วันเวลาปัจจุบัน 28 มี.ค. 2024, 19:33  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 334 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 9, 10, 11, 12, 13, 14, 15 ... 23  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 ก.ย. 2019, 11:07 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
อ้างคำพูด:
เจอหลักฐานเด็ด คราบเลือดในรถ ของเจ้าหน้าที่อุทยาน เชื่อมโยงฆ่าบิลลี่

รูปภาพ

https://www.thairath.co.th/news/local/c ... mMHNSxyYIU


อ้างคำพูด:
ที่ประชุมคณะอนุกรรมการพิจารณาค่าตอบแทนและค่าทดแทนและค่าใช้จ่ายแก่จำเลยในคดีอาญากรุงเทพมหานคร 3 เห็นว่า นายพอละจี รักจงเจริญ หรือบิลลี่ เสียชีวิตแล้ว
และเป็นผู้เสียหาย ตามพระราชบัญญัติค่าตอบแทนผู้เสียหายฯ จึงมีมติอนุมัติให้จ่ายค่าตอบแทนฯ แก่ทายาท ของนายบิลลี่ ได้แก่
- ค่าตอบแทนกรณีถึงแก่ความตาย เป็นเงิน 80,000 บาท
- ค่าจัดการศพ เป็นเงิน 20,000 บาท
- ค่าขาดอุปการะเลี้ยงดู เป็นเงิน 40,000 บาท
รวมเป็นเงินจำนวน 140,000 บาท
.
ทั้งนี้ กระทรวงยุติธรรม โดยกรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพจะประสานทายาท นายบิลลี่ เพื่อรับเงินช่วยเหลือเยียวยาดังกล่าว ภายในเดือนกันยายนนี้
.
ขอบคุณภาพ ครอบครัวบิลลี่


รูปภาพ

https://www.facebook.com/WorkpointNews/ ... =3&theater

เหมือนกำลังสื่อว่าเอาเงินไปแล้วจบเหอะพอนะนะ :b1: ไหนๆคนก็ตายไปแล้ว

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 ก.ย. 2019, 16:35 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


รูปภาพ

ผมจึงไม่สบายใจถ้าสำนักพุทธและ รัฐมนตรีที่กำกับดูแลสำนักพุทธมีความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน ไม่เข้าใจพระธรรมวินัยอย่างถ่องแท้
เพราะสำนักพุทธศาสนาถูกก่อตั้งขึ้นมาเพื่อทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาและปกป้องคุ้มครองให้ พุทธบริษัท ของพระพุทธศาสนา, ยืนหยัดอยู่คู่สังคมไทย ไปอีกนาน

แต่ความเข้าใจคลาดเคลื่อนของรัฐมนตรีและ สำนักพุทธศาสนา อาจจะทำให้ศาสนาพุทธในประเทศไทยถึงเวลาที่จะล่มสลาย

ผู้บริหารที่ไม่เข้าใจวัฒนธรรม ไม่เข้าใจ จารีตประเพณีไม่เข้าใจ พระธรรมวินัยย่อมไม่สามารถ บริหารราชการกำกับดูแลสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติได้

ผมรู้สึกเสียใจเป็นอย่างยิ่ง ที่คนไทย ประเทศไทย หาบุคคลที่มีความรู้ความสามารถมาสนองงานพระพุทธศาสนา ไม่ได้

https://www.facebook.com/manasikulonlin ... =3&theater

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 13 ก.ย. 2019, 21:55 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 มี.ค. 2018, 02:56
โพสต์: 2157

โฮมเพจ: maybe
แนวปฏิบัติ: สติปัฎฐาน
งานอดิเรก: กีฬา
สิ่งที่ชื่นชอบ: แบรนด์เเนม
ชื่อเล่น: เม
อายุ: 22
ที่อยู่: Bangkok Thailand

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
รูปภาพ

ผมจึงไม่สบายใจถ้าสำนักพุทธและ รัฐมนตรีที่กำกับดูแลสำนักพุทธมีความเข้าใจที่คลาดเคลื่อน ไม่เข้าใจพระธรรมวินัยอย่างถ่องแท้
เพราะสำนักพุทธศาสนาถูกก่อตั้งขึ้นมาเพื่อทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาและปกป้องคุ้มครองให้ พุทธบริษัท ของพระพุทธศาสนา, ยืนหยัดอยู่คู่สังคมไทย ไปอีกนาน

แต่ความเข้าใจคลาดเคลื่อนของรัฐมนตรีและ สำนักพุทธศาสนา อาจจะทำให้ศาสนาพุทธในประเทศไทยถึงเวลาที่จะล่มสลาย

ผู้บริหารที่ไม่เข้าใจวัฒนธรรม ไม่เข้าใจ จารีตประเพณีไม่เข้าใจ พระธรรมวินัยย่อมไม่สามารถ บริหารราชการกำกับดูแลสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติได้

ผมรู้สึกเสียใจเป็นอย่างยิ่ง ที่คนไทย ประเทศไทย หาบุคคลที่มีความรู้ความสามารถมาสนองงานพระพุทธศาสนา ไม่ได้

https://www.facebook.com/manasikulonlin ... =3&theater


ไม่สบายใจ ก็หาอ่านพระไตรปิฎก ศึกษาพระธรรม เอาที่พระพุทธเจ้าสอน พระอริยะบุคคล มาสอนตัว หัดปฎิบัติ มหาสติปัฎฐาน
ให้พ้นจากทุกข์ จากความไม่สบายใจสิค๊ะ

tongue


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ก.ย. 2019, 05:23 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เป็น ส.ส.โคราชบ้านเอ้ง

รูปภาพ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ก.ย. 2019, 05:25 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


https://www.facebook.com/paivan01/posts ... __tn__=K-R

ครองจีวร คือ ครองสิทธิ

มีเรื่องที่อาตมาคิดว่าจำเป็นจะต้องเขียน เพราะถ้าไม่เขียนเสียเลยหรือปล่อยไปอย่างนี้ ก็จะเป็นเรื่องที่นำพาให้เข้าใจกันผิดไปหมด แม้ถึงต่อให้เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ก็ยังอาจมีความเข้าใจที่ไม่ถูกต้องได้

อาตมาได้อ่านข่าวเมื่อไม่กี่วันมานี้ เรื่องที่ท่านรัฐมนตรีประจำสำนักนายรัฐมนตรีออกมาให้สัมภาษณ์กับสื่อเกี่ยวกับกรณีของพระผู้ใหญ่ที่ได้รับการประกันตัวจากศาลว่า เมื่อท่านเข้าไปอยู่ในเรือนจำแล้ว ก็เท่ากับเป็นการสึก แม้จะได้รับการประกันตัวออกมาสู้คดี ก็ถือว่า ขาดจากสมณเพศไปแล้ว

เป็นเรื่องที่น่าเศร้ามากนะ น่าเศร้าที่ว่า แม้แต่คนที่เป็นถึงรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ผู้ซึ่งมีหน้าที่รับผิดชอบดูแลการพระศาสนาโดยตรง ยังมีทิฎฐิและความเห็นที่ขาดความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องถึงเพียงนี้ได้ น่าเศร้าไปอีกที่ทราบว่า ความเห็นที่ท่านได้รับมา ท่านก็ไปถามเอาจากเจ้าหน้าที่สำนักงานพุทธศาสนาแห่งชาติ

เรื่องอันเกิดแต่พระ อันเป็นอธิกรณ์ของพระ แทนที่จะไต่สวนทวนความจากพระ กลับไปถามเอาจากฆราวาสด้วยกันเอง แถมสรุปเป็นมติโดยไม่ได้อ้างอิงกับกฎเกณฑ์ทางพระธรรมพระวินัยใดใดทั้งสิ้น เป็นเช่นนี้แล้ว เรายังจะวางใจต่อตัวท่านรัฐมนตรีและสำนักงานพุทธศาสนาแห่งชาติให้ดูแลการพระศาสนารวมถึงพระสงฆ์สามเณรทั้งสังฆมณฑลได้อย่างไร ?

อาตมาอยากจะเขียนฝากไปถึงท่านรัฐมนตรีนะ ในฐานะที่ท่านเองก็เป็นคนวัดมาก่อน แท้ที่จริงแล้ว ความขาดจากสมณเพศ ไม่ได้อยู่เพียงแค่การที่เจ้าหน้าที่ของรัฐกระทำการจับพระแยกออกจากจีวร หรือช่วงชิงเอาจีวรของท่านไปแล้วจับท่านเข้าไปขังไว้ในคุก ดังที่สมเด็จอาจท่านก็เคยกล่าวถึงเรื่องนี้เอาไว้

ไม่ใช่โดยการบังคับฝืนใจท่านให้ท่านหมดจากความมีสมณสัญญา โดยที่ท่านมิได้ยินยอม หรือมิได้คิดว่าตนเองมีความผิด มิได้โดยการที่ท่านถูกจับมัดมือชกด้วยการไม่ได้รับสิทธิใดใดในการต่อสู้ทางคดีแต่เบื้องต้น เยี่ยงที่พลเมืองของประเทศนี้คนอื่นอื่นได้รับ

ในมาตรา 29 แห่งกฎหมายรัฐธรรมนูญ มีความข้อหนึ่ง เขียนเอาไว้ชัดเจนมากว่า "...ในคดีอาญาให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าผู้ต้องหาหรือจำเลยไม่มีความผิด และก่อนมีคำพิพากษาอันถึงที่สุดแสดงว่าบุคคลใดได้กระทำความผิด จะปฏิบัติต่อบุคคลนั้นเสมือนเป็นผู้กระทำความผิดมิได้...”

รัฐธรรมนูญเขียนไว้ชัดอย่างที่แทบไม่ต้องตีความเลยก็เข้าใจได้ว่า ผู้ต้องหาที่ยังไม่ได้รับการพิพากษาถึงที่สุด นับว่ายังคงเป็นผู้บริสุทธิ์อยู่ และสิทธิอันใดที่ผู้บริสุทธิ์จะพึงได้รับ สิทธิอันนั้น พระที่ถูกกล่าวหาแล้วได้รับการประกันตัวออกมาเพื่อต่อสู้คดี ก็พึงจะได้รับเหมือนกัน

การที่ท่านรัฐมนตรีไปฟังความข้างเดียวเอาแต่เจ้าหน้าที่สำนักงานพุทธศาสนาแห่งชาติ ซึ่งถือเป็นโจทย์ในเรื่องนี้อยู่แล้วว่า พระที่ท่านได้รับการประกันตัวออกมานั้น ถือว่าขาดจากสมณเพศโดยอัตโนมัติ แบบนี้มิถือว่า เป็นการพูดอย่างไม่เป็นธรรมหรอกหรือ มิถือว่าเป็นการพูดอย่างไม่เห็นแก่กฎหมายรัฐธรรมนูญหรอกหรือ

จะพูดแต่กรณีของหลวงพ่ออดีตพระพรมดิลกเป็นตัวอย่าง คดีของท่านยังมีเรื่องอันควรแก่การอุทธรณ์ต่อสู้อีกมาก ทั้งความผิด ก็ไม่ได้ปรากฎชัดว่าเข้าข่ายที่จะเป็นอทินนาทานปาราชิกเลยแม้แต่น้อย อาตมาอยากพูดรายละเอียดนะ ทั้งเรื่องอำนาจในการแปลงงบประมาณของ ผอ. สำนักงานพุทธ และอีกมากมาย หากมิติดว่าจะมีผลต่อการได้รับสิทธิในการประกันตัวของท่าน

อาตมาเขียนเรื่องนี้ เขียนเพราะเห็นแก่ความเป็นธรรม เขียนเพราะเห็นแก่ความยุติธรรม ไม่ได้เขียนเพราะต้องการจะเรียกร้องสิทธิพิเศษอะไรอันอยู่เหนือพ้นไปจากกฎหมาย หรือเพื่อปกป้องใครจากการทำผิด

การครองจีวรเพื่อยืนยันในความบริสุทธิ์ถือเป็นสิทธิที่ท่านควรจะได้รับ เป็นสิทธินะ อยากจะขีดเส้นใต้ตรงนี้ให้ชัด ไม่ได้เป็นเรื่องของการวิงวอนขอร้องหรือขอความเห็นใจจากใคร สิทธิเป็นเรื่องที่ทุกคนต้องได้รับอย่างเสมอภาคกันในฐานะของพลเมืองในประเทศนี้ ในชาติบ้านเมืองนี้

กฎหมายจะเลือกปฎิบัติมิได้ ถ้าผู้ต้องหาที่เป็นฆราวาสซึ่งได้รับการประกันตัวออกมาได้รับสิทธิอันใดในการใช้ชีวิตหรือการปฎิบัติหน้าที่ของตนตามที่ศาลอนุญาต ผู้ต้องหาที่เป็นพระ ก็ต้องได้รับสิทธิอันนั้นด้วย

ฆราวาสที่อยู่ในระหว่างการประกันตัวมีสิทธิ์ที่จะบวชและถือครองผ้ากาสาวพัตร์ ฉันใด พระที่อยู่ในระหว่างการประกันตัวก็มีสิทธิ์ที่จะถือเพศสมณะและครองผ้ากาสาวพัตร์ ฉันนั้นเหมือนกัน

อาตมาพอทราบมาบ้างเรื่องที่มีเจ้าหน้าที่ตำรวจตามกดดันพระผู้ใหญ่ที่ท่านได้รับการประกันตัว หาช่องจะเล่นงานท่านด้วยข้อหาที่แต่งกายเลียนแบบพระสงฆ์ อันนี้ถือเป็นการปฎิบัติหน้าที่เกินขอบเขตหรือไม่ เกินอำนาจหน้าที่และคำสั่งของศาลหรือเปล่า นี่ยังไม่นับเรื่องที่บุกไปจับพระสังฆาธิการสองรูปสึก เพียงเพราะท่านเข้าร่วมพิธีปลุกเสกของขลังอีกนะ

ก่อนหน้านี้เราพูดกันนักหนาว่า อยากให้พระที่ต้องคดียอมมอบตัวและเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมทางกฎหมาย ก็แล้วอย่างที่เห็นนี่ไงล่ะ แม้ท่านจะยอมเข้าสู่กระบวนการแล้ว ยังมิวายที่เจ้าหน้าที่ของรัฐจะติดตามข่มเหงและริดรอนสิทธิของท่านอีก

ครองจีวร คือ ครองสิทธิ อาตมาขอเขียนอย่างนี้ จีวรเป็นสิ่งเดียวที่จะแสดงให้เห็นอย่างประจักษ์แจ้งว่า พระที่ท่านถูกกล่าวหา ยังคงถือว่าเป็นผู้บริสุทธิ์ และได้รับการคุ้มครองตามที่กฎหมายรัฐธรรมนูญรับรอง ตราบใดที่คำพิพากษายังคงถึงที่สุดหามิได้ ไม่ให้ครองจีวร คือไม่ให้สิทธิ์ ไม่ให้สิทธิ์ คือไม่ให้ความเป็นธรรม และไม่ต่างอะไรกับการที่ท่านได้ทำตัวเป็นผู้พิพากษาเสียเองไปก่อนแล้ว

อย่าเลยนะ อย่าให้เหมือนกับอดีตที่ผ่านมา อดีตที่เราจับพระขังคุก โดยที่ท่านไม่ได้รับความเป็นธรรม และในที่สุดท้ายแล้ว เมื่อการปรากฎว่า ท่านเป็นผู้บริสุทธิ์ แต่ศาลกลับชดเชยได้แค่การบอกว่า ท่านรู้สึกสลดและเห็นใจจำเลย แต่ที่จำเลยต้องมีชะตากรรมเช่นนี้ เป็นเพราะกรรมเก่าของจำเลยเอง

ให้สิทธิท่านเถิด ให้ความเป็นธรรมที่ท่านควรจะได้รับในตอนที่ท่านต้องการ อย่างน้อยหากความจริงปรากฎในภายหลังว่าไม่ได้เป็นอย่างที่เราเข้าใจในตอนนี้ ท่านก็ยังได้รับอะไรบ้าง อะไรที่มากกว่าแค่คำปลอบใจและขอโทษ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 14 ก.ย. 2019, 05:45 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


พุทธศาสนิกชน. เข้าใจอำนาจทางการเมืองการปกครองแล้วนะ อุปมาให้เห็นภาพการเมืองก็เหมือนตาข่ายขนาดมหึมาที่ครอบประเทศไว้. ผู้คน ลูกเด็กเล็กแดง หมู หมา กา ไก่. ถูกตาข่ายนั่นคลุมไว้หมด. และตาข่ายนั้นมีแสงพิเศษที่พ่นพิษ พิษที่เป็นโทษก็ได้ เป็นคุณก็ได้แล้วแต่. พระพุทธศาสนาก็เช่นเดียวกัน ถูกการเมืองที่มีพิษที่มีคุณและโทษนั้นครอบไว้ด้วย ถ้ารัฐบาลไหนไม่สนับสนุน แต่คอยทำลายกัดเซาะวันละเล็กวันละน้อย ศาสนาก็จะค่อยๆกร่อนไปๆทีละเล็กละน้อย เหมือนอารามที่ตั้งอยู่ริมตลิ่งแม่น้ำใหญ่ สักวันก็พังครืนลงมาจนได้

ในครั้งพุทธกาลพระราชามหากษัตริย์ เช่น พระเจ้าพิมพิสาร พระเจ้าปเสนทิโกศล. ท่านทำนุบำรุงพุทธศาสนาสร้างวัดวาอารามให้ พระพุทธศาสนาจึงดำรงค์อยู่ได้. กาลต่อมาในบางประเทศเจ้าเมืองนั้นไม่หนุนแต่ทำลายพระพุทธศาสนาก็สูญสิ้นไปดังนี้เป็นตัวอย่าง

โดยภาพรวมแล้วพระพุทธศาสนาในไทยไม่ได้แข็งแรงอะไร :b1: เมื่อเทียบกับพุทธในพม่า ที่กินที่ใช้อยู่ทุกวันนี้ เหมือนคนกินของเก่า กินบุญเก่า ที่บรรพชนท่านทำท่านสร้างเอาไว้ให้ :b8: :b8: :b8: กินใช้แต่ไม่หาเพิ่มสักวันก็หมด

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 15 ก.ย. 2019, 08:13 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


พุทธในเมียนม่าล้มของเขายาก ถ้าเทียบกับไทย :b1:

ทั้งหญิงทั้งชายของเขาผ่านการบวชมาทั้งนั้น

https://www.facebook.com/bhivamsa.uvaru ... 729194576/

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 ก.ย. 2019, 22:48 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 มี.ค. 2018, 02:56
โพสต์: 2157

โฮมเพจ: maybe
แนวปฏิบัติ: สติปัฎฐาน
งานอดิเรก: กีฬา
สิ่งที่ชื่นชอบ: แบรนด์เเนม
ชื่อเล่น: เม
อายุ: 22
ที่อยู่: Bangkok Thailand

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
พุทธศาสนิกชน. เข้าใจอำนาจทางการเมืองการปกครองแล้วนะ อุปมาให้เห็นภาพการเมืองก็เหมือนตาข่ายขนาดมหึมาที่ครอบประเทศไว้. ผู้คน ลูกเด็กเล็กแดง หมู หมา กา ไก่. ถูกตาข่ายนั่นคลุมไว้หมด. และตาข่ายนั้นมีแสงพิเศษที่พ่นพิษ พิษที่เป็นโทษก็ได้ เป็นคุณก็ได้แล้วแต่. พระพุทธศาสนาก็เช่นเดียวกัน ถูกการเมืองที่มีพิษที่มีคุณและโทษนั้นครอบไว้ด้วย ถ้ารัฐบาลไหนไม่สนับสนุน แต่คอยทำลายกัดเซาะวันละเล็กวันละน้อย ศาสนาก็จะค่อยๆกร่อนไปๆทีละเล็กละน้อย เหมือนอารามที่ตั้งอยู่ริมตลิ่งแม่น้ำใหญ่ สักวันก็พังครืนลงมาจนได้

ในครั้งพุทธกาลพระราชามหากษัตริย์ เช่น พระเจ้าพิมพิสาร พระเจ้าปเสนทิโกศล. ท่านทำนุบำรุงพุทธศาสนาสร้างวัดวาอารามให้ พระพุทธศาสนาจึงดำรงค์อยู่ได้. กาลต่อมาในบางประเทศเจ้าเมืองนั้นไม่หนุนแต่ทำลายพระพุทธศาสนาก็สูญสิ้นไปดังนี้เป็นตัวอย่าง

โดยภาพรวมแล้วพระพุทธศาสนาในไทยไม่ได้แข็งแรงอะไร :b1: เมื่อเทียบกับพุทธในพม่า ที่กินที่ใช้อยู่ทุกวันนี้ เหมือนคนกินของเก่า กินบุญเก่า ที่บรรพชนท่านทำท่านสร้างเอาไว้ให้ :b8: :b8: :b8: กินใช้แต่ไม่หาเพิ่มสักวันก็หมด

"ที่กินที่ใช้อยู่ทุกวันนี้ เหมือนคนกินของเก่า กินบุญเก่า ที่บรรพชนท่านทำท่านสร้างเอาไว้ให้"

คริคริ

อ่อ เดือนสิบ เรยมีงาน อุทิศส่วนกุศลให้แก่ดวงวิญญาณของบรรพชน

tongue


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 ก.ย. 2019, 08:57 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


มีคำเตือนไม่ให้พูดการเมืองที่ถกเถียงกัน งั้นเอาเรื่องการศาสนา

รูปภาพ

https://www.facebook.com/YellowRobeBudd ... =3&theater

แต่เรื่องศาสนาก็ถกเถียงกันนะขอรับ :b1: แล้วก็เหมือนการศาสนาก็มีการเมืองเกี่ยวอีก จะหนีไปไหนพ้น

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 ก.ย. 2019, 09:03 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


บทความ คคห.ข้างบนเต็มๆ


“พูดแทนคณะสงฆ์ งบอุดหนุน พศ.พระธรรมวินัย จารีต และกฎหมายบ้านเมือง”
.
โดย พระใบฎีกาคทาวุธ คเวสกธมฺโม
.
ในสังคมปัจจุบันโลกแห่งการสื่อสารไปได้อย่างรวดเร็วผ่านทางสังคมออนไลน์ (Social Media) โดยข่าวที่สังคมให้ความสนใจตอนนี้คือสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติร้องทุกข์ต่อคณะสงฆ์เรื่อง งบอุดหนุน พศ. ซึ่งข้อเท็จจริงเป็นอย่างไรเรายังไม่ทราบ มีเพียงแต่วาทกรรมผ่านทางสื่อเท่านั้น ผู้ที่ฟังข่าวควรมีสติ ใช้ปัญญาพิจารณาใคร่ครวญให้ดี เพราะการทำหน้าที่ของคณะสงฆ์ ต้องอาศัยความเสียสละ ทุ่มเท เพื่อเดินตามรอยบาทพระพุทธเจ้าผู้ทรงวางหลักพระวินัยไว้ในการปกครองสงฆ์อย่างงดงามที่ได้วางแนวทางไว้มากว่า ๒,๖๐๐ ปี
.
ปัจจุบันการดำเนินงาน “การคณะสงฆ์” ในประเทศไทย เป็นระบบและมีความมั่นคงเข้มแข็ง ซึ่งสามารถเกื้อกูลช่วยเหลือพระหนุ่มเณรน้อยที่ต้องการบวชเรียนเพื่อศึกษาธรรมไปสู่ความพ้นทุกข์ได้มากขึ้น ขณะเดียวกัน คณะสงฆ์ก็ยังทำหน้าที่เผยแผ่หลักธรรมทางพระพุทธศาสนาเพื่อให้ผู้คนได้มีร่มธรรมไว้พึ่งตนเอง อีกทั้งช่วยทำหน้าที่สงเคราะห์ผู้ยากไร้ และผู้ประสบภัยต่างๆ มาโดยตลอด ภายใต้พระราชบัญญัติคณะสงฆ์ และพระธรรมวินัย
.
มากไปกว่านั้นยังมีหน่วยงานของภาครัฐเข้ามาคอยช่วยเหลือ สนับสนุนการคณะสงฆ์อีกด้วย ในอดีตเป็นกรมการศาสนา สังกัดกระทรวงศึกษาธิการ แต่เพื่อให้หน่วยงานของรัฐมีความคล่องตัว และดำเนินการสนองงานคณะสงฆ์ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น จึงมีสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เป็นส่วนราชการที่อยู่ในบังคับบัญชาขึ้นตรงต่อนายกรัฐมนตรี
.
อนึ่ง ตามกฎกระทรวงแบ่งส่วนราชการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ พ.ศ. ๒๕๔๙ ประกาศราชกิจจานุเบกษา เล่มที่ ๑๒๓ ตอนที่ ๒๕ ก หน้า ๑๑ ลงวันที่ ๑๔ มีนาคม ๒๕๔๙ ได้ปรับปรุงการแบ่งส่วนราชการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ข้อ ๒ เจตนารมณ์อันแท้จริงของสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติก็เพื่อสนับสนุน ช่วยเหลือ และสนองการคณะสงฆ์ กล่าวคือ ให้สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติมาเป็นตัวแทนของรัฐ มาทำหน้าที่ช่วยงานคณะสงฆ์ และหน้าที่ดังกล่าวยังปรากฏชัดเจนในพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ. ๒๕๐๕ แก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๓๕ หมวดที่ ๒ มาตรา ๑๓ “ให้ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เป็นเลขาธิการมหาเถรสมาคมโดยตำแหน่ง และให้สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติทำหน้าที่สำนักเลขาธิการมหาเถรสมาคม”
.
คณะสงฆ์ตามสังคมวิทยาของประเทศไทยตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบันยึดถืออยู่ ๓ หลักการใหญ่คือ พระธรรมวินัย จารีต และกฎหมายบ้านเมืองที่คณะสงฆ์ต้องยึดถือและปฏิบัติตาม การที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ ในฐานะผู้ช่วยเหลือและสนับสนุนการเผยแผ่พระพุทธศาสนาของคณะสงฆ์ การปฏิบัติงานต่างๆ ก็ต้องนำหลักการใหญ่ ๓ ประการมาพิจารณาประกอบด้วย
.
การกล่าวโทษที่ทำกับคณะสงฆ์เสมือนเป็นผู้ที่กระทำความผิดสำเร็จแล้ว เหมือนมีแรงจูงใจที่จะปล่อยข่าว หรือนำข้อมูลไปให้สื่อเผยแผ่ ทั้งที่กระบวนการยุติธรรม (คดีทางโลก) และกระบวนการทางพระธรรมวินัย (คดีทางธรรม) ยังไม่ได้รับการพิสูจน์ตัดสินและคดียังไม่ถึงที่สุด หรือยังไม่เริ่มด้วยซ้ำ เนื่องจากยังไม่มีมูล ทำให้คณะสงฆ์ไม่ได้รับความคุ้มครองตามรัฐธรรมนูญเลย เพราะตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. ๒๕๖๐ มาตรา ๒๙ วรรคสอง บัญญัติไว้ว่า “ในคดีอาญา ให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่าผู้ต้องหาหรือจำเลยไม่มีความผิด และก่อนมีคำพิพากษาอันถึงที่สุดแสดงว่าบุคคลใดได้กระทำความผิด จะปฏิบัติต่อบุคคลนั้นเสมือนเป็นผู้กระทำความผิดมิได้”
.
อย่างล่าสุด นายพิศิษฐ์ ลีลาวชิโรภาส อดีตผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน ได้กล่าวให้ความเห็นในเรื่องนี้ไว้อย่างน่าสนใจว่า
.
“…เอกสารการเสนอขอรับงบ ในปี ๒๕๕๖-๒๕๕๗ ของวัดที่เป็นข่าวอยู่นั้นจะเขียนแบบกว้างๆ เพื่อที่จะได้บริหารจัดการงบในการทำงานได้สะดวกโดยเมื่อวัดได้รับงบมาแล้วก็ขึ้นอยู่กับวัด หากนำไปใช้ในกิจการพระพุทธศาสนาของวัดโดยไม่ได้นำงบไปให้แก่บุคคลใดบุคคลหนึ่งก็ถือว่าทำได้…นอกจากนี้วิธีในการผันงบของหน่วยงานราชการไปใช้ในอีกโครงการหนึ่งก็ถือว่าเป็นวิธีการที่หน่วยงานราชการปฏิบัติกันอาจจะไม่ตรงวัตถุประสงค์แบบไม้บรรทัด แต่เมื่อเป้าหมายที่ออกมาเกิดประโยชน์และชี้แจงที่มาที่ไปได้ก็จะถือว่าไม่มีเจตนาทุจริต…”
.

จากความเห็นดังกล่าว ผู้เขียนจึงตั้งข้อสังเกตเกี่ยวกับการใช้งบประมาณของสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติในประเด็นดังต่อไปนี้
.
๑.หัวหน้าส่วนราชการมีอำนาจโยกงบประมาณได้หรือไม่ แต่ถ้ามีอำนาจกระทำได้ การโยกงบประมาณก็เป็นอำนาจของผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติที่จะโยกงบประมาณในเรื่องต่างๆ ดังนั้น ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติคนปัจจุบัน (ปี ๒๕๖๑) ก่อนจะมาร้องทุกข์กล่าวโทษคณะสงฆ์ ต้องกลับไปถามผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติในอดีตที่เคยโยกงบประมาณหรือไม่ ว่าท่านมีเหตุผล หรือมีความจำเป็นอะไรที่จะต้องโยกงบประมาณแล้วจัดสรรให้วัดเพื่อจะได้ไปดำเนินงาน “การคณะสงฆ์”
.
๒.ในกรณีที่จะสิ้นปีงบประมาณ มีงบประมาณเหลือจ่ายจากกองต่างๆ เช่น กองปริยัติธรรม กองนิตยภัต กองเผยแผ่ ฯลฯ จึงได้นำงบประมาณมากองรวมกัน เพื่อจัดสรรให้วัดไปดำเนินงาน “การคณะสงฆ์” ใช่หรือไม่
.
๓.เมื่อจะสิ้นปีงบประมาณ แต่ยังปรากฏว่ามีงบประมาณเหลือจ่ายจากกองต่างๆ สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ จึงได้เข้าไปกราบเรียนคณะสงฆ์ตามวัดต่างๆ ด้วยวาจาว่าวัดมีอะไรจะทำไหม แล้วทางวัดก็ตอบไปด้วยวาจาว่ามีงานนั้น งานนี้ ของวัดที่ต้องดำเนินการ ทางสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติก็ได้ช่วยจัดสรรให้ การกระทำดังกล่าวยังถือว่าอยู่ในอำนาจของสำนักงานพระพุทธศาสนาที่กระทำได้ตามกฎหมายหรือไม่
.
ถ้าพิจารณาในประเด็นเรื่องจารีตประเพณีที่เคยปฏิบัติกันมาตั้งแต่อดีตคือ กรมการศาสนา จนมาถึงปัจจุบันสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ การนำงบอุดหนุนมาให้คณะสงฆ์ทำงาน มีความหลากหลาย แต่ก็มีวัตถุประสงค์ “เพื่อทำนุบำรุงพระศาสนา” ทั้งสิ้น เมื่อวัดใดได้รับงบอุดหนุนก็รับมาใช้ตามที่เห็นสมควร ทั้งด้านบูรณะซ่อมแซม การปกครอง การเผยแผ่ การศึกษา เป็นต้น
.
ผู้เขียนจึงมีความเห็นว่า ถ้าวัดใดก็ตามได้รับงบอุดหนุนจากสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ แล้วได้นำไปดำเนินการเพื่อ “การคณะสงฆ์” หมายถึง งานของคณะสงฆ์ หรือหน้าที่ของคณะสงฆ์ เป็นกิจการขององค์กรปกครองคณะสงฆ์ทุกส่วนและทุกชั้น ตามพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ. ๒๕๐๕ แก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๓๕ มาตรา ๑๕ ตรี (๑) และ (๓) และข้อ ๕ แห่งกฎมหาเถรสมาคม ฉบับที่ ๒๓ (พ.ศ.๒๕๔๑) ว่าด้วยระเบียบการปกครองคณะสงฆ์ กล่าวถึง “การคณะสงฆ์” ไว้อย่างชัดเจนมี ๖ ด้าน คือ ๑) การรักษาความเรียบร้อยดีงาม ๒) การศาสนศึกษา ๓) การศึกษาสงเคราะห์ ๔) การเผยแผ่พระพุทธศาสนา ๕) การสาธารณูปการ และ ๖) การสาธารณสงเคราะห์ ในกรอบของ ๖ ด้าน ตามพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ และกฎมหาเถรสมาคม ที่กล่าวไปข้างต้นนั้น ประกอบกับท่านไม่มีเจตนาร้ายหรือจิตใจที่ชั่วร้าย (Mens Rea) หรือในทางพระพุทธศาสนาเรียกว่า “เถยจิต” ไม่มีจิตคิดจะเอาทรัพย์มาเป็นของตนหรือ ผู้อื่นโดยทุจริต ก็ถือว่าท่านไม่มีความผิดตามที่ถูกกล่าวหาตามที่เป็นข่าวอยู่ตอนนี้
.
สิ่งที่เกิดขึ้นกับคณะสงฆ์ผ่านสื่ออยู่ตอนนี้ หลายข่าวเป็นเพียงกระต่ายตื่นตูม วิธีการดังกล่าวไม่ใช่ทางออกของปัญหา และอาจจะเป็นตัวสร้างปัญหาให้ยุ่งเหยิงกว่าเดิมอีกก็ได้ จึงขอความเมตตากรุณาจากสื่อทุกแขนงทุกสำนัก โปรดมีวิจารณญาณไตร่ตรองกรองข่าว พิจารณาก่อนเผยแพร่สิ่งใดออกไป ทำให้เกิดความเข้าใจกันมากกว่ากล่าวโทษต่อกัน และขอให้ท่านผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติในฐานะเลขาธิการมหาเถรสมาคม และสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติในฐานะสำนักเลขาธิการมหาเถรสมาคมตามกฎหมาย ควรหันหน้าเข้าหามหาเถรสมาคม ปรึกษาหาทางออกร่วมกันด้วยความเป็นกัลยาณมิตร เพื่อให้พระพุทธศาสนาเกิดความมั่นคงแผ่ไพศาล และดำรงอยู่สืบไป
.
ในบรรยากาศที่สังคมไทยต้องการความปรองดอง มีความสมัครสมานสามัคคี จึงปรารถนาอยากเห็นสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ กับมหาเถรสมาคม พูดคุยกันดังเช่นสหธรรมิก น่าจะเป็นทางออกและแก้ไขปัญหาได้ดีที่สุดในเวลานี้ อีกทั้งเรามีพระธรรมวินัยที่เป็นหลักชัย ดังธงชัยของพระพุทธศาสนาที่เป็นตัวบ่งชี้การประพฤติปฏิบัติของพระสงฆ์ ก็ขอให้เรากลับมาเคารพธรรม ปฏิบัติตามธรรม และช่วยคณะสงฆ์ขับเคลื่อนธรรมจักรไปด้วยกัน เพื่อเป็นพ่วงแพให้แก่ประชาชนคนทุกข์ได้นำไปใช้ดับทุกข์จนกว่าเราจะเข้าถึงโลกุตรธรรม พ้นทุกข์ทางใจในที่สุด

https://www.facebook.com/YellowRobeBudd ... =3&theater

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 ก.ย. 2019, 21:42 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 มี.ค. 2018, 02:56
โพสต์: 2157

โฮมเพจ: maybe
แนวปฏิบัติ: สติปัฎฐาน
งานอดิเรก: กีฬา
สิ่งที่ชื่นชอบ: แบรนด์เเนม
ชื่อเล่น: เม
อายุ: 22
ที่อยู่: Bangkok Thailand

 ข้อมูลส่วนตัว


ไม่มีมาร บารมีบ่เกิด
tongue


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 ก.ย. 2019, 05:39 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


โลกสวย เขียน:
ไม่มีมาร บารมีบ่เกิด
tongue


อย่างที่บอกการเมืองนี่คลุมหมดกระทบหมดไม่ว่าจะพระสงฆ์องค์เณร ตัวอย่างก็นั่นแหละ จับพระไปขังการเมืองไหม หรือไม่ใช่ เป็นเรื่องศาสนา :b10: เอ้า แล้วดูสิว่าผิด ก็มี ว่าไม่ผิดทำได้ก็มี การเมืองไหม

คำสอนของพระพุทธศาสนา (พระพุทธเจ้า) ร่วมคนเข้าไว้ทั้งหมด แต่อย่างที่เคยพูด ถ้าพูดว่า "คน" ฯลฯ ต้องมองสองด้าน แค่นี้พอปวดต้นคอ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 ก.ย. 2019, 09:00 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


นี่ความคิด (จิต) หนึ่ง

รูปภาพ

แต่อีกหลายๆคนคิด (จิต) จะไปสร้างทำไมวัดใหญ่ๆโตๆสิ้นเปลือง เอาพออยู่พออาศัย ไม่กี่ปีก็ตาย :b32: ควรปล่อยวาง ไม่ควรยึดมั่นถือมั่น เป็นอุปาทาน

ตายแล้วก็หมดเรื่องหมดปัญหา แต่ยังไม่ตายนี่สิมีปัญหาเราจะทำกันยังไงให้มีชีวิตที่ดีมีความสุขได้

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 19 ก.ย. 2019, 21:26 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 มี.ค. 2018, 02:56
โพสต์: 2157

โฮมเพจ: maybe
แนวปฏิบัติ: สติปัฎฐาน
งานอดิเรก: กีฬา
สิ่งที่ชื่นชอบ: แบรนด์เเนม
ชื่อเล่น: เม
อายุ: 22
ที่อยู่: Bangkok Thailand

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
โลกสวย เขียน:
ไม่มีมาร บารมีบ่เกิด
tongue


อย่างที่บอกการเมืองนี่คลุมหมดกระทบหมดไม่ว่าจะพระสงฆ์องค์เณร ตัวอย่างก็นั่นแหละ จับพระไปขังการเมืองไหม หรือไม่ใช่ เป็นเรื่องศาสนา :b10: เอ้า แล้วดูสิว่าผิด ก็มี ว่าไม่ผิดทำได้ก็มี การเมืองไหม

คำสอนของพระพุทธศาสนา (พระพุทธเจ้า) ร่วมคนเข้าไว้ทั้งหมด แต่อย่างที่เคยพูด ถ้าพูดว่า "คน" ฯลฯ ต้องมองสองด้าน แค่นี้พอปวดต้นคอ

มากกว่านั้นอีก คำสอนพระพุทธองค์ ครอบคลุมไปทั้งสามโลก แสนโกฎจักรวาล
สบายใจแระยังคะลุง
คริคริ

tongue


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 20 ก.ย. 2019, 05:26 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


โลกสวย เขียน:
กรัชกาย เขียน:
โลกสวย เขียน:
ไม่มีมาร บารมีบ่เกิด
tongue


อย่างที่บอกการเมืองนี่คลุมหมดกระทบหมดไม่ว่าจะพระสงฆ์องค์เณร ตัวอย่างก็นั่นแหละ จับพระไปขังการเมืองไหม หรือไม่ใช่ เป็นเรื่องศาสนา :b10: เอ้า แล้วดูสิว่าผิด ก็มี ว่าไม่ผิดทำได้ก็มี การเมืองไหม

คำสอนของพระพุทธศาสนา (พระพุทธเจ้า) ร่วมคนเข้าไว้ทั้งหมด แต่อย่างที่เคยพูด ถ้าพูดว่า "คน" ฯลฯ ต้องมองสองด้าน แค่นี้พอปวดต้นคอ

มากกว่านั้นอีก คำสอนพระพุทธองค์ ครอบคลุมไปทั้งสามโลก แสนโกฎจักรวาล
สบายใจแระยังคะลุง
คริคริ

tongue


สบายใจเรื่องอะไรล่ะหลานเอ้ย :b12:

https://video.fbkk5-6.fna.fbcdn.net/v/t ... e=5D84268A

ลุงคงต้องลด คคห. ลงแระ ไม่ยังงั้นหายกันหมด ขนาดคุณโรสยังหายไปกับสายน้ำ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 334 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1 ... 9, 10, 11, 12, 13, 14, 15 ... 23  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 38 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร