วันเวลาปัจจุบัน 25 เม.ย. 2024, 23:07  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 88 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5, 6  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 มี.ค. 2019, 23:31 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7502

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
ปฤษฎี เขียน:
กรัชกาย เขียน:
ปฤษฎี เขียน:
กรัชกาย เขียน:
ปฤษฎี เขียน:
ตามอ่านไปๆ นอกจากจะได้เรียนรู้ถ้อยคำที่เป็นธรรมะ และ อธรรมะ มีประโยชน์บ้าง และไม่มีประโยชน์บ้าง
ยังได้เรียนรู้อุปนิสัยของคนที่ศึกษาธรรมะ เรียนรู้กิเลส แล้วก็คิดว่าเราอย่าเป็นอย่างเขาเหล่านั้นเลย

มานะ เป็นสิ่งอันตราย
s007


มานะ เป็นสังโยชน์ขั้นละเอียด พระอรหันต์โน่นจึงละได้ ต้องปฏิบัติตามหลักไตรสิกขาอย่างถูกต้องด้วย จึงละมานะได้ มิใช่ละนั่นละนี่ตามอำเภอใจ :b1: ถ้าแบบนี้เดี๋ยวพระอรหันต์เกลื่อนเมือง :b32: หรือคุณปฤษฎีเป็นอรหันต์

แบบที่ ๑ ทักขิไณยบุคคล ๘ หรืออริยบุคคล ๘

เกณฑ์แบ่งแบบนี้ จัดตามกิเลส คือ สังโยชน์ที่ละได้ในแต่ละขั้น พร้อมไปกับความความก้าวหน้าในการบำเพ็ญไตรสิกขา คือ ศีล สมาธิ และปัญญา ดังนั้นจึงควรรู้จักสังโยชน์ไว้ก่อน

สังโยชน์ แปลตามศัพท์ว่า เครื่องผูก หมายถึงกิเลสที่ผูกใจสัตว์ หรืออกุศลธรรมที่ผูกมัดสัตว์ไว้กับทุกข์ในสังสารวัฏฏ์ เหมือนผูกเทียมสัตว์ไว้กับรถ มี ๑๐ อย่าง * คือ

ก. โอรัมภาคิยสังโยชน์ (สังโยชน์เบื้องต่ำ หรือขั้นหยาบ) ๕ อย่าง คือ

๑ . สักกายทิฏฐิ ความเห็นว่าเป็นตัวของตน ความเห็นที่ยังติดแน่นในสมมติว่าเป็นตัวตน เราเขา เป็นนั่นเป็นนี่ มองไม่เห็นสภาพความจริง ที่สัตว์บุคคลเป็นเพียงองค์ประกอบต่างๆ มาประชุมกันเข้า ทำให้มีความเห็นแก่ตัวในขั้นหยาบ และความรู้สึกกระทบกระทั่งบีบคั้นเป็นทุกข์ได้รุนแรง *

๒. วิจิกิจฉา ความลังเล สงสัย เคลือบแคลงต่างๆ เช่น สงสัยในพระศาสดา ในพระธรรม ในพระสงฆ์ ในสิกขา ในเรื่องที่มาที่ไปของชีวิต ในปฏิจจสมุปบาท เป็นต้น ทำให้ไม่มั่นใจ ไม่เข้มแข็งแกล้วกล้าที่จะดำเนินชีวิตตามหลักธรรม ด้วยความมีเหตุมีผล และในการที่จะเดินหน้าแน่วดิ่งไปในอริยมรรคา

๓. สีลัพพตปรามาส ความถือมั่นศีลพรต คือความยึดถือผิดพลาดไปว่า จะบริสุทธิ์ จะหลุดพ้นได้เพียงด้วยศีลและพรต ได้แก่ การถือศีล ระเบียบ แบบแผน บทบัญญัติ และข้อปฏิบัติต่างๆ โดยสักว่าทำตามๆกันไปอย่างงมงาย เห็นเป็นขลังหรือศักดิ์สิทธิ์ ติดอยู่แต่รูปแบบหรือพิธีรีตอง ก็ดี
ถือด้วยตัณหาและทิฏฐิ คือ ปฏิบัติเพราะอยากได้ผลประโยชน์ตอบแทนอย่างใดอย่างหนึ่ง หรือเพราะเห็นว่าจะทำให้ได้เป็นนั่นเป็นนี่ ก็ดี
ไม่เป็นไปตามความหมาย และความมุ่งหมายที่แท้จริงของศีลและพรต ทำให้เขวออกนอกลู่นอกทาง หรือเลยเถิดไป เป็นอย่างศีลและพรตของนักบำเพ็ญตบะ เป็นต้น ไม่เข้าสู่อริยมรรค

๔. กามราคะ ความติดใคร่ในกาม ความอยากได้ใฝ่หาในเรื่องรูป เสียง กลิ่น รส และโผฏฐัพพะ ที่ชอบใจ

๕. ปฏิฆะ ความกระทบกระทั่งในใจ ความหงุดหงิดขัดเคือง หรืองุ่นง่านใจ

ข. อุทธัมภาคิยสังโยชน์ (สังโยชน์เบื้องสูง หรือขั้นละเอียด) ๕ อย่าง คือ

๖. รูปราคะ ความติดใจในรูปธรรมอันประณีต เช่น ติดใจในอารมณ์แห่งรูปฌาน พอใจในรสความสุข ความสงบของสมาธิขั้นรูปฌาน ติดใจปรารถนาในรูปภพ เป็นต้น

๗. อรูปราคะ ความติดใจในอรูปธรรม เช่น ติดใจในอารมณ์แห่งอรูปฌาน ติดใจปรารถนาในอรูปภพ เป็นต้น

๘. มานะ ความถือตัว ความสำคัญตนเป็นนั่นเป็นนี่ เช่นว่า สูงกว่าเขา เท่าเทียบเขา ต่ำกว่าเขา เป็นต้น

๙. อุทธัจจะ ความฟุ้งซ่าน จิตใจไม่สงบ ว้าวุ่น ซัดส่าย คิดพล่านไป

๑๐. อวิชชา ความไม่รู้จริง ไม่รู้เท่าทันสภาวะ ไม่เข้าใจกฎธรรมดาแห่งเหตุและผล หรือไม่รู้อริยสัจ


ละไม่ได้ ก็ควรรู้ว่ามี แล้วก็ไม่ต้องเอามาอวด เอามาข่มมาบลัฟกัน มาดูถูกกันจริงไหม
แล้วแต่นะ เรื่อง ข่มกันด้วยธรรมะ นี่มีมาตั้งแต่สมัยพุทธกาลแล้ว คือมันไม่มีประโยชน์


คุณตีโพยตีพายไปเองแท้ๆ ไม่ได้เอามาข่ม นำมาให้ดู เช่น (ตัดมา)

ประเด็นที่พบ

การนั่งครั้งหลังๆมานี้ เกิดสภาวะคล้ายๆเดิม ตลอดเกือบทุกครั้ง คือ มือหายไปจากความรู้สึก ไม่รู้สึกว่ามีมืออยู่ (รู้ว่ามี แต่รู้สึกว่าไม่มี ผมอธิบายไม่ถูก เชื่อว่าท่านผู้รู้คงเข้าใจผม) ก้น และต้นขาที่นั่งทับพื้นยังรู้สึกว่ามีอยู่ หลังที่นั่งพิงเก้าอี้ก็รู้สึกว่ายังมีอยู่ คือสรุปว่า มือหายทั้งสองข้าง อย่างอื่นที่เหลือยังรู้สึกถึงได้ อยู่ครบยังไม่หาย มีอาการตัวพองๆ ยุบๆ บ้าง แต่ก็ไม่บ่อย มีอาการหายเกือบทั้งตัวบ้างแต่น้อยมาก แต่ที่แน่ๆ คือ มือทั้งสองข้างหายทุกครั้ง, ทุกครั้งจริงๆครับ นั่งแป๊บเดียวก็หายแล้ว และหายไปจากความรู้สึกตลอดเวลาที่ยังนั่งอยู่

ลมหายใจ เริ่มแผ่วเบาลงเรื่อยๆ จนกระทั่งเหมือนลมหายไป เหมือนไม่ได้หายใจ ในครั้งแรกๆที่เจอสภาวะนี้ ผมตกใจทำอะไรไม่ถูก ตะลีตะลานรีบควานหาลม แล้วก็กลับมาหายใจแบบปกติ,
แต่ในครั้งหลังๆ ผมจะพยายามทนอยู่กับสภาวะนี้ ซึ่งผมจะอึดอัดมาก และในที่สุดผมก็ทนไม่ไหว จนต้องบังคับให้ตัวเองหายใจด้วยการสูดยาว จึงจะกลับมารู้สึกว่าผมหายใจแล้ว ผมจึงเริ่มรู้ลมใหม่ .. แล้วลมก็แผ่ว .. แล้วลมก็หาย .. แล้วผมก็ทน .. แล้วผมก็ทนไม่ไหว .. แล้วผมก็สูดลม .. แล้วผมก็รู้ลม .. แล้วลมก็แผ่ว .. ฯลฯ วนรอบอยู่อย่างนี้ ซ้ำรอบอยู่อย่างนี้

ข้อคำถาม

1. อาการมือหายคืออะไรครับ? ผมเข้าใจว่าไม่ต้องไปสนใจมัน ปล่อยมันใช่ไหมครับ?

2. สภาวะอาการเรื่องลมหายใจ เป็นปัญหาใช่ไหมครับ? ผมควรทำอย่างไรต่อไปครับ?

3. ผมเข้าใจว่าผมถนัดวิธีรู้ลมหายใจ แต่ผมไม่แน่ใจจริงๆว่า ที่ผมคิดว่าผมถนัดวิธีรู้ลมหายใจนั้น ผมเข้าใจถูกไหม? ผมยังควรใช้วิธีรู้ลมต่อไปไหม? หรือควรใช้วิธีอื่นดีกว่า? ผมควรศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมจากเว็บไหน คลิปไหน กระทู้ไหน จึงจะเหมาะกับสภาวะอาการที่พบเจออยู่?

ขอความกรุณาทุกท่านช่วยแนะนำผมทีเถอะครับ ชี้ทางออกให้ผมด้วยนะครับ ขอขอบคุณมาล่วงหน้าครับ



ข่มไม่ข่มไม่ทราบ อยู่ที่ใจคุณเอง สรุปว่าผมตีโพยตีพายไปเอง โอเคป่ะ



คุณปฤษฎี เท่าที่ถกเถียงกับคุณโรสไปหลายช่วงหลายตอน ก็พอรู้แล้วว่า แม่สุจิน ไม่ให้ทำสมาธิ ข้อนี้เราก็ต่างกันในเบื้องต้นแล้ว

แล้วก็เท่ากับปฏิเสธ สมาธิ ซึ่งเป็นหนึ่งในสิกขา ๓ (ศีล สมาธิ ปัญญา) ถูกไหม

555
รู้จักสมาธิไหม
สมาธิเป็นธัมมะชนิดหนึ่ง
ต้องรู้จักว่าเป็นธัมมะประเภทไหน
เกิดตอนไหนเกิดยังไงและเกิดคู่กับธัมมะอะไร
ถ้าไม่สามารถแสดงรายละเอียดให้คนอื่นเข้าใจได้แสดงว่าไม่รู้
แปลว่ามีแต่บอกให้ไปทำแล้วจะคิดได้เองรู้ได้เองเป็นไปได้ไหมมันดับแล้วนับไม่ถ้วนจะรู้เองก็ไม่พึ่งฟังคำสอน
:b32: :b32: :b32:

กุศลและอกุศลคือสังขารขันธ์ปรุงคนละขณะจิต
สติเป็นโสภณเจตสิกที่ไม่เกิดร่วมกับอกุศลเจตสิก
ศีลคือเจตสิกเกิดได้ทั้งขณะที่เป็นกุศลหรืออกุศล
สมาธิคือเจตสิกเกิดได้ทั้งขณะที่เป็นกุศลหรืออกุศล
ปัญญาคือเจตสิกที่ไม่เกิดกับอกุศลและต้องกำลังระลึกตามคำสอนคือมีสติที่เป็นกุศลเจตสิกเกิดร่วมด้วย
ทั้งปัญญาและสติเกิดกับกุศลจิตตอนฟังคำสอนแล้วคิดถูกตามตรงความจริงตรงขณะที่กายตัวเองกำลังมีจ้ะ
แยกออกไหมตอนนั่งหลับตาไม่รู้อะไรเลยตามคำสอนนั่นน่ะทำกิเลสส่วนตัวอยู่นั่งเดาไปเรื่อยๆอย่างนั้นหรือ
:b32: :b32:

onion
จิตเกิดดับสลับกันทีละ1ขณะไม่ปนกันไม่ซ้ำเก่าแม้แต่ขณะเดียว
เดี๋ยวนี้ดับนับแสนโกฏิขณะถ้าไม่เพียรคิดตามคำสอนเพื่อเข้าใจตามปกติ
จะไปทำอะไรก็คือคิดเห็นผิดอยู่บอกให้ฟังไม่ยอมฟังดับนับแสนโกฏิขณะใครรู้จริง
ตถาคตตรัสรู้ความจริงที่กำลังมีเดี๋ยวนี้ตรงกับทุกคำในพระไตรปิฎกมีแล้วไม่มีใครทำฟังบ้างนะคะ
:b8: :b8: :b8:
https://youtu.be/bbSIRuucVk4


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 มี.ค. 2019, 04:48 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 มี.ค. 2018, 02:56
โพสต์: 2157

โฮมเพจ: maybe
แนวปฏิบัติ: สติปัฎฐาน
งานอดิเรก: กีฬา
สิ่งที่ชื่นชอบ: แบรนด์เเนม
ชื่อเล่น: เม
อายุ: 22
ที่อยู่: Bangkok Thailand

 ข้อมูลส่วนตัว


s006 เอ่?


ใช้จิต เที่ยวจับฉวยจิตดับไปแล้ว
คงมือเปล่ากลับบ้าน แน่เรย

s006 เอ่?


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 มี.ค. 2019, 05:52 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:

จิตเกิดดับสลับกันทีละ1ขณะไม่ปนกันไม่ซ้ำเก่าแม้แต่ขณะเดียว
เดี๋ยวนี้ดับนับแสนโกฏิขณะ
ถ้าไม่เพียรคิดตามคำสอนเพื่อเข้าใจตามปกติ
จะไปทำอะไรก็คือคิดเห็นผิดอยู่บอกให้ฟังไม่ยอมฟังดับนับแสนโกฏิขณะใครรู้จริง
ตถาคตตรัสรู้ความจริงที่กำลังมีเดี๋ยวนี้ตรงกับทุกคำในพระไตรปิฎกมีแล้วไม่มีใครทำฟังบ้างนะคะ

https://youtu.be/bbSIRuucVk4


เสียเวลาปลูกผักส่งตลาดไท :b12:

แล้วเอายังไงต่อ :b10:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 มี.ค. 2019, 07:44 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
กรัชกาย
คุณปฤษฎี เท่าที่ถกเถียงกับคุณโรสไปหลายช่วงหลายตอน ก็พอรู้แล้วว่า แม่สุจิน ไม่ให้ทำสมาธิ ข้อนี้เราก็ต่างกันในเบื้องต้นแล้ว


อ้างคำพูด:
ปฤษฎี
ท่านอาจารย์สุจินต์เป็นผู้ศึกษาพระไตรปิฎกมานานมีความแตกฉานในพระไตรปิฎกและอรรถกถา รวมถึงได้ศึกษาปกรณ์พิเศษที่สำคัญอย่างวิสุทธิมรรค ไม่ทราบคุณกรัชกายได้เคยฟังรึยัง ท่านเจรจาแสดงธรรมอย่างไพเราะน่าฟัง คุณกรัชกายลองฟังดูบ้างสิ เผื่อจะได้มีความเข้าใจในธรรมมากขึ้น ศึกษาจากหนังสือพุทธธรรมอย่างเดียวอาจทำให้ความรู้ไม่แตกฉานกว้างขวาง ลองฟังธรรมจากท่านอื่นบ้าง


เคยฟัง ไม่ใช่ไม่เคยฟัง แล้วก็เคยพูดอย่างน้อยสักครั้งสองครั้งแล้วว่า แม่สุจินเสียงเพราะชอบ ทำนองการพูดวรรคตอน น่าฟัง

ศึกษาถึงขนาดนั้น ทำไมปฏิเสธ อธิจิตตสิกขา (สมาธิ) ได้นะ ทำไม ทีนี้ ไม่เข้าใจเรื่องสมาธิ ถ้าเกิดกรัชกายเข้าไปโต้เถียงกันเรื่องสมาธิ ทำไงล่ะ นี่คือปัญหา

เอาอีกสักตัวอย่าง

อ้างคำพูด:
ทำสมาธิแล้วร่างกายสั่นจริงๆ

ดิฉันเริ่มทำสมาธิได้สองเดือนกว่าๆแล้ว...พยายามทำสมาธิให้ได้วัน ละสาม ชม. แรกๆก็จะบริกรรม ดูลม (เรียนทำสมาธิจากเวปต่างๆ และคลิปที่ยูทูปคะ) จนเห็นจิตเด่นชัด ก็จะบริกรรมไม่ได้แล้ว แต่หากฟุ้งก็จะบริกรรมอีก ตอนนี้แยกร่างกายกับจิตได้บ้างแล้ว เห็นว่าร่างกายไม่ใช่ของเรา เห็นตัวรู้
จนเมื่อวานนี้และวันนี้ ได้เกิดการสั่นขึ้นที่ร่างกายส่วนตัวขึ้น มันเริ่มจากตุบๆ เหนือก้น แรกๆเห็นไม่ชัด จนมันตุบๆๆๆ แรงขึ้นๆ จนกลายเป็นสั่น และสั่นรุนแรงขึ้น เหมือนแผ่นดินไหว แต่ก็พยายามประคองจิตเอาไว้ ให้นิ่งดูเฉยๆ
ในระหว่างนั้น เริ่มฟุ้งซ่านขึ้นมานิดๆ แต่ก็ประคองไว้ จนรู้สึกเหนื่อย ปวดหัว เพราะสั่นแรงมาก มาแล้วก็หาย แล้วก็มาอีก จนถึง วันนี้ๆ
ลองลืมตาดูว่ามันเป็นอย่างไร พอลืมตาดูก็เห็นว่าร่างกายสั่นจริง สั่นแต่ช่วงตัว ก็หลับตาประคองสติต่อ ให้เห็นการเกิดดับ (บางทีนอกจากเหนือก้นจะตุบๆ แล้ว ที่บริเวณกลางอก ก็ตุบๆๆ สังเกตได้ชัด บริเวณหัวด้วย แต่ไม่มากเท่าไหร่) ไม่ทราบว่ามีท่านใดเคยทำสมาธิแล้วเป็นแบบนี้บ้าง คะ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 มี.ค. 2019, 07:57 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:

กุศลและอกุศลคือสังขารขันธ์ปรุงคนละขณะจิต

สติเป็นโสภณเจตสิกที่ไม่เกิดร่วมกับอกุศลเจตสิก

ศีลคือเจตสิกเกิดได้ทั้งขณะที่เป็นกุศลหรืออกุศล

สมาธิคือเจตสิกเกิดได้ทั้งขณะที่เป็นกุศลหรืออกุศล

ปัญญาคือเจตสิกที่ไม่เกิดกับอกุศลและต้องกำลังระลึกตามคำสอนคือมีสติที่เป็นกุศลเจตสิกเกิดร่วมด้วย

ทั้งปัญญาและสติเกิดกับกุศลจิตตอนฟังคำสอนแล้วคิดถูกตามตรงความจริงตรงขณะที่กายตัวเองกำลังมีจ้ะ

แยกออกไหมตอนนั่งหลับตาไม่รู้อะไรเลยตามคำสอนนั่นน่ะทำกิเลสส่วนตัวอยู่นั่งเดาไปเรื่อยๆอย่างนั้นหรือ


คุณปฤษฎี เห็นแล้วนะ นี่ศิษย์แม่สุจินนะ นี่เขาลืมตาแยกสังขาร แบบหนังสือเรียน ชั้นจูฬ-ตรีนะ คิกๆๆๆ นั่นแหละครับนั่งเดานั่งจินตนาการตามหนังสือว่าไว้

เพราะฉะนั้น เมื่อเอาสภาวะจริงๆถาม ไปไม่ถูก ไม่รู้จะเอาอิท่าไหนดี

อ้างคำพูด:
ขนลุกตอนนั่งสมาธิ

ช่วงหลังๆนี้มีอาการผิดปกติกับตัวเองค่ะ คือมีอาการขนลุกตลอดเวลา โดยเฉพาะตอนนั่งสมาธิเป็นหนักมาก ขออนุญาต เล่าเป็นข้อๆดังนี้นะคะ
อาการที่เกิด
1.บ่อยครั้งขนลุกบริเวณขาซ้าย เป็นบ่อยค่ะอาการนี้ (เป็นมานาน)

2.อาการขนหัวลุก เสียวท้ายทอยมาก เริ่มมาเป็นช่วงหลังๆ มานี่เองค่ะ เกิดชัดครั้งแรก ตอนไปร่วมพิธีไหว้ครูที่นึง เป็นพิธีใหญ่พอสมควร พอเริ่มพิธี เท่านั้นเองก็ขนหัวลุกซู่ ลุกจนเสียวต้นคอ และบริเวณท้ายทอยมาก พอซักพัก นั่งร้องไห้แบบไม่ทราบสาเหตุค่ะ ร้องแบบสะอึกสะอื้น งงตัวเองนะคะว่า ร้องไห้ทำไม อายก็อายค่ะ แต่ฝืนตัวเองไม่ได้เลย อยู่ในพิธี เป็นอยู่แบบนี้ ทั้งขนหัวลุกและร้องไห้ 3 - 4 รอบสลับกันไปจนจบพิธีอาการก็หายค่ะ นี่คือครั้งแรกค่ะ

แต่ที่จะถามต่อคือ มาช่วง นี้ 3-4 วัน ก่อนที่จะโพสถามนี่ อาการกลับมาค่ะ แต่หนักและถี่แรงกว่าปกติ คือเริ่มต้นจากอยู่ๆ ก็ขนลุกน้อยๆทั้งตัวบ้าง ขนลุกบริเวณขาซ้ายบ้าง เป็นอย่างงี้ทั้งวันค่ะ (ปกตินานๆทีแต่ครั้งนี้เป็นตลอดวัน)

แต่ที่หนักสุด พอมานั่งสมาธิ (ปกตินั่งสมาธิเกือบทุกวันไม่เคยมีอาการขนหัวลุกหรือเสียวต้นคอเลย) อยู่ๆคราวนี้ พอเริ่มนั่งเริ่มกำหนด ไม่ถึงนาที อาการขนหัวลุก เสียวต้นคอ -ท้ายทอย มาหนักมาก กำหนดอย่างอื่นไม่ได้เลย เลยกำหนดไปที่อาการนี้ คือ ขนลุกหนอ เสียวท้ายทอยหนอ อยู่แบบนี้
พอหายซักพัก ก็ไปกำหนดท้องพองยุบ หรือ กำหนดตามจิตเราที่ไปกระทบปกติ เดี๋ยวอาการขนหัวลุกก็มาแทรกอีก เป็นอย่างนี้สลับไป
สังเกตุตัวเองว่า หลังจากนั้นเป็นต้นมา เวลาใช้ชีวิตปกติก็ขนลุกตลอดเวลา ทั้งวัน แต่ไม่แรง
พอวันที่ 2 นั่งสมาธิใหม่ก็ขนหัวลุกอีก อาการจะแรงช่วงนั่งสมาธิค่ะ กังวลมาก ไม่รู้ไปทำไรผิดเข้ารึเปล่า ใครรู้ช่วยบอก หรือแก้อาการทีค่ะ



ถ้าให้เลิฟ เจ ตอบ เขาก็จะว่า อย่าทิ้งมหาสติปัฏฐาน ซึ่งเป็นคำสอนของพระพุทธเจ้านะ เพิ่มอิทธิบาทเข้าไป ฉันทะ วิริยะ จิตตะ วิมังสา แล้วพิจารณาโดยแยบคาย โยนิโสมนสิการ ฯลฯ

https://scontent.fbkk5-3.fna.fbcdn.net/ ... e=5D1E4742

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 มี.ค. 2019, 08:16 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7502

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:

จิตเกิดดับสลับกันทีละ1ขณะไม่ปนกันไม่ซ้ำเก่าแม้แต่ขณะเดียว
เดี๋ยวนี้ดับนับแสนโกฏิขณะ
ถ้าไม่เพียรคิดตามคำสอนเพื่อเข้าใจตามปกติ
จะไปทำอะไรก็คือคิดเห็นผิดอยู่บอกให้ฟังไม่ยอมฟังดับนับแสนโกฏิขณะใครรู้จริง
ตถาคตตรัสรู้ความจริงที่กำลังมีเดี๋ยวนี้ตรงกับทุกคำในพระไตรปิฎกมีแล้วไม่มีใครทำฟังบ้างนะคะ

https://youtu.be/bbSIRuucVk4


เสียเวลาปลูกผักส่งตลาดไท :b12:

แล้วเอายังไงต่อ :b10:

คำสอนสำหรับเข้าใจถูกตามตรงสัจจะที่กายใจตัวเองกำลังมี
ไม่ใช่การท่องจำบัญญัติคำที่ไม่ตรงขณะที่กายใจตัวเองกำลังมี
เพราะที่มีแล้วและไม่ต้องทำคือมีกิเลสอาสาวะนอนในจิตรอไหลออก
ที่ต้องทำคือฟังคำของตถาคตให้เข้าใจความจริงที่กำลังมีถูกตามได้เท่านั้น
แล้วสังขารขันธ์จะปรุงแต่งจิตถูกตามคำสอนและจำถูกเข้าใจถูกทีละนิดเพิ่มปัญญาทีละน้อย
:b12:
:b17: :b17:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 มี.ค. 2019, 08:20 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7502

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
อ้างคำพูด:
กรัชกาย
คุณปฤษฎี เท่าที่ถกเถียงกับคุณโรสไปหลายช่วงหลายตอน ก็พอรู้แล้วว่า แม่สุจิน ไม่ให้ทำสมาธิ ข้อนี้เราก็ต่างกันในเบื้องต้นแล้ว


อ้างคำพูด:
ปฤษฎี
ท่านอาจารย์สุจินต์เป็นผู้ศึกษาพระไตรปิฎกมานานมีความแตกฉานในพระไตรปิฎกและอรรถกถา รวมถึงได้ศึกษาปกรณ์พิเศษที่สำคัญอย่างวิสุทธิมรรค ไม่ทราบคุณกรัชกายได้เคยฟังรึยัง ท่านเจรจาแสดงธรรมอย่างไพเราะน่าฟัง คุณกรัชกายลองฟังดูบ้างสิ เผื่อจะได้มีความเข้าใจในธรรมมากขึ้น ศึกษาจากหนังสือพุทธธรรมอย่างเดียวอาจทำให้ความรู้ไม่แตกฉานกว้างขวาง ลองฟังธรรมจากท่านอื่นบ้าง


เคยฟัง ไม่ใช่ไม่เคยฟัง แล้วก็เคยพูดอย่างน้อยสักครั้งสองครั้งแล้วว่า แม่สุจินเสียงเพราะชอบ ทำนองการพูดวรรคตอน น่าฟัง

ศึกษาถึงขนาดนั้น ทำไมปฏิเสธ อธิจิตตสิกขา (สมาธิ) ได้นะ ทำไม ทีนี้ ไม่เข้าใจเรื่องสมาธิ ถ้าเกิดกรัชกายเข้าไปโต้เถียงกันเรื่องสมาธิ ทำไงล่ะ นี่คือปัญหา

เอาอีกสักตัวอย่าง

อ้างคำพูด:
ทำสมาธิแล้วร่างกายสั่นจริงๆ

ดิฉันเริ่มทำสมาธิได้สองเดือนกว่าๆแล้ว...พยายามทำสมาธิให้ได้วัน ละสาม ชม. แรกๆก็จะบริกรรม ดูลม (เรียนทำสมาธิจากเวปต่างๆ และคลิปที่ยูทูปคะ) จนเห็นจิตเด่นชัด ก็จะบริกรรมไม่ได้แล้ว แต่หากฟุ้งก็จะบริกรรมอีก ตอนนี้แยกร่างกายกับจิตได้บ้างแล้ว เห็นว่าร่างกายไม่ใช่ของเรา เห็นตัวรู้
จนเมื่อวานนี้และวันนี้ ได้เกิดการสั่นขึ้นที่ร่างกายส่วนตัวขึ้น มันเริ่มจากตุบๆ เหนือก้น แรกๆเห็นไม่ชัด จนมันตุบๆๆๆ แรงขึ้นๆ จนกลายเป็นสั่น และสั่นรุนแรงขึ้น เหมือนแผ่นดินไหว แต่ก็พยายามประคองจิตเอาไว้ ให้นิ่งดูเฉยๆ
ในระหว่างนั้น เริ่มฟุ้งซ่านขึ้นมานิดๆ แต่ก็ประคองไว้ จนรู้สึกเหนื่อย ปวดหัว เพราะสั่นแรงมาก มาแล้วก็หาย แล้วก็มาอีก จนถึง วันนี้ๆ
ลองลืมตาดูว่ามันเป็นอย่างไร พอลืมตาดูก็เห็นว่าร่างกายสั่นจริง สั่นแต่ช่วงตัว ก็หลับตาประคองสติต่อ ให้เห็นการเกิดดับ (บางทีนอกจากเหนือก้นจะตุบๆ แล้ว ที่บริเวณกลางอก ก็ตุบๆๆ สังเกตได้ชัด บริเวณหัวด้วย แต่ไม่มากเท่าไหร่) ไม่ทราบว่ามีท่านใดเคยทำสมาธิแล้วเป็นแบบนี้บ้าง คะ

เคยฟัง...กับ...ฟังเข้าใจถูกตามได้
มันต่างกันนะเพราะเคยฟังเนี่ยแค่ได้ยินเฉยๆ
แต่ฟังเข้าใจถูกตามได้หมายถึงเงี่ยหูฟังทีละคำจริงๆ
คำไหนเข้าใจได้สะสมปัญญาส่วนฟังไปแย้งไปนั่นน่ะไม่เข้าใจ
เข้าใจเกิดปัญญา...ไม่เข้าใจเกิดอวิชชา...จะเอาอะไรไปทำบอกว่ามีแล้วให้ทำปัญญาตามคำสอน
:b55: :b55: :b55:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 มี.ค. 2019, 08:23 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:

จิตเกิดดับสลับกันทีละ1ขณะไม่ปนกันไม่ซ้ำเก่าแม้แต่ขณะเดียว
เดี๋ยวนี้ดับนับแสนโกฏิขณะ
ถ้าไม่เพียรคิดตามคำสอนเพื่อเข้าใจตามปกติ
จะไปทำอะไรก็คือคิดเห็นผิดอยู่บอกให้ฟังไม่ยอมฟังดับนับแสนโกฏิขณะใครรู้จริง
ตถาคตตรัสรู้ความจริงที่กำลังมีเดี๋ยวนี้ตรงกับทุกคำในพระไตรปิฎกมีแล้วไม่มีใครทำฟังบ้างนะคะ

https://youtu.be/bbSIRuucVk4


เสียเวลาปลูกผักส่งตลาดไท :b12:

แล้วเอายังไงต่อ :b10:

คำสอนสำหรับเข้าใจถูกตามตรงสัจจะที่กายใจตัวเองกำลังมี

ไม่ใช่การท่องจำบัญญัติคำที่ไม่ตรงขณะที่กายใจตัวเองกำลังมี

เพราะที่มีแล้ว และไม่ต้องทำ คือ มีกิเลสอาสาวะนอนในจิตรอไหลออก

ที่ต้องทำคือฟังคำของตถาคตให้เข้าใจความจริงที่กำลังมีถูกตามได้เท่านั้น
แล้วสังขารขันธ์จะปรุงแต่งจิตถูกตามคำสอนและจำถูกเข้าใจถูกทีละนิดเพิ่มปัญญาทีละน้อย


นี่ชัดเลย อย่างที่ว่ากระทู้นี้

viewtopic.php?f=1&t=57281

กิเลสมีแล้ว ไม่ต้องทำอะไรมัน รอไหลออก :b32:

ว่าไง คุณปฤษฎี เห็นด้วยไหม

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 มี.ค. 2019, 08:29 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7502

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:

กุศลและอกุศลคือสังขารขันธ์ปรุงคนละขณะจิต

สติเป็นโสภณเจตสิกที่ไม่เกิดร่วมกับอกุศลเจตสิก

ศีลคือเจตสิกเกิดได้ทั้งขณะที่เป็นกุศลหรืออกุศล

สมาธิคือเจตสิกเกิดได้ทั้งขณะที่เป็นกุศลหรืออกุศล

ปัญญาคือเจตสิกที่ไม่เกิดกับอกุศลและต้องกำลังระลึกตามคำสอนคือมีสติที่เป็นกุศลเจตสิกเกิดร่วมด้วย

ทั้งปัญญาและสติเกิดกับกุศลจิตตอนฟังคำสอนแล้วคิดถูกตามตรงความจริงตรงขณะที่กายตัวเองกำลังมีจ้ะ

แยกออกไหมตอนนั่งหลับตาไม่รู้อะไรเลยตามคำสอนนั่นน่ะทำกิเลสส่วนตัวอยู่นั่งเดาไปเรื่อยๆอย่างนั้นหรือ


คุณปฤษฎี เห็นแล้วนะ นี่ศิษย์แม่สุจินนะ นี่เขาลืมตาแยกสังขาร แบบหนังสือเรียน ชั้นจูฬ-ตรีนะ คิกๆๆๆ นั่นแหละครับนั่งเดานั่งจินตนาการตามหนังสือว่าไว้

เพราะฉะนั้น เมื่อเอาสภาวะจริงๆถาม ไปไม่ถูก ไม่รู้จะเอาอิท่าไหนดี

อ้างคำพูด:
ขนลุกตอนนั่งสมาธิ

ช่วงหลังๆนี้มีอาการผิดปกติกับตัวเองค่ะ คือมีอาการขนลุกตลอดเวลา โดยเฉพาะตอนนั่งสมาธิเป็นหนักมาก ขออนุญาต เล่าเป็นข้อๆดังนี้นะคะ
อาการที่เกิด
1.บ่อยครั้งขนลุกบริเวณขาซ้าย เป็นบ่อยค่ะอาการนี้ (เป็นมานาน)

2.อาการขนหัวลุก เสียวท้ายทอยมาก เริ่มมาเป็นช่วงหลังๆ มานี่เองค่ะ เกิดชัดครั้งแรก ตอนไปร่วมพิธีไหว้ครูที่นึง เป็นพิธีใหญ่พอสมควร พอเริ่มพิธี เท่านั้นเองก็ขนหัวลุกซู่ ลุกจนเสียวต้นคอ และบริเวณท้ายทอยมาก พอซักพัก นั่งร้องไห้แบบไม่ทราบสาเหตุค่ะ ร้องแบบสะอึกสะอื้น งงตัวเองนะคะว่า ร้องไห้ทำไม อายก็อายค่ะ แต่ฝืนตัวเองไม่ได้เลย อยู่ในพิธี เป็นอยู่แบบนี้ ทั้งขนหัวลุกและร้องไห้ 3 - 4 รอบสลับกันไปจนจบพิธีอาการก็หายค่ะ นี่คือครั้งแรกค่ะ

แต่ที่จะถามต่อคือ มาช่วง นี้ 3-4 วัน ก่อนที่จะโพสถามนี่ อาการกลับมาค่ะ แต่หนักและถี่แรงกว่าปกติ คือเริ่มต้นจากอยู่ๆ ก็ขนลุกน้อยๆทั้งตัวบ้าง ขนลุกบริเวณขาซ้ายบ้าง เป็นอย่างงี้ทั้งวันค่ะ (ปกตินานๆทีแต่ครั้งนี้เป็นตลอดวัน)

แต่ที่หนักสุด พอมานั่งสมาธิ (ปกตินั่งสมาธิเกือบทุกวันไม่เคยมีอาการขนหัวลุกหรือเสียวต้นคอเลย) อยู่ๆคราวนี้ พอเริ่มนั่งเริ่มกำหนด ไม่ถึงนาที อาการขนหัวลุก เสียวต้นคอ -ท้ายทอย มาหนักมาก กำหนดอย่างอื่นไม่ได้เลย เลยกำหนดไปที่อาการนี้ คือ ขนลุกหนอ เสียวท้ายทอยหนอ อยู่แบบนี้
พอหายซักพัก ก็ไปกำหนดท้องพองยุบ หรือ กำหนดตามจิตเราที่ไปกระทบปกติ เดี๋ยวอาการขนหัวลุกก็มาแทรกอีก เป็นอย่างนี้สลับไป
สังเกตุตัวเองว่า หลังจากนั้นเป็นต้นมา เวลาใช้ชีวิตปกติก็ขนลุกตลอดเวลา ทั้งวัน แต่ไม่แรง
พอวันที่ 2 นั่งสมาธิใหม่ก็ขนหัวลุกอีก อาการจะแรงช่วงนั่งสมาธิค่ะ กังวลมาก ไม่รู้ไปทำไรผิดเข้ารึเปล่า ใครรู้ช่วยบอก หรือแก้อาการทีค่ะ



ถ้าให้เลิฟ เจ ตอบ เขาก็จะว่า อย่าทิ้งมหาสติปัฏฐาน ซึ่งเป็นคำสอนของพระพุทธเจ้านะ เพิ่มอิทธิบาทเข้าไป ฉันทะ วิริยะ จิตตะ วิมังสา แล้วพิจารณาโดยแยบคาย โยนิโสมนสิการ ฯลฯ

https://scontent.fbkk5-3.fna.fbcdn.net/ ... e=5D1E4742

จะไปแยกสังขารอะไรอีก
บอกว่าเดี๋ยวนี้ดับนับแสนโกฏิขณะ
เป็นกิเลสไปแล้วนับไม่ถ้วนเลย1ล้านดวงจิตแสนครั้ง
ถามว่า...จิตเกิดดับทีละ1ขณะตรงทีละ1ทางเท่านั้นไม่เข้าใจหรือคะ
ธาตุ4ขันธ์5อายตนะ6มีครบหมดแล้วไม่ได้ทำอะไรเลยมีแต่อุปาทานในขันธ์5ว่ามีตัวตน
จิตคือวิญญาณขันธ์
เจตสิกมี3ขันธ์คือ1เวทนา2สัญญา3สังขาร
รูปคือรูปขันธ์
จิต1ขณะที่เกิดดับคือจิต+เจตสิก+รูป
1ขณะตรงแค่1ทางมันสลับกันไปครบแล้วทั้ง6ทาง
รวมความว่าแค่ลัดนิ้วมือเดียวดับไปแล้วแสนโกฏิขณะมันนับไม่ได้
ต้องศึกษาเหตุปัจจัยตรงแต่ละ1ทางตรงตามที่กายใจตัวเองปรากฏว่ามีตรง1ทางนั้น
:b11:
:b12: :b12:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 มี.ค. 2019, 09:40 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:

กุศลและอกุศลคือสังขารขันธ์ปรุงคนละขณะจิต

สติเป็นโสภณเจตสิกที่ไม่เกิดร่วมกับอกุศลเจตสิก

ศีลคือเจตสิกเกิดได้ทั้งขณะที่เป็นกุศลหรืออกุศล

สมาธิคือเจตสิกเกิดได้ทั้งขณะที่เป็นกุศลหรืออกุศล

ปัญญาคือเจตสิกที่ไม่เกิดกับอกุศลและต้องกำลังระลึกตามคำสอนคือมีสติที่เป็นกุศลเจตสิกเกิดร่วมด้วย

ทั้งปัญญาและสติเกิดกับกุศลจิตตอนฟังคำสอนแล้วคิดถูกตามตรงความจริงตรงขณะที่กายตัวเองกำลังมีจ้ะ

แยกออกไหมตอนนั่งหลับตาไม่รู้อะไรเลยตามคำสอนนั่นน่ะทำกิเลสส่วนตัวอยู่นั่งเดาไปเรื่อยๆอย่างนั้นหรือ


คุณปฤษฎี เห็นแล้วนะ นี่ศิษย์แม่สุจินนะ นี่เขาลืมตาแยกสังขาร แบบหนังสือเรียน ชั้นจูฬ-ตรีนะ คิกๆๆๆ นั่นแหละครับนั่งเดานั่งจินตนาการตามหนังสือว่าไว้

เพราะฉะนั้น เมื่อเอาสภาวะจริงๆถาม ไปไม่ถูก ไม่รู้จะเอาอิท่าไหนดี

อ้างคำพูด:
ขนลุกตอนนั่งสมาธิ

ช่วงหลังๆนี้มีอาการผิดปกติกับตัวเองค่ะ คือมีอาการขนลุกตลอดเวลา โดยเฉพาะตอนนั่งสมาธิเป็นหนักมาก ขออนุญาต เล่าเป็นข้อๆดังนี้นะคะ
อาการที่เกิด
1.บ่อยครั้งขนลุกบริเวณขาซ้าย เป็นบ่อยค่ะอาการนี้ (เป็นมานาน)

2.อาการขนหัวลุก เสียวท้ายทอยมาก เริ่มมาเป็นช่วงหลังๆ มานี่เองค่ะ เกิดชัดครั้งแรก ตอนไปร่วมพิธีไหว้ครูที่นึง เป็นพิธีใหญ่พอสมควร พอเริ่มพิธี เท่านั้นเองก็ขนหัวลุกซู่ ลุกจนเสียวต้นคอ และบริเวณท้ายทอยมาก พอซักพัก นั่งร้องไห้แบบไม่ทราบสาเหตุค่ะ ร้องแบบสะอึกสะอื้น งงตัวเองนะคะว่า ร้องไห้ทำไม อายก็อายค่ะ แต่ฝืนตัวเองไม่ได้เลย อยู่ในพิธี เป็นอยู่แบบนี้ ทั้งขนหัวลุกและร้องไห้ 3 - 4 รอบสลับกันไปจนจบพิธีอาการก็หายค่ะ นี่คือครั้งแรกค่ะ

แต่ที่จะถามต่อคือ มาช่วง นี้ 3-4 วัน ก่อนที่จะโพสถามนี่ อาการกลับมาค่ะ แต่หนักและถี่แรงกว่าปกติ คือเริ่มต้นจากอยู่ๆ ก็ขนลุกน้อยๆทั้งตัวบ้าง ขนลุกบริเวณขาซ้ายบ้าง เป็นอย่างงี้ทั้งวันค่ะ (ปกตินานๆทีแต่ครั้งนี้เป็นตลอดวัน)

แต่ที่หนักสุด พอมานั่งสมาธิ (ปกตินั่งสมาธิเกือบทุกวันไม่เคยมีอาการขนหัวลุกหรือเสียวต้นคอเลย) อยู่ๆคราวนี้ พอเริ่มนั่งเริ่มกำหนด ไม่ถึงนาที อาการขนหัวลุก เสียวต้นคอ -ท้ายทอย มาหนักมาก กำหนดอย่างอื่นไม่ได้เลย เลยกำหนดไปที่อาการนี้ คือ ขนลุกหนอ เสียวท้ายทอยหนอ อยู่แบบนี้
พอหายซักพัก ก็ไปกำหนดท้องพองยุบ หรือ กำหนดตามจิตเราที่ไปกระทบปกติ เดี๋ยวอาการขนหัวลุกก็มาแทรกอีก เป็นอย่างนี้สลับไป
สังเกตุตัวเองว่า หลังจากนั้นเป็นต้นมา เวลาใช้ชีวิตปกติก็ขนลุกตลอดเวลา ทั้งวัน แต่ไม่แรง
พอวันที่ 2 นั่งสมาธิใหม่ก็ขนหัวลุกอีก อาการจะแรงช่วงนั่งสมาธิค่ะ กังวลมาก ไม่รู้ไปทำไรผิดเข้ารึเปล่า ใครรู้ช่วยบอก หรือแก้อาการทีค่ะ



ถ้าให้เลิฟ เจ ตอบ เขาก็จะว่า อย่าทิ้งมหาสติปัฏฐาน ซึ่งเป็นคำสอนของพระพุทธเจ้านะ เพิ่มอิทธิบาทเข้าไป ฉันทะ วิริยะ จิตตะ วิมังสา แล้วพิจารณาโดยแยบคาย โยนิโสมนสิการ ฯลฯ

https://scontent.fbkk5-3.fna.fbcdn.net/ ... e=5D1E4742

จะไปแยกสังขารอะไรอีก
บอกว่าเดี๋ยวนี้ดับนับแสนโกฏิขณะ
เป็นกิเลสไปแล้วนับไม่ถ้วนเลย1ล้านดวงจิตแสนครั้ง
ถามว่า...จิตเกิดดับทีละ1ขณะตรงทีละ1ทางเท่านั้นไม่เข้าใจหรือคะ
ธาตุ4ขันธ์5อายตนะ6มีครบหมดแล้วไม่ได้ทำอะไรเลยมีแต่อุปาทานในขันธ์5ว่ามีตัวตน
จิตคือวิญญาณขันธ์
เจตสิกมี3ขันธ์คือ1เวทนา2สัญญา3สังขาร
รูปคือรูปขันธ์
จิต1ขณะที่เกิดดับคือจิต+เจตสิก+รูป
1ขณะตรงแค่1ทางมันสลับกันไปครบแล้วทั้ง6ทาง
รวมความว่าแค่ลัดนิ้วมือเดียวดับไปแล้วแสนโกฏิขณะมันนับไม่ได้
ต้องศึกษาเหตุปัจจัยตรงแต่ละ1ทางตรงตามที่กายใจตัวเองปรากฏว่ามีตรง1ทางนั้น
:b11:
:b12: :b12:



คคห.คุณโรสเบื่อแล้ววนไปวนมาแสนโกฏิขณะกระพริบตากิเลสไหล 6 ทาง
ดังนั้น จึงอยากถกเถียงกับคุณปฤษฎีบ้าง

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 มี.ค. 2019, 12:25 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7502

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:

กุศลและอกุศลคือสังขารขันธ์ปรุงคนละขณะจิต

สติเป็นโสภณเจตสิกที่ไม่เกิดร่วมกับอกุศลเจตสิก

ศีลคือเจตสิกเกิดได้ทั้งขณะที่เป็นกุศลหรืออกุศล

สมาธิคือเจตสิกเกิดได้ทั้งขณะที่เป็นกุศลหรืออกุศล

ปัญญาคือเจตสิกที่ไม่เกิดกับอกุศลและต้องกำลังระลึกตามคำสอนคือมีสติที่เป็นกุศลเจตสิกเกิดร่วมด้วย

ทั้งปัญญาและสติเกิดกับกุศลจิตตอนฟังคำสอนแล้วคิดถูกตามตรงความจริงตรงขณะที่กายตัวเองกำลังมีจ้ะ

แยกออกไหมตอนนั่งหลับตาไม่รู้อะไรเลยตามคำสอนนั่นน่ะทำกิเลสส่วนตัวอยู่นั่งเดาไปเรื่อยๆอย่างนั้นหรือ


คุณปฤษฎี เห็นแล้วนะ นี่ศิษย์แม่สุจินนะ นี่เขาลืมตาแยกสังขาร แบบหนังสือเรียน ชั้นจูฬ-ตรีนะ คิกๆๆๆ นั่นแหละครับนั่งเดานั่งจินตนาการตามหนังสือว่าไว้

เพราะฉะนั้น เมื่อเอาสภาวะจริงๆถาม ไปไม่ถูก ไม่รู้จะเอาอิท่าไหนดี

อ้างคำพูด:
ขนลุกตอนนั่งสมาธิ

ช่วงหลังๆนี้มีอาการผิดปกติกับตัวเองค่ะ คือมีอาการขนลุกตลอดเวลา โดยเฉพาะตอนนั่งสมาธิเป็นหนักมาก ขออนุญาต เล่าเป็นข้อๆดังนี้นะคะ
อาการที่เกิด
1.บ่อยครั้งขนลุกบริเวณขาซ้าย เป็นบ่อยค่ะอาการนี้ (เป็นมานาน)

2.อาการขนหัวลุก เสียวท้ายทอยมาก เริ่มมาเป็นช่วงหลังๆ มานี่เองค่ะ เกิดชัดครั้งแรก ตอนไปร่วมพิธีไหว้ครูที่นึง เป็นพิธีใหญ่พอสมควร พอเริ่มพิธี เท่านั้นเองก็ขนหัวลุกซู่ ลุกจนเสียวต้นคอ และบริเวณท้ายทอยมาก พอซักพัก นั่งร้องไห้แบบไม่ทราบสาเหตุค่ะ ร้องแบบสะอึกสะอื้น งงตัวเองนะคะว่า ร้องไห้ทำไม อายก็อายค่ะ แต่ฝืนตัวเองไม่ได้เลย อยู่ในพิธี เป็นอยู่แบบนี้ ทั้งขนหัวลุกและร้องไห้ 3 - 4 รอบสลับกันไปจนจบพิธีอาการก็หายค่ะ นี่คือครั้งแรกค่ะ

แต่ที่จะถามต่อคือ มาช่วง นี้ 3-4 วัน ก่อนที่จะโพสถามนี่ อาการกลับมาค่ะ แต่หนักและถี่แรงกว่าปกติ คือเริ่มต้นจากอยู่ๆ ก็ขนลุกน้อยๆทั้งตัวบ้าง ขนลุกบริเวณขาซ้ายบ้าง เป็นอย่างงี้ทั้งวันค่ะ (ปกตินานๆทีแต่ครั้งนี้เป็นตลอดวัน)

แต่ที่หนักสุด พอมานั่งสมาธิ (ปกตินั่งสมาธิเกือบทุกวันไม่เคยมีอาการขนหัวลุกหรือเสียวต้นคอเลย) อยู่ๆคราวนี้ พอเริ่มนั่งเริ่มกำหนด ไม่ถึงนาที อาการขนหัวลุก เสียวต้นคอ -ท้ายทอย มาหนักมาก กำหนดอย่างอื่นไม่ได้เลย เลยกำหนดไปที่อาการนี้ คือ ขนลุกหนอ เสียวท้ายทอยหนอ อยู่แบบนี้
พอหายซักพัก ก็ไปกำหนดท้องพองยุบ หรือ กำหนดตามจิตเราที่ไปกระทบปกติ เดี๋ยวอาการขนหัวลุกก็มาแทรกอีก เป็นอย่างนี้สลับไป
สังเกตุตัวเองว่า หลังจากนั้นเป็นต้นมา เวลาใช้ชีวิตปกติก็ขนลุกตลอดเวลา ทั้งวัน แต่ไม่แรง
พอวันที่ 2 นั่งสมาธิใหม่ก็ขนหัวลุกอีก อาการจะแรงช่วงนั่งสมาธิค่ะ กังวลมาก ไม่รู้ไปทำไรผิดเข้ารึเปล่า ใครรู้ช่วยบอก หรือแก้อาการทีค่ะ



ถ้าให้เลิฟ เจ ตอบ เขาก็จะว่า อย่าทิ้งมหาสติปัฏฐาน ซึ่งเป็นคำสอนของพระพุทธเจ้านะ เพิ่มอิทธิบาทเข้าไป ฉันทะ วิริยะ จิตตะ วิมังสา แล้วพิจารณาโดยแยบคาย โยนิโสมนสิการ ฯลฯ

https://scontent.fbkk5-3.fna.fbcdn.net/ ... e=5D1E4742

จะไปแยกสังขารอะไรอีก
บอกว่าเดี๋ยวนี้ดับนับแสนโกฏิขณะ
เป็นกิเลสไปแล้วนับไม่ถ้วนเลย1ล้านดวงจิตแสนครั้ง
ถามว่า...จิตเกิดดับทีละ1ขณะตรงทีละ1ทางเท่านั้นไม่เข้าใจหรือคะ
ธาตุ4ขันธ์5อายตนะ6มีครบหมดแล้วไม่ได้ทำอะไรเลยมีแต่อุปาทานในขันธ์5ว่ามีตัวตน
จิตคือวิญญาณขันธ์
เจตสิกมี3ขันธ์คือ1เวทนา2สัญญา3สังขาร
รูปคือรูปขันธ์
จิต1ขณะที่เกิดดับคือจิต+เจตสิก+รูป
1ขณะตรงแค่1ทางมันสลับกันไปครบแล้วทั้ง6ทาง
รวมความว่าแค่ลัดนิ้วมือเดียวดับไปแล้วแสนโกฏิขณะมันนับไม่ได้
ต้องศึกษาเหตุปัจจัยตรงแต่ละ1ทางตรงตามที่กายใจตัวเองปรากฏว่ามีตรง1ทางนั้น
:b11:
:b12: :b12:



คคห.คุณโรสเบื่อแล้ววนไปวนมาแสนโกฏิขณะกระพริบตากิเลสไหล 6 ทาง
ดังนั้น จึงอยากถกเถียงกับคุณปฤษฎีบ้าง

:b32:
ก็ที่รู้สึกตัวอยู่เดี๋ยวนี้น่ะคือรู้สึกว่ามีตัวตนครบอาการ32มีแล้วไม่ต้องทำคือมีอุปาทานขันธ์ไปทำไม่รู้เพิ่มอีก
:b32:
แล้วก็เดี๋ยวนี้แหละที่กำลังมีตัวจริงของสภาพธรรมที่กำลังเกิดดับนับแสนโกฏิขณะมีแล้วไม่มีใครทำเลยค่ะ
:b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 มี.ค. 2019, 20:49 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 ก.พ. 2011, 19:56
โพสต์: 1798


 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:

กุศลและอกุศลคือสังขารขันธ์ปรุงคนละขณะจิต

สติเป็นโสภณเจตสิกที่ไม่เกิดร่วมกับอกุศลเจตสิก

ศีลคือเจตสิกเกิดได้ทั้งขณะที่เป็นกุศลหรืออกุศล

สมาธิคือเจตสิกเกิดได้ทั้งขณะที่เป็นกุศลหรืออกุศล

ปัญญาคือเจตสิกที่ไม่เกิดกับอกุศลและต้องกำลังระลึกตามคำสอนคือมีสติที่เป็นกุศลเจตสิกเกิดร่วมด้วย

ทั้งปัญญาและสติเกิดกับกุศลจิตตอนฟังคำสอนแล้วคิดถูกตามตรงความจริงตรงขณะที่กายตัวเองกำลังมีจ้ะ

แยกออกไหมตอนนั่งหลับตาไม่รู้อะไรเลยตามคำสอนนั่นน่ะทำกิเลสส่วนตัวอยู่นั่งเดาไปเรื่อยๆอย่างนั้นหรือ


คุณปฤษฎี เห็นแล้วนะ นี่ศิษย์แม่สุจินนะ นี่เขาลืมตาแยกสังขาร แบบหนังสือเรียน ชั้นจูฬ-ตรีนะ คิกๆๆๆ นั่นแหละครับนั่งเดานั่งจินตนาการตามหนังสือว่าไว้

เพราะฉะนั้น เมื่อเอาสภาวะจริงๆถาม ไปไม่ถูก ไม่รู้จะเอาอิท่าไหนดี

อ้างคำพูด:
ขนลุกตอนนั่งสมาธิ

ช่วงหลังๆนี้มีอาการผิดปกติกับตัวเองค่ะ คือมีอาการขนลุกตลอดเวลา โดยเฉพาะตอนนั่งสมาธิเป็นหนักมาก ขออนุญาต เล่าเป็นข้อๆดังนี้นะคะ
อาการที่เกิด
1.บ่อยครั้งขนลุกบริเวณขาซ้าย เป็นบ่อยค่ะอาการนี้ (เป็นมานาน)

2.อาการขนหัวลุก เสียวท้ายทอยมาก เริ่มมาเป็นช่วงหลังๆ มานี่เองค่ะ เกิดชัดครั้งแรก ตอนไปร่วมพิธีไหว้ครูที่นึง เป็นพิธีใหญ่พอสมควร พอเริ่มพิธี เท่านั้นเองก็ขนหัวลุกซู่ ลุกจนเสียวต้นคอ และบริเวณท้ายทอยมาก พอซักพัก นั่งร้องไห้แบบไม่ทราบสาเหตุค่ะ ร้องแบบสะอึกสะอื้น งงตัวเองนะคะว่า ร้องไห้ทำไม อายก็อายค่ะ แต่ฝืนตัวเองไม่ได้เลย อยู่ในพิธี เป็นอยู่แบบนี้ ทั้งขนหัวลุกและร้องไห้ 3 - 4 รอบสลับกันไปจนจบพิธีอาการก็หายค่ะ นี่คือครั้งแรกค่ะ

แต่ที่จะถามต่อคือ มาช่วง นี้ 3-4 วัน ก่อนที่จะโพสถามนี่ อาการกลับมาค่ะ แต่หนักและถี่แรงกว่าปกติ คือเริ่มต้นจากอยู่ๆ ก็ขนลุกน้อยๆทั้งตัวบ้าง ขนลุกบริเวณขาซ้ายบ้าง เป็นอย่างงี้ทั้งวันค่ะ (ปกตินานๆทีแต่ครั้งนี้เป็นตลอดวัน)

แต่ที่หนักสุด พอมานั่งสมาธิ (ปกตินั่งสมาธิเกือบทุกวันไม่เคยมีอาการขนหัวลุกหรือเสียวต้นคอเลย) อยู่ๆคราวนี้ พอเริ่มนั่งเริ่มกำหนด ไม่ถึงนาที อาการขนหัวลุก เสียวต้นคอ -ท้ายทอย มาหนักมาก กำหนดอย่างอื่นไม่ได้เลย เลยกำหนดไปที่อาการนี้ คือ ขนลุกหนอ เสียวท้ายทอยหนอ อยู่แบบนี้
พอหายซักพัก ก็ไปกำหนดท้องพองยุบ หรือ กำหนดตามจิตเราที่ไปกระทบปกติ เดี๋ยวอาการขนหัวลุกก็มาแทรกอีก เป็นอย่างนี้สลับไป
สังเกตุตัวเองว่า หลังจากนั้นเป็นต้นมา เวลาใช้ชีวิตปกติก็ขนลุกตลอดเวลา ทั้งวัน แต่ไม่แรง
พอวันที่ 2 นั่งสมาธิใหม่ก็ขนหัวลุกอีก อาการจะแรงช่วงนั่งสมาธิค่ะ กังวลมาก ไม่รู้ไปทำไรผิดเข้ารึเปล่า ใครรู้ช่วยบอก หรือแก้อาการทีค่ะ



ถ้าให้เลิฟ เจ ตอบ เขาก็จะว่า อย่าทิ้งมหาสติปัฏฐาน ซึ่งเป็นคำสอนของพระพุทธเจ้านะ เพิ่มอิทธิบาทเข้าไป ฉันทะ วิริยะ จิตตะ วิมังสา แล้วพิจารณาโดยแยบคาย โยนิโสมนสิการ ฯลฯ

https://scontent.fbkk5-3.fna.fbcdn.net/ ... e=5D1E4742

จะไปแยกสังขารอะไรอีก
บอกว่าเดี๋ยวนี้ดับนับแสนโกฏิขณะ
เป็นกิเลสไปแล้วนับไม่ถ้วนเลย1ล้านดวงจิตแสนครั้ง
ถามว่า...จิตเกิดดับทีละ1ขณะตรงทีละ1ทางเท่านั้นไม่เข้าใจหรือคะ
ธาตุ4ขันธ์5อายตนะ6มีครบหมดแล้วไม่ได้ทำอะไรเลยมีแต่อุปาทานในขันธ์5ว่ามีตัวตน
จิตคือวิญญาณขันธ์
เจตสิกมี3ขันธ์คือ1เวทนา2สัญญา3สังขาร
รูปคือรูปขันธ์
จิต1ขณะที่เกิดดับคือจิต+เจตสิก+รูป
1ขณะตรงแค่1ทางมันสลับกันไปครบแล้วทั้ง6ทาง
รวมความว่าแค่ลัดนิ้วมือเดียวดับไปแล้วแสนโกฏิขณะมันนับไม่ได้
ต้องศึกษาเหตุปัจจัยตรงแต่ละ1ทางตรงตามที่กายใจตัวเองปรากฏว่ามีตรง1ทางนั้น
:b11:
:b12: :b12:



คคห.คุณโรสเบื่อแล้ววนไปวนมาแสนโกฏิขณะกระพริบตากิเลสไหล 6 ทาง
ดังนั้น จึงอยากถกเถียงกับคุณปฤษฎีบ้าง



จะมาถก จะมาเถียงจะได้สาระไหม
แค่งานที่ทำก็เหนื่อยแล้ว


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 มี.ค. 2019, 03:32 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 มี.ค. 2018, 02:56
โพสต์: 2157

โฮมเพจ: maybe
แนวปฏิบัติ: สติปัฎฐาน
งานอดิเรก: กีฬา
สิ่งที่ชื่นชอบ: แบรนด์เเนม
ชื่อเล่น: เม
อายุ: 22
ที่อยู่: Bangkok Thailand

 ข้อมูลส่วนตัว


ปฤษฎี เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:

กุศลและอกุศลคือสังขารขันธ์ปรุงคนละขณะจิต

สติเป็นโสภณเจตสิกที่ไม่เกิดร่วมกับอกุศลเจตสิก

ศีลคือเจตสิกเกิดได้ทั้งขณะที่เป็นกุศลหรืออกุศล

สมาธิคือเจตสิกเกิดได้ทั้งขณะที่เป็นกุศลหรืออกุศล

ปัญญาคือเจตสิกที่ไม่เกิดกับอกุศลและต้องกำลังระลึกตามคำสอนคือมีสติที่เป็นกุศลเจตสิกเกิดร่วมด้วย

ทั้งปัญญาและสติเกิดกับกุศลจิตตอนฟังคำสอนแล้วคิดถูกตามตรงความจริงตรงขณะที่กายตัวเองกำลังมีจ้ะ

แยกออกไหมตอนนั่งหลับตาไม่รู้อะไรเลยตามคำสอนนั่นน่ะทำกิเลสส่วนตัวอยู่นั่งเดาไปเรื่อยๆอย่างนั้นหรือ


คุณปฤษฎี เห็นแล้วนะ นี่ศิษย์แม่สุจินนะ นี่เขาลืมตาแยกสังขาร แบบหนังสือเรียน ชั้นจูฬ-ตรีนะ คิกๆๆๆ นั่นแหละครับนั่งเดานั่งจินตนาการตามหนังสือว่าไว้

เพราะฉะนั้น เมื่อเอาสภาวะจริงๆถาม ไปไม่ถูก ไม่รู้จะเอาอิท่าไหนดี

อ้างคำพูด:
ขนลุกตอนนั่งสมาธิ

ช่วงหลังๆนี้มีอาการผิดปกติกับตัวเองค่ะ คือมีอาการขนลุกตลอดเวลา โดยเฉพาะตอนนั่งสมาธิเป็นหนักมาก ขออนุญาต เล่าเป็นข้อๆดังนี้นะคะ
อาการที่เกิด
1.บ่อยครั้งขนลุกบริเวณขาซ้าย เป็นบ่อยค่ะอาการนี้ (เป็นมานาน)

2.อาการขนหัวลุก เสียวท้ายทอยมาก เริ่มมาเป็นช่วงหลังๆ มานี่เองค่ะ เกิดชัดครั้งแรก ตอนไปร่วมพิธีไหว้ครูที่นึง เป็นพิธีใหญ่พอสมควร พอเริ่มพิธี เท่านั้นเองก็ขนหัวลุกซู่ ลุกจนเสียวต้นคอ และบริเวณท้ายทอยมาก พอซักพัก นั่งร้องไห้แบบไม่ทราบสาเหตุค่ะ ร้องแบบสะอึกสะอื้น งงตัวเองนะคะว่า ร้องไห้ทำไม อายก็อายค่ะ แต่ฝืนตัวเองไม่ได้เลย อยู่ในพิธี เป็นอยู่แบบนี้ ทั้งขนหัวลุกและร้องไห้ 3 - 4 รอบสลับกันไปจนจบพิธีอาการก็หายค่ะ นี่คือครั้งแรกค่ะ

แต่ที่จะถามต่อคือ มาช่วง นี้ 3-4 วัน ก่อนที่จะโพสถามนี่ อาการกลับมาค่ะ แต่หนักและถี่แรงกว่าปกติ คือเริ่มต้นจากอยู่ๆ ก็ขนลุกน้อยๆทั้งตัวบ้าง ขนลุกบริเวณขาซ้ายบ้าง เป็นอย่างงี้ทั้งวันค่ะ (ปกตินานๆทีแต่ครั้งนี้เป็นตลอดวัน)

แต่ที่หนักสุด พอมานั่งสมาธิ (ปกตินั่งสมาธิเกือบทุกวันไม่เคยมีอาการขนหัวลุกหรือเสียวต้นคอเลย) อยู่ๆคราวนี้ พอเริ่มนั่งเริ่มกำหนด ไม่ถึงนาที อาการขนหัวลุก เสียวต้นคอ -ท้ายทอย มาหนักมาก กำหนดอย่างอื่นไม่ได้เลย เลยกำหนดไปที่อาการนี้ คือ ขนลุกหนอ เสียวท้ายทอยหนอ อยู่แบบนี้
พอหายซักพัก ก็ไปกำหนดท้องพองยุบ หรือ กำหนดตามจิตเราที่ไปกระทบปกติ เดี๋ยวอาการขนหัวลุกก็มาแทรกอีก เป็นอย่างนี้สลับไป
สังเกตุตัวเองว่า หลังจากนั้นเป็นต้นมา เวลาใช้ชีวิตปกติก็ขนลุกตลอดเวลา ทั้งวัน แต่ไม่แรง
พอวันที่ 2 นั่งสมาธิใหม่ก็ขนหัวลุกอีก อาการจะแรงช่วงนั่งสมาธิค่ะ กังวลมาก ไม่รู้ไปทำไรผิดเข้ารึเปล่า ใครรู้ช่วยบอก หรือแก้อาการทีค่ะ



ถ้าให้เลิฟ เจ ตอบ เขาก็จะว่า อย่าทิ้งมหาสติปัฏฐาน ซึ่งเป็นคำสอนของพระพุทธเจ้านะ เพิ่มอิทธิบาทเข้าไป ฉันทะ วิริยะ จิตตะ วิมังสา แล้วพิจารณาโดยแยบคาย โยนิโสมนสิการ ฯลฯ

https://scontent.fbkk5-3.fna.fbcdn.net/ ... e=5D1E4742

จะไปแยกสังขารอะไรอีก
บอกว่าเดี๋ยวนี้ดับนับแสนโกฏิขณะ
เป็นกิเลสไปแล้วนับไม่ถ้วนเลย1ล้านดวงจิตแสนครั้ง
ถามว่า...จิตเกิดดับทีละ1ขณะตรงทีละ1ทางเท่านั้นไม่เข้าใจหรือคะ
ธาตุ4ขันธ์5อายตนะ6มีครบหมดแล้วไม่ได้ทำอะไรเลยมีแต่อุปาทานในขันธ์5ว่ามีตัวตน
จิตคือวิญญาณขันธ์
เจตสิกมี3ขันธ์คือ1เวทนา2สัญญา3สังขาร
รูปคือรูปขันธ์
จิต1ขณะที่เกิดดับคือจิต+เจตสิก+รูป
1ขณะตรงแค่1ทางมันสลับกันไปครบแล้วทั้ง6ทาง
รวมความว่าแค่ลัดนิ้วมือเดียวดับไปแล้วแสนโกฏิขณะมันนับไม่ได้
ต้องศึกษาเหตุปัจจัยตรงแต่ละ1ทางตรงตามที่กายใจตัวเองปรากฏว่ามีตรง1ทางนั้น
:b11:
:b12: :b12:



คคห.คุณโรสเบื่อแล้ววนไปวนมาแสนโกฏิขณะกระพริบตากิเลสไหล 6 ทาง
ดังนั้น จึงอยากถกเถียงกับคุณปฤษฎีบ้าง



จะมาถก จะมาเถียงจะได้สาระไหม
แค่งานที่ทำก็เหนื่อยแล้ว

s006 เอ่?

เมื่อถึงงานทางธรรม ความเบาสุขสบาย ก็จะเกิด ไม่ว่างานหนักเหนือยแค่ไหน ค่ะ


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 88 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5, 6

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 123 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร