วันเวลาปัจจุบัน 29 มี.ค. 2024, 05:59  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 55 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 ก.พ. 2019, 20:28 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
ปราชญ์จีน..กล่าวว่า..."ลิขิตฟ้าหรือจะสู้มานะคน"

แต่ก็จีน..อีกนั้นแหละ..กล่าวว่า.."คนคำนวนหรือจะสู้ฟ้าลิขิต"

เพื่อนๆ..คิดยังงัยกับสำนวนทั้ง 2 นี้..ละ

ส่วนตัวนะ...ผมคิดว่า..ถูกทั้งสอง..


กบพูดถึงฟ้า ทำให้นึกนิทานอีสปเรื่องกระต่ายตื่นตูม ซึ่งวันหนึ่งนอนหลับอยู่ใต้ต้นตาล ลูกตาลหล่นตูม กระต่ายตกใจคิดว่าฟ้าถล่ม วิ่งหนีไม่คิดชีวิต ฯลฯ

กบฝากชีวิตไว้กับฟ้า นอนให้ฟ้าประทานโชคลาภให้ นอนรอสวรรค์นิพพานโดยไม่ต้องทำอะไร

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 ก.พ. 2019, 20:31 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 มี.ค. 2018, 02:56
โพสต์: 2157

โฮมเพจ: maybe
แนวปฏิบัติ: สติปัฎฐาน
งานอดิเรก: กีฬา
สิ่งที่ชื่นชอบ: แบรนด์เเนม
ชื่อเล่น: เม
อายุ: 22
ที่อยู่: Bangkok Thailand

 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
ปราชญ์จีน..กล่าวว่า..."ลิขิตฟ้าหรือจะสู้มานะคน"

แต่ก็จีน..อีกนั้นแหละ..กล่าวว่า.."คนคำนวนหรือจะสู้ฟ้าลิขิต"

เพื่อนๆ..คิดยังงัยกับสำนวนทั้ง 2 นี้..ละ

ส่วนตัวนะ...ผมคิดว่า..ถูกทั้งสอง..


พระพุทธองค์ทรงสอนสองนัย

ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน

กะอีกนัย คือ ธรรมมะทั้งปวงไม่ใช่ตน

การตอบ ตามแต่นิสัย และการสะสมมาของแต่ละคนค่ะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 ก.พ. 2019, 20:40 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 มี.ค. 2018, 02:56
โพสต์: 2157

โฮมเพจ: maybe
แนวปฏิบัติ: สติปัฎฐาน
งานอดิเรก: กีฬา
สิ่งที่ชื่นชอบ: แบรนด์เเนม
ชื่อเล่น: เม
อายุ: 22
ที่อยู่: Bangkok Thailand

 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
ปราชญ์จีน..กล่าวว่า..."ลิขิตฟ้าหรือจะสู้มานะคน"

แต่ก็จีน..อีกนั้นแหละ..กล่าวว่า.."คนคำนวนหรือจะสู้ฟ้าลิขิต"

เพื่อนๆ..คิดยังงัยกับสำนวนทั้ง 2 นี้..ละ

ส่วนตัวนะ...ผมคิดว่า..ถูกทั้งสอง..


แล้วพี่กบว่า ระหว่างสองคำนั้น

ปราชญ์จีน คนไหน จะได้เป็นจอหงวนหล่ะคะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 ก.พ. 2019, 21:14 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
sssboun เขียน:
กรัชกาย เขียน:
sssboun เขียน:
บางท่านตั้งแต่ค้าขายมายังไม่เคยให้ทานหรือป่าว
หรือนานๆให้ที การจะค้าขายดีนั้น เราจะต้องใส่บาตร
พระสงฆ์เป็นประจำ ได้เลี้ยงดูพ่อแม่
เป็นอย่างดีมั้ย

อีกวิธีหนึ่งง่ายๆ คือให้ไปสังเกตหรือลองถามดูคนที่
เค้าค้าขายดีว่าเค้าทำอย่างไรบ้าง ด้วยการไปตีสนิท
ทำความคุ้นเคยด้วยการไปอุตหนุน หรือชื้อของไปฝาก
แล้วหาโอกาสสอบถามพูดคุยกับเค้า

ก่อนอื่นลองตรวจดูว่าเราขาดไปกี่ข้อในข้อที่ผมเสนอ
มาให้อ่าน ควรจะปรับปรุงในจุดนั้น สิ่งสำคัญยิ่งก็คือเจ้า
ของร้านกับพนักงานควรจะมีใบหน้าที่ยิ้มแย้มและพูดดี
เสมอครับ หากเข้าไปแล้วเจอพูดไม่ได้ เจอหน้ายังก็นาง
ยักษ์ณีโดนด่า โดนดุด้วยใครบ้างอยากจะเข้าร้าน


จะค้าขายดีต้องให้ทาน เลี้ยงดูพ่อแม่ :b1:


ความดีทุกอย่างล้วนแล้วเป็นบุญเกื้อหนุนให้ชีวิต
การงานของเราดีครับ หรือท่าน คิดว่าอย่างไร?



คนที่เลี่้ยงพ่อแม่ ทั้งให้ทาน แต่เขามีอาชีพอื่นๆมิได้ค้าขายล่ะ มิเป็นความดีดอกหรือ มิเป็นบุญดอกหรือ


เป็นหมดแหละครับ ไม่ว่าจะทำงานอะไร แต่งาน
นั้นก็ควรเป็นสัมมาอาชีพ ถึงจะเจริญเติบโตได้ดีและ
ให้ผลคือความสุขครับ

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 ก.พ. 2019, 21:20 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


โลกสวย เขียน:
sssboun เขียน:
โลกสวย เขียน:
จุดใหญ่ที่สุด ของการค้าขาย

ไม่ใช่จุดขาย

แต่จุดสำคัญ ที่มาเกีตติ้งไม่ได้เรียนพระธรรมไม่รู้

คือ ทำไม ไม่มีลูกค้ามาซื้อ น่ะแหละ

ดูให้ดีตรงจุดนี้
มองให้ลึกในสภาพธรรม
ศึกษาพระธรรมให้ดีๆ อ่านพระธรรมพระชาดกให้ชัด

จะเห็นชัดเจนเองว่า ทำไม ลูกค้าไม่มาซื้อ


อนุโมทนา สาธุ กับคุณ เม ที่สนใจธรรมตั้งแต่อายุยังน้อย
คือน้อยกว่าผม ผมเริ่มสนใจน่าจะประมาณ ๒๗ ตอนนั้นแค่ฟัง
เทสนา เพิ่งจะมาตั้งใจอ่านตอนอายุ ๔๔ มั้ง แก่แล้วความจำ
ไม่ค่อยดี แล้วคุณ เม อ่านทั้งหมดจบแล้วเหรอครับ

รบกวนคุณ เม สนทนาที่กระทู้นี้นะครับ http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=56872 เกี่ยวกับการอ่านหนังสือพระไตรปิฏก


หนูฝึกเรียนภาษา
หนูใช้การพิมพ์ตาม พิมพ์แล้วตรวจปรูฟคำผิด
แล้วอ่านทบทวนที่พิมพ์ ฟังจากที่อ่านไว้
แล้วติดขัดตรงไหน โน๊ตๆๆ เอาไปปรึกษาถามครูบาอาจารย์ค่ะ
แล้วค้นหาจากที่พิมพ์เก็บไว้อีกที
อย่างชาดกห้าร้อยกว่าชาติ ใช้เวลาพิมพ์เท่าที่จะจำได้น่าจะประมาณสามอาทิตย์


อนุโมทนา สาธุ ในความขยัน หมั่นเพียร เลือกทำสิ่งที่ดี
มีประโยชน์ สาระมากมาย ให้ผลทั้งปัจจุ และอนาคตชาติ
ต่อๆไปอีก พิมพ์หมดทั้งเล่มเลยเหรอครับ ผมเคยพิมพ์พระไตร
ปิฏกช่วยเจ้าอธิการวัดตอนบวชฉบับแบบหย้อก็ใช้เวลามากเหมือน
กัน จนเป็นวินเวียน

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 ก.พ. 2019, 21:27 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 มี.ค. 2018, 02:56
โพสต์: 2157

โฮมเพจ: maybe
แนวปฏิบัติ: สติปัฎฐาน
งานอดิเรก: กีฬา
สิ่งที่ชื่นชอบ: แบรนด์เเนม
ชื่อเล่น: เม
อายุ: 22
ที่อยู่: Bangkok Thailand

 ข้อมูลส่วนตัว


sssboun เขียน:
โลกสวย เขียน:
sssboun เขียน:
โลกสวย เขียน:
จุดใหญ่ที่สุด ของการค้าขาย

ไม่ใช่จุดขาย

แต่จุดสำคัญ ที่มาเกีตติ้งไม่ได้เรียนพระธรรมไม่รู้

คือ ทำไม ไม่มีลูกค้ามาซื้อ น่ะแหละ

ดูให้ดีตรงจุดนี้
มองให้ลึกในสภาพธรรม
ศึกษาพระธรรมให้ดีๆ อ่านพระธรรมพระชาดกให้ชัด

จะเห็นชัดเจนเองว่า ทำไม ลูกค้าไม่มาซื้อ


อนุโมทนา สาธุ กับคุณ เม ที่สนใจธรรมตั้งแต่อายุยังน้อย
คือน้อยกว่าผม ผมเริ่มสนใจน่าจะประมาณ ๒๗ ตอนนั้นแค่ฟัง
เทสนา เพิ่งจะมาตั้งใจอ่านตอนอายุ ๔๔ มั้ง แก่แล้วความจำ
ไม่ค่อยดี แล้วคุณ เม อ่านทั้งหมดจบแล้วเหรอครับ

รบกวนคุณ เม สนทนาที่กระทู้นี้นะครับ http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=56872 เกี่ยวกับการอ่านหนังสือพระไตรปิฏก


หนูฝึกเรียนภาษา
หนูใช้การพิมพ์ตาม พิมพ์แล้วตรวจปรูฟคำผิด
แล้วอ่านทบทวนที่พิมพ์ ฟังจากที่อ่านไว้
แล้วติดขัดตรงไหน โน๊ตๆๆ เอาไปปรึกษาถามครูบาอาจารย์ค่ะ
แล้วค้นหาจากที่พิมพ์เก็บไว้อีกที
อย่างชาดกห้าร้อยกว่าชาติ ใช้เวลาพิมพ์เท่าที่จะจำได้น่าจะประมาณสามอาทิตย์


อนุโมทนา สาธุ ในความขยัน หมั่นเพียร เลือกทำสิ่งที่ดี
มีประโยชน์ สาระมากมาย ให้ผลทั้งปัจจุ และอนาคตชาติ
ต่อๆไปอีก พิมพ์หมดทั้งเล่มเลยเหรอครับ ผมเคยพิมพ์พระไตร
ปิฏกช่วยเจ้าอธิการวัดตอนบวชฉบับแบบหย้อก็ใช้เวลามากเหมือน
กัน จนเป็นวินเวียน

มีหลายเวปหละที่ไปขุดเอาของหนูไปใช้
พิมพ์หมดค่ะ มีทั้งประวัติครูบาอาจารย์ และพระสูตรของนิกายอื่นๆ และของศาสนาอื่นๆด้วย
พิมพ์ผิดตรงไหนลืมแก้ คนที่ขุดไปใช้ ก็ไม่ยอมแก้ให้ด้วย


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 ก.พ. 2019, 21:31 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


โลกสวย เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
ปราชญ์จีน..กล่าวว่า..."ลิขิตฟ้าหรือจะสู้มานะคน"

แต่ก็จีน..อีกนั้นแหละ..กล่าวว่า.."คนคำนวนหรือจะสู้ฟ้าลิขิต"

เพื่อนๆ..คิดยังงัยกับสำนวนทั้ง 2 นี้..ละ

ส่วนตัวนะ...ผมคิดว่า..ถูกทั้งสอง..


พระพุทธองค์ทรงสอนสองนัย

ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน

กะอีกนัย คือ ธรรมมะทั้งปวงไม่ใช่ตน

การตอบ ตามแต่นิสัย และการสะสมมาของแต่ละคนค่ะ


คุณ เม ก็เห็นแล้วนิครับ ว่า ตนแลเป็นที่พึ่งแห่งตน
ตนไม่พิจรณาตน มิแก้ไขตน แล้วตนจะพ้นทุกข์ พ้นการเกิดแต่ที่ไหน

ลิขิตฟ้า คือสิ่งที่ถูกกำหนดไว้แล้ว เรามิอาจต้านทานหรือฝืนได้

มานะคน มานะนั้น ก็เคยอ่านผ่านๆ ท่านว่าไว้ ใช้มานะละมานะ ดั่งนั้นประโยชน์นี้ดีกว่าประ
โยคแรก

คนคำนวน มีแค่การคำนวนแต่มิได้ลงมือกระทำเลยประโยชน์
ก็มิค่อยเกิด แต่ในสมัยพุทธการ แม้แค่ฟังพระธรรมจากพระพุทธเจ้า
แล้วคิดพิจารณาตามก็ยังบรรลุธรรม ดั่งนั้นเรามิอาจสรุปได้ว่าเพียง
แค่ฟังจะไม่ให้ผล ผลนั้นมีได้เป็นได้ แต่บุคคลนั้นจะต้องเพียบพร้อม
ด้วยบารมีเท่านั้น

ส่วนคำว่าลิขิตฟ้า หรือฟ้าลิขิตนั้น ตรงกันข้ามกับหลักคำสอนของพุทธเรา
อย่างเห็นได้ชัด

ตนแลเป็นที่พึ่งแห่งตน ตนไม่พิจรณาตน มิแก้ไขตน
แล้วตนจะพ้นทุกข์ พ้นการเกิดแต่ที่ไหน


อย่างเช่นง่าย เราหิว แล้วรออยู่เฉยจะอิ่มไหมหากไม่หาอะไร
ทาน

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 ก.พ. 2019, 21:33 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


โลกสวย เขียน:
sssboun เขียน:
โลกสวย เขียน:
sssboun เขียน:
โลกสวย เขียน:
จุดใหญ่ที่สุด ของการค้าขาย

ไม่ใช่จุดขาย

แต่จุดสำคัญ ที่มาเกีตติ้งไม่ได้เรียนพระธรรมไม่รู้

คือ ทำไม ไม่มีลูกค้ามาซื้อ น่ะแหละ

ดูให้ดีตรงจุดนี้
มองให้ลึกในสภาพธรรม
ศึกษาพระธรรมให้ดีๆ อ่านพระธรรมพระชาดกให้ชัด

จะเห็นชัดเจนเองว่า ทำไม ลูกค้าไม่มาซื้อ


อนุโมทนา สาธุ กับคุณ เม ที่สนใจธรรมตั้งแต่อายุยังน้อย
คือน้อยกว่าผม ผมเริ่มสนใจน่าจะประมาณ ๒๗ ตอนนั้นแค่ฟัง
เทสนา เพิ่งจะมาตั้งใจอ่านตอนอายุ ๔๔ มั้ง แก่แล้วความจำ
ไม่ค่อยดี แล้วคุณ เม อ่านทั้งหมดจบแล้วเหรอครับ

รบกวนคุณ เม สนทนาที่กระทู้นี้นะครับ http://www.dhammajak.net/forums/viewtopic.php?f=1&t=56872 เกี่ยวกับการอ่านหนังสือพระไตรปิฏก


หนูฝึกเรียนภาษา
หนูใช้การพิมพ์ตาม พิมพ์แล้วตรวจปรูฟคำผิด
แล้วอ่านทบทวนที่พิมพ์ ฟังจากที่อ่านไว้
แล้วติดขัดตรงไหน โน๊ตๆๆ เอาไปปรึกษาถามครูบาอาจารย์ค่ะ
แล้วค้นหาจากที่พิมพ์เก็บไว้อีกที
อย่างชาดกห้าร้อยกว่าชาติ ใช้เวลาพิมพ์เท่าที่จะจำได้น่าจะประมาณสามอาทิตย์


อนุโมทนา สาธุ ในความขยัน หมั่นเพียร เลือกทำสิ่งที่ดี
มีประโยชน์ สาระมากมาย ให้ผลทั้งปัจจุ และอนาคตชาติ
ต่อๆไปอีก พิมพ์หมดทั้งเล่มเลยเหรอครับ ผมเคยพิมพ์พระไตร
ปิฏกช่วยเจ้าอธิการวัดตอนบวชฉบับแบบหย้อก็ใช้เวลามากเหมือน
กัน จนเป็นวินเวียน

มีหลายเวปหละที่ไปขุดเอาของหนูไปใช้
พิมพ์หมดค่ะ มีทั้งประวัติครูบาอาจารย์ และพระสูตรของนิกายอื่นๆ และของศาสนาอื่นๆด้วย
พิมพ์ผิดตรงไหนลืมแก้ คนที่ขุดไปใช้ ก็ไม่ยอมแก้ให้ด้วย


ดีแล้วครับ เรายิ่งได้บุญมาก เค้าไม่แก้ให้ ยิ่งดีเราแก้เองก็
รับบุญไปเองอีก ต้องขอบคุณเค้าที่มิแก้ ปล่อยโอกาศให้เราแก้
เราก็ได้บุญ

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 ก.พ. 2019, 21:34 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 มี.ค. 2018, 02:56
โพสต์: 2157

โฮมเพจ: maybe
แนวปฏิบัติ: สติปัฎฐาน
งานอดิเรก: กีฬา
สิ่งที่ชื่นชอบ: แบรนด์เเนม
ชื่อเล่น: เม
อายุ: 22
ที่อยู่: Bangkok Thailand

 ข้อมูลส่วนตัว


sssboun เขียน:
โลกสวย เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
ปราชญ์จีน..กล่าวว่า..."ลิขิตฟ้าหรือจะสู้มานะคน"

แต่ก็จีน..อีกนั้นแหละ..กล่าวว่า.."คนคำนวนหรือจะสู้ฟ้าลิขิต"

เพื่อนๆ..คิดยังงัยกับสำนวนทั้ง 2 นี้..ละ

ส่วนตัวนะ...ผมคิดว่า..ถูกทั้งสอง..


พระพุทธองค์ทรงสอนสองนัย

ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน

กะอีกนัย คือ ธรรมมะทั้งปวงไม่ใช่ตน

การตอบ ตามแต่นิสัย และการสะสมมาของแต่ละคนค่ะ


คุณ เม ก็เห็นแล้วนิครับ ว่า ตนแลเป็นที่พึ่งแห่งตน
ตนไม่พิจรณาตน มิแก้ไขตน แล้วตนจะพ้นทุกข์ พ้นการเกิดแต่ที่ไหน

ลิขิตฟ้า คือสิ่งที่ถูกกำหนดไว้แล้ว เรามิอาจต้านทานหรือฝืนได้

มานะคน มานะนั้น ก็เคยอ่านผ่านๆ ท่านว่าไว้ ใช้มานะละมานะ ดั่งนั้นประโยชน์นี้ดีกว่าประ
โยคแรก

คนคำนวน มีแค่การคำนวนแต่มิได้ลงมือกระทำเลยประโยชน์
ก็มิค่อยเกิด แต่ในสมัยพุทธการ แม้แค่ฟังพระธรรมจากพระพุทธเจ้า
แล้วคิดพิจารณาตามก็ยังบรรลุธรรม ดั่งนั้นเรามิอาจสรุปได้ว่าเพียง
แค่ฟังจะไม่ให้ผล ผลนั้นมีได้เป็นได้ แต่บุคคลนั้นจะต้องเพียบพร้อม
ด้วยบารมีเท่านั้น

ส่วนคำว่าลิขิตฟ้า หรือฟ้าลิขิตนั้น ตรงกันข้ามกับหลักคำสอนของพุทธเรา
อย่างเห็นได้ชัด

ตนแลเป็นที่พึ่งแห่งตน ตนไม่พิจรณาตน มิแก้ไขตน
แล้วตนจะพ้นทุกข์ พ้นการเกิดแต่ที่ไหน


อย่างเช่นง่าย เราหิว แล้วรออยู่เฉยจะอิ่มไหมหากไม่หาอะไร
ทาน

มานะ ต้องพ้นจากมานะ 9 ค่ะ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 ก.พ. 2019, 21:41 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


โลกสวย เขียน:
sssboun เขียน:
โลกสวย เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
ปราชญ์จีน..กล่าวว่า..."ลิขิตฟ้าหรือจะสู้มานะคน"

แต่ก็จีน..อีกนั้นแหละ..กล่าวว่า.."คนคำนวนหรือจะสู้ฟ้าลิขิต"

เพื่อนๆ..คิดยังงัยกับสำนวนทั้ง 2 นี้..ละ

ส่วนตัวนะ...ผมคิดว่า..ถูกทั้งสอง..


พระพุทธองค์ทรงสอนสองนัย

ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน

กะอีกนัย คือ ธรรมมะทั้งปวงไม่ใช่ตน

การตอบ ตามแต่นิสัย และการสะสมมาของแต่ละคนค่ะ


คุณ เม ก็เห็นแล้วนิครับ ว่า ตนแลเป็นที่พึ่งแห่งตน
ตนไม่พิจรณาตน มิแก้ไขตน แล้วตนจะพ้นทุกข์ พ้นการเกิดแต่ที่ไหน

ลิขิตฟ้า คือสิ่งที่ถูกกำหนดไว้แล้ว เรามิอาจต้านทานหรือฝืนได้

มานะคน มานะนั้น ก็เคยอ่านผ่านๆ ท่านว่าไว้ ใช้มานะละมานะ ดั่งนั้นประโยชน์นี้ดีกว่าประ
โยคแรก

คนคำนวน มีแค่การคำนวนแต่มิได้ลงมือกระทำเลยประโยชน์
ก็มิค่อยเกิด แต่ในสมัยพุทธการ แม้แค่ฟังพระธรรมจากพระพุทธเจ้า
แล้วคิดพิจารณาตามก็ยังบรรลุธรรม ดั่งนั้นเรามิอาจสรุปได้ว่าเพียง
แค่ฟังจะไม่ให้ผล ผลนั้นมีได้เป็นได้ แต่บุคคลนั้นจะต้องเพียบพร้อม
ด้วยบารมีเท่านั้น

ส่วนคำว่าลิขิตฟ้า หรือฟ้าลิขิตนั้น ตรงกันข้ามกับหลักคำสอนของพุทธเรา
อย่างเห็นได้ชัด

ตนแลเป็นที่พึ่งแห่งตน ตนไม่พิจรณาตน มิแก้ไขตน
แล้วตนจะพ้นทุกข์ พ้นการเกิดแต่ที่ไหน


อย่างเช่นง่าย เราหิว แล้วรออยู่เฉยจะอิ่มไหมหากไม่หาอะไร
ทาน

มานะ ต้องพ้นจากมานะ 9 ค่ะ


เช่นผมจะยกตัวอย่าง ให้ฟังนะครับ มีชายอยู่ ๒ คน
คนหนึ่งเค้าเรียนเก่งมาก แต่อีกคนเรียนไม่ค่อยเก่งด้วย
มานะว่าเราก็คนเช่นกัน ด้วยมานะนั้นเขาขยั่นเล่าเรียนเอา
ใจใส่ค้นคว้าจนทำให้เค้าเรียนดีขึ้นกว่าเดิมมาก อาจเท่า
อีกคน หรืออาจเก่งกว่านั้นครับ

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 ก.พ. 2019, 21:42 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


รู้สึกว่าจะเริ่มออกนอกประเด็นของกระทู้ไปอีกแล้วนะเนี่ย

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 ก.พ. 2019, 21:50 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


+ร้านดูดี เป็นระเบียบเรียบร้อย งาม เห็นแล้วน่าสนใจ น่าประทับใจ

ตรงนี้ก็เป็นด่านแรกเลย หากลูกค้ามองดูหน้าร้านแล้วไม่
เกิดความสนใจ หรือร้านไม่ดึงดูดใจลูกค้า แน่นอนอย่าว่าแต่ชื้อ
เลย ก่อนอื่นเค้าต้องเข้าร้านเราก่อน เมื่อเข้าร้านแล้วลำดับต่อไป
คือการบริการจึงมีได้เกิดได้

+บริการดี คนขาย หน้าตาสวย หล่อ ยิ้มแย้ม พูดเพราะๆ พูดดี สนใจลูกค้ามีความ
อ่อนน้อม รู้จักไหว้ ว่องไว

พอลูกมาถึงหน้าร้านแล้ว เราก็ควรให้ความสนใจ ใส่ใจ
กับลูกค้า ด้วยการไหว้ กล่าวคำว่าสวัสดิ์(หากฝึกก็ทำได้)
แล้วก็ถามว่าคุณต้องการอะไรไหม ......

+ สินค้ามีคุณนะภาพดี

สินค้าไม่ว่าจะเป็นอาหารสำเร็จรูป หรืออาหารสดและ
สิ่งของต่างๆก็ควรมีคุณนะภาพดีสมควรกับราคา สิ่งไหนหมด
อายุแล้วก็ควรเก็บออก

+ ราคาไม่แพงเกินไป

คำว่า กินน้อยอยู่ได้นาน กินแบบคนพาลไม่นานก็หมด
กำไรแต่น้อยแต่เอานาน เอาจำนวนลูกค้ามากคน

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 ก.พ. 2019, 22:12 
 
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 25 เม.ย. 2009, 02:43
โพสต์: 12233


 ข้อมูลส่วนตัว


ไม่ออกนอกกระทู้หรอก...ตรงกระทู้เลยแหละ...เพราะกำลังพูดถึงความเพียร...และ..การรู้จักปล่อยวาง.ยามไม่ได้ดั่งหวัง..


โลกสวย เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
ปราชญ์จีน..กล่าวว่า..."ลิขิตฟ้าหรือจะสู้มานะคน"

แต่ก็จีน..อีกนั้นแหละ..กล่าวว่า.."คนคำนวนหรือจะสู้ฟ้าลิขิต"

เพื่อนๆ..คิดยังงัยกับสำนวนทั้ง 2 นี้..ละ

ส่วนตัวนะ...ผมคิดว่า..ถูกทั้งสอง..


แล้วพี่กบว่า ระหว่างสองคำนั้น

ปราชญ์จีน คนไหน จะได้เป็นจอหงวนหล่ะคะ


ผมว่าถูกทั้งสอง...เพราะ..มองการนำมาใช้ในสองสถานะการณ์

คำแรก..
"ลิขิตฟ้าหรือจะสู้มานะคน"

เป็นแง่ให้คิดตอนจะลงมือกระทำกิจการงานใดใด...ก็ให้เชื่อมั่นในกรรมปัจจุบันที่ตนกำลังทำ..ไม่ต้องรอความช่วยเหลืออะไรจากใคร...ให้ศรัทธาในการขยันมั่นเพียร...เอาใจใส่ในงานที่ทำ..จะนำความสำเร็จอย่างใจหวัง..ได้

คำที่สอง..

."คนคำนวนหรือจะสู้ฟ้าลิขิต"

เป็นแง่คิด...ตอนหลัง..เมื่อเราได้ใส่ความขยันมั่นเพียร..ความคิด..ความเอาใจใส...อย่างเต็มที่แล้ว....หากได้ผลไม่เป็นที่พอใจ...ได้ผลไปอีกอย่างที่ไม่ได้คาดคิดมาก่อน...คำนี้...ก็อาจปลอบใจยามไม่สมหวังได้....


คำว่า..ฟ้าลิขิต...อาจจะดูเหมือนเชื่อเนื่องโชคชะตามากเกินไป..

แต่ในมุมมองผมนะ...ฟ้าลิขิต...นี้มันคือ...ผลบุญที่เราเคยทำมา...หรือ...แผนการ..เส้นทาง...ที่เราเองวางใว้แล้วก่อนมาเกิด...

เพียงแต่..บางเวลา...เมื่อเกิดมาแล้ว...ด้วยความมีกิเลสตัญหา..ความคิดและการกระทำ..ก็อาจจะไม่ตรงตาม..แผนการที่ตนวางใว้...จึงเกิดการปะทะ.กัน....เมื่อแผนเก่าก่อนเกิดมีกำลังมากกว่า...ก็ขัดแข้งขัดขาไม่ให้กิเลสสมหวัง...จนต้องมาคำครวญว่า..."คนคำนวนหรือจะสู้ฟ้าลิขิต"


แก้ไขล่าสุดโดย กบนอกกะลา เมื่อ 11 ก.พ. 2019, 22:16, แก้ไขแล้ว 1 ครั้ง

โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 ก.พ. 2019, 22:16 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
Moderators-2
Moderators-2
ลงทะเบียนเมื่อ: 16 พ.ย. 2007, 16:58
โพสต์: 7548

แนวปฏิบัติ: พุทธานุสติ
งานอดิเรก: ทำหลายอย่างแต่ตอนนี้ไฟฟ้า
สิ่งที่ชื่นชอบ: ปฏิบัติธรรม ศึกษาธรรม และแบ่งปันต่อไป
อายุ: 0
ที่อยู่: จาก ลาว ครับ

 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
ไม่ออกนอกกระทู้หรอก...ตรงกระทู้เลยแหละ...เพราะกำลังพูดถึงความเพียร...และ..การรู้จักปล่อยวาง.ยามไม่ได้ดั่งหวัง..


โลกสวย เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
ปราชญ์จีน..กล่าวว่า..."ลิขิตฟ้าหรือจะสู้มานะคน"

แต่ก็จีน..อีกนั้นแหละ..กล่าวว่า.."คนคำนวนหรือจะสู้ฟ้าลิขิต"

เพื่อนๆ..คิดยังงัยกับสำนวนทั้ง 2 นี้..ละ

ส่วนตัวนะ...ผมคิดว่า..ถูกทั้งสอง..


แล้วพี่กบว่า ระหว่างสองคำนั้น

ปราชญ์จีน คนไหน จะได้เป็นจอหงวนหล่ะคะ


ผมว่าถูกทั้งสอง...เพราะ..มองการนำมาใช้ในสองสถานะการณ์

คำแรก..
"ลิขิตฟ้าหรือจะสู้มานะคน"

เป็นแง่ให้คิดตอนจะลงมือกระทำกิจการงานใดใด...ก็ให้เชื่อมั่นในกรรมปัจจุบันที่ตนกำลังทำ..ไม่ต้องรอความช่วยเหลืออะไรจากใคร...ให้ศรัทธาในการขยันมั่นเพียร...เอาใจใส่ในงานที่ทำ..จะนำความสำเร็จอย่างใจหวัง..ได้

คำที่สอง..

."คนคำนวนหรือจะสู้ฟ้าลิขิต"

เป็นแง่คิด...ตอนหลัง..เมื่อเราได้ใส่ความขยันมั่นเพียร..ความคิด..ความเอาใจใส...อย่างเต็มที่แล้ว....หากได้ผลไม่เป็นที่พอใจ...ได้ผลไปอีกอย่างที่ไม่ได้คาดคิดมาก่อน...คำนี้...ก็อาจปลอบใจยามไม่สมหวังได้....


คำว่า..ฟ้าลิขิต...อาจจะดูเหมือนเชื่อเนื่องโชคชะตามากเกินไป..

แต่ในมุมมองผมนะ...ฟ้าลิขิต...นี้มันคือ...ผลบุญที่เราเคยทำมา...หรือ...แผนการ..เส้นทาง...ที่เราเองวางใว้แล้วก่อนมาเกิด...

เพียงแต่..บางเวลา...เมื่อเกิดมาแล้ว...ด้วยความมีกิเลสตัญหา..ความคิดและการกระทำ..ก็อาจจะไม่ตรงตาม..แผนการที่ตนวางใว้...จึงเกิดการปะทะ.กัน....เมื่อแผนเก่ามีกำลังมากกว่า...ก็ขัดแข้งขัดขาไม่ให้กิเลสสมหวัง...จนต้องมาคำครวญว่า..."คนคำนวนหรือจะสู้ฟ้าลิขิต"


สาธุ ครับ

.....................................................
เมื่อความเห็นใดมีการหัวเราะ ผมขออนุญาตไม่ยุ่ง และตอบนะครับ

สนทนาธรรมโปรดเคารพในพระธรรม และเพื่อนสมาชิกด้วย

เจริญ สติ และปัญญา


เพื่อลดละเลิก ป้องกันสิ่งที่เป็นอกุศลทาง กาย วาจา ใจ
เพื่อเจริญและรักษาไว้ชึ่งสิ่งที่เป็นกุศลทาง กาย วาจา ใจ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 11 ก.พ. 2019, 23:00 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 มี.ค. 2018, 02:56
โพสต์: 2157

โฮมเพจ: maybe
แนวปฏิบัติ: สติปัฎฐาน
งานอดิเรก: กีฬา
สิ่งที่ชื่นชอบ: แบรนด์เเนม
ชื่อเล่น: เม
อายุ: 22
ที่อยู่: Bangkok Thailand

 ข้อมูลส่วนตัว


กบนอกกะลา เขียน:
ไม่ออกนอกกระทู้หรอก...ตรงกระทู้เลยแหละ...เพราะกำลังพูดถึงความเพียร...และ..การรู้จักปล่อยวาง.ยามไม่ได้ดั่งหวัง..


โลกสวย เขียน:
กบนอกกะลา เขียน:
ปราชญ์จีน..กล่าวว่า..."ลิขิตฟ้าหรือจะสู้มานะคน"

แต่ก็จีน..อีกนั้นแหละ..กล่าวว่า.."คนคำนวนหรือจะสู้ฟ้าลิขิต"

เพื่อนๆ..คิดยังงัยกับสำนวนทั้ง 2 นี้..ละ

ส่วนตัวนะ...ผมคิดว่า..ถูกทั้งสอง..


แล้วพี่กบว่า ระหว่างสองคำนั้น

ปราชญ์จีน คนไหน จะได้เป็นจอหงวนหล่ะคะ


ผมว่าถูกทั้งสอง...เพราะ..มองการนำมาใช้ในสองสถานะการณ์

คำแรก..
"ลิขิตฟ้าหรือจะสู้มานะคน"

เป็นแง่ให้คิดตอนจะลงมือกระทำกิจการงานใดใด...ก็ให้เชื่อมั่นในกรรมปัจจุบันที่ตนกำลังทำ..ไม่ต้องรอความช่วยเหลืออะไรจากใคร...ให้ศรัทธาในการขยันมั่นเพียร...เอาใจใส่ในงานที่ทำ..จะนำความสำเร็จอย่างใจหวัง..ได้

คำที่สอง..

."คนคำนวนหรือจะสู้ฟ้าลิขิต"

เป็นแง่คิด...ตอนหลัง..เมื่อเราได้ใส่ความขยันมั่นเพียร..ความคิด..ความเอาใจใส...อย่างเต็มที่แล้ว....หากได้ผลไม่เป็นที่พอใจ...ได้ผลไปอีกอย่างที่ไม่ได้คาดคิดมาก่อน...คำนี้...ก็อาจปลอบใจยามไม่สมหวังได้....


คำว่า..ฟ้าลิขิต...อาจจะดูเหมือนเชื่อเนื่องโชคชะตามากเกินไป..

แต่ในมุมมองผมนะ...ฟ้าลิขิต...นี้มันคือ...ผลบุญที่เราเคยทำมา...หรือ...แผนการ..เส้นทาง...ที่เราเองวางใว้แล้วก่อนมาเกิด...

เพียงแต่..บางเวลา...เมื่อเกิดมาแล้ว...ด้วยความมีกิเลสตัญหา..ความคิดและการกระทำ..ก็อาจจะไม่ตรงตาม..แผนการที่ตนวางใว้...จึงเกิดการปะทะ.กัน....เมื่อแผนเก่าก่อนเกิดมีกำลังมากกว่า...ก็ขัดแข้งขัดขาไม่ให้กิเลสสมหวัง...จนต้องมาคำครวญว่า..."คนคำนวนหรือจะสู้ฟ้าลิขิต"


หัวเราะดีก่า
คริคริ
เพราะถูกใจ

เพื่งเห็นพี่กบน่าร๊าาาก เอาวันนี้แหละ

สายตายาวนะคะ


มีใน สามก๊กอีกคน บอกว่า หอกคนไหน ก็ปักอกคนนั้น

วิบาก บุญ กรรมที่ทำมาแต่อดีตชาติ ก็ ย่อมส่งผลมาถึงปัจจุบัน และปัจจุบัน จะมีผลต่อไปในอนาคต

เมถึงบอกให้ดูชาดกประกอบด้วยไงคะ


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 55 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 38 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร