วันเวลาปัจจุบัน 19 เม.ย. 2024, 06:15  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 58 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 ก.พ. 2019, 08:05 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=23498
ขงเบ้งเทพแห่งกลยุทธ์ เขียน:
บารมี10ทัศ
บารมี แปลว่า กำลังใจเต็ม บารมี 10 ทัศ มี 10 ประการ มีดังนี้

1.ทานบารมี หมายถึง การที่จิตของเราพร้อมที่จะให้ทาน ให้เพื่อ สงเคราะห์ ไม่ให้เพื่อผลตอบแทน ให้ไม่เลือกเพศ วัย ฐานะ และความสมบูรณ์ เต็มใจในการให้ทาน เป็นปกติ

2.ศีลบารมี หมายถึง การที่จิตของเราพร้อมในการรักษาศีล ศีลไม่บกพร่อง และรักษาแบบอุกฤษฏ์ คือ ไม่ทำศีลให้ขาดหรือด่างพร้อยเอง ไม่ยุคนอื่นให้ละเมิดศีล ไม่ดีใจเมื่อคนอื่นละเมิดศีล

3.เนกขัมมบารมี หมายถึง การที่จิตพร้อมในการถือเนกขัมมะเป็นปกติ เนกขัมมะ แปลว่า การถือบวช

4.ปัญญาบารมี หมายถึง การที่จิตพร้อมที่จะใช้ปัญญาเป็นเครื่องประหัตประหาร และ มีความคิดรู้เท่าทันสภาวะของกฎสามัญลักษณะ ได้แก่ การเห็น อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา เป็นปกติ

5.วิริยบารมี หมายถึง การที่มีความเพียรทุกขณะ ในการที่จะทำความดีประหารกิเลส

6.ขันติบารมี หมายถึง การที่มีความอดทน และ อดกลั้นต่อสิ่งที่เป็นปฏิปักษ์

7.สัจจะบารมี หมายถึง การที่ตั้งมั้นในคำพูดที่ได้รับปากไว้แล้ว

8.อธิษฐานบารมี หมายถึง การที่ตั้งใจไว้ให้ตรงโดยเฉพาะ เช่น สมัยที่สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์ทรงนั่งประทับที่โคนต้นพระศรีมหาโพธิ์ พระองค์ทรงอธิษฐานว่าถ้าเราไม่ได้สำเร็จพระโพธิญาณเพียงใดเราจะไม่ยอมลุกจากที่นี้แม้เนื้อและเลือดจะเหือดแห้งไปหรือจะตายก็ตามทีพระองค์ทรงอธิษฐานเอาชีวิตเข้าแลกแล้วพระองค์ก็ทรงบรรลุในคืนนั้น

9.เมตตาบารมี หมายถึง การที่มีความเมตตา ไม่เป็นศัตรูกับใคร มีความรักตนเสมอด้วยบุคคลอื่น

10.อุเบกขาบารมี หมายถึง การที่มีความวางเฉยต่ออารมณ์ที่ถูกใจ และอารมณ์ที่ขัดใจ อารมณ์ที่ถูกใจ

***********************************************


คำถาม...ชัมพุกาชีวก นอนบนดิน..กินอุจ.....เป็นการบำเพ็ญขันติบารมีบารมี..วิริยบารมี.เนกขัมมบารมี อุเบกขาบารมี....หรือไม่?

คำตอบ...ไม่

ถามต่อ...แล้ววางกำลังใจอย่างไร..การปฏิบัตินั้นนั้น..จึงจะเป็นการบำเพ็ญบารมี 10?ไม่เป็นการบำเพ็ญตามกิเลสตน


ที่ท่านเรียกว่าบารมีนั้น คือกำลังของความดี หากจะปฏิบัติ
ให้ถูกต้องนั้นก็ควรปฏิบัติในขอบเขตคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า
หรือพระธรรม พระวินัย ที่บอกไว้ เขียนไว้ พิมพ์ไว้ครับคุณ กบ

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 ก.พ. 2019, 09:50 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12232


 ข้อมูลส่วนตัว


sssboun เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=23498
ขงเบ้งเทพแห่งกลยุทธ์ เขียน:
บารมี10ทัศ
บารมี แปลว่า กำลังใจเต็ม บารมี 10 ทัศ มี 10 ประการ มีดังนี้

1.ทานบารมี หมายถึง การที่จิตของเราพร้อมที่จะให้ทาน ให้เพื่อ สงเคราะห์ ไม่ให้เพื่อผลตอบแทน ให้ไม่เลือกเพศ วัย ฐานะ และความสมบูรณ์ เต็มใจในการให้ทาน เป็นปกติ

2.ศีลบารมี หมายถึง การที่จิตของเราพร้อมในการรักษาศีล ศีลไม่บกพร่อง และรักษาแบบอุกฤษฏ์ คือ ไม่ทำศีลให้ขาดหรือด่างพร้อยเอง ไม่ยุคนอื่นให้ละเมิดศีล ไม่ดีใจเมื่อคนอื่นละเมิดศีล

3.เนกขัมมบารมี หมายถึง การที่จิตพร้อมในการถือเนกขัมมะเป็นปกติ เนกขัมมะ แปลว่า การถือบวช

4.ปัญญาบารมี หมายถึง การที่จิตพร้อมที่จะใช้ปัญญาเป็นเครื่องประหัตประหาร และ มีความคิดรู้เท่าทันสภาวะของกฎสามัญลักษณะ ได้แก่ การเห็น อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา เป็นปกติ

5.วิริยบารมี หมายถึง การที่มีความเพียรทุกขณะ ในการที่จะทำความดีประหารกิเลส

6.ขันติบารมี หมายถึง การที่มีความอดทน และ อดกลั้นต่อสิ่งที่เป็นปฏิปักษ์

7.สัจจะบารมี หมายถึง การที่ตั้งมั้นในคำพูดที่ได้รับปากไว้แล้ว

8.อธิษฐานบารมี หมายถึง การที่ตั้งใจไว้ให้ตรงโดยเฉพาะ เช่น สมัยที่สมเด็จพระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์ทรงนั่งประทับที่โคนต้นพระศรีมหาโพธิ์ พระองค์ทรงอธิษฐานว่าถ้าเราไม่ได้สำเร็จพระโพธิญาณเพียงใดเราจะไม่ยอมลุกจากที่นี้แม้เนื้อและเลือดจะเหือดแห้งไปหรือจะตายก็ตามทีพระองค์ทรงอธิษฐานเอาชีวิตเข้าแลกแล้วพระองค์ก็ทรงบรรลุในคืนนั้น

9.เมตตาบารมี หมายถึง การที่มีความเมตตา ไม่เป็นศัตรูกับใคร มีความรักตนเสมอด้วยบุคคลอื่น

10.อุเบกขาบารมี หมายถึง การที่มีความวางเฉยต่ออารมณ์ที่ถูกใจ และอารมณ์ที่ขัดใจ อารมณ์ที่ถูกใจ

***********************************************


คำถาม...ชัมพุกาชีวก นอนบนดิน..กินอุจ.....เป็นการบำเพ็ญขันติบารมีบารมี..วิริยบารมี.เนกขัมมบารมี อุเบกขาบารมี....หรือไม่?

คำตอบ...ไม่

ถามต่อ...แล้ววางกำลังใจอย่างไร..การปฏิบัตินั้นนั้น..จึงจะเป็นการบำเพ็ญบารมี 10?ไม่เป็นการบำเพ็ญตามกิเลสตน


ที่ท่านเรียกว่าบารมีนั้น คือกำลังของความดี หากจะปฏิบัติ
ให้ถูกต้องนั้นก็ควรปฏิบัติในขอบเขตคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า
หรือพระธรรม พระวินัย ที่บอกไว้ เขียนไว้ พิมพ์ไว้ครับคุณ กบ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 ก.พ. 2019, 09:54 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


sssboun เขียน:
ไม่ว่าเหล็กหรือทอง ทองแดง เมื่อจะทำการเปลี่ยน
รูปร่างให้เป็นอย่างนั้นอย่างนี้ จะให้ออกมาสวยงามเรียบ
ล้วนแล้วแต่ต้องนำเข้าไปหล่อหลอดให้กลายเป็นของเหลว
ให้อ่อนควรแก่การงานก่อนค่อยนำไปขึ้นรูปต่างๆ

เช่นเดียวกับจิตของคนเรา พระพุทธเจ้าพระองค์ทรงทำให้
สาวกหลายองค์ให้จิตอ่อนควรแก่การงานด้วยวิธีต่างก่อน เมื่อ
จิตอ่อน เวลาเหมาะสม คือบารมีแก่กล้าพอพระองค์จึงเทสนา
ธรรมที่สมควรแก่แต่ละบุคคลจึงบรรลุธรรมได้เร็วได้ง่าย


ดั่งคำโบราณท่านว่าไว้

ไม้อ่อนดัดง่าย ไม้แก่ดัดยาก

ไม้อ่อนดัดง่ายเพราะมีความอ่อน และมีความเหนียวใน
ตัว โอนอ่อนไปตามได้ หากจะเปรียบอีกอย่างก็เหมือนหญ้า
เล็กๆที่เวลาลมพัดมาแล้วโอนอ่อนไปตามแรงลม ไม่หักไม่ขาด
ไม่เสียหายง่ายเหมือนต้นไม้ใหญ่ที่มีความแข็งทื่อ ไม่โอนอ่อน
ย่อมจะโค่นหักไปเมื่อถูกลมแรงกระทบฉันนั้น

อ่อนนั้นคืออ่อนน้อมถ่อมตน อ่อนคือ มีอายุอ่อน มีวัยที่อ่อน
ถึงจะศึกษามามากก็ยังมีความอ่อนน้อม ถ่อมตน เคารพผู้หลัก
ผู้ใหญ่ เคารพครูบาอาจารย์ พ่อแม่ ลุง ป้า น้า อา ย่อมจะเป็นที่
รักของทุกคนนี้คือพื้นฐานที่ดี ของทุกคนที่ควรมีไว้ประดับชีวิต
เป็นเสน่ของทุกคน ที่ได้เข้าใกล้ที่ได้รู้จัก และพบเห็น ทำให้

อยากจะรู้จัก ฝึกพูดจาแต่คำที่ดี สุภาพ อ่อนน้อม การกระทำที่
ดีที่อ่อนน้อมถ่อมตน ไปลา มาไหว้ เมื่อผู้ใหญ่ให้อะไรก็ควร
ยกมือไหว้ กล่าวคำขอบคุณ อวยพรให้ไม่เป็นไม่เคยก็ฝึกเอา
เริ่มแรกอะไรก็ยากแต่ทำบ่อยๆเข้าก็จะชิน ก็จะเคยเอง

เมื่อจิตใจอ่อนแล้วจะร่ำเรียนอะไรก็ทำให้ง่ายขึ้น ทั้งมีผู้ยิน
ดีจะให้ก็มีมากด้วยเพราะการกระทำตัวเอง การฝึกฝนตัวเอง
จนกลายเป็นปกติ ทำดีนั้นโดยส่วนมากแล้วยาก และให้ผลช้า
แต่ผลที่ได้รับนั้นคือความสุขใจ สงบใจ ความไม่มีภัย

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 ก.พ. 2019, 09:59 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


ผมจะขอกล่าวแค่ชาตินี้ก่อนนะครับ แต่ความจริง
แล้วบุญนั้นจะติดตามเราไปภพชาติต่อๆไป แต่ที่กล่าว
เพียงชาตินี้ ก็เพื่อให้เห็นได้ชัดว่าสิ่งที่เราจะกระทำนั้น
ให้ผลจริง ก่อนอื่นก็ต้องถามถึงเป้าหมายสูงสุดของทุก
คนในชาตินี้ก่อนว่า ทุกคนต้องการอะไรเป็นที่สุดในชีวิต
ในชีวิต หวังอะไร ปารถนาอะไรไว้ ตั้งใจไว้ ตั้งเป้าหมายไว้
คืออะไร? s006 s006 s006

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 ก.พ. 2019, 10:02 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


sssboun เขียน:
ผมจะขอกล่าวแค่ชาตินี้ก่อนนะครับ แต่ความจริง
แล้วบุญนั้นจะติดตามเราไปภพชาติต่อๆไป แต่ที่กล่าว
เพียงชาตินี้ ก็เพื่อให้เห็นได้ชัดว่าสิ่งที่เราจะกระทำนั้น
ให้ผลจริง ก่อนอื่นก็ต้องถามถึงเป้าหมายสูงสุดของทุก
คนในชาตินี้ก่อนว่า ทุกคนต้องการอะไรเป็นที่สุดในชีวิต
ในชีวิต หวังอะไร ปารถนาอะไรไว้ ตั้งใจไว้ ตั้งเป้าหมายไว้
คืออะไร? s006 s006 s006


เพราะไม่ว่าเราจะกระทำอะไรก็ย่อมควรที่จะมีเป้าหรือ
รู้ผลของสิ่งนั้นๆก่อนแล้วค่อยลงมือกระทำ หรือ ปฏิบัติ
นี้จะเรียกอีกชื่อก็คือ ปัญญา ทำความเห็นแจ้งในสิ่งที่จะ
กระทำ เพราะปัญญานั้นเปรียบเหมือนแสงสว่าง ทำให้เห็น
แจ้งรู้แจ้งรู้ความจริง

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 ก.พ. 2019, 12:16 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


sssboun เขียน:
sssboun เขียน:
ผมจะขอกล่าวแค่ชาตินี้ก่อนนะครับ แต่ความจริง
แล้วบุญนั้นจะติดตามเราไปภพชาติต่อๆไป แต่ที่กล่าว
เพียงชาตินี้ ก็เพื่อให้เห็นได้ชัดว่าสิ่งที่เราจะกระทำนั้น
ให้ผลจริง ก่อนอื่นก็ต้องถามถึงเป้าหมายสูงสุดของทุก
คนในชาตินี้ก่อนว่า ทุกคนต้องการอะไรเป็นที่สุดในชีวิต
ในชีวิต หวังอะไร ปารถนาอะไรไว้ ตั้งใจไว้ ตั้งเป้าหมายไว้
คืออะไร? s006 s006 s006


เพราะไม่ว่าเราจะกระทำอะไรก็ย่อมควรที่จะมีเป้าหรือ
รู้ผลของสิ่งนั้นๆก่อนแล้วค่อยลงมือกระทำ หรือ ปฏิบัติ
นี้จะเรียกอีกชื่อก็คือ ปัญญา ทำความเห็นแจ้งในสิ่งที่จะ
กระทำ เพราะปัญญานั้นเปรียบเหมือนแสงสว่าง ทำให้เห็น
แจ้งรู้แจ้งรู้ความจริง


ลองคิดพิจารณาตามนะครับ บางท่านอาจคิดไม่ออก
คิดออกบ้าง ไม่ได้คิดบ้าง คนโดยส่วนมากแล้วเป้าหมาย
สูงสุดนั้นก็คือ สุขกาย สุขใจ ลองคิดดูไม่ว่าเราจะเป็นอะไร
อยากจะเป็น อยากจะทำอะไรที่สุดของสิ่งเหล่านั้นก็รวมลงคำ
ว่าเพื่อความสุขกาย ความสุขใจนั้นเอง ลองคิดกันดูนะครับ s006 s006 s006

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 ก.พ. 2019, 12:26 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
sssboun เขียน:
กรัชกาย เขียน:
sssboun เขียน:
sssboun เขียน:
สำหรับผมแล้วทั้ง ๒ อย่าง นั้นคือหลักการศึกษา
คือเรียนรู้เข้าใจ แล้วลงมือปฏิบัติ เกิดผลคือความสำเร็จ
แต่ยังไม่ถึงขั้นพระอริยะเจ้านะครับ เดียวเข้าใจผิดไปอีก
เพียงกระทำสิ่งที่คนทั่วไปกระทำได้ยากหลายอย่างเช่น
ถือศีล ๕ ได้ ไม่ฆ่าสัตว์แม้กระทั่งยุง เคยฝึกอดข้าวได้ เกือบ

๓ วันโดยดื่มแค่น้ำเปล่า เคยติดเกมส์มาหลายสิบปีเลิกได้เด็ด
ขาด ไม่ยุ่งกับการพนันทุกชนิด ไม่ติดในรสของอาหารมาก
เหมือนเมื่อก่อน ทั้งเครื่องดื่ม จนทำให้อารมณ์เสียหงุดหงิด
มีความกล้าหาญขึ้น เข้าใจสิ่งต่างๆได้ดีขึ้น สงบมากขึ้น ปล่อย
วางได้มากขึ้นกว่าเดิม ดั่งเช่นที่ผมฝึกฝนอยู่นั้นก็คือ งดเว้นใน
การใช้คำหยาบในการพิมพ์คำเหล่านี้ ตั้งแต่ฝึกมาคุณ ลองไปไล่
ดูมีมากน้อยแค่ไหน ตั้งแต่ผมมาที่ลานแห่งนี้ (กู มึง มัน แก ไอ้)

เป็นการฝึกสติ และปัญญา เพราะได้ใช้ความคิดว่าเมื่อเราไม่ใช้
คำนั้นแล้วเราจะเขียนเช่นไรให้ผู้อ่านเข้าใจได้ เอาง่ายๆแค่กระทู้นี้
ลองไล่ตามหาดูนะครับ คนที่ใช้จนชินแล้วการที่จะเอาออกนั้นเป็น
สิ่งที่ยากพอสมควร หากไม่มีกำลังของสติปัญญาที่เพียงพอแล้วคง
ทำไม่ได้ แม้แต่การหัวเราะ ก็ถือเป็นการฝึกเช่นกัน ยิ่งในชีวิตจริงแล้ว
ก็ยิ่งทำยากเพราะเวลาเร็วกว่า การพิมพ์


สิ่งที่ทำได้ยังมีอีก เดียวนี้ไม่ดูทีวีทั้งวัน เป็นเดือนๆก็มี ไม่ฟังเพลงคือ
ไม่เปิดเพลงฟังเอง แม้คนอื่นเปิดก็ไม่ค่อยจะติดเหมือนเมื่อก่อน
เมื่อก่อน
ทั้งฟังทั้งเล่นกีต้าร์ ร้องไปด้วย แต่เดียวนี้ละทิ้งหมด เมื่อก่อนอ่านหนังสือ
ได้แค่ ๒-๓ หน้าก็ง่วงนอนแล้ว แต่ตอนนี้อ่านได้เป็นสิบๆหน้า นั่งอ่านเป็น

ชั่วโมง และอ่านพระไตรปิฏกจบไปแล้วฉบับธรรมทานชุดแรก และใกล้จะจบ
อรรถกถาแล้ว เพราะการฝึกฝนตนเองมาตลอด สิบกว่าปี ทุกวันนี้ มิได้ทำงาน
หาเงิน
เน้นแต่ศึกษาพระธรรม แต่พี่สาวก็ยังเลี้ยงดู และภรรยาก็ยังไม่ทอดทิ้ง
เพราะผลของบุญที่ทำกรรมที่ก่อไว้ทั้งอดีตชาติและปัจจุบันชาติ[b][/b]นั้นเอง


กลัวผิดธรรมะดังกล่าวก่อนหน้า ไม่นึกบ้างหรือว่าเป็นผู้ชายให้พี่หาเลี้ยง ให้เมียหาเลี้ยง


ต่างคนต่างหน้าที่ครับ ผมก็ศึกษาธรรม แนะนำให้ธรรม
แจกจาย ธรรมแก่ภรรยา จนดีขึ้นมากแล้ว ทั้งสติปัญญา
ความรู้ ความสามารถก็เพิ่มขึ้นกว่าเมื่อก่อน พี่สาวผมทังสอง
เมื่อก่อนท่านก็ยังฆ่า หนู แมลงวัน ตบยุง แต่ตอนนี้ไม่ค่อยทำ
แล้ว หาธรรมดีๆมาให้ท่านทั้งสองได้ฟัง

ผมก็ช่วยในบางเรื่อง แต่ไม่ช่วยมากก็แค่นั้นเอง
ใครจะคิดยังไงก็เรื่องของเขา เมื่อเราคิดว่าเราทำถูกทำดีแล้วจะ
ไปสนทำไม ดีไม่ดี พี่ท่านทั้ง ๒ และภรรยาก็รู้อยู่แก่ใจ หากไม่
ดีใครจะอยากให้อยากช่วยครับ


ภรรยาคุณช่างดีเลิศนะขอรับ หาเลี้ยงลูกสองคนซึ่งกำลังศึกษา กับ เลี้ยงคุณซึ่งเป็นผัวอีกคน รวมแล้ว ๔ ปาก ๔ ท้อง


คุณไม่หาเลี้ยงภรรยาบ้าง ไม่ทำหน้าของสามีบ้างหรือ การทำหน้าที่ของสามี หน้าที่ของพ่อ ก็สร้างบารมีเหมือนกันนะ จะให้แต่ภรรยาทำหน้าข้างเดียวหรืออย่างไร :b1:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 ก.พ. 2019, 17:03 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
กรัชกาย เขียน:
sssboun เขียน:
กรัชกาย เขียน:
sssboun เขียน:
sssboun เขียน:
สำหรับผมแล้วทั้ง ๒ อย่าง นั้นคือหลักการศึกษา
คือเรียนรู้เข้าใจ แล้วลงมือปฏิบัติ เกิดผลคือความสำเร็จ
แต่ยังไม่ถึงขั้นพระอริยะเจ้านะครับ เดียวเข้าใจผิดไปอีก
เพียงกระทำสิ่งที่คนทั่วไปกระทำได้ยากหลายอย่างเช่น
ถือศีล ๕ ได้ ไม่ฆ่าสัตว์แม้กระทั่งยุง เคยฝึกอดข้าวได้ เกือบ

๓ วันโดยดื่มแค่น้ำเปล่า เคยติดเกมส์มาหลายสิบปีเลิกได้เด็ด
ขาด ไม่ยุ่งกับการพนันทุกชนิด ไม่ติดในรสของอาหารมาก
เหมือนเมื่อก่อน ทั้งเครื่องดื่ม จนทำให้อารมณ์เสียหงุดหงิด
มีความกล้าหาญขึ้น เข้าใจสิ่งต่างๆได้ดีขึ้น สงบมากขึ้น ปล่อย
วางได้มากขึ้นกว่าเดิม ดั่งเช่นที่ผมฝึกฝนอยู่นั้นก็คือ งดเว้นใน
การใช้คำหยาบในการพิมพ์คำเหล่านี้ ตั้งแต่ฝึกมาคุณ ลองไปไล่
ดูมีมากน้อยแค่ไหน ตั้งแต่ผมมาที่ลานแห่งนี้ (กู มึง มัน แก ไอ้)

เป็นการฝึกสติ และปัญญา เพราะได้ใช้ความคิดว่าเมื่อเราไม่ใช้
คำนั้นแล้วเราจะเขียนเช่นไรให้ผู้อ่านเข้าใจได้ เอาง่ายๆแค่กระทู้นี้
ลองไล่ตามหาดูนะครับ คนที่ใช้จนชินแล้วการที่จะเอาออกนั้นเป็น
สิ่งที่ยากพอสมควร หากไม่มีกำลังของสติปัญญาที่เพียงพอแล้วคง
ทำไม่ได้ แม้แต่การหัวเราะ ก็ถือเป็นการฝึกเช่นกัน ยิ่งในชีวิตจริงแล้ว
ก็ยิ่งทำยากเพราะเวลาเร็วกว่า การพิมพ์


สิ่งที่ทำได้ยังมีอีก เดียวนี้ไม่ดูทีวีทั้งวัน เป็นเดือนๆก็มี ไม่ฟังเพลงคือ
ไม่เปิดเพลงฟังเอง แม้คนอื่นเปิดก็ไม่ค่อยจะติดเหมือนเมื่อก่อน
เมื่อก่อน
ทั้งฟังทั้งเล่นกีต้าร์ ร้องไปด้วย แต่เดียวนี้ละทิ้งหมด เมื่อก่อนอ่านหนังสือ
ได้แค่ ๒-๓ หน้าก็ง่วงนอนแล้ว แต่ตอนนี้อ่านได้เป็นสิบๆหน้า นั่งอ่านเป็น

ชั่วโมง และอ่านพระไตรปิฏกจบไปแล้วฉบับธรรมทานชุดแรก และใกล้จะจบ
อรรถกถาแล้ว เพราะการฝึกฝนตนเองมาตลอด สิบกว่าปี ทุกวันนี้ มิได้ทำงาน
หาเงิน
เน้นแต่ศึกษาพระธรรม แต่พี่สาวก็ยังเลี้ยงดู และภรรยาก็ยังไม่ทอดทิ้ง
เพราะผลของบุญที่ทำกรรมที่ก่อไว้ทั้งอดีตชาติและปัจจุบันชาติ[b][/b]นั้นเอง


กลัวผิดธรรมะดังกล่าวก่อนหน้า ไม่นึกบ้างหรือว่าเป็นผู้ชายให้พี่หาเลี้ยง ให้เมียหาเลี้ยง


ต่างคนต่างหน้าที่ครับ ผมก็ศึกษาธรรม แนะนำให้ธรรม
แจกจาย ธรรมแก่ภรรยา จนดีขึ้นมากแล้ว ทั้งสติปัญญา
ความรู้ ความสามารถก็เพิ่มขึ้นกว่าเมื่อก่อน พี่สาวผมทังสอง
เมื่อก่อนท่านก็ยังฆ่า หนู แมลงวัน ตบยุง แต่ตอนนี้ไม่ค่อยทำ
แล้ว หาธรรมดีๆมาให้ท่านทั้งสองได้ฟัง

ผมก็ช่วยในบางเรื่อง แต่ไม่ช่วยมากก็แค่นั้นเอง
ใครจะคิดยังไงก็เรื่องของเขา เมื่อเราคิดว่าเราทำถูกทำดีแล้วจะ
ไปสนทำไม ดีไม่ดี พี่ท่านทั้ง ๒ และภรรยาก็รู้อยู่แก่ใจ หากไม่
ดีใครจะอยากให้อยากช่วยครับ


ภรรยาคุณช่างดีเลิศนะขอรับ หาเลี้ยงลูกสองคนซึ่งกำลังศึกษา กับ เลี้ยงคุณซึ่งเป็นผัวอีกคน รวมแล้ว ๔ ปาก ๔ ท้อง


คุณไม่หาเลี้ยงภรรยาบ้าง ไม่ทำหน้าของสามีบ้างหรือ การทำหน้าที่ของสามี หน้าที่ของพ่อ ก็สร้างบารมีเหมือนกันนะ จะให้แต่ภรรยาทำหน้าข้างเดียวหรืออย่างไร :b1:


ผมก็คิดว่า อธิบายเรื่องนี้ไปมากแล้วนะครับ ผมขอถามคืนบ้าง
ว่า คุณ กรัชชกาย ลงมือปฏิบัติบ้างหรือ ปฏิบัติยังบ้างครับ

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 ก.พ. 2019, 17:09 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


การเรียนรู้สิ่งต่างๆนั้น ผู้มีปัญญามาก ไม่ว่าจะ
พบเห็นอะไร ไม่ว่าจะเป็นสิ่งต่างๆ วัดถุสิ่งของ
ต้นไม้ สัตว์ ผู้คน ล้วนแต่ได้ความรู้ คนเราแต่ละ
คนก็มีอยู่ ๒ ส่วน คือ สิ่งที่ดี และสิ่งที่ไม่ดี แต่จะ
แตกต่างกันอยู่ที่ว่า สิ่งดี หรือความดีมีมากหรือน้อย
หากเรารู้จักมอง รู้จักเลือก จัดประเภท เราก็จะได้แต่
ความรู้ล้วนๆ

อ่านเป็นได้ประโยชน์ อ่านไม่เป็นได้แต่โทษ

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 ก.พ. 2019, 17:17 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


sssboun เขียน:
การเรียนรู้สิ่งต่างๆนั้น ผู้มีปัญญามาก ไม่ว่าจะ
พบเห็นอะไร ไม่ว่าจะเป็นสิ่งต่างๆ วัดถุสิ่งของ
ต้นไม้ สัตว์ ผู้คน ล้วนแต่ได้ความรู้ คนเราแต่ละ
คนก็มีอยู่ ๒ ส่วน คือ สิ่งที่ดี และสิ่งที่ไม่ดี แต่จะ
แตกต่างกันอยู่ที่ว่า สิ่งดี หรือความดีมีมากหรือน้อย
หากเรารู้จักมอง รู้จักเลือก จัดประเภท เราก็จะได้แต่
ความรู้ล้วนๆ

อ่านเป็นได้ประโยชน์ อ่านไม่เป็นได้แต่โทษ


*จงดูให้เห็นเป็นเช่นกับครู แล้วเฝ้าดูให้เห็นเปลี่ยนให้เป็นประโยชน์
แล้วคุณก็จะไม่เกิดความโกรธ แล้วหลงไปโทษแต่ตัวเขา

* ความคิดเป็นบ่อเกิดของการกระทำ ความคิดนำการกระย่อมจะเกิดมีขึ้นมาได้

ความคิดเป็นบ่อเกิดของการกระทำ ตรงนี้ผมขอแจกแจงนิดนึงนะ
คนบ้างคนมักจะคิดว่าเราทำไม่ได้ ไม่มีความสามารถ ทั้งที่ยังมิได้ลงมือทำเลยด้วย
ช้ำ เมื่อคิดดั่งนี้ก็ไม่สนใจ ไม่ใส่ใจไม่เอาใจใส่ต่อสิ่งนั้นอีกคือจบตรงความคิดที่ว่าไม่ได้
ทำไม่ได้นั้นเอง

ภรรยาผมก็เช่นกันครับ เธอมักจะบอกว่า ใช้ไม่ได้ เปิดไม่เป็น เรื่องของการใช้
โทรศัพท์ เมื่อเธอลงมือคือมีความเชื่อแล้วลงมือใช้ก็เริ่มจะใช้เป็นบ้างแล้ว ผมค่อยๆ
แนะนำบอกวิธีให้ทีละน้อย เดียวนี้เริ่มใช้เป็นบ้างแล้ว

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 ก.พ. 2019, 19:22 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
ลองคิดพิจารณาตามนะครับ บางท่านอาจคิดไม่ออก
คิดออกบ้าง ไม่ได้คิดบ้าง คนโดยส่วนมากแล้วเป้าหมาย
สูงสุดนั้นก็คือ สุขกาย สุขใจ ลองคิดดูไม่ว่าเราจะเป็นอะไร
อยากจะเป็น อยากจะทำอะไรที่สุดของสิ่งเหล่านั้นก็รวมลงคำ
ว่าเพื่อความสุขกาย ความสุขใจนั้นเอง ลองคิดกันดูนะครับ s006 s006 s006


คำว่าสุขกายนั้น ก็คือมีร่างกายที่แข็งแรง ไม่เจ็บไข้
ไม่ป่วย (คือป่วยน้อย จะไม่ป่วยเลยคงไม่มี) แต่หลายคน
ตีความหมายไปว่า สุขกายคือไม่ได้ทำอะไรมาก อยู่แบบ
สบาย ไม่ต้องออกกำลัง อยากได้อะไรก็ชี้นิ้วสั่ง หรือกดเอา
ประมาณนี้ ความจริงร่างกายจะแข็งแรงนั้นก็ประกอบด้วยหลาย
ส่วนประกอบที่เคยพูดกันมาบ้างเรื่องของสุขภาพ ในนั้นก็มีอย่าง
หนึ่งนั้นก็คือ การออกแรง ออกกำลัง และออกกำลังกาย

อยากมีแรงต้องมีเหงื่อ อยากมีเหงื่อต้องออกแรง

เพราะการขับสารพิษ สารเคมี หรือสิ่งที่ไม่ดีต่อร่างกายออกทาง
เหงื่อนี้ดีที่สุด เร็ว ไว ออกได้เยอะ ลองสังเกตดูเวลาเราทำงานหรือ
ออกกำลัง เล่นกิฬามาเหงื่อออกมาก พอนั่งพักสักหน่อยแล้วอาบ
น้ำจะรู้สึกตัวเบามากเป็นพิเศษเลย ทำอะไรก็คล่องแคล้วขึ้น

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 ก.พ. 2019, 21:19 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


sssboun เขียน:
อ้างคำพูด:
ลองคิดพิจารณาตามนะครับ บางท่านอาจคิดไม่ออก
คิดออกบ้าง ไม่ได้คิดบ้าง คนโดยส่วนมากแล้วเป้าหมาย
สูงสุดนั้นก็คือ สุขกาย สุขใจ ลองคิดดูไม่ว่าเราจะเป็นอะไร
อยากจะเป็น อยากจะทำอะไรที่สุดของสิ่งเหล่านั้นก็รวมลงคำ
ว่าเพื่อความสุขกาย ความสุขใจนั้นเอง ลองคิดกันดูนะครับ s006 s006 s006


คำว่าสุขกายนั้น ก็คือมีร่างกายที่แข็งแรง ไม่เจ็บไข้
ไม่ป่วย (คือป่วยน้อย จะไม่ป่วยเลยคงไม่มี) แต่หลายคน
ตีความหมายไปว่า สุขกายคือไม่ได้ทำอะไรมาก อยู่แบบ
สบาย ไม่ต้องออกกำลัง อยากได้อะไรก็ชี้นิ้วสั่ง หรือกดเอา
ประมาณนี้ ความจริงร่างกายจะแข็งแรงนั้นก็ประกอบด้วยหลาย
ส่วนประกอบที่เคยพูดกันมาบ้างเรื่องของสุขภาพ ในนั้นก็มีอย่าง
หนึ่งนั้นก็คือ การออกแรง ออกกำลัง และออกกำลังกาย

อยากมีแรงต้องมีเหงื่อ อยากมีเหงื่อต้องออกแรง

เพราะการขับสารพิษ สารเคมี หรือสิ่งที่ไม่ดีต่อร่างกายออกทาง
เหงื่อนี้ดีที่สุด เร็ว ไว ออกได้เยอะ ลองสังเกตดูเวลาเราทำงานหรือ
ออกกำลัง เล่นกิฬามาเหงื่อออกมาก พอนั่งพักสักหน่อยแล้วอาบ
น้ำจะรู้สึกตัวเบามากเป็นพิเศษเลย ทำอะไรก็คล่องแคล้วขึ้น


อ่านเพิ่มเติมจากที่นี้เรื่องสุขภาพครับ http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=57051

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 ก.พ. 2019, 21:29 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


ส่วนความสุขทางใจนั้นก็ มีจิตสงบ ยิ้ม เบิกบาน
ไม่ขุ่นมัว ในความสุขอย่างนั้นยังแบ่งออกเป็น ๒ อย่าง
อีกนั้นก็คือ สุขอาศัยสิ่งภายใน กับสุขอาศัยสิ่งภายนอก
แต่โดยส่วนมากแล้วคนเราจะเสาะแสวงหาสุขอาศัยสิ่งภาย
นอกกันมาก ภายนอกนั้นก็คือภายนอกตัวเราหรือนอกจากตัว
เรา ไม่ว่าจะเป็นวัตถุสิ่งของ สัตว์บุคคล

ส่วนสุขจากภายในนั้นก็คือสุขที่เกิดจากความสงบ สงบจากกิเลส
จากความอยากมากๆ ลดลงด้วยการปฏิบัติ ทาน ศีล ภาวนา หรือการ
เจริญสติปัฏฐาน ๔ มีอะไรบ้างตอนนี้ผมยังไม่ขอกล่าวนะครับ แต่จะกล่าว
เฉพาะสิ่งเริ่มต้นก่อนนั้นก็คือการให้ทานจากกระทู้นี้ครับ
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=56773
http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=57037

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 58 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 64 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร