไปเกลือกกลั้วกับความชั่ว

ฯลฯ

เรื่องตัวเรื่องตนนี้ พระพุทธศาสนาสอนไว้มากมาย ในระดับตัวตนสมมตินี่ ที่มันไม่มีนี่แหละ พระพุทธศาสนาพูดเต็มที่เลย ให้ใช้ ให้ปฏิบัติ ให้พัฒนามัน จะเป็นประโยชน์ดีเหลือเกิน ท่านไม่มาเที่ยวพูดยุ่งในระดับสมมติ ว่า ไม่มีอัตตา

แต่ในระดับปรมัตถ์ ท่านให้รู้เท่าทัน ว่า อัตตามันไม่ใช่เป็นของจริง ถ้ามันมีขึ้นเมื่อไร เกิดยึดถือขึ้นเมื่อไร ก็เกิดโทษทุกที ปัญหาจะตามมา

จึงบอกว่า อัตตาที่ไม่มีนั้น พัฒนาไปเถิด จะประสบสิ่งที่เลิศประเสริฐยิ่ง
แต่อัตตามีเมื่อไร เกิดปัญหาทุกที

อัตตาที่ไม่มีนั้น ใช้มันไปเถิดอย่างรู้กันและรู้ทัน ส่วนอัตตาที่จะมีก็ให้รู้แจ้งรู้ทัน มันจะได้ไม่เกิดขึ้นมา

ยิ่งพัฒนาอัตตาที่ไม่มีขึ้นไป อัตตาที่จะมีก็ยิ่งไม่เกิดขึ้นมา อันนี้ ก็ตีให้แตกด้วย

:b12:
ทุกคำในพระไตรปิฎกมีตรงตามที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงทุกคำเดี๋ยวนี้เลยไม่มีใครเปลี่ยนสภาพธัมมะเลย
เขียนคำว่า...อัตตา...อนัตตา...รู้ไหมว่าเขียนด้วยความไม่รู้และไม่เข้าใจความจริง
ถ้าเข้าใจความจริงขั้นการฟังเท่านั้นนะจะรู้ว่าไม่รู้ว่ามีทั้งตัวธัมมะทั้ง2แบบตรงๆ
อัตตาคือมีตัวตนไปทำกิจการงานติดต่อผู้คนนั่นแหละเรียกว่ามีอัตตาคือตัวตน
และขณะที่มีอัตตานั้นมีความไม่รู้ว่าตัวจริงธัมมะแต่ละ1กำลังเกิดดับนับแสนโกฏิขณะ
โอ๊ยบอกยังไง๊ยังไงก็ยังงงยังไม่เข้าใจอยู่ดีเพราะไม่ฟังแปลว่าไม่สิกขาตรงขณะจากฟังเสียงของปรโตโฆสะ
:b32: :b32:

จิตกำลังทำงานภายในเกิดดับสืบต่อตรงทางตรงขณะไม่ขาดสาย
พริบตาเดียวนับได้1ล้านแสนครั้งไม่ได้ทำเข้าไหมเกิดโดยอนัตตา
แต่ตัวตนเป็นคนมีปฏิสัมพันธ์กับคนสัตว์สิ่งของคือหลงผิดมีจิตส่งออกจะให้ว่าไงตลอดเวลาจนกว่าเริ่มคิดตาม
ทำปัญญาเริ่มต้นที่การฟังทุกคำในพระไตรปิฎกเลือกทำไม่ได้ถ้าไม่ฟังแปลว่าไม่รู้และไม่พึ่งคิดตามคำสอนไง
:b16:
:b17: :b17:


เลอะเทอะ

:b32:
พิจารณาไตร่ตรองดูสิ
เวลาเรียกชื่อตัวเองและแทนตัวว่าผมคุณคิดอะไรอยู่มีตัวตนใช่ไหม
แต่พระพุทธเจ้าบอกว่ามีอุปาทานขันธ์ยึดขันธ์เป็นตัวตนถูกไหมมีแล้วเดี๋ยวนี้แหละมีมิจฉาทิฏฐิและขาดสุตะ
:b32: :b32:

พระพุทธเจ้าแสดงความจริงให้คนที่กำลังฟังเข้าใจสิ่งที่เกิดดับโดยอนัตตาให้คิดถูกตามได้ตรงทางที่กายใจมี
ไม่มีใครทำให้มีการเกิดดับเพราะทุกอย่างกำลังเกิดดับนับแสนโกฏิขณะเดี๋ยวนี้จึงเพียรฟังเพื่อละไม่รู้ที่มีแล้ว
ย้ำ....บอกไม่รู้จักการไปเริ่มฟังตรงจริง
:b12:
:b4: :b4:


แก้ไขล่าสุดโดย Rosarin เมื่อ 05 มี.ค. 2019, 10:13, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 มี.ค. 2019, 10:11 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
อัตตา-อนัตตา เป็นหลักทางปัญญาที่สำคัญยิ่ง

ที่พระพุทธศาสนาสอนเรื่องนี้ไว้ ถ้าพูดเป็นภาษาธรรมดาก็ว่า อัตตาที่ไม่มีนั้น ใช้มันไปเถอะ ได้ประโยชน์จริงๆ ท่านสอนให้พัฒนาไปจนถึงที่สุด แล้วจะประสบพบสิ่งที่เลิศประเสริฐยิ่ง
แต่อัตตามีขึ้นมาเมื่อไรเป็นปัญหาทุกที เกิดอัตตาขึ้นมาเมื่อไรก็ยุ่งเมื่อนั้น มีปัญหา เกิดทุกข์ เกิดการกระทบกระทั่งอะไรต่างๆ

พระพุทธศาสนามีคำสอนว่าด้วยอัตตาหรือตัวตนนี้มากมาย เช่น

อตฺตา หิ อตฺตโน นาโถ ตนเป็นที่พึ่งของตน

อตฺตทีปา อตฺตสรณา จงมีตนเป็นเกาะ จงมีตนเป็นที่พึ่ง

อตฺตานํ ทมยนฺตี ปณฺฑิตา บัณฑิตทั้งหลาย ย่อมฝึกตน

สุทฺธิ อสุทฺธิ ปจฺจตฺตํ ความบริสุทธิ์ ไม่บริสุทธิ์ เป็นของเฉพาะตัว

อตฺตานญฺเจ ปิยํ ชญฺญา น นํ ปาเปน สํยุเช

หากรู้ว่าตัวนี้เป็นที่รัก ก็ไม่ควรเอาตัวนั้นไปเกลือกกลั้วกับความชั่ว

ฯลฯ

เรื่องตัวเรื่องตนนี้ พระพุทธศาสนาสอนไว้มากมาย ในระดับตัวตนสมมตินี่ ที่มันไม่มีนี่แหละ พระพุทธศาสนาพูดเต็มที่เลย ให้ใช้ ให้ปฏิบัติ ให้พัฒนามัน จะเป็นประโยชน์ดีเหลือเกิน ท่านไม่มาเที่ยวพูดยุ่งในระดับสมมติ ว่า ไม่มีอัตตา

แต่ในระดับปรมัตถ์ ท่านให้รู้เท่าทัน ว่า อัตตามันไม่ใช่เป็นของจริง ถ้ามันมีขึ้นเมื่อไร เกิดยึดถือขึ้นเมื่อไร ก็เกิดโทษทุกที ปัญหาจะตามมา

จึงบอกว่า อัตตาที่ไม่มีนั้น พัฒนาไปเถิด จะประสบสิ่งที่เลิศประเสริฐยิ่ง
แต่อัตตามีเมื่อไร เกิดปัญหาทุกที

อัตตาที่ไม่มีนั้น ใช้มันไปเถิดอย่างรู้กันและรู้ทัน ส่วนอัตตาที่จะมีก็ให้รู้แจ้งรู้ทัน มันจะได้ไม่เกิดขึ้นมา

ยิ่งพัฒนาอัตตาที่ไม่มีขึ้นไป อัตตาที่จะมีก็ยิ่งไม่เกิดขึ้นมา อันนี้ ก็ตีให้แตกด้วย

:b12:
ทุกคำในพระไตรปิฎกมีตรงตามที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงทุกคำเดี๋ยวนี้เลยไม่มีใครเปลี่ยนสภาพธัมมะเลย
เขียนคำว่า...อัตตา...อนัตตา...รู้ไหมว่าเขียนด้วยความไม่รู้และไม่เข้าใจความจริง
ถ้าเข้าใจความจริงขั้นการฟังเท่านั้นนะจะรู้ว่าไม่รู้ว่ามีทั้งตัวธัมมะทั้ง2แบบตรงๆ
อัตตาคือมีตัวตนไปทำกิจการงานติดต่อผู้คนนั่นแหละเรียกว่ามีอัตตาคือตัวตน
และขณะที่มีอัตตานั้นมีความไม่รู้ว่าตัวจริงธัมมะแต่ละ1กำลังเกิดดับนับแสนโกฏิขณะ
โอ๊ยบอกยังไง๊ยังไงก็ยังงงยังไม่เข้าใจอยู่ดีเพราะไม่ฟังแปลว่าไม่สิกขาตรงขณะจากฟังเสียงของปรโตโฆสะ
:b32: :b32:

จิตกำลังทำงานภายในเกิดดับสืบต่อตรงทางตรงขณะไม่ขาดสาย
พริบตาเดียวนับได้1ล้านแสนครั้งไม่ได้ทำเข้าไหมเกิดโดยอนัตตา
แต่ตัวตนเป็นคนมีปฏิสัมพันธ์กับคนสัตว์สิ่งของคือหลงผิดมีจิตส่งออกจะให้ว่าไงตลอดเวลาจนกว่าเริ่มคิดตาม
ทำปัญญาเริ่มต้นที่การฟังทุกคำในพระไตรปิฎกเลือกทำไม่ได้ถ้าไม่ฟังแปลว่าไม่รู้และไม่พึ่งคิดตามคำสอนไง
:b16:
:b17: :b17:


เลอะเทอะ

:b32:
พิจารณาไตร่ตรองดูสิ
เวลาเรียกชื่อตัวเองและแทนตัวว่าผมคุณคิดอะไรอยู่มีตัวตนใช่ไหม
แต่พระพุทธเจ้าบอกว่ามีอุปาทานขันธ์ยึดขันธ์เป็นตัวตนถูกไหมมีแล้วเดี๋ยวนี้แหละมีมิจฉาทิฏฐิและขาดสุตะ
:b32: :b32:

พระพุทธเจ้าแสดงความจริงให้คนที่กำลังฟังเข้าใจสิ่งที่เกิดดับโดยอนัตตาให้คิดถูกตามได้ตรงทางที่กายใจมี
ไม่มีใครทำให้มีการเกิดดับเพราะทุกอย่สงกพลังเกิดดับนับแสนโกฏิขณะเดี๋ยวนี้จึงเพียรฟังเพื่อละไม่รู้ที่มีแล้ว
ย้ำ....บอกไม่รู้จักการไปเริ่มฟังตรงจริง
:b12:
:b4: :b4:



เอาตรงๆ เลย "อนัตตา" คุณโรสว่า ได้แก่ อะไร หมายถึงอะไร

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 มี.ค. 2019, 10:19 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7502

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
อัตตา-อนัตตา เป็นหลักทางปัญญาที่สำคัญยิ่ง

ที่พระพุทธศาสนาสอนเรื่องนี้ไว้ ถ้าพูดเป็นภาษาธรรมดาก็ว่า อัตตาที่ไม่มีนั้น ใช้มันไปเถอะ ได้ประโยชน์จริงๆ ท่านสอนให้พัฒนาไปจนถึงที่สุด แล้วจะประสบพบสิ่งที่เลิศประเสริฐยิ่ง
แต่อัตตามีขึ้นมาเมื่อไรเป็นปัญหาทุกที เกิดอัตตาขึ้นมาเมื่อไรก็ยุ่งเมื่อนั้น มีปัญหา เกิดทุกข์ เกิดการกระทบกระทั่งอะไรต่างๆ

พระพุทธศาสนามีคำสอนว่าด้วยอัตตาหรือตัวตนนี้มากมาย เช่น

อตฺตา หิ อตฺตโน นาโถ ตนเป็นที่พึ่งของตน

อตฺตทีปา อตฺตสรณา จงมีตนเป็นเกาะ จงมีตนเป็นที่พึ่ง

อตฺตานํ ทมยนฺตี ปณฺฑิตา บัณฑิตทั้งหลาย ย่อมฝึกตน

สุทฺธิ อสุทฺธิ ปจฺจตฺตํ ความบริสุทธิ์ ไม่บริสุทธิ์ เป็นของเฉพาะตัว

อตฺตานญฺเจ ปิยํ ชญฺญา น นํ ปาเปน สํยุเช

หากรู้ว่าตัวนี้เป็นที่รัก ก็ไม่ควรเอาตัวนั้นไปเกลือกกลั้วกับความชั่ว

ฯลฯ

เรื่องตัวเรื่องตนนี้ พระพุทธศาสนาสอนไว้มากมาย ในระดับตัวตนสมมตินี่ ที่มันไม่มีนี่แหละ พระพุทธศาสนาพูดเต็มที่เลย ให้ใช้ ให้ปฏิบัติ ให้พัฒนามัน จะเป็นประโยชน์ดีเหลือเกิน ท่านไม่มาเที่ยวพูดยุ่งในระดับสมมติ ว่า ไม่มีอัตตา

แต่ในระดับปรมัตถ์ ท่านให้รู้เท่าทัน ว่า อัตตามันไม่ใช่เป็นของจริง ถ้ามันมีขึ้นเมื่อไร เกิดยึดถือขึ้นเมื่อไร ก็เกิดโทษทุกที ปัญหาจะตามมา

จึงบอกว่า อัตตาที่ไม่มีนั้น พัฒนาไปเถิด จะประสบสิ่งที่เลิศประเสริฐยิ่ง
แต่อัตตามีเมื่อไร เกิดปัญหาทุกที

อัตตาที่ไม่มีนั้น ใช้มันไปเถิดอย่างรู้กันและรู้ทัน ส่วนอัตตาที่จะมีก็ให้รู้แจ้งรู้ทัน มันจะได้ไม่เกิดขึ้นมา

ยิ่งพัฒนาอัตตาที่ไม่มีขึ้นไป อัตตาที่จะมีก็ยิ่งไม่เกิดขึ้นมา อันนี้ ก็ตีให้แตกด้วย

:b12:
ทุกคำในพระไตรปิฎกมีตรงตามที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงทุกคำเดี๋ยวนี้เลยไม่มีใครเปลี่ยนสภาพธัมมะเลย
เขียนคำว่า...อัตตา...อนัตตา...รู้ไหมว่าเขียนด้วยความไม่รู้และไม่เข้าใจความจริง
ถ้าเข้าใจความจริงขั้นการฟังเท่านั้นนะจะรู้ว่าไม่รู้ว่ามีทั้งตัวธัมมะทั้ง2แบบตรงๆ
อัตตาคือมีตัวตนไปทำกิจการงานติดต่อผู้คนนั่นแหละเรียกว่ามีอัตตาคือตัวตน
และขณะที่มีอัตตานั้นมีความไม่รู้ว่าตัวจริงธัมมะแต่ละ1กำลังเกิดดับนับแสนโกฏิขณะ
โอ๊ยบอกยังไง๊ยังไงก็ยังงงยังไม่เข้าใจอยู่ดีเพราะไม่ฟังแปลว่าไม่สิกขาตรงขณะจากฟังเสียงของปรโตโฆสะ
:b32: :b32:

จิตกำลังทำงานภายในเกิดดับสืบต่อตรงทางตรงขณะไม่ขาดสาย
พริบตาเดียวนับได้1ล้านแสนครั้งไม่ได้ทำเข้าไหมเกิดโดยอนัตตา
แต่ตัวตนเป็นคนมีปฏิสัมพันธ์กับคนสัตว์สิ่งของคือหลงผิดมีจิตส่งออกจะให้ว่าไงตลอดเวลาจนกว่าเริ่มคิดตาม
ทำปัญญาเริ่มต้นที่การฟังทุกคำในพระไตรปิฎกเลือกทำไม่ได้ถ้าไม่ฟังแปลว่าไม่รู้และไม่พึ่งคิดตามคำสอนไง
:b16:
:b17: :b17:


เลอะเทอะ

:b32:
พิจารณาไตร่ตรองดูสิ
เวลาเรียกชื่อตัวเองและแทนตัวว่าผมคุณคิดอะไรอยู่มีตัวตนใช่ไหม
แต่พระพุทธเจ้าบอกว่ามีอุปาทานขันธ์ยึดขันธ์เป็นตัวตนถูกไหมมีแล้วเดี๋ยวนี้แหละมีมิจฉาทิฏฐิและขาดสุตะ
:b32: :b32:

พระพุทธเจ้าแสดงความจริงให้คนที่กำลังฟังเข้าใจสิ่งที่เกิดดับโดยอนัตตาให้คิดถูกตามได้ตรงทางที่กายใจมี
ไม่มีใครทำให้มีการเกิดดับเพราะทุกอย่างกำลังเกิดดับนับแสนโกฏิขณะเดี๋ยวนี้จึงเพียรฟังเพื่อละไม่รู้ที่มีแล้ว
ย้ำ....บอกไม่รู้จักการไปเริ่มฟังตรงจริง
:b12:
:b4: :b4:



เอาตรงๆ เลย "อนัตตา" คุณโรสว่า ได้แก่ อะไร หมายถึงอะไร

จิ เจ รุ นิ กำลังเกิดโดยอนัตตาไม่มีใครทำให้ตัวจริงธัมมะเกิดดับ
เพราะใครมีอะไรตรงขณะตรงไหนรู้ตรงขณะได้เท่าที่คิดได้ตามปกติ
คิดได้ทีละ1คำก็ดับนับแสนโกฏิขณะแล้วจะไปทำอะไรให้ไม่รู้อีกมันดับไปแล้ว
อดีตที่ดับไปแล้วไม่ย้อนกลับมาให้รู้อีกและเมื่อไม่รู้ตรงสัจจะก็คือไม่รู้ทั้งหมดเลยจะทำไรก็กำลังขาดฟังอยู่
ขาดฟังเรื่องใหญ่มากเพราะปัญญาแรกแทรกเกิดตามหลังกิเลสตอนเริ่มทำสุตมยปัญญาพอจะนึกออกไหม
:b20:
:b4: :b4:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 มี.ค. 2019, 10:25 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
กรัชกาย
เอาตรงๆ เลย "อนัตตา" คุณโรสว่า ได้แก่ อะไร หมายถึงอะไร


อ้างคำพูด:
Rosarin

จิ เจ รุ นิ กำลังเกิดโดยอนัตตา ไม่มีใครทำให้ตัวจริงธัมมะเกิดดับ
เพราะใครมีอะไรตรงขณะตรงไหนรู้ตรงขณะได้เท่าที่คิดได้ตามปกติ
คิดได้ทีละ1คำก็ดับนับแสนโกฏิขณะแล้วจะไปทำอะไรให้ไม่รู้อีกมันดับไปแล้ว
อดีตที่ดับไปแล้วไม่ย้อนกลับมาให้รู้อีกและเมื่อไม่รู้ตรงสัจจะก็คือไม่รู้ทั้งหมดเลยจะทำไรก็กำลังขาดฟังอยู่
ขาดฟังเรื่องใหญ่มากเพราะปัญญาแรกแทรกเกิดตามหลังกิเลสตอนเริ่มทำสุตมยปัญญาพอจะนึกออกไหม


อ้างคำพูด:
จิ เจ รุ นิ กำลังเกิดโดยอนัตตา ไม่มีใครทำให้ตัวจริงธัมมะเกิดดับ


คุณโรสเขาพูดอะไรของเขา จิต เจตสิก รูป นิพพาน ...

จิต เจตสิก รูป

เขาเรียกกันว่า คนใช้ไหม

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 มี.ค. 2019, 10:37 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7502

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
อ้างคำพูด:
กรัชกาย
เอาตรงๆ เลย "อนัตตา" คุณโรสว่า ได้แก่ อะไร หมายถึงอะไร


อ้างคำพูด:
Rosarin

จิ เจ รุ นิ กำลังเกิดโดยอนัตตา ไม่มีใครทำให้ตัวจริงธัมมะเกิดดับ
เพราะใครมีอะไรตรงขณะตรงไหนรู้ตรงขณะได้เท่าที่คิดได้ตามปกติ
คิดได้ทีละ1คำก็ดับนับแสนโกฏิขณะแล้วจะไปทำอะไรให้ไม่รู้อีกมันดับไปแล้ว
อดีตที่ดับไปแล้วไม่ย้อนกลับมาให้รู้อีกและเมื่อไม่รู้ตรงสัจจะก็คือไม่รู้ทั้งหมดเลยจะทำไรก็กำลังขาดฟังอยู่
ขาดฟังเรื่องใหญ่มากเพราะปัญญาแรกแทรกเกิดตามหลังกิเลสตอนเริ่มทำสุตมยปัญญาพอจะนึกออกไหม


อ้างคำพูด:
จิ เจ รุ นิ กำลังเกิดโดยอนัตตา ไม่มีใครทำให้ตัวจริงธัมมะเกิดดับ


คุณโรสเขาพูดอะไรของเขา จิต เจตสิก รูป นิพพาน ...

จิต เจตสิก รูป

เขาเรียกกันว่า คนใช้ไหม

:b1:
คนคืออุปาทานขันธ์ยึดขันธ์ทั้ง5ที่กำลังเกิดดับว่าเป็นตัวตนเป็นอัตตา
:b12:
จิเจรุกำลังเกิดดับทำงานภายในโดยตัวตนไม่ได้ทำให้มันเกิดดับโดยอนัตตา
คือบังคับให้ตั้งอยู่นานๆกว่านี้ก็ไม่ได้จะบังคับให้ไม่เกิดและไม่ดับไม่ได้
เพราะเป็นสภาพทุกขะอริยะสัจจังดับแล้วหายเข้ากลีบเมฆไปแล้ว
:b20:
ส่วนนิพพานไม่เกิดดับสำหรับพระอรหันต์เท่านั้น
ที่เหลือยังมีกิเลสที่ยังไม่ดับมหาศาลขาดปัญญาคือไม่ฟังเพื่อเพิ่มสังขารขันธ์ปรุงความเข้าใจไงคะ
:b11:
:b12: :b16:


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 32 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2, 3  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 59 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร