วันเวลาปัจจุบัน 25 เม.ย. 2024, 08:25  



เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง




กลับไปยังกระทู้  [ 72 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5  ต่อไป  Bookmark and Share
เจ้าของ ข้อความ
โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 ก.พ. 2019, 12:18 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ปัจจัย ๒ นัย

ปัจจัย 1. ของสำหรับอาศัยใช้, เครื่องอาศัยของชีวิต, สิ่งจำเป็นสำหรับชีวิต มี ๔ อย่าง คือ
๑. จีวร (เครื่องนุ่งห่ม)
๒. บิณฑบาต (อาหาร)
๓. เสนาสนะ (ที่อยู่ที่อาศัย)
๔. คิลานเภสัช (ยารักษาโรค) 2. เหตุที่ให้ผลเป็นไป, เหตุ, เครื่องหนุนให้เกิด

ปัจจัยนัยที่ 2 ที่เรามักพูดกันว่า "เหตุปัจจัย" ดูความหมายชัดๆ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 ก.พ. 2019, 13:13 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


หลักพระพุทธศาสนาเป็นมัชฌิมาปฏิปทา- สังเกตดีๆ


ต่อ

ส่วนความตกต่ำแห่งจิตปัญญา ที่เลยขอบเขตที่ยอมรับได้ออกไป ก็คือ ความต้องการที่กลายเป็นความหลงใหลมัวเมา เอาแต่หาสิ่งปรนเปรอตน หมกมุ่นติดกาม จนลืมนึกถึงภาวะที่ความพรั่งพร้อมทางวัตถุเป็นพื้นฐานเพื่อสิ่งดีงามที่สูงขึ้นไป และสามารถทำการบีบคั้นเบียดเบียนผู้อื่นได้ทันที เพื่อเห็นแก่ตน


เลยจากนี้ออกไปอีกทางหนึ่ง ในทิศตรงข้าม ได้แก่ ความยึดติดถือมั่น ตกเป็นทาสของทรัพย์สมบัติเป็นต้น ที่แสวงหามาไว้ เกิดความหวงแหนห่วงกังวลจนไม่ยอมใช้ ไม่จ่ายทำประโยชน์ เป็นการเบียดเบียนทั้งตนเอง และผู้อื่น ซึ่งนับว่าเป็นความชั่วร้ายอีกรูปแบบหนึ่ง


อีกด้านหนึ่ง เลยเถิดออกไปอีกเช่นเดียวกัน ก็คือ ความผิดหวังเบื่อหน่ายกามวัตถุ จนกลายเป็นเกลียดชัง
ตั้งตัวเป็นปฏิปักษ์ กับ โลกามิสทั้งหลาย แล้วหันมาจงใจบีบคั้นชีวิตของตนเอง
เป็นอยู่อย่างบีบรัดเข้มงวด วุ่นวาย หรือหมกมุ่นอยู่ กับ วิธีการต่างๆ ที่จะจำขังพรากตัวบีบคั้นตน ให้พ้นจากอำนาจของวัตถุ

ดูเผินๆ บางทีวิธีการนี้คล้ายกับความเป็นอยู่ง่าย อาศัยวัตถุแต่น้อย แต่ผิดพลาด ที่ถือเอาการปฏิบัติเช่นนี้เป็นตัววิธีที่จะให้หลุดพ้น หรือ มุ่งบีบคั้นทรมานตัว โดยมิใช่ทำด้วยปัญญารู้เท่าทันที่มุ่งความเป็นอิสระ ซึ่งอาศัยวัตถุเพียงเท่าที่จำเป็น เพื่อเปิดโอกาสให้โล่งกว้างสำหรับชีวิตที่เป็นอยู่ด้วยปัญญา และบำเพ็ญกิจด้วยกรุณา

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 ก.พ. 2019, 13:40 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ตัวอย่าง

รูปภาพ


อีกด้านหนึ่ง เลยเถิดออกไปอีกเช่นเดียวกัน ก็คือ ความผิดหวังเบื่อหน่ายกามวัตถุ จนกลายเป็นเกลียดชัง
ตั้งตัวเป็นปฏิปักษ์ กับ โลกามิสทั้งหลาย แล้วหันมาจงใจบีบคั้นชีวิตของตนเอง
เป็นอยู่อย่างบีบรัดเข้มงวด วุ่นวาย หรือหมกมุ่นอยู่ กับ วิธีการต่างๆ ที่จะจำขังพรากตัวบีบคั้นตน ให้พ้นจากอำนาจของวัตถุ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 ก.พ. 2019, 13:46 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


จะนับถือลัทธิใดศาสนาไหนแล้วแต่ นั่นนี่โน่นซึ่งก็เป็นทิฏฐิเป็นความเห็นอย่างหนึ่ง

รูปภาพ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 ก.พ. 2019, 13:51 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ต่อ



การที่จะมีชีวิตเป็นอิสระ ไม่ขึ้นต่อวัตถุเกินจำเป็น ก็คือ การไม่สยบ ไม่หมกมุ่น ไม่หลงใหลมัวเมา ซึ่งอาศัยความรู้เท่าทัน เห็นโทษ หรือ ข้อบกพร่องของวัตถุ ที่เรียกว่า อาทีนวทัสสาวี และ มีปัญญาทำตัวให้เป็นอิสระได้ ที่เรียกว่า นิสสรณปัญญา


ผู้มีปัญญา ย่อมรู้เท่าทัน เห็นโทษ ของวัตถุ เช่น ทรัพย์สินเงินทอง และสิ่งปรนเปรอทั้งหลาย ในลักษณะต่างๆ เช่นว่า มันอาจทำให้เราหลงติดเป็นทาสของมันได้ ทำให้สุขทุกข์ของเราต้องฝากกับมันทั้งหมด มันไม่อาจให้คุณค่าที่สูงขึ้นไปทางจิตปัญญา แม้แต่เพียงความสงบใจ และเมื่อหลงติดแล้ว มันกลับเป็นตัวขัดขวางการประสบคุณค่าเช่นนั้นด้วยซ้ำไป

ที่สำคัญยิ่ง ก็คือ โดยธรรมชาติของมันเอง สิ่งเหล่านี้ ขาดความสมบูรณ์ในตัว ที่จะสนองความต้องการของเราได้อย่างเต็มอิ่ม บริบูรณ์แท้จริง เพราะมันมีสภาวะเป็นของไม่เที่ยง ไม่ยั่งยืน แปรปรวนไปได้ ไม่มีใครสามารถเป็นเจ้าของครอบครองได้จริง ไม่อยู่ในอำนาจบังคับของเราจริง จะต้องสูญสลายพรากกันไปในที่สุด


การครอบครองสิ่งเหล่านี้อย่างโง่เขลา ย่อมเป็นการทำตนเองที่ไม่มีทุกข์ ให้ต้องทุกข์ต้องเศร้า เมื่อเราเกิด มันก็ไม่ได้เกิดมากับเรา เมื่อเราตาย มันก็ไม่ตามเราไป
การที่ได้แสวงหา และมีมันไว้ ก็เพื่อใช้แก้ปัญหาบรรเทาความทุกข์ เป็นฐานให้ปัญญา ใช้พัฒนาความสุข ไม่ใช่เอามาเพิ่มทุกข์แก่ตัว


การมีทรัพย์สั่งสมไว้ ไม่ใช้ประโยชน์ เป็นสิ่งหาสาระอันใดมิได้ ยิ่งยึดติดเป็นทาสของมัน มีทุกข์เพราะมัน ก็ยิ่งเป็นความชั่วร้ายซ้ำหนัก

เมื่อรู้เข้าใจอย่างนี้แล้ว ก็กินใช้ โดยเอาประโยชน์ หรือ คุณค่าที่แท้ของมันต่อชีวิต ใช้จ่ายทรัพย์ให้เป็นประโยชน์แก่ชีวิต และแก่เพื่อนมนุษย์ บำเพ็ญสังคหวัตถุทั้ง ๔ แบ่งปันกันไปบ้าง ช่วยสร้างเสริมสภาพสังคมชนิดที่ปิดกั้นการทำความชั่ว เอื้ออำนวยแก่การทำความดี เกื้อกูลแก่การพัฒนาคุณภาพจิตและปัญญาโดยวิธีต่างๆบ้าง ร่วมกันส่งเสริมกิจกรรมที่ดีงาม และสนับสนุนคนที่ผดุงธรรมจรรโลงคุณภาพของมนุษย์บ้าง เป็นต้น
ไม่ใช่การรวยเพื่อรวยยิ่งๆขึ้น หรือรวยยิ่งขึ้น เพื่อเสพเพื่อปรนเปรอตัวได้มากขึ้น

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 ก.พ. 2019, 19:21 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


คฤหัสถ์ที่ขยันทำการงานหาเลี้ยงชีวิต และ ได้ทรัพย์มาโดยสุจริต กิน ใช้ทรัพย์อย่างเผื่อแผ่ รับผิดชอบต่อชีวิตผู้อื่น และใช้ทรัพย์ทำประโยชน์ เป็นบุคคลที่ได้รับยกย่องอย่างสูงในพุทธศาสนา ถือว่า เป็นผู้มีชัย ทั้งโลกนี้ และโลกหน้า * (เช่น ที.ปา.11/174/195)


ยิ่งมีปัญญา พอที่จะทำตนให้รอดพ้นเป็นอิสระได้ ไม่ตกเป็นทาสของทรัพย์สมบัติ และ โลกามิสอื่นๆ ที่เข้ามาเกี่ยวข้องในชีวิตของตน ไม่ทำให้การได้สิ่งเหล่านั้นมากลายเป็นเพียงการได้ทุกข์มาทับถมตัว
สามารถเป็นอยู่ด้วยจิตใจเบิกบานผ่องใส โลกธรรมฉาบไม่ติด โลกามิสถูกไม่เปื้อน มีทุกข์เบาบาง และ ถอนตัวออกจากทุกข์ที่เกิดขึ้นแต่ละคราวได้ฉับไว ก็ยิ่งนับ ว่า เป็นบุคคลประเสริฐ เป็นอิสระชน เป็นเสรีบุคคลที่แท้จริง


ท่านเหล่านี้ ถึงจะเป็นอริยบุคคล ขั้นโสดาบัน หรือ แม้อนาคามี ก็เป็นผู้ประกอบกิจการงานด้วยความเอาใจใส่รับผิดชอบ ไม่ปรากฏ ว่า ท่านสนับสนุนให้คฤหัสถ์มีชีวิตไปวันๆ ไม่เอาใจใส่ความเป็นอยู่ ทอดทิ้งความรับผิดชอบต่างๆ ซึ่งอาจเรียกได้ว่า เป็นการดำเนินชีวิตด้วยความยึดมั่นในความไม่ยึดมั่น

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 ก.พ. 2019, 19:29 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


รูปภาพ

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 17 ก.พ. 2019, 19:43 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


อ้างคำพูด:
....ไม่ทำให้การได้สิ่งเหล่านั้นมา กลายเป็นเพียงการได้ทุกข์มาทับถมตัว
สามารถเป็นอยู่ด้วยจิตใจเบิกบานผ่องใส โลกธรรมฉาบไม่ติด โลกามิสถูกไม่เปื้อน



โลกามิษ เหยื่อแห่งโลก, เครื่องล่อ ที่ล่อให้ติดอยู่ในโลก, เครื่องล่อใจให้ติดในโลก ได้แก่ ปัญจพิธกามคุณ คือ รูป เสียง กลิ่น รส โผฏฐัพพะ อันน่าปรารถนา น่าใคร่น่าพอใจ
โลกามิส ก็เขียน

โลกธรรม ธรรมที่มีประจำโลก, ธรรมดาของโลก, ธรรมที่ครอบงำสัตวโลกและสัตวโลกก็เป็นไปตามมัน มี ๘ อย่าง คือ มีลาภ ไม่มีลาภ มียศ ไม่มียศ นินทา สรรเสริญ สุข ทุกข์

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 18 ก.พ. 2019, 07:02 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


กรัชกาย เขียน:
คฤหัสถ์ที่ขยันทำการงานหาเลี้ยงชีวิต และ ได้ทรัพย์มาโดยสุจริต กิน ใช้ทรัพย์อย่างเผื่อแผ่ รับผิดชอบต่อชีวิตผู้อื่น และใช้ทรัพย์ทำประโยชน์ เป็นบุคคลที่ได้รับยกย่องอย่างสูงในพุทธศาสนา ถือว่า เป็นผู้มีชัย ทั้งโลกนี้ และโลกหน้า * (เช่น ที.ปา.11/174/195)


ยิ่งมีปัญญา พอที่จะทำตนให้รอดพ้นเป็นอิสระได้ ไม่ตกเป็นทาสของทรัพย์สมบัติ และ โลกามิสอื่นๆ ที่เข้ามาเกี่ยวข้องในชีวิตของตน ไม่ทำให้การได้สิ่งเหล่านั้นมากลายเป็นเพียงการได้ทุกข์มาทับถมตัว
สามารถเป็นอยู่ด้วยจิตใจเบิกบานผ่องใส โลกธรรมฉาบไม่ติด โลกามิสถูกไม่เปื้อน มีทุกข์เบาบาง และ ถอนตัวออกจากทุกข์ที่เกิดขึ้นแต่ละคราวได้ฉับไว ก็ยิ่งนับ ว่า เป็นบุคคลประเสริฐ เป็นอิสระชน เป็นเสรีบุคคลที่แท้จริง


ท่านเหล่านี้ ถึงจะเป็นอริยบุคคล ขั้นโสดาบัน หรือ แม้อนาคามี ก็เป็นผู้ประกอบกิจการงานด้วยความเอาใจใส่รับผิดชอบ ไม่ปรากฏ ว่า ท่านสนับสนุนให้คฤหัสถ์มีชีวิตไปวันๆ ไม่เอาใจใส่ความเป็นอยู่ ทอดทิ้งความรับผิดชอบต่างๆ ซึ่งอาจเรียกได้ว่า เป็นการดำเนินชีวิตด้วยความยึดมั่นในความไม่ยึดมั่น



อย่าคิดชั้นเดียว อ่านแล้วคิดหลายๆชั้น วางภาพดอกบัวเทียบให้คิดด้วย

บัวเกิดในเลนตมอยู่ในน้ำอาศัยน้ำ แต่น้ำฉาบไม่ติด ขาดเลนตมขาดน้ำตาย :b13:

รูปภาพ

ดังนั้น สัญลักษณ์ของพระพุทธศาสนาจึงเกี่ยวกับดอกบัวทั้งนั้น ดูที่ฐานพระประทาน ฯลฯ นั่นแหละปริศนาธรรม

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ก.พ. 2019, 18:54 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


วกเขามาที่ศีลโดยตรง


คุณค่าของเบญจศีล

เบญจศีล เป็นหลักสำหรับควบคุมความประพฤติเบื้องต้นของมนุษย์ เป็นหลักเบื้องต้นสำหรับให้มนุษย์ตั้งอยู่ในคุณธรรมเพื่อให้ประพฤติความดียิ่งๆขึ้น
เหมือนคนเราจะเขียนหนังสือได้ดี และตรงสวยงาม เริ่มแรกจำต้องอาศัยเส้นบรรทัดเป็นหลัก เขียนไปตามเส้นนั้นก่อน ตัวอักษรที่ปรากฏจะตรงดี และเรียบร้อย หาไม่ก็จะคดเคี้ยวขาดความสวยงาม ต่อเมื่อชำนาญดีแล้ว ก็สามารถเขียนให้ตรงโดยไม่อาศัยเส้นบรรทัดได้บ้าง

แม้การประพฤติธรรม ประพฤติความดี ก็ฉันนั้น เริ่มแรกจำต้องอาศัยอะไรสักอย่างเป็นหลักเพื่อให้เกิดความมั่นคงและเป็นพื้นฐาน เบญจศีล สามารถเป็นหลักเช่นนั้นได้ หาไม่แล้วอาจไม่มั่นคง และคอยแต่จะเอนเอียงเข้าหาทุจริตได้
ต่อเมื่อประพฤติเบญจศีลจนเป็นปกติวิสัยแล้ว ก็อาจประพฤติธรรมความดีอื่นๆได้ดี และยั่งยืน ไม่ผันแปร

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ก.พ. 2019, 19:00 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เบญจศีล เป็นข้อกำหนดความประพฤติอย่างต่ำที่สุดในหมู่มนุษย์ เป็นข้อกำหนดเท่าที่จำเป็น พอที่จะให้สังคมมนุษย์อยู่กันได้โดยปกติสุข มีชีวิต และทรัพย์สินปลอดภัยตามสมควร

สังคมที่ปราศจากเบญจศีล จะมากไปด้วยทุกข์และเวรภัย มากไปด้วยการก่อคดีอาญา การสังหารผลาญชีวิต การเอารัดเอาเปรียบกัน การปล้นกัน การแย่งที่กันทำกิน แย่งถิ่นกันอยู่ แย่งคู่กันพิศวาส การประพฤติผิดทางเพศ การข่มขืน การหลอกลวง การเป็นคนหน้าไหว้หลังหลอก การติดสุราสิ่งเสพติดมึนเมา การเป็นทาสของอบายมุขต่างๆ
นอกจากนั้น ยังมีปัญหาสังคมสืบเนื่องตามมาอีก คือ อุบัติเหตุต่างๆ อันเนื่องมาจากของมึนเมา สิ่งเสพติดเหล่านั้น ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินจะหมดไป
จะอยู่ หรือ ไปที่ใด จะเต็มไปด้วยความหวาดระแวง วิตกกังวล เพราะไม่แน่ใจความปลอดภัย มีความหวาดระแวงตลอดเวลา
ท้ายที่สุด ก็จะอยู่กันอย่างไม่อบอุ่น คือ อยู่อย่างมีสุขภาพจิตเสีย

เมื่อเป็นดังนี้ ก็ยากที่จะพัฒนาคุณภาพจิต และสมรรถนะของจิตใจให้ดีขึ้นได้ และสังคมนั้นๆ ก็จะกลายเป็นสังคมที่มีสิ่งแวดล้อมไม่เกื้อกูลสำหรับการสร้างสรรค์ความดีงามให้สูงขึ้นไป
สติ ก็ดี ปัญญา ก็ดี วัตถุปัจจัยต่างๆที่พอจะหาได้ในสังคม ก็ดี กำลังผู้คนที่ปรารถนาดีต่อสังคมก็ดี จะถูกใช้จ่ายให้หมดไป เพื่อแก้ปัญหาเหล่านี้เป็นส่วนมาก
โอกาสที่จะช่วยสร้างสังคมให้ก้าวหน้าน้อยลง สังคมก็มีแต่ทรงกับทรุดเท่านั้น

ปัญหาดังกล่าวมานี้ เราสามารถแก้ได้ด้วยการพัฒนาบุคคลให้ประพฤติอยู่ในหลักเบญจศีล โดยทั่วกันเท่านั้น มิใช่ทางอื่นเลย

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ก.พ. 2019, 19:07 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เบญจศีล เป็นบทบัญญัติทางสังคมที่มนุษย์ในยุคก่อน ๆ ได้วางไว้เป็นหลักปฏิบัติสำหรับปกครองหมู่คณะ เพื่อให้หมู่คณะดำรงชีวิต และเป็นการอยู่ร่วมกันด้วยสันติสุข ไม่เบียดเบียนกันและกัน ไม่เอารัดเอาเปรียบกันและกัน

ต่อมา ได้กำหนดกันว่า เบญจศีลนี้ เป็นเครื่องมือสำหรับวัดความเป็นมนุษย์ เป็นเครื่องบ่งชี้ว่าผู้นั้นมีความเป็นมนุษย์สมบูรณ์หรือไม่ โดยเรียกว่าเป็น มนุษยธรรม หมายถึง ธรรมที่เป็นเครื่องกำหนดความประพฤติของมนุษย์ หรือธรรมสำหรับวัดความเป็นมนุษย์ของคนเรา

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ก.พ. 2019, 19:10 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


ทั้งนี้ เพราะศีลแต่ละข้อนั้น ท่านวางจุดประสงค์ หรือ ความมุ่งหมายไว้ก็เพื่อประโยชน์แก่มนุษย์ในแต่ละทาง กล่าวคือ
เบญจศีลข้อที่ ๑ ท่านวางจุดประสงค์ไว้ เพื่อให้มนุษย์มีเมตตาธรรมต่อกัน ไม่เบียดเบียนกัน สามารถมีชีวิตอยู่ด้วยความปลอดภัย ไม่ต้องหวาดระแวงกันและกัน สามารถประพฤติธรรม ประกอบกิจการงาน และช่วยเหลือเกื้อกูลกันได้ตลอดไป โดยอยู่ร่วมกันได้อย่างสงบสุข และกำจัดเวรภัยทั้งปัจจุบันและอนาคตต่อกันลงได้

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ก.พ. 2019, 19:12 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เบญจศีลข้อที่ ๒ ท่านวางจุดประสงค์ไว้ เพื่อให้มนุษย์ประกอบอาชีพโดยซื่อสัตย์สุจริต รักและเคารพเกียรติของตนเอง มีความเคารพกรรมสิทธิ์ในทรัพย์สินของผู้อื่น มีความมั่นใจในทรัพย์สินอันเป็นสมบัติของตนเอง ไม่ต้องวิตกกังวล โดยอยู่ร่วมกันได้อย่างสงบสุข และกำจัดเวรภัยทั้งปัจจุบันและอนาคตต่อกันลงได้

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


โพสที่ยังไม่ได้อ่าน เมื่อ: 24 ก.พ. 2019, 19:13 
 
ภาพประจำตัวสมาชิก
ออฟไลน์
สมาชิกระดับสูงสุด
สมาชิกระดับสูงสุด
ลงทะเบียนเมื่อ: 24 ต.ค. 2006, 12:36
โพสต์: 33766

อายุ: 0

 ข้อมูลส่วนตัว


เบญจศีลข้อที่ ๓ ท่านวางจุดประสงค์ไว้ เพื่อให้มนุษย์มีความซื่อสัตย์ จริงใจต่อกัน ไว้วางใจกันได้ตลอดที่ตลอดเวลา ให้มีความเคารพในสิทธิความเป็นสามีเป็นภรรยาของกันและกัน สามารถประพฤติธรรม ประกอบกิจการงาน และช่วยเหลือเกื้อกูลกันได้ตลอดไป โดยอยู่ร่วมกันได้อย่างสงบสุข และกำจัดเวรภัยทั้งปัจจุบันและอนาคตต่อกันลงได้

.....................................................
https://dhammachati.blogspot.com/


แสดงโพสต์จาก:  เรียงตาม  
กลับไปยังกระทู้  [ 72 โพสต์ ]  ไปที่หน้า ย้อนกลับ  1, 2, 3, 4, 5  ต่อไป

เขตเวลา GMT + 7 ชั่วโมง


 ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 151 ท่าน


ท่าน ไม่สามารถ โพสต์กระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ตอบกระทู้ในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แก้ไขโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ ลบโพสต์ของท่านในบอร์ดนี้ได้
ท่าน ไม่สามารถ แนบไฟล์ในบอร์ดนี้ได้

ค้นหาสำหรับ:
ไปที่:  
Google
ทั่วไป เว็บธรรมจักร