วันเวลาปัจจุบัน 19 มี.ค. 2024, 10:04  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 805 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5 ... 54  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 ก.พ. 2019, 18:22 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


หักลงมานี่เบย

อ้างคำพูด:
นั่งสมาธิแล้วเห็นคนนั่งก้มหน้า

คือ เวลาที่นั่งสมาธิสักพัก จิตเริ่มสงบแล้ว ก็เกิดนิมิตเห็นคน หรือ วิญญาณไม่แน่ใจค่ะ นั่งก้มหน้าสงบนิ่งอยู่ข้างๆเรา เจอหลายครั้ง บางทีก็มากันหลายคน มีอยู่ครั้งหนึ่งชัดเจนมาก มาด้วยกัน 4 คนค่ะ ผู้ชาย 2 คน หญิงอุ้มลูกเล็กๆอีกหนึ่ง
เกิดจากอะไรคะ และทำอย่างไรคะหากเจอแบบนี้ แค่แผ่เมตตาพอหรือเปล่า


พูดในแง่สังขาร ก็เป็นสังขาร

พูดในแง่อารมณ์ ก็เป็นอารมณ์ความรู้สึก ไม่ใช่ปัญญา

ถามว่า จะทำอย่างไร แผ่เมตตาพอหรือเปล่า แผ่เมตตาไม่ใช่ทางแห่งปัญญา ทางแห่งปัญญาให้กำหนดรู้ตามที่เห็น ตามที่ได้ยิน ตามที่คิด เห็นอะไร ได้ยินยังไง คิดอะไร กำหนดจิตตรงๆตามสภาวะนั้น เห็นหนอ เสียงหนอ คิดหนอ ทุกๆครั้ง ทุกๆขณะ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 ก.พ. 2019, 21:26 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
เบื่อการเมือง!สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์แนะทำอย่างไร

“เบื่อการเมือง” ต้องแยก ระหว่างความรู้ กับ ความรู้สึก

รู้ ” นี่ ! สำคัญมาก

ถึงแม้ ว่า เราจะไม่ต้องการยุ่งเกี่ยวกับการเมือง เราก็ต้องรู้ หรือ ควรจะรู้มัน

เราเอาแต่ความรู้ ความรู้สึกเราไม่ยุ่ง ถ้าเกิดความรู้สึกขึ้นมา เราก็รู้ว่าเรามี “ความรู้สึก” นั้น แค่นั้นพอ ไม่ต้องตามมันไป พอได้ความรู้ แล้วก็กลับมาอยู่กับเรื่องของเราต่อไป

ตอนนี้ ปัญหาอยู่ที่ว่า...บางทีเราไม่แยก ระหว่าง “ความรู้” กับ “ความรู้สึก”

พอรู้อะไร? ความรู้สึกก็มาทันที

เพราะว่า..พอรู้ ก็มี ถูกใจ หรือ ไม่ถูกใจ ชอบใจ หรือ ไม่ชอบใจ นี่คือ “รู้สึก” แล้ว

แทนที่จะอยู่กับความรู้ หรือ เก็บความรู้ต่อไป เราก็เลยไถลไปกับ “ความรู้สึก” นี่คือ..ผิดทาง

พอชอบใจ ไม่ชอบใจ เรื่องก็ยืดต่อ ที่ชอบก็คิดไปอย่างหนึ่ง ที่ไม่ชอบก็คิดไปอีกอย่างหนึ่ง

ในกรณีนี้..เมื่อไม่ชอบ ใจคอก็ขุ่นมัว หม่นหมอง กังวล วุ่นวาย อะไรต่างๆ บางทีก็พลอยเสียไปหมด

ในทางที่ถูก เมื่อรู้สึกไม่ชอบใจ ก็ให้ “รู้ตัว” ว่าเราไม่ชอบใจ แล้วก็จบ”

สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (ป. อ. ปยุตฺโต )


https://siampongsnews.blogspot.com/2019 ... pvTi6UWteY


รูปภาพ



https://www.facebook.com/photo.php?fbid ... =3&theater

:b13:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 23 ก.พ. 2019, 21:44 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7503

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
"ความรู้ กับ ความรู้สึก"

หัวข้อนี้ ท่านพูดตรงไปที่การเมือง คือ ท่าน (พระพุทธโฆษาจารย์ - ป.อ.ปยุตฺโต) แนะว่าเบื่อการเมืองจะทำอย่างไร

แต่ไม่พึงมองแค่นั้น มองให้กว้างออกไปในทุกๆเรื่อง โดยแยกเป็น ความรู้ อย่างหนึ่ง ความรู้สึก อย่างหนึ่ง ถ้ามองด้วย ความรู้สึก แล้ววนตันคิดไม่ออก แต่ถ้ามองด้วยความรู้คือมองปัญญาแล้วไม่ตัน รู้ได้มากมาย

Kiss
เข้าใจคำว่าทุกอย่างเป็นธัมมะรึเปล่า
เบื่อเป็นธัมมะเป็นอกุศลเป็นกิเลส
ชั่วลัดนิ้วมือเดียวดับนับไม่ถ้วน
ตถาคตทรงนับเป็นแสนโกฏิ
คือแสนล้านขณะแค่ดีดนิ้ว
ดังเปาะ1ครั้งคิดถูกไหม
ใครบ้างไม่มีกิเลสเลย
ไม่เคยคิดได้ตรงเลย
ตรง1ทางที่กายใจมี
ขาดสุตมยปัญญาอยู่
:b32:
พระอรหันต์เท่านั้นที่ไม่มีเชื้อกิเลสที่เหลือใครรู้ตัวบ้างว่ากำลังมีกิเลส555
https://youtu.be/QDsGzMJP_Mk




อ้างคำพูด:
เข้าใจคำว่าทุกอย่างเป็นธัมมะรึเปล่า


นั่งบ่นทุกวันธัมมะๆๆๆ บ่นแล้วตันวน ไม่รู้จะออกทางไหน ก็ธัมมะๆๆ

ข้าวก็ธัมมะ แต่จะมีเงินซื้อข้าวกินได้ก็มีธัมมะคือมีปัญญาหาเงิน กินอาหารแล้วก็กลายเป็นขี้ ขี้ก็เป็นธัมมะ (ทุกอย่างเป็นธัมมะ :b32: ) แต่ปัญญาบอกว่าขี้กินไม่ได้ (ยกเว้นหมา) แม้ขี้จะมาจากอาหารที่กินเข้าไปก็ตาม ทำไงทีนี้ ปัญญาบอกว่า ต้องเก็บของเหม็นคือธัมมะ (ทุกอย่างเป็นธัมมะ) ไว้เป็นที่เป็นทาง คือ ทำส้วม เวลาถ่ายก็ไปถ่ายที่ที่ทำไว้ หมุนวนเป็นวัฏจักรไปงี้ :b13: ธัมมะๆๆ

cool
เมื่อก่อนโรสเคยยกตัวอย่างสภาพธรรมครบ6ทาง
จิตเกิดดับ1ขณะมี7ชวนะคูณ6ทาง=42ชวนะ
ที่นับได้จากการเอามาคำนวณแค่6ทางอายตนะ
ที่โรสชอบบอกว่าแค่กระพริบตานับไม่ทันมีกิเลสแล้ว
:b32:
ทีนี้อันนี้ของจริงตถาคตตรัสรู้ความจริงที่เกิดดับแสนโกฏิขณะคือนับไม่ถ้วน
ที่ตถาคตทรงนับและแจกแจงรายละเอียดไว้ทั้งหมดแล้วเพื่อให้ศึกษาเข้าใจถูกตามได้
ไม่ใช่ให้ไปทำอะไรเพิ่มแต่ทรงตรัสบอกให้ฟังเพื่อให้เกิดปัญญาเพิ่มขึ้นทำสุตมยปัญญาเพื่อเข้าใจสัจจะรึยัง
ตถาคตบอกไว้ว่าเพียงชั่วลัดนิ้วมือเดียวตัวจริงธัมมะดับไปแสนล้านขณะแล้วกิเลสมีแล้วหลั่งออกมาจากจิต
แค่ดีดนิ้วดังเปาะ1ครั้งกิเลสของคนที่ไม่เคยระลึกตามคำสอนตรง1สัจจะได้ที่กายใจตัวเองจึงสะสมอวิชชาไง
https://youtu.be/zm1sI4x7fdo
:b12:
:b4: :b4:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ก.พ. 2019, 07:40 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
"ความรู้ กับ ความรู้สึก"

หัวข้อนี้ ท่านพูดตรงไปที่การเมือง คือ ท่าน (พระพุทธโฆษาจารย์ - ป.อ.ปยุตฺโต) แนะว่าเบื่อการเมืองจะทำอย่างไร

แต่ไม่พึงมองแค่นั้น มองให้กว้างออกไปในทุกๆเรื่อง โดยแยกเป็น ความรู้ อย่างหนึ่ง ความรู้สึก อย่างหนึ่ง ถ้ามองด้วย ความรู้สึก แล้ววนตันคิดไม่ออก แต่ถ้ามองด้วยความรู้คือมองปัญญาแล้วไม่ตัน รู้ได้มากมาย

Kiss
เข้าใจคำว่าทุกอย่างเป็นธัมมะรึเปล่า
เบื่อเป็นธัมมะเป็นอกุศลเป็นกิเลส
ชั่วลัดนิ้วมือเดียวดับนับไม่ถ้วน
ตถาคตทรงนับเป็นแสนโกฏิ
คือแสนล้านขณะแค่ดีดนิ้ว
ดังเปาะ1ครั้งคิดถูกไหม
ใครบ้างไม่มีกิเลสเลย
ไม่เคยคิดได้ตรงเลย
ตรง1ทางที่กายใจมี
ขาดสุตมยปัญญาอยู่
:b32:
พระอรหันต์เท่านั้นที่ไม่มีเชื้อกิเลสที่เหลือใครรู้ตัวบ้างว่ากำลังมีกิเลส555
https://youtu.be/QDsGzMJP_Mk




อ้างคำพูด:
เข้าใจคำว่าทุกอย่างเป็นธัมมะรึเปล่า


นั่งบ่นทุกวันธัมมะๆๆๆ บ่นแล้วตันวน ไม่รู้จะออกทางไหน ก็ธัมมะๆๆ

ข้าวก็ธัมมะ แต่จะมีเงินซื้อข้าวกินได้ก็มีธัมมะคือมีปัญญาหาเงิน กินอาหารแล้วก็กลายเป็นขี้ ขี้ก็เป็นธัมมะ (ทุกอย่างเป็นธัมมะ :b32: ) แต่ปัญญาบอกว่าขี้กินไม่ได้ (ยกเว้นหมา) แม้ขี้จะมาจากอาหารที่กินเข้าไปก็ตาม ทำไงทีนี้ ปัญญาบอกว่า ต้องเก็บของเหม็นคือธัมมะ (ทุกอย่างเป็นธัมมะ) ไว้เป็นที่เป็นทาง คือ ทำส้วม เวลาถ่ายก็ไปถ่ายที่ที่ทำไว้ หมุนวนเป็นวัฏจักรไปงี้ :b13: ธัมมะๆๆ

cool
เมื่อก่อนโรสเคยยกตัวอย่างสภาพธรรมครบ6ทาง
จิตเกิดดับ1ขณะมี7ชวนะคูณ6ทาง=42ชวนะ
ที่นับได้จากการเอามาคำนวณแค่6ทางอายตนะ

ที่โรสชอบบอกว่าแค่กระพริบตานับไม่ทันมีกิเลสแล้ว
:b32:
ทีนี้อันนี้ของจริงตถาคตตรัสรู้ความจริงที่เกิดดับแสนโกฏิขณะคือนับไม่ถ้วน
ที่ตถาคตทรงนับและแจกแจงรายละเอียดไว้ทั้งหมดแล้วเพื่อให้ศึกษาเข้าใจถูกตามได้
ไม่ใช่ให้ไปทำอะไรเพิ่มแต่ทรงตรัสบอกให้ฟังเพื่อให้เกิดปัญญาเพิ่มขึ้นทำสุตมยปัญญาเพื่อเข้าใจสัจจะรึยัง
ตถาคตบอกไว้ว่าเพียงชั่วลัดนิ้วมือเดียวตัวจริงธัมมะดับไปแสนล้านขณะแล้วกิเลสมีแล้วหลั่งออกมาจากจิต
แค่ดีดนิ้วดังเปาะ1ครั้งกิเลสของคนที่ไม่เคยระลึกตามคำสอนตรง1สัจจะได้ที่กายใจตัวเองจึงสะสมอวิชชาไง
https://youtu.be/zm1sI4x7fdo


นั่งคำนวณไปน่ะ ดีกว่าอยู่เปล่าๆ :b13: s006

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ก.พ. 2019, 08:01 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7503

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
"ความรู้ กับ ความรู้สึก"

หัวข้อนี้ ท่านพูดตรงไปที่การเมือง คือ ท่าน (พระพุทธโฆษาจารย์ - ป.อ.ปยุตฺโต) แนะว่าเบื่อการเมืองจะทำอย่างไร

แต่ไม่พึงมองแค่นั้น มองให้กว้างออกไปในทุกๆเรื่อง โดยแยกเป็น ความรู้ อย่างหนึ่ง ความรู้สึก อย่างหนึ่ง ถ้ามองด้วย ความรู้สึก แล้ววนตันคิดไม่ออก แต่ถ้ามองด้วยความรู้คือมองปัญญาแล้วไม่ตัน รู้ได้มากมาย

Kiss
เข้าใจคำว่าทุกอย่างเป็นธัมมะรึเปล่า
เบื่อเป็นธัมมะเป็นอกุศลเป็นกิเลส
ชั่วลัดนิ้วมือเดียวดับนับไม่ถ้วน
ตถาคตทรงนับเป็นแสนโกฏิ
คือแสนล้านขณะแค่ดีดนิ้ว
ดังเปาะ1ครั้งคิดถูกไหม
ใครบ้างไม่มีกิเลสเลย
ไม่เคยคิดได้ตรงเลย
ตรง1ทางที่กายใจมี
ขาดสุตมยปัญญาอยู่
:b32:
พระอรหันต์เท่านั้นที่ไม่มีเชื้อกิเลสที่เหลือใครรู้ตัวบ้างว่ากำลังมีกิเลส555
https://youtu.be/QDsGzMJP_Mk




อ้างคำพูด:
เข้าใจคำว่าทุกอย่างเป็นธัมมะรึเปล่า


นั่งบ่นทุกวันธัมมะๆๆๆ บ่นแล้วตันวน ไม่รู้จะออกทางไหน ก็ธัมมะๆๆ

ข้าวก็ธัมมะ แต่จะมีเงินซื้อข้าวกินได้ก็มีธัมมะคือมีปัญญาหาเงิน กินอาหารแล้วก็กลายเป็นขี้ ขี้ก็เป็นธัมมะ (ทุกอย่างเป็นธัมมะ :b32: ) แต่ปัญญาบอกว่าขี้กินไม่ได้ (ยกเว้นหมา) แม้ขี้จะมาจากอาหารที่กินเข้าไปก็ตาม ทำไงทีนี้ ปัญญาบอกว่า ต้องเก็บของเหม็นคือธัมมะ (ทุกอย่างเป็นธัมมะ) ไว้เป็นที่เป็นทาง คือ ทำส้วม เวลาถ่ายก็ไปถ่ายที่ที่ทำไว้ หมุนวนเป็นวัฏจักรไปงี้ :b13: ธัมมะๆๆ

cool
เมื่อก่อนโรสเคยยกตัวอย่างสภาพธรรมครบ6ทาง
จิตเกิดดับ1ขณะมี7ชวนะคูณ6ทาง=42ชวนะ
ที่นับได้จากการเอามาคำนวณแค่6ทางอายตนะ

ที่โรสชอบบอกว่าแค่กระพริบตานับไม่ทันมีกิเลสแล้ว
:b32:
ทีนี้อันนี้ของจริงตถาคตตรัสรู้ความจริงที่เกิดดับแสนโกฏิขณะคือนับไม่ถ้วน
ที่ตถาคตทรงนับและแจกแจงรายละเอียดไว้ทั้งหมดแล้วเพื่อให้ศึกษาเข้าใจถูกตามได้
ไม่ใช่ให้ไปทำอะไรเพิ่มแต่ทรงตรัสบอกให้ฟังเพื่อให้เกิดปัญญาเพิ่มขึ้นทำสุตมยปัญญาเพื่อเข้าใจสัจจะรึยัง
ตถาคตบอกไว้ว่าเพียงชั่วลัดนิ้วมือเดียวตัวจริงธัมมะดับไปแสนล้านขณะแล้วกิเลสมีแล้วหลั่งออกมาจากจิต
แค่ดีดนิ้วดังเปาะ1ครั้งกิเลสของคนที่ไม่เคยระลึกตามคำสอนตรง1สัจจะได้ที่กายใจตัวเองจึงสะสมอวิชชาไง
https://youtu.be/zm1sI4x7fdo


นั่งคำนวณไปน่ะ ดีกว่าอยู่เปล่าๆ :b13: s006

:b12:
อ่ะ...ไม่เก็ตจริงๆหรออออ
จิตเกิดดับสลับกันมี6ทาง
42ชวนะที่นับถ้วนทั้ง6ทาง
ถ้าคิดตรงเป็นมันก็คิดตรง
ได้แค่1ตัวจริงธัมมะเท่านั้น
แต่ความจริงนับได้แสนล้าน
1ขณะที่ตัวเองนับถูกที่กาย
ใจตัวเองรับรู้ได้ตรง1จริงคือ
ปัญญาของตนเองเข้าใจไหม
อดีตสัญญาที่จำบัญญัติคำนั้น
เป็นเพียงสัญญาคือนิวรณ์ให้ช้า
ไม่สามารถเข้าถึงสัจจะได้เพราะ
ปัญญาตามคำสอนเกิดตามลำดับ
และเริ่มต้นทำปัญญาตรงปัจจุบันขณะ
เริ่มที่สุตมยปัญญาก่อนแล้วเจริญขึ้นตามลำดับที่เข้าใจ
ปัญญาคือความคิดเห็นถูกเข้าใจถูกตามตามตามคำสอนตรงสัจจะที่กายใจตนมี
:b8:
:b16: :b16:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ก.พ. 2019, 08:14 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7503

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
"ความรู้ กับ ความรู้สึก"

หัวข้อนี้ ท่านพูดตรงไปที่การเมือง คือ ท่าน (พระพุทธโฆษาจารย์ - ป.อ.ปยุตฺโต) แนะว่าเบื่อการเมืองจะทำอย่างไร

แต่ไม่พึงมองแค่นั้น มองให้กว้างออกไปในทุกๆเรื่อง โดยแยกเป็น ความรู้ อย่างหนึ่ง ความรู้สึก อย่างหนึ่ง ถ้ามองด้วย ความรู้สึก แล้ววนตันคิดไม่ออก แต่ถ้ามองด้วยความรู้คือมองปัญญาแล้วไม่ตัน รู้ได้มากมาย

Kiss
เข้าใจคำว่าทุกอย่างเป็นธัมมะรึเปล่า
เบื่อเป็นธัมมะเป็นอกุศลเป็นกิเลส
ชั่วลัดนิ้วมือเดียวดับนับไม่ถ้วน
ตถาคตทรงนับเป็นแสนโกฏิ
คือแสนล้านขณะแค่ดีดนิ้ว
ดังเปาะ1ครั้งคิดถูกไหม
ใครบ้างไม่มีกิเลสเลย
ไม่เคยคิดได้ตรงเลย
ตรง1ทางที่กายใจมี
ขาดสุตมยปัญญาอยู่
:b32:
พระอรหันต์เท่านั้นที่ไม่มีเชื้อกิเลสที่เหลือใครรู้ตัวบ้างว่ากำลังมีกิเลส555
https://youtu.be/QDsGzMJP_Mk




อ้างคำพูด:
เข้าใจคำว่าทุกอย่างเป็นธัมมะรึเปล่า


นั่งบ่นทุกวันธัมมะๆๆๆ บ่นแล้วตันวน ไม่รู้จะออกทางไหน ก็ธัมมะๆๆ

ข้าวก็ธัมมะ แต่จะมีเงินซื้อข้าวกินได้ก็มีธัมมะคือมีปัญญาหาเงิน กินอาหารแล้วก็กลายเป็นขี้ ขี้ก็เป็นธัมมะ (ทุกอย่างเป็นธัมมะ :b32: ) แต่ปัญญาบอกว่าขี้กินไม่ได้ (ยกเว้นหมา) แม้ขี้จะมาจากอาหารที่กินเข้าไปก็ตาม ทำไงทีนี้ ปัญญาบอกว่า ต้องเก็บของเหม็นคือธัมมะ (ทุกอย่างเป็นธัมมะ) ไว้เป็นที่เป็นทาง คือ ทำส้วม เวลาถ่ายก็ไปถ่ายที่ที่ทำไว้ หมุนวนเป็นวัฏจักรไปงี้ :b13: ธัมมะๆๆ

cool
เมื่อก่อนโรสเคยยกตัวอย่างสภาพธรรมครบ6ทาง
จิตเกิดดับ1ขณะมี7ชวนะคูณ6ทาง=42ชวนะ
ที่นับได้จากการเอามาคำนวณแค่6ทางอายตนะ

ที่โรสชอบบอกว่าแค่กระพริบตานับไม่ทันมีกิเลสแล้ว
:b32:
ทีนี้อันนี้ของจริงตถาคตตรัสรู้ความจริงที่เกิดดับแสนโกฏิขณะคือนับไม่ถ้วน
ที่ตถาคตทรงนับและแจกแจงรายละเอียดไว้ทั้งหมดแล้วเพื่อให้ศึกษาเข้าใจถูกตามได้
ไม่ใช่ให้ไปทำอะไรเพิ่มแต่ทรงตรัสบอกให้ฟังเพื่อให้เกิดปัญญาเพิ่มขึ้นทำสุตมยปัญญาเพื่อเข้าใจสัจจะรึยัง
ตถาคตบอกไว้ว่าเพียงชั่วลัดนิ้วมือเดียวตัวจริงธัมมะดับไปแสนล้านขณะแล้วกิเลสมีแล้วหลั่งออกมาจากจิต
แค่ดีดนิ้วดังเปาะ1ครั้งกิเลสของคนที่ไม่เคยระลึกตามคำสอนตรง1สัจจะได้ที่กายใจตัวเองจึงสะสมอวิชชาไง
https://youtu.be/zm1sI4x7fdo


นั่งคำนวณไปน่ะ ดีกว่าอยู่เปล่าๆ :b13: s006

:b12:
อ่ะ...ไม่เก็ตจริงๆหรออออ
จิตเกิดดับสลับกันมี6ทาง
42ชวนะที่นับถ้วนทั้ง6ทาง
ถ้าคิดตรงเป็นมันก็คิดตรง
ได้แค่1ตัวจริงธัมมะเท่านั้น
แต่ความจริงนับได้แสนล้าน
1ขณะที่ตัวเองนับถูกที่กาย
ใจตัวเองรับรู้ได้ตรง1จริงคือ
ปัญญาของตนเองเข้าใจไหม
อดีตสัญญาที่จำบัญญัติคำนั้น
เป็นเพียงสัญญาคือนิวรณ์ให้ช้า
ไม่สามารถเข้าถึงสัจจะได้เพราะ
ปัญญาตามคำสอนเกิดตามลำดับ
และเริ่มต้นทำปัญญาตรงปัจจุบันขณะ
เริ่มที่สุตมยปัญญาก่อนแล้วเจริญขึ้นตามลำดับที่เข้าใจ
ปัญญาคือความคิดเห็นถูกเข้าใจถูกตามตามตามคำสอนตรงสัจจะที่กายใจตนมี
:b8:
:b16: :b16:

wink
เข้าใจบ๊ออออ
ใครจะไปทำฌานจนถึงอรูปฌานก็ไม่ใช่ปัญญา
ทำฌานมันทำคนละทางกับทำปัญญา
การทำฌานคือทำสมาธิเจตสิกล้วนๆ
สมาธิที่ไม่ประกอบปัญญาเป็นมิจฉา
การทำปัญญาต้องมีวิถีจิตครบ6ทาง
และต้องพึ่งการฟังจากปรโตโฆสะมี
กำลังน้อมนำสัจจะที่คิดตามรู้ตามอยู่
รู้ความจริงตรงสัจจะที่กายใจตามได้
มีสติสัมปชัญญะครบ6ทางอายตนะ
วิถีจิตทางตาคือลืมตาตื่นรู้เห็นแจ้ง
แทงตลอดธรรมครบทั้ง6ทางเลย
ตามปกติตามเป็นจริงมีครบแล้ว
https://youtu.be/jey5V6ll2hY
onion onion onion


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ก.พ. 2019, 08:43 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
"ความรู้ กับ ความรู้สึก"

หัวข้อนี้ ท่านพูดตรงไปที่การเมือง คือ ท่าน (พระพุทธโฆษาจารย์ - ป.อ.ปยุตฺโต) แนะว่าเบื่อการเมืองจะทำอย่างไร

แต่ไม่พึงมองแค่นั้น มองให้กว้างออกไปในทุกๆเรื่อง โดยแยกเป็น ความรู้ อย่างหนึ่ง ความรู้สึก อย่างหนึ่ง ถ้ามองด้วย ความรู้สึก แล้ววนตันคิดไม่ออก แต่ถ้ามองด้วยความรู้คือมองปัญญาแล้วไม่ตัน รู้ได้มากมาย

Kiss
เข้าใจคำว่าทุกอย่างเป็นธัมมะรึเปล่า
เบื่อเป็นธัมมะเป็นอกุศลเป็นกิเลส
ชั่วลัดนิ้วมือเดียวดับนับไม่ถ้วน
ตถาคตทรงนับเป็นแสนโกฏิ
คือแสนล้านขณะแค่ดีดนิ้ว
ดังเปาะ1ครั้งคิดถูกไหม
ใครบ้างไม่มีกิเลสเลย
ไม่เคยคิดได้ตรงเลย
ตรง1ทางที่กายใจมี
ขาดสุตมยปัญญาอยู่
:b32:
พระอรหันต์เท่านั้นที่ไม่มีเชื้อกิเลสที่เหลือใครรู้ตัวบ้างว่ากำลังมีกิเลส555
https://youtu.be/QDsGzMJP_Mk




อ้างคำพูด:
เข้าใจคำว่าทุกอย่างเป็นธัมมะรึเปล่า


นั่งบ่นทุกวันธัมมะๆๆๆ บ่นแล้วตันวน ไม่รู้จะออกทางไหน ก็ธัมมะๆๆ

ข้าวก็ธัมมะ แต่จะมีเงินซื้อข้าวกินได้ก็มีธัมมะคือมีปัญญาหาเงิน กินอาหารแล้วก็กลายเป็นขี้ ขี้ก็เป็นธัมมะ (ทุกอย่างเป็นธัมมะ :b32: ) แต่ปัญญาบอกว่าขี้กินไม่ได้ (ยกเว้นหมา) แม้ขี้จะมาจากอาหารที่กินเข้าไปก็ตาม ทำไงทีนี้ ปัญญาบอกว่า ต้องเก็บของเหม็นคือธัมมะ (ทุกอย่างเป็นธัมมะ) ไว้เป็นที่เป็นทาง คือ ทำส้วม เวลาถ่ายก็ไปถ่ายที่ที่ทำไว้ หมุนวนเป็นวัฏจักรไปงี้ :b13: ธัมมะๆๆ

cool
เมื่อก่อนโรสเคยยกตัวอย่างสภาพธรรมครบ6ทาง
จิตเกิดดับ1ขณะมี7ชวนะคูณ6ทาง=42ชวนะ
ที่นับได้จากการเอามาคำนวณแค่6ทางอายตนะ

ที่โรสชอบบอกว่าแค่กระพริบตานับไม่ทันมีกิเลสแล้ว
:b32:
ทีนี้อันนี้ของจริงตถาคตตรัสรู้ความจริงที่เกิดดับแสนโกฏิขณะคือนับไม่ถ้วน
ที่ตถาคตทรงนับและแจกแจงรายละเอียดไว้ทั้งหมดแล้วเพื่อให้ศึกษาเข้าใจถูกตามได้
ไม่ใช่ให้ไปทำอะไรเพิ่มแต่ทรงตรัสบอกให้ฟังเพื่อให้เกิดปัญญาเพิ่มขึ้นทำสุตมยปัญญาเพื่อเข้าใจสัจจะรึยัง
ตถาคตบอกไว้ว่าเพียงชั่วลัดนิ้วมือเดียวตัวจริงธัมมะดับไปแสนล้านขณะแล้วกิเลสมีแล้วหลั่งออกมาจากจิต
แค่ดีดนิ้วดังเปาะ1ครั้งกิเลสของคนที่ไม่เคยระลึกตามคำสอนตรง1สัจจะได้ที่กายใจตัวเองจึงสะสมอวิชชาไง
https://youtu.be/zm1sI4x7fdo


นั่งคำนวณไปน่ะ ดีกว่าอยู่เปล่าๆ :b13: s006

:b12:
อ่ะ...ไม่เก็ตจริงๆหรออออ
จิตเกิดดับสลับกันมี6ทาง
42ชวนะที่นับถ้วนทั้ง6ทาง
ถ้าคิดตรงเป็นมันก็คิดตรง
ได้แค่1ตัวจริงธัมมะเท่านั้น
แต่ความจริงนับได้แสนล้าน
1ขณะที่ตัวเองนับถูกที่กาย
ใจตัวเองรับรู้ได้ตรง1จริงคือ
ปัญญาของตนเองเข้าใจไหม
อดีตสัญญาที่จำบัญญัติคำนั้น
เป็นเพียงสัญญาคือนิวรณ์ให้ช้า
ไม่สามารถเข้าถึงสัจจะได้เพราะ
ปัญญาตามคำสอนเกิดตามลำดับ
และเริ่มต้นทำปัญญาตรงปัจจุบันขณะ
เริ่มที่สุตมยปัญญาก่อนแล้วเจริญขึ้นตามลำดับที่เข้าใจ
ปัญญาคือความคิดเห็นถูกเข้าใจถูกตามตามตามคำสอนตรงสัจจะที่กายใจตนมี
:b8:
:b16: :b16:

wink
เข้าใจบ๊ออออ
ใครจะไปทำฌานจนถึงอรูปฌานก็ไม่ใช่ปัญญา
ทำฌานมันทำคนละทางกับทำปัญญา
การทำฌานคือทำสมาธิเจตสิกล้วนๆ
สมาธิที่ไม่ประกอบปัญญาเป็นมิจฉา
การทำปัญญาต้องมีวิถีจิตครบ6ทาง
และต้องพึ่งการฟังจากปรโตโฆสะมี
กำลังน้อมนำสัจจะที่คิดตามรู้ตามอยู่
รู้ความจริงตรงสัจจะที่กายใจตามได้
มีสติสัมปชัญญะครบ6ทางอายตนะ
วิถีจิตทางตาคือลืมตาตื่นรู้เห็นแจ้ง
แทงตลอดธรรมครบทั้ง6ทางเลย
ตามปกติตามเป็นจริงมีครบแล้ว
https://youtu.be/jey5V6ll2hY
onion onion onion



ไม่มีปัญญาระดับหนึ่ง จ้างฌานก็ไม่เกิด "ฌานย่อมไม่มีแก่ผู้ไร้ปัญญา" :b32:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ก.พ. 2019, 08:44 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


รูปภาพ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ก.พ. 2019, 21:21 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7503

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
"ความรู้ กับ ความรู้สึก"

หัวข้อนี้ ท่านพูดตรงไปที่การเมือง คือ ท่าน (พระพุทธโฆษาจารย์ - ป.อ.ปยุตฺโต) แนะว่าเบื่อการเมืองจะทำอย่างไร

แต่ไม่พึงมองแค่นั้น มองให้กว้างออกไปในทุกๆเรื่อง โดยแยกเป็น ความรู้ อย่างหนึ่ง ความรู้สึก อย่างหนึ่ง ถ้ามองด้วย ความรู้สึก แล้ววนตันคิดไม่ออก แต่ถ้ามองด้วยความรู้คือมองปัญญาแล้วไม่ตัน รู้ได้มากมาย

Kiss
เข้าใจคำว่าทุกอย่างเป็นธัมมะรึเปล่า
เบื่อเป็นธัมมะเป็นอกุศลเป็นกิเลส
ชั่วลัดนิ้วมือเดียวดับนับไม่ถ้วน
ตถาคตทรงนับเป็นแสนโกฏิ
คือแสนล้านขณะแค่ดีดนิ้ว
ดังเปาะ1ครั้งคิดถูกไหม
ใครบ้างไม่มีกิเลสเลย
ไม่เคยคิดได้ตรงเลย
ตรง1ทางที่กายใจมี
ขาดสุตมยปัญญาอยู่
:b32:
พระอรหันต์เท่านั้นที่ไม่มีเชื้อกิเลสที่เหลือใครรู้ตัวบ้างว่ากำลังมีกิเลส555
https://youtu.be/QDsGzMJP_Mk




อ้างคำพูด:
เข้าใจคำว่าทุกอย่างเป็นธัมมะรึเปล่า


นั่งบ่นทุกวันธัมมะๆๆๆ บ่นแล้วตันวน ไม่รู้จะออกทางไหน ก็ธัมมะๆๆ

ข้าวก็ธัมมะ แต่จะมีเงินซื้อข้าวกินได้ก็มีธัมมะคือมีปัญญาหาเงิน กินอาหารแล้วก็กลายเป็นขี้ ขี้ก็เป็นธัมมะ (ทุกอย่างเป็นธัมมะ :b32: ) แต่ปัญญาบอกว่าขี้กินไม่ได้ (ยกเว้นหมา) แม้ขี้จะมาจากอาหารที่กินเข้าไปก็ตาม ทำไงทีนี้ ปัญญาบอกว่า ต้องเก็บของเหม็นคือธัมมะ (ทุกอย่างเป็นธัมมะ) ไว้เป็นที่เป็นทาง คือ ทำส้วม เวลาถ่ายก็ไปถ่ายที่ที่ทำไว้ หมุนวนเป็นวัฏจักรไปงี้ :b13: ธัมมะๆๆ

cool
เมื่อก่อนโรสเคยยกตัวอย่างสภาพธรรมครบ6ทาง
จิตเกิดดับ1ขณะมี7ชวนะคูณ6ทาง=42ชวนะ
ที่นับได้จากการเอามาคำนวณแค่6ทางอายตนะ

ที่โรสชอบบอกว่าแค่กระพริบตานับไม่ทันมีกิเลสแล้ว
:b32:
ทีนี้อันนี้ของจริงตถาคตตรัสรู้ความจริงที่เกิดดับแสนโกฏิขณะคือนับไม่ถ้วน
ที่ตถาคตทรงนับและแจกแจงรายละเอียดไว้ทั้งหมดแล้วเพื่อให้ศึกษาเข้าใจถูกตามได้
ไม่ใช่ให้ไปทำอะไรเพิ่มแต่ทรงตรัสบอกให้ฟังเพื่อให้เกิดปัญญาเพิ่มขึ้นทำสุตมยปัญญาเพื่อเข้าใจสัจจะรึยัง
ตถาคตบอกไว้ว่าเพียงชั่วลัดนิ้วมือเดียวตัวจริงธัมมะดับไปแสนล้านขณะแล้วกิเลสมีแล้วหลั่งออกมาจากจิต
แค่ดีดนิ้วดังเปาะ1ครั้งกิเลสของคนที่ไม่เคยระลึกตามคำสอนตรง1สัจจะได้ที่กายใจตัวเองจึงสะสมอวิชชาไง
https://youtu.be/zm1sI4x7fdo


นั่งคำนวณไปน่ะ ดีกว่าอยู่เปล่าๆ :b13: s006

:b12:
อ่ะ...ไม่เก็ตจริงๆหรออออ
จิตเกิดดับสลับกันมี6ทาง
42ชวนะที่นับถ้วนทั้ง6ทาง
ถ้าคิดตรงเป็นมันก็คิดตรง
ได้แค่1ตัวจริงธัมมะเท่านั้น
แต่ความจริงนับได้แสนล้าน
1ขณะที่ตัวเองนับถูกที่กาย
ใจตัวเองรับรู้ได้ตรง1จริงคือ
ปัญญาของตนเองเข้าใจไหม
อดีตสัญญาที่จำบัญญัติคำนั้น
เป็นเพียงสัญญาคือนิวรณ์ให้ช้า
ไม่สามารถเข้าถึงสัจจะได้เพราะ
ปัญญาตามคำสอนเกิดตามลำดับ
และเริ่มต้นทำปัญญาตรงปัจจุบันขณะ
เริ่มที่สุตมยปัญญาก่อนแล้วเจริญขึ้นตามลำดับที่เข้าใจ
ปัญญาคือความคิดเห็นถูกเข้าใจถูกตามตามตามคำสอนตรงสัจจะที่กายใจตนมี
:b8:
:b16: :b16:

wink
เข้าใจบ๊ออออ
ใครจะไปทำฌานจนถึงอรูปฌานก็ไม่ใช่ปัญญา
ทำฌานมันทำคนละทางกับทำปัญญา
การทำฌานคือทำสมาธิเจตสิกล้วนๆ
สมาธิที่ไม่ประกอบปัญญาเป็นมิจฉา
การทำปัญญาต้องมีวิถีจิตครบ6ทาง
และต้องพึ่งการฟังจากปรโตโฆสะมี
กำลังน้อมนำสัจจะที่คิดตามรู้ตามอยู่
รู้ความจริงตรงสัจจะที่กายใจตามได้
มีสติสัมปชัญญะครบ6ทางอายตนะ
วิถีจิตทางตาคือลืมตาตื่นรู้เห็นแจ้ง
แทงตลอดธรรมครบทั้ง6ทางเลย
ตามปกติตามเป็นจริงมีครบแล้ว
https://youtu.be/jey5V6ll2hY
onion onion onion



ไม่มีปัญญาระดับหนึ่ง จ้างฌานก็ไม่เกิด "ฌานย่อมไม่มีแก่ผู้ไร้ปัญญา" :b32:

:b32:
ตาก็ดูให้เข้าใจหูก็ฟังแล้วคิดตามให้เข้าใจไม่ต้องหลับตา
บอกไม่รู้จักฟังรู้ไหมว่าโรสทำได้แค่บอกฟังต้องฟังเองค่ะ
ไปนั่งหลับตาไม่มีสติระลึกตามคำสอนไม่พึ่งคิดตามคำสอน
แต่จะเอาปัญญาจากการหลับตาและขาดการระลึกตามคำสอน
นั่งไปคิดไปปวดเมื่อยไปโทสะเกิดขุ่นใจพอหายเมื่อยสบายก็ติดใจ
อยากนั่งอีกคิดเอาเองว่าเป็นความสงบนั่งนิ่งใบ้ไม่คิดนึกตามคำสอน
แล้วจะเกิดปัญญาได้ยังไงก็บอกแล้วว่าทำฌานไม่ใช่ทำปัญญาไม่เก็ตรึ
จิตเห็นเป็นสภาพธรรมเดียวที่มีแสงสว่างจิตทางอื่นมืดไม่มีตัวตนใดๆเลย
เห็นแจ้งแทงตลอดธรรมตรงตามที่กำลังฟังต้องลืมตาตื่นรู้และกำลังคิดตามคำสอนอยู่
:b12:
:b17: :b17:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ก.พ. 2019, 21:41 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7503

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
Rosarin เขียน:
กรัชกาย เขียน:
"ความรู้ กับ ความรู้สึก"

หัวข้อนี้ ท่านพูดตรงไปที่การเมือง คือ ท่าน (พระพุทธโฆษาจารย์ - ป.อ.ปยุตฺโต) แนะว่าเบื่อการเมืองจะทำอย่างไร

แต่ไม่พึงมองแค่นั้น มองให้กว้างออกไปในทุกๆเรื่อง โดยแยกเป็น ความรู้ อย่างหนึ่ง ความรู้สึก อย่างหนึ่ง ถ้ามองด้วย ความรู้สึก แล้ววนตันคิดไม่ออก แต่ถ้ามองด้วยความรู้คือมองปัญญาแล้วไม่ตัน รู้ได้มากมาย

Kiss
เข้าใจคำว่าทุกอย่างเป็นธัมมะรึเปล่า
เบื่อเป็นธัมมะเป็นอกุศลเป็นกิเลส
ชั่วลัดนิ้วมือเดียวดับนับไม่ถ้วน
ตถาคตทรงนับเป็นแสนโกฏิ
คือแสนล้านขณะแค่ดีดนิ้ว
ดังเปาะ1ครั้งคิดถูกไหม
ใครบ้างไม่มีกิเลสเลย
ไม่เคยคิดได้ตรงเลย
ตรง1ทางที่กายใจมี
ขาดสุตมยปัญญาอยู่
:b32:
พระอรหันต์เท่านั้นที่ไม่มีเชื้อกิเลสที่เหลือใครรู้ตัวบ้างว่ากำลังมีกิเลส555
https://youtu.be/QDsGzMJP_Mk




อ้างคำพูด:
เข้าใจคำว่าทุกอย่างเป็นธัมมะรึเปล่า


นั่งบ่นทุกวันธัมมะๆๆๆ บ่นแล้วตันวน ไม่รู้จะออกทางไหน ก็ธัมมะๆๆ

ข้าวก็ธัมมะ แต่จะมีเงินซื้อข้าวกินได้ก็มีธัมมะคือมีปัญญาหาเงิน กินอาหารแล้วก็กลายเป็นขี้ ขี้ก็เป็นธัมมะ (ทุกอย่างเป็นธัมมะ :b32: ) แต่ปัญญาบอกว่าขี้กินไม่ได้ (ยกเว้นหมา) แม้ขี้จะมาจากอาหารที่กินเข้าไปก็ตาม ทำไงทีนี้ ปัญญาบอกว่า ต้องเก็บของเหม็นคือธัมมะ (ทุกอย่างเป็นธัมมะ) ไว้เป็นที่เป็นทาง คือ ทำส้วม เวลาถ่ายก็ไปถ่ายที่ที่ทำไว้ หมุนวนเป็นวัฏจักรไปงี้ :b13: ธัมมะๆๆ

cool
เมื่อก่อนโรสเคยยกตัวอย่างสภาพธรรมครบ6ทาง
จิตเกิดดับ1ขณะมี7ชวนะคูณ6ทาง=42ชวนะ
ที่นับได้จากการเอามาคำนวณแค่6ทางอายตนะ

ที่โรสชอบบอกว่าแค่กระพริบตานับไม่ทันมีกิเลสแล้ว
:b32:
ทีนี้อันนี้ของจริงตถาคตตรัสรู้ความจริงที่เกิดดับแสนโกฏิขณะคือนับไม่ถ้วน
ที่ตถาคตทรงนับและแจกแจงรายละเอียดไว้ทั้งหมดแล้วเพื่อให้ศึกษาเข้าใจถูกตามได้
ไม่ใช่ให้ไปทำอะไรเพิ่มแต่ทรงตรัสบอกให้ฟังเพื่อให้เกิดปัญญาเพิ่มขึ้นทำสุตมยปัญญาเพื่อเข้าใจสัจจะรึยัง
ตถาคตบอกไว้ว่าเพียงชั่วลัดนิ้วมือเดียวตัวจริงธัมมะดับไปแสนล้านขณะแล้วกิเลสมีแล้วหลั่งออกมาจากจิต
แค่ดีดนิ้วดังเปาะ1ครั้งกิเลสของคนที่ไม่เคยระลึกตามคำสอนตรง1สัจจะได้ที่กายใจตัวเองจึงสะสมอวิชชาไง
https://youtu.be/zm1sI4x7fdo


นั่งคำนวณไปน่ะ ดีกว่าอยู่เปล่าๆ :b13: s006

:b12:
อ่ะ...ไม่เก็ตจริงๆหรออออ
จิตเกิดดับสลับกันมี6ทาง
42ชวนะที่นับถ้วนทั้ง6ทาง
ถ้าคิดตรงเป็นมันก็คิดตรง
ได้แค่1ตัวจริงธัมมะเท่านั้น
แต่ความจริงนับได้แสนล้าน
1ขณะที่ตัวเองนับถูกที่กาย
ใจตัวเองรับรู้ได้ตรง1จริงคือ
ปัญญาของตนเองเข้าใจไหม
อดีตสัญญาที่จำบัญญัติคำนั้น
เป็นเพียงสัญญาคือนิวรณ์ให้ช้า
ไม่สามารถเข้าถึงสัจจะได้เพราะ
ปัญญาตามคำสอนเกิดตามลำดับ
และเริ่มต้นทำปัญญาตรงปัจจุบันขณะ
เริ่มที่สุตมยปัญญาก่อนแล้วเจริญขึ้นตามลำดับที่เข้าใจ
ปัญญาคือความคิดเห็นถูกเข้าใจถูกตามตามตามคำสอนตรงสัจจะที่กายใจตนมี
:b8:
:b16: :b16:

wink
เข้าใจบ๊ออออ
ใครจะไปทำฌานจนถึงอรูปฌานก็ไม่ใช่ปัญญา
ทำฌานมันทำคนละทางกับทำปัญญา
การทำฌานคือทำสมาธิเจตสิกล้วนๆ
สมาธิที่ไม่ประกอบปัญญาเป็นมิจฉา
การทำปัญญาต้องมีวิถีจิตครบ6ทาง
และต้องพึ่งการฟังจากปรโตโฆสะมี
กำลังน้อมนำสัจจะที่คิดตามรู้ตามอยู่
รู้ความจริงตรงสัจจะที่กายใจตามได้
มีสติสัมปชัญญะครบ6ทางอายตนะ
วิถีจิตทางตาคือลืมตาตื่นรู้เห็นแจ้ง
แทงตลอดธรรมครบทั้ง6ทางเลย
ตามปกติตามเป็นจริงมีครบแล้ว
https://youtu.be/jey5V6ll2hY
onion onion onion



ไม่มีปัญญาระดับหนึ่ง จ้างฌานก็ไม่เกิด "ฌานย่อมไม่มีแก่ผู้ไร้ปัญญา" :b32:

:b32:
ตาก็ดูให้เข้าใจหูก็ฟังแล้วคิดตามให้เข้าใจไม่ต้องหลับตา
บอกไม่รู้จักฟังรู้ไหมว่าโรสทำได้แค่บอกฟังต้องฟังเองค่ะ
ไปนั่งหลับตาไม่มีสติระลึกตามคำสอนไม่พึ่งคิดตามคำสอน
แต่จะเอาปัญญาจากการหลับตาและขาดการระลึกตามคำสอน
นั่งไปคิดไปปวดเมื่อยไปโทสะเกิดขุ่นใจพอหายเมื่อยสบายก็ติดใจ
อยากนั่งอีกคิดเอาเองว่าเป็นความสงบนั่งนิ่งใบ้ไม่คิดนึกตามคำสอน
แล้วจะเกิดปัญญาได้ยังไงก็บอกแล้วว่าทำฌานไม่ใช่ทำปัญญาไม่เก็ตรึ
จิตเห็นเป็นสภาพธรรมเดียวที่มีแสงสว่างจิตทางอื่นมืดไม่มีตัวตนใดๆเลย
เห็นแจ้งแทงตลอดธรรมตรงตามที่กำลังฟังต้องลืมตาตื่นรู้และกำลังคิดตามคำสอนอยู่
:b12:
:b17: :b17:

ตถาคตแสดงความจริงจากการตรัสรู้ให้ผู้ที่ฟังค่อยๆคิดถูกตามได้
เดี๋ยวนี้เลยจิตเกิดดับสืบต่อไม่ขาดสายนับแสนโกฏิขณะมีแล้ว
จะไปไหนไปทำอะไรก็ทำด้วยความไม่รู้ไม่เข้าใจตามคำสอน
บอกแล้วบอกอีกว่าทุกคำในพระไตรปิฎกคือสัจจะตรงขณะ
เป็นปัจุบันธรรมตรงกับทุกๆคำที่ตถาคตทรงแสดงมีแล้ว
กำลังเกิดดับนับไม่ถ้วนกันอยู่ทุกคนรู้สึกตัวบ้างหรือยัง
ว่าขาดการฟังเสียงของปรโตโฆสะอยู่บอกให้เริ่มฟัง
จะได้เริ่มสะสมปัญญาตรงปัจจุบันขณะบ้างไงล่ะคะ
:b16:
:b4: :b4:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 ก.พ. 2019, 05:28 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:

ตถาคตแสดงความจริงจากการตรัสรู้ให้ผู้ที่ฟังค่อยๆคิดถูกตามได้
เดี๋ยวนี้เลยจิตเกิดดับสืบต่อไม่ขาดสายนับแสนโกฏิขณะมีแล้ว
จะไปไหนไปทำอะไรก็ทำด้วยความไม่รู้ไม่เข้าใจตามคำสอน
บอกแล้วบอกอีกว่าทุกคำในพระไตรปิฎกคือสัจจะตรงขณะ
เป็นปัจุบันธรรมตรงกับทุกๆคำที่ตถาคตทรงแสดงมีแล้ว
กำลังเกิดดับนับไม่ถ้วนกันอยู่ทุกคนรู้สึกตัวบ้างหรือยัง
ว่าขาดการฟังเสียงของปรโตโฆสะอยู่บอกให้เริ่มฟัง
จะได้เริ่มสะสมปัญญาตรงปัจจุบันขณะบ้างไงล่ะคะ


เอาตามที่สบายเถอะนะ :b13:

รูปภาพ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 ก.พ. 2019, 05:31 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ระบบราชการ : ศัตรูประชาธิปไตย

รู้สึกผิดทุกครั้งที่มีคนถามเรื่องการเมืองเรื่องเลือกตั้ง แล้วต้องตอบด้วยความสัตย์จริงว่าไม่สนใจ

คนถามก็คงผิดหวัง

อะไรกัน ทำไมถึงไม่สนใจการเมือง อยู่ใต้เผด็จการมาตั้งห้าปี นี่เป็นครั้งแรกที่จะมีการเลือกตั้ง ไม่ว่าอยู่ฝ่ายไหน ก็ควรต้องสนใจไม่ใช่หรือ

เจอคำถามแบบนี้ก็ได้แต่ยิ้ม ยอมโดนด่าในใจว่าไม่เอาไหน เพราะคนถามมักตั้งป้อมไว้แล้วว่าเราควรคิดอย่างไร อธิบายยาวก็จะหาว่าเลคเชอร์ พูดสั้นๆ ก็เถียงไม่ทันเขา ยิ่งถ้ามาจากฝ่ายการเมืองสุดโต่งยิ่งมีโอกาสตัดญาติขาดมิตรได้ เอาเป็นว่ายิ้มดีกว่า ความคิดทางการเมืองมันไม่ยั่งยืน เปลี่ยนกันได้ เก็บมิตรภาพไว้ดีกว่า บอกตัวเองแบบนั้น

จริงๆ ก็อยากจะอธิบายนะ ก็เลยเก็บมาคุยที่นี่

ที่ว่าไม่สนใจ คือไม่สนใจการเมืองแบบข่าวรายวัน เพราะเป็นเพียงฉากเล็กๆ ของนาฏกรรมการเมืองเรื่องยาว มีตัวละครออกมาเล่นให้เราสนใจชั่วครู่ชั่วยาม เรื่องเก่าไปเรื่องใหม่มา สะกดเราให้สนใจเรื่องแต่ละวันจนเราลืมแก่นจริงของละครเรื่องนี้ไป นั่นก็คือไม่ว่าใครจะชนะในมหากาพย์ของการช่วงชิงอำนาจ คนเล็กคนน้อยก็ยังคงตกเป็นเบี้ยล่าง ธรรมชาติก็ยังจะย่อยยับ อากาศ น้ำ ดิน ป่า ทะเล จะโดนทำลายต่อไป จนในที่สุดก็จะสายเกินไป

ตัวละครหลักๆ ที่ทำให้บ้านเมืองตกหล่มอยู่ทุกวันนี้ เป็นพวกที่อยู่ในหนึ่งเปอร์เซนต์บนสุดของประเทศ ผนึกกำลังกับสถาบันทหารที่เป็นหัวหน้าของพรรคที่ใหญ่ที่สุด พรรคที่เราทุกคนต้องควักกระเป๋าจ่าย คือระบบราชการรวมศูนย์อำนาจ เป้าหมายคือรักษาอำนาจเผด็จการทางการเมืองและทางวัฒนธรรมของตน ทำทุกอย่างเพื่อยื้อยุดหยุดสังคมไม่ให้ก้าวไปข้างหน้า เพื่อรักษาอำนาจตัวเอง

แต่ใครจะฝืนกฎธรรมชาติได้ ที่ไหนมีแรงกดมากเท่าไหร่ แรงต้านก็มีมากแค่นั้น ไม่ว่าจะเปรียบสังคมเราเป็นเส้นด้าย หรือเป็นผ้าที่ถักทอเข้าเป็นผืนเดียวกัน เมื่อมีแรงดึงจากทั้งสองฝ่าย มันก็ต้องฉีกขาดสักวัน

ไม่ช้าก็เร็ว

พอภาพใหญ่เป็นแบบนี้ ก็เลยไม่ได้สนใจดราม่าการเมืองรายวัน รอดูตอนจบด้วยจิตใจหดหู่

ในละครการเมืองตอนเลือกตั้งครั้งนี้ ตัวหลักที่เห็นประชาชนเป็นแค่เบี้ยยังอยู่ครบ ถึงจะมีคนรุ่นใหม่และตัวแทนคนฐานรากที่ต้องการจะเข้ามาสร้างความเปลี่ยนแปลง ซึ่งน่าชื่นชมและน่าสนับสนุน แต่หนทางยังอีกยาวไกล และเต็มไปด้วยขวากหนาม เพราะความยุติธรรมที่ต้องการ มันยากยิ่งนักถ้าโครงสร้างของอำนาจนิยมในระบบปกครอง ระบบราชการรวมศูนย์ และอำนาจนิยมในวิถีคิดของสังคมที่ตอกย้ำความไม่เท่าเทียมกัน ยังคงอยู่ยั้งยืนยง

แต่ก็ไม่ได้แปลว่าไม่สนใจประชาธิปไตย ที่สนใจคือทำอย่างไรจะทำให้การเลือกตั้งไม่ใช่แค่พิธีกรรมแบบทุกวันนี้ ทำอย่างไรจะให้ประชาธิปไตยมีโอกาสได้เกิดในบ้านเมืองเราได้สักที

เพราะถึงจะได้หย่อนบัตรเลือกตั้ง เราก็ยังต้องใช้รัฐธรรมนูญที่รัฐบาลทหารสร้างหลุมพรางไว้มากมาย ยังหนีไม่พ้นรัฐราชการที่ผู้นำประณามประชาชนที่ไม่ยอมจำนนว่า ‘ขี้ข้า’ ยังมีระบบราชการที่หากินกับนายทุน ทำหน้าที่รับใช้ออกกฎหมายให้ประโยชน์ให้เจ้าสัว พอเกษียณแล้วก็เข้าไปทำงานให้เจ้าสัวเลย ระบบกินรวบแบบนี้ หย่อนบัตรเลือกตั้งอย่างเดียวไม่มีทางแก้ได้

ไม่ใช่หมดหวังกับการเปลี่ยนแปลง เพียงแต่ความหวังไม่ได้อยู่กับการเมืองระดับชาติ แต่อยู่ที่กลุ่มประชาชนฐานรากที่ต่อสู้รัฐราชการที่เป็นทาสรับใช้ทุน จนฐานของชีวิตของคนเล็กคนน้อยทั่วประเทศถูกยึดครอง ถูกทำลาย จนต้องออกมาเดินถนนเรียกร้องหาความยุติธรรม

รัฐราชการอำนาจนิยม รวมศูนย์นี้ มีทหารอยู่บนยอดสุดของปิรามิดอำนาจ ข้าราชการสามารถออกกฎหมายให้อำนาจตัวเอง ผูกขาดการจัดการทรัพยากรยังไงก็ได้ เป็นระบบปิด ขาดการตรวจสอบ ขาดจริยธรรม และไม่ต้องรับผิดชอบกับการตัดสินใจ หรือความผิดพลาดอะไรทั้งสิ้น

ระบบนี้แหละที่ทำให้มีการฉ้อราษฎร์บังหลวงอย่างมหาศาล

ระบบนี้แหละที่ทำการหย่อนบัตรของประชาชนไร้ความหมาย

นี่แหละศัตรูตัวจริงของประชาธิปไตย

https://i0.wp.com/www.the101.world/wp-c ... C450&ssl=1

https://www.the101.world/bureaucracy/?f ... pRX3h7hdhI

อ้างคำพูด:
ระบบราชการ : ศัตรูประชาธิปไตย


พูดได้ตรงต้นตอของปัญหา (ของทุกข์) กล่าวคือ รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งก่อนหน้าย้ายข้าราชการคนเดียว เขาใช้เป็นข้ออ้าง (ว่าแทรกแซงระบบราชการ) ล้มรัฐบาลได้ ครั้นถึงรัฐบาลรถถัง ย้ายเข้าย้ายออกย้ายกลับที่เดิมได้ ไร้เสียงค้านเสียงทัดทานจาก ขรก.

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 ก.พ. 2019, 05:53 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ต่อ

ระบบราชการชอบรัฐบาลทหารที่สุด ไม่ใช่แค่เรื่องได้ขึ้นเงินเดือนเพิ่มสวัสดิการ แต่เป็นเพราะสามารถรักษาอำนาจรวมศูนย์ไว้ได้ กระชับอำนาจกับประชาชนได้ตามอำเภอใจ เพราะประชาชนกลัวอำนาจรัฐที่ถือปืน ใครกล้าส่งเสียงก็จับไปข่มขู่ ส่งไปติดคุก เชือดไก่ให้ลิงดูไปเรื่อยๆ

ไม่ใช่รัฐบาลพลเรือนจะไม่ร้ายกาจ แต่ถึงจะเป็นนายทุนเต็มขั้นยังไง ระบบประชาธิปไตยก็ยังมีที่ว่างให้คนเดือดร้อนมีสิทธิ์มีเสียงได้

เวลานี้เผด็จการจำต้องลดการใช้อำนาจกับประชาชน เพราะต้องหาเสียงรับเลือกตั้ง ราชการจึงต้องดิ้นสุดตัว รีบผลักโครงการขนาดใหญ่ รีบเขียนกฎหมายให้อำนาจตัวเองเพิ่มขึ้นไปอีก รีบต่อกฎระเบียบที่ให้ประโยชน์นายทุน เพราะรู้ว่าขืนทำหลังเลือกตั้ง ไม่มีทางสำเร็จง่ายๆ

ข้าราชการแบบไหนกันจะสร้างเขื่อนในป่าสมบูรณ์ ข้าราชการแบบไหนที่จะออกกฎหมายมาขโมยที่ดินของชาวบ้าน จับเข้าคุกเข้าตะราง แค่เข้าไปเก็บผักเก็บหญ้าในป่าที่ชุมชนเขารักษาเอาไว้ แล้วยังจะงุบงิบจะเก็บเงินจากนักท่องเที่ยวไว้ใช้เอง

ข้าราชการแบบไหนที่ยอมให้ประชาชนกินอาหารที่ปนเปื้อนยาพิษเพื่อที่จะเอาใจนายทุนสารเคมีเกษตร

ข้าราชการแบบไหนที่จะเขียนกฎหมายบังคับให้ชาวนาซื้อเมล็ดพันธุ์จากบริษัทยักษ์ใหญ่ แม้มีเมล็ดพันธุ์เองก็ปลูกไม่ได้ บังคับให้ต้องไปจดรายงานกับหน่วยงานตัวเอง ถ้าไม่ทำก็เสี่ยงคุกเสี่ยงตะราง

ระบบข้าราชการแบบไหนที่สามารถขืนคำสั่งของรัฐบาลได้โดยไม่มีความผิด ตัวอย่างล่าสุดคือการเดินถนนทวงสัญญาว่าจะแก้ไขปัญหาสิทธิ์ที่ทำกินในป่าที่ชาวบ้านรักษา รัฐบาลแค่แก้ตัวไปน้ำขุ่นๆ สั่งไปแล้วแต่ติดที่ราชการไม่ยอมทำ

แบบนี้ก็มีด้วย

ข้าราชการดีก็ๆ มีอยู่ แต่สู้กับระบบร้ายกาจนี่ไม่ไหว เพราะเป็นระบบอำนาจที่เอื้อแต่พวกพ้อง

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 ก.พ. 2019, 08:58 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ต่อ

พอเลือกตั้งใกล้เข้ามา นักการเมืองได้เวทีเสนอนโยบายต่างๆ แต่ไม่ว่าใครจะชนะ ก็ต้องมาเจอระบบราชการที่มีกฎหมายที่ให้อำนาจตัวเองอยู่ในมือ รัฐธรรมนูญว่ายังไงก็ไม่สนใจ ได้แต่ยืนกระต่ายขาเดียวว่าต้องทำตามกฎหมายเดิม ทั้งๆ ที่ขัดรัฐธรรมนูญ

ถ้าฝ่ายเผด็จการชนะเลือกตั้ง พรรคข้าราชการก็จะตีปีกเถลิงอำนาจต่อไป แต่ถึงฝ่ายต้านเผด็จการชนะ ก็ยังเจอตอใหญ่คือระบบราชการอำนาจนิยมรวมศูนย์นี้

จึงรู้สึกอึดอัดทุกครั้ง ที่ได้ยินคนพูดว่าเกลียดนักการเมือง เข้ามาก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากโกงกิน ทหารปกครองดีแล้ว สงบดี

มีคนทักว่า ทำไมต้องอึดอัด ทุกคนมีสิทธิเสรีภาพในความคิดเห็น ต้องรู้จักเคารพความเห็นต่าง

แต่ขออภัย ไม่สามารถรับความคิดสนับสนุนเผด็จการได้ เพราะมันไม่ใช่แค่ความเห็นต่าง แต่เป็นการสนับสนุนให้รัฐราชการมีอำนาจมากขึ้น เขียนกฎหมายบังคับประชาชนได้ตามอำเภอใจ กระชับอำนาจกดขี่ได้รุนแรงยิ่งขึ้น ทำลายฐานทรัพยากร ฐานชีวิตของคนเล็กคนน้อยได้ง่ายขึ้น

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 25 ก.พ. 2019, 09:02 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ต่อ

การที่การศึกษาเมืองไทยติดหล่มอยู่ทุกวันนี้ ทั้งๆ ที่ได้งบประมาณมากที่สุด ก็เพราะระบบราชการแบบนี้ นอกจากจะไม่ยอมปล่อยอำนาจ ยังเป็นแหล่งเพาะวัฒนธรรมอำนาจนิยมส่งต่อไปชั่วลูกชั่วหลาน

เดือนกุมภาพันธ์นี้มีพีคการเมืองให้คนดูลุ้นจนตัวโก่ง แต่ก็นั่นแหละ ใครจะอยู่ใครจะไป แทบไม่มีผลกับระบบราชการเลย พรรคไหนมา ระบบราชการที่ทำร้ายประชาชนก็ยังอยู่เช่นเดิม

แน่นอนการกระจายอำนาจคือคำตอบ แต่ก็เกิดยากแน่ ไม่ใช่เพราะคนที่จะสูญเสียอำนาจต้องสู้หัวชนฝา แต่เป็นเพราะสังคมยังไม่เห็นปัญหาของระบบรวมศูนย์ ไม่เห็นว่าระบบรวบอำนาจ ระบบที่ตรวจสอบไม่ได้นี้ทำร้ายประเทศชาติอย่างไร

ถ้ายังให้ระบบราชการแบบนี้เป็นหินถ่วงประเทศต่อไป ต่อให้ได้หย่อนบัตรเลือกตั้งกี่ครั้ง ประเทศชาติก็คงอ่อนแอไปเรื่อยๆ ไม่ต้องโทษนักการเมือง ไม่ต้องโทษการเลือกตั้ง ต้องโทษที่ยังไม่เห็นปัญหา ไม่เข้าใจว่าอะไรคือศัตรูประชาธิปไตย.

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 805 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5 ... 54  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 41 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร