วันเวลาปัจจุบัน 26 เม.ย. 2024, 01:12  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 134 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5, 6, 7 ... 9  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 มี.ค. 2019, 00:28 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


คนเรา..ความเหนี่ยวนำซาบซึ่ง..ได้ไม่เหมือนกัน


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 มี.ค. 2019, 00:35 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 มี.ค. 2018, 02:56
โพสต์: 2157

โฮมเพจ: maybe
แนวปฏิบัติ: สติปัฎฐาน
งานอดิเรก: กีฬา
สิ่งที่ชื่นชอบ: แบรนด์เเนม
ชื่อเล่น: เม
อายุ: 22
ที่อยู่: Bangkok Thailand

 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
คนเรา..ความเหนี่ยวนำซาบซึ่ง..ได้ไม่เหมือนกัน

ก็บอกไป ตั้งแต่ต้นแล้ว

ว่า พุทโธ ต้องแปลความหมายของพุทโธให้ออก

การไปแปลสวยหรู ยาวเฟื้อย เหมือนเป็นมาลาร้อยยาวเจ็ดศอก

แต่ไม่มี สิ่งสำคัญ ว่า พระพุทธองค์มาเพื่ออะไร สอนอะไรไว้ให้ ทิ้งอะไรไว้ให้

เรยละความสำคัญ ในพระปริยัติที่สอนไป ละการปฎิบัติที่พระพุทธองค์สอนไป

เอาตัวเองเป็นหลัก ว่า ตัวเองร้อยมาลัยได้สวย
สมควรให้เม ชื่นชม

ก็บอกแล้วว่า งานดี ร้อยได้สวยจริงๆน้อค๊ะ

จริงมั๊ยพี่กบ


tongue

จบ เลิฟเจ คาถา น๊ะค๊ะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 มี.ค. 2019, 00:54 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ส.ค. 2018, 07:07
โพสต์: 482

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


โลกสวย เขียน:
Love J. เขียน:
โลกสวย เขียน:
Love J. เขียน:
โลกสวย เขียน:
Love J. เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Love J. เขียน:
โลกสวย เขียน:
เพราะคนมากมาย ไม่เข้าใจว่า พระสาวก จะต้องปฎิบัติ ตามคำสั่ง คำสอน ของพระบรมศาสดา
พระสงฆ์ เป็นผู้ที่เกิดมาโดย พระสัทธรรมอันพระผู้มีพระภาคเจ้า ได้ทรงตรัสไว้ดีแล้ว

หากคำสอนใด ไม่ตรง กับคำสอน ของพระพุทธองค์
คำสอนนั้น เป็นของพระสงฆ์องค์นั้น

ไม่ใช่คำสอนพระบรมศาสดา

ไม่ใช่พระธรรมวินัย ตามที่พระพุทธเจ้าทรงบัญญัติ
และหากคำสอนใด เทียบไม่ตรงกับอรรถ พยัญชนะ ที่พระผุ้มีพระภาคเจ้า
ได้ทรงตรัสไว้ดีแล้ว

คำสอนนั้น ไม่ใช่คำสอนของพระบรมศาสดาสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

สิ่งเหล่านี้ สามารถสอบลงในความสมบูรณ์
ยินยันได้ ด้วยทั้งพระปริยัติ พระอภิธรรม พระสูตร พระธรรมวินัย ของพระบรมศาสดา ค่ะ

พระธรรมที่พระพุทธเจ้า ได้ทรงแสดง
มีความสมบูรณ์ที่สุด พร้อมทั้งอรรถะ พยัญชนะ บริสุทธสูงสุด สมบูรณ์สูงสุด โดยสิ้นเชิง

และพระพุทธองค์ ทรงกำหนดพระธรรม ด้วยอสาธารณญาณ 6
อันมีแต่พระพุทธเจ้าเท่านั้น ไม่มีในสาวกองค์ใดๆ


ความขัดแย้ง กล่าวแย้ง ทั้งๆที่ปฎิบัติไม่ลงรอย ขัดต่อ คำสอนพระบรมศาสดา
สอบลงพระธรรมไม่ได้
ไม่ตรงตามพระพุทธองค์สอน แล้วคิดไปจะดีกว่า ถูกต้องกว่า ตรงกว่า แน่นอนกว่า
กว่าสิ่งที่พระพุทธองค์บัญัติไว้

เป็นไปไม่ได้หรอกค่ะ Impossible



tongue


ครูบาร์อาจารย์ที่ผมเคารพนับถือหลายองค์สอนภาวนาพุทโธ
ผมเกรงว่าจะมีผู้เข้าใจผิดว่าท่านสอนผิด ไ่มได้สอนมรรคผล
ผมจึงแสดงให้เห็นว่าที่ท่านสอนสอดคล้องพระพุทธเจ้าทียบ
เข้าได้ไม่ขัดแย้ง


พุทโธ เป็นเพียงคำกำกับสิ่งที่ใช้ภาวนาพุทโธ อย่าได้คิดเอาคำว่าพุทโธ เป็นที่สิ้นสุดเป็นอันขาด จะถูกสิ่งที่ยึดนั่นหลอกเอา


กำหนดหมายเอาคำว่าพุทโธ เป็นเครื่องระลึกถึง พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นพระอรหันต์ตรัสรู้ชอบได้ด้วยพระองค์เอง เป็นผู้ถึงพร้อมด้วยวิชชาและจรณะ ทรงรู้แจ้งโลก เป็นสารถีฝึกบุรุษ ไม่มีผู้อื่นยิ่งกว่า เป็นศาสดาของเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย เป็นผู้เบิกบานแล้ว เป็นผู้จำแนกธรรม

เมื่อกำหนดหมายเอาไว้ ทำไว้ในใจเอาไว้อย่างนี้แล้ว หมั่นนึกพุทโธ บริกรรมพุทโธในใจ จิตย่อมผ่องใส เกิดความปราโมทย์ ละเครื่องเศร้าหมองแห่งจิตเสียได้ กระทำให้มากแล้ว ย่อมเป็นไปเพื่อความหน่ายโดยส่วนเดียว เพื่อคลายกำหนัด เพื่อความดับ เพื่อความสงบ เพื่อความรู้ยิ่ง เพื่อความตรัสรู้ เพื่อนิพพาน

การนำพุทโธ มาภาวนา มากำกับอารมณ์นั้น เพื่อการปฎิบัตินั้น
จัดว่าเป็นแรกของอนุสติ

ไม่ได้หมายความว่า บริกรรมภาวนาปุ๊ป จะเกิดเป็นสัมมาสติเรย

ไม่ได้หมายความว่าจะเกิดสัมมาสติได้ทุกครั้ง
และสัมมาสติ ไม่ได้ขึ้นอยู่กับอารมณ์ ที่กำลังระลึกได้เท่านั้น
แต่ สัมมาสติจะเกิดเป็นไปได้ ต้องเกิดพร้อมกับ โสภณจิต 18 ดวง

คือ สัทธาเจตสิก
อหิริกะเจตสืก
อโนตัปปะเจตสิก
อโลภะเจตสิก
อโทสะเจตสิก
ตัตรมัชฌัตตาเจตสิก
และยุคลธรรมเจตสิก12ดวง
รวมเป้นเจตสิก 18 ดวง
จึงปรากฎความเบาสงบนุ่มนวลควรแก่การปฎิบัติต่อไปค่ะ

ก้อย่างที่ลุงกรัชกายว่าไว้
คือ เพียงเริ่มต้น ไม่ใช่พุทธโธ แล้วสุดแล้วจบแล้ว ค่ะ

tongue


ใช้บริกรรมพุทโธชำระล้างจิตใจให้บริสุทธิผ่องแผ้ว จิตใจบริสุทธิ์ผ่องแผ้ว
แล้วก็อาศัยจิตใจที่บริสุทธิ์ผ่องแผ้วนั้นพิจารณาเห็นกายในกายอยู่ พิจารณา
เห็นเวทนาในเวทนาอยู่ พิจารณาเห็นจิตในจิตอยู่ มีสติ สัมปชัญญะกำจัด
อภิชชาโทรมนัสในโลกได้ >>> สัมมาสติ


ไม่ว่าจะใช้บริกรรมพุทโธเป็นเครื่องรู้ของจิต หรือใช้เป็นเครื่องระลึกของสติ
หากทำให้มากเจริญให้มากย่อมระงับบาปอกุศลธรรมที่ยังไม่เกิด มิให้เกิดขึ้น
บาปอกุศลธรรมที่เกิดขึ้นแล้วย่อมเสื่อมไป กุศลธรรมที่ยังไม่เกิด ย่อมเกิดมี
ย่อมรักษากุศลธรรมที่เกิดขึ้นแล้วให้ตั้งมั่นและให้เจริญยิ่ง >>> เจตสิกที่เป็นไปเพื่อมรรค


ในมรรคลำดับสุดท้าย หรือ อรหัตมรรคที่ต้องละสังโยชน์เบื้อปลาย ก็อาศัยคำ
บริกรรมพุทโธเป็นเครื่องรู้ของจิต เครื่องระลึกของสติก็อาศัยสติอันอุเบกขาปราณีต
นั้นพิจารณาเพื่อละสังโยชน์เบื้องปลายได้ >>> อาศัยพุทโธได้จนจบกิจ


ผมยอมรับตามตรงว่าที่ผมแสดงนั้น แสดงโดยหลักการเพราะผมไม่ใช่พระอรหันต์
แต่ผมก็มีเหตุผลไม่ใช่ไม่มีเหตุผล อิงอรรถอิงธรรมไม่ใช่ไม่อิงอรรถอิงธรรมก็ลอง
พิจารณา


ไม่จบหรอกค่ะ
คำพูดสวย รวยเหตุผล ค่ะ

แต่ไม่ใช่สายเอก ดังที่พระพุทธองค์ ตรัสไว้ในปัฎฐาน

เพราะอาศัยบัญญัติ มาทำอารมณ์ ตั้งแต่แรก

พระพุทธองค์ตรัสไว้แล้วว่า สภาวะปรมัต์ไม่มีหมายถึงสัตว์บุคคล ผู้ใดเรย

ไม่ใช่อย่างที่คุณ อย่างที่คุณคุ้นเคยไปแปลมาสวยหรู เลิศ ว่าพุทโธ คืออย่างโน้นอย่างนี้
การไปลากเอาอารมณ์สมถะ มาปะปนกัน พยายามทำบัญญัติให้เป็นปรมัตถ์

โดยเฉพาะ การไปเอาอารมณ์สมถะ มาละสังโยชน์ ยิ่งเป็นไปไม่ได้
เพราะตัดได้ด้วย วิปัสสนาญาน จนถึงมรรคญาน ผลญาน
อันเกิดจากการรู้เห็นสภาวะปรมัตถ์ เท่านั้น ค่ะ

บัญญัติ กับปรมัตถ์ เป็นคนละอารมณ์ เอามาปะปนกันไม่ได้

คุณก็พูดเอง ว่าคนทั่วไปแยกไม่ออก ว่าอะไรเป้นบัญญัติ อะไรเป็นปรมัตถ์
แต่ไม่บอกว่า รวมถึงตัวคุณเองด้วยไง
เพราะคุณไม่รู้ตัว ขาดสัมปชัญญะ และสติไป
ว่า ตัวเองก็ยังแยอกไม่ออก ค่ะ

เรยเอามาปะปนกัน เรียงร้อยเป็นมาลา บูชาครู สวยงาม งานดีค่ะ

แต่ไม่ตรง ตามที่พระพุทธองค์ได้บัญญัติค่ะ

tongue


ที่ผมพูด ๆ ด้วยสติสัมปชัญญะ พูดด้วยความสำรวมระวัง พูดโดยอาศัยอิงอรรถอิงธรรม
แม้สงสัยอยากจะถามในข้อที่สงสัยผมก็ยินดีตอบตามที่ตนรู้ตนเข้าใจ หากเห็นว่าข้อไหน
ผมกล่าวขัดแย้งกับคำสอน แล้วผมแก้ไม่ได้กล่าวผิดจริงผมก็พร้อมยอมรับ ปรับแก้อย่าง
ยินดีเต็มใจ


แต่นี้ไม่ถามปัญหากับผมโดยดี กล่าวถึงผมด้วยคำที่ไม่เป็นความจริง ทั้งที่ผมตอบกับคุณ
ด้วยความตั้งใจ ด้วยความพิจารณา ด้วยความระวังคำพูดเพื่อรักษาใจและให้เกียรติอย่าง
นี้ใครกันที่ไม่รู้ตัว ขาดสัมปชัญญะ และสติไปว่า ตัวเองก็ยังแยกไม่ออกครับ


สมถะ วิปัสสนา บัญญัติ ปรมัตถ์ เห็นว่าผมมีความเข้าใจไม่ถูกต้องตรงไหนก็แย้งมาหรือ
ถามมา ผมยินดีตอบตามที่ตนรู้ตนเข้าใจครับ


คุณไม่ได้ตอบตามพระพุทธองค์
แต่ไปตอบตามรู้ตามเข้าใจของตนเอง

ที่เมบอกไป
มากมายก่ายกอง ยังไม่เห็นหรอค๊ะ
ว่า ตนผิดตรงไหนบ้าง

แต่ เมไม่เห็นคุณผิดหรอก เห็นว่า สภาวะของคุณอย่างนั้น คุณก็สมควรเป็นเข่นนั้น ค่ะ

เพราะที่บอกมา ไม่ได้ยอมรับ เพราะปัญญาที่จะเห็นที่จะเข้าใจสภาวะตนเอง ไม่ถึงพอ
เรยไม่รู้ว่า ไม่ตรงตามพระธรรมขนาดไหน

เมไม่ยัดเยียดให้หรอก
เมื่อคุณไม่เห็น ตอนนี้
อนาคต ค่อยระลึกได้เห็นได้เอง
นั่นแหละ จึงแก้ไขตัวเองได้ค่ะ

เอากาลามสูตร ที่คุณเที่ยวบอกประกาศมา ดูตัวเองให้ชัดก่อน
เหตุใด จึงไม่เอาธรรมะที่พระพุทธองค์ประกาศ เป็นหลัก
แต่เอาความรู้ความเข้าใจตนเอง เป็นหลัก

tongue


ผมตอบตามความรู้ความเข้าใจของตนเองเพราะพิจารณาเห็นว่าสอดคล้องเป็นอริยมรรค
สามารถปฏิบัติเพื่อถึงความหลุดพ้นได้จริง อิงอรรถ อิงธรรม

ผมจะเป็นยังไงก็ตามการประมาณในตัวผมว่าสภาวะผมเป็นแบบไหน ปัญญามีแค่ไหนแล้ว
ไปชี้เค้าว่าเป็นอย่างนั้นตามที่ตนพยากรณ์ก็เป็นความประมาท ไม่ฉลาด ไม่เป็นไปเพื่อ
ประโยชน์ มีโทษ ที่กล่าวหาว่าผมพูดไม่ตรงตามพระธรรม ไม่ตรงอย่างไรก็แย้งมาครับ

ผมพิจารณาโดยอาศัยหลักกาลมสูตรแล้ว ว่าการภาวนาพุทโธ ระลึกพุทโธ ดีอย่างนี้ ๆ
ทำให้อริยมรรคเจริญงอกงามแก่เราอย่างนี้ ๆ โดยพิจารณาอิงอรรถ อิงธรรม อิงคำสั่งสอน
ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

แล้วคุณโลกสวยที่กล่าวปรามาสผู้ปฏิบัติโดยการภาวนาพุทโธ ว่าไม่ปฏิบัติตามคำสอน
ว่าไม่ใช่ผู้ปฏิบัติ ปรามาสผมว่าพูดไม่ตรงตามพระธรรม ไม่ฉลาด ใช้หลักอะไรในการ
พิจารณาครับ

หากประกาศว่าตนเป็นผู้ฉลาด ปฏิบัติตามพระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า ปฏิบัติตรง
ก็ควรอาศัยสิ่งที่ตนประกาศเตือนสติตนเองให้สำรวมระวังให้ใช้สติปัญญาในการแสดง
หรือสนทนาพระธรรมคำสอน


กบนอกกะลา :

เขาไม่เอาพุทโธ....ก็อย่าไปดึงดันให้เขามาเอาเลยครับ...

คนเราชอบไม่เหมือนกัน...ได้

Love J. ไม่ได้ชวนครับ เค้ากล่าวถึงผู้ปฏิบัติด้วยบริกรรม พุทโธ
ผมไม่อยากให้คนอื่นเข้าใจผิดจึงชี้แจงเฉย ๆ :b29:



โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 มี.ค. 2019, 02:06 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 มี.ค. 2018, 02:56
โพสต์: 2157

โฮมเพจ: maybe
แนวปฏิบัติ: สติปัฎฐาน
งานอดิเรก: กีฬา
สิ่งที่ชื่นชอบ: แบรนด์เเนม
ชื่อเล่น: เม
อายุ: 22
ที่อยู่: Bangkok Thailand

 ข้อมูลส่วนตัว


Love J. เขียน:
โลกสวย เขียน:
Love J. เขียน:
โลกสวย เขียน:
Love J. เขียน:
โลกสวย เขียน:
Love J. เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Love J. เขียน:
โลกสวย เขียน:
เพราะคนมากมาย ไม่เข้าใจว่า พระสาวก จะต้องปฎิบัติ ตามคำสั่ง คำสอน ของพระบรมศาสดา
พระสงฆ์ เป็นผู้ที่เกิดมาโดย พระสัทธรรมอันพระผู้มีพระภาคเจ้า ได้ทรงตรัสไว้ดีแล้ว

หากคำสอนใด ไม่ตรง กับคำสอน ของพระพุทธองค์
คำสอนนั้น เป็นของพระสงฆ์องค์นั้น

ไม่ใช่คำสอนพระบรมศาสดา

ไม่ใช่พระธรรมวินัย ตามที่พระพุทธเจ้าทรงบัญญัติ
และหากคำสอนใด เทียบไม่ตรงกับอรรถ พยัญชนะ ที่พระผุ้มีพระภาคเจ้า
ได้ทรงตรัสไว้ดีแล้ว

คำสอนนั้น ไม่ใช่คำสอนของพระบรมศาสดาสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

สิ่งเหล่านี้ สามารถสอบลงในความสมบูรณ์
ยินยันได้ ด้วยทั้งพระปริยัติ พระอภิธรรม พระสูตร พระธรรมวินัย ของพระบรมศาสดา ค่ะ

พระธรรมที่พระพุทธเจ้า ได้ทรงแสดง
มีความสมบูรณ์ที่สุด พร้อมทั้งอรรถะ พยัญชนะ บริสุทธสูงสุด สมบูรณ์สูงสุด โดยสิ้นเชิง

และพระพุทธองค์ ทรงกำหนดพระธรรม ด้วยอสาธารณญาณ 6
อันมีแต่พระพุทธเจ้าเท่านั้น ไม่มีในสาวกองค์ใดๆ


ความขัดแย้ง กล่าวแย้ง ทั้งๆที่ปฎิบัติไม่ลงรอย ขัดต่อ คำสอนพระบรมศาสดา
สอบลงพระธรรมไม่ได้
ไม่ตรงตามพระพุทธองค์สอน แล้วคิดไปจะดีกว่า ถูกต้องกว่า ตรงกว่า แน่นอนกว่า
กว่าสิ่งที่พระพุทธองค์บัญัติไว้

เป็นไปไม่ได้หรอกค่ะ Impossible



tongue


ครูบาร์อาจารย์ที่ผมเคารพนับถือหลายองค์สอนภาวนาพุทโธ
ผมเกรงว่าจะมีผู้เข้าใจผิดว่าท่านสอนผิด ไ่มได้สอนมรรคผล
ผมจึงแสดงให้เห็นว่าที่ท่านสอนสอดคล้องพระพุทธเจ้าทียบ
เข้าได้ไม่ขัดแย้ง


พุทโธ เป็นเพียงคำกำกับสิ่งที่ใช้ภาวนาพุทโธ อย่าได้คิดเอาคำว่าพุทโธ เป็นที่สิ้นสุดเป็นอันขาด จะถูกสิ่งที่ยึดนั่นหลอกเอา


กำหนดหมายเอาคำว่าพุทโธ เป็นเครื่องระลึกถึง พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นพระอรหันต์ตรัสรู้ชอบได้ด้วยพระองค์เอง เป็นผู้ถึงพร้อมด้วยวิชชาและจรณะ ทรงรู้แจ้งโลก เป็นสารถีฝึกบุรุษ ไม่มีผู้อื่นยิ่งกว่า เป็นศาสดาของเทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย เป็นผู้เบิกบานแล้ว เป็นผู้จำแนกธรรม

เมื่อกำหนดหมายเอาไว้ ทำไว้ในใจเอาไว้อย่างนี้แล้ว หมั่นนึกพุทโธ บริกรรมพุทโธในใจ จิตย่อมผ่องใส เกิดความปราโมทย์ ละเครื่องเศร้าหมองแห่งจิตเสียได้ กระทำให้มากแล้ว ย่อมเป็นไปเพื่อความหน่ายโดยส่วนเดียว เพื่อคลายกำหนัด เพื่อความดับ เพื่อความสงบ เพื่อความรู้ยิ่ง เพื่อความตรัสรู้ เพื่อนิพพาน

การนำพุทโธ มาภาวนา มากำกับอารมณ์นั้น เพื่อการปฎิบัตินั้น
จัดว่าเป็นแรกของอนุสติ

ไม่ได้หมายความว่า บริกรรมภาวนาปุ๊ป จะเกิดเป็นสัมมาสติเรย

ไม่ได้หมายความว่าจะเกิดสัมมาสติได้ทุกครั้ง
และสัมมาสติ ไม่ได้ขึ้นอยู่กับอารมณ์ ที่กำลังระลึกได้เท่านั้น
แต่ สัมมาสติจะเกิดเป็นไปได้ ต้องเกิดพร้อมกับ โสภณจิต 18 ดวง

คือ สัทธาเจตสิก
อหิริกะเจตสืก
อโนตัปปะเจตสิก
อโลภะเจตสิก
อโทสะเจตสิก
ตัตรมัชฌัตตาเจตสิก
และยุคลธรรมเจตสิก12ดวง
รวมเป้นเจตสิก 18 ดวง
จึงปรากฎความเบาสงบนุ่มนวลควรแก่การปฎิบัติต่อไปค่ะ

ก้อย่างที่ลุงกรัชกายว่าไว้
คือ เพียงเริ่มต้น ไม่ใช่พุทธโธ แล้วสุดแล้วจบแล้ว ค่ะ

tongue


ใช้บริกรรมพุทโธชำระล้างจิตใจให้บริสุทธิผ่องแผ้ว จิตใจบริสุทธิ์ผ่องแผ้ว
แล้วก็อาศัยจิตใจที่บริสุทธิ์ผ่องแผ้วนั้นพิจารณาเห็นกายในกายอยู่ พิจารณา
เห็นเวทนาในเวทนาอยู่ พิจารณาเห็นจิตในจิตอยู่ มีสติ สัมปชัญญะกำจัด
อภิชชาโทรมนัสในโลกได้ >>> สัมมาสติ


ไม่ว่าจะใช้บริกรรมพุทโธเป็นเครื่องรู้ของจิต หรือใช้เป็นเครื่องระลึกของสติ
หากทำให้มากเจริญให้มากย่อมระงับบาปอกุศลธรรมที่ยังไม่เกิด มิให้เกิดขึ้น
บาปอกุศลธรรมที่เกิดขึ้นแล้วย่อมเสื่อมไป กุศลธรรมที่ยังไม่เกิด ย่อมเกิดมี
ย่อมรักษากุศลธรรมที่เกิดขึ้นแล้วให้ตั้งมั่นและให้เจริญยิ่ง >>> เจตสิกที่เป็นไปเพื่อมรรค


ในมรรคลำดับสุดท้าย หรือ อรหัตมรรคที่ต้องละสังโยชน์เบื้อปลาย ก็อาศัยคำ
บริกรรมพุทโธเป็นเครื่องรู้ของจิต เครื่องระลึกของสติก็อาศัยสติอันอุเบกขาปราณีต
นั้นพิจารณาเพื่อละสังโยชน์เบื้องปลายได้ >>> อาศัยพุทโธได้จนจบกิจ


ผมยอมรับตามตรงว่าที่ผมแสดงนั้น แสดงโดยหลักการเพราะผมไม่ใช่พระอรหันต์
แต่ผมก็มีเหตุผลไม่ใช่ไม่มีเหตุผล อิงอรรถอิงธรรมไม่ใช่ไม่อิงอรรถอิงธรรมก็ลอง
พิจารณา


ไม่จบหรอกค่ะ
คำพูดสวย รวยเหตุผล ค่ะ

แต่ไม่ใช่สายเอก ดังที่พระพุทธองค์ ตรัสไว้ในปัฎฐาน

เพราะอาศัยบัญญัติ มาทำอารมณ์ ตั้งแต่แรก

พระพุทธองค์ตรัสไว้แล้วว่า สภาวะปรมัต์ไม่มีหมายถึงสัตว์บุคคล ผู้ใดเรย

ไม่ใช่อย่างที่คุณ อย่างที่คุณคุ้นเคยไปแปลมาสวยหรู เลิศ ว่าพุทโธ คืออย่างโน้นอย่างนี้
การไปลากเอาอารมณ์สมถะ มาปะปนกัน พยายามทำบัญญัติให้เป็นปรมัตถ์

โดยเฉพาะ การไปเอาอารมณ์สมถะ มาละสังโยชน์ ยิ่งเป็นไปไม่ได้
เพราะตัดได้ด้วย วิปัสสนาญาน จนถึงมรรคญาน ผลญาน
อันเกิดจากการรู้เห็นสภาวะปรมัตถ์ เท่านั้น ค่ะ

บัญญัติ กับปรมัตถ์ เป็นคนละอารมณ์ เอามาปะปนกันไม่ได้

คุณก็พูดเอง ว่าคนทั่วไปแยกไม่ออก ว่าอะไรเป้นบัญญัติ อะไรเป็นปรมัตถ์
แต่ไม่บอกว่า รวมถึงตัวคุณเองด้วยไง
เพราะคุณไม่รู้ตัว ขาดสัมปชัญญะ และสติไป
ว่า ตัวเองก็ยังแยอกไม่ออก ค่ะ

เรยเอามาปะปนกัน เรียงร้อยเป็นมาลา บูชาครู สวยงาม งานดีค่ะ

แต่ไม่ตรง ตามที่พระพุทธองค์ได้บัญญัติค่ะ

tongue


ที่ผมพูด ๆ ด้วยสติสัมปชัญญะ พูดด้วยความสำรวมระวัง พูดโดยอาศัยอิงอรรถอิงธรรม
แม้สงสัยอยากจะถามในข้อที่สงสัยผมก็ยินดีตอบตามที่ตนรู้ตนเข้าใจ หากเห็นว่าข้อไหน
ผมกล่าวขัดแย้งกับคำสอน แล้วผมแก้ไม่ได้กล่าวผิดจริงผมก็พร้อมยอมรับ ปรับแก้อย่าง
ยินดีเต็มใจ


แต่นี้ไม่ถามปัญหากับผมโดยดี กล่าวถึงผมด้วยคำที่ไม่เป็นความจริง ทั้งที่ผมตอบกับคุณ
ด้วยความตั้งใจ ด้วยความพิจารณา ด้วยความระวังคำพูดเพื่อรักษาใจและให้เกียรติอย่าง
นี้ใครกันที่ไม่รู้ตัว ขาดสัมปชัญญะ และสติไปว่า ตัวเองก็ยังแยกไม่ออกครับ


สมถะ วิปัสสนา บัญญัติ ปรมัตถ์ เห็นว่าผมมีความเข้าใจไม่ถูกต้องตรงไหนก็แย้งมาหรือ
ถามมา ผมยินดีตอบตามที่ตนรู้ตนเข้าใจครับ


คุณไม่ได้ตอบตามพระพุทธองค์
แต่ไปตอบตามรู้ตามเข้าใจของตนเอง

ที่เมบอกไป
มากมายก่ายกอง ยังไม่เห็นหรอค๊ะ
ว่า ตนผิดตรงไหนบ้าง

แต่ เมไม่เห็นคุณผิดหรอก เห็นว่า สภาวะของคุณอย่างนั้น คุณก็สมควรเป็นเข่นนั้น ค่ะ

เพราะที่บอกมา ไม่ได้ยอมรับ เพราะปัญญาที่จะเห็นที่จะเข้าใจสภาวะตนเอง ไม่ถึงพอ
เรยไม่รู้ว่า ไม่ตรงตามพระธรรมขนาดไหน

เมไม่ยัดเยียดให้หรอก
เมื่อคุณไม่เห็น ตอนนี้
อนาคต ค่อยระลึกได้เห็นได้เอง
นั่นแหละ จึงแก้ไขตัวเองได้ค่ะ

เอากาลามสูตร ที่คุณเที่ยวบอกประกาศมา ดูตัวเองให้ชัดก่อน
เหตุใด จึงไม่เอาธรรมะที่พระพุทธองค์ประกาศ เป็นหลัก
แต่เอาความรู้ความเข้าใจตนเอง เป็นหลัก

tongue


ผมตอบตามความรู้ความเข้าใจของตนเองเพราะพิจารณาเห็นว่าสอดคล้องเป็นอริยมรรค
สามารถปฏิบัติเพื่อถึงความหลุดพ้นได้จริง อิงอรรถ อิงธรรม

ผมจะเป็นยังไงก็ตามการประมาณในตัวผมว่าสภาวะผมเป็นแบบไหน ปัญญามีแค่ไหนแล้ว
ไปชี้เค้าว่าเป็นอย่างนั้นตามที่ตนพยากรณ์ก็เป็นความประมาท ไม่ฉลาด ไม่เป็นไปเพื่อ
ประโยชน์ มีโทษ ที่กล่าวหาว่าผมพูดไม่ตรงตามพระธรรม ไม่ตรงอย่างไรก็แย้งมาครับ

ผมพิจารณาโดยอาศัยหลักกาลมสูตรแล้ว ว่าการภาวนาพุทโธ ระลึกพุทโธ ดีอย่างนี้ ๆ
ทำให้อริยมรรคเจริญงอกงามแก่เราอย่างนี้ ๆ โดยพิจารณาอิงอรรถ อิงธรรม อิงคำสั่งสอน
ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า

แล้วคุณโลกสวยที่กล่าวปรามาสผู้ปฏิบัติโดยการภาวนาพุทโธ ว่าไม่ปฏิบัติตามคำสอน
ว่าไม่ใช่ผู้ปฏิบัติ ปรามาสผมว่าพูดไม่ตรงตามพระธรรม ไม่ฉลาด ใช้หลักอะไรในการ
พิจารณาครับ

หากประกาศว่าตนเป็นผู้ฉลาด ปฏิบัติตามพระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า ปฏิบัติตรง
ก็ควรอาศัยสิ่งที่ตนประกาศเตือนสติตนเองให้สำรวมระวังให้ใช้สติปัญญาในการแสดง
หรือสนทนาพระธรรมคำสอน


กบนอกกะลา :

เขาไม่เอาพุทโธ....ก็อย่าไปดึงดันให้เขามาเอาเลยครับ...

คนเราชอบไม่เหมือนกัน...ได้

Love J. ไม่ได้ชวนครับ เค้ากล่าวถึงผู้ปฏิบัติด้วยบริกรรม พุทโธ
ผมไม่อยากให้คนอื่นเข้าใจผิดจึงชี้แจงเฉย ๆ :b29:



ผมตอบตามความรู้ความเข้าใจของตนเอง

ก็รู้แล้วหล่ะค่ะ

ตนปฎิบัติ ตนผุ้ปฎิบัติ ความรู้ความเข้าใจของตน

แค่ประโยคเดียว สักกายะทิฎฐิล้นเหลือแล้วหละค่ะ

แถมอวดอ้างสรรพคุรต่างๆนานา เอาอารมณ์ สมถะ ตัดสังโยชน์
สักกายะทิฎฐิ รู้จักมั๊ยคะ พระพุทธองค์สอนตัดด้วยสมถะ หรือปรมัตถ์

แถมไม่รู้อีก ว่าครูบาอาจารย์ ที่สอน พุทโธ
ย้ำนักหนา ให้แปลความหมายพุทโธ ให้ออก

ครูบาอาจารย์ท่านสอนมา อุบายท่านไม่ผิด
แต่ คนที่ไปเรียน ตีความหมายไม่ออก
แล้ว อวดฉลาด ทำครูบาอาจารย์เสียซะเอง

แนะนำนะคะ พุทธันดรหน้า ยังมี
ไปเอาพระธรรมพระพุทธเจ้า มาปฎิบัติตาม

ถ้าตอนนี้ไม่เริ่ม

เริ่มใหม่ ตอนนั้น ไม่สายไป ค่ะ

tongue


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 มี.ค. 2019, 04:04 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 มี.ค. 2018, 02:56
โพสต์: 2157

โฮมเพจ: maybe
แนวปฏิบัติ: สติปัฎฐาน
งานอดิเรก: กีฬา
สิ่งที่ชื่นชอบ: แบรนด์เเนม
ชื่อเล่น: เม
อายุ: 22
ที่อยู่: Bangkok Thailand

 ข้อมูลส่วนตัว


พระอภิธรรมมัตถะสังคหะ 9 ปริเฉท
ที่พระอรรถกถาจารย์ พระอนุรธทธาจารย์ ท่านได้ประมวล ปรมัตถธรรม
จากพระอภิธรรม 42000 พระธรรมขันธ์

เป็นสิ่งที่ต้องศึกษา

หากไม่ศึกษาปริยัติ แล้วจะเกิด ปริยัติญาณ ได้อย่างไรกัน

และจะปฎิบัติ ถูกต้องตามพระธรรม ที่พระพุทธเจ้า ได้ทรงแสดงได้อย่างไร

เพราะการศึกษา ปริยัติ ที่ถูกต้องเท่านั้น

จึงเป็นเหตุให้เกิด ปริยัตติญาณ ที่ถูกต้อง ตามพุทธวิชชา

โดย อาศัย ปริยัตติญาณ ที่ถูกต้อง ไปปฎิบัติธรรม

เพื่อให้เกิดปฎิบัตติญาน ตามพุทธวิชชา

แล้วอาศัย ทั้งปริยัติญาณ และปฎิบัติญาณ ไปปฎิบัติ ในปฎิเวธธรรม

เพือให้เกิด ปฎิเวธญาณ ตามที่สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ทรงแสดง ตรงตามพุทธวิชชาแท้จริง

ไม่ยากหรอกค่ะ

กับที่จะตรวจสอบตัวเอง ว่าเรียนมา ปฎิบัติมา ได้ตรง ถูกต้องหรือไม่ ตามพุทธวิชชา หรือเปล่า

เอวัง


tongue

ลาไปทำธุระต่างประเทศ ยังไม่มีกำหนดกลับ ค่ะ
บ๊ายบายน๊ะค๊ะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 มี.ค. 2019, 04:40 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ส.ค. 2018, 07:07
โพสต์: 482

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


โลกสวย เขียน:
พระอภิธรรมมัตถะสังคหะ 9 ปริเฉท
ที่พระอรรถกถาจารย์ พระอนุรธทธาจารย์ ท่านได้ประมวล ปรมัตถธรรม
จากพระอภิธรรม 42000 พระธรรมขันธ์

เป็นสิ่งที่ต้องศึกษา

หากไม่ศึกษาปริยัติ แล้วจะเกิด ปริยัติญาณ ได้อย่างไรกัน

และจะปฎิบัติ ถูกต้องตามพระธรรม ที่พระพุทธเจ้า ได้ทรงแสดงได้อย่างไร

เพราะการศึกษา ปริยัติ ที่ถูกต้องเท่านั้น

จึงเป็นเหตุให้เกิด ปริยัตติญาณ ที่ถูกต้อง ตามพุทธวิชชา

โดย อาศัย ปริยัตติญาณ ที่ถูกต้อง ไปปฎิบัติธรรม

เพื่อให้เกิดปฎิบัตติญาน ตามพุทธวิชชา

แล้วอาศัย ทั้งปริยัติญาณ และปฎิบัติญาณ ไปปฎิบัติ ในปฎิเวธธรรม

เพือให้เกิด ปฎิเวธญาณ ตามที่สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ทรงแสดง ตรงตามพุทธวิชชาแท้จริง

ไม่ยากหรอกค่ะ

กับที่จะตรวจสอบตัวเอง ว่าเรียนมา ปฎิบัติมา ได้ตรง ถูกต้องหรือไม่ ตามพุทธวิชชา หรือเปล่า

เอวัง


tongue

ลาไปทำธุระต่างประเทศ ยังไม่มีกำหนดกลับ ค่ะ
บ๊ายบายน๊ะค๊ะ


q: ผมตอบตามความรู้ความเข้าใจของตนเองก็รู้แล้วหล่ะค่ะ ตนปฎิบัติ ตนผุ้ปฎิบัติ ความรู้ความเข้าใจของตน แค่ประโยคเดียว สักกายะทิฎฐิล้นเหลือแล้วหละค่ะ

a : คนเรามีความรู้ความเข้าใจเป็นของตนเองทุกคนตามที่สั่งสมไว้ในใจไม้เว้นแม้พระอริยเจ้า แม้แต่คำพูดของคุณก็พูดออกมาจากความรู้ความเข้าใจที่สะสมมา การแสดงความรู้ความเข้าใจของตนไม่ใช่สิ่งบ่งชี้สักกายทิฏฐิ สักกายทิฏฐิคือความเห็นผิดว่ารูปนามกายใจนี้เป็นเรา ของเรา ตัวตนเรา ความเห็นอย่างนี้ผมไม่ได้มี

q: แถมอวดอ้างสรรพคุรต่างๆนานา เอาอารมณ์ สมถะ ตัดสังโยชน์ สักกายะทิฎฐิ รู้จักมั๊ยคะ พระพุทธองค์สอนตัดด้วยสมถะ หรือปรมัตถ์
a : ไม่ได้อวดอ้าวกล่าวตามที่ตนเห็นตนเข้าใจตามจริง สักกายทิฏฐิตัดได้ด้วยโสดาปฏิมรรค ต้องอาศัยทั้งความสงบแห่งจิตภายในหรือสมถะ ทั้งเห็นแจ้งธรรมด้วยปัญญาอันยิ่งหรือวิปัสสนา แต่ไม่ได้ใช้ปรมัตถ์ ( ปรมัตถธรรมคือสภาพเนื้อแท้ของธรรม) เป็นการใช้ทั้งสมถะ วิปัสสนา ปหานกิเลสสังโยชน์โดยปรมัตถ์

q: แถมไม่รู้อีก ว่าครูบาอาจารย์ ที่สอน พุทโธย้ำนักหนา ให้แปลความหมายพุทโธ ให้ออก
a : พุทโธ เป็นคำที่สุมมุติขึ้นอยู่กับว่าใครจะให้ความหมายว่าอะไร ส่วนใหญ่ก็หมายถึงพระพุทธเจ้า หมายถึงผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน เมื่อให้ความหมายอย่างนี้เราก็จะมีความรู้สึกยินดีในการบริกรรมพุทโธ ระลึกถึงพุทโธ

q: ครูบาอาจารย์ท่านสอนมา อุบายท่านไม่ผิด แต่ คนที่ไปเรียน ตีความหมายไม่ออก แล้ว อวดฉลาด ทครูบาอาจารย์เสียซะเอง
a : เป็นเรื่องของแต่ละคนคุณไม่ควรเหมารวมแล้วปรามาสผู้ปฏิบัติภาวนาพุทโธไม่ได้ปฏิบัติ ปฏิบัติผิดไม่ตรงตามคำสอน

q: แนะนำนะคะ พุทธันดรหน้า ยังมี ไปเอาพระธรรมพระพุทธเจ้า มาปฎิบัติตาม
a : ?

q: ถ้าตอนนี้ไม่เริ่ม เริ่มใหม่ ตอนนั้น ไม่สายไป ค่ะ
a : คุณครับ เสิ่งที่คุณใช้กล่าวอ้างเพื่อชี้ว่าผมปฏิบัติผิดไม่มีสักข้อที่เป็นสาระธรรม เห็นแต่อ้างนั่นอ้างนี้สารพัด อ้างแม้กระทั่งการการใช้คำพูดที่สวยงาม ว่าปานมาลาร้อยยาเจ็ดศอก แต่บอกไม่ได้ว่าที่ผมกล่าวไม่ตรงอย่างไร แม้อย่างนั้นผมยังรับฟังพิจารณาและอธบายให้คุณฟังตามจริงด้วยความสำรวมระวัง คนสร้างเรือนไม่เป็นไม่เคยสร้างเรือนถือแปรนมา กล่าวตู่ดูหมิ่นคนกำลังสร้างเรือนว่าสร้างผิด ไม่มีทางสำเร็จ

เดินทางปลอดภัย พระคุ้มครองครับ :b29:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 มี.ค. 2019, 05:43 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 มี.ค. 2018, 02:56
โพสต์: 2157

โฮมเพจ: maybe
แนวปฏิบัติ: สติปัฎฐาน
งานอดิเรก: กีฬา
สิ่งที่ชื่นชอบ: แบรนด์เเนม
ชื่อเล่น: เม
อายุ: 22
ที่อยู่: Bangkok Thailand

 ข้อมูลส่วนตัว


เดินทางก่อนหล่ะค่ะ

เด่วหนูจะฝากฝังให้ลุงกรัชกาย เข้ามาตอบให้คุณlove j แทนหนู เต็มเหนี่ยวเรยน๊ะค๊ะ

smiley

บ๊ายบาย

ฝากด้วยน๊ะค๊ะลุงกรัชกาย
จุ๊ฟๆ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 มี.ค. 2019, 07:02 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ส.ค. 2018, 07:07
โพสต์: 482

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


โลกสวย เขียน:
เดินทางก่อนหล่ะค่ะ

เด่วหนูจะฝากฝังให้ลุงกรัชกาย เข้ามาตอบให้คุณlove j แทนหนู เต็มเหนี่ยวเรยน๊ะค๊ะ

smiley

บ๊ายบาย

ฝากด้วยน๊ะค๊ะลุงกรัชกาย
จุ๊ฟๆ


ที่กล่าวมานี้เอามาจากตำรา หรือ คิดเองครับ ผมจะตอบตามที่รู้ ที่เข้าใจ

q : หากไม่ศึกษาปริยัติ แล้วจะเกิดปริยัติญาณได้อย่างไรได้อย่างไร
a : ไม่เคยได้ยินชื่อญาณนี้ ไม่ใช่ญาณเพื่อมรรคผล


q : จะปฎิบัติ ถูกต้องตามพระธรรม ที่พระพุทธเจ้า ได้ทรงแสดงได้อย่างไรเพราะการศึกษา ปริยัติ ที่ถูกต้องเท่านั้น หากไม่ศึกษาปริยัติ แล้วจะเกิด ปริยัติญาณ ได้อย่างไรกันและจะปฎิบัติ ถูกต้องตามพระธรรม ที่พระพุทธเจ้า ได้ทรงแสดงได้อย่างไร
a : คบสัตตบุรุษ ฟังธรรมของสัตตบุรษ โยนิโสมนสิการ ปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม


q : แล้วอาศัย ทั้งปริยัติญาณ และปฎิบัติญาณ ไปปฎิบัติ ในปฎิเวธธรรม เพือให้เกิด ปฎิเวธญาณ ตามที่สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ทรงแสดง ตรงตามพุทธวิชชาแท้จริง ไม่ยากหรอกค่ะ
a : ไปเอามาจากไหน ทั้งปริยัติญาณ ปฏิบัติญาณ ปฏิเวธญาณ แถมว่าไม่ยากหรอกค่ะอีก เข้าใจผิดแล้ว
ที่ถูกคือ อาศัยศีลวิสุทธิ์ เพื่อจิตวิสุทธิ์ >>> จิตวิสุทธิ์ >>> ทิฏฐิวิสุทธิ >>> กังขาวิสุทธิ์ >>> มรรคญาณวิสุทธิ์ >>> ปฏิปทาญาณวิสุทธิ์ >>> ญาณทัศนะวิสุทธิ์


q : กับที่จะตรวจสอบตัวเอง ว่าเรียนมา ปฎิบัติมา ได้ตรง ถูกต้องหรือไม่ ตามพุทธวิชชา หรือเปล่า
a : พระอริยเจ้ามีญาณตรวจสอบตัวเองอยู่แล้ว ต่อให้ไม่เรียนปริยัติเลยเค้าก็พิจารณาเห็นเครื่องร้อยรัดตนเองได้ แต่รู้ได้เฉพาะตนใช้อวดอ้าง หรือแสดงยืนยันให้คนอื่นรู้ว่าตนเป็นพระอริยไม่ได้ หากเอาปริยัติไปประมาณคนอื่นพยากรณ์คนอื่น ก็ประมาทแท้



เดินทางปลอดภัย พระคุ้มครองครับ :b29:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 มี.ค. 2019, 17:28 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 มี.ค. 2018, 02:56
โพสต์: 2157

โฮมเพจ: maybe
แนวปฏิบัติ: สติปัฎฐาน
งานอดิเรก: กีฬา
สิ่งที่ชื่นชอบ: แบรนด์เเนม
ชื่อเล่น: เม
อายุ: 22
ที่อยู่: Bangkok Thailand

 ข้อมูลส่วนตัว


Love J. เขียน:
โลกสวย เขียน:
เดินทางก่อนหล่ะค่ะ

เด่วหนูจะฝากฝังให้ลุงกรัชกาย เข้ามาตอบให้คุณlove j แทนหนู เต็มเหนี่ยวเรยน๊ะค๊ะ

smiley

บ๊ายบาย

ฝากด้วยน๊ะค๊ะลุงกรัชกาย
จุ๊ฟๆ


ที่กล่าวมานี้เอามาจากตำรา หรือ คิดเองครับ ผมจะตอบตามที่รู้ ที่เข้าใจ

q : หากไม่ศึกษาปริยัติ แล้วจะเกิดปริยัติญาณได้อย่างไรได้อย่างไร
a : ไม่เคยได้ยินชื่อญาณนี้ ไม่ใช่ญาณเพื่อมรรคผล


q : จะปฎิบัติ ถูกต้องตามพระธรรม ที่พระพุทธเจ้า ได้ทรงแสดงได้อย่างไรเพราะการศึกษา ปริยัติ ที่ถูกต้องเท่านั้น หากไม่ศึกษาปริยัติ แล้วจะเกิด ปริยัติญาณ ได้อย่างไรกันและจะปฎิบัติ ถูกต้องตามพระธรรม ที่พระพุทธเจ้า ได้ทรงแสดงได้อย่างไร
a : คบสัตตบุรุษ ฟังธรรมของสัตตบุรษ โยนิโสมนสิการ ปฏิบัติธรรมสมควรแก่ธรรม


q : แล้วอาศัย ทั้งปริยัติญาณ และปฎิบัติญาณ ไปปฎิบัติ ในปฎิเวธธรรม เพือให้เกิด ปฎิเวธญาณ ตามที่สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้ทรงแสดง ตรงตามพุทธวิชชาแท้จริง ไม่ยากหรอกค่ะ
a : ไปเอามาจากไหน ทั้งปริยัติญาณ ปฏิบัติญาณ ปฏิเวธญาณ แถมว่าไม่ยากหรอกค่ะอีก เข้าใจผิดแล้ว
ที่ถูกคือ อาศัยศีลวิสุทธิ์ เพื่อจิตวิสุทธิ์ >>> จิตวิสุทธิ์ >>> ทิฏฐิวิสุทธิ >>> กังขาวิสุทธิ์ >>> มรรคญาณวิสุทธิ์ >>> ปฏิปทาญาณวิสุทธิ์ >>> ญาณทัศนะวิสุทธิ์


q : กับที่จะตรวจสอบตัวเอง ว่าเรียนมา ปฎิบัติมา ได้ตรง ถูกต้องหรือไม่ ตามพุทธวิชชา หรือเปล่า
a : พระอริยเจ้ามีญาณตรวจสอบตัวเองอยู่แล้ว ต่อให้ไม่เรียนปริยัติเลยเค้าก็พิจารณาเห็นเครื่องร้อยรัดตนเองได้ แต่รู้ได้เฉพาะตนใช้อวดอ้าง หรือแสดงยืนยันให้คนอื่นรู้ว่าตนเป็นพระอริยไม่ได้ หากเอาปริยัติไปประมาณคนอื่นพยากรณ์คนอื่น ก็ประมาทแท้



เดินทางปลอดภัย พระคุ้มครองครับ :b29:


ปริยัติ [ปะริยัด] แปลว่า การเล่าเรียนพระไตรปิฎก. (ป. ปริยตฺติ).
ญาณ [ยาน,ยา-นะ, ยาน-นะ] (มค. ญาณสก. ชฺญาน) ความรู้, เครื่องรู้, ปัญญา, ปัญญาอันรู้จัก, ปรีชาหยั่งรู้, ปรีชากำหนดรู้
ปริยัตติ +ญาณ จึงแปลว่า ความรู้ อันเกิดจากการศึกษา ในธรรม อันพระผู้มีพระภาคเจ้า ทรงตรัสไว้ดีแล้ว
ซึ่งพื้นๆ ก็คือ แยกออกได้ เป็น สุ จิ ปุ ลิ
เพราะคุณ Love j ไม่ได้เรียนพระปริยัติ ไม่ได้เรียน พระอภิธรรม เรยตื้นเขิน
ไม่รู้ว่า ปริยัตญาณ คืออะไร
ก้าไปเจอ ปริยัตติ + สัจจะ + ญาณ โอยๆๆๆๆ คงยิ่งพิสดาร หนักไปอีก
เพราะคนที่ไม่เรียนพระปริยัติ แบบคุณ Love j ไม่เคยพบเห็น เนาะค๊ะ
เรยมีแต่ปัญญาตื้นเขิน ๆๆ
และซ้ำ ก็ ไม่รู้ซะอีก ว่า
ญาณเหล่านี้ เป็นต้นทาง ก่อให้เกิดและเป็นไปทั้งมรรค ญาณ และ ผลญาณ
รวมทั้งหมด เป็น 73 ญาณ ทั้งของพระพุทธองค์ และ พระสาวก
ไม่ใช่แค่ยกมาได้ กะจิ๊ดริด ตื้นๆ แบบที่คุณยกมา

ตื้นเขินซ้ำอีก ที่กล่าวถึงพระอริยะเจ้าไป โดยไม่รู้ว่า
พระอริยเจ้า พระอรหันต์ พระอนาคามี จะต้องเดินตาม ทางสายเอก คือ สติปัฎฐาน
ตามที่พระพุทธองค์ ได้ทรงแสดงไว้ เท่านั้น
สมถะ ไม่ทำให้เป็นพระอนาคามีบุคคล ได้

พระอริยะเจ้าที่ได้สมถะญาณ ชั้นสูงสุด อย่างท่านอารฬดาบส อุทกดาบส
พระพุทธองค์ ทรงตรัสว่า ฉิบ+ หายนะ เสียแล้ว จากคุณธรรม

ชัดเจนที่สุด แล้วว่า คุณ Love j ไม่ได้เรียนปริยัติ ไม่ได้เรียน พระอภิธรรม ไม่ได้ศึกษาพระไตรปิฎกมาเรย
เรยไม่รู้ เรื่อง สมถะ สมถะ ไม่ใช่พุทธวิชชา มีมาก่อนพระพุทธองค์ จะตรัสรู้

คุณเรยแสดงแต่ความตื้นเขินออกมา แต่ละยก ยกต่อยก แทบทุกหมัดที่ออกมา ก็เพราะว่า

"เพราะผมเข้าใจของผมแบบนี้ "


ps.อาจมาบางช่วง เพราะสัญญานไม่มี


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 มี.ค. 2019, 20:36 
 
ออฟไลน์
สมาชิก ระดับ 6
สมาชิก ระดับ 6
ลงทะเบียนเมื่อ: 17 ส.ค. 2018, 07:07
โพสต์: 482

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


โลกสวย เขียน:
ปริยัติ [ปะริยัด] แปลว่า การเล่าเรียนพระไตรปิฎก. (ป. ปริยตฺติ).
ญาณ [ยาน,ยา-นะ, ยาน-นะ] (มค. ญาณสก. ชฺญาน) ความรู้, เครื่องรู้, ปัญญา, ปัญญาอันรู้จัก, ปรีชาหยั่งรู้, ปรีชากำหนดรู้
ปริยัตติ +ญาณ จึงแปลว่า ความรู้ อันเกิดจากการศึกษา ในธรรม อันพระผู้มีพระภาคเจ้า ทรงตรัสไว้ดีแล้ว
ซึ่งพื้นๆ ก็คือ แยกออกได้ เป็น สุ จิ ปุ ลิ
เพราะคุณ Love j ไม่ได้เรียนพระปริยัติ ไม่ได้เรียน พระอภิธรรม เรยตื้นเขิน
ไม่รู้ว่า ปริยัตญาณ คืออะไร
ก้าไปเจอ ปริยัตติ + สัจจะ + ญาณ โอยๆๆๆๆ คงยิ่งพิสดาร หนักไปอีก
เพราะคนที่ไม่เรียนพระปริยัติ แบบคุณ Love j ไม่เคยพบเห็น เนาะค๊ะ
เรยมีแต่ปัญญาตื้นเขิน ๆๆ
และซ้ำ ก็ ไม่รู้ซะอีก ว่า
ญาณเหล่านี้ เป็นต้นทาง ก่อให้เกิดและเป็นไปทั้งมรรค ญาณ และ ผลญาณ
รวมทั้งหมด เป็น 73 ญาณ ทั้งของพระพุทธองค์ และ พระสาวก
ไม่ใช่แค่ยกมาได้ กะจิ๊ดริด ตื้นๆ แบบที่คุณยกมา

ตื้นเขินซ้ำอีก ที่กล่าวถึงพระอริยะเจ้าไป โดยไม่รู้ว่า
พระอริยเจ้า พระอรหันต์ พระอนาคามี จะต้องเดินตาม ทางสายเอก คือ สติปัฎฐาน
ตามที่พระพุทธองค์ ได้ทรงแสดงไว้ เท่านั้น
สมถะ ไม่ทำให้เป็นพระอนาคามีบุคคล ได้

พระอริยะเจ้าที่ได้สมถะญาณ ชั้นสูงสุด อย่างท่านอารฬดาบส อุทกดาบส
พระพุทธองค์ ทรงตรัสว่า ฉิบ+ หายนะ เสียแล้ว จากคุณธรรม

ชัดเจนที่สุด แล้วว่า คุณ Love j ไม่ได้เรียนปริยัติ ไม่ได้เรียน พระอภิธรรม ไม่ได้ศึกษาพระไตรปิฎกมาเรย
เรยไม่รู้ เรื่อง สมถะ สมถะ ไม่ใช่พุทธวิชชา มีมาก่อนพระพุทธองค์ จะตรัสรู้

คุณเรยแสดงแต่ความตื้นเขินออกมา แต่ละยก ยกต่อยก แทบทุกหมัดที่ออกมา ก็เพราะว่า

"เพราะผมเข้าใจของผมแบบนี้ "


ps.อาจมาบางช่วง เพราะสัญญานไม่มี

โลกสวย : คุณเลยแสดงแต่ความตื้นเขินออกมา แต่ละยก ยกต่อยก แทบทุกหมัดที่ออกมา ก็เพราะว่า " ผมเข้าใจของผมแบบนี้ "
A : เพราะผมตั้งใจในการอ่านสิ่งที่คุณกล่าว และแยกตอบเป็นข้อ ๆ เพื่ออธิบายข้อสงสัย ข้อกล่าวหาของคุณ ข้อปรามาสให้คุณอ่านได้ง่ายและไม่หลงไปจากสาระประเด็น


โลกสวย : เพราะคุณ Love j ไม่ได้เรียนพระปริยัติ ไม่ได้เรียน พระอภิธรรม เรยตื้นเขิน
ไม่รู้ว่า ปริยัตญาณ คืออะไร

A : ผมศึกษาพระปริยัติอยู่มิได้ขาด ยังตื้นเขินอยู่จริง แต่ปริยัติญาณมิได้กล่าวไว้ในพระปริยัติ พระอภิธรรม

โลกสวย : ก้าไปเจอ ปริยัตติ + สัจจะ + ญาณ โอยๆๆๆๆ คงยิ่งพิสดาร หนักไปอีก เพราะคนที่ไม่เรียนพระปริยัติ แบบคุณ Love j ไม่เคยพบเห็น เนาะค๊ะ เรยมีแต่ปัญญาตื้นเขิน ๆๆ และซ้ำ ก็ ไม่รู้ซะอีก ว่า ญาณเหล่านี้ เป็นต้นทาง ก่อให้เกิดและเป็นไปทั้งมรรค ญาณ และ ผลญาณ รวมทั้งหมด เป็น 73 ญาณ ทั้งของพระพุทธองค์ และ พระสาวก ไม่ใช่แค่ยกมาได้ กะจิ๊ดริด ตื้นๆ แบบที่คุณยกมา
A : อันนี้ผมค้นหาในปริยัติไม่เจอ คุณมโนขึ้นเองมาสนับสนุนคำกล่าวผิด ๆ ของตนเองหรือเปล่าครับ แล้วเอาสิ่งมโนนั้นมาดูหมิ่นผมต่าง ๆ ถาเป็นอย่างนี้คำผิด ๆ จะออกมาเรื่อย ๆ คนอื่นๆไม่ได้โง่ทั้งหมด มีคุณฉลาดอยู่คนเดียวนะครับ ผู้รู้ที่เค้ารู้จริงมี ควรมีความละอาย

โลกสวย : ตื้นเขินซ้ำอีก ที่กล่าวถึงพระอริยะเจ้าไป โดยไม่รู้ว่า
พระอริยเจ้า พระอรหันต์ พระอนาคามี จะต้องเดินตาม ทางสายเอก คือ สติปัฎฐานตามที่พระพุทธองค์ ได้ทรงแสดงไว้ เท่านั้นสมถะ ไม่ทำให้เป็นพระอนาคามีบุคคล ได้

A : ข้อนั้นผมไม่เคยกล่าว หากเห็นแล้วเข้าใจว่าผมกล่าวก็ยกขึ้นมา จะได้แก้ด้วยอรรถ ด้วยธรรม

โลกสวย : พระอริยะเจ้าที่ได้สมถะญาณ ชั้นสูงสุด อย่างท่านอารฬดาบส อุทกดาบสพระพุทธองค์ ทรงตรัสว่า ฉิบ+ หายนะ เสียแล้ว จากคุณธรรม
A : ท่านอารฬดาบส อุทกดาบสไม่ใช่พระอริยะเจ้า หยิบท่านขึ้นมากล่าวอ้างเพื่ออะไร

โลกสวย : ชัดเจนที่สุด แล้วว่า คุณ Love j ไม่ได้เรียนปริยัติ ไม่ได้เรียน พระอภิธรรม ไม่ได้ศึกษาพระไตรปิฎกมาเรยไม่รู้ เรื่อง สมถะ สมถะ ไม่ใช่พุทธวิชชา มีมาก่อนพระพุทธองค์ จะตรัสรู้
A : พุทธวิชชาคืออะไร มโนขึ้นเองก็บอกด้วยว่าให้ความหมายอย่างไร
A : พระพุทธเจ้าสอนให้เจริญ สมถะ วิปัสสนา เป็นไปเพื่อวิชชาวิมุติ แม้การเจริญสติปัฏฐาน ๔
สัมมปทาน ๔ อิทธิบาท ๔ อินทรีย์ ๕ พละ ๕ โพชฌงค์ ๗ มรรค ๘ ก็เป็นการเจริญสมถะ-วิปัสสนา


โลกสวย : คุณเลยแสดงแต่ความตื้นเขินออกมา แต่ละยก ยกต่อยก แทบทุกหมัดที่ออกมา
A : เพราะผมตั้งใจในการอ่านสิ่งที่คุณกล่าว และแยกตอบเป็นข้อ ๆ เพื่ออธิบายข้อสงสัย ข้อกล่าวหาของคุณ ข้อปรามาสให้คุณอ่านได้ง่ายและไม่หลงไปจากสาระประเด็น


โลกสวย : ก็เพราะว่า " ผมเข้าใจของผมแบบนี้ "
A : ที่ผมชี้สาธยายให้ฟัง ข้อไหนเห็นว่าผมเข้าใจผิดก็แย้ง ผิดอย่างไรก็บอก
ไม่เห็นต้องว่าผมปัญญากะจิ้ดริด ผมมีปัญญาตื้นเขิน ผมยังไม่ฉลาด ตนฉลาดแล้ว ตนศึกษาปริยัติ อภิธรรม
มันทำให้หลงไปจากสาระ ประเด็น
A : ความไม่รู้ ความเข้าใจผิด เรียนน้อย ด้อยการศึกษไม่ใช่สิ่งน่าอาย การทำ บาป อกุศล ต่างหากควรละอาย


สากจฺฉาย ปญฺญา เวทิตพฺพา
ความมีปัญญา ย่อมรู้ได้จากการสนทนา พุทธศาสนสุภาษิต


สัญญาณมีเมื่อไหร่ก็เข้ามาสนทนาธรรมกันครับ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 มี.ค. 2019, 23:59 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 ก.พ. 2011, 19:56
โพสต์: 1798


 ข้อมูลส่วนตัว


การถกเถียงข้อธรรมมีอยู่ทุกยุคทุกสมัย

s005


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 มี.ค. 2019, 00:31 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 มี.ค. 2018, 02:56
โพสต์: 2157

โฮมเพจ: maybe
แนวปฏิบัติ: สติปัฎฐาน
งานอดิเรก: กีฬา
สิ่งที่ชื่นชอบ: แบรนด์เเนม
ชื่อเล่น: เม
อายุ: 22
ที่อยู่: Bangkok Thailand

 ข้อมูลส่วนตัว


ปฤษฎี เขียน:
การถกเถียงข้อธรรมมีอยู่ทุกยุคทุกสมัย

s005

คือ ยังเป็น สมัยที่พระปริยัติ ยังไม่อันตราธาน ปฎิบัติยังไม่อันตราธานไงค๊ะ
tongue


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 มี.ค. 2019, 00:33 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 มี.ค. 2018, 02:56
โพสต์: 2157

โฮมเพจ: maybe
แนวปฏิบัติ: สติปัฎฐาน
งานอดิเรก: กีฬา
สิ่งที่ชื่นชอบ: แบรนด์เเนม
ชื่อเล่น: เม
อายุ: 22
ที่อยู่: Bangkok Thailand

 ข้อมูลส่วนตัว


Love J. เขียน:
โลกสวย เขียน:
ปริยัติ [ปะริยัด] แปลว่า การเล่าเรียนพระไตรปิฎก. (ป. ปริยตฺติ).
ญาณ [ยาน,ยา-นะ, ยาน-นะ] (มค. ญาณสก. ชฺญาน) ความรู้, เครื่องรู้, ปัญญา, ปัญญาอันรู้จัก, ปรีชาหยั่งรู้, ปรีชากำหนดรู้
ปริยัตติ +ญาณ จึงแปลว่า ความรู้ อันเกิดจากการศึกษา ในธรรม อันพระผู้มีพระภาคเจ้า ทรงตรัสไว้ดีแล้ว
ซึ่งพื้นๆ ก็คือ แยกออกได้ เป็น สุ จิ ปุ ลิ
เพราะคุณ Love j ไม่ได้เรียนพระปริยัติ ไม่ได้เรียน พระอภิธรรม เรยตื้นเขิน
ไม่รู้ว่า ปริยัตญาณ คืออะไร
ก้าไปเจอ ปริยัตติ + สัจจะ + ญาณ โอยๆๆๆๆ คงยิ่งพิสดาร หนักไปอีก
เพราะคนที่ไม่เรียนพระปริยัติ แบบคุณ Love j ไม่เคยพบเห็น เนาะค๊ะ
เรยมีแต่ปัญญาตื้นเขิน ๆๆ
และซ้ำ ก็ ไม่รู้ซะอีก ว่า
ญาณเหล่านี้ เป็นต้นทาง ก่อให้เกิดและเป็นไปทั้งมรรค ญาณ และ ผลญาณ
รวมทั้งหมด เป็น 73 ญาณ ทั้งของพระพุทธองค์ และ พระสาวก
ไม่ใช่แค่ยกมาได้ กะจิ๊ดริด ตื้นๆ แบบที่คุณยกมา

ตื้นเขินซ้ำอีก ที่กล่าวถึงพระอริยะเจ้าไป โดยไม่รู้ว่า
พระอริยเจ้า พระอรหันต์ พระอนาคามี จะต้องเดินตาม ทางสายเอก คือ สติปัฎฐาน
ตามที่พระพุทธองค์ ได้ทรงแสดงไว้ เท่านั้น
สมถะ ไม่ทำให้เป็นพระอนาคามีบุคคล ได้

พระอริยะเจ้าที่ได้สมถะญาณ ชั้นสูงสุด อย่างท่านอารฬดาบส อุทกดาบส
พระพุทธองค์ ทรงตรัสว่า ฉิบ+ หายนะ เสียแล้ว จากคุณธรรม

ชัดเจนที่สุด แล้วว่า คุณ Love j ไม่ได้เรียนปริยัติ ไม่ได้เรียน พระอภิธรรม ไม่ได้ศึกษาพระไตรปิฎกมาเรย
เรยไม่รู้ เรื่อง สมถะ สมถะ ไม่ใช่พุทธวิชชา มีมาก่อนพระพุทธองค์ จะตรัสรู้

คุณเรยแสดงแต่ความตื้นเขินออกมา แต่ละยก ยกต่อยก แทบทุกหมัดที่ออกมา ก็เพราะว่า

"เพราะผมเข้าใจของผมแบบนี้ "


ps.อาจมาบางช่วง เพราะสัญญานไม่มี

โลกสวย : คุณเลยแสดงแต่ความตื้นเขินออกมา แต่ละยก ยกต่อยก แทบทุกหมัดที่ออกมา ก็เพราะว่า " ผมเข้าใจของผมแบบนี้ "
A : เพราะผมตั้งใจในการอ่านสิ่งที่คุณกล่าว และแยกตอบเป็นข้อ ๆ เพื่ออธิบายข้อสงสัย ข้อกล่าวหาของคุณ ข้อปรามาสให้คุณอ่านได้ง่ายและไม่หลงไปจากสาระประเด็น


โลกสวย : เพราะคุณ Love j ไม่ได้เรียนพระปริยัติ ไม่ได้เรียน พระอภิธรรม เรยตื้นเขิน
ไม่รู้ว่า ปริยัตญาณ คืออะไร

A : ผมศึกษาพระปริยัติอยู่มิได้ขาด ยังตื้นเขินอยู่จริง แต่ปริยัติญาณมิได้กล่าวไว้ในพระปริยัติ พระอภิธรรม

โลกสวย : ก้าไปเจอ ปริยัตติ + สัจจะ + ญาณ โอยๆๆๆๆ คงยิ่งพิสดาร หนักไปอีก เพราะคนที่ไม่เรียนพระปริยัติ แบบคุณ Love j ไม่เคยพบเห็น เนาะค๊ะ เรยมีแต่ปัญญาตื้นเขิน ๆๆ และซ้ำ ก็ ไม่รู้ซะอีก ว่า ญาณเหล่านี้ เป็นต้นทาง ก่อให้เกิดและเป็นไปทั้งมรรค ญาณ และ ผลญาณ รวมทั้งหมด เป็น 73 ญาณ ทั้งของพระพุทธองค์ และ พระสาวก ไม่ใช่แค่ยกมาได้ กะจิ๊ดริด ตื้นๆ แบบที่คุณยกมา
A : อันนี้ผมค้นหาในปริยัติไม่เจอ คุณมโนขึ้นเองมาสนับสนุนคำกล่าวผิด ๆ ของตนเองหรือเปล่าครับ แล้วเอาสิ่งมโนนั้นมาดูหมิ่นผมต่าง ๆ ถาเป็นอย่างนี้คำผิด ๆ จะออกมาเรื่อย ๆ คนอื่นๆไม่ได้โง่ทั้งหมด มีคุณฉลาดอยู่คนเดียวนะครับ ผู้รู้ที่เค้ารู้จริงมี ควรมีความละอาย

โลกสวย : ตื้นเขินซ้ำอีก ที่กล่าวถึงพระอริยะเจ้าไป โดยไม่รู้ว่า
พระอริยเจ้า พระอรหันต์ พระอนาคามี จะต้องเดินตาม ทางสายเอก คือ สติปัฎฐานตามที่พระพุทธองค์ ได้ทรงแสดงไว้ เท่านั้นสมถะ ไม่ทำให้เป็นพระอนาคามีบุคคล ได้

A : ข้อนั้นผมไม่เคยกล่าว หากเห็นแล้วเข้าใจว่าผมกล่าวก็ยกขึ้นมา จะได้แก้ด้วยอรรถ ด้วยธรรม

โลกสวย : พระอริยะเจ้าที่ได้สมถะญาณ ชั้นสูงสุด อย่างท่านอารฬดาบส อุทกดาบสพระพุทธองค์ ทรงตรัสว่า ฉิบ+ หายนะ เสียแล้ว จากคุณธรรม
A : ท่านอารฬดาบส อุทกดาบสไม่ใช่พระอริยะเจ้า หยิบท่านขึ้นมากล่าวอ้างเพื่ออะไร

โลกสวย : ชัดเจนที่สุด แล้วว่า คุณ Love j ไม่ได้เรียนปริยัติ ไม่ได้เรียน พระอภิธรรม ไม่ได้ศึกษาพระไตรปิฎกมาเรยไม่รู้ เรื่อง สมถะ สมถะ ไม่ใช่พุทธวิชชา มีมาก่อนพระพุทธองค์ จะตรัสรู้
A : พุทธวิชชาคืออะไร มโนขึ้นเองก็บอกด้วยว่าให้ความหมายอย่างไร
A : พระพุทธเจ้าสอนให้เจริญ สมถะ วิปัสสนา เป็นไปเพื่อวิชชาวิมุติ แม้การเจริญสติปัฏฐาน ๔
สัมมปทาน ๔ อิทธิบาท ๔ อินทรีย์ ๕ พละ ๕ โพชฌงค์ ๗ มรรค ๘ ก็เป็นการเจริญสมถะ-วิปัสสนา


โลกสวย : คุณเลยแสดงแต่ความตื้นเขินออกมา แต่ละยก ยกต่อยก แทบทุกหมัดที่ออกมา
A : เพราะผมตั้งใจในการอ่านสิ่งที่คุณกล่าว และแยกตอบเป็นข้อ ๆ เพื่ออธิบายข้อสงสัย ข้อกล่าวหาของคุณ ข้อปรามาสให้คุณอ่านได้ง่ายและไม่หลงไปจากสาระประเด็น


โลกสวย : ก็เพราะว่า " ผมเข้าใจของผมแบบนี้ "
A : ที่ผมชี้สาธยายให้ฟัง ข้อไหนเห็นว่าผมเข้าใจผิดก็แย้ง ผิดอย่างไรก็บอก
ไม่เห็นต้องว่าผมปัญญากะจิ้ดริด ผมมีปัญญาตื้นเขิน ผมยังไม่ฉลาด ตนฉลาดแล้ว ตนศึกษาปริยัติ อภิธรรม
มันทำให้หลงไปจากสาระ ประเด็น
A : ความไม่รู้ ความเข้าใจผิด เรียนน้อย ด้อยการศึกษไม่ใช่สิ่งน่าอาย การทำ บาป อกุศล ต่างหากควรละอาย


สากจฺฉาย ปญฺญา เวทิตพฺพา
ความมีปัญญา ย่อมรู้ได้จากการสนทนา พุทธศาสนสุภาษิต


สัญญาณมีเมื่อไหร่ก็เข้ามาสนทนาธรรมกันครับ


นี่คือคำให้การผิดๆ ของ คุณ Love j ที่แสดงความปากแข็ง แต่เบาปัญญาตื้นเขินซ้ำซาก ออกมาอีกแล้ว
เพราะไม่เรียนพระอภิธรรม ไม่เรียนปริยัติ
ไม่รู้ว่า
ที่ถูกต้อง ตามพระอภิธรรม อันเป้นคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า นั้น
ญาน ในพระพุทศศาสนา เมื่อจำแนกโดย อุทเทส แล้ว
มี 3 ญาณ
คือ 1 ปริยัตติญาน
2 ปฎิบัติญาณ
3 ปฎิเวธญาณ
และยังสามารถขยาย เป็น นิทเทส และ อตินิทเทส ได้โดยพิศดารอีก มากมาย
คุณ Love j ก็เรยตื้นเขินเบาปัญญาซ้าซาก เพราะ พระอภิธรรม ก็ไม่ได้เรียน พระปริยัติก็ไม่ได้เรียน เรยเข้าใจผิดๆๆ

เอาความมั่ว คิดเองเออเองแบบของ ตนเอง ไปปฎิบัติ
เอาอารมณ์สมถะ มาผสมปนมั่วในสติปัฐานและวิปัสสนา -*ที่บอกไปตั้งแต่ต้นๆแล้ว ว่า
ว่ามั่ว ว่าผิด ไม่ตรงตามคำสอนพระสมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้า ก็พยายามมั่วต่อไป พยายามแถไปเรื่อยๆ
ไม่รู้ว่า สติปัฎฐาน ทำเพื่อเจริญปัญญา จากโลกียะ จากสมถะภาวนา ให้เจริญ เป็นปรมัตถ์ เป็นโลกุตระ
จากผลการปฎิบัติที่ผิดๆ มั่วๆ คิดเองเออเอง ไม่ตรงตามพระไตรปิฎก
ปริยัติเพี้ยน ปฎิบัติเพื้ยน ปฎิเวธแบบคุณเองเพี้ยนๆ ไม่ใช่แบบที่พระบรมศาสดาได้แสดง น้อค่ะ

ที่ยกท่านอาฬารดาบส ท่านอุกทกดาบสมา ก็ยังไม่เข้าใจว่านั่นแหละอริยะเจ้าแบบสมถะของคุณ
ว่า อารมณ์สมถะและฌานที่คุณ พยายามเอามาปนมั่วเป็นสติปัฎฐานวิปัสสนา ตามแบบที่คุณ คิดเองเออเองนั้น
พระพุทธองค์ ตรัสว่า ฉิบหายเสียแล้ว ด้วยคุณธรรม
สมถะ ไม่ใช่พุทธวิชชา มีมาก่อนที่พระพุทธองค์ จะตรัสรู้
นี่คือ ความเบาปัญญา ตื้นเขินซ้ำซากของคุณ Love j ค่ะ
ปริยัติไม่เรียน เรยปฎิบัติผิดเพี้ยน ไม่เหมือนที่พระพุทธองค์แสดงในพระไตรปิกฎค่ะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 มี.ค. 2019, 00:52 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 ก.พ. 2011, 19:56
โพสต์: 1798


 ข้อมูลส่วนตัว


โลกสวย เขียน:
ปฤษฎี เขียน:
การถกเถียงข้อธรรมมีอยู่ทุกยุคทุกสมัย

s005

คือ ยังเป็น สมัยที่พระปริยัติ ยังไม่อันตราธาน ปฎิบัติยังไม่อันตราธานไงค๊ะ
tongue


ครับ smiley


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 05 มี.ค. 2019, 02:39 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 มี.ค. 2018, 02:56
โพสต์: 2157

โฮมเพจ: maybe
แนวปฏิบัติ: สติปัฎฐาน
งานอดิเรก: กีฬา
สิ่งที่ชื่นชอบ: แบรนด์เเนม
ชื่อเล่น: เม
อายุ: 22
ที่อยู่: Bangkok Thailand

 ข้อมูลส่วนตัว


เอาไปดู สักหน่อยมั๊ยค๊ะ ว่ามันมั่วมาตั้งแต่ไหน ?
ที่ไปจัดไปเตรียม สติเจตสิก มาตั้งท่าคอย ตั้งแต่ไหน ?



Love j กล่าวว่า
" ไม่ว่าจะใช้บริกรรมพุทโธเป็นเครื่องรู้ของจิต หรือใช้เป็นเครื่องระลึกของสติ
หากทำให้มากเจริญให้มากย่อมระงับบาปอกุศลธรรมที่ยังไม่เกิด มิให้เกิดขึ้น
บาปอกุศลธรรมที่เกิดขึ้นแล้วย่อมเสื่อมไป กุศลธรรมที่ยังไม่เกิด ย่อมเกิดมี
ย่อมรักษากุศลธรรมที่เกิดขึ้นแล้วให้ตั้งมั่นและให้เจริญยิ่ง >>> เจตสิกที่เป็นไปเพื่อมรรค"



เพราะไม่รู้ว่า สติปัฎฐานนั้น เค้าทำกันยังไง เจตสิกนั้น เกิดขึ้นกันตรงไหน

ผิดเพี้ยน ไม่ตรงกับพระอภิธรรม พระธรรมที่พระพุทธองค์ทรงแสดงขนาดไหน ?
อย่างมหาศาล ตรงไหน ?

เพราะพระพุทธเจ้าตรัสว่า
จิต สติเจตสิก สมาธิเจตสิก ในสติปัฎฐานวิปัสสนา
เป็น สหชาติปัจจัย
เป็น อัญญัญญะปัจจัย
เป็นสัมปยุตตปัจจัย
ที่ต้องเกิด พร้อมกัน ดับพร้อมกัน และรุ้อารมณ์เดียวกัน
ท่องไว้ไว้เรยน๊ะค๊ะ ว่าต้อง เกิดดับ พร้อมกัน เกิดดับพร้อมกันๆๆๆๆๆๆๆๆ ท่องไปสักพันครั้ง แล้วคุณ จะได้จำได้
และจะได้ รู้ว่า
ไม่ใช่ ประดิษฐฺประดอยเจตสิก ตั้งท่า คอยท่า อย่างที่คุณเพ้อเจ้อ พร่ำพรรณามา

เม เรยบอกว่า มาลัยเจ้ดสี คุณร้อยเรียงได้สวย งานดี
แต่ ไม่ตรงพระธรรมที่พระผุ้มีพระภาคเจ้า ทรงแสดงไว้
แต่ไม่เป้นไรหรอกค่ะ ที่แถไปเรือยๆ เพราะคุณ Love j ได้เป็นตัวอย่าง
ผู้ที่หลงตัวเอง ไปสรรหา พระธรรม มาเพื่อเข้าข้างตัวเอง ไม่ศึกษาพระธรรม ตามที่พระพุทธองค์สอนมา ค่ะ


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 134 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5, 6, 7 ... 9  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 116 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร