วันเวลาปัจจุบัน 19 เม.ย. 2024, 23:41  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 334 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 5, 6, 7, 8, 9, 10, 11 ... 23  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 28 ก.ค. 2019, 21:00 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ฟังแล้วอ่าน คือ เรามักจะได้ยินคำพูดของคนพุทธนี่ล่ะบางคนบางกลุ่มว่า "ไม่มีใครทำลายพระพุทธศาสนาได้นอกจากชาวพุทธด้วยกันเอง" ทีนี้ลองพิจารณา คคห. จากบัณฑิตทางศาสนาท่านหนึ่ง ดังนี้


......................


ไม่มีใครทำลายพระพุทธศาสนาได้


เมื่อมีการกล่าวถึงการกระทำที่บ่งบอกว่าเป็นการรุกราน เบียดเบียน ทำลายพระพุทธศาสนา ก็จะต้องมีท่านจำพวกหนึ่ง เอ่ยขึ้นว่า

“ไม่มีใครทำลายพระพุทธศาสนาได้ นอกจากชาวพุทธด้วยกันเอง”

เมื่อพูดดังนี้แล้ว ก็ดูประหนึ่งว่าท่านผู้พูดได้แสดงหลักความจริงอันประเสริฐที่เพิ่งถูกค้นพบ-ในขณะที่คนอื่นๆ ล้วนแต่ยังโง่ๆ เซ่อๆ อยู่ทั้งนั้น

ความจริง คำพูดนั้น-ไม่มีใครทำลายพระพุทธศาสนาได้ นอกจากชาวพุทธด้วยกันเอง-เป็นคำที่ยังพูดไม่หมดเปลือก

ถ้าไม่คิดให้ดี ก็เป็นคำพูดที่ก่อให้เกิดความประมาทได้

ผมขออนุญาตช่วยคิดนะครับ

.....................

แนวคิดเบื้องหลังคำพูดนี้เข้าใจว่าเกิดมาจากการอ่านสัทธรรมปฏิรูปกสูตร

สัทธรรมปฏิรูปกสูตร อยู่ในคัมภีร์สังยุตตนิกาย นิทานวรรค พระไตรปิฎกเล่ม ๑๖ ข้อ ๕๓๑-๕๓๕

อรรถกถาที่อธิบายพระสูตรนี้คือ สารัตถปกาสินี ภาค ๒ หน้า ๓๑๘-๓๒๔

ถ้าอ่านในพระไตรปิฎกและอรรถกถาแปล ชุด ๙๑ เล่ม ก็อยู่เล่ม ๒๖ หน้า ๖๓๐-๖๓๘

ผมไม่ยกตัวพระสูตรมา แต่ปักป้ายบอกทางไว้ให้

ขอให้มีอุตสาหะตามไปศึกษากันหน่อยนะครับ อย่าเอาแต่นั่งแสดงโวหารคมคายอย่างเดียว

.....................

ไม่มีใครทำลายหลักสัจธรรมอันเป็นคำสอนในพระพุทธศาสนาได้ เพราะสัจธรรมเป็นของประจำโลก

พระพุทธเจ้าไม่ได้บัญญัติแต่งตั้งขึ้นมาใหม่ เพียงแต่พระองค์ทรงค้นพบแล้วนำมาตรัสบอกชาวโลก

ค้นพบสิ่งที่มีอยู่แล้ว เหมือนนักวิทยาศาสตร์ค้นพบกฎต่างๆ ทางวิทยาศาสตร์

เมื่อสิ่งนั้นเป็นสัจธรรมประจำโลก ก็เป็นธรรมดาที่มันจะต้องคงอยู่ประจำโลก ไม่มีใครไปทำลายมันได้ ตราบเท่าที่โลกยังคงมีอยู่

พระพุทธศาสนามีหลักคำสอนที่เป็นสัจธรรมประจำโลก

สัจธรรมประจำโลกที่มีอยู่ในพระพุทธศาสนาจึงไม่มีใครไปทำลายได้ ตราบเท่าที่ยังมีผู้ศึกษา เรียนรู้ และปฏิบัติตามอย่างถูกต้อง

ผู้ศึกษา เรียนรู้ และปฏิบัติตามหลักคำสอนในพระพุทธศาสนา ได้ชื่อว่า “ชาวพุทธ”

ถ้าผู้ที่ได้ชื่อว่าชาวพุทธ ไม่ศึกษา ไม่เรียนรู้ และไม่ปฏิบัติตามหลักคำสอนให้ถูกต้อง หลักคำสอนที่ถูกต้องก็ไม่ปรากฏ

อย่างนี้แหละที่เรียกว่าชาวพุทธทำลายพระพุทธศาสนา คือทำให้หลักคำสอนที่ถูกต้องไม่ปรากฏ

ที่ว่ามานี้เป็นส่วนที่เป็นหลักคำสอนที่เป็นสัจธรรมประจำโลก

แต่ในพระพุทธศาสนา ไม่ได้มีแต่หลักคำสอนอย่างเดียว

ยังมีตัวบุคคล
สถานที่
วัตถุ
ประเพณีพิธีการต่างๆ
อันเป็นองค์ประกอบ รวมเรียกว่า “พระพุทธศาสนา”


ที่เอามาพูดกันว่า“ไม่มีใครทำลายพระพุทธศาสนาได้ นอกจากชาวพุทธด้วยกันเอง” นั้นหมายเฉพาะส่วนที่เป็นหลักคำสอนอันเป็นสัจธรรมประจำโลกเท่านั้น

แต่องค์ประกอบอื่นๆ ของพระพุทธศาสนา คนอื่นสามารถทำลายได้ทั้งสิ้น

ทำลายวัด ทำลายพระสงฆ์ ทำลายเจดีย์วิหาร
และทำลายกิจกรรม เช่นการแสดงธรรม การปฏิบัติศาสนพิธี การบวช การตั้งโรงเรียน การสอนพระพุทธศาสนา ฯลฯ

สิ่งเหล่านี้ ใครไม่ชอบ ใครไม่ต้องการให้มี เขาสามารถทำลายได้ทั้งสิ้น และเคยมีการทำลายมาแล้วด้วย

เพราะฉะนั้น ต้องแยกให้ถูกว่าส่วนไหนทำลายได้ ส่วนไหนทำลายไม่ได้

อย่าหลับตาพูดคลุมไปว่า-ไม่มีใครสามารถทำลายพระพุทธศาสนาได้

ไม่มีองค์กรและกิจกรรมดังกล่าวนั้น
หลักสัจธรรมจะไปแสดงตัวที่ไหน

มองไปที่ผู้คนที่เดินไปมาขวักไขว่เต็มบ้านเต็มเมือง จะรู้หรือไม่ว่า-นี่ไงพระพุทธศาสนา

พระพุทธศาสนาอยู่ในใจในวิถีชีวิตของคน
แต่คนต้องอยู่ในบ้านเมือง

และพระพุทธศาสนา-เฉพาะส่วนที่ตัวหลักธรรมคำสอน-นั้น ไม่ได้เข้าไปอยู่ในใจคนได้โดยอัตโนมัติ

แต่ต้องมีการบอกกล่าว เรียนรู้ สั่งสอน อบรม
การบอกกล่าว เรียนรู้ สั่งสอน อบรม เป็นกระบวนการทางสังคม
ไม่ใช่นั่งๆ นอนๆ อยู่เฉยๆ ในบ้านใครบ้านมัน ก็เกิดขึ้นได้เอง
สังคมเอื้ออำนวย จึงทำได้
ถ้าสังคมไม่เอื้ออำนวย ก็ทำไม่ได้

ทำไมในอเมริกาจึงมีวัดพระพุทธศาสนาเกิดขึ้นได้เป็นอันมาก
แต่ทำไมในซาอุดิอาระเบียจึงไม่มีใครไปสร้างวัดพระพุทธศาสนา

ถ้าอยู่มาวันหนึ่ง ผู้ได้อำนาจรัฐในเมืองไทยใช้นโยบายเหมือนผู้ได้อำนาจรัฐในซาอุดิอาระเบีย พระพุทธศาสนาจะอยู่ในเมืองไทยได้หรือไม่

เป็นความจริง-ที่ชาวพุทธจะต้องประพฤติดีปฏิบัติชอบถูกต้องตามพระธรรมวินัย เราจึงจะรักษาพระพุทธศาสนาไว้ได้

แต่ถ้าผู้ได้อำนาจรัฐเป็นมิจฉาทิฐิ ต่อให้ชาวพุทธเคร่งครัดในพระธรรมวินัยขนาดไหน ก็อยู่ไม่ได้

จะฝันหวานขอเพียงให้พระพุทธศาสนาอยู่ในใจคนก็พอแล้ว ผู้บริหารบ้านเมืองจะทำอะไรกับบ้านเมือง เชิญตามสบายเถิด -ไม่มีใครทำลายพระพุทธศาสนาได้ นอกจากชาวพุทธด้วยกันเอง- ก็ขอให้ลองศึกษาบ้านเมืองที่เคยมีพระพุทธศาสนาเจริญรุ่งเรืองดูเถิด

...................

พระพุทธศาสนานั้นไม่มีกองกำลังติดอาวุธไว้ป้องกันตนเอง ไม่ต้องกล่าวไปถึงว่าจะมีไว้ทำร้ายใคร

พระพุทธศาสนาไปอยู่ที่ไหน ก็อาศัยผู้บริหารปกครองบ้านเมืองนั้นทำหน้าที่ “อารักขา”

ถ้าผู้บริหารบ้านเมืองเป็นสัมมาทิฐิ พระพุทธศาสนาก็อยู่ได้

ถ้าผู้บริหารบ้านเมืองไม่เอาใจใส่ ไม่เห็นความสำคัญ หรือถ้าถึงขั้นเป็นมิจฉาทิฐิ คอยขัดขวาง กีดกัน กลั่นแกล้ง พระพุทธศาสนาก็อยู่ไม่ได้ ไปไม่รอด

...................

เวลาพูดเรื่องใครจะทำลายพระพุทธศาสนา จึงต้องแยกส่วนให้ถูก อย่าสักแต่ว่าหลับตาพูดตามกันไป

นาวาเอก ทองย้อย แสงสินชัย
๑๖ พฤษภาคม ๒๕๖๒
๑๐:๓๔

https://www.facebook.com/tsangsinchai/p ... 2464634478

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 29 ก.ค. 2019, 07:31 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เจ้าอาวาสวัดชายแดนใต้ ซึ่งท่านถูกยิงมรณภาพไปแล้ว

รูปภาพ


อ้างคำพูด:
ในพระพุทธศาสนา ไม่ได้มีแต่หลักคำสอนอย่างเดียว

ยังมีตัวบุคคล
สถานที่
วัตถุ
ประเพณีพิธีการต่างๆ
อันเป็นองค์ประกอบ รวมเรียกว่า “พระพุทธศาสนา”

ที่เอามาพูดกันว่า “ไม่มีใครทำลายพระพุทธศาสนาได้ นอกจากชาวพุทธด้วยกันเอง” นั้น หมายเฉพาะส่วนที่เป็นหลักคำสอนอันเป็นสัจธรรมประจำโลกเท่านั้น

แต่องค์ประกอบอื่นๆ ของพระพุทธศาสนา คนอื่นสามารถทำลายได้ทั้งสิ้น

ทำลายวัด ทำลายพระสงฆ์ ทำลายเจดีย์วิหาร
และทำลายกิจกรรม เช่นการแสดงธรรม การปฏิบัติศาสนพิธี การบวช การตั้งโรงเรียน การสอนพระพุทธศาสนา ฯลฯ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 30 ก.ค. 2019, 08:06 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


รูปภาพ

https://www.facebook.com/photo.php?fbid ... =3&theater

ครั้งก่อนทำให้เขาเสียหน้า จัดให้ใหม่อีกรอบหนึ่ง

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 31 ก.ค. 2019, 10:16 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
ส.ว.มีคนหนึ่งที่เป็นปากเสียงแทนพระพุทธศาสนาในประเทศไทย



สั้นๆแต่ได้น้ำได้เนื้อ เช่น สร้างพุทธมณฑลประจำทุกจังหวัด,ตั้งกองทุนสำหรับพุทธศาสนิกชนเดินทางไปแดนพุทธภูมิเพื่อกราบนมัสการสังเวชนียสถาน (มุสลิมในไทยทางรัฐก็ส่งเสริมสนับสนุนอำนวยความสะดวกให้เดินทางไปเมกกะ), พุทธศาสนามีภัยมากมายทั้งไฟภายนอกไฟภายใน เป็นต้น


ของเขากลางไปเรื่อยๆ

รูปภาพ

https://www.facebook.com/photo.php?fbid ... =3&theater

https://scontent.fbkk5-6.fna.fbcdn.net/ ... e=5DDEAF04

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 31 ก.ค. 2019, 11:29 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


สวนดุสิต” ลึกซึ้ง “รับน้องด้วยธรรม” ปั้นครูปฐมวัยมืออาชีพ

รูปภาพ


https://siamrath.co.th/files/styles/750 ... k=oU075FES

https://siamrath.co.th/n/92142?fbclid=I ... ZmsiTXVAs0

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 31 ก.ค. 2019, 19:28 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ให้สัมภาษณ์ว่าไม่รู้จักรู้จี่ :b1: แล้วสองคนผัวเมียนี่ใคร

https://www.facebook.com/photo.php?fbid ... =3&theater

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 02 ส.ค. 2019, 16:49 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เมื่อน้ำหมดเขื่อน (เขื่อนป่าสักฯ) เราก็ได้เห็นสิ่งที่จมอยู่ใต้น้ำ

รูปภาพ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 04 ส.ค. 2019, 20:57 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ดูเหมือนไม่ใช่ที่เมืองไทย

รูปภาพ

https://www.facebook.com/48807023505018 ... =3&theater

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 08 ส.ค. 2019, 11:46 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
อ้างคำพูด:
ด่วนถูกกำนัน...และภรรยาและพรรคพวก...ข่มขู่ขับไล่ให้ออกจากวัดกระทาโหง..แต่พระได้อธิษฐานเข้าพรรษาที่วัดกระทาโหงแล้ว...จึงไม่ออกจากวัด...ฝ่ายกำนัน...และภรรยากับพวกจึงปิดประตูและปิดรั้วทุกด้าน เราจึงถูกปิดล้อมออกไปไหนไม่ได้...! ณ วัดร้าง..ชื่อ.."วัดกระทาโหง"...!!!

ติดกับสำนักงานเทศบาลตำบลบางเลน อ.บางใหญ่ จ.นนทบุรี เข้าทางหมู่บ้านเดอะซิตี้ราชพฤกษ์

ใกล้วงเวียนบางใหญ่..ตรงข้ามกับการไฟฟ้าบางใหญ่



https://scontent.fbkk5-8.fna.fbcdn.net/ ... e=5DAE2E9B

https://www.facebook.com/photo.php?fbid ... =3&theater

ระยะนี้พระพุทธศาสนาถูกบีบถูกริดรอนทุกๆด้าน



อ้างคำพูด:
ศาลพิจิตรสั่ง 'ส.ว.กิตติศักดิ์' พร้อมพวกห้ามยุ่งเกี่ยวกิจการวัดบางคลาน


รูปภาพ

https://www.thaipost.net/main/detail/42 ... rbrgWx8RZU


คสช.คัด ส.ว. เอามาเป็นปากเสียงแทนตนแต่ละคนๆสุดยอดขมองอิ่มทั้งนั้น

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ส.ค. 2019, 19:54 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ใน ปทท. ยังหาใครจัดได้งดงามอย่างนี้ไม่มี ยังหาไม่เห็น :b16:

รูปภาพ

https://www.facebook.com/dhammakayainsi ... =3&theater

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 12 ส.ค. 2019, 21:23 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 มี.ค. 2018, 02:56
โพสต์: 2157

โฮมเพจ: maybe
แนวปฏิบัติ: สติปัฎฐาน
งานอดิเรก: กีฬา
สิ่งที่ชื่นชอบ: แบรนด์เเนม
ชื่อเล่น: เม
อายุ: 22
ที่อยู่: Bangkok Thailand

 ข้อมูลส่วนตัว


ใจดี ร่วมกันก็ทำได้ ใจชั่ว คนเดียว ก็ทำลายโลกได้

tongue


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ส.ค. 2019, 08:50 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


รูปภาพ

วัดคือสมบัติของพระพุทธศาสนา...บังคับคดีกับวัดไม่ได้

******
สัญญาณอันตรายอีกอย่างหนึ่ง ที่เกิดขึ้นกับคนไทย หรือชาวพุทธ และพระสงฆ์ ซึ่งเป็นรากฐานของประเทศ คือ การกล่าวหาพระสงฆ์ในหลายรูปแบบ ด้วยการจับกุมคุมขังทั้งที่รู้ว่าไม่ผิด และการฟ้องขับไล่วัด สั่งให้รื้นถอน สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่เกิดมานานแล้ว แต่เพิ่งเกิดขึ้นใหม่ๆเมื่อ 3 ปีมานี้เอง ล่าสุดที่ขอนแก่น มีคำสั่งบังคดีให้วัดรื้อถอน แล้วชาวพุทธที่เคยอยู่แบบสงบสุขมานาน ไม่รู้เท่าทันเล่ห์กลคนเหล่านี้จะทำอะไร

อันดับแรก ห้ามรื้อถอนเองเด็ดขาด เพราะวัดหรือสำนักสงฆ์ไม่ใช่สมบัติของใครคนใดคนหนึ่ง แต่เป็นสมบัติกลางของแผ่นดินที่ประชาชนร่วมกันสร้างและใช้ประโยชน์ และที่สำคัญในพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ. 2505 มาตรา 34 กำหนดไว้ว่า ห้ามมิให้บุคคลใดยกอายุความขึ้นต่อสู้กับวัดในเรื่องทรัพย์สินอันเป็นที่วัด ที่ธรณีสงฆ์ หรือที่ศาสนสมบัติกลาง และมาตรา 35กำหนดว่า ที่วัด ที่ธรณีสงฆ์ และศาสนสมบัติกลาง เป็นทรัพย์สินซึ่งไม่อยู่ในความรับผิดชอบแห่งการบังคับคดี ดังนั้น ผู้ที่เกี่ยวข้องในการฟ้องร้องวัด ถ้าเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ ตั้งแต่อบต.เป็นต้นไป ถือว่าปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ สามารถฟ้องกลับได้เลย แม้กระทั่งอัยการ และผู้พิพากษาด้วย ถ้าชาวบ้านหรือวัดไปรื้อเองตามคำสั่งศาล อาจโดนข้อหาทำลายทรัพย์สินเสียเอง

อันดับสอง วัดในพระพุทธศาสนา ถือเป็นสถาบันหลักของชาติ ร่วมกันกับสถาบันชาติ และสถาบันพระมหากษัตริย์ ไม่มีกฎหมายบังคับให้วัดต้องจดทะเบียน ตามคำพิพากษาฎีกาที่ 47-50/2490 เรื่องที่ดิน ขับไล่ คำพิพากษาย่อมีว่า ที่ธรณีสงฆ์นั้น ไม่มีกฎหมายบังคับให้ต้องจดทะเบียน การฟ้องร้องขับไล่ออกจากที่ธรณีสงฆ์นั้น
โจทก์ (วัด) พิสูจน์ว่าเป็นที่ธรณีสงฆ์ก็เพียงพอแล้ว ไม่จำเป็นต้องนำสืบถึงการได้มา วินิจฉัยว่า “เมื่อปรากฏว่าเป็นที่ธรณีสงฆ์แล้ว
โจทก์ (วัด) ก็หามีหน้าที่ไม่ที่จะต้องนำสืบพิสูจน์ถึงการได้มาซึ่งที่ดินนั้น ในกรณีที่เรียกคืนที่ธรณีสงฆ์จากเอกชนผู้เข้ามารับกวน ถ้าจะถือหลักอย่างจำเลยว่า วัดที่มีมาแต่โบราณกาลก็จะถูกบาปชนแย่งชิงเอาที่ดินไปหมด เพราะไม่สามารถจะหาหลักฐานมาพิสูจน์ได้ว่าใครอุทิศถวาย ดังนั้น ที่ธรณีสงฆ์ของวัด วัดจึงเพียงแต่นำสืบแสดงให้เห็นว่า วัดได้ครอบครองดูแลใช้ประโยชน์หรือหวงกันไว้อย่างเป็นเจ้าของจึงย่อมเพียงพอแล้ว และสามารถชนะคดีได้ ถ้าวัดมีข้อพิพาทกับชาวบ้านในกรณีเช่นนี้” คำพิพากษาฎีกานี้ ทุกวัดในประเทศไทย สามารถนำไปโต้แย้งกับฝ่ายที่มารุกรานได้ทุกศาล

อันดับสาม กฎหมายรัฐธรรมนูญฉบับใหม่เพิ่งบังคับใช้ มาตรา 67 กำหนดให้รัฐต้องอุปถัมภ์และคุ้มครองพระพุทธศาสนา และในการอุปถัมภ์และคุ้มครองนั้น ต้องมีมาตรการและกลไกในการป้องกันมิให้มีการบ่อนทำลายพระพุทธศาสนาไม่ว่ารูปแบบใด และพึงส่งเสริมให้พุทธศาสนิกชนมีส่วนร่วมในการดำเนินมาตรการหรือกลไกดังกล่าวด้วย” การฟ้องขับไล่วัด ก็ถือว่าเป็นการปฏิบัติโดยมิชอบ และเป็นการทำลายพระพุทธศาสนาในรูปแบบหนึ่ง ทั้งวัดและชาวบ้านจึงสามารถยกรัฐธรรมนูญมาตรานี้ขึ้นมาต่อสู้ได้ด้วย และกิจกรรมใดๆ ที่ทำไปเพื่อปกป้องวัด ก็ไม่ถือเป็นความผิดด้วย
นอกจากนี้มาตรา 50 ยังกำหนดหน้าที่แก่ทุกคนไว้ว่า
(1) พิทักษ์รักษาไว้ซึ่งชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
(2) ป้องกันประเทศ พิทักษ์รักษาเกียรติภูมิ ผลประโยชน์ของชาติ และสาธารณสมบัติของแผ่นดิน ซึ่งวัดที่ประชาชนร่วมกันสร้างขึ้น ก็ชื่อว่าสมบัติของแผ่นดินที่ทุกคนต้องร่วมกันพิทักษ์รักษาไว้ตามหน้าที่ด้วย

อันดับสี่ ชาวพุทธและคนไทยทุกคนพึ่งตะหนักเถิดว่า บัดนี้ได้เกิดการทำลายล้างคนไทยขึ้นแล้วด้วยเมื่อวันที่ 14 มิถุนายน 2560 นายบวรเวท รุ่งรุจี ผู้ช่วยโฆษกคณะกรรมการธิการ (กมธ.) ขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศด้านกีฬา ศิลปะ วัฒนธรรม การศาสนา คุณธรรม และจริยธรรม สภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) บอกว่า กมธ.เห็นชอบ ให้วัด จัดทำบัญชีทรัพย์สิน ครอบคลุมทรัพย์สินของวัดทั้งหมด ตลอดจนโบราณสถาน โบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ ศาสนวัตถุ กำหนดหลักเกณฑ์ดูแลวัดทั่วประเทศ 37,000 แห่ง พร้อมติดตามตรวจสอบบัญชีทรัพย์สินวัด และรายงานผลการตรวจสอบให้ทราบ นี้คือตัวอย่างการทำลายที่มาจากระดับบน ส่วนระดับล่าง ตั้งแต่อบต.ขึ้นมา จนกระทั่งมีการฟ้องร้องให้หลายวัดรื้อถอนตามที่เป็นข่าวอยู่ทุกวันนี้เอง ชาวพุทธจะอยู่ใสซื่อแบบเดิมไม่ได้แล้ว

สรุปว่า อย่ารื้อถอนเองตามที่เขาสั่ง ถ้าเขามารื้อให้ถ่ายรูปไว้เป็นหลักฐาน และฟ้องเรียกค่าเสียหายให้เข็ดหลาบ และให้โต้กลับทุกคนที่มีส่วนเกี่ยวข้อง

: กลุ่มชาวพุทธพลังแผ่นดิน 29 มิย.62

https://www.facebook.com/photo.php?fbid ... =3&theater

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 ส.ค. 2019, 01:53 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 มี.ค. 2018, 02:56
โพสต์: 2157

โฮมเพจ: maybe
แนวปฏิบัติ: สติปัฎฐาน
งานอดิเรก: กีฬา
สิ่งที่ชื่นชอบ: แบรนด์เเนม
ชื่อเล่น: เม
อายุ: 22
ที่อยู่: Bangkok Thailand

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
รูปภาพ

วัดคือสมบัติของพระพุทธศาสนา...บังคับคดีกับวัดไม่ได้

******
สัญญาณอันตรายอีกอย่างหนึ่ง ที่เกิดขึ้นกับคนไทย หรือชาวพุทธ และพระสงฆ์ ซึ่งเป็นรากฐานของประเทศ คือ การกล่าวหาพระสงฆ์ในหลายรูปแบบ ด้วยการจับกุมคุมขังทั้งที่รู้ว่าไม่ผิด และการฟ้องขับไล่วัด สั่งให้รื้นถอน สิ่งเหล่านี้ไม่ใช่เกิดมานานแล้ว แต่เพิ่งเกิดขึ้นใหม่ๆเมื่อ 3 ปีมานี้เอง ล่าสุดที่ขอนแก่น มีคำสั่งบังคดีให้วัดรื้อถอน แล้วชาวพุทธที่เคยอยู่แบบสงบสุขมานาน ไม่รู้เท่าทันเล่ห์กลคนเหล่านี้จะทำอะไร

อันดับแรก ห้ามรื้อถอนเองเด็ดขาด เพราะวัดหรือสำนักสงฆ์ไม่ใช่สมบัติของใครคนใดคนหนึ่ง แต่เป็นสมบัติกลางของแผ่นดินที่ประชาชนร่วมกันสร้างและใช้ประโยชน์ และที่สำคัญในพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ. 2505 มาตรา 34 กำหนดไว้ว่า ห้ามมิให้บุคคลใดยกอายุความขึ้นต่อสู้กับวัดในเรื่องทรัพย์สินอันเป็นที่วัด ที่ธรณีสงฆ์ หรือที่ศาสนสมบัติกลาง และมาตรา 35กำหนดว่า ที่วัด ที่ธรณีสงฆ์ และศาสนสมบัติกลาง เป็นทรัพย์สินซึ่งไม่อยู่ในความรับผิดชอบแห่งการบังคับคดี ดังนั้น ผู้ที่เกี่ยวข้องในการฟ้องร้องวัด ถ้าเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ ตั้งแต่อบต.เป็นต้นไป ถือว่าปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ สามารถฟ้องกลับได้เลย แม้กระทั่งอัยการ และผู้พิพากษาด้วย ถ้าชาวบ้านหรือวัดไปรื้อเองตามคำสั่งศาล อาจโดนข้อหาทำลายทรัพย์สินเสียเอง

อันดับสอง วัดในพระพุทธศาสนา ถือเป็นสถาบันหลักของชาติ ร่วมกันกับสถาบันชาติ และสถาบันพระมหากษัตริย์ ไม่มีกฎหมายบังคับให้วัดต้องจดทะเบียน ตามคำพิพากษาฎีกาที่ 47-50/2490 เรื่องที่ดิน ขับไล่ คำพิพากษาย่อมีว่า ที่ธรณีสงฆ์นั้น ไม่มีกฎหมายบังคับให้ต้องจดทะเบียน การฟ้องร้องขับไล่ออกจากที่ธรณีสงฆ์นั้น
โจทก์ (วัด) พิสูจน์ว่าเป็นที่ธรณีสงฆ์ก็เพียงพอแล้ว ไม่จำเป็นต้องนำสืบถึงการได้มา วินิจฉัยว่า “เมื่อปรากฏว่าเป็นที่ธรณีสงฆ์แล้ว
โจทก์ (วัด) ก็หามีหน้าที่ไม่ที่จะต้องนำสืบพิสูจน์ถึงการได้มาซึ่งที่ดินนั้น ในกรณีที่เรียกคืนที่ธรณีสงฆ์จากเอกชนผู้เข้ามารับกวน ถ้าจะถือหลักอย่างจำเลยว่า วัดที่มีมาแต่โบราณกาลก็จะถูกบาปชนแย่งชิงเอาที่ดินไปหมด เพราะไม่สามารถจะหาหลักฐานมาพิสูจน์ได้ว่าใครอุทิศถวาย ดังนั้น ที่ธรณีสงฆ์ของวัด วัดจึงเพียงแต่นำสืบแสดงให้เห็นว่า วัดได้ครอบครองดูแลใช้ประโยชน์หรือหวงกันไว้อย่างเป็นเจ้าของจึงย่อมเพียงพอแล้ว และสามารถชนะคดีได้ ถ้าวัดมีข้อพิพาทกับชาวบ้านในกรณีเช่นนี้” คำพิพากษาฎีกานี้ ทุกวัดในประเทศไทย สามารถนำไปโต้แย้งกับฝ่ายที่มารุกรานได้ทุกศาล

อันดับสาม กฎหมายรัฐธรรมนูญฉบับใหม่เพิ่งบังคับใช้ มาตรา 67 กำหนดให้รัฐต้องอุปถัมภ์และคุ้มครองพระพุทธศาสนา และในการอุปถัมภ์และคุ้มครองนั้น ต้องมีมาตรการและกลไกในการป้องกันมิให้มีการบ่อนทำลายพระพุทธศาสนาไม่ว่ารูปแบบใด และพึงส่งเสริมให้พุทธศาสนิกชนมีส่วนร่วมในการดำเนินมาตรการหรือกลไกดังกล่าวด้วย” การฟ้องขับไล่วัด ก็ถือว่าเป็นการปฏิบัติโดยมิชอบ และเป็นการทำลายพระพุทธศาสนาในรูปแบบหนึ่ง ทั้งวัดและชาวบ้านจึงสามารถยกรัฐธรรมนูญมาตรานี้ขึ้นมาต่อสู้ได้ด้วย และกิจกรรมใดๆ ที่ทำไปเพื่อปกป้องวัด ก็ไม่ถือเป็นความผิดด้วย
นอกจากนี้มาตรา 50 ยังกำหนดหน้าที่แก่ทุกคนไว้ว่า
(1) พิทักษ์รักษาไว้ซึ่งชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
(2) ป้องกันประเทศ พิทักษ์รักษาเกียรติภูมิ ผลประโยชน์ของชาติ และสาธารณสมบัติของแผ่นดิน ซึ่งวัดที่ประชาชนร่วมกันสร้างขึ้น ก็ชื่อว่าสมบัติของแผ่นดินที่ทุกคนต้องร่วมกันพิทักษ์รักษาไว้ตามหน้าที่ด้วย

อันดับสี่ ชาวพุทธและคนไทยทุกคนพึ่งตะหนักเถิดว่า บัดนี้ได้เกิดการทำลายล้างคนไทยขึ้นแล้วด้วยเมื่อวันที่ 14 มิถุนายน 2560 นายบวรเวท รุ่งรุจี ผู้ช่วยโฆษกคณะกรรมการธิการ (กมธ.) ขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศด้านกีฬา ศิลปะ วัฒนธรรม การศาสนา คุณธรรม และจริยธรรม สภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) บอกว่า กมธ.เห็นชอบ ให้วัด จัดทำบัญชีทรัพย์สิน ครอบคลุมทรัพย์สินของวัดทั้งหมด ตลอดจนโบราณสถาน โบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ ศาสนวัตถุ กำหนดหลักเกณฑ์ดูแลวัดทั่วประเทศ 37,000 แห่ง พร้อมติดตามตรวจสอบบัญชีทรัพย์สินวัด และรายงานผลการตรวจสอบให้ทราบ นี้คือตัวอย่างการทำลายที่มาจากระดับบน ส่วนระดับล่าง ตั้งแต่อบต.ขึ้นมา จนกระทั่งมีการฟ้องร้องให้หลายวัดรื้อถอนตามที่เป็นข่าวอยู่ทุกวันนี้เอง ชาวพุทธจะอยู่ใสซื่อแบบเดิมไม่ได้แล้ว

สรุปว่า อย่ารื้อถอนเองตามที่เขาสั่ง ถ้าเขามารื้อให้ถ่ายรูปไว้เป็นหลักฐาน และฟ้องเรียกค่าเสียหายให้เข็ดหลาบ และให้โต้กลับทุกคนที่มีส่วนเกี่ยวข้อง

: กลุ่มชาวพุทธพลังแผ่นดิน 29 มิย.62

https://www.facebook.com/photo.php?fbid ... =3&theater


เห็นข่าว แล้ววัดพระธรรมกายหละค๊ะ ?

tongue


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 ส.ค. 2019, 05:26 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
เจ้าคุณว.วชิรเมธีสื่ออะไร? โพสต์ภาพต้นไม้ พร้อมข้อความ’ หากโลกเหลือต้นไม้เพียงต้นเดียว’

วันที่ 15 ส.ค.2562 เพจพระเมธีวชิโรดม – ว.วชิรเมธี ได้โพสต์ภาพและข้อความว่า

“หากโลกเหลือต้นไม้เพียงต้นเดียว”
.
มีเรื่องเล่าว่า
พระราชาหนุ่มพระองค์หนึ่ง
เพิ่งได้รับราชสมบัติจากพระราชบิดาของพระองค์
ทันทีที่ได้เสวยราชย์
พระองค์ก็ทรงเริ่มบริหารราชการแผ่นดินทันที
แต่ช่างน่าเสียดายที่วิธีบริหารของพระองค์นั้น
วางรากฐานอยู่บนความเห็นแก่ตัวของพระองค์ล้วนๆ
.
พระองค์ทรงรับสั่งให้สร้างพระตำหนักหลังใหม่ที่ใหญ่กว่าเดิม
ไม่ใช่ใหญ่กว่าเดิมในพระนครเท่านั้น
หากแต่ทรงต้องการให้ใหญ่กว่าพระตำหนัก
ของพระราชาทุกพระองค์ในโลกนี้ด้วย
.
เพื่อให้ความฝันของพระองค์เป็นจริง
พระองค์จึงทรงมีพระบัญชาให้ทหารไปตัดไม้มาให้มากที่สุด
เพื่อเร่งสร้างพระตำหนักทั้งวันทั้งคืน
ทหารราวแสนนายถูกเกณฑ์ไปตัดไม้มาจากป่าดงดิบ
จากเทือกเขา จากป่าต้นน้ำ ป่าลุ่มน้ำ
ภายในเวลาไม่ถึงสามปี
ต้นไม้ในพระราชอาณาจักรของพระองค์
ก็ร่อยหรอลงไปอย่างรวดเร็วราวปาฏิหาริย์
ป่าที่เคยหนาแน่นเขียวขจี
บางที่บางแห่งถึงขนาดแดดส่องลงไปไม่ถึงพื้น
ก็กลับเหี้ยนเตียนเหลือแต่ตอ

ต่อ

http://thebuddh.com/?p=43230&fbclid=IwA ... -uEW2zfyzw

่พ่ะน่ะ :b32: นึกถึงบทความ จอว.วัดแถวๆชลประทานแนวๆนี้แหละเมื่อก่อนโน้น :b1:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 16 ส.ค. 2019, 17:03 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 มี.ค. 2018, 02:56
โพสต์: 2157

โฮมเพจ: maybe
แนวปฏิบัติ: สติปัฎฐาน
งานอดิเรก: กีฬา
สิ่งที่ชื่นชอบ: แบรนด์เเนม
ชื่อเล่น: เม
อายุ: 22
ที่อยู่: Bangkok Thailand

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
อ้างคำพูด:
เจ้าคุณว.วชิรเมธีสื่ออะไร? โพสต์ภาพต้นไม้ พร้อมข้อความ’ หากโลกเหลือต้นไม้เพียงต้นเดียว’

วันที่ 15 ส.ค.2562 เพจพระเมธีวชิโรดม – ว.วชิรเมธี ได้โพสต์ภาพและข้อความว่า

“หากโลกเหลือต้นไม้เพียงต้นเดียว”
.
มีเรื่องเล่าว่า
พระราชาหนุ่มพระองค์หนึ่ง
เพิ่งได้รับราชสมบัติจากพระราชบิดาของพระองค์
ทันทีที่ได้เสวยราชย์
พระองค์ก็ทรงเริ่มบริหารราชการแผ่นดินทันที
แต่ช่างน่าเสียดายที่วิธีบริหารของพระองค์นั้น
วางรากฐานอยู่บนความเห็นแก่ตัวของพระองค์ล้วนๆ
.
พระองค์ทรงรับสั่งให้สร้างพระตำหนักหลังใหม่ที่ใหญ่กว่าเดิม
ไม่ใช่ใหญ่กว่าเดิมในพระนครเท่านั้น
หากแต่ทรงต้องการให้ใหญ่กว่าพระตำหนัก
ของพระราชาทุกพระองค์ในโลกนี้ด้วย
.
เพื่อให้ความฝันของพระองค์เป็นจริง
พระองค์จึงทรงมีพระบัญชาให้ทหารไปตัดไม้มาให้มากที่สุด
เพื่อเร่งสร้างพระตำหนักทั้งวันทั้งคืน
ทหารราวแสนนายถูกเกณฑ์ไปตัดไม้มาจากป่าดงดิบ
จากเทือกเขา จากป่าต้นน้ำ ป่าลุ่มน้ำ
ภายในเวลาไม่ถึงสามปี
ต้นไม้ในพระราชอาณาจักรของพระองค์
ก็ร่อยหรอลงไปอย่างรวดเร็วราวปาฏิหาริย์
ป่าที่เคยหนาแน่นเขียวขจี
บางที่บางแห่งถึงขนาดแดดส่องลงไปไม่ถึงพื้น
ก็กลับเหี้ยนเตียนเหลือแต่ตอ

ต่อ

http://thebuddh.com/?p=43230&fbclid=IwA ... -uEW2zfyzw

่พ่ะน่ะ :b32: นึกถึงบทความ จอว.วัดแถวๆชลประทานแนวๆนี้แหละเมื่อก่อนโน้น :b1:



คริคริ

หัดกัมฐานมากๆวิปัสสนาลงในอริยะสัจ ในไตรลักษณ์ สิค๊ะ
จะไม่ฟุ้งซ่าน

tongue


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 334 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 5, 6, 7, 8, 9, 10, 11 ... 23  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 48 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร