วันเวลาปัจจุบัน 26 เม.ย. 2024, 02:15  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 30 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 ก.พ. 2019, 20:01 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ให้ดูการปฏิบัติอีกตัวอย่างหนึ่ง ไม่แยกแยะ แต่ถ้าเรียนในห้องเรียน เพื่อจะไปสอบวัดความรู้ ต้องแยกจิต,เจตสิกเป็น เพื่อเตรียมไว้ตอบคำถามในสนามสอบ


นั่งสมาธิจาก...แล้วเหมือนมีเข็มร้อยเล่มในหัว

ดิฉันฝึกหัดนั่งสมาธิวิปัสสนาแนวทางท่าน (...) คือนั่งดูลมหายใจเข้าออกเฉยๆ ไม่บริกรรม และให้ดูเวทนาที่เกิดในร่างกายแล้วให้มีอุเบกขา

คอร์สแรกที่ดิฉันไปศึกษาเรียนรู้เป็นเวลา10 วัน และหลังจากนั้นดิฉันก็กลับมาปฎิบัติที่บ้าน สม่ำเสมอ วันละหลายครั้ง บางทีก็หลายชั่วโมงติดต่อกัน

ล่วงเข้ามาประมาณเดือนที่ 3 ดิฉันมีอาการ ร้อนที่ร่างกายทุกส่วน และเกิดอาการปวดศีรษะเหมือนมีเข็มเป็น ร้อยๆเล่มอยู่ในหัว บางที แข็ง ตึง มึน ทึบอยู่ในหัว จนยากที่จะอธิบาย จนขนาดต้องไปเอกซ์เรย์แต่ไม่มีอะไรผิดปรกติ

อาการมันลงมาที่มือข้างซ้าย และ กรามบน ขมับ 2 ข้าง เหมือนมีกระแสไฟฟ้าวิ่งอยู่ตลอดเวลาเป็นที่ทรมานมาก

ระยะ หลังมาดิฉันก็เลยนั่งบ้างไม่นั่งบ้าง เพราะปวดหัวเหลือเกิน บาง อาการไม่สามารถบอกมาเป็นตัวอักษรได้ว่ารู้สึกอย่างไร อาการเป็นตลอด เวลา 2 - 4 ชั่วโมง ทั้งหลับทั้งตื่น ไม่รู้จะทำอย่างไร ก็ไปหาหมอฝังเข็ม ฝังมา 9 ครั้ง ไม่มีทีท่าว่าจะทุเลา อาการยังมี ตลอด ดิฉันก็ได้แต่อุเบกขา ทำใจไป คิดไปต่างๆนานา เวลานั่งก็ขออุทิศให้เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายทั้งปวง

ตอนนี้นับระยะเวลาเป็นมากว่า 2 ปี ได้แต่หวังว่าผู้รู้ทั้งหลายคงช่วยอนุเคราะห์คนมีกรรมคนนี้ด้วย ขอได้โปรดเมตตาช่วยด้วยนะคะ

(สอนภาวนานั้น คนรู้วิธีก็สอนเขาได้บอกกันได้ แต่ข้อสำคัญผู้สอนต้องรู้วิธีแก้อารมณ์ภาคปฏิบัติเป็นด้วย มิฉะนั้น จะศรีธัญญา)

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 ก.พ. 2019, 20:37 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


หลักธรรมที่สุดทางแล้ว ท่านเปรียบธรรมว่าเสมือนแพ ให้ดูเฉยๆ หากกำลังเดินทางก็เดินต่อไป อย่าเลียนแบบ

มรรค ในฐานะอุปกรณ์สำหรับใช้ มิใช่สำหรับยึดถือ หรือแบกโก้ไว้

"ภิกษุทั้งหลาย เปรียบเหมือนบุรุษผู้เดินทางไกล พบห้วงน้ำใหญ่ ฝั่งข้างนี้ น่าหวาดระแวง น่ากลัวภัย
แต่ฝั่งข้างโน้น ปลอดโปร่ง ไม่มีภัย ก็แล เรือ หรือ สะพาน สำหรับข้ามไปฝั่งโน้น ก็ไม่มี
บุรุษนั้นพึงดำริว่า ห้วงน้ำนี้ใหญ่ ฝั่ง ข้างนี้ น่าหวาดระแวง ...ถ้ากระไร เราพึงเก็บรวมเอาหญ้า
ท่อนไม้ กิ่งไม้ และใบไม้ มาผูกเป็นแพ แล้วอาศัยแพนั้น พยายามเอาด้วยมือและเท้า พึงข้ามถึงฝั่งโน้นได้โดยสวัสดี"

"คราวนั้น เขาจึง...ผูกแพ...ข้ามถึงฝั่งโน้นโดยสวัสดี ครั้น เขาได้ข้ามไป ขึ้นฝั่งข้างโน้นแล้ว ก็มีความดำริว่า แพนี้ มีอุปการะแก่เรามากแท้ เราอาศัยแพนี้...ถ้ากระไร เราพึงยกแพนี้ขึ้นเทินบนหัว หรือ แบกขึ้นบ่าไว้ ไปตามความปรารถนา"

"ภิกษุทั้งหลาย เธอทั้งหลายจะเห็นเป็นเช่นไร ? บุรุษนั้น ผู้กระทำอย่างนี้ จะชื่อว่า เป็นผู้กระทำถูกหน้าที่ต่อแพนั้น หรือไม่?"

(ภิกษุทั้งหลาย ทูลตอบว่า ไม่ถูก จึงตรัสต่อไปว่า)

"บุรุษนั้นทำอย่างไร จึงจะชื่อว่าทำถูกหน้าที่ต่อแพนั้น ? ในเรื่องนี้ บุรุษนั้น เมื่อได้ข้ามไปถึงฝั่งโน้นแล้ว
มีความดำริว่า แพนี้ มีอุปการะแก่เรามากแท้... ถ้ากระไร เราพึงยกแพนี้ขึ้นไว้บนบก หรือผูกให้ลอยอยู่ในน้ำ แล้วจึงไปตามปรารถนา บุรุษนั้นกระทำอย่างนี้ จึงจะชื่อว่า เป็นผู้กระทำถูกหน้าที่ต่อแพนั้น นี้ฉันใด"

"ธรรมก็มีอุปมาเหมือนแพ เราแสดงไว้ เพื่อมุ่งหมายให้ใช้ข้ามไป มิใช่เพื่อให้ยึดถือไว้ ฉันนั้น
เมื่อเธอทั้งหลาย รู้ทั่วถึงธรรม อันมีอุปมาเหมือนแพที่เราแสดงแล้ว พึงละเสียแม้ซึ่งธรรมทั้งหลาย
จะป่วยกล่าวไปใยถึงอธรรมเล่า" *(ม.มู.12/280/270)


"ภิกษุทั้งหลาย ทิฏฐิ (ทฤษฎี หลักการ ความเข้าใจธรรม) ที่บริสุทธิ์ถึงอย่างนี้ ผุดผ่องถึงอย่างนี้
ถ้าเธอทั้งหลาย ยังยึดติดอยู่ เริงใจกระหยิ่มอยู่ เฝ้าถนอมอยู่ ยึดถือว่าเป็นของเราอยู่
เธอทั้งหลาย จะพึงรู้ทั่วถึงธรรม ที่เราแสดงแล้ว เพื่อมุ่งหมายให้ใช้ข้ามไป มิใช่เพื่อให้ยึดถือเอาไว้ ได้ละหรือ" (ม.มู.12/445/479)

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 ก.พ. 2019, 20:41 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


พุทธพจน์ทั้งสองแห่งนี้ นอกจากเป็นเครื่องเตือนไม่ให้ยึดมั่นในธรรมทั้งหลาย (แม้ที่เป็นความจริง ความถูกต้อง) โดยมิได้ถือเอาประโยชน์จากธรรมเหล่านั้นตามความหมาย คุณค่า และประโยชน์ตามความเป็นจริงของมันแล้ว

ข้อที่สำคัญยิ่งก็คือ เป็นการย้ำให้มองเห็นธรรมทั้งหลาย ในฐานะเป็นอุปกรณ์ หรือวิธีการที่จะนำไปสู่จุดหมาย มิใช่สิ่งลอยๆ หรือจบในตัว

ด้วยเหตุนี้ เมื่อปฏิบัติธรรมข้อใดข้อหนึ่ง จะต้องรู้ตระหนักชัดเจนถึงวัตถุประสงค์ของธรรมนั้น พร้อมทั้งความสัมพันธ์ของมันกับธรรมอย่างอื่นๆ ในการดำเนินไปสู่วัตถุประสงค์นั้น

วัตถุประสงค์ในที่นี้ มิได้หมายเพียงวัตถุประสงค์ทั่วไปในขั้นสุดท้ายเท่านั้น แต่หมายถึงวัตถุประสงค์เฉพาะตัวของธรรมข้อนั้นๆ เป็นสำคัญ ว่าธรรมข้อนั้นปฏิบัติ เพื่อช่วยสนับสนุนหรือให้เกิดธรรมข้อใด จะไปสิ้นสุดลงที่ใด มีธรรมใดรับช่วงต่อไป ดังนี้เป็นต้น

เหมือนการเดินทางไกลที่ต่อยานพาหนะหลายทอด และอาจใช้ยานพาหนะต่างกัน ทั้งทางบก ทางน้ำ ทางอากาศ จะรู้คลุมๆ เพียงว่าจะไปสู่จุดหมายปลายทางที่นั่นๆ เท่านั้นไม่ได้ จะต้องรู้ด้วยว่า ยานแต่ละทอดแต่ละอย่างนั้น ตนกำลังอาศัยเพื่อไปถึงที่ใด ถึงที่นั้นแล้ว จะอาศัยยานใดต่อไป ดังนี้ เป็นต้น *

การปฏิบัติธรรมที่ขาดความตระหนักในวัตถุประสงค์ ความเป็นอุปกรณ์ และความสัมพันธ์กับธรรมอื่นๆ ย่อมกลายเป็นการปฏิบัติที่เลื่อนลอย คับแคบ ตัน และที่ร้ายยิ่งคือ ทำให้เขวออกนอกทาง ไม่ตรงจุดหมาย และกลายเป็นธรรมที่เฉื่อยชา เป็นหมัน ไม่แล่นทำการ ไม่ออกผลที่หมาย

เพราะการปฏิบัติอย่างไร้จุดหมายเช่นนี้ ความไขว้เขว และผลเสียหายต่างๆ จึงเกิดขึ้นแก่หลักธรรมสำคัญๆ เช่น สันโดษ อุเบกขา เป็นต้น


ที่อ้างอิง *

* พระสูตรที่ช่วยเน้นข้อความที่กล่าวมานี้ ได้แก่ รถวินีตสูตร ม.มู.12/292-300/287-297 ซึ่งแสดงให้เห็นวัตถุประสงค์ทั่วไป และวัตถุประสงค์เฉพาะของธรรมแต่ละอย่าง ตามลำดับวิสุทธิ ๗


.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 ก.พ. 2019, 22:03 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 มี.ค. 2018, 02:56
โพสต์: 2157

โฮมเพจ: maybe
แนวปฏิบัติ: สติปัฎฐาน
งานอดิเรก: กีฬา
สิ่งที่ชื่นชอบ: แบรนด์เเนม
ชื่อเล่น: เม
อายุ: 22
ที่อยู่: Bangkok Thailand

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
โลกสวย เขียน:
กรัชกาย เขียน:
โลกสวย เขียน:
กรัชกาย เขียน:
ความหมายคำว่า "วิปัสสนา"

วิปัสสนา ความเห็นแจ้ง คือ เห็นตรงต่อความเป็นจริงของสภาวธรรม;
ปัญญาที่เห็นไตรลักษณ์อันให้ถอนความหลงผิดรู้ผิดในสังขารเสียได้, การฝึกอบรมปัญญาให้เกิดความเห็นแจ้ง รู้ชัดภาวะ ของสิ่งทั้งหลายตามที่มันเป็น


s006 เอ่?

การปฎิบัติวิปัสสนา ก็ต้องอาศัยโสภณเจตสิก 19 ดวง ปัญญาเจตสิก 1ดวง
ืีที่มีนามปรมัตถ์ รูปปรมัตถ์ ทีกำลังปรากฎเฉพาะหน้าเป็นอารมณ์
เป็นสัมมาสติในกุศลชวนะประกอบด้วยน้อคะ

เอะอะ จะนั่งคิดนอนคิดนอนคิด เพราะเพียงอาศัยสติสี่แบบ
โดยไม่เป็นสัมมาสติ และไม่มีนามรูปปรมัตถ์เป็นอารมณ์
ไม่ลงอริยะสัจ ไม่ลงไตรลัษณ์
ไม่ใช่การอบรมวิปัสสนา หล่ะมั๊งค๊ะ ?

ไปนั่งคิดพันเที่ยวหมื่นเที่ยว ไม่เพิกถอนบัญญัติออกไป
ก็พิจารณาไม่ขาด น้อ

เพราะถ้าไม่ตรงตามพระปริยัติที่พระผุ้มีพระภาคเจ้าทรงแสดง
ก็ไม่ได้รู้แจ้งในธรรมรส รู้เพียงอรรถรส มั๊งคะ?

s006 เอ่? s006


นั่งคิดเอาอย่างนั้นนั่นเท่านี้ นี่เท่านั้น จะว่า ธรรมรสก็ไม่ใช่ อรรถรสก็ม่ายช่าย อย่างนั้นจะให้เรียกว่าอะไร เรียกว่าสัปรด คิกๆๆ

s006 เอ่?

ก็ดีกว่าไม่เป้นสับปะรด

คริคริ


นึกไว้แล้วว่าต้องออกช่องนี้ :b1: ตอนปฏิบัติจริงๆ เขามิได้นั่งแยกแยะว่า สังขาร (เจตสิก) ฝ่ายดี (กุศล) มีเท่าไหร่ อะไรบ้าง ฝ่ายไม่ดี (อกุศล) มีเท่าไหร่ อะไรบ้าง ไม่ใช่เบย ถ้านั่งแยกอย่างนั้นนะ เท่ากับว่า นั่งคิดฟุ้งไป ตัวอย่างนี้ ซึ่งไม่ต้องแยกแยะอะไร ทำไปปฏิบัติไปตามวิธี

แฟนเป็นคนที่เสเพลมาก กินเหล้า แบบว่าไม่ได้เรื่องน่ะค่ะ

แต่มีหมอดูหลายท่านทักว่าถ้าแฟนได้ศึกษาธรรมะอย่างจริงจังจะบวชไม่สึกตลอดชีวิต

ตอนแรกดิฉันคบกับแฟนก็ไม่ทราบหรอกนะคะว่ามีหมอดูเคยทักไว้กับพ่อแม่แฟน

ดิฉันเป็นคนชอบทำบุญทำทาน นั่งสมาธิและสวดมนต์ แฟน ก็ทำตามดิฉันเพราะดิฉันบังคับแรกๆเมื่อไม่กี่วันนี้พาแฟนไปนั่งสมาธิมา (แบบยุบหนอพองหนอ) แค่ไม่กี่ชั่วโมง แฟนดิฉันก็ผิดปกติไปค่ะ

เค้าตื่นมาจากสมาธิ เค้าถามดิฉันว่า รู้สึกถึงลมหายใจที่ชัดเห็น เค้ารู้สึก ว่า ส่วนท้องเค้ามันยุบลงไปแค่ไหนอย่างไร เวลาหายใจเข้าออก เวลาเดินจงกรม เค้ารู้สึกถึงเท้าที่ย่ำลงพื้นว่าส่วนไหนที่กระทบพื้นชัดเจน

เค้าถามดิฉันว่ามันคืออะไร ดิฉันได้แต่นั่ง ไม่เคยเป็นแบบนี้เลยค่ะ

กลับมาจากวัดเค้าพูดว่า เค้าสดชื่น จับพวงมาลัยรถรู้ว่า มือเค้าจับพวงมาลัย รู้สึกชัดเจนมากๆ มีสติ
เค้าบอกเค้าเข้าใจถึงคำว่า ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบานว่ามันมีจริงๆ เหมือนคนใส่เเว่นมัวๆมาแล้วเช็ดจนมันใสชัดเจน


เค้าพูดแต่เรื่องนั่งสมาธิ กลับมาเค้าไม่ดื่มเหล้า สวดมนต์ นั่งสมาธิ ยิ้ม ใจเย็นและดูจะอิ่มบุญมากมาหลายวันแล้วค่ะ

ดิฉันดีใจค่ะ ที่เค้าเป็นแบบนี้ เค้าบอกเค้ากลัวที่ไปสูบบุหรี่ หรือ กินเหล้าอีก ความรู้สึกแบบนี้จะหายไป
เค้ากำลังเข้าถึงสมาธิใช่ไหมคะ ดิฉันจะพาเค้าไปนั่งบ่อยๆเค้าจะได้เป็นคนดี

ดิฉันอยากนั่งได้แบบเค้าจังเลยค่ะ ทำมาตั้งนานก็ยังไม่เป็นเหมือนเค้า เค้านั่งแป๊บเดียวเองไม่เคยสนใจเรื่องนี้ด้วย
มันน่าน้อยใจนัก!!


s006 เอ่?

เค้าไปเข้าบำบัดน้อ

เห็นม๊ะน้อ หมอดูยังดูออกเรย ว่า
ถ้าได้ศึกษาธรรมะอย่างจริงๆ จะบวชไม่สึก

ไม่ได้ศึกษาจริงๆ ไม่ได้ปฎิบัติ แค่แค่บำบัด

การศึกษา การปฎิบัติต้องตรงตามพระปริยัติตามที่พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแสดงเท่านั้นน๊อค๊ะ
s006


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 ก.พ. 2019, 22:10 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 มี.ค. 2018, 02:56
โพสต์: 2157

โฮมเพจ: maybe
แนวปฏิบัติ: สติปัฎฐาน
งานอดิเรก: กีฬา
สิ่งที่ชื่นชอบ: แบรนด์เเนม
ชื่อเล่น: เม
อายุ: 22
ที่อยู่: Bangkok Thailand

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
ให้ดูการปฏิบัติอีกตัวอย่างหนึ่ง ไม่แยกแยะ แต่ถ้าเรียนในห้องเรียน เพื่อจะไปสอบวัดความรู้ ต้องแยกจิต,เจตสิกเป็น เพื่อเตรียมไว้ตอบคำถามในสนามสอบ


นั่งสมาธิจาก...แล้วเหมือนมีเข็มร้อยเล่มในหัว

ดิฉันฝึกหัดนั่งสมาธิวิปัสสนาแนวทางท่าน (...) คือนั่งดูลมหายใจเข้าออกเฉยๆ ไม่บริกรรม และให้ดูเวทนาที่เกิดในร่างกายแล้วให้มีอุเบกขา

คอร์สแรกที่ดิฉันไปศึกษาเรียนรู้เป็นเวลา10 วัน และหลังจากนั้นดิฉันก็กลับมาปฎิบัติที่บ้าน สม่ำเสมอ วันละหลายครั้ง บางทีก็หลายชั่วโมงติดต่อกัน

ล่วงเข้ามาประมาณเดือนที่ 3 ดิฉันมีอาการ ร้อนที่ร่างกายทุกส่วน และเกิดอาการปวดศีรษะเหมือนมีเข็มเป็น ร้อยๆเล่มอยู่ในหัว บางที แข็ง ตึง มึน ทึบอยู่ในหัว จนยากที่จะอธิบาย จนขนาดต้องไปเอกซ์เรย์แต่ไม่มีอะไรผิดปรกติ

อาการมันลงมาที่มือข้างซ้าย และ กรามบน ขมับ 2 ข้าง เหมือนมีกระแสไฟฟ้าวิ่งอยู่ตลอดเวลาเป็นที่ทรมานมาก

ระยะ หลังมาดิฉันก็เลยนั่งบ้างไม่นั่งบ้าง เพราะปวดหัวเหลือเกิน บาง อาการไม่สามารถบอกมาเป็นตัวอักษรได้ว่ารู้สึกอย่างไร อาการเป็นตลอด เวลา 2 - 4 ชั่วโมง ทั้งหลับทั้งตื่น ไม่รู้จะทำอย่างไร ก็ไปหาหมอฝังเข็ม ฝังมา 9 ครั้ง ไม่มีทีท่าว่าจะทุเลา อาการยังมี ตลอด ดิฉันก็ได้แต่อุเบกขา ทำใจไป คิดไปต่างๆนานา เวลานั่งก็ขออุทิศให้เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายทั้งปวง

ตอนนี้นับระยะเวลาเป็นมากว่า 2 ปี ได้แต่หวังว่าผู้รู้ทั้งหลายคงช่วยอนุเคราะห์คนมีกรรมคนนี้ด้วย ขอได้โปรดเมตตาช่วยด้วยนะคะ

(สอนภาวนานั้น คนรู้วิธีก็สอนเขาได้บอกกันได้ แต่ข้อสำคัญผู้สอนต้องรู้วิธีแก้อารมณ์ภาคปฏิบัติเป็นด้วย มิฉะนั้น จะศรีธัญญา)


s006 เอ่?

วิธีที่ไม่ตรงตามที่พระพุทธองค์ทรงแสดงวิปัสสนา

แต่ไปเป็นโลกียะ สันฐานบัญญัติ
ไม่มีปรมัตถ์ อารมณ์

ทำผิด จากพระธรรมที่ทรงแสดงไว้ในพระไตรปิฎก

จะมาเรียก วิปัสสนา ได้ยังไงน๊อ
ก็คนละแบบกะที่พระพุทธองค์สอนชัดๆ

เอ่? s006 เม ล๊ะอายแทนเรย น๊อ cry


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 มี.ค. 2019, 05:29 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


โลกสวย เขียน:
กรัชกาย เขียน:
ให้ดูการปฏิบัติอีกตัวอย่างหนึ่ง ไม่แยกแยะ แต่ถ้าเรียนในห้องเรียน เพื่อจะไปสอบวัดความรู้ ต้องแยกจิต,เจตสิกเป็น เพื่อเตรียมไว้ตอบคำถามในสนามสอบ


นั่งสมาธิจาก...แล้วเหมือนมีเข็มร้อยเล่มในหัว

ดิฉันฝึกหัดนั่งสมาธิวิปัสสนาแนวทางท่าน (...) คือนั่งดูลมหายใจเข้าออกเฉยๆ ไม่บริกรรม และให้ดูเวทนาที่เกิดในร่างกายแล้วให้มีอุเบกขา

คอร์สแรกที่ดิฉันไปศึกษาเรียนรู้เป็นเวลา10 วัน และหลังจากนั้นดิฉันก็กลับมาปฎิบัติที่บ้าน สม่ำเสมอ วันละหลายครั้ง บางทีก็หลายชั่วโมงติดต่อกัน

ล่วงเข้ามาประมาณเดือนที่ 3 ดิฉันมีอาการ ร้อนที่ร่างกายทุกส่วน และเกิดอาการปวดศีรษะเหมือนมีเข็มเป็น ร้อยๆเล่มอยู่ในหัว บางที แข็ง ตึง มึน ทึบอยู่ในหัว จนยากที่จะอธิบาย จนขนาดต้องไปเอกซ์เรย์แต่ไม่มีอะไรผิดปรกติ

อาการมันลงมาที่มือข้างซ้าย และ กรามบน ขมับ 2 ข้าง เหมือนมีกระแสไฟฟ้าวิ่งอยู่ตลอดเวลาเป็นที่ทรมานมาก

ระยะ หลังมาดิฉันก็เลยนั่งบ้างไม่นั่งบ้าง เพราะปวดหัวเหลือเกิน บาง อาการไม่สามารถบอกมาเป็นตัวอักษรได้ว่ารู้สึกอย่างไร อาการเป็นตลอด เวลา 2 - 4 ชั่วโมง ทั้งหลับทั้งตื่น ไม่รู้จะทำอย่างไร ก็ไปหาหมอฝังเข็ม ฝังมา 9 ครั้ง ไม่มีทีท่าว่าจะทุเลา อาการยังมี ตลอด ดิฉันก็ได้แต่อุเบกขา ทำใจไป คิดไปต่างๆนานา เวลานั่งก็ขออุทิศให้เจ้ากรรมนายเวรทั้งหลายทั้งปวง

ตอนนี้นับระยะเวลาเป็นมากว่า 2 ปี ได้แต่หวังว่าผู้รู้ทั้งหลายคงช่วยอนุเคราะห์คนมีกรรมคนนี้ด้วย ขอได้โปรดเมตตาช่วยด้วยนะคะ

(สอนภาวนานั้น คนรู้วิธีก็สอนเขาได้บอกกันได้ แต่ข้อสำคัญผู้สอนต้องรู้วิธีแก้อารมณ์ภาคปฏิบัติเป็นด้วย มิฉะนั้น จะศรีธัญญา)


s006 เอ่?

วิธีที่ไม่ตรงตามที่พระพุทธองค์ทรงแสดงวิปัสสนา

แต่ไปเป็นโลกียะ สันฐานบัญญัติ
ไม่มีปรมัตถ์ อารมณ์

ทำผิด จากพระธรรมที่ทรงแสดงไว้ในพระไตรปิฎก

จะมาเรียก วิปัสสนา ได้ยังไงน๊อ
ก็คนละแบบกะที่พระพุทธองค์สอนชัดๆ

เอ่? s006 เม ล๊ะอายแทนเรย น๊อ cry


ตรงกับที่พระพุทธพูดตรัสทุกอย่างนั่นแหละ นั่นแหละทุกขอริยสัจ เพราะอุปาทานขันธ์ คิกๆๆๆ ต้นเหตุของมันคือตัณหา (สมุทัย)

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 มี.ค. 2019, 05:37 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อ่านหนังสือกันไม่ค่อยเป็น แสดงถึงว่าขาดความรู้เข้าใจในพุทธธรรม

วิปัสสนา ความเห็นแจ้ง คือ เห็นตรงต่อความเป็นจริงของสภาวธรรม;
ปัญญาที่เห็นไตรลักษณ์อันให้ถอนความหลงผิดรู้ผิดในสังขารเสียได้, การฝึกอบรมปัญญาให้เกิดความเห็นแจ้ง รู้ชัดภาวะ ของสิ่งทั้งหลายตามที่มันเป็น

ดูนะ "วิปัสสนา" หมายถึง ปัญญาที่รู้เห็นไตรลักษณ์ เห็นแล้วก็ทำให้ถอนความเข้าใจผิดหลงผิดในสังขาร (ชีวิตซึ่งก็หมดทั้งเนื้อทั้งตัวตัวเองนี่แหละ)
ไม่เข้าใจถามต่อ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 มี.ค. 2019, 16:38 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 มี.ค. 2018, 02:56
โพสต์: 2157

โฮมเพจ: maybe
แนวปฏิบัติ: สติปัฎฐาน
งานอดิเรก: กีฬา
สิ่งที่ชื่นชอบ: แบรนด์เเนม
ชื่อเล่น: เม
อายุ: 22
ที่อยู่: Bangkok Thailand

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
อ่านหนังสือกันไม่ค่อยเป็น แสดงถึงว่าขาดความรู้เข้าใจในพุทธธรรม

วิปัสสนา ความเห็นแจ้ง คือ เห็นตรงต่อความเป็นจริงของสภาวธรรม;
ปัญญาที่เห็นไตรลักษณ์อันให้ถอนความหลงผิดรู้ผิดในสังขารเสียได้, การฝึกอบรมปัญญาให้เกิดความเห็นแจ้ง รู้ชัดภาวะ ของสิ่งทั้งหลายตามที่มันเป็น

ดูนะ "วิปัสสนา" หมายถึง ปัญญาที่รู้เห็นไตรลักษณ์ เห็นแล้วก็ทำให้ถอนความเข้าใจผิดหลงผิดในสังขาร (ชีวิตซึ่งก็หมดทั้งเนื้อทั้งตัวตัวเองนี่แหละ)
ไม่เข้าใจถามต่อ

s006
เอ่

วิปัสสนาญานเกิดจากการอ่าน

cry จนก็เปงลมค่ะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 มี.ค. 2019, 16:41 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


โลกสวย เขียน:
กรัชกาย เขียน:
อ่านหนังสือกันไม่ค่อยเป็น แสดงถึงว่าขาดความรู้เข้าใจในพุทธธรรม

วิปัสสนา ความเห็นแจ้ง คือ เห็นตรงต่อความเป็นจริงของสภาวธรรม;
ปัญญาที่เห็นไตรลักษณ์อันให้ถอนความหลงผิดรู้ผิดในสังขารเสียได้, การฝึกอบรมปัญญาให้เกิดความเห็นแจ้ง รู้ชัดภาวะ ของสิ่งทั้งหลายตามที่มันเป็น

ดูนะ "วิปัสสนา" หมายถึง ปัญญาที่รู้เห็นไตรลักษณ์ เห็นแล้วก็ทำให้ถอนความเข้าใจผิดหลงผิดในสังขาร (ชีวิตซึ่งก็หมดทั้งเนื้อทั้งตัวตัวเองนี่แหละ)
ไม่เข้าใจถามต่อ

s006
เอ่

วิปัสสนาญานเกิดจากการอ่าน

cry จนก็เปงลมค่ะ


อ่านเพื่อให้รู้ แล้วไปปฏิบัติ แล้วก็จะปฏิเวธ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 มี.ค. 2019, 16:47 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 มี.ค. 2018, 02:56
โพสต์: 2157

โฮมเพจ: maybe
แนวปฏิบัติ: สติปัฎฐาน
งานอดิเรก: กีฬา
สิ่งที่ชื่นชอบ: แบรนด์เเนม
ชื่อเล่น: เม
อายุ: 22
ที่อยู่: Bangkok Thailand

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
โลกสวย เขียน:
กรัชกาย เขียน:
อ่านหนังสือกันไม่ค่อยเป็น แสดงถึงว่าขาดความรู้เข้าใจในพุทธธรรม

วิปัสสนา ความเห็นแจ้ง คือ เห็นตรงต่อความเป็นจริงของสภาวธรรม;
ปัญญาที่เห็นไตรลักษณ์อันให้ถอนความหลงผิดรู้ผิดในสังขารเสียได้, การฝึกอบรมปัญญาให้เกิดความเห็นแจ้ง รู้ชัดภาวะ ของสิ่งทั้งหลายตามที่มันเป็น

ดูนะ "วิปัสสนา" หมายถึง ปัญญาที่รู้เห็นไตรลักษณ์ เห็นแล้วก็ทำให้ถอนความเข้าใจผิดหลงผิดในสังขาร (ชีวิตซึ่งก็หมดทั้งเนื้อทั้งตัวตัวเองนี่แหละ)
ไม่เข้าใจถามต่อ

s006
เอ่

วิปัสสนาญานเกิดจากการอ่าน

cry จนก็เปงลมค่ะ


อ่านเพื่อให้รู้ แล้วไปปฏิบัติ แล้วก็จะปฏิเวธ

smiley

แววฉลาดฉายแสงขึ้นมาหน่อยแระค่ะ

s006 เอ?

ความเห็นแจ้ง รู้ชัดภาวะ ของสิ่งทั้งหลายตามที่มันเป็น

เขียนมาตกๆหล่นๆน้อ

เป็นบัญญัติ หรือ ปรมัตถ์ น๊อค๊ะ

s006


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 มี.ค. 2019, 17:15 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


โลกสวย เขียน:
กรัชกาย เขียน:
โลกสวย เขียน:
กรัชกาย เขียน:
อ่านหนังสือกันไม่ค่อยเป็น แสดงถึงว่าขาดความรู้เข้าใจในพุทธธรรม

วิปัสสนา ความเห็นแจ้ง คือ เห็นตรงต่อความเป็นจริงของสภาวธรรม;
ปัญญาที่เห็นไตรลักษณ์อันให้ถอนความหลงผิดรู้ผิดในสังขารเสียได้, การฝึกอบรมปัญญาให้เกิดความเห็นแจ้ง รู้ชัดภาวะ ของสิ่งทั้งหลายตามที่มันเป็น

ดูนะ "วิปัสสนา" หมายถึง ปัญญาที่รู้เห็นไตรลักษณ์ เห็นแล้วก็ทำให้ถอนความเข้าใจผิดหลงผิดในสังขาร (ชีวิตซึ่งก็หมดทั้งเนื้อทั้งตัวตัวเองนี่แหละ)
ไม่เข้าใจถามต่อ

s006
เอ่

วิปัสสนาญานเกิดจากการอ่าน

cry จนก็เปงลมค่ะ


อ่านเพื่อให้รู้ แล้วไปปฏิบัติ แล้วก็จะปฏิเวธ

smiley

แววฉลาดฉายแสงขึ้นมาหน่อยแระค่ะ

s006 เอ?

ความเห็นแจ้ง รู้ชัดภาวะ ของสิ่งทั้งหลายตามที่มันเป็น

เขียนมาตกๆหล่นๆน้อ

เป็นบัญญัติ หรือ ปรมัตถ์ น๊อค๊ะ

s006


นู๋เมเป็นต้น มันต้องสิ่งเหล่านี้ คิกๆๆ

นั่งสมาธิแล้วมีกระแสวิ่งผ่านร่างกาย

เวลาปฏิบัติ ก็เข้าใจว่า รับมือรับเจ้ากรรมนายเวรได้ ทั้งที่เราก็ขอเขาก่อนนั่งสมาธิทุกครั้ง
จนกระทั่งคืนวันอังคาร วันพระน่ะค่ะ ขณะกำลังทำสมาธิอยู่ จู่ๆร่างของเราก็เหมือนถูกตึง เราก็ปล่อยตามสะบายแค่ตามดู คิดว่าเป็นนิมิตธรรมดา แต่ไม่ใช่ค่ะ เพราะนิมิตธรรมดา เรากำหนดรู้มักจะหายไปได้เอง แต่นี้ไม่ใช่ เขาวิ่งผ่านตัวเราไปค่ะ กระแสของเขาตอนที่ผ่านร่าง เหมือนจิตกับกายเราจะแยกออกจากกัน ความเจ็บปวดที่เราเคยปวด (เวทนา) ที่นั่งสมาธิตอนแรก ไม่เจ็บเท่านี้ เหมือนร่างกายเราถูกฉีก เหมือนเส้นเลือดจะระเบิดประมาณนั้นจริง ๆ ค่ะ เราแผ่เมตตาให้เขา เขาก็ไม่ยอม แรงเหวี่ยงเยอะมาก ๆ ทั้งที่ห้องปิดหมดเปิดแอร์นะ แต่มีกระแสลมหมุนตลอดเวลา

นึกถึงครูบาอาจารย์ เขาเลยปล่อย เราเป็นไข้วันรุ่งขึ้นเลยค่ะ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 มี.ค. 2019, 17:25 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 มี.ค. 2018, 02:56
โพสต์: 2157

โฮมเพจ: maybe
แนวปฏิบัติ: สติปัฎฐาน
งานอดิเรก: กีฬา
สิ่งที่ชื่นชอบ: แบรนด์เเนม
ชื่อเล่น: เม
อายุ: 22
ที่อยู่: Bangkok Thailand

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
โลกสวย เขียน:
กรัชกาย เขียน:
โลกสวย เขียน:
กรัชกาย เขียน:
อ่านหนังสือกันไม่ค่อยเป็น แสดงถึงว่าขาดความรู้เข้าใจในพุทธธรรม

วิปัสสนา ความเห็นแจ้ง คือ เห็นตรงต่อความเป็นจริงของสภาวธรรม;
ปัญญาที่เห็นไตรลักษณ์อันให้ถอนความหลงผิดรู้ผิดในสังขารเสียได้, การฝึกอบรมปัญญาให้เกิดความเห็นแจ้ง รู้ชัดภาวะ ของสิ่งทั้งหลายตามที่มันเป็น

ดูนะ "วิปัสสนา" หมายถึง ปัญญาที่รู้เห็นไตรลักษณ์ เห็นแล้วก็ทำให้ถอนความเข้าใจผิดหลงผิดในสังขาร (ชีวิตซึ่งก็หมดทั้งเนื้อทั้งตัวตัวเองนี่แหละ)
ไม่เข้าใจถามต่อ

s006
เอ่

วิปัสสนาญานเกิดจากการอ่าน

cry จนก็เปงลมค่ะ


อ่านเพื่อให้รู้ แล้วไปปฏิบัติ แล้วก็จะปฏิเวธ

smiley

แววฉลาดฉายแสงขึ้นมาหน่อยแระค่ะ

s006 เอ?

ความเห็นแจ้ง รู้ชัดภาวะ ของสิ่งทั้งหลายตามที่มันเป็น

เขียนมาตกๆหล่นๆน้อ

เป็นบัญญัติ หรือ ปรมัตถ์ น๊อค๊ะ

s006


นู๋เมเป็นต้น มันต้องสิ่งเหล่านี้ คิกๆๆ

นั่งสมาธิแล้วมีกระแสวิ่งผ่านร่างกาย

เวลาปฏิบัติ ก็เข้าใจว่า รับมือรับเจ้ากรรมนายเวรได้ ทั้งที่เราก็ขอเขาก่อนนั่งสมาธิทุกครั้ง
จนกระทั่งคืนวันอังคาร วันพระน่ะค่ะ ขณะกำลังทำสมาธิอยู่ จู่ๆร่างของเราก็เหมือนถูกตึง เราก็ปล่อยตามสะบายแค่ตามดู คิดว่าเป็นนิมิตธรรมดา แต่ไม่ใช่ค่ะ เพราะนิมิตธรรมดา เรากำหนดรู้มักจะหายไปได้เอง แต่นี้ไม่ใช่ เขาวิ่งผ่านตัวเราไปค่ะ กระแสของเขาตอนที่ผ่านร่าง เหมือนจิตกับกายเราจะแยกออกจากกัน ความเจ็บปวดที่เราเคยปวด (เวทนา) ที่นั่งสมาธิตอนแรก ไม่เจ็บเท่านี้ เหมือนร่างกายเราถูกฉีก เหมือนเส้นเลือดจะระเบิดประมาณนั้นจริง ๆ ค่ะ เราแผ่เมตตาให้เขา เขาก็ไม่ยอม แรงเหวี่ยงเยอะมาก ๆ ทั้งที่ห้องปิดหมดเปิดแอร์นะ แต่มีกระแสลมหมุนตลอดเวลา

นึกถึงครูบาอาจารย์ เขาเลยปล่อย เราเป็นไข้วันรุ่งขึ้นเลยค่ะ


s006
เอ่?

เจ้ากรรมนายเวร เค้าเป็นเจ้าหนี้
ที่เธอไปกู้มาแหละ

ไปว่าเจ้าหนี้ออกสื่อ
ไม่ละอายบาปเรยเธอ
s006 เอ่?

ไปแจ้งความ เจ้ากรรมนายเวรมาทวงหนี้
ผิดพรบ. ทวงหนี้นะเธอ ได้มั๊ง

s006


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 มี.ค. 2019, 18:31 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


วิปัสสนา แปลง่ายๆว่า การเห็นแจ้ง หรือ วิธีทำให้เกิดการเห็นแจ้ง หมายถึงข้อปฏิบัติต่างๆ ในการฝึกฝนอบรมปัญญาให้เกิดความเห็นแจ้งรู้ชัดสิ่งทั้งหลาย ตรงต่อสภาวะของมัน คือ ให้เข้าใจตามความเป็นจริง หรือ ตามที่สิ่งเหล่านั้นมันเป็นของมันเอง (ไม่ใช่เห็นไปตามที่เราวาดภาพให้มันเป็น ด้วยความชอบ ความชัง ความอยากได้ หรือความขัดใจของเรา) รู้แจ้งชัดเข้าใจจริง จนถอนความหลงผิด รู้ผิด และยึดติดในสิ่งทั้งหลายได้ ถึงขั้นเปลี่ยนท่าที่ต่อโลก และชีวิตใหม่ ทั้งท่าทีแห่งการมอง การรับรู้ การวางจิตใจ และความรู้สึกทั้งหลาย


ความรู้ความเข้าใจถูกต้อง ที่เกิดเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ในระหว่างการปฏิบัตินั้น เรียกว่า ญาณ มีหลายระดับ
ญาณสำคัญในขั้นสุดท้ายเรียกว่า วิชชา เป็นภาวะตรงข้ามที่กำจัดอวิชชา คือ ความหลงผิด ไม่รู้แจ้ง ไม่รู้จริงให้หมดไป


ภาวะจิตที่มีญาณ หรือ วิชชานั้น เป็นภาวะที่สุขสงบ ผ่องใส และเป็นอิสระ เพราะลอยตัวพ้นจากอำนาจครอบงำของ กิเลส เช่น ความชอบความชัง ความติดใจและความขัดใจ เป็นต้น
ไม่ถูกบังคับ หรือ ชักจูงโดยกิเลสเหล่านั้น ให้มองเห็น หรือรับรู้สิ่งต่างๆอย่างบิดเบือน จนพาความคิด และการกระทำที่ติดตามมา ให้เห็นเหเฉไป และไม่ต้องเจ็บปวด หรือเร่าร้อน เพราะถูกบีบคั้น หรือต่อสู้กับกิเลสเหล่านั้น

ญาณและวิชชา จึงเป็นจุดมุ่งของวิปัสสนา เพราะนำไปสู่วิมุตติ คือความหลุดพ้นเป็นอิสระที่แท้จริง ซึ่งยั่งยืนถาวร (ท่านเรียกว่า สมุจเฉท นิโรธ หรือ สมุจเฉทวิมุตติ แปลว่า ดับกิเลส หรือ หลุดพ้นโดยเด็ดขาด)


ถ้าพูดอย่างรวบรัด ก็ว่า ผลที่มุ่งหมายของสมถะ คือฌาน ผลที่มุ่งหมายของวิปัสสนา คือญาณ หรือว่าสมถะนำไปสู่ฌาน* วิปัสสนานำไปสู่ญาณ




ที่อ้างอิง *

*ที่พูดว่า สมถะอาจให้ได้อภิญญา ๕ ซึ่งได้แก่ญาณต่างๆพวกหนึ่ง นั้น ความจริงก็ต้องให้ได้ฌานก่อนแล้วจึงน้อมจิตที่เป็นสมาธิพร้อมดี ด้วยกำลังฌานนั้นไปเพื่อได้ญาณจำพวกอภิญญาอีกต่อหนึ่ง ถ้าพูดให้เคร่งครัด จึงต้องว่า สมถะ (ล้วนๆ) จบหรือสิ้นสุดลงเพียงแค่ ฌาน (คือ ไม่เกินเนวสัญญานาสัญญายตนฌาน ดู วิสุทธิ. ฎีกา 3/647-8)

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 มี.ค. 2019, 18:48 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ต่ออีกหน่อย


ผู้ปฏิบัติสมถะ (สำนวนแบบ เรียกว่า บำเพ็ญ หรือ เจริญสมถะ) อาจทำแต่สมถะอย่างเดียว โดยมุ่งหวัง จะชื่นชมเสพผลของสมถะ คือ ฌานสมาบัติ...ไม่ต้องเกี่ยวข้องกับวิปัสสนาเลย ก็ได้ เรียกว่า หยุดเพียงขั้นสมถะ ไม่ก้าวไปถึงขั้นปัญญา


ผู้ปฏิบัติวิปัสสนา ต้องอาศัยสมถะไม่มากก็น้อย คือ อาจ เจริญสมถะจนได้ฌานสมาบัติก่อนแล้ว จึงก้าวต่อไปสู่วิปัสสนา คือ เอาฌานเป็นบาทของวิปัสสนา (เรียกว่าเจริญวิปัสสนา ที่มีฌานเป็น บาท) ก็ได้
อาจเริ่มเจริญวิปัสสนาไปก่อนแล้ว จึงเจริญสมถะ ตามหลัง ก็ได้ หรือ อาจเจริญทั้งสมถะ และวิปัสสนาควบคู่กัน ก็ได้


แม้แต่ผู้ที่ได้ชื่อ ว่า เจริญวิปัสสนาอย่างเดียว ล้วน (สุทธวิปัสสนายานิก) ไม่อาศัยสมถะเลย ก็หมาย ถึง ไม่อาศัยสมถะในความหมายโดยนิปริยาย หรือ ความหมายจำเพาะที่ เคร่งครัด คือ ไม่ได้ทำสมถะจนได้ฌานสมาบัติก่อนเจริญวิปัสสนา
แต่ตามความเป็นจริง ก็อาศัยสมถะในความหมายอย่างกว้างๆ คือ อาศัยสมาธินั่นเอง สมาธิของผู้เจริญวิปัสสนาแบบนี้ อาจเริ่มต้นด้วยขณิกสมาธิ ก็ได้

แต่เมื่อถึงขณะที่บรรลุมรรคผล สมาธินั้นจะแน่วแน่สนิท (เป็นอัปปนาสมาธิ) ถึงระดับปฐมฌาน

(สมถะ องค์ธรรม ได้แก่สมาธิ)

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 01 มี.ค. 2019, 19:20 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


วิปัสสนา แปลง่ายๆว่า การเห็นแจ้ง หรือ วิธีทำให้เกิดการเห็นแจ้ง หมายถึง ข้อปฏิบัติต่างๆ ในการฝึกฝนอบรมปัญญาให้เกิดความเห็นแจ้งรู้ชัดสิ่งทั้งหลาย ตรงต่อสภาวะของมัน คือ ให้เข้าใจตามความเป็นจริง หรือ ตามที่สิ่งเหล่านั้นมันเป็นของมันเอง (ไม่ใช่เห็นไปตามที่เราวาดภาพให้มันเป็น ด้วยความชอบ ความชัง ความอยากได้ หรือความขัดใจของเรา)


ตัวอย่างคำพูดที่ว่า
อ้างคำพูด:
เข้าใจตามเป็นจริง ตามที่สิ่งเหล่านั้นมันเป็นของมันเอง


นั่งสมาธิแล้วนึกกลัว

คือ ว่าเรานั่งสมาธิแล้วเริ่มเข้าสู่ความสงบ (ประมาณว่าโลกนี้ว่าง ๆค่ะ) แต่ไม่รู้ทำไมเกิดนึกกลัวขึ้นมา อยากออกจากสมาธิ มีคนแนะนำว่าต้องค่อย ๆ ถอยออกจากสมาธิ แต่เราทำไม่ได้ เพราะมันไม่ยอมออกค่ะ ไม่รู้ทำไง เลยลืมตาเสียเลย เท่านั้นเองใจก็เกิดสั่นขึ้นมาทันที รู้สึกวิงเวียนบอกไม่ถูก

วันนั้นทั้งวันใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว กว่าจะปกติก็ช่วงเย็นแล้ว

เราเลยอยากถามว่า ทำอย่างไรไม่ให้กลัวเวลาเจอสถานการณ์แบบนี้ และจะออกจากสมาธิด้วยวิธีไหนดีคะ ผู้รู้ช่วยตอบทีค่ะ

สภาวะมันเป็นยังงั้น แต่ตัวเราเองไม่ชอบ เมื่อไม่ชอบก็รู้สึกอึดอัดขัดข้อง อยากหนีไปให้พ้น นั่นแหละสมุทัย-ตัณหาล่ะ (วิภวตัณหา) เรื่องมันก็มีแค่นี้ ดังนั้น ท่านจึงให้กำหนดรู้ตามที่มันเป็นของมัน กลัวหนอๆๆๆ
อยากลืมตาหนอๆๆๆ นี่แหละกำหนดรู้ตามที่มันเป็นของมัน กำหนดทุกๆครั้งที่รู้สึกเช่นนั้น ไม่ใช่กำหนดครั้งเดียว

มีคำถามให้ฉุกคิด : ปกติคนเราไม่เคยนึกกลัวเลยหรือ ? ไม่ใช่ เมื่อเราประสบกับสิ่งที่เราหวาด ตย. ง่ายๆ หมาเห็นเราเดินอยู่ คำรามแฮ่ๆ นึกกลัวไหม ? เห็นงูเห่า อยู่ในห้องน้ำ นึกกลัวไหม ? นึกกลัวไหมล่ะ กลัว ร้องบ้านแตกดิ มันไม่ใช่มานึกกลัวเอาตอนนั่งตอนทำสมาธิหรอก

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 30 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 104 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร