วันเวลาปัจจุบัน 28 มี.ค. 2024, 22:52  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 36 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2, 3  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 ต.ค. 2018, 06:03 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7503

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Kiss
ตถาคตสอนให้รู้จักกิเลสก่อนไปทำอย่างอื่นค่ะ
จิเจรุนิคือปรมัตถธรรมเป็นความจริงละเอียดยิ่ง
จิเจรุพาเกิดคือจิต+เจตสิก+รูปท่องเที่ยว31ภพภูมิ
นิไม่เกิดแล้วคือนิพพานของพระอรหันต์เท่านั้นค่ะ

จิตคือ1วิญญาณขันธ์

เจตสิก3ขันธ์คือ
1เวทนาขันธ์
2สัญญาขันธ์
3สังขารขันธ์(ปรุงแต่งกุศลหรืออกุศลไม่พร้อมกัน)
ทุกท่านต้องรู้จักกิเลสตนเองตามคำสอนให้ตรงจึงจะรู้ว่าเป็นกุศลหรืออกุศล
จิตและเจตสิกเป็นนามธรรมเป็นคู่หูกันค่ะ

รูปคือรูปขันธ์คือมหาภูตรูปและอุปาทายรูปนี้คือรูปธรรม

นี้คือสรุปคร่าวๆแต่ความละเอียดต้องเกิดจากการสะสมสุตมยปัญญา
ฟังเรื่องจิเจรุนิตรงๆตามเป็นจริงใช้หูฟังด้วยตนเองความเข้าใจต้องเกิดจากการฟังเองค่ะ
แนะนำฟังที่บ้านที่ไหนก็ได้เข้ากูเกิ้ลคลิกดูได้ทุกกาลทุกเวลาทุกสถานที่การฟังคือหนทางเดียวจริงๆค่ะ
มีหลายภาษาเลือกได้ค่ะ
www.dhammahome.com
:b12:
:b4: :b4:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 ต.ค. 2018, 08:38 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
Kiss
ตถาคตสอนให้รู้จักกิเลสก่อนไปทำอย่างอื่นค่ะ
จิเจรุนิคือปรมัตถธรรมเป็นความจริงละเอียดยิ่ง
จิเจรุพาเกิดคือจิต+เจตสิก+รูปท่องเที่ยว31ภพภูมิ
นิไม่เกิดแล้วคือนิพพานของพระอรหันต์เท่านั้นค่ะ

จิตคือ1วิญญาณขันธ์

เจตสิก3ขันธ์คือ
1เวทนาขันธ์
2สัญญาขันธ์
3สังขารขันธ์(ปรุงแต่งกุศลหรืออกุศลไม่พร้อมกัน)
ทุกท่านต้องรู้จักกิเลสตนเองตามคำสอนให้ตรงจึงจะรู้ว่าเป็นกุศลหรืออกุศล
จิตและเจตสิกเป็นนามธรรมเป็นคู่หูกันค่ะ

รูปคือรูปขันธ์คือมหาภูตรูปและอุปาทายรูปนี้คือรูปธรรม

นี้คือสรุปคร่าวๆแต่ความละเอียดต้องเกิดจากการสะสมสุตมยปัญญา

ฟังเรื่องจิเจรุนิตรงๆตามเป็นจริงใช้หูฟังด้วยตนเองความเข้าใจต้องเกิดจากการฟังเองค่ะ
แนะนำฟังที่บ้านที่ไหนก็ได้เข้ากูเกิ้ลคลิกดูได้ทุกกาลทุกเวลาทุกสถานที่การฟังคือหนทางเดียวจริงๆค่ะ
มีหลายภาษาเลือกได้ค่ะ
http://www.dhammahome.com



อ้างคำพูด:
นี้คือสรุปคร่าวๆแต่ความละเอียดต้องเกิดจากการสะสมสุตมยปัญญา


พิจารณาความคิดรวมๆแล้วสรุปได้ว่า คุณโรส และบ้านธัมมะมีความคิดแฝงไปด้วยความพร่ำเพ้อ ออกแนวๆนิยายซึ่งสร้างจากจินตนาการ :b16:

ตามที่ว่ามาทั้งหมดนั้น ถ้าพูดตามภาษาชาวบ้านชาวช่อง เขาก็เรียกว่า "คน" บ้าง ว่า "มนุษย์" บ้าง ว่าอะไรอีกบ้าง ก็แล้วแต่ละชาติแต่ละภาษาเขาจะบัญญัติเรียกกัน ไม่เชื่อไปถามชาวเขมร พม่า ฝรั่งมั่งค่าดู

แต่ถ้าพูดตามภาษาพระภาษาทางพระพุทธศาสนา ท่านเรียกว่า "สภาวธรรม" บ้าง "ปรมัตถธรรม" บ้าง ไม่นิยมเรียกว่า คน ถ้าจะเรียกว่า คน ก็ว่าโดยภาษาสมมติ

ดังนั้นผู้จะเริ่มศึกษาพุทธธรรมต้องเริ่มจากทำความเข้าใจอย่างนี้ จึงจะเห็นธรรมะ :b32:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 ต.ค. 2018, 08:54 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


นี่ชาวบ้านร้านตลาดเรียกกันว่า "คน" ไม่ใช่ "แมว" ไม่ใช่ "เป็ด" อิอิ แต่ภาษาพุทธธรรมเรียก "สภาวะ" เรียกเต็มๆ "สภาวธรรม" บ้าง ว่า "ปรมัตถะ" เรียกเต็มว่า "ปรมัตถธรรม" บ้าง

รูปภาพ

แยกให้ออกแยกให้ได้นะ ของสิ่งเดียวกันนั่นแหละ แต่มองเป็นสองชั้น :b1:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 ต.ค. 2018, 09:06 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อ่านให้เป็น จับประเด็นให้ได้ แยกให้ออก ระหว่างภาษา คน กับ ภาษาพระ


ส่วนประกอบห้าอย่างของชีวิต

ตัวสภาวะ

พุทธธรรมมองเห็นสิ่งทั้งหลายเป็นธาตุ เป็นธรรม เป็นสภาวะ อันมีอยู่เป็นอยู่ตามภาวะของมัน ที่เป็นของมันอย่างนั้น เช่นนั้น ตามธรรมดาของมัน
มิใช่มีเป็นสัตว์ บุคคล อัตตา ตัวตน เราเขา ที่จะยึดถือเอาเป็นเจ้าของ ครอบครอง บังคับบัญชาให้เป็นไปตามปรารถนาอย่างไรๆ ได้

บรรดาสิ่งทั้งหลายที่รู้จักเข้าใจกันอยู่โดยทั่วไปนั้น มีอยู่เป็นอยู่เป็นไปในรูปของส่วนประกอบต่างๆ ที่มาประชุมกัน ตัวตนแท้ๆ ของสิ่งทั้งหลายไม่มี เมื่อแยกส่วนต่างๆ ที่มาประกอบกันเข้านั้นออกไป ให้หมด ก็จะไม่พบตัวตนของสิ่งนั้นเหลืออยู่ ตัวอย่างง่ายๆ ที่ยกขึ้นอ้างกันบ่อยๆ คือ "รถ" เมื่อนำส่วนประกอบต่างๆมาประกอบเข้าด้วยกันตามแบบที่กำหนด ก็บัญญัติเรียกกันว่า "รถ"

แต่ถ้าแยกส่วนประกอบทั้งหมดออกจากกัน ก็จะหาตัวตนของรถไม่ได้ มีแต่ส่วนประกอบทั้งหลาย ซึ่งมีชื่อเรียกต่างๆกัน จำเพาะแต่ละอย่างอยู่แล้ว คือตัวตนของรถมิได้มีอยู่ต่างหากจากส่วนประกอบเหล่านั้น มีแต่เพียงคำบัญญัติว่า "รถ"

สำหรับสภาพที่มารวมตัวกันเข้าของส่วนประกอบเหล่านั้น แม้ส่วนประกอบแต่ละอย่างๆนั้นเอง ก็ปรากฏขึ้นโดยการรวมกันเข้าของส่วนประกอบย่อยๆ ต่อๆไปอีก และหาตัวตนที่แท้ไม่พบเช่นเดียวกัน เมื่อจะพูดว่าสิ่งทั้งหลายมีอยู่ ก็ต้องเข้าใจในความหมายว่า มีอยู่ในฐานะมีส่วนประกอบต่างๆ มาประชุมเข้าด้วยกัน


เมื่อมองเห็นสภาพของสิ่งทั้งหลายในรูปของการประชุมส่วนประกอบเช่นนี้ พุทธธรรมจึงต้องแสดงต่อไปว่า ส่วนประกอบต่างๆ เหล่านั้นเป็นอย่างไร มีอะไรบ้าง อย่างน้อยก็พอเป็นตัวอย่าง
และ
โดยที่พุทธธรรมมีความเกี่ยวข้องเป็นพิเศษกับเรื่องชีวิต โดยเฉพาะด้านจิตใจ
การแสดงส่วนประกอบต่างๆ จึงต้องครอบคลุมทั้งวัตถุและจิตใจ หรือทั้งรูปธรรมและนามธรรม และมักแยกเป็นพิเศษในด้านจิตใจ



การแสดงส่วนประกอบต่างๆนั้น ย่อมทำได้หลายแบบ สุดแต่วัตถุประสงค์จำเพาะของการแสดงแบบนั้นๆ * แต่ในที่นี้ แสดงแบบขันธ์ ๕ ซึ่งเป็นแบบที่นิยมในพระสูตร

โดยวิธีแบ่งแบบขันธ์ ๕ พุทธธรรมแยกแยะชีวิตพร้อมทั้งองคาพยพทั้งหมด ที่บัญญัติเรียกว่า "สัตว์" "บุคคล" ฯลฯ ออกเป็นส่วนประกอบต่างๆ ๕ ประเภท หรือ ๕ หมวด เรียกทางธรรมว่า เบญจขันธ์ คือ


๑. รูป (Corporeality) ได้แก่ ส่วนประกอบฝ่ายรูปธรรมทั้งหมด ร่างกาย และพฤติกรรมทั้งหมดของร่างกาย หรือสสารและพลังงานฝ่ายวัตถุ พร้อมทั้งคุณสมบัติ และพฤติกรรมต่างๆ ของสสารพลังงานเหล่านั้น


๒. เวทนา (Feeling หรือ Sensation) ได้แก่ ความรู้สึกสุข ทุกข์ หรือเฉยๆ ซึ่งเกิดจากผัสสะทางประสาททั้ง ๕ และทางใจ


๓. สัญญา (Perception) ได้แก่ ความกำหนดได้ หรือหมายรู้ คือ กำหนดรู้อาการเครื่องหมายลักษณะต่างๆ อันเป็นเหตุให้จำอารมณ์ (object) นั้นๆได้


๔. สังขาร (Mental Formations หรือ Volitional Activities) ได้แก่ องค์ประกอบหรือคุณสมบัติต่างๆของจิต มีเจตนา เป็นตัวนำ ซึ่งแต่งจิตให้ดีหรือชั่วหรือเป็นกลางๆ ปรุงแปรการตริตรึกนึกคิดในใจ และการแสดงออกทางกาย วาจา ให้เป็นไปต่างๆ เป็นที่มาของกรรม เช่น ศรัทธา สติ หิริ โอตตัปปะ เมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา ปัญญา โมหะ โลภะ โทสะ มานะ ทิฏฐิ อิสสา มัจฉริยะ เป็นต้น เรียกรวมอย่างง่ายๆว่า เครื่องปรุงของจิต เครื่องปรุงของความคิด หรือเครื่องปรุงของกรรม


๕. วิญญาณ (Consciousness) ได้แก่ ความรู้แจ้งอารมณ์ทางประสาททั้ง ๕ และทางใจ คือ การเห็น การได้ยิน การได้กลิ่น การรู้รส การรู้สัมผัสทางกาย และการรู้อารมณ์ทางใจ

ข้อ ๑ เป็นรูปขันธ์ ๔ ข้อหลังเป็นนามขันธ์ เรียกสั้นๆว่า รูปนาม

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 ต.ค. 2018, 09:13 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


คุณโรสพอเข้าใจไหมขอรับ มันก็คนหมดทั้งเนื้อทั้งตัวนี่เอง คิกๆๆ หรือ จะเถียงว่าไม่ใช่คน ก็เถียงมา

ไปนั่งฟังแม่สุจิน แม่พาเข้าป่าเข้าดงหมด :b13:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 ต.ค. 2018, 09:36 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


คุณโรสแยกได้ไหม ระหว่างปรมัตถธรรม กับ คน :b1:

อ้างคำพูด:
นั่งสมาธิแล้วนึกกลัว

คือ ว่าเรานั่งสมาธิแล้วเริ่มเข้าสู่ความสงบ (ประมาณว่าโลกนี้ว่าง ๆค่ะ) แต่ไม่รู้ทำไมเกิดนึกกลัวขึ้นมา อยากออกจากสมาธิ มีคนแนะนำว่าต้องค่อย ๆ ถอยออกจากสมาธิ แต่เราทำไม่ได้ เพราะมันไม่ยอมออกค่ะ ไม่รู้ทำไง เลยลืมตาเสียเลย เท่านั้นเองใจก็เกิดสั่นขึ้นมาทันที รู้สึกวิงเวียนบอกไม่ถูก

วันนั้นทั้งวันใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว กว่าจะปกติก็ช่วงเย็นแล้ว

เราเลยอยากถามว่า ทำอย่างไรไม่ให้กลัวเวลาเจอสถานการณ์แบบนี้ และจะออกจากสมาธิด้วยวิธีไหนดีคะ ผู้รู้ช่วยตอบทีค่ะ


.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 ต.ค. 2018, 23:18 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7503

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


:b32:
ถ้าเรียนหนังสือน่ะเขาเรียนจบมัธยมจะสอบเข้ามหาวิทยาลัยแล้วค่ะ
คุณกรัชกายยังกางตำราชั้นประถมอ่านเพื่อสอบเข้ามัธยม1อยู่เลย
:b12: :b32:
onion onion onion


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 ต.ค. 2018, 02:19 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 มี.ค. 2018, 02:56
โพสต์: 2157

โฮมเพจ: maybe
แนวปฏิบัติ: สติปัฎฐาน
งานอดิเรก: กีฬา
สิ่งที่ชื่นชอบ: แบรนด์เเนม
ชื่อเล่น: เม
อายุ: 22
ที่อยู่: Bangkok Thailand

 ข้อมูลส่วนตัว


เมขอขัดจังหวะ ขอขั้นโฆษณา แป๊ปปปปป นะคะ

เมไม่ได้มาขอทาน หรือมาขายเอาเงินนะคะ แต่มาแจก มาให้ความรู้ ฟรีๆๆ
ขอขั้นจังหวะ โฆษณา ถึงคุณค่าแท้จริงของพระไตรปิฎกให้ทราบนะคะ


มีสิ่งที่ต้องการแสดงให้หนูๆ ทั้งสองฟัง ตั้งใจฟังนะคะ

คือ สิ่งสำคัญที่สุดๆๆๆ ที่ ทั้งสำนักศาสดายูทูป
และ สำนักศาสดาที่เขียนพุทธธรรม ไม่มี

สิ่งที่ไม่มี คือ ไม่มีปัญญา ที่จะสามารถเท่าเทียมพระพุทธองค์ได้

พระพุทธองค์ ทรงมีปัญญา ที่เห็น ส่วนเล็กๆ ในส่วนใหญ๋
จึงได้แยกออก ระหว่างสมมุติ และปรมัตถ์ ออกจากกันโดยละเอียดให้เล่าเรียนกันได้

สำนักพุทธธรรม เห็นกายในกาย เป็นธาตุ ก็ยังพอสมควรนับได้ว่า มีปัญญาบ้าง
แต่ถ้าเห็น กายในกาย เป็น ลูกในท้อง ละก็พังพินาศ

ส่วนฝ่ายสำนักยูทูป เห็นกายในกาย เป็นรูป รูป 28 รูป ตามปรมัตถ์ ก็นับว่าพอมีปัญญาอยู่บ้าง
แต่ถ้าเห้นกาย และเข้าใจว่าเป็นรูปแบบเซลฟี่ ก็พังพินาศเช่นกันค่ะ

ก็เรยขอแนะนำ หนูๆทั้งสองคน นะคะ ว่า

พระธรรมที่พระพุทธองค์ ทรงแสดงไว้ ในพระไตรปิฎก ครบถ้วน
เหมาะแก่การเจริญเติบโต ของหนุๆ นะคะ

และควรบริโภคให้มากๆนะคะ จะได้โตขึ้นเป็นเด็กดีมีปัญญา นะคะ ๆๆ
หนูๆ ทั้งสองคงพอเข้าใจแล้วน๊าคะ ว่าควรเรียนที่ไหน

ที่ไหนคร้าหนูๆ

สรุป ไปเรียนหนังสือซะน๊า





โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 ต.ค. 2018, 02:35 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7503

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


โลกสวย เขียน:
เมขอขัดจังหวะ ขอขั้นโฆษณา แป๊ปปปปป นะคะ

เมไม่ได้มาขอทาน หรือมาขายเอาเงินนะคะ แต่มาแจก มาให้ความรู้ ฟรีๆๆ
ขอขั้นจังหวะ โฆษณา ถึงคุณค่าแท้จริงของพระไตรปิฎกให้ทราบนะคะ


มีสิ่งที่ต้องการแสดงให้หนูๆ ทั้งสองฟัง ตั้งใจฟังนะคะ

คือ สิ่งสำคัญที่สุดๆๆๆ ที่ ทั้งสำนักศาสดายูทูป
และ สำนักศาสดาที่เขียนพุทธธรรม ไม่มี

สิ่งที่ไม่มี คือ ไม่มีปัญญา ที่จะสามารถเท่าเทียมพระพุทธองค์ได้

พระพุทธองค์ ทรงมีปัญญา ที่เห็น ส่วนเล็กๆ ในส่วนใหญ๋
จึงได้แยกออก ระหว่างสมมุติ และปรมัตถ์ ออกจากกันโดยละเอียดให้เล่าเรียนกันได้

สำนักพุทธธรรม เห็นกายในกาย เป็นธาตุ ก็ยังพอสมควรนับได้ว่า มีปัญญาบ้าง
แต่ถ้าเห็น กายในกาย เป็น ลูกในท้อง ละก็พังพินาศ

ส่วนฝ่ายสำนักยูทูป เห็นกายในกาย เป็นรูป รูป 28 รูป ตามปรมัตถ์ ก็นับว่าพอมีปัญญาอยู่บ้าง
แต่ถ้าเห้นกาย และเข้าใจว่าเป็นรูปแบบเซลฟี่ ก็พังพินาศเช่นกันค่ะ

ก็เรยขอแนะนำ หนูๆทั้งสองคน นะคะ ว่า

พระธรรมที่พระพุทธองค์ ทรงแสดงไว้ ในพระไตรปิฎก ครบถ้วน
เหมาะแก่การเจริญเติบโต ของหนุๆ นะคะ

และควรบริโภคให้มากๆนะคะ จะได้โตขึ้นเป็นเด็กดีมีปัญญา นะคะ ๆๆ

สรุป ไปเรียนหนังสือซะน๊า




:b32:
คำตถาคคชัดตรง
ไม่รู้ก็คือไม่รู้
คุยคนละภาษา
เธอจงคุยกะตัวเอง
ให้เกิดปัญญาไปเถอะนะ
ขอโทษนะคะอนุบาลอย่างเธอ
คุยกะเตรียมมหาฯไม่รู้เรื่องหรอกจ้ะ
ไม่เห็นหรือคะว่าคบพาลในตนมาแถลงเขาคบบัณฑิตคือคำสัจจะ
ถ้ารู้จักตนเองก็รู้จักผู้อื่นเธอนั้นยังไม่ตื่นไม่ประมาณปัญญาตนเองกิเลสไม่อยู่ที่คนอื่นนะ
:b32: :b32:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 ต.ค. 2018, 03:18 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 29 ต.ค. 2009, 15:06
โพสต์: 7503

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
Kiss
ตถาคตสอนให้รู้จักกิเลสก่อนไปทำอย่างอื่นค่ะ
จิเจรุนิคือปรมัตถธรรมเป็นความจริงละเอียดยิ่ง
จิเจรุพาเกิดคือจิต+เจตสิก+รูปท่องเที่ยว31ภพภูมิ
นิไม่เกิดแล้วคือนิพพานของพระอรหันต์เท่านั้นค่ะ

จิตคือ1วิญญาณขันธ์

เจตสิก3ขันธ์คือ
1เวทนาขันธ์
2สัญญาขันธ์
3สังขารขันธ์(ปรุงแต่งกุศลหรืออกุศลไม่พร้อมกัน)
ทุกท่านต้องรู้จักกิเลสตนเองตามคำสอนให้ตรงจึงจะรู้ว่าเป็นกุศลหรืออกุศล
จิตและเจตสิกเป็นนามธรรมเป็นคู่หูกันค่ะ

รูปคือรูปขันธ์คือมหาภูตรูปและอุปาทายรูปนี้คือรูปธรรม

นี้คือสรุปคร่าวๆแต่ความละเอียดต้องเกิดจากการสะสมสุตมยปัญญา
ฟังเรื่องจิเจรุนิตรงๆตามเป็นจริงใช้หูฟังด้วยตนเองความเข้าใจต้องเกิดจากการฟังเองค่ะ
แนะนำฟังที่บ้านที่ไหนก็ได้เข้ากูเกิ้ลคลิกดูได้ทุกกาลทุกเวลาทุกสถานที่การฟังคือหนทางเดียวจริงๆค่ะ
มีหลายภาษาเลือกได้ค่ะ
http://www.dhammahome.com
:b12:
:b4: :b4:

:b12:
ทุกท่านพิจารณาให้ชัดเจนอ่านแล้วเห็นอะไรไหมคะ
ทั้งหมดข้างบนคือธาตุ4ขันธ์5อายตนะ6มีแล้วทุกคำ
ตรงกับที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสรู้และตรัสแสดงไว้ดีแล้ว
ทุกอย่างเกิดตรงขณะและดับทันทีคือจิตเจตสิกรูปพาไปเกิดค่ะ
ธัมมะคือสิ่งที่กำลังมีจริงๆเดี๋ยวนี้คือมีอุปาทานขันธ์ยึดถือขันธ์ทั้ง5ว่าเป็นตัวตน
:b1:
:b4: :b4:


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 ต.ค. 2018, 03:57 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับ 19
สมาชิกระดับ 19
ลงทะเบียนเมื่อ: 11 มี.ค. 2018, 02:56
โพสต์: 2157

โฮมเพจ: maybe
แนวปฏิบัติ: สติปัฎฐาน
งานอดิเรก: กีฬา
สิ่งที่ชื่นชอบ: แบรนด์เเนม
ชื่อเล่น: เม
อายุ: 22
ที่อยู่: Bangkok Thailand

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
โลกสวย เขียน:
เมขอขัดจังหวะ ขอขั้นโฆษณา แป๊ปปปปป นะคะ

เมไม่ได้มาขอทาน หรือมาขายเอาเงินนะคะ แต่มาแจก มาให้ความรู้ ฟรีๆๆ
ขอขั้นจังหวะ โฆษณา ถึงคุณค่าแท้จริงของพระไตรปิฎกให้ทราบนะคะ


มีสิ่งที่ต้องการแสดงให้หนูๆ ทั้งสองฟัง ตั้งใจฟังนะคะ

คือ สิ่งสำคัญที่สุดๆๆๆ ที่ ทั้งสำนักศาสดายูทูป
และ สำนักศาสดาที่เขียนพุทธธรรม ไม่มี

สิ่งที่ไม่มี คือ ไม่มีปัญญา ที่จะสามารถเท่าเทียมพระพุทธองค์ได้

พระพุทธองค์ ทรงมีปัญญา ที่เห็น ส่วนเล็กๆ ในส่วนใหญ๋
จึงได้แยกออก ระหว่างสมมุติ และปรมัตถ์ ออกจากกันโดยละเอียดให้เล่าเรียนกันได้

สำนักพุทธธรรม เห็นกายในกาย เป็นธาตุ ก็ยังพอสมควรนับได้ว่า มีปัญญาบ้าง
แต่ถ้าเห็น กายในกาย เป็น ลูกในท้อง ละก็พังพินาศ

ส่วนฝ่ายสำนักยูทูป เห็นกายในกาย เป็นรูป รูป 28 รูป ตามปรมัตถ์ ก็นับว่าพอมีปัญญาอยู่บ้าง
แต่ถ้าเห้นกาย และเข้าใจว่าเป็นรูปแบบเซลฟี่ ก็พังพินาศเช่นกันค่ะ

ก็เรยขอแนะนำ หนูๆทั้งสองคน นะคะ ว่า

พระธรรมที่พระพุทธองค์ ทรงแสดงไว้ ในพระไตรปิฎก ครบถ้วน
เหมาะแก่การเจริญเติบโต ของหนุๆ นะคะ

และควรบริโภคให้มากๆนะคะ จะได้โตขึ้นเป็นเด็กดีมีปัญญา นะคะ ๆๆ

สรุป ไปเรียนหนังสือซะน๊า




:b32:
คำตถาคคชัดตรง
ไม่รู้ก็คือไม่รู้
คุยคนละภาษา
เธอจงคุยกะตัวเอง
ให้เกิดปัญญาไปเถอะนะ
ขอโทษนะคะอนุบาลอย่างเธอ
คุยกะเตรียมมหาฯไม่รู้เรื่องหรอกจ้ะ
ไม่เห็นหรือคะว่าคบพาลในตนมาแถลงเขาคบบัณฑิตคือคำสัจจะ
ถ้ารู้จักตนเองก็รู้จักผู้อื่นเธอนั้นยังไม่ตื่นไม่ประมาณปัญญาตนเองกิเลสไม่อยู่ที่คนอื่นนะ
:b32: :b32:



แน้ๆๆ

คุณยายโรสขา นี่เพราะหนูยายโรส ไม่ได้เรียนพระอภิธรรม ไม่ได้เรียนพระธรรมจากพระผู้มีพระภาคเจ้า จากพระอรหันต์ตามพระไตรปิฎก

เรยแค่เตรียมเข้ามหา


เรยเข้าใจผิดๆ รู้ผิดๆ เรยไม่รู้ว่า

พระพุทธองค์ กล่าวว่า

การคบบัณฑิต น่ะ

เหมือนกะ พระจันทร์คบอากาศอันเป็นทางโคจรแห่งดวงดาว
ขุ. ธ. ๒๕/๒๕/๔๒-๔๓

ถ้าคุณยายมีธรรม คุณยายก็จะได้พบพระพุทธองค์ ในพระธรรมที่ทรงแสดง
ถ้าคุณยายเห็นธรรม คุณยาย เห็นตถาคตนะคร๊า

ไม่ได้เห็นแค่ อากาศ

ไม่รู้หรอคะ ว่าพระจันทร์ ก็โคจรอยู่แต่รอบโลกอย่างนี้แหละจร้าหนูยายโรส

เมแนะนำให้ไปเรียน จนป่านนี้ยังไม่รู้หรอคะ ว่าเรียนที่ไหน
ครูยูทูปน่ะคะ ปัญญาไม่มีเท่าพระพุทธเจ้า พระอรหันต์ในพระไตรปิฎกหรอกค่ะ
เชื่อเมเหอะ นะ

สามเณร ก็สอนพระใบลานเปล่าได้นะ
อนุบาลอย่างหนู ก็สอนหนูยายโรส ยูทูป ได้เหมือนกัน นะคะ

คริคริ


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 ต.ค. 2018, 07:49 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


โลกสวย เขียน:
เมขอขัดจังหวะ ขอขั้นโฆษณา แป๊ปปปปป นะคะ

เมไม่ได้มาขอทาน หรือมาขายเอาเงินนะคะ แต่มาแจก มาให้ความรู้ ฟรีๆๆ
ขอขั้นจังหวะ โฆษณา ถึงคุณค่าแท้จริงของพระไตรปิฎกให้ทราบนะคะ


มีสิ่งที่ต้องการแสดงให้หนูๆ ทั้งสองฟัง ตั้งใจฟังนะคะ

คือ สิ่งสำคัญที่สุดๆๆๆ ที่ ทั้งสำนักศาสดายูทูป
และ สำนักศาสดาที่เขียนพุทธธรรม ไม่มี

สิ่งที่ไม่มี คือ ไม่มีปัญญา ที่จะสามารถเท่าเทียมพระพุทธองค์ได้

พระพุทธองค์ ทรงมีปัญญา ที่เห็น ส่วนเล็กๆ ในส่วนใหญ๋
จึงได้แยกออก ระหว่างสมมุติ และปรมัตถ์ ออกจากกันโดยละเอียดให้เล่าเรียนกันได้

สำนักพุทธธรรม เห็นกายในกาย เป็นธาตุ ก็ยังพอสมควรนับได้ว่า มีปัญญาบ้าง
แต่ถ้าเห็น กายในกาย เป็น ลูกในท้อง ละก็พังพินาศ

ส่วนฝ่ายสำนักยูทูป เห็นกายในกาย เป็นรูป รูป 28 รูป ตามปรมัตถ์ ก็นับว่าพอมีปัญญาอยู่บ้าง
แต่ถ้าเห้นกาย และเข้าใจว่าเป็นรูปแบบเซลฟี่ ก็พังพินาศเช่นกันค่ะ

ก็เรยขอแนะนำ หนูๆทั้งสองคน นะคะ ว่า

พระธรรมที่พระพุทธองค์ ทรงแสดงไว้ ในพระไตรปิฎก ครบถ้วน
เหมาะแก่การเจริญเติบโต ของหนุๆ นะคะ

และควรบริโภคให้มากๆนะคะ จะได้โตขึ้นเป็นเด็กดีมีปัญญา นะคะ ๆๆ
หนูๆ ทั้งสองคงพอเข้าใจแล้วน๊าคะ ว่าควรเรียนที่ไหน

ที่ไหนคร้าหนูๆ

สรุป ไปเรียนหนังสือซะน๊า






ขอขำแป๊ปหนุง คิกๆๆ

รูปภาพ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 ต.ค. 2018, 08:04 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
ตัวสภาวะ

พุทธธรรมมองเห็นสิ่งทั้งหลายเป็นธาตุ เป็นธรรม เป็นสภาวะ อันมีอยู่เป็นอยู่ตามภาวะของมัน ที่เป็นของมันอย่างนั้น เช่นนั้น ตามธรรมดาของมัน

มิใช่มีเป็นสัตว์ บุคคล อัตตา ตัวตน เราเขา ที่จะยึดถือเอาเป็นเจ้าของครอบครอง บังคับบัญชาให้เป็นไปตามปรารถนาอย่างไรๆ ได้


รูปภาพ

ขนาดชัดๆเตาปูนอย่างนี้แล้วพี่เมโลกสวยคุณโรสศิษย์บ้านธัมมะยังไม่เข้าใจ คิกๆๆ จะกล่าวไปใยถึงสภาวะรูปนามเกิดดับเล่า :b32:

นั่นแหละขอรับท่าน คือ การยึดถือสภาวะชีวิตร่างกายจิตใจว่าเป็น อัตตา ตัวตน เป็นเราเป็นเขา อันนี้มิใช่ความผิดนะขอรับโผม แต่ก็บอกไปแล้วนับร้อยครั้งว่า ให้ฟอร์แมตความจำเก่าๆเดิมๆออกให้เกลี้ยงแล้วลงโปรแกรมใหม่ เอาแต่เบื้องต้นเบย คือ ตักบาตรพระเณรตอนเช้า ถวายสังฆทาน ทอดกฐิน ผ้าป่า ท่องบทสวดมนต์ อิติปิโส พาหุง มหากา ปล่อยสัตว์น้ำ สัตว์บก คืนสู่ธรรมชาติ เป็นต้นเหล่านี้ ทำไปนะตามนั้น สัก 55 ปี แล้วชีวิตที่เหลือค่อยเริ่มไปภาวนามัย จะใช้พุท-โธเป็นคำบริกรรมก็ได้ จะใช้อาการท้องพอง ท้องยุบ แล้วว่าไป พองหนอ ยุบหนอ ไปก็ได้ แต่ก็มีผู้รู้แนะนำนะ อย่าไปทำเองแบบสะเปะสะปะไป รพ.หลังคาแดงคนไข้ล้นแล้ว :b13:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 ต.ค. 2018, 08:16 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


Rosarin เขียน:
:b32:
ถ้าเรียนหนังสือน่ะเขาเรียนจบมัธยมจะสอบเข้ามหาวิทยาลัยแล้วค่ะ
คุณกรัชกายยังกางตำราชั้นประถมอ่านเพื่อสอบเข้ามัธยม1อยู่เลย


อ่ะนะ คิกๆๆ จิ เจ รุ นิ คือ ปรมัตถธรรม นี่มาจากตำรานะ นี่ตามตำราว่าไว้ชัดตามนั้นจบข่าวของเขา เราก็เรียนศึกษาไปตามนั้น

ทีนี้ปัญหาเกิดตรงที่บ้านธัมมะ นำปรมัตถ์ซึ่งเขาแจกแจงลงตัวแล้วนั้นไปคิดซ้ำอีก (คิดไปว่าไปอะไรนักก็ไม่รู้) ก็จึงเลยกลายเป็น จิ เจ รุ นิปฏิรูป ปรมัตถธรรมปฏิสังขรณ์ กล่าวคือแม่สุจินเอาความคิดความเห็นของตัวยัดใส่เข้าไปในปรมัตถ์ที่เขาว่าลงตัวแล้วนั้น นี่ๆ ปัญหามันอยู่ตรงนี้ขอรับโผม :b13:

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 ต.ค. 2018, 08:34 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ไหนๆก็พูดแล้ว เอาตัวอย่างให้ดูนิดหนุง ซึ่งเคยให้ดูหลายหนแว้ว (แล้ว) :b32: ตัดมา


ตอนแรกดิฉันมีอาการผิดปกติทางกายแล้วไปถามผู้สอน แล้วได้คำตอบที่ไม่สมเหตุผลมากเลย จึงขาดความไว้ใจในตัวผู้สอน

คราวนี้พอเกิดอย่างอื่นตามมาก็ไม่ได้ถามอีก

ต่อมาทั้งตาฝาด หูแว่ว ได้ยินอะไรแบบพิเศษจากปกติ ก็คิดว่าตัวเองวิเศษ ไม่ไปถามผู้ฝึกสอนอีก เพราะขาดความไว้วางใจ แถมหลงในสิ่งลวงนั้นแล้วด้วย เป็นหนักจนต้องไปอยู่โรงพยาบาล และก็รักษาจนรู้ตัวและเข้าใจแล้วว่าเป็นเรื่องไม่จริง


แต่ยังมีอาการอย่างนึงที่ยังไม่หายคือใจแว่ว (ไม่รู้จะเรียกว่าอะไรดีค่ะ เพราะมันคล้ายหูแว่ว แต่เสียงเหมือนมีคนอื่นพูดมาจากใจเรา)

กินยาตามหมอสั่งมาก็หลายเดือน ก็ยังไม่หาย ยังงงอยู่ว่าเป็นไปได้อย่างไร เสียงที่ได้ยินบอกว่า ไม่หายหรอกต้องเป็นคนจิตผิดปกติไปตลอดบ้างละ ต้องไปฝึกสมาธิต่อให้หายบ้างละ

ฟังไปก็งงไปเรื่อยค่ะ เข้าใจว่ามันเป็นอาการจิตเภทแบบที่หมอบอก

แต่ไม่รู้ว่าต้องเดินทางไปสุดวิธีรักษาแบบคนเป็นโรคจิต หรือควรกลับมาทางทำสมาธิแทน

แต่กลัวตอนที่ร่างกายผิดปกติ กลัวเป็นอีกแล้วจะไม่หายคราวนี้

(นี่ได้ผู้สอนไม่รู้เรื่อง ปัจจุบันมีเยอะมากๆ )

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 36 โพสต์ ]  ไปที่หน้า 1, 2, 3  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: Google [Bot] และ บุคคลทั่วไป 46 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร